ในฐานะทันตแพทย์ เราเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ สำหรับการจัดการโรคในช่องปากและขากรรไกร ทั้งการรักษาโรค, ป้องกันโรค และฟื้นฟูสภาพในช่องปาก
แต่เรายังมีศักดิ์ฐานะอีกประการ คือ การเป็นบัณฑิต
ในฐานะบัณฑิต เราต้องเป็น “ที่พึ่งทางปัญญา” ให้กับชุมชน และสังคมที่เรารับผิดชอบอยู่
เป็นหนึ่งใน “สมอง” ของชุมชน
ในสังคมชนบทโบราณ “พระ, ครู และหมอ” เป็น “สมอง” หลัก ของชุมชน สังคมปัจจุบัน “ปราชญ์ชาวบ้าน” และ ”ผู้นำตามธรรมชาติ”เป็นสมอง ของชุมชน และยังมีที่ว่างอีกมากมายสำหรับสมองของ “บัณฑิต”
ผมมีโอกาสได้สัมภาษณ์รุ่นพี่ รุ่นพ่อ ทันตแพทย์หลายท่านซึ่งเป็น “ที่พึ่งทางปัญญา” ของชุมชน และสังคม ที่ท่านเหล่านั้นสังกัดอยู่
ทุกท่านเห็นตรงกันว่า ความสามารถที่จะจัดการปัญหาในคลินิกทันตกรรมได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัย เป็นรากฐานอันแข็งแกร่งในการก้าวไปสู่ขั้นถัดไป คือ การพัฒนาตัวเองด้านปัญญาและการเปิดตัวเองออกสู่โลกกว้าง
ทันตแพทย์หลายท่านทำหน้าที่เป็น “กระบวนกร” ผู้ขับเคลื่อนกลุ่มทำงานเชิงประเด็นสุขภาพต่างๆ เช่นเรื่องการออกกำลังกาย การอดบุหรี่ หลายท่านช่วยสังคมด้วยการเป็นผู้ประสานงานเครือข่าย และผู้ชี้นำด้านสุขภาพ หรือแม้แต่การเป็นผู้ที่เห็นและเข้าใจโลกอย่างรู้เท่าทัน สามารถเป็นที่พึ่งพา เป็นคนที่ช่วยคิด ให้กับองค์กร หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งชาวบ้าน
การเป็น “ที่พึ่งทางปัญญา” น่าจะเป็นคำตอบของคำถามว่า ทันตแพทย์ทำอะไรได้อีก นอกจากทำฟันครับ
ตอนที่สามจะลองเสนอว่า ขั้นตอนการพัฒนาทันตแพทยศาสตร์บัณฑิตไปสู่การเป็น “ที่พึ่งทางปัญญา” ของชุมชนและสังคม มีอะไรบ้างนะครับ
ไม่มีความเห็น