ดิฉันอ่านหนังสือพิมพ์ ในหัวข้อข่าวน่าสลดใจเกี่ยวกับการสังเวยชีวิต...ของนักเรียนที่พลาดหวังจากการเอนทรานซ์.....เพียงเพราะรับไม่ได้กับความผิดหวังที่ไม่ได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่ตนเองอยากเรียน และสกู๊ปเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ดูจะเป็นแง่คิดให้ได้ตระหนักกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับการปลูกฝังระบบการคิดของเยาวชนของเรา.... ปัจจัยอะไรที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวอย่างของเหตุการณ์ดังกล่าวบ้าง
การอบรม เลี้ยงดู การปลูกฝังทัศนคติของพ่อแม่ผู้ปกครองที่ใส่ลงไปในความคิดของเด็ก หรืออาจเรียกว่าความคาดหวังจากผู้ปกครอง.....น่าจะมีส่วนมากกว่าปัจจัยอื่นๆ หรือไม่......หากเด็กเป็นคนที่เรียนดีด้วยแล้ว ความคาดหวังจากผู้ปกครองย่อมอยู่ในระดับสูง และอาจส่งผลให้เด็กเกิดความคาดหวังของตัวเด็กเองตามมามากขึ้นจนไม่สามารถยอมรับความผิดหวังได้ เมื่อต้องพลาดจากสิ่งที่หวังหรือตั้งใจไว้
พ่อ-แม่เองก็อาจจะต้องมองด้วยว่าลูกเรามีศักยภาพแค่ไหน ไม่ใช่ใส่ความคิดเห็นของตนเองเข้าไปปลูกฝังให้กับเด็ก ซึ่งอาจจะเป็นมาตั้งแต่เด็กยังตัวเล็กๆ อยู่เลย เรื่องนี้เกิดขึ้นกับเด็กมัธยมด้วยค่ะ ผู้เขียนเองเคยเจอกับเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวมาเมื่อไม่นานมานี้เอง มีเด็กมัธยมต้นคนหนึ่งเข้ามาขอสอบแก้ตัวในรายวิชาที่สอน ซึ่งตัวเด็กค่อนข้างไม่ค่อยจะเก่งในรายวิชาหลักๆ เลย ด้วยความบังเอิญได้รับรู้เพิ่มขึ้นอีกเรื่องหนึ่งว่า เด็กถูกพ่อแม่ส่งไปเรียนพิเศษเพื่อติวเตรียมเข้าสอบเป็นนักเรียนนายร้อย ก็เลยถามเด็กว่า แล้วผมชอบหรือปล่าวที่จะเป็นนักเรียนนายร้อย คำตอบที่ได้คือ ....ไม่.... เลยถามต่ออีกว่าแล้วทำไมถึงไปเรียนพิเศษ เค้าก็บอกว่า.....พ่อแม่สั่ง.....ถามต่อว่าแล้วที่ไปเรียนมาได้ความรู้กี่เปอร์เซ็นต์.....ประมาณ 20 % ก็ไม่รู้จะถึงมั๊ย......
อีกรายจบมัธยมต้นจากที่โรงเรียน ซึ่งเด็กก็ไม่ค่อยจะเก่งในรายวิชาหลักๆ เท่าที่ควรเหมือนกัน แต่พ่อแม่ต้องการให้ไปสอบเข้าเรียนในโรงเรียนที่เป็นอันดับหนึ่งของจังหวัด ในสาย วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ เด็กก็ไปสมัครและก็สอบ ( ซึ่งจริงๆ แล้ว ครูค่อนข้างจะมองออกว่าเค้าคงไม่เหมาะสำหรับสายการเรียนนั้น แต่ก็คงทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ ด้วยพ่อแม่เค้าย่อมจัดการทุกอย่าง ) ผลสุดท้ายก็ผิดหวังกลับมา ซึ่งแน่นอนว่าผู้ปกครองก็อาจจะเจ็บปวดกับความผิดหวังที่คาดหวังไว้สูง ที่สำคัญที่สุดคงจะเป็นความเจ็บปวดที่ตัวเด็กเองได้รับมากกว่าใคร นี่อาจเป็นตัวอย่างที่พอจะเห็นอยู่จริงในเกือบทุกๆ โรงเรียน
ซึ่งแน่นอนว่าพ่อแม่ต้องไม่คาดหวังมากเกินไป ควรจะปลูกฝังให้เด็กเรียนรู้ชีวิตจริงๆ อยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมได้ดี รู้จักปรับตัวกับสถานการณ์ต่างๆ รู้จักชนะบ้างในบางครา รู้จักแพ้เพื่อให้เรียนรู้กับการผิดหวัง ให้เค้าแข็งแกร่งพอที่จะเผชิญกับทุกๆ ปัญหาที่เค้าประสบพบเจอ แล้วฝึกให้เค้าสามารถคิดหาทางแก้ปัญหาให้ได้ดี,เหมาะสมที่สุดไม่ใช่อยู่แต่กับตำรา
เคยมีผู้กล่าวไว้ว่าการพัฒนาเด็กไม่ใช่จะปล่อยให้เป็นเรื่องของครูเพียงฝ่ายเดียว ( เพราะพ่อแม่หลายท่านมักจะคิดว่าเอาเด็กมาไว้ที่โรงเรียนแล้วก็ต้องเป็นภาระของครู ) จริงๆ แล้ว ครอบครัว พ่อ-แม่ เป็นสิ่งสำคัญในการปลูกฝังเด็ก
การที่พ่อแม่ไม่ได้มองศักยภาพของลูก มุ่งแต่จะให้ลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเพื่อหน้าตาตนเองตามกระแสสังคม ดูจะเป็นการทำร้ายเด็กซึ่งเป็นลูกตนเอง ควรยอมรับศักยภาพของเค้า
และก็พบข้อความนี้ที่น่าจดจำยิ่ง " การให้กำลังใจเป็นสิ่งที่ควรกระทำ แต่ก็ต้องพอดี เช่น การพูดว่า ล้มแล้วลุก บอกเขาว่าในคติชีวิตคนทั่วไปซึ่งถือเป็น กฎทองของโลก คือ ไม่เคยมีใครประสบผลสำเร็จในชีวิตได้ ถ้าไม่ผ่านความล้มเหลวหรือข้อผิดพลาดมาก่อน เพียงแต่เมื่อผิดพลาดก็รู้จักแก้ไข ไม่ใช่แก้ตัว "
กฎทองของโลกคงบอกใครๆ ได้อีกหลายๆ คน ไม่ใช่หรือคะ
สวัสดีค่ะ คุณครู
ก็เป็นที่น่าตกใจกับเหตุการณ์นี้ เพราะสังคมเราอ่อนแอ คุณธรรมจริยธรรมของสังคมลดน้อยลง ครอบครัวสร้างเด็กมาได้แต่ไม่ได้สร้างความคิดที่ดีให้กับเด็กเพราะนั่นมาจากหลายปัจจัย กับการที่ครอบครัวเกิดขึ้นจากความไม่พร้อมอะไรหลายๆอย่าง ทำให้ปัญหาหลายๆเกิดขึ้น ในสังคมในครอบครัวปัจจุบัน