แค่สอบไม่ติด...ก็แค่นั้น


กฎทองของโลก.....คือ.....ไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ถ้าไม่ผ่านความล้มเหลวหรือข้อผิดพลาดมาก่อน เพียงแต่เมื่อผิดพลาดก็รู้จักแก้ไข ไม่ใช่แก้ตัว

         ดิฉันอ่านหนังสือพิมพ์ ในหัวข้อข่าวน่าสลดใจเกี่ยวกับการสังเวยชีวิต...ของนักเรียนที่พลาดหวังจากการเอนทรานซ์.....เพียงเพราะรับไม่ได้กับความผิดหวังที่ไม่ได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่ตนเองอยากเรียน  และสกู๊ปเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว  ดูจะเป็นแง่คิดให้ได้ตระหนักกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับการปลูกฝังระบบการคิดของเยาวชนของเรา.... ปัจจัยอะไรที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวอย่างของเหตุการณ์ดังกล่าวบ้าง

         การอบรม เลี้ยงดู  การปลูกฝังทัศนคติของพ่อแม่ผู้ปกครองที่ใส่ลงไปในความคิดของเด็ก  หรืออาจเรียกว่าความคาดหวังจากผู้ปกครอง.....น่าจะมีส่วนมากกว่าปัจจัยอื่นๆ หรือไม่......หากเด็กเป็นคนที่เรียนดีด้วยแล้ว  ความคาดหวังจากผู้ปกครองย่อมอยู่ในระดับสูง  และอาจส่งผลให้เด็กเกิดความคาดหวังของตัวเด็กเองตามมามากขึ้นจนไม่สามารถยอมรับความผิดหวังได้  เมื่อต้องพลาดจากสิ่งที่หวังหรือตั้งใจไว้ 

        พ่อ-แม่เองก็อาจจะต้องมองด้วยว่าลูกเรามีศักยภาพแค่ไหน  ไม่ใช่ใส่ความคิดเห็นของตนเองเข้าไปปลูกฝังให้กับเด็ก  ซึ่งอาจจะเป็นมาตั้งแต่เด็กยังตัวเล็กๆ อยู่เลย  เรื่องนี้เกิดขึ้นกับเด็กมัธยมด้วยค่ะ  ผู้เขียนเองเคยเจอกับเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวมาเมื่อไม่นานมานี้เอง  มีเด็กมัธยมต้นคนหนึ่งเข้ามาขอสอบแก้ตัวในรายวิชาที่สอน  ซึ่งตัวเด็กค่อนข้างไม่ค่อยจะเก่งในรายวิชาหลักๆ เลย   ด้วยความบังเอิญได้รับรู้เพิ่มขึ้นอีกเรื่องหนึ่งว่า  เด็กถูกพ่อแม่ส่งไปเรียนพิเศษเพื่อติวเตรียมเข้าสอบเป็นนักเรียนนายร้อย  ก็เลยถามเด็กว่า  แล้วผมชอบหรือปล่าวที่จะเป็นนักเรียนนายร้อย  คำตอบที่ได้คือ ....ไม่.... เลยถามต่ออีกว่าแล้วทำไมถึงไปเรียนพิเศษ  เค้าก็บอกว่า.....พ่อแม่สั่ง.....ถามต่อว่าแล้วที่ไปเรียนมาได้ความรู้กี่เปอร์เซ็นต์.....ประมาณ  20 % ก็ไม่รู้จะถึงมั๊ย...... 

 อีกรายจบมัธยมต้นจากที่โรงเรียน  ซึ่งเด็กก็ไม่ค่อยจะเก่งในรายวิชาหลักๆ เท่าที่ควรเหมือนกัน  แต่พ่อแม่ต้องการให้ไปสอบเข้าเรียนในโรงเรียนที่เป็นอันดับหนึ่งของจังหวัด  ในสาย วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์  เด็กก็ไปสมัครและก็สอบ ( ซึ่งจริงๆ แล้ว ครูค่อนข้างจะมองออกว่าเค้าคงไม่เหมาะสำหรับสายการเรียนนั้น  แต่ก็คงทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้  ด้วยพ่อแม่เค้าย่อมจัดการทุกอย่าง )  ผลสุดท้ายก็ผิดหวังกลับมา  ซึ่งแน่นอนว่าผู้ปกครองก็อาจจะเจ็บปวดกับความผิดหวังที่คาดหวังไว้สูง  ที่สำคัญที่สุดคงจะเป็นความเจ็บปวดที่ตัวเด็กเองได้รับมากกว่าใคร  นี่อาจเป็นตัวอย่างที่พอจะเห็นอยู่จริงในเกือบทุกๆ โรงเรียน

          ซึ่งแน่นอนว่าพ่อแม่ต้องไม่คาดหวังมากเกินไป  ควรจะปลูกฝังให้เด็กเรียนรู้ชีวิตจริงๆ อยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมได้ดี  รู้จักปรับตัวกับสถานการณ์ต่างๆ  รู้จักชนะบ้างในบางครา  รู้จักแพ้เพื่อให้เรียนรู้กับการผิดหวัง   ให้เค้าแข็งแกร่งพอที่จะเผชิญกับทุกๆ ปัญหาที่เค้าประสบพบเจอ  แล้วฝึกให้เค้าสามารถคิดหาทางแก้ปัญหาให้ได้ดี,เหมาะสมที่สุดไม่ใช่อยู่แต่กับตำรา 

          เคยมีผู้กล่าวไว้ว่าการพัฒนาเด็กไม่ใช่จะปล่อยให้เป็นเรื่องของครูเพียงฝ่ายเดียว ( เพราะพ่อแม่หลายท่านมักจะคิดว่าเอาเด็กมาไว้ที่โรงเรียนแล้วก็ต้องเป็นภาระของครู )  จริงๆ แล้ว ครอบครัว  พ่อ-แม่  เป็นสิ่งสำคัญในการปลูกฝังเด็ก

          การที่พ่อแม่ไม่ได้มองศักยภาพของลูก  มุ่งแต่จะให้ลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเพื่อหน้าตาตนเองตามกระแสสังคม  ดูจะเป็นการทำร้ายเด็กซึ่งเป็นลูกตนเอง  ควรยอมรับศักยภาพของเค้า 

        และก็พบข้อความนี้ที่น่าจดจำยิ่ง    " การให้กำลังใจเป็นสิ่งที่ควรกระทำ   แต่ก็ต้องพอดี    เช่น    การพูดว่า  ล้มแล้วลุก  บอกเขาว่าในคติชีวิตคนทั่วไปซึ่งถือเป็น  กฎทองของโลก  คือ ไม่เคยมีใครประสบผลสำเร็จในชีวิตได้  ถ้าไม่ผ่านความล้มเหลวหรือข้อผิดพลาดมาก่อน  เพียงแต่เมื่อผิดพลาดก็รู้จักแก้ไข  ไม่ใช่แก้ตัว "

          กฎทองของโลกคงบอกใครๆ ได้อีกหลายๆ คน  ไม่ใช่หรือคะ 

      

        

คำสำคัญ (Tags): #รักลูก
หมายเลขบันทึก: 96933เขียนเมื่อ 18 พฤษภาคม 2007 00:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม 2012 19:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดีค่ะ คุณครู

ก็เป็นที่น่าตกใจกับเหตุการณ์นี้ เพราะสังคมเราอ่อนแอ คุณธรรมจริยธรรมของสังคมลดน้อยลง ครอบครัวสร้างเด็กมาได้แต่ไม่ได้สร้างความคิดที่ดีให้กับเด็กเพราะนั่นมาจากหลายปัจจัย กับการที่ครอบครัวเกิดขึ้นจากความไม่พร้อมอะไรหลายๆอย่าง ทำให้ปัญหาหลายๆเกิดขึ้น ในสังคมในครอบครัวปัจจุบัน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท