High tea แปลว่า ชาสูง จะสูงยังไง ก็ต้องติดตามดู...
ขอท้าวความตามเรื่องแบบเจาะลึกถึงต้นสาย ก่อนจะไปถึงปลายทาง จะได้กินชาสูงกันได้รสชาติเพิ่มขึ้น
อ้อ! คำว่า “กินชา” ไม่ใช่ “ดื่มชา” ที่ใช้ตรงนี้ ตั้งใจเลยแหละ อ่านจบเมื่อไหร่ก็จะรู้เองว่าทำไม?
เรื่องก็มีอยู่ว่า...
สมัยก่อนโน้น ไม่ต้อง'ประมาณ'เลย เพราะรู้วันแน่นอน วันนั้นคือ 16 ธันวาคม ค.ศ.1773 ชาวอาณานิคมอเมริกันกลุ่มหนึ่งพากันปลอมตัวเป็นอินเดียนแดง ลอบขึ้นไปบนเรือสินค้าที่ทอดสมออยู่บริเวณท่าเรือเมืองบอสตัน สมัครสมานสามัคคีช่วยกันยกลังบรรจุสินค้าโยนลงทะเลจนหมดเกลี้ยง!!
สินค้าในลังคือใบชาล้วนๆ ถ้าอยู่ด้วยวันนั้น คงจะได้เห็นน้ำทะเลเปลี่ยนสีเพราะชาจำนวนมหาศาล
เหตุการณ์นี้ ได้รับการบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์ของอเมริกา โดยขนานนามว่า “Boston Tea Party” นับเป็นงานปาร์ตี้น้ำชาที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดชนิดข้ามยุคเลยทีเดียว
สาเหตุของเรื่องเป็นการต่อต้านมาตรการเกี่ยวกับภาษีเครื่องดื่ม ไม่ใช่ต่อต้านชา และเหตุการณ์ครั้งนี้นำไปสู่การแยกทางกันเดินอย่างถาวรระหว่างอเมริกากับอังกฤษ
ครั้งนี้ ถือได้ว่า ชาเป็นผู้รับเคราะห์ เพราะดันไปอยู่ตรงนั้นพอดี ชาวอาณานิคมมิได้มีจิตคิดประทุษร้ายชาแต่อย่างใด หากตอนนั้นเป็นเรือบรรทุกกาแฟ งานนี้ก็จะต้องกลายเป็นปาร์ตี้กาแฟไป
มองโลกในแง่ดี ก็อาจพูดได้ว่า ชาจะดังซะอย่าง กาละเทศะจึงอำนวย ยังไงๆ ก็หยุดไม่ได้
หลังจากวันนั้น ชาวอาณานิคมก็ไม่ได้ยุติการดื่มชาแต่อย่างใด แค่ยุติการดื่มชากับพวกอังกฤษเท่านั้น
ตอนนี้บาดแผลเก่าจางหายไปแล้ว สองประเทศหันหน้าเข้าหากัน พูดถึงกันและกันในฐานะบ้านพี่เมืองน้อง ความสัมพันธ์ของสองประเทศเหนียวแน่นมั่นคง พัลวันพัลเกซะจนแทบจะแยกไม่ออกว่า วัฒนธรรมอันไหนเป็นของใคร
ในบรรดามรดกตกทอดที่ชาวอังกฤษมอบให้ชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นที่นิยมชมชอบกันมากคือ Afternoon Tea การดื่มน้ำชาตอนบ่าย
และก็เป็นธรรมเนียมของคนอเมริกันที่ไม่อยากเป็นเงาของอังกฤษ พยายามจะสร้างอะไรๆ ที่เป็นของตัว เลยสร้างวัฒนธรรมใหม่ขึ้นมา เรียกว่า High Tea
คำ ๆ นี้แฝงทัศนะของชาวอเมริกันที่มีต่อชาว่า เป็นของสูงศักดิ์ และคงความลี้ลับซ่อนไว้ในตัว
การใช้คำว่า High Tea นั้น ความจริงมีมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยคนอังกฤษใช้เรียกเวลาน้ำชาที่เกิดขึ้นระหว่างเวลา 5 –6 โมงเย็นในสมัยวิคตอเรีย ซึ่งเป็นช่วงเวลาการดื่มชาของชนชั้นกรรมาชีพ
คนอังกฤษชั้นสูงโดยทั่วไปจะดื่มชากันตอนบ่าย 4 โมง และเรียกมื้อนั้นว่า Afternoon Tea ไม่ปะปนกัน
เรียกว่าแบ่งชนชั้นวรรณะกระทั่งเวลาของการดื่มชา และการเรียกชื่อชาเลยแหละ
สำหรับคนอเมริกัน High Tea เป็นการกินอาหารมื้อหลักมื้อหนึ่ง จะกินกันในช่วงเวลาหลังเลิกงานกลับมาบ้าน ก็ตกราวๆ 5-6 โมงเย็นเหมือนกัน
ความแตกต่างระหว่าง High tea กับ Afternoon tea คือลักษณะของอาหารที่เสริฟ สำหรับ High tea นั้น จะเสริฟอาหารหนัก เทียบกันได้กับอาหารมื้อเย็น
ธรรมเนียมการกินชาแบบนี้ ไม่มีกฏระเบียบอะไรเกี่ยวกับรายการอาหารที่จะเสริฟกับชา มักจะเป็นของกินง่ายๆ ประเภทของทอด พาย เนื้อย่าง แคสเซอโรล ขนมปัง เนยแข็ง ขนมเค้ก
โดยทั่วไป จะเป็นบรรดาของเหลือในตู้กับข้าวที่พยายามกำจัดให้หมดไป จนทำให้หน้าตาของอาหารมื้อนี้เป็นแบบนานาสารพัดร้อยแปดพันเก้า อะไรทำนองนั้น
คนอเมริกันเปรียบภาพลักษณ์ของอาหารแบบนี้ไว้ซะเพราะพริ้งว่า “a patchwork quilt of food” นึกเห็นภาพอาหารหลากหลาย อย่างละนิดละหน่อย มาอยู่รวมกันบนโต๊ะ
High tea เหมาะที่สุดสำหรับเป็นอาหารมื้อเย็นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูหนาว เพราะเป็นมื้อที่อบอุ่นสบาย เพิ่มพลังสำหรับต่อสู้กับความหนาวเย็นของอากาศ
การกินชาแบบ High tea นั้น ชาจะถูกเสริฟพร้อมกับการกินอาหาร และเสริฟกันอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาที่กิน ฉะนั้นต้องแน่ใจว่าตั้งกาน้ำร้อนไว้อย่างเพียงพอสำหรับชงชาให้ทุกคน
สำหรับเมืองไทย วันไหนอากาศเย็นหน่อย คิดอยากจะจัด High tea เลี้ยงมิตรสหาย แล้วเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า จะเสริฟชาชนิดไหนดี? ขอแนะนำ English Breakfast
เห็นชื่ออย่างนี้ อย่าแปลว่าอาหารเช้าแบบอังกฤษเชียวนะ เพราะในบรรดา 3 ตระกูลหลักของชา อันได้แก่ Black, Oolong และ Green นั้น English Breakfast เป็นชื่อทางการของชาชนิดหนึ่งในตระกูลชาดำ (Black Teas)
เรียกกันอย่างนี้เพราะเป็นชาแบบ “ดั้งเดิม” ของชาวอังกฤษ และมักจะนิยมดื่มในตอนเช้า
ชานี้เป็นลูกผสมระหว่างชาลังกาหรือชาซีลอนกับชาอินเดีย ถ้าไม่ชอบชนิดที่แนะนำมานี้ ก็หาชนิดที่ตัวเองชอบก็แล้วกัน
ชนิดไหนก็เป็นชาสูงได้ทั้งนั้น!
สวัสดีค่ะ ป้าเจี๊ยบ
ตามอ่านเรื่องชามาตลอด..ขอบคุณนะคะ ได้ความรู้เรื่องชามากทีเดียว
เรื่อง High Tea กับ Afternoon Tea เป็นความรู้ใหม่จริงๆ เขากินกันเป็นวัฒนธรรมเลยนะคะ แต่ตอนอยู่อเมริกาไม่เคยสัมผัสหรือมีประสบการณ์กับเรื่อง high tea เลยค่ะ สังสัยอยู่กันคนละสังคม อิอิ สังคมนศ.ป.เอก ตอนเรียนอยู่ ส่วนใหญ่เป็นกาแฟดำแบบ filter หม้อโตๆ อย่างเดียวเลยค่ะ ...
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับความรู้ใหม่ค่ะ..
มีประโยชน์ ได้ความรู้ดีมากเลยค่ะป้าเจี๋ยบ วันไหนไปทาน (มีร้านใกล้บ้าน) แล้วจะเอารูปมาฝากแปะไว้บันทึกนี้นะคะ
จะรอรูปจาก คุณมัทนา ค่ะ
ขอบคุณค่ะ แวะไปดูและทักทายที่บันทึกของคุณมัทนาแล้วค่ะ : )