วันนี้เป็นวันที่ยุ่งวุ่นวายที่สุดแห่งชีวิตการเป็นครูเลยก็ว่าได้ รู้สึกเหนื่อยเหลือเกินค่ะ บางท่านคิดค่อนขอดมะขามอ่อนว่าอะไรกันมาระบายอะไรอีก แต่อยากให้ฟังเรื่องของมะขามอ่อนก่อนเถอะค่ะแล้วค่อยตัดสินหรือวิพากษ์วิจารณ์
วันนี้ตอนเช้าคาบที่สอง มะขามอ่อนสอนห้อง ป.5/1 มันเป็น 2คาบติดมะขามอ่อนก็สอนและให้ทำงานเหตุการณ์ก็ไม่มีอะไรเป็นปกติดี แต่พอหมดชั่วโมงก็เกิดเรื่องเนื่องจากมีเด็กวิ่งมาบอกว่ามีเด็กร้องไห้อยู่ในห้องน้ำเรียกก็ไม่ยอมเปิด มะขามอ่อนกำลังจะไปดูแต่พอดีมีครูอีกคนไปแล้วก็เลยไม่ไปเพราะติดสอน ทราบรายละเอียดว่าเด็กคนนั้นอุจจาระราดเปื้อนกางเกงพละเต็มไปหมดเพราะเรียนชั่วโมงของครูมิม (มะขามอ่อนเอง) ไม่กล้าขออนุญาตไปห้องน้ำเพราะกลัวครูมิมดุและเด็กก็ร้องไห้ไม่หยุด โถ..หนูจ๋าครูไม่ได้ดุ ขนาดนั้นเสียหน่อย ที่สำคัญเด็กโดนเพื่อนล้อก็ร้องไม่หยุดครูฝ่ายวิชาการก็เรียกมะขามอ่อนไปสอบถามบรรยากาศในห้องเรียนตอนนั้นว่าเป็นอย่างไร มะขามอ่อนก็บอกไปตามตรงว่าไม่มีอะไรผิดปกติและครูฝ่ายวิชาการก็ได้ตำหนิที่เราไม่รู้จักเอาใจใส่เด็กให้มากกว่านี้ นั้นไงโทษครูอีกตามเคย ใครจะไปรู้ก็เด็กไม่บอกนี่นา สงสารน้องปุกกี้มากๆ ครูขอโทษนะคะ...
เรื่องแรกผ่านไปยังไม่ทันได้หายเครียดก็มีเหตุการณ์ระทึกใจอีก เมื่อมะขามอ่อนผ่านไปเห็นเหตุการณ์ยังสดๆร้อนๆคือมีเลือดซิบๆๆที่มุมปากเด็ก น้อง ป.2 สอบถามได้ความว่าพี่ ป.5ต่อย โอย นี่มันอะไรกันนี่ ??? เพื่อนเล่าแทนเพราะเจ้าตัวเอาแต่ร้องไห้ ว่าน้องวิ่งไปชนพี่ อมยิ้มก็เลยหล่นจากมือ ด้วยความโมโหปนเสียดายเลยตีพี่อย่างแรงหนึ่งที พี่เลยสวนด้วยกำปั้นที่หน้าเต็มแรงผลปรากฏว่าฟันโยกเลือดไหล ก็เลยเรียกทั้งคู่มาสอบสวน ปวดหัวมากๆ เด็กสมัยนี่อะไรก็หนักหนากับเรื่องเลือดร้อน นี่ขนาดประถมนะ โตขึ้นจะขนาดไหนก็ได้ว่ากล่าวตักเตือนพี่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรทำกับน้องรุนแรงขนาดนี้เพราะน้องตัวนิดเดียวยังไงก็สู้เราไม่ไหวอยู่แล้ว และส่งให้ฝ่ายปกครองไป
และเรื่องสุดท้าย เมื่อเด็กนักเรียนหญิงห้อง ป.6/1 ยกขบวนกันมาหา และต่างก็ร้องไห้ทั้งห้อง และบอกว่า ..ครูมิมค่ะหนูมีเรื่องจะปรึกษาค่ะ ... พูดไปก็สะอึกไป รู้ไหมค่ะว่ามะขามอ่อนตกใจมากที่เห็นเด็กร้องไห้กันขนาดนั้น เรื่องมีอยู่ว่า ถุงกระดาษที่ใส่ขนมโตเกียวมีข้อความจากไหนไม่รู้ ประมาณว่าถ้าคุณได้อ่านบันทึกนี้แล้วไม่ทำการพิมพ์ส่งต่อคุณจะต้องเกิดการสูญเสียและก็ยกตัวอย่าง บางเหตุการณ์พ่อตาย แม่ตาย รถชนบ้าง ทำให้เด็กรู้สึกกล้วอย่างมาก ถึงขนาดเกิดอุปาทานหมู่ร้องไห้ หวาดผวากันทั้งห้องปลอบเท่าไหร่ก็ไม่หยุด ถึงขนาดเพ้อเลยก็มี ...
ครูมิมขา พ่อแม่หนูจะตายไหม...ครูมิมขามันจะเป็นจริงไหมค่ะ...รู้สึกสงสารเด็ก มาก ได้แต่ปลอบและบอกว่าถ้าเราไม่ได้เป็นคนเลวไม่มีใครมา ทำอะไรหนูได้ คิดว่าเด็กคงเข้าใจในสิ่งที่เราบอก ได้แต่ภาวนาว่าเด็กพวกนี้จะไม่เก็บไปคิดมากอีก สงสารเด็กผู้บริสุทธิ์ ข้อร้องไอ้ข้อความบ้าๆ พวกนี้เถอะอย่าได้นำมาในโรงเรียนเลยรู้ไหมคุณกำลังทำให้เด็กตัวเล็กมองโลกในแง่ร้าย หวาดระแวง ถ้ายังมีจิตสำนึกก็ควรจะหยุดเถอะค่ะ นึกว่าเห็นแก่อนาคตของชาติ....
ชวนเพื่อนชาวบล็อกร่วมแสดงความคิดเห็นค่ะ
ชอบวิธีการนำเรื่องในชีวิตการสอนนักเรียนมาเล่าแบบนี้นะคะ น้องมิม เห็นใจกับชีวิตประจำวันของคุณครูเสมอค่ะ นับถือจริงๆว่าเป็นอาชีพที่ต้องทำงานหนักมากๆ งานก็แสนจะเป็นภาระอันยิ่งใหญ่ สร้างคนนี่สำคัญที่สุดเลยนะคะ โดยเฉพาะคนตัวเล็กๆทั้งหลายเนี่ย เค้าจะดีจะร้ายในเบื้องลึกนั้น ส่วนหนึ่งที่สำคัญก็คือ "ครู" ในระดับตั้งแต่ประถมนี่แหละค่ะ
ขอแนะนำให้น้องมิม เข้าไปแก้ไขบันทึกนี้ โดยการเคาะแป้น enter หลังแต่ละสีอีกครั้งน่ะค่ะ เวลาเราพิมพ์ใน Word แล้ว copy มาใส่ในบันทึก ตัวหนังสือที่เราจัดแบ่งได้เป็นท่อนๆจะมาติดกันหมด เลยเป็นแบบที่เห็นน่ะค่ะ เราต้องมาจัดการปรับแต่งอีกรอบด้วย
ทุกเรื่องที่เล่ามานี่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากเลยนะคะ คงต้องทำความเข้าใจกับแต่ละกรณีให้ตรงตัว หากไม่ลำบากในการจัดเวลาจนเกินไป การที่คุณครูไปคุยกับเด็กตัวต่อตัวให้เขาเข้าใจว่าครูเข้าใจ เห็นใจ ก็จะเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดี เผลอๆครูมิมจะได้เครือข่ายจาก"กรณีปัญหาพิเศษ" แบบนี้ก็ได้นะคะ
สวัสดีค่ะ พี่โอ๋
ขอบคุณค่ะที่ยังติดตามอ่านบันทึกของมิมเสมอและให้คำแนะนำดีๆ อีกหลายอย่าง เดี๋ยวมิมไปแก้ไขบันทึกนะคะ เดี๋ยวรับรองดูดีแน่นอนค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ขออภัยอย่างสูงค่ะเดี๋ยวมิมจะรีบแก้ไขด่วน
ขอบคุณพี่โอ๋ค่ะ
พี่โอ๋ค่ะ
มิมคงต้องอาศัยประสบการณ์อีกมากในการที่จะเรียนรู้พฤติกรรมของเด็ก ตอนนี้ยอมรับค่ะว่าตัวเองยังทำหน้าที่ได้ไม่ดีเลย เป็นกำลังใจด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
พี่โอ๋ค่ะ
มิมว่าแก้ไขแล้วอ่านง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ ค่ะ
ให้ใจครูเด็กเล็กจริงๆเลยครับ
ปัญหามันเยอะ ละเอียดอ่อน
.
เป็นกำลังใจให้แล้วกันครับ
ขอบคุณมากครับที่ได้นำเรื่องที่เกิดขึ้นจริงมาเป็นกรณีศึกษา อยากให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายช่วยกันรวบรวมข้อมูล เพื่อนำมาใช้เป็นกรณีศึกษาที่จะนำไปสู่แนวทางการป้องกันหรือการแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต เราต้องเตรียมป้องกันโดยเร็วด้วยความเข้าใจ เนื่องจากเด็กในวันนี้ก็คือผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า ผ้าขาวในปัจจุบันอาจถูกแต่งแต้มด้วยสีธรรมชาติหรือสีสังเคราะห์ที่มีมากมายอย่างน่าเป็นห่วง ดังนั้นเราต้องมาช่วยกันเลือกสีที่ไม่ทำลายผ้า และแต่งเติมให้เหมาะสมเพื่อให้ได้ลวดลายที่สวยงามตามวัย ขอเป็นกำลังใจให้ผู้สร้างสรรผ้าขาวผืนน้อยๆ ให้เป็นผ้าสวยที่มีคุณค่า
ครูวันจันทร์ผมไปโรงเรียนแล้ว เมื่อวันพฤหัสกับวันศุกร์ ผมไปรับน้ามาคร๊าบ