ผ่านไปแล้วกับการได้รับการตรวจวินิจฉัยแผนงานโดย Big Boss (Presidential Diagnosis เป็นศัพท์ที่ใช้ในวงการบริหารคุณภาพ) ของเครือฯ หลังจากเราต้องเป็นน้ำประสานทองมาประมาณสองเดือน เป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับตัวเอง และเป็นครั้งแรกของ CEO คนใหม่ที่ลงมาตรวจวินิจฉัยแผนงานในกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์
ตั้งแต่จำความได้เมื่อวานเป็นครั้งแรกของการทำงานแล้วต้องอดข้าวกลางวัน เล่นเอาหน้ามืดตาลายหลังงานเสร็จ และปวดศีรษะค้างไปอีกหนึ่งคืนค่อนวัน อย่างกับเมาเหล้าค้าง ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการเตรียมรวบรวมข้อมูลเพื่อนำเสนอให้กับผู้บริหารระดับสูงของเครือฯ แต่ตัวเองไม่ใช่คนนำเสนอยังเครียดเลย แล้วคนที่ต้องเตรียมข้อมูล เตรียมตัวนำเสนอจะเครียดสักเพียงไหน งานนี้หลายคนได้ฝึกสติที่จะต้องควบคุมจิตมิให้แกว่งมากเกินไป ไม่งั้นงานที่ออกมาอาจผิดพลาดได้ กว่าจะมาถึงวันที่ต้องนำเสนอ CEO ของเครือฯ งานนี้ต้องผ่านการแก้ไขข้อมูล และวิธีการนำเสนอโดยความเห็นของกรรมการผู้จัดการใหญ่ของกลุ่มมาอย่างน้อยสามรอบ
การทำ Presidential Diagnosis ครั้งนี้ถือว่าเป็นการทำแบบมิตรภาพ เพราะผู้บริหารระดับสูงสุดมาช่วยให้คำแนะนำ และต้องการทราบความคืบหน้าของการทำแผนระยะกลางและแผนกลยุทธ์ของธุรกิจว่าสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ (vision) ของเครือฯ และ ภารกิจหลัก (mission) ของกลุ่มธุรกิจหรือไม่ แผนกลยุทธ์ที่ดีต้องมีความเชื่อมโยงกับวิสัยทัศน์ของเครือฯ จึงจะทำให้เป้าหมายทางธุรกิจบรรลุผลตามที่ตั้งไว้นี่คือความเห็นหนึ่งที่ได้รับ
รูปแบบในครั้งนี้ มีการนำเสนอกลยุทธ์ของกลุ่ม 2 เรื่องและแถมด้วยแผนงานวิจัยและพัฒนา ในขณะนำเสนอก็มีการซักถามและให้คำแนะนำเป็นระยะโดย CEO และปิดท้ายด้วยการให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการทำแผนงาน และการตรวจวินิจฉัยในไตรมาสถัดไป บรรยากาศในเหตุการณ์นี้ดีมากไม่ได้เคร่งเครียดอย่างที่คิด แต่คนที่นำเสนอคงเครียดนะ
นับแต่เริ่มเข้ามาจับงานนี้ เหมือนจับปูใส่กระด้ง ตัวเองก็ขาดประสบการณ์และไม่คุ้นเคยกับศัพท์แสงทางเทคนิคทั้งด้านเคมี และธุรกิจมากนักทำให้ยากในการประสานงาน งานนี้ทำให้เป็นแรงบันดาลใจอยากไปหาความรู้เพิ่มเติม เคยคิดไว้อยู่แล้วว่าอยากเรียน MBA แต่เจ้าความขี้เกียจก็ยังฉุดรั้งไว้ให้รอก่อน ขอพักสักปี ลองศึกษาด้วยตัวเองและเรียนรู้จากการทำงานไปก่อน
หลังเสร็จงานนี้ทำให้ได้เรียนรู้หลายอย่าง และรู้ว่ายังมีเรื่องที่ต้องรู้อีกหลายเรื่องจึงจะทำงานนี้ในครั้งต่อไปได้ดีขึ้น สิ่งที่ชื่นชมและเป็นตัวอย่างที่ดีก็คือผู้บังคับบัญชาที่ช่วยกันทำงาน และสอนเราทางอ้อมหลายอย่างในเรื่องการประสานงานกับฝ่ายต่างๆ ทั่วทั้งกลุ่มที่มีอยู่ 13 บริษัท และวิธีปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานทีมอื่นๆ ทุกระดับ เพื่อให้เขาช่วยเหลือร่วมมือในครั้งนี้อีกด้วย สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผ่านพ้นสถานการณ์นี้ ซึ่งอดที่จะพูดถึงไม่ได้ก็คือคำสอนของ อ.ดร.วรภัทร์ เรื่องของการนำสติมาควบคุมตัวเอง ให้ใจเย็นและอดทนกับทุกๆ เรื่องที่ต้องเผชิญในครั้งนี้ และหวังว่าคงนำมาใช้ได้ดีอีกในครั้งต่อๆ ไป
พอดีเลยครับกำลังถูก Diagnosis อยู่เลยครับ ซึ่งคนที่มาเป็นนายเก่าของบริษัท ตอนนี้กำลังให้แนวทางในการทำแผนงานอยู่อย่างเข้มข้นเลยครับ งั้นขอตัวรวบรวมข้อมูลต่างๆ จากนายก่อนนะครับ :)
เรื่องของการนำสติมาควบคุมตัวเอง ให้ใจเย็นและอดทนกับทุกๆ เรื่องที่ต้องเผชิญในครั้งนี้ และหวังว่าคงนำมาใช้ได้ดีอีกในครั้งต่อๆ ไป
เรื่อง สติ นี่ สำคัญจริงๆค่ะ
สวสดีค่ะ พี่
เรื่องนี้จริงค่ะ เพราะตอนช่วงที่เครียดที่สุด คือ ตอนแก้เอกสาร รวบรวมเอกสารเพื่อนำไปแจกในที่ประชุมเวลา 13.30 น.
เราต้องรอการนำเสนอในกลุ่มธุรกิจรอบสุดท้ายซึ่งเริ่มตอนเก้าโมงเช้า ประมาณ 11 โมงยังได้ข้อมูลที่เป็นไฟล์นำเสนอไม่ครบ ยังไม่ได้เข้าเล่มเอกสารประชุมทั้งหมด ฉุกละหุก และโดนเรื่องเวลาเป็นตัวบีบรัดให้ต้องเร่ง ซึ่งยิ่งรีบบางทียิ่งผิด ดีว่าลูกพี่เราเขาก็ได้รับการเตือนสติจากเรา เขาก็เลยเริ่มมีสติ และนำมาใช้เตือนเวลาที่เราเผลอหลุดออกไปบ้าง เรียกว่าผลัดกันเตือนน่ะค่ะ ก็เลยผ่านไปได้ด้วยดี
พี่ส้ม AP เข้าด้วยหรือเปล่า เมื่อวันที่ 16 ที่ผ่านมาเป็ยวันเกิด AP ผม Mail ไปอวยพร ท่านตอบกลับมาด้วย ท่านยังรักลูกน้องเหมือนเดิม
เสมา |