ภาพที่ 1:
ภาพด้านหน้าถ้ำที่ภูเขาดงคสิริ... โปรดสังเกตท่านพระอาจารย์มหาประสงค์นั่งยองแบบพม่าทางซ้าย คุณปูนั่งคุกเข่าไหว้แบบไทยทางขวามือ
ภาพที่ 2:
ภาพพระสัมมาสัมโพธิสัตว์เมื่อครั้งบำเพ็ญทุกรกิริยา ณ ภูเขาดงคสิริถึง 6 ปี...
ข้อความในพระสูตรกล่าวว่า พระโพธิสัตว์ของเราในสมัยพระพุทธเจ้ากัสสปะเกิดในตระกูลสูง ท่านมีเพื่อนสนิทเกิดในวรรณะต่ำกว่า เป็นช่างหม้อชื่อ "ฆฏิการะ"
เพื่อนของท่านเป็นพุทธบริษัทที่มีศรัทธา และเป็นพระอนาคามี ท่านฆฏิการะชวนพระโพธิสัตว์ไปเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้งนั้นพระสัมมาสัมโพธิสัตว์ไม่ยินดีที่จะไป
ท่านฆฏิการะจึงชวนไปอาบน้ำ และชวนไปเข้าเฝ้าอีก พระโพธิสัตว์ได้กล่าวเป็นทำนองดูหมิ่นพระพุทธเจ้ากัสสปะ
การกล่าวดูหมิ่นครั้งนั้นเป็นอุปนิสัยทำให้พระองค์ต้องบำเพ็ญทุกรกิริยาด้วยความลำบากนานถึง 6 ปี
การคบเพื่อนดีนั้นนับเป็นมงคลธรรม หรือเหตุให้ถึงความเจริญข้อ 1 ตามมงคลสูตร...
แม้พระสัมมาสัมโพธิสัตว์จะไม่อยากไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้ากัสสปะในเวลานั้น ทว่า... ท่านฆฏิการะได้จับศีรษะของท่านพาไปเข้าเฝ้า
ถึงตรงนี้... พระโพธิสัตว์พิจารณาว่า การที่ท่านฆฏิการะซึ่งอยู่ในวรรณะต่ำกว่า จับศีรษะของท่าน ดันไปให้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้ากัสสปะย่อมเป็นการดี
เพราะท่านฆฏิการะมีปกติเป็นคนหนักแน่น ทำอะไรด้วยการพิจาณา ไตร่ตรอง และมากไปด้วยความปรารถนาดี
พระโพธิสัตว์ของเราฟังธรรมจากพระโอษฐ์พระพุทธเจ้ากัสสปะแล้ว ขอบรรพชาอุปสมบทในพระธรรมวินัยนั้น...
กาลเวลาล่วงไป... ท่านฆฏิการะซึ่งบรรลุเป็นพระอนาคามีไปบังเกิดในพรหมโลก บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์
พระโพธิสัตว์ของเราประสูติที่ลุมพินี (เนปาล) ต่อมาเสด็จออกบวช ท่านฆฏิการะยังตามมาถวายบาตร
นับเป็นมิตรภาพข้ามพุทธันดรคือ เป็นมิตรภาพที่ยาวนาน สืบเนื่องจากสม้ยแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง(พระกัสสปะ)ไปยังสมัยแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่ง(พระโคตมะ หรือพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบัน)...
การไม่คบคนพาล การคบบัณฑิตนี้ดีแท้ เป็นมงคลธรรม คือเหตุให้ถึงความเจริญในพระธรรมวินัยนี้แท้
การกล่าววาจาดูหมิ่นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์... ท่านสงเคราะห์เข้าเป็นกรรมสาย "อริยุปวาทะ" หรือการว่าร้ายพระอริยะ
กรรมสายนี้ถ้าไม่ขอขมาก่อนตายย่อมกั้นมรรค ผล นิพพาน และนำไปนรก...
พวกเราจึงควรถือโอกาส "ขอขมา" พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นประจำ อย่างน้อยทุกเช้า-เย็น
การขอขมามีส่วนทำให้โทษล่วงเกินที่อาจจะมี... ไม่ว่าจะตั้งใจ หรือเผลอเรอบรรเทาลงไป เนื่องจากการขอขมาที่ถูกต้องทำให้กรรมนี้ไม่เป็นเครื่องกั้นมรรค ผล นิพพาน และพ้นจากนรกได้...
โบราณท่านแต่งบทสวดมนต์ "ทำวัตรค่ำ" ไว้ดีเยี่ยมครับ ท่านเริ่มด้วยการกล่าวคำสรรเสริญพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และต่อด้วยการขอขมาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
การสวดทำวัตรค่ำมีความสำคัญมาก เพราะคนเรามีแนวโน้มจะเสียชีวิตตอนใกล้รุ่ง หรือตอนเช้ามากกว่าเวลาอื่น การได้ทำบุญและขอขมาก่อนนอนเข้ากับหลัก "ปลอดภัยไว้ก่อน (safety first)"
การกราบไหว้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์สงเคราะห์เป็นบุญขั้นศีล (อปจายนะ = อ่อนน้อม) เป็นเครื่องป้องกันการเกิดในตระกูลต่ำ เช่น เป็นทาส ฯลฯ ในอนาคต...
การระลึกถึงพระคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นบุญขั้นสูงคือ ภาวนา สงเคราะห์เข้าในหมวด "อนุสสติ" มีผลมาก มีอานิสงส์มาก และเป็นอุปนิสัยสำคัญที่จะได้บรรลุมรรค ผล นิพพานเบื้องสูงในอนาคต
เรียนเสนอให้พวกเราสวดมนต์เป็นประจำทุกวัน และกราบขอขมาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ทุกวันครับ...
อรรถกถาจารย์แนะนำว่า เวลาไปกราบพระเจดีย์ หรือพระธาตุให้ขอขมาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ 4 ทิศ (4 ด้าน) หรือ 8 ทิศ (4 ด้าน + 4 มุม) เพื่อชำระล้างโทษล่วงเกินที่อาจมี ไม่ว่าจะเจตนา หรือเผลอเรอไป
ขอเรียนเสนอให้พวกเรากราบขอขมาพระเจดีย์ หรือพระธาตุให้ครบ 4 ทิศ หรือ 8 ทิศทุกครั้งที่มีโอกาส... ขอขมายิ่งบ่อย ยิ่งได้บุญมาก และปลอดภัยมากขึ้นครับ
เรียนเชิญดาวน์โหลด:
แหล่งที่มา:
เรียน อ. หมอวัลลภ
อ.จ.คะ
ต่อไปนี้ จะขอขมาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ทุกเช้า ค่ำ ตามแนะนำค่ะ
ขอขอบคุณอาจารย์ wanpen...
ชีวิต...
คิด 2 ทางเสมอ...
ขออนุโมทนา...
ขอขอบพระคุณอาจารย์ sasinanda...