โกยเถอะ “เกย์”: ความชอกช้ำของ “คนชายขอบ”


กะเทยบางคนนำผ้าสีม่วงคาดหน้าผาก พร้อมสกรีนข้อความบนผ้าว่า “กู้ส้วม” ในฐานะที่ผมเคยร่วมขบวนการ “กู้ชาติ” เพื่อขับไล่คนหน้าเหลี่ยมและบริวารมาก่อน ก็ชวนให้นึกฉงนถึงคำว่า “กู้ส้วม-กู้ชาติ” ว่ามันเกี่ยวกันอย่างไร ขบวนการกู้ชาติมีเพลง “คนหน้าเหลี่ยม” ไว้ร้องขับไล่คนขายสมบัติของชาติ แต่ขบวนการกะเทยมีเพลงกู้ส้วมเป็นเพลงประจำขบวนการ
วันก่อนผมได้มีโอกาสเอาเวลาว่างๆ ช่วงกรานต์แวะเข้าโรงภาพยนตร์ ดูโปรแกรมหนังหลายเรื่องก็ดูไปหมดแล้ว เหลือเพียง “โกยเถอะเกย์” หรือ Ghost Station ผลงานล่าสุดของผู้กำกับภาพยนตร์ “ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค” เลยตรงไปซื้อตั๋วหนังราคา 90 บาท ที่ห้างชื่อดังแห่งหนึ่งของหาดใหญ่

โกยเถอะเกย์ เป็นภาพยนตร์ที่รวมเรื่องราวของ “ผี ตุ๊ด เกย์ ตลก” สูตรการสร้างภาพยนตร์ทำรายได้ของบ้านเรา เป็นเรื่องราวความรักระหว่างเกย์คาวบอยหนุ่ม 2 คน คือ อู๊ด เกย์ขับรถแท็กซี่ในกรุงเทพฯ ที่แสดงโดยเสนาหอย เกียรติศักดิ์ อุดมนาค กับใหญ่ เด็กสับเยี่ยวในสถานบันเทิง แสดงโดยเสนาเปิ้ล นาคร ศิลาชัย ทั้งสองคนตัดสินใจหันหลังให้กับชีวิตอันวุ่นวายของเมือง เพื่อหาสถานที่สงบอยู่ร่วมกัน เช่นเดียวกับบรรยากาศในภาพยนตร์ Brokeback Mountain
 คู่รักเกย์ทั้งสองคนจึงตัดสินใจนำเงินกฐินของพระ ที่ทำหล่นไว้ในรถแท็กซี่มาซื้อปั๊มน้ำมันโทรมๆ แห่งหนึ่งที่ล้อมรอบด้วยภูเขาที่เงียบสงบ ซึ่งก่อนที่ทั้งคู่จะย้ายมาอาศัยที่ปั๊มน้ำมันแห่งนี้ อู๊ดจับได้ว่าใหญ่มีชู้กับทอม ซึ่งเป็นลูกสาวเจ้าของค่ายมวย จึงทำให้อู๊ดหึงหวง จนนำมาสู่เรื่องของการวางแผนแก้แค้นคู่รักของอู๊ด ที่บังอาจไป “ได้หน้าแล้วลืมหลัง”
 แม้บรรยากาศจะเป็นใจให้เกิดการลงมือกระทำความผิด แต่เรื่องกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะปั๊มโทรมๆ ที่อู๊ดซื้อไว้นั้นกลับมา “ผีพม่า” สาวใช้ที่ถูกนายจ้างฆ่าตาย และฝังศพไว้ที่สุขาภายในปั๊มน้ำมันแห่งนี้ ผีพม่าได้ออกมาหลอกหลอนผู้คนตั้งแต่พระ อู๊ด ใหญ่ และเพื่อนๆ ตำรวจ แม้กระทั่งเหล่ากะเทยที่แวะทำธุระส่วนตัวที่ปั๊มร้างแห่งนี้ ก่อนจะเดินทางไป “กู้ส้วม” ที่ท้องสนามหลวง ก็โดนผีพม่าหลอกหลอนจนไม่ได้ขี้ไม่ได้เยี่ยวไปตามๆ กัน
 ส่วนความตลกขบขันจะเป็นอย่างไรนั้น คงต้องเชิญชวนให้ไปดูกันดีกว่าครับ จะให้ผมเล่าก็คงไม่ได้อรรถรสเท่ากับการเล่าเรื่องของคุณต้อม ยุทธเลิศ อย่างแน่นอน แต่ผมมีข้อสังเกตหลายประการที่น่าสนใจของโกยเถอะเกย์ แม้ผมจะไม่ทราบว่ามันเป็นความจงใจหรือบังเอิญสร้างของทีมผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ตาม (แหม...แต่ระดับนี้แล้ว ความบังเอิญคงไม่มีแน่นอน) โดยเฉพาะการเสียดสี และประชดประชันสังคม ที่ทำได้แบบเจ็บๆ คันๆ และขำขัน ระคนกันไป
 ภาพยนตร์เปิดเรื่องด้วยการเดินทางของกลุ่มกะเทย นำแสดงโดยเหล่าตลกหลายคน ที่กำลังจะไปกู้ส้วมที่สนามหลวง มีการร้องรำทำเพลงกันสนุกสนานบนรถบัสสีแดงเก่าๆ กะเทยบางคนนำผ้าสีม่วงคาดหน้าผาก พร้อมสกรีนข้อความบนผ้าว่า “กู้ส้วม” ในฐานะที่ผมเคยร่วมขบวนการ “กู้ชาติ” เพื่อขับไล่คนหน้าเหลี่ยมและบริวารมาก่อน ก็ชวนให้นึกฉงนถึงคำว่า “กู้ส้วม-กู้ชาติ” ว่ามันเกี่ยวกันอย่างไร ขบวนการกู้ชาติมีเพลง “คนหน้าเหลี่ยม” ไว้ร้องขับไล่คนขายสมบัติของชาติ แต่ขบวนการกะเทยมีเพลงกู้ส้วมเป็นเพลงประจำขบวนการ
“……………..
เพศชายก็มีห้องน้ำ อีชะนีก็มีห้องน้ำ
คนพิการก็มีห้องน้ำ แล้วเพศที่ 3 ห้องน้ำอยู่ไหน
(ถ้าไม่มีแล้วจะขี้ยังไง)
เอาห้องน้ำของหนูคืนมา เอาห้องน้ำของหนูคืนมา เอาห้องน้ำของหนูคืนมา
..................”
 หากเนื้อเพลงกลับไม่ได้ขับไล่นักการเมืองผู้ใด แต่พยายามเรียกร้องสิทธิบางประการของกะเทย ทั้งที่ยังไม่เฉือนและหั่นทิ้งแล้ว เพราะมันลำบากใจที่จะเข้าห้องน้ำหญิง ที่แม้จิตใจจะเป็นหญิง และร่างกายพยามจะเป็นหญิงแล้ว ก็ยังถูกมองด้วยสายตาดูแคลน แต่หากจะเข้าห้องน้ำชายก็กระอักกระอ่วนใจที่จะใช้บริการ จึงต้องการให้มีห้องน้ำสำหรับเพศที่ 3 ไว้เฉพาะ ซึ่งในความเป็นจริงก็คงไม่มีนักการเมืองคนใดในประเทศนี้ที่จะเห็นความสำคัญของสิทธิ “ชนกลุ่มน้อย” ที่จะนำไปสู่การสร้างส้วมกะเทยไว้ตามสถานที่สาธารณะต่างๆ (เพราะแม้เรื่องสำคัญกว่าก็ยังคิดไม่ออก)
 ผีพม่าเป็นตัวเดินเรื่องที่ทำให้ผู้ชมเกิดความหวาดกลัว ตกใจ และหัวเราะ เรียกว่าเป็นตัวเอกของภาพยนตร์อีกบทหนึ่ง ผีพม่าพูดไทยไม่ชัดพยายามออกมาปรากฎตัวให้ผู้คนเห็น เพื่อบอกให้ช่วยนำศพออกมาจากสุขา แต่ก็ไม่มีใครรับฟัง แม้กระทั่งตำรวจ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงก็ยังไม่ฟังผีพม่าบอกว่าศพของตนเองอยู่ไหน (เพราะมัวแต่กลัว)
 หลายคนที่ได้ฟังผีสาวแรงงานต่างด้าวชาวพม่าพูดภาษาไทยไม่ชัด ก็พากันล้อเลียน แสดงอาการตลกขบขันจากปมด้อยของคนที่ “แตกต่าง” จากตนเอง ความแตกต่างนี้ได้นำไปสู่การฆ่าสาวใช้ชาวพม่าของนายจ้างคนไทย เพราะความแตกต่างที่ว่านี้ นำมาซึ่งอำนาจที่แตกต่างกัน อำนาจที่เหนือกว่าจึงกดทับอำนาจที่ด้อยกว่า กลายเป็นแรงผลักให้เกิดการฆ่าที่อำมหิต เหมือนกับสาวใช้ต่างด้าวคนดังกล่าวไม่ใช่คน เราสามารถอธิบายโดยใช้แนวคิดทฤษฎีการรับรู้ (Theory of Perception) ที่ระบุว่า การรับรู้นั้นเป็นส่วนที่กำหนดกรอบแนวคิดของมนุษย์ในการประเมินบุคคลและสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัว การประเมินบุคคลและสิ่งต่างๆ ของมนุษย์นำมาซึ่งการกำหนดท่าทีและพฤติกรรมการแสดงออกต่อสิ่งต่างๆ ของเราด้วย ซึ่งรูปแบบหนึ่งที่เราให้ความหมายกับสิ่งที่เรารับรู้ คือ การมีทัศนคติแบบเหมารวม (Stereotyping) นั่นคือ การมีความคิดฝั่งแน่นเกี่ยวกับคุณลักษณะของกลุ่มคนต่างๆ แบบเหมารวม โดยเฉพาะเกี่ยวกับเชื้อชาติ ศาสนา หรือกลุ่มอาชีพ 
 ดังนั้นเราจะสังเกตเห็นว่า บางครั้งเราก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่า ทำไมเรานึกถึงชาวพม่าแล้ว รู้สึกเหมือนเขาเป็นศัตรูผู้รุกรานแผ่นดินไทย นั่นอาจเพราะเรารับรู้มาว่าคู่แค้นของเรา คือ พม่า ที่ทำสงครามสู้รบกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ความคิดเช่นนี้ปลูกฝังเรามาเรื่อยตั้งแต่เราเริ่มเรียนหนังสือ ยิ่งปัจจุบันกระแสการก่อการร้ายเกิดขึ้นทั่วโลก ความคิดหนึ่งที่แว๊บเข้ามาในหัวเราคือ “อิสลามกับความรุนแรง” เมื่อเรานึกถึงอิสลามหรือมุสลิม คำว่าก่อการร้ายก็จะผุดขึ้นในหัว เราไม่รู้ว่าเรานำคำสองคำนี้มาเชื่อมโยงกันได้อย่างไร และมันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆ สื่อมวลชนก็มักนำมากล่าวอ้างเสมอ แม้จะไม่ได้กล่าวถึงโดยตรง แต่สมองเรากลับต่อจิ๊กซอว์ให้มันเกี่ยวข้องกัน
 ในสมัยสงครามโลก สหรัฐอเมริกา ได้นำความแตกต่างนี้ มาเป็นเครื่องมือในการฝึกนักรบ ซึ่งในสงครามเวียดนาม นักมานุษยวิทยา ได้นำภาพของการกินสุนัขของชาวเวียดนาม ไปให้ทหารสหรัฐอเมริกาชม หลังจากได้ชมวีดีโอดังกล่าวแล้ว ทหารก็เกิดความรู้สึก “เป็นอื่น” ขึ้นมาทันที ความรู้สึกนี้นำมาซึ่งการมองคนเวียดนามว่าไม่ใช่มนุษย์ที่มีอารยธรรม ทำให้การฆ่านั้นง่ายขึ้นที่จะเหนี่ยวไกสังหารชาวเวียดนามสักคนหนึ่ง เช่นเดียวกับการสังหารสาวใช้ชาวพม่าของนายจ้างคนไทยในภาพยนตร์เรื่อง โกยเถอะเกย์ ซึ่งแม้ตายไปแล้ว ศพของแรงงานต่างด้าวดังกล่าวก็ยังไม่มีใครอยากจะสนใจ
 อีกฉากหนึ่งที่ตลกเศร้าของภาพยนตร์เรื่องโกยเถอะเกย์ คือ ฉากที่อู๊ดพยายามจะฆ่าเพื่อนสาวคนใหม่ของใหญ่ แต่ระหว่างที่จะลงมือกระทำนั้น ตำรวจผ่านมาพอดี ทำให้อู๊ดต้องหลบเข้าไปอยู่ในหนองน้ำเล็กๆ ข้างทาง ปรากฏว่าระหว่างที่ดำน้ำหลบตำรวจอยู่นั้น กบตัวอ้วนพีกลับกระโดดมาอยู่บนหัวอู๊ด จังหวะเดียวกันงูเขื่องก็กำลังจะงับกบตัวนั้นกินเป็นอาหารพอดี ตอนที่งูอ้าปากเผยให้เห็นคมเขี้ยวอันน่ากลัว ทันใดนั้นงูสีเหลืองก็พุ่งไปงับที่กบอย่างรวดเร็ว เจ้ากบบ้ากลับกระโดดหนีได้ทัน ทำให้งูฝังงมเขี้ยวของมันเข้าไปที่หัวของอู๊ดแทน วิธีเดียวที่จะทำให้อู๊ดรอดตายคือ การห้ามพิษไหลเข้ากระแสเลือด แน่นอนว่า ความรู้จากการท่องจำมาตั้งแต่เด็กๆ คือ การนำเชือกมารัดเหนือและใต้บาดแผลให้แน่น ท่านผู้อ่านคงจะเดาออกนะครับว่า การที่งูกัดเข้าที่หัว อู๊ดจะนำเชือกมารัดห้ามพิษไหลเข้ากระแสเลือดตรงจุดไหน ใช่แล้วครับ อู๊ดเลือกใช้วิธีรัดที่คอให้แน่น ห้ามพิษงูเข้าสู่หัวใจ ทั้งที่งูตัวนั้นไม่มีพิษ
ผมว่าหากชีวิตจริง ใครเกิดทำแบบนี้จริงๆ ก็คงจะรอดยากนะครับ แต่โชคดีที่ฉากนี้เป็นเหตุการณ์ในภาพยนตร์ที่ผู้ปกครองต้องแนะนำเป็นพิเศษ แต่อย่างน้อยมันก็สะท้อนการศึกษาแบบไทยๆ ได้อย่างแสบสันทีเดียวครับ
ผมมองอย่างนี้นะครับว่า ภาพยนตร์เรื่องโกยเถอะเกย์เป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนถึงเรื่องราวของคนชายขอบทั้งตุ๊ด กะเทย เกย์ ทอม ดี้ แรงงานต่างด้าว ซึ่งต่างก็ถูกผลักออกจากสังคมส่วนใหญ่ ไม่ว่าการผลักนั้นจะเกิดจากกฎหมาย หรือวัฒนธรรมที่ปลูกฝังกันมานานแล้วก็ตาม แน่นอนว่ามันส่งผลให้เกิด “พื้นที่” เฉพาะของคนชายขอบ เพื่อแสดงตัวตนของตนเอง  เช่น เธคผับเหล่าชาวสีม่วง ร้านคาราโอเกะ แหล่งงานหรือชุมชนคนต่างด้าว  เช่นเดียวกับปั๊มน้ำมันเก่าๆ ในโกยเถอะเกย์
ผมไม่แน่ใจว่าการผลักคนชายขอบออกไปยังพื้นที่เฉพาะของพวกเขานั้นเป็นวิธีการที่ถูกต้องหรือไม่ บางทีปัญหาหลายอย่างถูกละเลย ซึ่งมันอาจปะทุกลายเป็นมะเร็งร้ายของสังคมตามก็ได้

 

คำสำคัญ (Tags): #คนชายขอบ
หมายเลขบันทึก: 91433เขียนเมื่อ 20 เมษายน 2007 14:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
สนุกดีครับ อยากให้ไปดูหนังไทยกัน
   เชิญชวนไปดูเรื่อง Me Myself ค่ะเป็นหนังรักคลาสสิกดีค่ะ
อธิบายได้เป็นเรื่องเป็นราว พร้อมวิเคราะห์วิจารณ์ได้เป็นฉาก ๆ เก่งจังเลยครับ อ.หนุ่ม
กู้ส้วม หมายความเป็นนัยว่า มันเหลวไหลสำหรับการกู้ชาติน่ะ คือเขาเหน็บม็อบคุณสนทิไงครับ ไม่งั้นทำไมต้องเอาเรื่องนี้ไปเปรียบกับห้องน้ำล่ะ ไปกู้อย่างอื่นก็ได้นี่ ความเห็นผมนะ คนอื่นอาจจะเห็นต่างก็ไม่ว่ากัน โชคดีครับ

อ. หนุ่มคิดเหมือนเพื่อนสนิทของมัทที่เป็นเกย์เลยค่ะ

เค้าและกลุ่มเพื่อนของเค้า (ไม่ใช่คนไทย) คิดว่า ภาพที่เค้าอยากเห็นคือ ให้คนมองว่าเพศที่ 3 ก็คือ คน เหมือนกัน ไม่ต้องมาแยก ด้วย "เธคผับเหล่าชาวสีม่วง ร้านคาราโอเกะ แหล่งงานหรือชุมชนคนต่างด้าว"

ให้อยู่ร่วมกันไปแบบธรรมชาติๆ

ไม่รู้เมื่อไหร่จะมีวันนั้น 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท