ภาพ Impressionism ความสวยงามที่มาจากอาการผิดปกติ?


วันนี้ซนไปอ่านคอลัมน์ health and science ของ NYtimes แล้วไปเจอ บทความน่าสนใจมาก บทความหนึ่งครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับภาพเขียน Impressionism

ผมเองตกวาดรูปครับ และศิลปะเป็นอะไรที่ผมไม่เคยชอบเลย แต่บังเอิญเรื่องนี้มันน่าสนใจดีครับ

ก่อนจะไปพูดว่าบทความเขียนว่ายังไง เรามารู้จักภาพเขียนสไตล์ Impressionism กันก่อนดีกว่า

ภาพเขียนสไตล์ Impressionism (คำว่า impress = ความประทับใจ) ดังนั้นภาพเขียนสไตล์นี้ก็คือการถ่ายทอดอารมณ์ความประทับใจแรกของศิลปินลงไปในภาพเขียน ถ้าอยากรู้เพิ่มเติมก็ ที่วิกิเลยครับ ส่วนศิลปินชื่อดังก็มี โมเน (Monet) เดก้าส์ (Degas)

แล้วก็มีคนบอกว่าจริงๆแล้วเนี่ย ช่วงหลังๆของชีวิตของศิลปินชื่อดังทั้งสองเนี่ย เป็นโรคตาต้อครับ ดังนั้นทำให้ภาพวาดของทั้ง Monet และ Degas นั้น มันออกจะมัวๆ ไม่ชัดๆ เป็นก้อนๆ ในช่วงหลังๆ (แต่ข่วงแรกๆนั้นดูสดใส)

 

 จากรูปข้างบนนะครับ ที่มาจากบทความเรื่องนี้ในNYTimes  เป็นภาพของ Edgar Degas ภาพซ้ายนั้นวาดเมื่อปี 1886 ภาพกลางวาดเมื่อปี 1905 และภาพขวาเป็นภาพที่ Edgar Degas จะเห็นภาพกลางในปี 1905 ครับ

ภาพขวานั้นเป็นผลงานของ อาจารย์ด้านจักษุวิทยาจากมหาวิทยาลัย Stanford ที่ชื่อ Dr. Michael F. Marmor โดยการใช้ computer simulation เพื่อจำลองการมองเห็นของ Edgar Degas ครับ

ไม่แน่ใจว่านักวาดภาพ impressionism พอรู้แบบนี้แล้ว จะไปหาแว่นตาทำให้ตามัวๆ ก่อนจะมาลงสีน้ำมันบนผ้าใบหรือเปล่าเนี่ย?


บทความนี้เขียนโดย NICHOLAS BAKALAR ลงใน NYTimes online วันที่ April 17, 2007 ถ้าสนใจ original ก็เชิญได้ที่ บทความเรื่องนี้ในNYTimes 

 

หมายเลขบันทึก: 91011เขียนเมื่อ 18 เมษายน 2007 18:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)
  • จากภาพกลางไปยังภาพขวา นั่นเหมือนกับการใช้หลักการแพร่ใน image processing เลยครับ
  • ขอบคุณมากๆ นะครับน้องต้น

น่าสนใจมากค่ะ

ไม่เหมือนที่คิดไว้เลย ตอนแรกนึกว่าเค้าวาดมาจาก "ภาพในหัว" มากกว่า "ภาพตาเห็น" และลองทำ stroke ของแปรงให้แปลกไป ใช้สี ใช้แสงแปลกไป  เพราะเป็นเทคนิคใหม่

ขอบคุณมากๆที่นำมาฝากกันน้องต้น : ) 

สวัสดีครับพี่เม้ง

เป็นไปได้นะครับที่เขาใช้หลักการแพร่ครับ ต้นกำลังขอบทความที่อาจารย์ Marmor เขียนครับ ถ้าเกิดได้มาแล้วมีอะไรแปลกใหม่ยังไง จะมาเล่าต่อครับ

ต้น

สวัสดีครับพี่มัท

ต้นเห็นว่ามันตลกดีครับ เลยเอามาฝากครับ ต้นว่าหลายๆคนพอรู้ข่าวนี้แล้วก็คงจะช็อกไปตามๆกันมั้งครับ

ต้น

  เป็นแบบนี้จริงๆครับพี่ต้น อย่างแวนโก๊ะก็เขียนภาพที่มีแสงเรืองๆออกมาอย่างผิดปกติ เนื่องจากมีความผิดปกติของร่างกาย เพราะเชื่อว่าเค้ามีอาการของโรคจิตเภทบางอย่าง จึงเห็นภาพผิดไปจากความเป็นจริง หรือเกิดจากยาที่ทานในการรักษาโรคนั้นก็จำไม่ได้ชัดเจนแล้วครับ จำได้ลางๆๆ

  อ่านเองชักงงตัวเองนะเนี่ย อิอิ ขอบคุณครับ

แปลกดีค่ะเรื่องนี้ ตอนแรกคิดว่า เขาตั้งใจวาดแบบนี้ แต่ก็ดูให้แน่อีกทีดีกว่า อาจจะไม่ใช่เรื่องสายตา

คุณต้นคะ พอดี ยุ่งๆ 2วันนี้  วันนี้มาอ่านของเก่าดู ยังติดคุณไว้อีกหน่อยที่เราแลกเปลี่ยนความคิดกัน ยังไม่จบค่ะ

http://gotoknow.org/blog/goodliving/90678

 

สวัสดีครับคุณน้องเดอ

เรื่องแวนโก๊ะว่าป่วยไม่สบายทางกาย นี่ไม่ทราบครับ

แต่เคยเห็นหนังสือเล่มหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ชื่อว่า The yellow house ครับ อ่านปกหลัง หนังสือพูดว่า ไม่เคยเลยที่ยอดจิตรกรสองคนจะมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน จิตรกรสองคนคือ แวนโก๊ะ กับโกแกงครับ

หนึ่งเดือนผ่านไป สองคนนี้ก็ออกจากบ้าน แวนโก๊ะก็เป็นบ้า ไปแล้ว :D ก็ไม่รู้นะครับว่าเขียนว่ายังไง เพราะไม่ได้ซื้อมาอ่านครับ อย่างที่บอกแหละครับ เกลียดศิลปะครับ (วาดรูปนะครับ)

ต้น

ราณีว่าเขาน่าจะวาดมาจากจินตนาการด้วยมังค่ะ และเทคนิคที่อาจได้รับความนิยมเหมือนที่ อ.มัทนากล่าวค่ะ เห็นด้วยกับอาจารย์ข้อนี้ค่ะ

สวัสดีครับอาจารย์sasinanda กับอาจารย์Ranee

เรื่องศิลปะคงจะออกความเห็นอะไรมากไม่ได้ครับ

แต่ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นการประกอบกันของสิ่งที่เห็น จินตนาการที่มี และก็เทคนิคที่ใช้มั้งครับ แต่เรื่องศิลปะตกตั้งแต่ประถมครับ มัธยมก็บอกศาลาแล้วครับ :D

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท