กลุ่มบานไม่รู้โรย ที่รวมกลุ่มกัน ดูกันซิว่า เขามาคุยกันเรื่องอะไรบ้าง


ป้าอยากให้คนอื่นลองทำดู อย่างป้าบอก มันทำง่าย ไม่ยากเลย ป้าเองทำแล้วเห็นผลเลยเอามาบอก

เรื่องเล่าของกลุ่ม  บานไม่รู้โรย  ที่มีอะไรๆเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาบอก

       

เริ่มจากป้าสุรินทร์  ที่เป็นทั้งเบาหวานและความดันมา30กว่าปี  ตอนนี้อายุ 75 ปีแล้ว ยังแข็งแรงอยู่กับโรคนี้อย่างสงบ วันนี้ป้าเล่าว่า ได้ลองใช้วิธีแกว่งมือ  ยืนแยกขาเล็กน้อย (ทรงตัวได้ดี) แกว่งแขนสูงระดับ 60 องศา แขม่วท้อง ขมิบก้น หายใจตามปกติ เริ่มจากแกว่งวันละ 200 ครั้งแล้วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเป็น 300  เป็น 500  และจนถึง 1000 ครั้ง  ทำมาได้เดือนนี้เป็นเดือนที่3แล้ว  เดิมน้ำตาลป้า 187  แล้วลดลงมาเหลือ 120 กินยาเท่าเดิม อาหารทุกอย่างเหมือนเดิมหมด เพียงแค่เพิ่มการแกว่งมือเข้ามา อยากให้ทุกคนที่ไม่มีเวลาไปออกกำลังกายใช้วิธีนี้ เพราะง่ายแล้วเห็นผลด้วย หลังทำจะรู้สึกมือร้อน เท้าชา ให้ทำทุกวัน แล้วต้องทำต่อเนื่องอย่าหยุดพักขณะทำ ต้องตั้งเป้าว่าวันนี้จะทำกี่ครั้งแล้วให้ทำต่อเนื่องไปเลย  ป้าบอกว่าหากเพิ่งเริ่มทำให้ค่อยๆเริ่มจากจำนวนน้อยครั้งไปแล้วจึงเพิ่มขึ้น  อย่าใจร้อน ต้องดูว่าตัวเองเหนื่อยเกินไปมั้ย  นอกจากนี้ ป้ายังสังเกตุว่าตัวเองมองชัดขึ้น สามารถอ่านหนังสือได้เลย ต่างจากเมื่อก่อนที่ตาจะพร่ามัว เพราะป้าเป็นต้อกระจกอยู่ป้าบอกอีกว่าเวลาทำให้หาที่มีอากาศถ่ายเท หลังทำควรนั่งพักสัก 5 นาทีก่อนนะ  ป้าอ่านหนังสือเจอวิธีนี้เลยทดลองทำพอได้ผลป้าก็อยากบอกคนอื่ๆ เขาจะได้สุขภาพดีได้เหมือนป้า สมาชิกพูดเสริมว่า  ไม่ควรกินอาหารมัน เค็ม จะทำให้เราเป็นโรคง่าย แถมกินได้มากขึ้น เลยยิ่งทำให้อ้วน  สมาชิกในกลุ่มถามว่า ใช้เวลานานแค่ไหนที่แกว่งแขนได้ 1000 ครั้ง ได้ดูนาฬิกามั้ยป้าสุรินทร์ตอบ  ถ้าเราดูเวลาจะทำให้เรากังวลว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลานะ ให้เราทำไปเรื่อย ๆนับจำนวนครั้งไป มันทำให้เรามีสมาธิด้วยนะ  อ้อป้าแถมท้ายว่า หลังจากที่เห็นผลเรื่องน้ำตาลลด  ตามองภาพชัด  อีกอย่างคือกระฉับกระเฉงขึ้น จะลุกจะนั่งก็ไม่ต้องหาที่เกาะแล้วร้องโอยๆเหมือนเมื่อก่อนอีกเลย  ฟังแล้วน่าสนใจมั้ยคะ คนที่ยังอายุไม่เท่าป้า เวลาลุกนั่งยืน ทำท่าจะไม่ไหว ต้องรีบๆดูแลตัวเองดีๆ  ไม่อย่างนั้นสู้ป้าไม่ได้แน่ๆเลย    เรานั่งอยู่ในกลุ่มก็เลยสอบถามว่ามีใครจะลองเอาวิธีนี้ไปใช้ดูบ้าง  นับจำนวนได้ 6 คน (วันนั้นมีคนร่วมแลกเปลี่ยน 10 คน) แล้วอย่าลืมมาคราวหน้าให้มาเล่าว่าผลเป็นอย่างไรบ้างให้คนอื่นทราบด้วยนะคะ <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">    </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">คนผู้ชายที่นั่งติดประตู ถือกระเป๋าสีดำ คือลุงวิชัย</p>ลุงวิชัย  ขอเล่าบ้างว่า วิธีทำให้น้ำตาลเพิ่มของตัวเอง เมื่อเดือนที่แล้วมาเกิดจากไปกินสัปประรดที่เขาเข็นขาย 1 ฃิ้น กิน2วันติดต่อกัน รสจะหวานมาก หลังจากนั้นมา2-3วัน ก็มีอาการเวียนศรีษะมากลุกไม่ขึ้นเลย ต้องไปหาหมอ พอเจาะเลือดพบน้ำตาลสูงถึง 190 ทั้งๆที่เป็นคนออกกำลังกายประจำ คุมน้ำตาลได้ดีมาตลอด อาหารอย่างอื่นก็กินเหมือนที่เคยกิน  พอเกิดเหตุอย่างยนี้ขึ้นพักพวกที่เป็นชมรมวิ่งด้วยกันที่ศุนย์กีฬารามอินทรา ก็ตามไปดูที่บ้านคนขาย พบว่าคนขายใช้วิธีแช่สับประรดในน้ำเชื่อมก่อน จึงได้บอกว่าไม่ควรทำเช่นนี้  เป็นข้อเตือนใจให้สมาชิกพึงระวังไว้อ้อ ลุงบอกว่าใบมะยมสดๆกินยอดอ่อน วันละ 3 ก้าน ช่วยลดน้ำตาลได้  ส่วนลูกมะยม กินฃ่วยลดความดันโลหิตได้  สรุปแล้วผลไม้ไทยๆของเราที่หาง่ายๆเหล่านี้ มีประโยชน์มากแถมท้ายเรื่อง คนที่เป็นเบาหวานนานๆเลือดจะหนืด ไหลเวียนไม่ดี  ให้ใช้วิธีต้มน้ำใส่ดอกกระเจี๊ยบแห้ง พุทธาจีน และมะตูมแห้ง ดื่มกินทุกวันแทนน้ำ ช่วยทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นได้  ลุงทำอย่างนี้เป็นประจำ  แล้วก็อยู่กับโรคเบาหวาน ความดันโลหิต มานานพอๆกับป้าสุรินทร์ลุงบอกว่า มีคนมาบอกลุงเรื่องใบอินทนิลน้ำเอามาต้มกับน้ำกิน ช่วยลดน้ำต่ลได้  ลุงยังไม่เคยลอง   แต่มีสมาชิกในกลุ่มคือคุณทองใบ สนับสนุนว่าจริง เพราะมีพ่อเป็นเบาหวาน แล้วใช้วิธีนี้ ก็ทำให้ช่วยลดน้ำตาลได้   ลุงบอกว่าคราวหน้าจะเอาสูตรมาให้ลองไปต้มกินดูเราขอเสริมว่า แต่ต้องควบคู่กับการรักษาของแพทย์และมาตามนัดด้วย <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">อีกอย่างหนึ่งที่ลุงลองทำอยู่คือ  กินชาเขียวที่เป็นซองๆ ไม่ใส่น้ำตาลนะ รสจืด  มีคนบอกว่าถ้าเป็นเบาหวานกินแล้วช่วยควบคุมน้ำตาลได้ ลุงลองมาได้แค่ 3 วัน</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">   คุณหทัยรัตน์ คือคนที่ใส่เสื้อสีฟ้า</p>คุณหทัยรัตน์  ขอเล่าเรื่องที่รู้จากคนอื่นมาบอก  แต่ตัวเองยังไม่เคยลองทำมาก่อน  ลองเล่าให้สมาชิกฟังดู บ้างคือ 1.ดอกกระดุมทอง เอาดอกแห้งๆมาต้มกินแทนน้ำ ดื่มเป็นประจำทุกวัน  เขาบอกว่าเขาหายจากเบาหวานเลยคุณสงกรานต์ ขอเสริมว่า  ก็เคยรู้มาจากคนอื่นเหมือนกัน  เลยลองทำดู กินมาได้ 2 วันแล้ว รสชาดเหมือนน้ำเก๊กฮวย พอผลเลือดเดือนนี้ออกมา จากเดิม 177 ลดเหลือ 158  ก็คิดว่าจะลองทำต่อไป ร่วกับการรักษาของแพทย์  คิดว่าเป็นเพราะทำให้เราดื่มน้ำได้มากขึ้นด้วย  แล้วเดือนหน้าจะเอาผลมาเล่าให้ฟังต่ออีก2.มะละกอดิบหั่นเป็นบ้องๆนำมาต้มกับน้ำ  นำน้ำที่ต้มเสร็จนั้นมาชงกับชา จะเป็นชาจีนหรือชาอะไรก็ได้ ทิ้งไว้ 5 นาที แล้วจึงเอาใบชาออก นำมาดื่มแทนน้ำ ช่วยขับสารพิษในร่างกาย   และเมื่อผลเลือดออก พบว่าน้ำตาลสูงถึง 200  คุณหทัยรัตน์ จึงตกใจมาก  และคิดวิเคราะห์ด้วยตนเองว่าคงเป็นเพราะช่วงนี้ไปกินเลี้ยงบ่อยนั้นเอง3.ต้นง๊อก เอาใบมากินช่วยลดน้ำตาลได้  ทุกคนถามว่าต้นนี้หน้าตาเป็นอย่างไรหรือ  คุณหทัยรัตน์บอกว่ากำลังเพาะต้นอยู่ ซื้อมาต้นละ200 บาท คราวหน้าจะนำมาให้ดูคุณเพ็ญศรี ก็เคยได้ยินคนพูดถึงต้นนี้คือผู้ช่วยผู้อำนวยการที่โรงเรียน ญาติเขาเป็นเบาหวาน แล้วกินใบง๊อก น้ำตาลลดลงได้มากเลยลุงวิง  เป็นเบาหวาน น้ำตาลเคยสูงถึง 400 กว่าๆ  ตอนนี้ลดเหลือ 108  ทุกคนอยากทราบว่าลดลงได้มากขนาดนี้เพราะอะไรลุงบอกว่าลุงก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะน้ำหนักก็ไม่ลด แถมเพิ่มมา 2 กิโลกรัมด้วย  อาหารกินเหมือนเดิม ยังไม่ได้ปรับ เรื่องอาหารหรือเริ่มออกกำลังกายเท่าไรเลย  สมาชิกเลยถามว่าหมอให้กินยากี่เม็ด จึงณุ้ว่าลุงกินยาตอนเช้า 1 เม็ด  ตอนเย็นอีก 2 เม็ด  ทุกคนก็ลงความเห็นว่าที่น้ำตาลลดลงได้ก็เพราะยา และถ้าจะให้หมอลดยาลงเรื่อยๆ ลุงต้องเริ่มออกกำลังกาย หรือกินอาหาร ตามที่เพื่อนๆในกลุ่มพูดคุยกันไป  ลุงวิงบอกว่าจะลองนำสิ่งที่ได้ยินวันนี้ไปทดลองดูก่อน  บรรยากาศในวันนั้นที่เราแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องสุขภาพ สนุกสนานมาก ได้ยินเสียงหัวเราะของสมาชิก  ทุกคนเล่าเรื่องทั้งทีประสบกับตัวเอง  และเอาเรื่องราวอื่นๆที่รับรู้มาว่ามันเป็นประโยชน์กับสุขภาพก็มาบอกต่อ  อย่างนี้ใช่มั้ยที่เราบอกว่า กัลยาณมิตรที่ดี  และเราก็ได้แจ้งให้ทราบว่าเราได้ทำหนังสือรวมรุ่นของกลุ่ม  บานไม่รู้โรยแล้ว  แจกในวันที่เราเลี้ยงปีใหม่ไปรอบหนึ่งแล้ว  ใครที่ยังไม่ได้รับ เราก็จะนำมาให้เลย  ทุกคนตรวจเช็คชื่อตัวเองว่าถูกต้องหรือไม่ ทั้งที่อยู่ เบอร์โทรศัพย์  ก็มีแก้ไขเพิ่มเติมอยู่หลายคน เช่นลุงวิชัย ขอแก้ไขเบอร์โทรศัพย์   คุณหทัยรัตน์ ขอเพิ่มเบอร์โทรศัพย์มือถืออีก 2หมายเลข  เพราะไม่ค่อยอยู่บ้าน โทรไปจะไม่ได้รับ   หนังสือเล่มนี้สมาชิกสามารถจะติดต่อขอข้อมูลจากสมาชิกด้วยกัน โดยให้ดูว่าใครที่ประเมินตัวเองอยู่ในระดับสูงๆ เช่น ระดับ 4 และ 5 พวกนี้จะให้ข้อมูลด้านสุขภาพได้ดี เนื่องจากตัวเองปฏิบัติได้ด้วยตัวเองจนประสบผลสำเร็จคือเห็นผลชัดเจน ควบคุมระดับน้ำตาล  ความดันโลหิต ได้ จนบางคนไม่ต้องกินยาแล้วก็มี เพียงแต่ต้องคอยมาตรวจเช็คอยู่เป็นระยะๆ ไม่ทิ้งหายไป   

หมายเลขบันทึก: 90008เขียนเมื่อ 12 เมษายน 2007 16:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
  • แหม ยังงี้ก็เขียนประวัติสุขภาพ "ห่างไกลเบาหวาน" ... กันได้หลายสูตร เลยนะคะเนี่ยะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท