พื้นที่ใหม่ กับใจดวงเดิม "อาสาสร้างสุข"


ครอบครัวเป็นตัวช่วยที่ดีเสมอเมื่อยามเจ็บป่วย

การลงพื้นที่วันนี้มีอุปสรรคนิดหน่อยเนื่องจากฝนตก แต่แล้วเราก็ฝ่าอุปสรรคนั้นไปได้ โดยไปถึง รพ.เด็กเกือบสองโมงวันนี้เราเปิดพื้นที่ใหม่ในการทำกิจกรรมกับเด็กป่วย ส.8B และ ส 7B เพิ่มจากตึก ม.6ก อย่างเดียว ที่แรก เราจะไปทำกิจกรรมที่ ส.5B แต่เด็กไม่มีเลยในตึกแสดงว่าช่วงนี้เด็ก ตึก ส.5B นั้นไม่ค่อยเป็นโรคเกี่ยวกับตา จึงย้ายไปที่ตึก ส 7B แทน วันนี้มี อาสาสมัครไปด้วยกัน 7 คน ได้แยกย้ายไปตามตึกต่าง ๆ ส่วนฉันและน้องอาสาสมัครอีกคนหนึ่งได้อยู่ตึก ส.8B เด็กป่วยที่ตึกนี้จะป่วยด้วยโรคหัวใจและโรคเลือด มีห้องที่แยกออกเป็น สองพื้นที่ด้วยกันคือ เด็กที่ติดเชื้อง่ายก็จะแยกอยู่อีกห้องหนึ่งและเด็กทั่วไปที่ไม่ติดเชื้อ เด็กโดยส่วนมากเป็นเด็กเล็ก ๆ ไม่สามารถลงมาเล่นที่ห้องสันทนาการด้วย ซึ่งตึกนี้มีห้องสันทนาการให้ด้วยแต่ห้องค่อนข้างอับและไม่ค่อยมีคนเข้าไปเล่นสักเท่าไหร่ การเข้าไปทำกิจกรรมในวันนี้ เราได้ไปเจอพี่หัวหน้าพยาบาลประจำตึกก่อน ซึ่งชื่อพี่หน่อย พี่หน่อยเป็นเจ้าหน้าที่ที่ร่าเริงแจ่มใส่มาก ให้การต้อนรับเราเป็นอย่างดี แนะนำสถานที่ที่เราเข้าไปทำกิจกรรมได้และแนะนำการทำกิจกรรมให้กับเรา พาเราไปทักทายเด็กป่วยและผู้ปกครองและช่วยแนะนำเราเสร็จสรรพว่าเราไปใครมาจากไหน รู้สึกดีค่ะที่มีเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับทำให้ลดอาการเกรงต่อเจ้าหน้าที่ได้มากโข

น้องที่เราไปทำกิจกรรมด้วยวันนี้มี 4-5 คน ไม่สามารถลงมาทำกิจกรรมที่ห้องสันทนาการได้ จึงต้องทำกิจกรรมที่เรานำไปวันนี้มี ปั้นดินน้ำมัน ระบายสี และลากเส้นให้เป็นรูปสัตว์ ต่างๆ การเข้าไปแนะนำตัวกับผู้ปกครองเด็กว่าเราเป็นใครมาจากไหนนั้น ผู้ปกครองทำหน้างง เหมือนไม่เข้าใจกับสิ่งที่เราพูดคือ อาสาสมัคร งงกับคำว่าอาสาสมัคร เป็นใครมาจากไหน มาทำอะไร แต่ก็ได้พี่หน่อยหัวหน้าตึกช่วยอธิบายให้ฟังอีกเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวผู้ปกครองเอง

มีน้องคนหนึ่งชื่อน้องนัท ตอนที่เรากำลังจะไปชวนน้องทำกิจกรรมนั้นน้องได้ร้องไห้และงอแงพ่อแม่

ทำให้เรางง ว่าทำไมน้องถึงร้องไห้ แม่น้องจึงได้บอกว่าน้องจะต้องไปเจาะเลือดตอนนี้ซึ่งน้องกลัวการเจาะเลือดมากแต่เราไม่รู้จะทำยังไงเพราะเราเพิ่งเข้าไปตึกนี้เป็นครั้งแรก จากการที่เคยอ่านหนังสือเรื่องพฤติกรรมบำบัดของอาจารย์ท่านหนึ่งแต่จำชื่อไม่ได้แล้วนั้น ท่านเคยบอกว่าการที่เด็กจะรับการผ่าตัด หรือเจาะเลือดนั้น เราสามารถพูดคุยหรือชวนเด็กทำกิจกรรมที่เบี่ยงเบนความสนใจ และให้เด็กได้ผ่อนคลายความกังวลนั้นจะช่วยเด็กได้เยอะ วันนี้มาเจอเคสนี้อย่างจังเลยไม่รู้จะเข้าไปช่วยน้องอย่างไรดี ถือว่าเป็นเคสศึกษาในกรณีที่เราต้องเผชิญกับปัญหาแบบนี้ในภาวะแบบนี้ค่ะ

                กิจกรรมวันนี้เป็นไปได้ด้วยดีค่ะ เด็กมีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะปนกันไปในการทำกิจกรรม ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม ทั้งอาสาสมัครที่ไปด้วยกันก็มีความสุขที่เห็นน้อง ๆ เด็กป่วยมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมที่ได้เตรียมมา การทำกิจกรรมกับเด็กนั้นโดยพื้อนฐานแล้วเด็กจะมีความสุขและสนุกเป็นเรื่องปกติค่ะ เพราะเหมือนเด็กได้เจอคนใหม่ ได้ทำกิจกรรมใหม่ ๆ  แต่สิ่งที่อยากเล่าให้ฟังนั้นขอเป็นเรื่องเกี่ยวกับข้อสังเกตในการลงพื้นที่ปฎิบัติงานในวันนี้แทนค่ะเพื่อให้ได้เห็นมุมมองที่แตกต่างออกไปจากการที่เด็กจะมีความสุข ผู้ปกครองมีความสุข และอาสาสมัครมีความสุข ในการทำกิจกรรมร่วมกัน

                เตียงที่สองที่ไปทำกิจกรรมด้วยชื่อน้องช้างซึ่งน่าแปลกใจมากว่ากับการที่เราเจอกันกับผู้ปกครองครั้งแรกของอาสาสมัครในการทำกิจกรรมผู้ปกครองก็ไว้เนื้อเชื่อใจในการที่จะปล่อยให้ลูกอยู่ในความดูแลของอาสาสมัคร เพื่อที่จะขอเวลาสักพักไปทำธุระส่วนตัวและทำธุรกรรมต่าง ๆ ในส่วนนี้ได้เป็นข้อสงสัยขึ้นมาให้กับเราว่า ผู้ปกครองเขามีแนวคิดอย่างไรกับการไว้ใจคนที่เพิ่งรู้จัก แต่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีค่ะเพราะวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งของเราคืออยากให้ผู้ปกครองผ่อนคลาย และได้ทำธุระส่วนตัว และเปลี่ยนบรรยากาศค่ะ ซึ่งเราอยากเข้าไปช่วยลดภาระตรงนั้นของผู้ปกครอง

                เตียงที่สามน้องจู๊บแจงซึ่งเป็นเด็กเล็กค่ะอายุประมาณสามขวบครึ่งป่วยด้วยโรคหัวใจมีสายระโยงรยางค์ไปหมดโดยหมอได้สั่งห้ามให้น้องลุกนั่งให้นอนอย่างเดียว ตอนที่เราเข้าไปนั้นน้องกำลังงอแงได้ที่ทีเดียวกับพ่อและก็พี่สาว เราจึงได้เอาภาพระบายสีเข้าไปหลอกล่อน้องให้เบี่ยงเบนความสนใจ ซึ่งมันก็ได้ผล แต่ค่อนข้างที่จะลำบากหน่อยในการที่จะระบายสี เพราะน้องนั่งไม่ได้ เราจึงได้จัดแจงกับพี่สาวน้องจุ๊บแจงคนละไม้คนละมือในการทำกิจกรรมกับน้อง โดยเราถือกระดาษให้ตั้งขึ้นเพื่อจะให้น้องเห็นภาพและพี่สาวช่วยหยิบจับสีให้ ทำไปได้สักพักหนึ่งน้องคงเกิดอาการไม่ถนัดในการที่จะระบายสีแล้วพยายามจะลุกขึ้น ซึ่งพี่สาวก็ได้ห้ามน้องจู๊บแจงบอกว่าห้ามลุกหมอสั่งไว้ ทีนั้นแหละค่ะ น้องเกิดอาการงอแงขึ้นมาอีกจะลุกให้ได้ ทำให้เรารู้สึกเป็นกังวลว่า เป้ฯเพราะเรารึป่าวที่เอากิจกรรมแบบนี้ไปให้น้องทำ ควรจะหากิจกรรมที่เหมาะสมกับอาการป่วยของน้องน่าจะดี ทำให้รู้สึกเศร้าค่ะเหมือนเป็นต้นเหตุทำให้น้องงอแงกับญาติ การทำงานแบบนี้ทำให้คิดอะไรหลายอย่างมากขึ้นไม่ใช่ห่วงแต่อยากให้เด็กสนุกอย่างเดียวต้องเข้าใจภาวะรอบข้างหลาย ๆ อย่างประกอบกันไปด้วย

                เตียงที่สี่น้องเกด ซึ่งเป็นเด็กค่อนข้างโตแล้วค่ะพูดรู้เรื่องชอบระบายสี น้องเกดมีพี่ชายมานอนเฝ้าด้วย ซึ่งตอนแรกเราให้น้องเกดระบายสี แล้วเราได้ชวนพี่ชายน้องเกดมาทำกิจกรรมด้วยแต่ด้วยเหตุที่น้องเป็นผู้ชายเลยได้ปฏิเสธกิจกรรมนี้เราไป น้องเกดชอบการระบายสีมาก แต่กับการที่ทำอะไรแบบเดิมหลาย ๆ ครั้งทำให้น้องเบื่อเราเลยชวนน้องปั้นดินน้ำมันแทน เท่านั้นแหละค่ะ พี่ชายน้องเกดเข้ามาร่วมกิจกรรมกับน้องสาวทันที ทำให้เราได้เรียนรู้อีกอย่างหนึ่งว่า เราควรจะทำกิจกรรมที่ให้ครอบครัวมีส่วนร่วมด้วยซึ่งมันจะทำให้เด็กป่วยมีความสุขมากยิ่งกว่าที่เราอาสาสมัครช่วยไปเติมให้ ครอบครัวเป็นตัวช่วยที่ดีเสมอเมื่อยามเจ็บป่วยค่ะ

                การลงพื้นที่วันนี้ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างและเราก็พร้อมที่จะปรับตัวของเราให้เข้ากับบริบทที่เราเข้าไปอยู่เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกลมกลืนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้และเราก็จะหมุนไปพร้อมกันค่ะ

 
หมายเลขบันทึก: 89463เขียนเมื่อ 10 เมษายน 2007 11:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:08 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท