Overthrown: ตอนจบ ทำไมต้อง overthrown


สวัสดีครับ

ในฐานะของประเทศเล็กๆอย่างเรา เราคงอาจจะมองไม่เห็นภาพและไม่เข้าใจว่าทำไมมันต้อง overthrown หรือล้มล้างรัฐบาลกันด้วย ผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงมีการล้มล้างรัฐบาลกันดัวย มันไม่เป็นเหตุเป็นผลกันเลย

ผมไม่แน่ใจว่าคนที่ได้อ่านบันทึกมาครบทั้งสามตอนแล้วจะรู้สึกเหมือนกันหรือเปล่าว่า เราทำสงครามเนื่องจากเรื่องเศรษฐกิจซะเป็นส่วนมาก หลังจากนั้นก็ต้องการแสดงแสนยานุภาพ ตั้งแต่หลายร้อยปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เหตุผลการทำสงครามและการล้มล้างรัฐบาลก็ยังเหมือนเดิม นั่นคงเป็นเรื่องแรก

แม้กระทั่งสงครามครูเสด ที่คนบอกว่าเป็นสงครามศาสนา ก็ไม่ได้เริ่มจากศาสนาหรอกครับ ศาสนาก็เป็นเพียงแค่ข้ออ้างเท่านั้น จริงๆแล้วจุดเริ่มต้นอยู่ที่คนคริสตร์ไปแสวงบุญ แล้วโดนปล้นบ่อย พอโดนบ่อยก็โมโหแล้วไปหาโป๊ป โป๊ปก็เลยเรียกร้องให้คนออกไปรบ แต่ตอนนั้นมันสมัยกลางครับ เป็นยุคศักดินา พวกอัศวินที่ไม่มีเงิน ไม่มีที่ ไม่มีอำนาจ ก็สนใจสิครับ เพราะถ้าไปรบแล้ว ยึดอะไรก็ได้เป็นของตัวเอง  (ดังนั้นจะเห็นว่าตอนแรกๆอ่ะ ไม่ค่อยมีคนไปรบหรอกครับ พอหลังๆแล้วถึงจะเริ่มมีอัศวินไปรบ นั่นก็หลังจากได้ตกลงกันแล้วว่าวัดจะได้เท่าไร ฆราวาสจะได้เท่าไร)

แล้วจากหนังสือเล่มนี้ก็ทำให้เรารู้ได้ว่า ประเทศหลายๆประเทศที่พยายามยึดสมบัติชาติมาเป็นของตัวเอง ทำให้ขัดใจชาติมหาอำนาจ ก็จะถูกโค่นล้มลงไป ก็ถูกข้ออ้างต่างๆนานา ทำให้ชาติมหาอำนาจนั้นเข้ามายุ่ง แม้กระทั่งพยายามสร้างสถานการณ์ก็เหอะ

ในหนังสือที่ชื่อ Confessions of an economic hit man นั้น ถึงแม้จะไม่ได้พูดถึงการล้มล้างรัฐบาล แต่ก็พูดถึงการเข้าไปทำให้เศรษฐกิจของประเทศด้อยพัฒนานั้นต้องผูกติดกับประเทศพัฒนาแล้ว

วิธีการง่ายๆที่หนังสือเรื่อง Confessions of an economic hit man บอกก็คือ รัฐบาลชาติมหาอำนาจนั้นส่วนมากมักจะเสนอเงินกู้ไปให้กับประเทศด้อยพัฒนา แต่ในเงินกู้นั้นก็มักจะมีเงื่อนไขต่างๆมากมายเช่น เงินกู้อันนี้ เอาไปสร้างโรงไฟฟ้า แล้วต้องจ้างบริษัทนี้บริษัทนั้นไปเป็นที่ปรึกษา แล้วพวกบริษัทที่ปรึกษานี่แหละครับก็จะทำการประเมินการให้ค่ามันเกินความจริงเข้าไว้ เช่น ถ้าจะสร้างโรงผลิตไฟฟ้า ก็คาดการณ์เว่อๆให้มันต้องการใช้เงินทุนเยอะๆ ทำให้เกิดเป็นวงจรหนี้ขึ้นมาเรื่อยๆ และทำให้บางทีบางประเทศนั้นต้องขายสมบัติชาติ หรือทรัพยาการไปให้ชาติที่พัฒนาแล้วในที่สุด

ดังนั้นการล้มล้างรัฐบาลหลายๆครั้งที่สหรัฐเป็นสปอนเซอร์ใหญ่นั้น ก็เพราะว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐนั้นต้องการด้วย (มันก็ต่อกันนะครับ เพราะว่าบริษัทพวกนี้ก็คือคนที่ให้เงินเลือกตั้งแก่ประธานาธิบดี)

น่ากลัวไม่ใช่เล่นใช่ไหมครับ

แล้วทำไมต้องเป็นอเมริกาเท่านั้นที่มีปัญหากับชาวบ้าน

จริงๆอันนี้ก็ไม่จริงหรอกครับ หลายๆชาตินั้นก็มีปัญหาเหมือนกัน เพียงแต่ว่าสหรัฐอเมริกานั้นดูจะเป็นเป้าใหญ่ที่สุด ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะว่า เรื่องแรกก็คงจะต้องบอกก่อนว่า เพราะว่าอเมริกานั้นไม่ได้เสียหายอะไรเลย หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง (เหมือนกับที่ยุโรปตะวันตก ไม่ได้เสียหายอะไรเลย หลังจากที่มองโกลบุกนั่นแหละครับ) เมื่อตัวเองไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามมาก ก็เลยก้าวเข้ามาเป็นโต้โผใหญ่

อีกข้อที่หนังสือเล่มนี้ (Overthrown) เขียนด้วย ก็คือว่า คนอเมริกานั้นเชื่อว่า ตัวเองนั้นเป็นคนที่จิตใจดีงาม และด้วยความที่ประเทศเป็นประเทศเพิ่งจะตั้งก็เลยทำให้ไม่มีวัฒนธรรม หรือความเชื่อใดๆ ที่จะยึดคนในชาติให้หลวมรวมกันได้ นอกจากความเชื่อที่ว่าคนอเมริกัน เป็นคนดี ไม่เห็นแก่ตัว

นอกจากความเชื่อนี้แล้ว ก็ยังเชื่อต่อไปอีกว่า ระบบอะไรก็ตามที่ดีกับสหรัฐ และคนสหรัฐชอบ นั่นแหละดีกับคนทั้งโลก

เพราะฉะนั้นข้ออ้างที่คินเซอร์บอกว่า ประธานาธิบดีชอบอ้างจะไม่มีอะไรใหม่ไปกว่า เราต้องการช่วยคน ปลดปล่อย ให้คนชาติอื่นๆ นั้นมีสิทธิ เสรีภาพ มีประชาธิปไตย

แต่ที่สำคัญที่สุด ในทุกๆอย่างที่คนอเมริกันเชื่อนั้น ต้องมีข้อแม้ด้วยว่า ต้องเป็นแบบที่อเมริกาต้องการเท่านั้น

ดังจะเห็นได้ว่า การเลือกตั้งในอิรักที่คนอิรักเลือกขึ้นมา กลับเป็นคนที่อิหร่านสนับสนุน เล่นเอาประธานาธิบดีบุชผู้ลูกนั้นถึงกับจุกอก พูดไม่ออกทีเดียว เพราะตัวเองไม่เข้าใจในความแตกต่างทางวัฒนธรรมของชาติอื่นๆ (ด้วยความคิดที่ว่าระบบตัวเองดีที่สุด)

มันเลยเป็นเรื่องเหลือเชื่อของคนอเมริกา เพราะว่าตัวเองไม่พยายามจะเชื่อนะครับ ดังนั้นมันก็คงจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อต่อไป ซึ่งคินเซอร์บอกว่า บางทีสหรัฐนั้นต้องมองถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นถ้าสหรัฐนั้นสามารถล้มล้างรัฐบาลได้ เพราะว่าพอคนในชาติเป็นประชาธิปไตยแบบที่สหรัฐอยากให้เป็นแล้ว อาจจะเกิดกรณีที่ชาตินั้นไปยึดทรัพยากรมาเป็นสมบัติของชาติของประชาชน

แล้วจะทำให้รัฐบาลสหรัฐไม่พอใจ เนื่องจากว่าตัวเองนั้นต้องการการค้าเสรี (แต่ถ้าอ่านเรื่องเมืองจีนเขย่าโลกตอนแรก ก็จะเห็นว่าพอตัวเองโดน ก็ร้องโอดโอย เหมือนกันนะครับ [1])

หรือว่าถ้าล้มไปแล้ว ประเทศประชาธิปไตยที่ต้องการก็อาจจะไม่ใช่ได้รัฐบาลโปรอเมริกันก็ได้ แบบที่ได้ในอิรัคตอนนี้

สรุป

หนังสือเล่มนี้เขียนสนุกมากครับ อ่านแล้ววางไม่ลงจริงๆ รายละเอียดนั้นเรียกได้ว่าเยอะมาก แต่อาจจะเป็นไปได้ตั้งแต่ที่บอกตอนแรกแล้วว่า อาจจะเป็นเพราะว่า ผมนั้น bias

อ่านจบทำให้เข้าใจอะไรเยอะขึ้นมากเลยครับถึงการต่างประเทศและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือทำให้ผมมองอะไรออกอยู่อย่างหนึ่ง

คนเราไม่เคยตัดสินใจเพื่อผลประโยชน์ระยะยาว ทุกคนมองแค่ผลประโยชน์ระยะสั้นตลอด

หนังสือเล่มนี้คงจะพิสูจน์ได้นะครับว่า ขนาดประธานาธิบดีสหรัฐที่รายล้อมไปด้วยคนเก่ง และข้อมูลมากมาย ยังพลาดท่าเสียทีตั้งหลายครั้งแหนะ

อย่างเช่นเมื่อบุกอิรักและเอาซัดดัมออกแล้ว อเมริกาก็ปลดทหารของซัดดัมหมดเลย ทหารตกงานนะครับจะให้ไปทำอะไร

ผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้สรุปได้ดีที่สุดอยู่ตรงนี้ครับ

คินเซอร์บอกว่าสหรัฐนะ เวลาทำอะไรก็ตามกับชาติอื่นๆนั้นก็ทำตามผลประโยชน์ตัวเองเท่านั้น

และนี่คงเป็นเหตุผลสำคัญที่สุดว่าทำไมต้อง overthrown

รวมลิงค์

ตอนแรก

ตอนสอง

ตอนสาม

ที่มา Kinzer, S. "Overthrown: American's century of regime change from Hawaii to Iraq" Times Book, NY 2006. ISBN 978-0-8050-8240-1

Perkins, J. "Confessions of an economic hit man" Plume, NY 2005. ISBN 978-0452287082


ปล เล่มต่อไป ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะมีใครเล่นกับผมอีกหรือเปล่า แต่กำลังเล็งเรื่องที่ดูสร้างสรรค์มาหน่อยคือ The end of poverty ที่เขียนโดย Dr. Jefferey Sachs. กับอีกเรื่องคือเรื่อง ว่าด้วยเรื่องเงินๆทองๆ ที่เป็นเรื่องเศรษฐกิจการเมือง ที่ชื่อ The cahs nexus ของ Dr. Niall Ferguson

หมายเลขบันทึก: 89000เขียนเมื่อ 7 เมษายน 2007 15:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:05 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ไปอ่านหนังสือ......

เรื่องอะไรก็ได้ หลวงพี่อ่านได้ทั้งนั้น....

เจริญพร

กราบนมัสการพระคุณเจ้าครับ

ต้องกราบขอบพระคุณพระคุณเจ้ามากครับที่ได้กรุณาเข้ามาอ่านบันทึกผมเสมอมาครับ

เรื่องต่อไปก็ดูก่อนล่ะกันครับว่าจะมีคนมาเล่นด้วยหรือเปล่า ถ้าไม่มีคนมาเล่น อาจจะเป็น The end of poverty ครับ

เพราะว่าเรื่อง overthrown ดูจะมองว่าอะไรๆอเมริกันก็จะเห็นแก่ตัวไปหน่อย มาดู The end of peverty บ้าง เผื่อจะได้เห็นด้านดีของคนอเมริกันครับ

แต่ตอนนี้พี่เม้งมีโปรเจคใหม่มาให้ผมทำ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเขียนเรื่องคณิตศาสตร์ให้ดูสนุกๆครับ ถ้าพระคุณเจ้าไม่ได้ไม่มีเวลาจนเกินไปนัก อยากจะกราบนิมนต์ไปอ่านก็ดีนะครับ

กราบนมัสการมาด้วยความเคารพอย่างสูงครับ

ต้น

สวัสดีค่ะพี่ต้น

อ่านแล้วรู้เรื่องประวัติศาสตร์เพิ่มขึ้นอีกโขเลยค่ะ จะว่าไปก็กลับมาเรื่องเดิมที่ว่า คนมีอำนาจและผลประโยชน์พยายามที่จะทำทุกอย่าง เพื่อรักษาและเพิ่มสิ่งเหล่านี้ให้กับตัวเอง อยากรู้จังว่ารัฐบาลสหรัฐหรือผู้ที่เกียวข้อง เค้าเคยรู้สึก guilty กันบ้างรึเปล่า เมื่อเห็นผลกระทบจากสิ่งที่เค้าได้ทำลงไปกับประเทศเหล่านั้น

แอบวกกลับมาคิดถึงเหตุการณ์ในเมืองไทย ไม่แน่ใจว่ามีอันไหนบ้าง ทั้งในประวัติศาสตร์ ปัจจุบัน และอาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ที่สหรัฐเข้ามามีเอี่ยว คิดไปคิดมา ท่าทางจะไม่ใช่น้อย

เรื่องต่อไปขอโหวตให้ The cahs nexus หนึ่งเสียงค่ะ เพราะเคยอ่าน The end of peverty ไปแว๊บ ๆ แต่ถ้าพี่ต้นอ่านแล้วมาเล่ากันก็ยินดีค่ะ :D

..ณิช..

สวัสดีครับคุณน้องณิช

ถ้าอยากรู้ละเอียดลองไปหามาอ่านดูนะครับ เพราะว่าหนังสือมีรายละเอียดและชื่อตัวละครมากกว่านี้เยอะครับ บางคนที่เรารู้จักอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้ครับ

ผมไม่รู้จริงๆว่า รัฐบาลสหรัฐจะรู้สึกผิดหรือเปล่า แต่ผมคิดว่าคงไม่นะครับ ก็ในเมื่อคนอเมริกันชอบคิดว่าตัวเองเป็น ชนชาติที่พระเจ้าเลือกมาแล้ว (อิสราเองยุคปีสองพัน) ทำให้เขาคิดว่าเขาทำถูก โดยไม่ได้สนใจถึงขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิมของแต่ละพื้นที่ก็เป็นได้

ส่วนหนึ่งอเมริกานั้นเจริญด้วยความรวดเร็ว ก็เพราะความไม่มีขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และความเชื่อ เหมือนกับที่มองโกลไม่มี ทำให้ประเทศเขาสามารถรับความรู้ วิทยาการ หรืออะไรก็ได้ที่ใหม่ และเขาคิดว่าเหมาะสม นำมาใช้พัฒนาประเทศได้ครับ

เมื่อคิดแบบนี้ บางทีการยัดเยียด โมเดล นี้กับคนอื่นก็อาจจะไม่แปลกนัก (แต่นี่ก็ดูจะเป็นการมองโลกในแง่ร้ายไปนิดนึง)

ผมคิดว่าประเทศไทยคงโดนบีบมาบ้างในช่วงสงครามเย็นนะครับ แต่เราก็คงจะไม่รู้ว่าโดนบีบเยอะขนาดไหน แล้วมีองค์กรอะไรบ้างที่เข้ามา

ส่วนเรื่องหนังสือ อืมม น้องณิชมาโวตช้าไปแล้วอ่ะครับ เพราะตอนนี้เริ่มอ่าน The End of Poverty ไปแล้ว แต่ถ้าน้องณิชอ่านแล้ว ก็ดีสิครับ จะได้มีคนมานั่งคุยกัน

เอาเป็นเล่มหลังจาก The End of Poverty จะเป็นเรื่อง The Cash Nexus ล่ะกันครับ

ขอบคุณครัย

ต้น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท