รางวัลพระปกเกล้า : คำตอบยืนยันในเกรียติภูมิของท้องถิ่น
ปัจจุบัน
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนใหญ่ได้รับการพัฒนา และเพิ่มแรงกระตุ้น
การทำงานที่สร้างกระบวนการเรียนรู้ สร้างความเข้มแข็งของชุมชน
เปิดโอกาสให้ชุมชนเข้าถึงและตรวจสอบได้
และอยู่ใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ
ปรากฏการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในหลาย ๆ พื้นที่ของประเทศไทย
ที่กำลังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน(Transitional
Period)อันสำคัญของท้องถิ่น
ได้สะท้อนให้เห็นภาพการทำงานขององค์กรท้องถิ่น
ที่เป็นไปตามนิยามของการทำงานทางเมืองที่ว่า
การเมืองจะต้องเป็นเรื่องของประชาชน ที่ทำโดยประชาชน
และทำเพื่อประชาชน
ทิศทางของการเปลี่ยนแปลงไปสู่การแข่งขันกันทำในสิ่งที่ดีงาม
ทำในสิ่งใหม่กว่า ที่เป็นนวัตกรรมทางความคิด
และนำหน้าทางนวัตกรรมในการทำงาน ได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และเป็นเสมือนห้วงเวลาการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ ซึ่งกำลังค่อยๆ
ทยอยลบภาพเก่า ๆ เดิม ๆ
ที่ไม่ค่อยดีงามหรือภาพอันน่าสะพรึงกลัวของการเมืองท้องถิ่นที่มีแต่ผู้รับเหมาก่อสร้าง
นักเลงหัวไม้หรือกลุ่มแสวงหาผลประโยชน์ นับวันที่จะค่อย ๆ
เลือนลางหายไป
เป็นห้วงของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นองค์กรที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
องค์กรท้องถิ่นที่ใช้ความรู้เป็นเครื่องมือประกอบการทำงานก็มีมากยิ่งขึ้นและนับวันที่จะเพิ่มทวีความมีคุณภาพมากขึ้นเรื่อย
ๆ เป็นลำดับ
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเสมือนหนึ่งการส่งผ่านพัฒนาการของสังคมที่เปลี่ยนผ่านจากสังคมแบบดั้งเดิม(Primitive
Society ) ไปสู่สังคมเกษตรกรรม(Agricultural Society)
เชื่อมร้อยต่อไปสู่สังคมอุตสาหกรรม(Industrial Society)
สังคมยุคข้อมูลข่าวสาร(Information Society) และสังคมแห่งการเรียนรู้
(Knowledge Based Society) เป็นต้น
สิ่งที่จะเป็นเครื่องมือในการพิสูจน์โจทย์ดังกล่าว
ก็จะเห็นได้จากการที่ผู้นำขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)
เพราะว่าขณะนี้มีผู้นำมีพฤติกรรมใฝ่รู้มากขึ้น
บางที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพ และคุณภาพด้วยการศึกษาอบรม
ทั้งในหลักสูตรระยะสั้นบ้างระยะยาวบ้าง
การเปิดโอกาสของการแลกเปลี่ยนรู้ร่วมกันในศาสตร์สาขาเดียวกันบ้าง
และข้ามศาสตร์สาขาบ้าง มีการศึกษาต่อทั้งในระดับปริญญาตรี และปริญญาโท
ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่นโดยตรงบ้าง
หรือสาขาที่แตกต่างกันออกไปเป็นลักษณะสหสาขาวิทยาการบ้างตามลำดับ
มีท้องถิ่นอยู่จำนวนหลายแห่งด้วยกันที่ผู้นำ
หรือผู้บริหารท้องถิ่นมีความรู้จบการศึกษาถึงระดับปริญญาเอก ปริญญาโท
และปริญญาตรี
นอกจากนั้นก็ยังมีอีกหลายแห่งเช่นกันที่ผู้นำในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(อปท.)กำลังเข้ารับการศึกษาต่อทั้งสอง -
สามระดับดังที่กล่าวมาข้างต้นด้วยแล้ว
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทางสังคมในรูปแบบต่าง ๆ เหล่านี้
ดูเหมือนหนึ่งว่าจะเป็นเครื่องมือที่สามารถยืนยันถึงการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่สิ่งที่ดีงามขึ้น
เป็นการนำเอาประสบการณ์ ผสมผสานกับความรู้ใหม่ ๆ ที่ได้รับ
และแปลงไปสู่การปฏิบัติ เพื่อพัฒนาท้องถิ่น
ซึ่งถือว่าเป็นการก้าวนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งยวดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(อปท.) ทีเดียว
สถาบันพระปกเกล้า
ในฐานะที่เป็นหน่วยงานอิสระของรัฐบาลภายใต้การกำกับของรัฐสภา ซึ่งมี
พันธกิจด้านการส่งเสริมและพัฒนาความรู้ด้านการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาการปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นรากฐานที่มั่นคงของระบอบประชาธิปไตย
และ ต้องการที่จะส่งเสริมหลักธรรมาภิบาลในการปกครองส่วนท้องถิ่น
ได้จัดทำโครงการรางวัลพระปกเกล้าสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบต่าง
ๆ
ที่มีความเป็นเลิศด้านความโปร่งใสและการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน
ประจำปี พ.ศ. 2548 ขึ้น
และมีการมอบรางวัลดังกล่าวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 5
กันยายน 2548 ซึ่งตรงกับวันสถาปนาสถาบันพระปกเกล้า
โดยก่อนหน้านี้ทางสถาบันฯ
ได้จัดทำหนังสือเชิญชวนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกรูปแบบ
ด้วยการประชาสัมพันธ์ ผ่านทางโทรทัศน์ วิทยุ สื่อหนังสือพิมพ์ นิตยสาร
website ของสถาบันฯ และจัดทำหนังสือส่งไปยังท้องถิ่นจำนวน 7,850 แห่ง
ทั่วประเทศ
จากนั้นจึงได้ทำการวิจัยและประเมินเพื่อคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เข้าร่วมโครงการเพื่อรับรางวัลพระปกเกล้า
ตามขั้นตอนและกระบวนการ ทั้งการศึกษาข้อมูลเชิงลึกในพื้นที่
ฟังความคิดเห็นจากประชาชน ประเมินกิจกรรม และ
ผลงานที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
อย่างน้อย 5 ขั้นตอน กล่าวคือ
ขั้นตอนที่ 1 การรับสมัครให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าร่วมโครงการ
ขั้นตอนที่ 2 การประเมินคุณสมบัติขั้นต้น
ขั้นตอนที่ 3 การประเมินความโปร่งใส และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน
ขั้นตอนที่ 4 พิจารณาคัดเลือก และทำการการศึกษาข้อมูลในระดับพื้นที่
และขั้นตอนที่ 5 ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย เป็นการพิจารณาคัดเลือกเพื่อเข้ารับรางวัล
คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิที่สำคัญ 21
ท่าน โดยมี รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร เลขาธิการสถาบัน
เป็นที่ปรึกษา ศาสตราจารย์อนันต์ เกตุวงศ์ เป็นประธานกรรมการ
รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต รองเลขาธิการสถาบันฯ
เป็นรองประธานกรรมการคนที่ 1 รองศาสตราจารย์ วุฒิสาร ตันไชย
รองเลขาธิการสถาบันฯ เป็นรองประธานกรรมการคนที่ 2 และ
อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นกรรมการ เป็นต้น ในปี
2548 นี้ มีองค์กรปกครองส่วนท้อถิ่นที่ได้รับรางวัลพระปกเกล้า
สำหรับสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความเป็นเลิศด้านความโปร่งใส
และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน จำนวน 20 แห่ง เป็นหน่วยงาน
องค์การบริหารส่วนจังหวัด 2 แห่ง เทศบาล 9 แห่ง องค์การบริหารส่วนตำบล
9 แห่ง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ที่ได้รับประกาศเกียรติคุณสถาบันพระปกเกล้าสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความเป็นเลิศด้านความโปร่งใส
และการ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน จำนวน 23 แห่ง เป็นหน่วยงาน
องค์การบริหารส่วนจังหวัด 2 แห่ง เทศบาล 12 แห่ง
และองค์การบริหารส่วนตำบล 9 แห่ง เทศบาลตำบลปริก
เป็นองค์กรหนึ่งในจำนวนองค์กรปกครองท้องถิ่นที่ได้รับรางวัลพระปกเกล้า
สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความเป็นเลิศด้านความโปร่งใสและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน
เศรษฐกิจพอเพียง ร้อยเรียงวิถีชุมชน คนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา
ประชาสังคมสันติสุข
เป็นวิสัยทัศน์ของเทศบาลตำบลปริกที่เกิดจากพี่น้องประชาชน
และกลุ่มแกนนำชุมชน องค์กรชุมชน
รวมทั้งพนักงานของเทศบาลและผู้บริหารได้ร่วมกันคิดและกำหนดขึ้นมาบนพื้นฐานของลักษณะทางสังคม
เศรษฐกิจ วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ และสภาวะแวดล้อม
ของท้องถิ่นอันไม่ไกลเกินความจริงนัก
ในช่วงระยะที่ผ่านมา เทศบาลตำบลปริกภายใต้การนำของนายสุริยา ยีขุน
นายกเทศมนตรีผู้ที่ผ่านประสบการณ์การทำงานร่วมกับชุมชน
และคลุกคลีอยู่กับวงการด้านการพัฒนาสังคมมาโดยตลอด
เป็นพื้นที่หนึ่งที่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ
มากมายหลายประการ
อย่างน้อยที่สุดผลงานที่เกิดขึ้นจากการทำงานที่มุ่งเน้นคน
และชุมชนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา
ก็ได้ส่งผลให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ถึงการทำงานทางการเมืองท้องถิ่นที่ดี
จะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของประชาชน
เพราะประชาชนเป็นทุนทางสังคม(Social Capital) อันยิ่งใหญ่
ที่จะช่วยหนุนเสริมให้ท้องถิ่นสามารถขับเคลื่อน
และพัฒนาไปสู่ความยั่งยืนได้
เทศบาลตำบลปริก มีความโดดเด่นในเรื่องการให้ความร่วมมือกับภาคีต่าง ๆ
และการมีส่วนร่วมของประชาชน เริ่มตั้งแต่กระบวนการในขั้นต้น ได้แก่
การจัดทำเวทีประชาคม ประชุมเชิงปฏิบัติการ ประชุมกลุ่มย่อย
สนทนากลุ่ม(Focus group) เพื่อร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ร่วมกันตัดสินใจ
อย่างสม่ำเสมอ ทั้งในส่วนที่เป็น วิสัยทัศน์ พันธกิจ และนโยบายหลัก 8
ประการ ที่ฝ่ายบริหารได้นำมาใช้เพื่อการพัฒนาเทศบาล
ต่างมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชน ชุมชน และภาคีภาคส่วนต่าง
ๆ โดยนำเอาข้อมูลที่ได้จากระบวนการร่วมคิดของชุมชน มากลั่นกรอง
จัดลำดับความสำคัญ ระดมสมอง เพื่อจัดทำแผนพัฒนาเทศบาล 3 ปี
แผนปฏิบัติการประจำปีเป็นการนำเอานโยบายแปลงไปสู่แผน
และการปฎิบัติ
ที่ผ่านมา เทศบาลตำบลปริกเป็นองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น(อปท.)
ที่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการรู้เห็นรับผิดชอบต่อการประกาศจัดซื้อจัดจ้าง
การเป็นกรรมการจ้างและตรวจการจ้าง
กรรมการควบคุมการก่อสร้างในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน
การติดตามและประเมินผลความสำเร็จของโครงการและกิจกรรมที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เทศบาลได้แสดงงบประมาณรายรับ-รายจ่ายให้ประชาชนทราบ
โดยผ่านสื่อหนังสือรายงานสรุปผลการดำเนินงานประจำปี (ปีละครั้ง
โดยแจกจ่ายให้กับพ่อแม่พี่น้องทุกครัวเรือนในวันขึ้นปีใหม่ของทุกปี)
สารต้นปริก (ซึ่งเป็นวารสารราย 4 เดือน) แผ่นพับ
แผ่นปลิว การติดประกาศในกระดานข่าวประจำชุมชนและสำนักงาน
การประชาสัมพันธ์ผ่านระบบกระจายเสียงแบบไร้สายในรายการนายกเทศมนตรีคุยกับประชาชนเป็นประจำอย่างน้อยเดือนละ
2 ครั้ง (ในวันจันทร์แรก และจันทร์ที่สามของเดือน)
มีการสร้างกระบวนการเรียนรู้ จัดกิจกรรมกลุ่ม
อบรมและสร้างวิทยากรกระบวนการในระดับชุมชน
เพื่อเป็นพลังหนุนเสริมในการขับเคลื่อนเรื่องการจัดทำแผนชุมชน
ตลอดจนแผนพัฒนาเทศบาล
ในขณะเดียวกัน
เทศบาลตำบลปริกยังมีโครงการที่แสดงถึงความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
แสดงถึงแนวทางการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน อาทิ
โครงการหนึ่งสายน้ำหนึ่งตำบล โครงการหน้าบ้านน่ามอง
โครงการเยี่ยมแม่และเด็กหลังคลอด
ที่สร้างสัมพันธ์สายใยเชื่อมโยงระหว่างประชาชนกับองค์กร
กิจกรรมการเดินเคาะประตูบ้านเพื่อถามทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน
การพัฒนาชุมชนร่วมกับพี่น้องประชาชนในแต่ละชุมชนเดือนละหนึ่งครั้ง
ร่วมกับคณะการจัดการสิ่งแวดล้อมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
วิทยาเขตหาดใหญ่ส่งเสริมการทำวิจัยเชิงปฎิบัติแบบมีส่วนร่วม
(Participatory /Action Research) โดยมีประชาชนมาเป็นนักวิจัยผู้ช่วย
โครงการจัดการขยะและเศษวัสดุเหลือใช้ในชุมชน
โครงการการจัดการสิ่งแวดล้อมชุมชน
โครงการความร่วมมือกับโครงการปฏิบัติการชุมชนและเมืองน่าอยู่
โครงการพัฒนาชุมชนเป็นสุขที่ภาคใต้ นอกจากนั้น เทศบาลตำบลปริก
ได้เปิดโอกาสของการเรียนรู้ให้กับพนักงานขององค์กร
เพื่อสร้างศักยภาพขององค์กรให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning
Organization)
มีแผนพัฒนาบุคลากรที่ชัดเจนเพื่อนำไปสู่การเป็นหน่วยบริการสังคม
(Social Service
Sector)และสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้หรือสังคมอุดมปัญญา (Knowledge
Based Society) ให้เกิดขึ้นในท้องถิ่น ตามพันธกิจ และวิสัยทัศน์
ของเทศบาล เป็นต้น
**********************