แต่ในโลกของความฝัน สิ่งที่เราเห็นนั้น จะพร่ามัว ดูเลือนรางหรือมีนัยผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง เหมือนเวลาที่ตื่นจากฝัน หรือบางครั้งความฝันของเราก็มักจะแปลกประหลาดเกินความเป็นจริงไปหมด
The Sleeping
Gypsy
ฟังดูชื่อค่อนข้างโรแมนติกหวานแหววดี
ทำให้นึกถึงหนังการ์ตูนที่คุ้นๆหู คือ The Sleeping Beauty
หรือเจ้าหญิงนิทรา อะไรทำนองนั้น
แต่พอมาดูรูปจริงๆเข้า หลายคนกับบ่นพึมพัม เสียงคล้ายหมีกินผึ้งว่า
ดูแล้วงง..งง ไม่ค่อยจะรู้เรื่องหรือเข้าใจดี
จนสามารถบรรยายได้คล่องแคล่วเหมือนกับรูปก่อนๆ
ครับ
อันที่จริงเป็นเจตนาของผม
ที่จะค่อยๆนำเสนอผลงานศิลปะที่มีลักษณะเนื้อหาและรูปแบบที่แตกต่างกัน
เพื่อที่ผู้ชมจะได้เรียนรู้และเกิดความซึมซาบลิ้มรสงานศิลปะแต่ละยุคสมัยให้เกิดสุนทรียารมณ์ที่แตกต่างกัน
งานศิลปะของ
Andrew Wyeth
ที่ผมเคยนำเสนอแต่แรกนั้น เป็นผลงานประเภทเหมือนจริง
Realistic
ที่อาศัยความเป็นจริงของธรรมชาตินำไปสู่แก่นของเนื้อหาภายในใจของจิตรกร
เมื่อเราดูงานศิลปะประเภทนี้ จึงเข้าใจและเกิดการ
“รู้เรื่อง” ได้ง่าย
เพราะคุ้นเคยกับความเป็นจริงด้วยตาเห็นมาก่อน
เรียกได้ว่า มีประสบการณ์เดียวกันหรือเกิดประสบการณ์ร่วม
ที่กล่าวว่า “รู้เรื่อง”นั้น
หมายถึงความคุ้นเคยของผู้ชม
ที่เกิดขึ้นเวลาดูงานศิลปะต้องพยายามค้นหา
“เรื่อง” (subject matter) ให้เข้าใจให้ได้ว่า
มันเป็นเรื่องอะไร เช่น เป็นคนใช่ไหม? กำลังทำอะไร?
ทำไมจึงทำอย่างนั้น? เป็นต้น
เหมือนเด็กอายุ 5 ขวบที่ชอบถามพ่อแม่ว่า “นั่นตัวอาไรคับ?”
เวลาพบเห็นอะไรที่แปลกหูแปลกตา
พอตอบไปแล้วอธิบายอย่างดีนึกว่าจะจบหมดคำถาม
แต่ก็มักจะมีคำถามเพิ่มอยู่ตลอดเวลา เช่น เมื่อตอบว่า
“ตัวนั้นเรียกว่าแมวลูก” ก็จะเจอคำถามใหม่ว่า
“แล้ว...ทำมายต้องชื่อแมวล่ะ?”
และ “ทำมายตัวนั้นไม่เรียกว่าแมว?”
และ....และ...และ...
จนบางทีคุณพ่อคุณแม่จนมุม ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี
ต้องทำเป็นดุไล่ให้ไปนอนซะอย่างนั้น
ภาพบางภาพก็ดูเอาเรื่องได้
เพราะมีเรื่องให้ดูและศิลปินก็เน้นเรื่องราวของภาพ ที่เป็นเนื้อเรื่อง
คือให้เรื่องราวนำไปสู่เนื้อหา(Content) แต่ภาพบางภาพบางประเภท
อาจเน้นรูปแบบไม่เน้นเรื่องราวเท่าใดนัก เช่นงานศิลปะประเภทนามธรรม
(Abstract Art) เป็นต้น
ภาพบางประเภท ก็เน้นทั้งสองอย่าง ทั้งเรื่องราวและรูปแบบ
อย่างภาพ The
Sleeping Gypsy นี้เป็นต้น ภาพนี้ออกแนวกึ่งๆสองโลก
คือโลกแห่งความเป็นจริงและโลกแห่งความฝัน
ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น ได้แก่สิ่งที่เรารู้จักดี เห็นได้ชัดเจน
ไม่มีข้อสงสัย เช่นรูปทรงของคน สัตว์หรือสิ่งของ เช่นยิปซีในภาพ สิงโต
แมนดาลิน โถใส่น้ำ และภูมิทัศน์
แต่ในโลกของความฝัน สิ่งที่เราเห็นนั้น อาจจะพร่ามัว
ดูเลือนรางหรือมีนัยผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง
เหมือนเวลาที่ตื่นจากฝัน เรามักจะจำความฝันนั้นได้ไม่ชัดเจน
เมื่อจะเล่าให้ใครฟังได้ไม่ละเอียดนัก
หรือบางครั้งความฝันของเราก็มักจะแปลกประหลาดเกินความเป็นจริงไปหมด
จนไม่สามารถบรรยายหรือเล่าออกมาให้ฟังได้ชัดเจน
ความรู้สึกดังกล่าวนี้ จะปรากฏออกมาในงานศิลปะที่เรียกว่า
ศิลปะเหนือจริง Surrealistic
คำว่าเหนือจริงในที่นี้หมายถึง เหนือจากความเป็นจริงในธรรมชาติ
อาจจะเป็นเรื่องราวหรือเป็นรูปทรงที่เห็นได้ในงานศิลปะชิ้นนั้นๆ
ดังนั้น ขอให้ท่านทั้งหลายกลับมาดูภาพนี้ใหม่
ด้วยสายตาและมุมมองใหม่ที่เข้าใจโลกทั้งสองใบที่ซ้อนกันอยู่ภายในใจของเรา
เอาล่ะ
อาจารย์จะเริ่มบรรยายให้ฟังก่อน...เชิญล้อมวงเข้ามาและหลับตาฟัง
ณ ราตรีหนึ่ง
คืนวันเพ็ญที่มีจันทร์ทอแสงเย็นตากระจ่างฟ้า
ยิบซีนางหนึ่ง ในอาภรณ์สีสดใสแบบสตรีชาวอารเบี้ยน
นางร่อนเร่พเนจรใช้ชีวิตเยี่ยงคนที่ไร้บ้าน เป็นอนาคาริก
ถือคติความสุขใจที่เกิดจากการมีอิสรภาพ ปลอดจากสิ่งร้อยรัดทั้งปวง
แสวงหาสุขทางใจรื่นรมย์จากการที่ได้พบเห็นสิ่งแปลกใหม่จากผู้คนและสถานที่
จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
สิ่งที่นำมาแลกเปลี่ยนเป็นอาหารและเครื่องดื่มเพื่อประทังชีวิตของนาง
คือศิลปะการเล่นดนตรี ขับร้องเพลงและร่ายรำ
หรือการทำนายทายทักในเรื่องของโชคชะตาราศี
ที่เป็นศิลปวิทยาการอันเลื่องชื่อในหมูชาวยิบซี
บางครั้ง
นางก็จับกลุ่มเดินทางเป็นคาราวานน้อยๆกับชนชาวยิบซีบางกลุ่ม
และในบางครั้งนางก็พึงใจที่จะแยกตัวออกไปแสวงหากลุ่มใหม่ที่มีแนวทางและความคิดเห็นที่ตรงกัน
โลกนี้ยังมีพื้นแผ่นดินที่กว้างใหญ่และท้องฟ้ายังมีอาณาเขตไพศาลยิ่งนัก
เกินกว่าชีวิตหนึ่งจะรอนแรมไปได้
คืนเพ็ญนี้ ท่ามกลางทะเลทรายอันไพศาล
นางแยกตัวออกมาจากหมู่ประสงค์จะอยู่ตามลำพัง
คะนึงถึงชีวิตและความสุขที่ผ่านมา และเตรียมตัวที่จะเดินทางต่อไป
จะใกล้หรือไกลปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตที่จะลิขิต
นางแค่ดื่มไวน์ที่บรรจุในภาชนะดินเผาที่ขอมาจากหมู่บ้านทางผ่าน
เมื่อดื่มหมดแล้วก็ใช้เป็นที่บรรจุน้ำดื่มไว้ประทังความกระหายกลางทาง
เมื่อเมื่อยล้าเต็มที่นางจึงทรุดกายลงนั่งที่เนินทรายแห่งหนึ่งแสดงความประสงค์จะพักแรม
ณ ที่แห่งนี้
นางปูผ้าที่ติดตัวอยู่เสมอลงบนผืนทรายเพื่อเก็บความอบอุ่นแห่งวันวารไว้พึ่งพิงในคืนที่เยือกเย็นนี้
ความเปลี่ยวอ้างว้างของทะเลทรายในยามค่ำคืนทำให้นางรู้สึกแปลกๆขึ้นมาในใจ
แสงจันทร์ในคืนเพ็ญนั้นเล่า ช่างเปล่งแสงกระจ่างงามนวลตา
ลบความดำอันมืดมิดของรัตติกาลให้กลายเป็นแสงสีน้ำเงินอันกว้างใหญ่
ดูประหนึ่งเป็นผ้าห่มสีน้ำเงินเข้มแผ่ความนุ่มนวลมาปกคลุมทั่วท้องทุ่งทะเลทราย
เหมือนอ้อมอกอันอบอุ่นและนุ่มของมารดาที่โอบอุ้มเอาราตรีนี้ไว้ในอ้อมแขน
นางทอดสายตาไปรอบๆดูแสงสีเหลืองทองอบอุ่นอันงามตาฉาบทาไปทั่วท้องทะเลทราย
ทำให้สีน้ำตาลของเม็ดทรายอันไร้ค่ากลายเป็นทรายสีทอง
เปล่งแสงสีสะท้อนวิบวับเท่าที่แสงนวลจันทร์จะส่องไปถึง
ทิวเขาที่อยู่ลิบๆนั้นก็แลดูมลัง
มเลืองขึ้นมาในความมืดและแสงสีของจันทร์ทำให้ความแข็งของภูผานั้นกลับดูนุ่มเหมือนถูกคลุมด้วยผ้าไหมสีนวลของไข่มุก
นางสัมผัสถึงความเย็นของสายลมแรงที่พัดมาต้องกายเป็นระยะๆ
ที่ทำเสียงหวีดหวิวประหนึ่งเสียงขลุ่ยอันไพเราะ
ทำให้นางอดใจไว้ไม่ได้ต้องเผลอใจร้องออกมาเป็นท่วงทำนองเบาๆในลำคอและโยกตัวตามทำนอง
ใจนางเริ่มเคลิบเคลิ้มด้วยอารมณ์อ่อนไหว
ด้วยอำนาจของมนต์เสน่ห์อันลึกลับของทะเลทราย
ทำให้นางหยิบแมนโดลินคู่กายมาบรรเลงเพลงท่วงทำนองใหม่ที่สอดรับกับเสียงลมและแสงจันทร์
พลัน ทั่วท้องทะเลทรายดูเหมือนมีชีวิต
แสงมืดมิดของราตรีมลายไปทันใดเมื่อเสียงเส้นสายแห่งแมนโดลินเปล่งความดัง
สายลมเริ่มพัดมาเป็นจังหวะ ความลึกลับแห่งท้องทุ่ง นางยิบซี ดวงดารา
และจันทร์กระจ่างฟ้า มลายกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 45pt" class="MsoNormal">นานเท่านาน
เวลาผ่านไปเพียงใดนางไม่รู้สึก
นางรู้แต่ว่าไม่สามารถประคองหนังตาที่เริ่มหนักอึ้งไว้ได้อีกต่อไป
นางวางแมนโดลินไว้ข้างกาย ทอดกายนอนลงบนผ้าที่ปูไว้
สอดมือข้างซ้ายงอพับไว้กับอกสร้างไออุ่นและฟังเสียงเต้นของหัวใจที่ยังบรรเลงเพลงอยู่ไม่คลาย
มือข้างขวาของนางเลื่อนมากุมไม้นำทางตามสัญชาตญาณของนักรอนแรม
ตาทั้งสองของนางปิดสนิทลง
ปากอ้าออกมาเล็กน้อยช่วยระบายลมหายใจในทรวงอก
อกของนางกระเพื่อมขึ้นและลง
ทำให้จังหวะของลมหายใจของนางผสานกับความลึกลับแห่งราตรีเป็นจังหวะเดียวกันอย่างประหลาด
</p>
แสงสว่างของจันทร์เพ็ญอ่อนแสงลง เมื่อราตรีดำเนินไป
นางเข้าสู่ภวังค์แห่งนิทรารมย์และเกิดความฝันอันแปลกประหลาดที่ไม่เคยฝันมาก่อน
ในฝันนั้น นางมองเห็นตนเองนอนหลับอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์
แสงสีนวลทองของจันทร์เพ็ญสร้างประกายสีทองลงบนผิวกายสีดำนิลของนาง
สร้างความแปลกตาให้เกิดรูปลักษณ์ใหม่แก่นาง...............................................................................
………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………
อืมมม...เอาอย่างนี้ดีกว่า
เชิญนักเรียนศิลปะทั้งหลาย บรรยายแต่งเติมกันต่อ ดีไหมเอ่ย?
จะได้ฝึกปรือวิทยายุทธ์ดูภาพไป ฝึกเขียนไป
เพื่อเกิดสุนทรียารมณ์ในใจ
ขนมยังมีอยู่...และไม้บรรทัดยังคงรอ...
บอกข่าวดี
อาจารย์ให้เด็กเอาไม้บรรทัดไปชุบกอฮอล์ทำความสะอาดแล้ว...เด็กวิ่งมาบอกว่ากอฮอล์หมดเลยเอาไปชุบ
VSOP แทน :)
เอาก็เอา
เนาะ