เมื่อวันก่อนผมได้หารือกับนักวิชาการจากต่างประเทศ ถึงประเด็นที่นักวิชาการมักเข้าใจผิด โดยเฉพาะ “ทุนทางสังคม” ที่สำคัญมากในการทำงานและการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข ที่บางท่านยังเข้าใจว่าเป็น “ทุนของสังคม”
แท้ที่จริงแล้ว“ทุนทางสังคม” ที่พูดกันนั้น จะมีมากน้อยไม่สำคัญเท่ากับว่าผู้ปฏิบัติงานจะสามารถนำมาใช้ได้มากน้อยแค่ไหน และถ้าแม้จะมี แต่นำมาใช้ไม่ได้ มีค่าเท่ากับไม่มี
ดังนั้น การพัฒนาทุนทางสังคม จึงต้องพิจารณาอย่างน้อย ๒ ประเด็น คือ
1. ทุนทางสังคมที่มีอยู่ รวมทั้งที่นำมาใช้แล้ว และยังไม่นำมาใช้
2. ทุนทางสังคมที่จำเป็นต้องพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นความรู้ ความสามัคคี ความเชื่อถือ และบุญประเพณี ด้านต่างๆ
เมื่อทราบอย่างรู้แจ้งเห็นจริงแล้วจึงเข้าสู่ระบบการนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ที่ง่ายที่สุดก็คือ
เริ่มจากการการพัฒนาแบบแนวร่วม ภาคี และเครือข่าย จนกระทั่งพัฒนาขึ้นมาในระดับเพื่อนร่วมงาน ก็จะทำให้สามารถใช้ และพัฒนาทุนทางสังคมได้จริง
ลองคิดดูนะครับ ว่าท่านจะพัฒนาได้อย่างไร จึงจะเป็นประโยชน์ ประหยัดทรัพยากร มีประสิทธิผล และมีประสิทธิภาพสูงสุด
แต่ต้องมองเฉพาะที่นำมาใช้ได้จริงเท่านั้นครับ
อย่าไปฝันลมๆแล้งๆ พัฒนาทุนทางสังคม แบบเราและคนอื่นๆไม่มีทางได้ใช้ เหนื่อยเปล่าครับ
อาจารย์ ดร.แสวง
อาตมารู้สึกว่า ทุนทางสังคม (โดยเฉพาะที่เกี่ยวโยงกับวัด) จะค่อยๆ ง่อยเปลี้ยลงทุกวัน...
เจริญพร
เรียนอ.แสวง
เห็นด้วยอย่างยิ่ง ไม่เว้นแม้แต่วัด การศึกษา การพัฒนาสังคม ฯลฯ เราต้องเน้นแนวปฏิบัติมากกว่าแนวทฤษฎี (เพราะประเทศเราขาดนักปฏิบัติที่ลงมือทำ หรือมีอยู่น้อยค่ะ )
เรียน อาจารย์แสวง ที่เคารพ
อาจารย์ครับ เมื่อวานนี้พวกเราทีมนักศึกษาพัฒนบูรณาการศาสตร์ ได้ตระหนักเป็นอย่างยิ่งในเรื่องของทุนทางสังคม เพราะเราได้ร่วมกระบวนการเรียนรู้และฝึกอบรมเกษตรกรตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ณ มหาชีวาลัยอีสาน ซึ่งเราได้มองเห็นว่าทุนทางสังคมที่เข้ามามีส่วนช่วยให้กระบวนการอบรมและการเรียนรู้ชัดเจนขึ้นก็คือ พ่อเขียว เสงี่ยมทรัพย์ ที่เป็นอีกชุดความรู้ซึ่งประกอบด้วย
ส่วนทุนทางสังคมที่มหาชีวาลัยอีสานมีคือ ความรู้และทุนด้านปัจจัยแวดล้อม พร้อมทั้งความเชื่อถือจากเครือข่าย รวมทั้งในกรณีของการอบรมการเพาะเห็ด ที่พวกเราพยายามสร้างกระบวนการเรียนรู้แก่เกษตรกรภายในเวลาที่จำกัด พวกเราก็ได้ใช้ทุนทางสังคมจากภาคีเครือข่ายคือคุณศักดิ์ชัย พลชัย ที่เป็นพันธมิตรทางวิชาการที่เหนียวแน่น อีกทั้งมีความเชื่อและศรัทธาซึ่งกันละกัน แม้กระทั่งยอมมาส่งหัวเชื้อเห็ดและอุปกรณ์ที่เราขาด ยอมลงทุนขับรถมาส่งเชื้อเห็ด อุปกรณ์ และเอกสารใบความรู้ต่าง ๆ ด้วยตนเองจากจังหวัดอุบลราชธานีมาถึงบุรีรัมย์ดึกๆ ดื่นๆ ค่อนคืน ซึ่งยอมมาส่งดยไม่มีข้อคำถามใดๆ นับว่ามาด้วยใจที่มีต่อกัน
ดังนั้น พวกเราจึงคิดว่าทั้งในกรณีของพ่อเขียวและคุณศักดิ์ชัย ที่ได้กล่าวมาในเบื้องต้นนั้น จึงถือว่าเป็นทุนทางสังคมที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่เราสามารถนำมาใช้ได้ และสามารถพัฒนาต่อยอดและร่วมเป็นภาคีหรือพันธมิตรในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ต่อไปได้ครับ
ด้วยความเคารพ
ทีมนักศึกษาโข่ง
เรียน อาจารย์แสวง
เรียน คุณโสภณ
เมื่อท่านรู้สึกว่าอุ่นใจกับมีเงิน ท่านก็ได้ใช้เงินระดับหนึ่ง
แต่ถ้าเงินที่มีอยู่ท่านใช้ไม่ได้ ก็คงไม่อุ่นใจใช่ไหมครับ
เรื่องทุนทางสังคมนี่ ผมพยายามทำให้ชัดขึ้นครับ ว่าต้องเราใช้ได้เท่านั้น
ถ้าคนอื่นใช้ได้แต่เราใช้ไม่ได้ ก็ยังมีนะครับ แม้จะเป็นสังคมเดียวกัน
ลองคิดดูดีๆ จะไม่งงครับ ที่งงอาจจะเป็นการไปติดคำ โดยไม่ได้ดูความหมายจริงๆครับ
ก่อนอื่น ผมต้องขอโทษที่เงียบไปประมาณเกือบหนึ่งสัปดาห์ ด้วยเหตุผล หลักๆ สองประการคือ
ผมสงสัยแล้วว่าจะต้องมีคนงงคำว่า"ทุนทางสังคม" แต่ก็มองโลกแบบ opyimistic ไว้ก่อน เลยไม่ได้แจงอะไร
ทุนทางสังคมที่สำคัญที่สุดในงานที่ผมต้องใช้ในการทำงานก็มี
ที่เราต้องใช้ในงานของเราได้ ที่บางทีเขาสามัคคีรุมทุบงานเรา กลับจะเป็นเรื่องเสียมากกว่าดี นี่เป็นตัวอย่างเล็กๆ ว่า "เราต้องใช้ได้ครับ"
คงพอเข้าใจนะครับ
ขอบคุณพันธมิตรที่เป็นห่วงสุขภาพผม
ผมขอตอบว่าสุขภาพยังปกติมากๆเลยครับ ไม่เคยเจ็บป่วย นอกจากเป็นหวัด ท้องเสียบ้างเป็นธรรมดา
แต่งานหนักนั้นสม่ำเสมอครับ ไม่เปลี่ยนแปลง
ยังทำนา เลี้ยงวัว จับปลา เลี้ยงปลา ประชุม สอนนักศึกษา ทำวิจัยต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เหมือนเดิมครับ คงจะเพลาอีก ๔ ปีข้างหน้าครับ ตอนนี้กำลังเตรียมระบบในนาครับ เป็นแบบเศรษฐกิจพอเพียงครับ
ดังรูปข้างบนครับ
สวัสดีค่ะอ.แสวง
ตามเข้ามาดูอีกรอบหนึ่งค่ะ อาจารย์เปลี่ยนรูปด้านบนได้สวย ดูแล้วสบายตาจังเลยค่ะ ชอบมาก ๆค่ะ
นาที่กำลังทำครับ
ตอนนี้เน้นเลี้ยงปลาแบบธรรมชาติ
หน้าฝนจะทำนาครับ เพราะข้าวอินทรีย์ทำฤดูเดียวก็ทานไม่ทัน ต้องแบ่งให้วัว ไก่ ปลา กินอยู่แล้วครับ
สวัสดีครับท่าน อ.แสวง
ขอบตุณครับคุณเม้ง
ผมจะไปดูสวนยางที่ปลูกในนาช่วงต้นสัปดาห์หน้าครับ จะถ่ายรูปมาลงให้ดูอยู่ครับ
ที่ผมทำเพราะไม่มีทางเลือก เพราะ "นารั่ว" เก็บน้ำไม่อยู่ แม่ยายยกให้ก็เลยลงยางเสียเลย ๑๑ ไร่ครับ ตอนนี้ได้วันละ ๒๐ กก ครับ
สวัสดีครับ ท่าน อ.แสวง
ขอบคุณครับคณเม้ง
ผมก็ได้เรียนรู้การปลูกยางในแปลงนาเก่านี่แหละครับ
บ้านแม่ยามผมก็อยู่เลยไปหน่อย ไม่กี่โลแถบรอยต่อพัทลุง/นคร
ว่าจะไปเยี่ยมครูนงด้วยครับ