Trick tag - GotoKnow

Trick tag ต้องขอขอบคุณ คุณ direct ที่เปิดโอกาสให้ อยากเขียนอยู่หลายวันแล้วค่ะ และวันนี้ก็เป็นโอกาสดีที่ได้เขียน ยอมรับว่าเป็นมือใหม่จริง ๆ ค่ะ ไม่รู้ว่าตรงประเด็นหรือเปล่าว เริ่มเลยนะค่ะ

Trick ที่ 1 เนื่องจากลักษณะงานที่ทำ บางกิจกรรมต้องประสานกับโรงเรียนในสังกัด จำนวน 238 โรงเรียน ซึ่งจะต้องใช้ความพยายามในการติดตามงานค่อนข้างมาก บางครั้งก็ได้ตามเป้าหมาย และ บางครั้งก็ไม่ได้ตามเป้าหมาย ต้องติดตามกันอย่างน้อย 3 ครั้งก็มี จึงทำให้เกิดความรู้สึกว่า การที่จะได้ข้อมูล หรืองานสักอย่างหนึ่งครบตามต้องการนั้น มีทั้งความยุ่งและยากพอสมควร แล้วหากผู้บังคับ บัญชาได้มอบหมายงานยาก ๆ หรืองานที่นอกเหนือในความรับผิดชอบของเรา บางครั้งก็เกิดความท้อแท้ แต่มักจะบอกตัวเองเสมอว่า อย่าเพิ่งท้อ ขั้นแรกเลย ต้องเชื่อมั่นและศรัธทรา ในความสามารถของตัวเอง (สำคัญมาก) แสดงว่าเราเป็นผู้มีความสามารถและเป็นที่ไว้วางใจให้ปฏิบัติงาน อย่าคิดแต่ว่า เราคงทำไม่ได้ จะบอกกับตัวเองเสมอว่า “เราทำได้” แล้วจะทำให้ “ดีที่สุด” ด้วย พลังและกำลังใจต่าง ๆ ก็จะตามมา งานก็จะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี คิดในแง่บวก มองโลกในแง่ดีงาม เพื่อให้ความคิดและจิตใจถูกเปิดกว้างขึ้น มองทุกอย่างอย่างสบาย ๆ เพื่อที่จะไม่เห็นว่าทุกอุปสรรนั้นล้วนคือปัญหา และทุกปัญหานั้นแก้ไขได้ยาก...(ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ)

Trick ที่ 2 ต้องสร้างทีมงาน ต้องรู้จักพึ่งตนเองให้ได้มากที่สุดก่อน แต่เมื่อเหลือบ่ากว่าแรง ก็ต้องกล้าเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น งานบางอย่างแม้จะเป็นงานในหน้าที่ หรือนอกเหนือหน้าที่ ที่จะต้องทำอยู่คนเดียว บางครั้งก็ต้องติดต่อประสานงานกับคนอื่น หรือ ฝ่ายอื่นบ้างแม้จะไม่เกี่ยวกันโดยตรงก็ตาม ถ้าเราลุยงานแบบทำอยู่คนเดียว ในการที่เราะทำอะไรเพียงคนเดียวนั้น ก็เป็นเรื่องอยาก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างทีมงาน ต้องสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อเพื่อนร่วมงาน มีอารมณ์ขัน มีน้ำใจ ช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน แม้จะไม่ใช่งานของเราโดยตรงก็ตาม ควรช่วยเหลือในสิ่งที่เรากระทำได้ (ไม่ใช่ก้าวก่ายนะ) แล้วผลก็จะกลับมาหาเรา เพื่อนก็จะช่วยเรา และ ใช้คำให้เป็น “ขอโทษ” “เสียใจ” “ขอบคุณ”สามคำนี้ต้องท่องขึ้นใจเลยนะ และเมื่อได้รับคำชมเชยอย่าลืมแบ่งเครดิตให้กับเพื่อนร่วมงานด้วย ไม่รับความดีไว้คนเดียวนะจ๊ะ...

Trick ที่ 3 วางแผนดีพอหรือยัง งานบางอย่างอาจทำพลาดเพราะขาดการวางแผนที่ดี ถ้าเรารู้สึกไม่ได้ดังใจก็ต้องคิดทบทวนใหม่กับการวางแผน(สำรวจตัวเอง) แล้วเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง และมักจะทบทวนการทำงานของตัวเองทุกวันศุกร์ ใช้เวลาสัก 20 – 30 นาที กับการตรวจสอบดูว่าเราทำงานลุล่วงไปได้ดีเพียงใด และยังมีงานใดที่คั่งค้างอยู่ มีข้อผิดพลาดหรือล่าช้าอย่างไรในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตรวจสอบทั้งความดีและความด้อย จากนั้นเรียนรู้ไว้เป็นข้อมูล จะตรวจดูว่าให้ความสนใจงานน้อยเกินไปหรือเปล่า จะไม่กลัวความผิดพลาด เพราะคนที่ไม่พยายามทำอะไรเลย คือคนที่ทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง

Trick ที่ 4 ตรงไปตรงมา ความตรงไปตรงมากับความก้าวร้าวนั้นใกล้กันมาก แต่ต้องเรียนรู้ว่าเมื่อมีปัญหาควรจะเปิดใจอย่างไรที่จะพูดออกไปอย่างตรง ๆ กับหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงาน แต่ต้องมีความจริงใจเป็นพื้นฐาน จะไม่พาดพิงไปถึงใครอย่างก้าวร้าว (สำคัญอีกนั่นแหละ)

Trick ที่ 5 สุดท้ายแล้ว..ชาร์จแบตให้ตัวเอง เมื่อใดที่มีความรู้สึกเบื่อ จะไม่ปล่อยเลยตามเลยจนอารมณ์และความรู้สึกของเราห่อเหี่ยว เพราะนอกจากจะได้เนื้องานที่ไม่ดีแล้ว สุขภาพจิตของเราก็จะแย่ เวลาที่รู้สึกเบื่อมักจะถามตัวเองเสมอว่า เบื่อที่จะลุยงานในช่วงนี้ หรือว่าเบื่องานลักษณะนี้ ถ้าเบื่องานในช่วงนี้ก็จะลาพักผ่อนไปชาร์จแบตสัก 3 วัน (มากไปไหม?) แต่ถ้าเบื่องานที่ทำอยู่ ก็บอกกับตัวเองว่าจงกล้าที่จะขอย้ายฝ่าย หรืออาจจะไปเป็นครูเลยก็ได้ (แต่ตอนนี้ยังไม่เบื่อนะ) จะมีวิธีชาร์จแบตให้ตัวเองหลายอย่าง เช่น ไปหาแม่ขอกำลังใจสักหน่อย (ไปเกือบทุกวัน แต่แม่ไม่ยอมพูดด้วย เพราะท่านป่วยพูดไม่ได้จ๊ะ) จัดบ้านใหม่ ตัดผมทรงใหม่ คุยกับเพื่อนสนิท ปลูกต้นไม้ ดูหนังโรแมนติก ฟังเพลงคลาสสิค ไปเที่ยวต่างจังหวัด น้ำตก ภูเขา ทะเล สูดอากาศอันบริสุทธ์ ให้สมองได้หยุดพักบ้าง (อย่าลืมนำกล้องไปด้วยนะ..หากลืมจะยิ่งเครียดใหญ่เลย) แล้วอีกอย่างอย่าลืมซื้อขนมมาฝากเพื่อน ๆ ด้วย หรือ หาหนังสือประเภทกำลังใจมาอ่าน เพราะคำพูดของใครสักคน เพียงบางคำ อาจจุดประกายความคิด ถึงขั้นเปลี่ยนชีวิตของเราก็ได้ (ล้อเล่นน่า....) หรืออาจจะไปทำบุญ ไหว้พระ นั่งสมาธิเข้าวัดให้จิตนิ่ง และหากยังไม่หายเบื่อล่ะก็...ก็ขอลาบวชสักอาทิตย์หนึ่ง (อันนี้เคยแล้ว แต่ไม่ใช่เพราะเบื่องานหรอก แก้บนน่ะค่ะ) เพื่อจะได้มีสมาธิกับมาทำงานต่อได้อย่างสบาย ๆ เลยค่ะ เขียนเสียยาวเลย ตอนนี้เพื่อน ๆ สมาชิกเบื่อที่จะอ่านหรือยังค่ะ ..ถ้าเบื่อก็รีบชาร์แบตให้ตัวเองได้เลยค่ะ....