หนังเยอรมัน พูดภาษาเยอรมัน เกี่ยวกับชีวิตของนักเขียนบทละครชาวเยอรมันตะวันออกในช่วงเวลาก่อนที่กำแพงเบอร์ลินจะถูกทำลายลง และเยอรมันรวมเป็นประเทศเดียว พวกนักคิดแถวหน้าที่มีความคิดต่างจากผู้ปกครองประเทศถูกขึ้นบัญชีดำ ถูกสอดแนม โดยตำรวจลับ ความอึดอัด คับแค้น และการฆ่าตัวตายเกิดขึ้นสูงแต่ไม่ปรากฏเป็นข่าวออกสู่โลกภายนอก
เขาถูกตำรวจลับแอบเข้าบ้าน ติดเครื่องดักฟังความเคลื่อนไหวในบ้านตลอด ๒๔ ชั่วโมงโดยเขาไม่รู้ตัว ความอึดอัด คับแค้นถึงที่สุดเมื่อนักเขียนรุ่นเก่าผู้ซึ่งเป็นที่เคารพของเขาฆ่าตัวตาย เขาเขียนเล่าเรื่องราวเหล่านี้ออกเป็นหนังสือและแอบส่งออกไปตีพิมพ์ในเยอรมันตะวันตก การสืบหาตัวเริ่มขึ้นแม้จะเข้าใกล้ความจริงแต่ไม่มีหลักฐานที่จะมัดตัวเขา ด้วยความช่วยเหลือลับๆ จากผู้พันวีสเลอร์นายตำรวจระดับอาจารย์สอนวิชาสอดแนมที่ได้รับมอบหมายให้เฝ้าดักฟังเขาบนห้องใต้หลังคา
การทำหน้าที่ดักฟังของผู้พันวีสเลอร์ ได้รับรู้ชีวิตประจำวันของนักเขียนคนนี้ การแอบเข้าไปหยิบหนังสือในบ้านออกมาอ่าน ค่อยๆ แปรเปลี่ยนจิตใจและสุดท้ายเขาเป็นฝ่ายให้ความช่วยเหลือแบบลับๆ จนกระทั่งตัวเองถูกลงโทษให้ไปทำหน้าที่อันน่ารังเกียจคือ การแอบเปิดซองจดหมายของคนที่อยู่ในบัญชีดำของรัฐ หลังรวมประเทศ เปลี่ยนการปกครอง เขายังคงทำหน้าที่บุรุษไปรษณีย์อยู่ต่อไปอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
หลายๆ ฉากของหนังสะท้อนความรู้สึกเปลี่ยวเหงา หวาดกลัว การถูกข่มขู่ คุกคามจากหน้าที่รัฐ ต่อพลเมืองภายใต้การปกครองแบบเผด็จการ ไม่เว้นแม้แต่นายตำรวจผู้อยู่ฝ่ายเดียวกับอำนาจ บรรยากาศของหนังเนิบช้าตามสไตล์หนังยุโรป ทว่าค่อยๆ ซึมลึกเข้าไปในอารมณ์
ช่วงสุดท้ายหนังค่อยๆ คลี่คลายและจบลงด้วยฉากที่ผู้พันวีสเลอร์เดินผ่านร้านหนังสือ สะดุดตากับหนังสือที่เขียนโดยนักเขียนคนที่เขาเคยช่วยเหลือ เขาแวะเข้าไปเปิดหนังสือดู
หลังจากที่หนังทำให้คุณอึดอัด หมองหม่น เมื่อมาถึงฉากนี้คุณจะมีหัวใจพองโตเผลอยิ้มออกมาพร้อมกับน้ำตาซึมได้ง่ายๆ ไปกับรอยยิ้มสุขใจลึกๆ ในดวงตาของผู้พันวีสเลอร์ หนังจบลงด้วยความรู้สึกดีๆ ว่า บางครั้งคุณช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทนเฉพาะหน้า แต่เชื่อเถิดว่า การทำความดีจะมีคนรับรู้และจะได้รับสิ่งดีๆ กลับมาเสมอ ไม่จำเป็นต้องเป็นเงินทอง ทรัพย์สิน เป็นเพียงความสุขใจเล็กๆ ก็เพียงพอแล้ว
อยากแนะนำให้สละเวลาไปดู หนังที่เปี่ยมล้นด้วยคุณค่าแห่งจิตใจเรื่องนี้ หนังเพิ่งได้รับรางวัลภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมจากเวทีออสก้าเมื่อสัปดาห์ก่อน รอบหนังมีน้อยแล้ว และฉายที่ลิโด้แห่งเดียว ต้องโทร.ไปถามรอบก่อนที่ ๐๒ ๒๕๒ ๖๔๙๘
ช่วงหลังประกาศผลออสก้า โรงหนังลิโด้ จะเอาหนังดีๆระดับเข้าชิงรางวัลมาฉาย หลายๆ เรื่องเป็นหนังที่คนไทยไม่ชอบดู แต่ลิโด้ก็เอามาฉายให้คอหนังคุณภาพได้ดูกัน แม้บางรอบจะมีคนดูไม่ถึง ๑๐ คน
วันหยุดยาว ไปดู Babel มาแล้ว และกำลังจะไปเก็บอีก ๒ เรื่อง คือ Volver กับ The Pursuit of Happiness จะมาเล่าให้ฟังโดยเร็ว เพราะอยากให้ไปดู เก็บเกี่ยวสาระดีๆ จากหนังดีๆ กัน
สวัสดีค่ะคุณ nui
คุณ nui เล่าแบบเห็นภาพ ได้อารมณ์มากค่ะ อยากดูหนังเรื่องนี้จังเลย แต่โทรฯไปจองตั๋วไม่ได้ เพราะอยู่ที่นครศรีฯอ่ะค่ะ...
สมัยสาวๆดิฉันชอบดูหนัง(วงเล็บหนังฝรั่ง)เป็นชีวิตจิตใจ ตอนนั้นค่าตั๋ว 20 บาท ดิฉันเดินเข้าเดินออก ฮอลลีวู้ด สกาล่า ลิโด พันทิพย์ ฯลฯ อยู่หลายปี เพื่อนๆแซวกันเองว่าเรียนจบเมื่อไหร่ต้องเปลี่ยนชื่อปริญญาเป็นภาพยนตร์บัณฑิต :)
ชอบที่คุณบอกว่า "หนังดีที่บอกเราว่า เมื่อคุณทำสิ่งดีๆ ทำสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะไม่มีใครรู้เห็น แต่คุณก็มีความสุขได้"
เป็นความดีที่สมถะ ... น่ารักจังค่ะ
ดีใจจริงๆ ที่ได้รู้จักคุณดอกไม้ทะเล คนรักหนังเหมือนกัน มองหาอยู่ค่ะ เพราะเราก็ดูหนังมาตั้งแต่เด็กจนแก่ปานนี้แล้ว เดินเข้าโรงเด็กๆ มองหน้าค่ะ ว่า ป้ามาทำอะไรแถวนี้
นี่คุณยังแก่ไม่เท่าดิฉันนะคะ เพราะสมัยโน้นดิฉันดูหนังค่าตั่ว 12 บาท 50 ตังค์ค่ะ
รอซื้อ DVD ดูสิคะ