จากการไปเข้าร่วมพิธีการพระราชทานเพลิงศพ ท่านขุนพันธรักษ์ ราชเดชในฐานะคนนครคนหนึ่งที่อยากไปเห็นพิธีสำคัญ ที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่องค์จตุคามรามเทพรู้จักมาแล้วเพราะเคยนั่งสมาธิ และสัมผัสได้จากการทรงของร่างทรงเทพว่ามีจริง การไปในวันนั้นหลังจากผ.อ.ประชุมเสร็จประมาณ 11. 00 น. ที่ห้องสมุดสนามหน้าเมืองเพื่อนๆหลายคนที่มาด้วยกันอยากไปก็ไปด้วยกันและแยกย้ายกันไป และรอจนกระทั่งถึง15.30 น.เมื่อพระราชทานเพิงศพเสร็จเรียบร้อยแล้วผู้คนที่รออยู่ก็กรูกันเข้าไปการเดินเหมือนไม่ได้เดิน จะว่าเหาะก็ไม่ได้เพราะไม่ได้เป็นเทพแต่เท้าลอยจากพื้นเพราะการอัดกันแน่นเบียดเสียด ดัน ผลักเหมือนจะล้มและหลายคนเป็นลมต้องหามออกส่งโรงพยาบาล มีหลายคนที่เป็นคนแก่ทำท่าจะไม่ไหวก็ขอยอมแพ้ จนเดินหรือที่เรียกว่าเกือบเหาะมาถึงเต้นท์ที่มีการแจกของที่ระลึกกัน ก็ต้องตกใจอีกเพราะมีการแย่งของกันและมีการล้มเหยียบกันเจ็บ เป็นคนแก่ที่ก้มลงเก็บของที่เขาโยนให้ (ก็คงเจ็บและจำไปอีกนานเท่านาน) นี่หรือการให้ของที่ทุกคนนับถือการให้ที่ไม่ได้เต็มใจเพราะมีคนต้องการเยอะมากเกินความคาดหมาย จากการที่มีประกาศว่าแจกทุกคนที่มาเพียงพอเลยมากันเต็มไปหมด การไปมีสองแบบคือ 1.อยากได้ของแจก 2. ความศรัทธาที่มี แต่จะมีใครบ้างที่ไปด้วยความศรัทธาและนับถือเพราะแม้แต่ชื่อก็ไม่เคยได้ยินอย่าว่าจะรู้จักเลย ที่จริงไปก็อายเหมือนกันเพราะไม่ชอบการแย่ง(ของที่แจก) แต่ขึ้นชื่อว่าองค์จตุคามที่เรานับถือมานานแล้วก็อยากไปเห็นพิธีพระราชทานเพลิงศพท่านขุนซึ่งเป็นผู้ริเริ่ม จนกระทั่ง19.00น.ได้ยินเสียงวิ่งก็ตกใจทำอะไรไม่ถูกไม่รู้จะไปทางใหนดีได้แต่ยืนนิ่งมอง มีการแย่งของที่แจกกันส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่นที่ต้องการนำไปขาย คนแก่ๆไม่สามารถรับได้เพราะโดนแย่งไปหมดต้องยอมแพ้และได้แต่มองดู บางคนเห็นคนอื่นวิ่งก็วิ่งด้วยคิดว่ามีการแทงหรือตีกันที่แท้วิ่งไปเอาของแจกจากการสังเกตุบางคนได้หนังสือ 3 เล่มบ้างก็5 เล่มบ้างคิดในใจท่าทางเล่มเดียวไม่รู้จะอ่านหมดไหมไม่รู้หรือจะอ่านออกหรือเปล่าก็ไม่ทราบแต่เอาไปทำไมหนักหนา บางคนหอบใส่ในเสื้อบอกว่าเขาฝาก ตัวเองอยากได้ไว้อ่านประวัติท่านขุนพันธรักษ์สักเล่มเอาไม่ได้ก็เสียใจอยู่แต่ไม่กล้าแย่ง กลัวถูกเหยียบ และอายที่จะแย่งชิงกับคนอื่น และรอจนกระทั่ง10.30 น.มีตำรวจมาบอกให้ไปเข้าแถวที่ประตูชัยก็ไปยืนรอจนหายชั่วโมงไม่ถึงสักที ได้ยินเสียงตะโกนบอกว่าของหมดคนแจกขับรถหนีไปแล้ว หมดกำลังใจ เดินเกือบไม่ไหว เพราะเดินไกลและเหนื่อย ยอมแพ้กลับบ้านในใจก็ภาวนาว่าหากยังมีบุญบารมีก็ขอให้ได้รูปที่ระลึกของท่านขุนมาบูชาด้วยเถอะมาวันนี้ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2550 มีนักเรียนมาบอกว่าจะเอารูปบูชามาให้เลือกและเลือกเอาไว้ดีใจมากๆ ต้องขอขอบคุณในแรงศรัทธาที่มีการบูชานับถือเป็นสิ่งที่ดีแต่การตีราคาของเพราะเอาความศรัทธาเป็นเรื่องของการทำมาหากิน บวกกับการให้ของถ้าตั้งใจจะทำก็จะเกิดผลดีแต่ถ้าทำเพื่อหน้าตา ก็ไม่เหลือความเป็นมนุษย์ แล้วการดูถูกคนอื่นก็จะไม่ได้อะไรเลย จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้เกิดการเรียนรู้ที่ว่าการนับถือของศักดิ์สิทธ์ทั้งหายนั้นต้องทำด้วยความศรัทธา การบูชาของที่ไม่ปฎิบัติตามแหล่งที่นำมาบูชาอาจเกิดผลร้ายได้ เพราะฉนั้นการนับถือต้องทำด้วยความจริงใจ ไม่พูดโกหก ไม่ผิดลูกเมียผู้อื่น ไม่ฆ่าสัตว์(ขณะที่ห้อยสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่) ไม่ดื่มของมึนเมา และไม่ลักทรัพย์ ทั้งหมดนี้ทำแล้วก็จะเกิดผลดีต่อผู้ที่ทำและได้สมปราถนาตลอดไป
ไม่มีความเห็น