เราๆ ท่านๆ คงไม่อยากให้ตัวเอง หรือคนที่เรารักเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งเป็นมะเร็งที่พบบ่อยมากในผู้ชายอายุยืน
วันนี้มีข่าวดีสำหรับท่านที่ชอบมะเขือเทศ และบรอกโคลีครับ…
อาจารย์คริสที คานีน-อะดัมส์ นักศึกษาปริญญาเอก มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ และคณะทำการทดลองในหนูพบว่า
การกินพืชผักหลายชนิดผสมผสานกัน เช่น มะเขือเทศ + บรอกโคลี ดีกว่าการผักชนิดเดียว และดีกว่าผงสกัดไลโคพีน (สารพฤกษเคมีสีแดงในมะเขือเทศ) ฯลฯ
อาจารย์ท่านแบ่งหนูเป็นกลุ่มย่อยๆ เช่น หนูบางกลุ่มถูกตอนเป็นหนูขันที (ตัดอัณฑะ – บาปจัง) เพื่อลดปริมาณฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งมีส่วนทำให้ต่อมลูกหมาก และมะเร็งต่อมลูกหมากโต
หนูบางกลุ่มถูกป้อนยาต้านฮอร์โมนเพศชาย (ฟินาสเทอไรด์) ฯลฯ
ท่านแบ่งหนูเหล่านี้เป็นกลุ่มย่อยๆ
หลังจากนั้นฉีดเนื้องอกเข้าไปในตัวหนู (บาปอีกแล้ว) และติดตามผล ซึ่งเข้าใจว่า คงจะต้องฆ่าหนู เพื่อชั่งน้ำหนักเนื้องอก (บาปหนักยิ่งขึ้น)
ผลปรากฏว่า เนื้องอกโตช้าที่สุดในหนูที่ถูกตอนหรือหนูขันที รองลงไปเป็นหนูที่ได้กินผงมะเขือเทศ 10% พร้อมกับผงบรอกโคลี 10%
อาจารย์คริสทีกล่าวว่า การศึกษาที่ผ่านมาพบว่า การกินอาหารไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท (whole wheat – ขนมปังสีรำ) ฯลฯ ผัก และผลไม้มีส่วนช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้
การศึกษานี้ก็ให้ผลคล้ายๆ กัน กล่าวคือ
อาจารย์คริสทีอธิบายว่า กลไกการออกฤทธิ์ของสารพฤกษเคมีในพืชผักเป็นการออกฤทธิ์แบบ "ช่วยเหลือเกื้อกูล (synergistic)" กัน
การกินสารเคมีชนิดเดียว เช่น ไลโคพีน ฯลฯ จึงออกฤทธิ์ยับยั้งการเติบโตของเนื้องอกได้ไม่ดี
ถ้าเทียบขนาดในคนเราจะเทียบเท่า…
อาจารย์คริสทีกล่าวว่า การกินมะเขือเทศร่วมกับบรอกโคลี 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมากได้ประมาณ 30%
ผมทาน brocoly 3 วันรวด ซื้อมาจาเขาค้อครับ
เมื่อเทียบกันแล้วปริมาณหรือน้ำหนักเท่ากัน..ทานแบบหลังคงดีกว่านะครับ
ขอขอบคุณอาจารย์ Beeman และท่านผู้อ่านทุกท่าน...
การทานผัก 3 อย่างทุกวันดีกว่าทานผักทุกวันๆ ละ 1 อย่างครับ...
(1). การทานอาหารหลากหลายทำให้ได้โปรตีนครบ เต็ม และพอดีกับความต้องการของร่างกาย
(2). การทานอาหารหลากหลายทำให้ได้วิตะมิน แร่ธาตุ สารพฤกษเคมี (phytochemicals) และสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ครบเครื่อง
(3). ร่างกายคนเราเป็น "ระบบนิเวศ (ecosystem)" ไม่ได้มีแต่เซลล์ของคนเราเท่านั้น...
สรุปคือ...
อาจารย์ Beeman กล่าวไว้ถูกต้องแล้ว...
ขอขอบคุณครับ...
ขอขอบพระคุณอาจารย์ Beeman และท่านผู้อ่านทุกท่าน...
ขอขอบพระคุณครับ...