แกะความรู้จากถ้วยน้ำพริกแมงดานา
นั่งกินข้าวมีน้ำพริกแมงดาวางอยู่กลางวง มีเด็กคนหนึ่งถามขึ้นมาว่า
- ทำไมน้ำพริกต้องใส่แมงดานา ?
- แมงดามีกี่พันธุ์ ?
- จะเลี้ยงแมงดานาขายหารายได้เสริมดีไหม ?
- แมงดานาตัวผู้กับตัวเมีย ดูตรงไหน ?
- เวลาชาวบ้านไปหาแมงดานา จะไปหาที่ไหนอย่างไร ?
จากน้ำพริก นำมาสู่คำถามหลายข้อ นายบอนไม่ได้ตอบครับ แต่พี่หมออนามัย
เป็นคนอธิบายขยายความดังนี้
“คนไทยชอบกินน้ำพริก
เติมรสชาติให้อาหารแซบถึงใจ น้ำพริกแมงดา มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ เมื่อนำมาปรุงรสแล้วแซบมากๆ
แมงดานาใช้ตำกับน้ำพริก มีขายตามท้องตลาดตัวละ 5-10
บาท ที่ตลาดสดทุ่งนาทองกาฬสินธุ์ จะขายหมดไวมาก ใครๆก็อยากได้ไปกินกัน
แมงดานามี 3 พันธุ์
1. พันธุ์หม้อ เป็นพันธุ์ที่เห็นขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไป
ขยายพันธุ์เร็ว ไข่ดก ที่ลำตัว มีขอบปีกมีลายสีทอง คลุมไม่มิดหาง
2. พันธุ์ลาย
ขอบปีกมีลายสีทอง ปีกคลุมมิดหาง
3. พันธุ์เหลือง
หรือ พันธุ์ทอง จะมีสีเหลืองทั้งตัว ชอบกินแมงดานาพันธุ์อื่นเป็นอาหาร
ถ้าจะเลี้ยงแมงดานาขาย ก็ควรจะเลือกพันธุ์ที่ไข่ดก ขยายพันธุ์เร็ว
วิธีดูเพศของแมงดานา
สังเกตง่ายๆ
ตัวเมีย
– ลำตัวแบน ส่วนท้องใหญ่
กว้าง ปลายท้องมีอวัยวะวางไข่ เหมือนเม็ดข่าวสาร
ตัวผู้
– ลำตัวกลมป้อม เล็กกว่าตัวเมีย มีเดือยหาง ซึ่งบริเวณนี้
จะมีต่อมกลิ่นหอมฉุน
ช่วงกลางวันแมงดานาจะหลบซ่อนตามหนอง คลอง บึง ท้องนา ช่วงกลางคืนจะออกบินมาหากิน
ในฤดูฝน ตอนฝนตกปรอยๆ ตัวแก่จะบินวนอยู่ตามแสงไฟฟ้า สีม่วง, ฟ้า, น้ำเงิน,
ปล่อยกลิ่นล่อตัวเมีย ซึ่งแมงดานาจะผสมพันธุ์ 3-4 ครั้งต่อปี โดยจะผสมตามกอหญ้า กอข้าว
ตัวเมียจะวางไข่ เป็นกลุ่มวางเรียงกันเป็นแถวตามต้นข้าว ต้นหญ้า
แต่ละกลุ่มมีประมาณ 100-200 ฟอง หลังจากนั้นตัวผู้จะเฝ้าไข่
เมื่อมีศัตรูบุกรุกเข้ามาจะส่งกลิ่นเหม็นๆออกมา ทำให้สัตว์อื่นไม่กล้าเข้าใกล้
-
ไม่มีความเห็น