โดยก่อนกลับบ้านผมก็ได้ฝากการบ้านให้นักศึกษาอ่านหนังสือเรื่องทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้ และแสดงความคิดเห็นตอบมาใน Blog ว่าหลังจากอ่านแล้ว นักศึกษาคิดว่าจะเป็นประโยชน์และนำไปใช้กับตนเอง องค์กร และประเทศชาติอย่างไรครับ
จีระ หงส์ลดารมภ์
l กำหนดส่ง blog (รายงานเดี่ยว ใน 3 ประเด็นที่กล่าวมา) ส่งได้ตั้งแต่วันจันทร์ ที่ 15 ม.ค.-19 ม.ค. 2550
ได้แนะนำให้นักศึกษาอ่านหนังสือประกอบ ชื่อ Good to Great และแนะนำให้รู้จักค้นคว้า หาความรู้จากเว็ป google.com
การอภิปรายกลุ่ม ในส่วนที่ 4 ทั้ง 3 ประเด็น เพื่อต้องการให้นักศึกษา ฝึกจับประเด็นในสิ่งที่เรียน ในภาพรวมของ HR ฝึกให้ คิด วิเคราะห์และเสนอแนะอย่างเป็นระบบ ว่าเรียนแล้วได้อะไรไปบ้าง และต้องการศึกษาศักยภาพของนักศึกษาแต่ละคนว่า ใครมีศักยภาพในการเรียนรู้ ได้มากน้อยอย่างไร
ขอให้นักศึกษา ตั้งใจตามทฤฎี 6 ท. ที่ให้ไว้ กำหนดกรอบแนวความคิดใหม่ ว่า "ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ถ้าเราคิดว่าเราทำได้ เราจะหาหนทางแห่งความสำเร็จ" "ไม่พูด อ้างว่า ไม่มีเวลา พูดได้ว่าจะทบทวนแผนงานใหม่ และทำให้ดีขึ้น"
หากนักศึกษา สงสัยประการใด สอบถามมาได้ ขอให้นักศึกษาทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียน ครับ
สวัสดี
ยม
081-9370144
สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ นักศึกษา MPA สวนสุนันทาฯ และท่านผู้อ่านทุกท่าน
ส่วนที่ 2 ยุทธศาสตร์การบริหารทรัพยากรมนุษย์
ส่วนที่ 3 การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ Human Resource Development
ส่วนที่ 4 กิจกรรมกลุ่ม แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
กำหนดส่ง blog (รายงานเดี่ยว ใน 3 ประเด็นที่กล่าวมา) ส่งได้ตั้งแต่วันจันทร์ ที่ 15 ม.ค.-19 ม.ค. 2550
ผมแนะนำให้นักศึกษาอ่านหนังสือประกอบ ชื่อ Good to Great และรู้จักค้นคว้า หาความรู้จากเว็ป google.com ทุกวัน
การอภิปรายกลุ่ม ในส่วนที่ 4 ทั้ง 3 ประเด็น เพื่อต้องการให้นักศึกษา ฝึกจับประเด็นในสิ่งที่เรียน ในภาพรวมของ HR ฝึกให้ คิด วิเคราะห์และเสนอแนะอย่างเป็นระบบ ว่าเรียนแล้วได้อะไรไปบ้าง และต้องการศึกษาศักยภาพของนักศึกษาแต่ละคนว่า ใครมีศักยภาพในการเรียนรู้ ได้มากน้อยอย่างไร
ขอให้นักศึกษา ตั้งใจตามทฤฎี 6 ท. ที่ให้ไว้ กำหนดกรอบแนวความคิดใหม่ ว่า "ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ถ้าเราคิดว่าเราทำได้ เราจะหาหนทางแห่งความสำเร็จ"
"ไม่พูด อ้างว่า ไม่มีเวลา พูดได้ว่าจะทบทวนแผนงานใหม่ และทำให้ดีขึ้น"
หากนักศึกษา สงสัยประการใด เกี่ยวการส่ง blog สอบถามมาได้ที่ผม ขอให้นักศึกษาทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียน ครับ
สวัสดี
ยม
081-9370144
สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ นักศึกษา MPA สวนสุนันทาฯ และท่านผู้อ่านทุกท่าน
ส่วนที่ 2 ยุทธศาสตร์การบริหารทรัพยากรมนุษย์
ส่วนที่ 3 การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ Human Resource Development
ส่วนที่ 4 กิจกรรมกลุ่ม แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
กำหนดส่ง blog (รายงานเดี่ยว ใน 3 ประเด็นที่กล่าวมา) ส่งได้ตั้งแต่วันจันทร์ ที่ 15 ม.ค.-19 ม.ค. 2550
ผมแนะนำให้นักศึกษาเพิ่มเติมจากที่ผมแชร์ไอเดีย เกี่ยวกับ HRM และ การเป็นผู้นำ จากหนังสือ Good to Great หรือที่ http://gotoknow.org/blog/HRM-YOM5/57899 และแนะนำให้รู้จักค้นคว้า หาความรู้จากฺBlog ของอาจารย์ในส่วนที่เป็นของมหาวิทยาลัยอื่น ที่อาจารย์ไปสอน และแนะนำให้นักศึกษาค้นหาความรู้จาก www.google.com ทุกวัน
การอภิปรายกลุ่ม ในส่วนที่ 4 ทั้ง 3 ประเด็น เพื่อต้องการให้นักศึกษา ฝึกจับประเด็นในสิ่งที่เรียน ในภาพรวมของ HR ฝึกให้ คิด วิเคราะห์และเสนอแนะอย่างเป็นระบบ ว่าเรียนแล้วได้อะไรไปบ้าง และต้องการศึกษาศักยภาพของนักศึกษาแต่ละคนว่า ใครมีศักยภาพในการเรียนรู้ ได้มากน้อยอย่างไร
ขอให้นักศึกษา ตั้งใจตามทฤฎี 6 ท. ที่ให้ไว้ กำหนดกรอบแนวความคิดใหม่ ว่า
"ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ถ้าเราคิดว่าเราทำได้ เราจะหาหนทางแห่งความสำเร็จ"
"ไม่พูด อ้างว่า ไม่มีเวลา พูดได้ว่าจะทบทวนแผนงานใหม่ และทำให้ดีขึ้น"
หากนักศึกษา สงสัยประการใด เกี่ยวการส่ง blog สอบถามมาได้ที่ผม ขอให้นักศึกษาทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียน ครับ
นักศึกษาที่ถ่ายภาพไว้ ช่วยกรุณาส่งภาพมาให้ที่ Email address ผมด้วยจักขอบใจเป็นอย่างยิ่ง
สวัสดี
ยม
081-9370144
การบ้าน เสนอ อาจารย์ ยม นาคสุข
เรียนเมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2550 ประเด็นที่ 1 วันนี้เรียนรู้ ได้ประเด็นอะไรที่ตนเองสนใจตอบ การสร้างอำนาจในการบริหารทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่มี 5 ข้อได้แก่- อำนาจสร้างได้ด้วยการให้ เช่น ให้โอกาส ให้ความรู้ ให้อภัย ให้ทาน และให้ความรัก- อำนาจสร้างได้ด้วยการติ เช่น ติเพื่อปรังปรุงข้อบกพร่องให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องดูเวลาสถานที่บุคคลให้เหมาะสม- อำนาจสร้างได้ด้วยการเป็นผู้รู้มากกว่า เช่น เมื่อมีโอกาสต้องโชว์ ก็พร้อมที่จะกล้าแสดงออก- อำนาจสร้างด้วยการอ้างอิง เช่น อ้างถึงคำสั่ง หรืออ้างถึงงานที่เกี่ยวข้อง- อำนาจสร้างด้วยทางนิติกรรม เช่น ประกาศ คำสั่ง แต่งตั้ง และมติในที่ประชุมที่คนส่วนใหญ่ยอมรับ ประเด็นที่ 2 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของรัฐ ท่านคิดว่ามีปัญหาอะไรบ้าง 3 ข้อตอบ - คน และระบบ- พัฒนาเทคโนโลยี แต่ไม่พัฒนาคน- อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่คนๆเดียว- อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ผู้บริหารประเทศ ประเด็นที่ 3 ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาให้ภาครัฐ 3 ข้อตอบ - ผู้บริหารต้องเปิดใจและเปิดโอกาสให้ลูกน้องรวมทั้งข้าราชการมีส่วนร่วม- ฝึกคนเพื่อรองรับเทคโนโลยี และสภาพแวดล้อม ฝึกอบรมคนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และพัฒนาคนให้ก้าวทันกับเทคโนโลยี- ใช้หลักธรรมาภิบาล เช่น มีคุณธรรมไม่เห็นแก่พวกพ้อง หรือเงินสินน้ำใจ มีความซื่อสัตย์ รักองค์กรของตัวเอง และไม่มีความคิดอิจฉาริษยาเมื่อเห็นผู้อื่นมีความเจริญก้าวหน้า
หลักบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี (Good Governance)- หลักนิติธรรม- หลักคุณธรรม- หลักความโปร่งใส- หลักการมีส่วนร่วม- หลักความรับผิดชอบ- หลักความคุ้มค่าเรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ยม นาคสุข
เป้าหมายที่ดิฉันมาเรียนปริญญาโท ที่นี่นอกจากจะต้องสำเร็จการศึกษาภายในเวลา 2 ปีแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดจะต้องได้รับความร้ใหม่เพิ่มเติมเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาองค์กร พัฒนาตนเอง พัฒนาสังคม ได้ร้เครือข่ายแลกเปลี่ยนองค์ความร้และประสบการณ์ซึ่งกันและกัน วิชาที่คาดหวังสูงเป็นพิเศษในหลาย ๆ วิชาคือ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ เนื่องจากตรงกับงานที่รับผิดชอบมากที่สุด
จากการเรียนวิชาบริหารทรัพยากรมนุษย์กับ ศ.ดร.จีระ และ อจ.ยม เมื่อวันที่ 13-14 ม.ค. 50 ดิฉันได้รับความร้ใหม่ ๆ มากมายหลายเรื่อง เช่น เรื่องวิธีการคิด 4 แนวคือทำอะไร ทำอย่างไร ทำเพื่อใคร ทำแล้วได้อะไร Framework and Concept ตามทฤษฎี4L's การสร้างอำนาจ 5 ประการ ทฤษฎี 6 ท ปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบกับองค์คือ P E S T และที่ชอบมากทีสุดคือ ทฤษฎี 2 R ได้แก่ Realityมองความจริง และ Relevance ตรงประเด็น เนื่องจากที่ผ่านมาปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมเราจะไม่มองความจริงและแก้ไขไม่ตรงประเด็นมีการประชุมคณะกรรมการมากมายหลายคณะเพื่อแก้ไขปัญหาจะมีการพูดกันมากมายแต่จะมีกี่คนที่ศึกษาหาข้อมูล ทำการบ้าน และร้ความจริงแต่ไหน ตรงประเด็นหรือไม่ ชอบมีข้อสังเกต แต่ไม่มีข้อเสนอแนวทางการแก้ไข ควรนำ 2R ไปใช้ ชอบมากที่ อาจารย์พูดว่าสิ่งสำคัญและยากที่สุดคือการนำความร้ที่ได้รับไปใช้กับความจริงตามสภาพแวดล้อม
สรุปสิ่งที่ได้รับจากอาจารย์นอกจากความร้ทางวิชาการแล้ว ยังได้ประสบการณ์ดี ๆ มากมาย ที่สำคัญคือทัศนคติที่ดีในการคิด วิเคราะห์ การมองปัญหา ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทันทีกับตนเองโดยต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะปรับพฤติกรรมตนเองก่อน ดังนี้
1. ต้องติดตามข่าวสารต่าง ๆ ให้ สด ใหม่ ทันสมัย อย่เสมอ
2. นำศาสตร์สาขาต่าง ๆ มาบูรณาการ พุทธศาสตร์ ฆเข้าได้กับทุกเรื่อง และมองทุกเรื่อง 2 ด้านเสมอ ทั้งด้านบวก ด้านลบ
3. การคิดให้คิดทางบวก คิดอย่างสร้างสรรค์ มองปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้มองภาพใหญ่ คิดถึงส่วนรวมมากกว่าตนเอง
4. งานทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยทีม
5. การทำงานทุกอย่างต้องมีเป้าหมายชัดเจน และดำเนินการตามขั้นตอน
ไม่ใช่การบ้านที่อาจารย์มอบหมายนะคะ แต่เป็นความร้สึกดี ๆ ที่ประทับใจขอความกรุณา อจ. ยม ส่งแบบสอบถามเรื่องการวัดทัศนคติในการทำงาน ซึ่งจะให้เป็นวิทยาทานกับลูกศิษย์ และหากไม่รบกวนเกินไปถ้ามีเรื่องคุณภาพชีวิตกับการทำงานก็ขอความกรุณาด้วยนะคะ ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
ก่อนจบขอบอกอีกครั้งว่าการได้เรียนวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์กับอาจารย์ สิ่งที่ได้รับเกินความคาดหวังมากค่ะ สวัสดีค่ะ
สวัสดี ศ.ดร.จีระ นักศึกษา และท่านผู้อ่านทุกท่าน
นักศึกษาคนแรก ที่ส่งความคิดเห็นในสิ่งที่ผมขอไว้ คือ ร้อยตรีหญิง ผลึกพร อนันตพงษ์ ผมขอชื่นชม ให้เป็นนักศึกษาตัวอย่าง ในเรื่องของความรวดเร็ว เดี๋ยวนี้ ความเร็ว เป็นปัจจัยหนึ่งในการสร้างความสำเร็จ
อย่าลืมว่า การเขียน การพูด มี สาม steps คือ หนึ่ง เปิดประเด็น สอง ดำเนินเรื่อง สามสรุป แสดงความเห็น เสนอแนะ
เมื่อเปิดประเด็นใน Blog ขอให้กล่าวถีง อาจารย์ผมด้วยทุกครั้ง คือ ศ.ดร.จีระ เพราะไม่มีท่าน ก็ไม่มีผมใน Blog นี้ ต้องขอย้ำ กับนักศึกษา
การดำเนินเรื่อง ต้องตรงประเด็นที่ขอไว้ คือ ได้เรียนรู้อะไร 3 ประเด็น การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ในบ้านเรา มีปัญหาอะไร 3 ประเด็น ข้อเสนอแนะในการแก้ไข ป้องกันปัญหาดังกล่าว อย่างน้อย 3 ประเด็น
ตอนสรุป ควรต้องเสนอแนะ สั้น ๆ ว่ามีความเห็นอย่างไร สรุปได้อย่างไร
ขอให้นักศึกษา ใช้แนวทาง 6 ท. ที่ให้ไว้ มาใช้ จะทำให้ทำได้ดียิ่งขึ้น
ขอให้นักศึกษา และผู้อ่านทุกท่านโชคดี
สวัสดี
ยม
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ยม นาคสุข
เป้าหมายที่ดิฉันมาเรียนปริญญาโท ที่นี่นอกจากจะต้องสำเร็จการศึกษาภายในเวลา 2 ปีแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดจะต้องได้รับความร้ใหม่เพิ่มเติมเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาองค์กร พัฒนาตนเอง พัฒนาสังคม ได้ร้เครือข่ายแลกเปลี่ยนองค์ความร้และประสบการณ์ซึ่งกันและกัน วิชาที่คาดหวังสูงเป็นพิเศษในหลาย ๆ วิชาคือ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ เนื่องจากตรงกับงานที่รับผิดชอบมากที่สุด
จากการเรียนวิชาบริหารทรัพยากรมนุษย์กับ ศ.ดร.จีระ และ อจ.ยม เมื่อวันที่ 13-14 ม.ค. 50 ดิฉันได้รับความร้ใหม่ ๆ มากมายหลายเรื่อง เช่น เรื่องวิธีการคิด 4 แนวคือทำอะไร ทำอย่างไร ทำเพื่อใคร ทำแล้วได้อะไร Framework and Concept ตามทฤษฎี4L's การสร้างอำนาจ 5 ประการ ทฤษฎี 6 ท ปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบกับองค์คือ P E S T และที่ชอบมากทีสุดคือ ทฤษฎี 2 R ได้แก่ Realityมองความจริง และ Relevance ตรงประเด็น เนื่องจากที่ผ่านมาปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมเราจะไม่มองความจริงและแก้ไขไม่ตรงประเด็นมีการประชุมคณะกรรมการมากมายหลายคณะเพื่อแก้ไขปัญหาจะมีการพูดกันมากมายแต่จะมีกี่คนที่ศึกษาหาข้อมูล ทำการบ้าน และร้ความจริงแต่ไหน ตรงประเด็นหรือไม่ ชอบมีข้อสังเกต แต่ไม่มีข้อเสนอแนวทางการแก้ไข ควรนำ 2R ไปใช้ ชอบมากที่ อาจารย์พูดว่าสิ่งสำคัญและยากที่สุดคือการนำความร้ที่ได้รับไปใช้กับความจริงตามสภาพแวดล้อม
สรุปสิ่งที่ได้รับจากอาจารย์นอกจากความร้ทางวิชาการแล้ว ยังได้ประสบการณ์ดี ๆ มากมาย ที่สำคัญคือทัศนคติที่ดีในการคิด วิเคราะห์ การมองปัญหา ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทันทีกับตนเองโดยต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะปรับพฤติกรรมตนเองก่อน ดังนี้
1. ต้องติดตามข่าวสารต่าง ๆ ให้ สด ใหม่ ทันสมัย อย่เสมอ
2. นำศาสตร์สาขาต่าง ๆ มาบูรณาการ พุทธศาสตร์ เข้าได้กับทุกเรื่อง และมองทุกเรื่อง 2 ด้านเสมอ ทั้งด้านบวก ด้านลบ
3. การคิดให้คิดทางบวก คิดอย่างสร้างสรรค์ มองปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้มองภาพใหญ่ คิดถึงส่วนรวมมากกว่าตนเอง
4. งานทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยทีม
5. การทำงานทุกอย่างต้องมีเป้าหมายชัดเจน และดำเนินการตามขั้นตอน
ไม่ใช่การบ้านที่อาจารย์มอบหมายนะคะ แต่เป็นความร้สึกดี ๆ ที่ประทับใจขอความกรุณา อจ. ยม ส่งแบบสอบถามเรื่องการวัดทัศนคติในการทำงาน ซึ่งจะให้เป็นวิทยาทานกับลูกศิษย์ และหากไม่รบกวนเกินไปถ้ามีเรื่องคุณภาพชีวิตกับการทำงานก็ขอความกรุณาด้วยนะคะ ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
ก่อนจบขอบอกอีกครั้งว่าการได้เรียนวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์กับอาจารย์ สิ่งที่ได้รับเกินความคาดหวังมากค่ะ สวัสดีค่ะ
ศรีปัญญา
081 - 644 9670
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ยม นาคสุข
จากการเรียนวิชาบริหารทรัพยากรมนุษย์เมื่อวันที่ 13 - 14 มกราคม 2550 ได้รับความรู้และประสบการณ์ที่ดีมากมาย อาจารย์ยม ได้มอบหมายงานให้ส่งทาง Blog ทำให้กลับมาทบทวนว่าแต่ละวันเรียนแล้วได้อะไรบ้าง เป็นวิธีการที่ดีมาก ความจริงได้รับความรู้หลายเรื่อง แต่จะสรุปจำนวน 3 ประเด็น ๆ ละ 3 ข้อ ดังนี้
ประเด็นที่ 1 สิ่งที่ได้เรียนรู้ ได้ประโยชน์ และสนใจมาก 3 เรื่อง ได้แก่
ประเด็นที่ 2 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ มีปัญหาอะไร 3 ข้อ
ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา
ข้อเสนอแนะเป้นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวที่อาจจะเป็นประโยชน์บ้าง เป้นการแก้ไขปัญหาโดยนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ อาจารย์กรุณาให้คำแนะนำด้วย
ขอบคุณค่ะ
วิไลวรรณ วิไลเลิศ
081 3099367
ผมจัดข้อความตัวอักษรให้ใหม่(ยม)
สำหรับ ร้อยตรีหญิง ผลึกพร อนันตพงษ์ ส่งมาเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งสอง paper น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง
ถ้าจะถามทั้งสามคนนี้ว่า ความสำเร็จในงานนี้ ที่สามารถทำได้เร็ว เนี่ย ทำได้อย่างไร อะไรคือปัจจัยของความสำเร็จ ให้ตอบตัวเอง และขอให้ใช้และพัฒนาปัจจัยเหล่านั้น ขยายผลไปสู่ความสำเร็จในงานอื่น ๆ
เมื่อเร็ว แล้ว ให้พัฒนา “ดี มีคุณภาพ ยิ่ง ๆ ขึ้น” และถ้ามาควบคู่กันได้คือ “เร็วกว่า” “ดีกว่า” ก็จะยิ่งน่าภาคภูมิใจ เพราะเข้าข่ายคนทำงานดีมีประสิทธิภาพ
ส่วนนักศึกษาที่เหลือ อย่าให้ช้า ทิ้งห่างเพื่อน มากเกินไป การทำความดี อาจต้องมีการ “ฝึก” “ฝืน” “ข่มใจ” บ้าง เพราะเราเป็นนักศึกษา เป็นนักพัฒนา อย่าลืมว่า แต่ละคนเหลือเวลาที่เหลือของชีวิตไม่เท่ากัน ตามที่ผมให้แผนที่ชีวิตไว้ ขอให้ดำเนินชีวิตอย่างรอบคอบ สมดุล มีเหตุมีผล บนพื้นฐานของความรอบรู้ ความมีคุณธรรม ขอให้นักศึกษาโชคดียม
081-9370144
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อาจารย์ยม นาคสุข
สิ่งที่ได้รับจากการเรียนวิชาบริหารทรัพยากรมนุษย์ กับอาจารย์ ศ.ดร.จีระ และอาจารย์ยม นอกจากได้ความรู้มากมายแล้ว ยังมีโอกาสอ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้ ซึ่งมีเนื้อหาและสาระที่ดีมาก และเกิดประโยชน์อย่างมาก หากนำไปประยุกต์ใช้ เริ่มตั้งแต่ วิธีการคิด
-คิดไกลมองเป้าหมายระยะยาวอย่างชัดเจนว่าการพัฒนา ทรัพยากมนุษย์ต้องใช้เวลาแต่จะเกิดผลดีกับประเทศชาติอย่างยั่งยืน
-คิดถึงงานและเป้าหมายและผลที่จะได้รับก่อนคิดถึงเรื่องเงิน
-การทำงานคิดถึงคุณภาพของงานมากกว่าเรื่องทุน
-เกิดมาเพื่อจะเรียนและเรียนรู้อย่างสนุกเพื่อนำมาใช้ประโยชน์
-เป็นคนที่ไม่รู้จักคำว่าไม่รู้และพร้อมที่จะเรียนรู้และแสวงหาความรู้ ตลอดเวลามองตนเองน้อยลงมองคนอื่นรอบข้างมากขึ้น
- คนเก่งต้องยึดมั่นในศีลธรรม คุณธรรม
ฯลฯ
ทฤษฎีการเรียนรู้ 4L’s ของท่านพารน
Village that learn - หมู่บ้านแห่งการเรียนรู้
School that learn - โรงเรียนแห่งการเรียนร
ู้ Industry that learn - อุตสาหกรรมแห่งการเรียนรู้
Nation that learn - ชาติแห่งการเรียนรู้
ทฤษฎีการเรียนรู้4L’sจากประสบการณ์การทำงานจริง ศ.ดร.จีระ
Learning Methodology - เข้าใจวิธีการเรียนรู้
LearningEnvironment-สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้
Learning Opportunity - สร้างโอกาสในการเรียนรู้
Learning Community - สร้างชุมชนในการเรียนรู้
หากสามารถนำแนวการคิด และทฤษฏี 4 L’s ของอาจารย์ทั้งสองท่านไปปรับใช้โดยเริ่มต้นกับตนเอง
และครอบครัวก่อน ค่อยขยายไปในชุมชน องค์กร เชื่อว่าจะเกิดผลดีต่อสังคมและประเทศชาติในระยะยาว จะสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และพัฒนาทรัพยากรมนุษย
์ในประเทศได้อย่างยั่งยืนทำให้มีขีดความสามารถในการ
แข่งขันกับโลกภายนอกได้หากจะให้ได้ผลดีกับเยาวชน
ซึ่งเป็นสมบัติที่มีค่ามากที่สุดของประเทศ ต้องนำไปใช้กับการศึกษาของประเทศไทยทั้งระบบ เริ่มตั้งแต่หลักสูตรวิธีการเรียนการสอนเริ่มตั้งแต่ชั้นอนุบาล เน้นให้มีการคิดหาข้อมูลความจริง หัดคิดวิเคราะห์ วางเป้าหมายและแผนการทำงาน สร้างโอกาสการศึกษาให้เท่าเทียมกัน ถือเป้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เรื่องใหญ่และสำคัญที่สุด ปัจจุบันหน่วยงานทุกแห่งจะสร้าง KM ไปสู่ LO แต่จะมีใครกี่คนที่จะทำให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงหากไม่เริ่มปลูกฝังตั้งแต่เด็ก เป้นการแก้ที่ปลายเหตุไม่ตรงประเด็น และไม่นึกถึงสภาพแวดล้อมที่เป็นจริง หากจะพํัฒนาทรัพยากรมนุษย์จริงจะต้องเริ่มให้ตรงประเด็น การเรียนรู้จะต้องรู้ภาษาอย่างน้อย ภาษาไทยให้ถูกต้องเพราะเป็นรากฐาน ภาษาอังกฤษ เพื่อการเรียนรู้ให้ทันโลก รู้เทคโนโลยี และทีสำคัญจะต้องมีคุณธรรมและจริยธรรมในการพัฒนา
ทรัพยากรมนุษย์ด้วย เป้าหมายคือคุณภาพของคนคู่กับคุณธรรม สวัสดีค่ะ ศรีปัญญา [email protected]
วรวรรณ ส่องพลาย รปม.3 รหัส 49038010035
เรียนอาจารย์จีระ และอาจารย์ยม
เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2550 ได้เริ่มเรียนกับอาจารย์จีระ เริ่มแรกรู้สึกแปลกๆที่เรียนรูปแบบของอาจารย์รู้สึกค่อนข้างเครียดและค่อยเริ่มเข้าที่เข้าทางช่วงบ่าย อาจารย์สอนแบบทุกคนต้องมีส่วนร่วมเหมือนกับการทำงานเป็นทีม ให้มีความคิดตลอดเวลา การคิดเป็น คิดจากข้อมูลที่อาจารย์สอน มาเป็นความรู้และ สร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อรู้ปัญหาและแก้ไขได้ ตื่นตัวทุกวินาที ต้องตั้งใจฟังเพื่อให้เกิดความเข้าใจ เริ่มเข้าใจอาจารย์ว่าอาจารย์ใช้วิธีการสอนเหมือนกับการให้นักศึกษารู้จักพัฒนาตนเอง ไม่เรียนแบบเดิมๆ แล้วก็ผ่านไป ส่วนเรียนกับอาจารย์ยมเมื่อวันที่ 14 ม.ค.2550 ก็ได้รับความรู้เพิ่มมากขึ้น อาจารย์มีความตั้งใจในการสอนมาก พยายามเน้นในสิ่งที่ดี ที่ควรปฎิบัติ และให้แนวทางไว้หลายๆอย่าง คล้ายๆอาจารย์จีระ เช่น รัฐประศาสนสตร์ต้องเรียนข้ามศาสตร์อื่นๆด้วย ทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดขององค์กร รู้สึกได้เลยว่าอาจารย์ทั้งสองรู้สึกเข้าใจในส่วนลึกของคนซึ่งเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่บางคนมองอย่างไม่มีความหมาย ถ้าทุกคนเข้าใจแบบที่อาจารย์สอน คงมีอะไรที่ดีเกิดขึ้นอีกมากมายในโลกนี้
ในส่วนที่ได้รับความรู้จากอาจารย์ทั้งสองแค่ 2 วันได้รับความรู้สึกดีๆ ความรู้ดีๆ ทีมีคุณค่าต่อตัวผู้รับมากมาย สามารถจะนำมาใชัในหน่วยงานได้ และหวังจะได้รับความร่วมมือร่วมใจกันของพนักงานทุกๆคน สิ่งที่ได้เรียนรู้จากอาจารย์ยม และสามารถนำไปปฎิบัติได้1. หลักธรรมมาภิบาล เป็นหลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี Good Governance ทั้ง 6 ข้อ เป็นสิ่งที่ดีถ้าปลูกฝัง บ่มเพาะเข้าไปในจิตสำนึกของทุกคนในองค์กรหรือบุคคลทั่วไป
2. การสร้างอำนาจ 5 อย่างซึ่งต้องสร้างและต้องรักษา ต้องใช้อย่างเป็นระบบ ต่อเนื่องซึ่งจะทำให้เกิดบารมีได้ เหมือนท่านพารณท่ใช้ปฏิบัติกับพนักงานในเครือซีเมนต์ไทย
3.การใช้ชีวิตของคน ต้องมีการวางแผนไม่ว่าจะทำเรื่องใด เพื่อความมั่นคงในการดำเนินชีวิต
การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ของรัฐ ปัญหาที่พบ1. ระบบการศึกษา ไม่ได้รับการปรับปรุงแก้ไข การศึกษาขั้นพื้นฐานของเด็กๆไม่ได้รับทุกคนอย่างถูกต้องและยุติธรรม เนื่องจากสภาพแวดล้อมและสถานะภาพของผู้ปกครอง
2. ข้าราชการปฏิบัติงานตามแบบเดิมๆ แม้จะมีการปฎิรูประบบราชการแล้ว ซึ่งอาจจะมาจากข้าราชการอายุมาก หรือพวกที่เข้ามาแบบมีเส้นสาย
3. นโยบายขาดความต่อเนื่อง เนื่องจากการปรับเปลี่ยนรัฐบาล
แนวทางแก้ไขปัญหา1. กระทรวงศึกษาธิการควรกำหนดนโยบายที่ชัดเจนและเป็นจริงเป็นจังที่จะทำระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานเกิดขึ้นกับเด็กๆทุกคนไม่มีข้อยกเว้น เป็นภาคบังคับหรือเป็นกฎหมายที่พ่อแม่ต้องให้ลูกให้เรียนหนังสือทุกคน เพราะการเรียนรู้ถ้าไม่เริ่มต้นตั้งแต่เด็ก ที่จะโตไปในวันหน้า คนจะมีคุณภาพได้อย่างไร อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ
2. รัฐบาลเมื่อมีการปฎิรูประบบราชการ ต้องมีการตรวจสอบและวัดผลงานใหม่ เอาประเภทใครดีใครอยู่ การรับคนเข้ามาทำงานต้องมีการสอบคัดเลือกจริงจัง จะได้คนดี ซึ่งสามารถที่จะทำงาน และพัฒนาปรับปรุงระบบราชการก็จะดีขึ้น และเมื่อมีคนดี มีจริยธรรม ระบบราชการจะโปร่งใส ตรวจสอบได้ จะไม่มีเรื่องคอรัปชั่นกิดขึ้น
3. นโยบายรัฐบาล ต้องทำอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเปลี่ยนรัฐบาลชุดใด หากรัฐบาลเปลี่ยนแปลง น่าจะนำนโยบายเดิมมาพิจารณาปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง และจะเพิ่มเติมสิ่งใหม่ก็เพิ่มเติมไป
สรุปถ้าทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารหรือผู้ปฎิบัติ ข้าราชการ เอกชน ถ้าเรียนรู้ว่าตนเองเป็นทรัพยากรมนุษย์ทีมีค่าต่อตนเองและผู้อื่น เป็นคนดี มีจริยธรรม ก็สามารถที่จะพัฒนาตนเองและองค์กรให้ก้าวหน้าได้
วรวรรณ ส่องพลาย
081-6564286
สวัสดี ศ.ดร.จีระ นักศึกษา และท่านผู้อ่านทุกท่าน
ขณะนี้ มีนักศึกษา เขียนแชร์ความรู้มา 6 ท่านแล้ว ขอชื่นชม ว่าท่านมีความตั้งใจสูงติดอันดับ ท๊อป 6 ได้แก่
โดยรวมเห็นความตั้งใจเขียนได้ดี โดยเฉพาะนักศึกษาวรวรรณ ส่องพลาย เขียนเรียบเรียงได้ดี คือเปิดประเด็น ดำเนินเรื่อง และสรุป เสนอแนะ ได้ดี ครบถ้วนกระบวนการที่แนะนำไว้ อย่างไรก็ตาม ตอนเสนอแนะ มีหลักการว่าควรต้องให้โดดเด่น เหมือนหัวมังกร ตอนที่เสนอแนะ กับตอนสรุป จะต่างกัน สรุปเหมือนหางมังกร แต่ตอนเสนอแนะ ควรให้เป็นหัวมังกรอีกครั้ง เพื่อเชิญชวนให้ผู้อ่านได้ติดตามต่อไป ครับ
อย่าลืมว่า การเขียน การพูด มี สาม steps คือ หนึ่ง เปิดประเด็น สอง ดำเนินเรื่อง สามสรุป แสดงความเห็น เสนอแนะ และถ้าจะให้ดี ควรคิดสร้างสรรค์ต่อยอดแนวคิดของอาจารย์
เมื่อเปิดประเด็นใน Blog อย่าลืมที่จะกล่าวถีง อาจารย์ผม ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ด้วยทุกครั้ง เพราะไม่มีท่าน ก็ไม่มีผมใน Blog นี้ ต้องขอย้ำ กับนักศึกษา อาจารย์เป็นผู้กระตุ้นให้ผมเขียนและทำ Blog เป็น และหากนักศึกษาเห็นผม เก่งและดี นั่นคือ เป็นเพราะอาจารย์ สอนมา และทุกวันนี้ ผมก็ยังเรียนรู้กับ อาจารย์อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ การเรียนในห้องเรียนจบแล้ว แต่การเรียนของผม เรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะชีวิตคือการศึกษา รักความก้าวหน้า ต้องหมั่นศึกษาตลอดชีวิต และการศึกษาไม่กำหนดรูปแบบ และวิธีการ แต่เน้น องค์ความรู้และบูรณาการ เพื่อหวังนำไปพัฒนาตนเองและสังคมประเทศชาติ
การดำเนินเรื่อง หรือเขียน Blog ผมขอย้ำ เราต้องฝึก ต้องตรงประเด็น สิ่งที่ผมขอให้นักศึกษาร่วมแชร์ความรู้ ตามที่ขอไว้ คือ ได้เรียนรู้อะไร 3 ประเด็น การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ในบ้านเรา มีปัญหาอะไร 3 ประเด็น ข้อเสนอแนะในการแก้ไข ป้องกันปัญหาดังกล่าว อย่างน้อย 3 ประเด็น
ตอนสรุป ควรต้องเสนอแนะ สั้น ๆ ว่ามีความเห็นอย่างไร สรุปได้อย่างไร มีอะไรที่จะต่อยอดได้หรือไม่ขอให้นักศึกษา ใช้แนวทาง 6 ท. ที่ให้ไว้ มาใช้ จะทำให้ทำได้ดียิ่งขึ้น
ขอให้นักศึกษา และผู้อ่านทุกท่านโชคดี
สวัสดี
ยม
081-9370144
บทสนทนาในหนังสือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ จุดประกายความคิดทางปัญญา เป็นแบบอย่างและแนวทางในด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ทำให้หลังจากอ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้แล้ว จะเป็นประโยชน์และนำไปใช้กับตนเอง องค์กร และประเทศชาติ
หนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ บทสรุปที่กล่าวถึงผู้รู้ 2 ท่านคือ อาจารย์พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และศ.ดร. จีระ หงส์ลดาลดารมภ์ บุคคลที่ควรเป็นแบบอย่าง สำหรับแฟนพันธุ์แท้ทุกคน การสนทนาดังกล่าวว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ได้รวบรวมจากประสบการณ์ที่ได้กลั่นกรองสะสมมาอย่างมากมาย เท่าที่อ่านถือว่าเป็นโอกาสที่ได้เรียนรู้วิธีคิด วิธีการทำงาน ในการพัฒนาทักษะกระบวนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และเป็นความโชคดีสำหรับผู้เรียนที่ได้อ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ และสิ่งที่ทั้งสองท่านมีเหมือนกันก็คือ การสร้างเครือข่ายมนุษย์ ให้ความสำคัญกับคนทุกระดับ และการไม่หยุดนิ่งที่จะเรียนรู้ และยังได้นำความรู้ ประสบการณ์มาถ่ายทอดสื่อสารทางรูปแบบตัวอักษรให้กับคนอื่นๆ ที่อ่านให้คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น และกล้าที่จะแสดงออก ซึ่งบทสนทนาทำให้ทราบเนื้อหาสาระสำคัญในหลากหลายด้าน เช่น เรื่องของสองแชมป์ เป็นการกล่าวถึงความเชื่อและศรัทธาและความมุ่งมั่นในเรื่องคนที่ตรงกันของทั้งสองท่าน โดยเฉพาะเรื่องประวัติ ผลงานทำงานเรื่องเกี่ยวกับคน ตลอดจนแนวทางในการทำงานของผู้รู้ทั้งสองท่าน *** เรื่องคัมภีร์คนพันธุ์แท้ เพื่อให้ทราบแนวทางในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ตั้งแต่เรื่องปรัชญาของทรัพยากรมนุษย์ที่ว่า “คน ถือเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดขององค์กร” การพัฒนามนุษย์ต้องเน้นการเรียนรู้ *** เรื่องจักรวาลแห่งการเรียนรู้ โดยการพัฒนาจากที่ผ่านมา ซึ่งต่อไปนี้จะเป็นช่วงของการขยายการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สู่ภาคประชาชน ประชาชนเรียนรู้และสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต *** เรื่องสูตรเพิ่มผลผลิต แสดงมุมมองของภาพรวมด้านการแข่งขันระดับประเทศ โดยมีการประสานความร่วมมือขององค์กรทั้งสี่ คือ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคนักวิชาการ ภาคแรงงาน ***ประโยชน์และนำไปใช้กับตนเอง นำมาใช้เป็นแนวทางสร้างสรรค์ด้านความคิดเห็นของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ต่อการปฏิบัติงานในชีวิตจริงแบ่งเป็น 2 ด้าน คือด้านผลสำเร็จของงาน และด้านพฤติกรรมของคน ซึ่งเมื่อพิจารณาข้อมูลเรื่องของคน ที่มีต่อความคิดเห็น พบว่า วุฒิการศึกษา หน่วยงาน ตำแหน่ง ที่แตกต่างกันทำให้มีความคิดเห็นต่อเกณฑ์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่แตกต่างกัน คนที่จะทำงานสำเร็จได้จะต้องเป็นคนที่มีทักษะ ความรู้ และทัศนคติหลายๆอย่างอยู่ในตัว จากวันนี้ไปผู้เรียนต้องอ่านหนังสือให้หลากหลาย ไม่ใช่แค่เรื่องที่เคยเรียนเพียงเรื่องเดียว เพราะการที่รู้มากจากการอ่านหนังสือจะทำให้เกิดความคิดที่แตกต่างออกไปจากความคิดเดิม คิดแบบเดิมหรือไม่ยอมรับการเปลี่ยน เมื่อมีความรู้มากศึกษามาก ก็จะทำให้กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นโดยไม่อายใคร เพราะเรามีความรู้ทำให้มั่นใจมากขึ้น ประโยชน์และนำไปใช้กับองค์กรปัจจุบันเป็นที่ทราบและยอมรับกันทั่วไปว่าคนในองค์กร มีความสำคัญต่อการบริหารงานในองค์กร ด้วยเหตุว่าคนเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ที่จะบริหารและพัฒนาให้องค์กรประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยหากองค์กรใดมีคนที่มีความรู้ ความสามารถ มีทักษะในการทำงานที่ดี ก็ย่อมทำให้องค์กรมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน มีศักยภาพในการแข่งขันและพัฒนา ซึ่งจะส่งผลให้องค์กรประสบความสำเร็จในการดำเนินงานขององค์กรในระยะยาว ส่วนของผู้บริหารจึงต้องอาศัยเครื่องมือทางการบริหารต่างๆ ที่มีอยู่หลากหลาย เพื่อธำรงรักษาคนที่มีประสิทธิภาพเหล่านั้นให้อยู่กับองค์กรนานที่สุดเท่าที่องค์การต้องการ ยกตัวอย่าง ทฤษฎีวงกลมที่ 3 เรื่องสร้าง Motivation (แรงจูงใจ) มองว่างานที่ทำเป็นสิ่งที่ท้าทายหรือต้องมีแรงบันดาลใจ ไม่อย่างนั้นจะเบื่อหน่ายกับงานไม่มีความตื่นเต้น ทำให้องค์กรขาดคนที่มีความสามารถในการทำงาน ฉะนั้นด้านการจัดการทรัพยากรมนุษย์ เพื่อให้คนมี Imaginative ซึ่งผู้นำจะต้องรับบทบาททั้งในการสร้างความสามารถ (Capability) ของคนในองค์กรให้เป็นที่ยอมรับ (Acceptability) รวมทั้งการปฏิบัติเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้นำ ผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่ายิ่งต้องมองลงมาข้างล่าง เพื่อดูแลคนที่อยู่ข้างล่าง ต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี มีการบริหารงานที่โปร่งใส มีคุณธรรม มีความเชื่อมั่นในความสามารถของลูกน้อง ให้โอกาสในการร่วมงาน และให้อิสระในการทำงาน ต้องรู้งานทุกขั้นตอน รู้ปัญหา-อุปสรรคต่างๆ ทำงาน และคิดว่าการนำ “ team work “ มาปฏิบัติในองค์กร เช่น การยกตัวอย่างบริษัทปูนซีเมนต์ไทย โดยอาศัย 4 ปัจจัย คือ1. สร้างคุณภาพคนให้มีความชอบธรรม 2. ผู้บริหารระดับสูงให้ความสำคัญและลงมากระทำด้วยตนเอง 3. เปลี่ยนทัศนคติของฝ่ายจัดการให้มองการพัฒนาคนเป็นการลงทุนระยะยาว 4. ปลูกฝังให้พนักงานพัฒนาตนเองฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่า “ คน ” เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่าที่สุดในองค์กรจริงๆ อย่างที่ไม่มีเหตุผลกลใดมาลบล้างความคิดนี้ได้ ประโยชน์และนำไปใช้กับประเทศเมื่อสังคมพัฒนาสู่ระดับสากลในยุคโลกาภิวัฒน์ ได้เรียนรู้พฤติกรรมของคนองค์กรและการพัฒนาประเทศและเมื่ออ่าน“หนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้” ทำให้ได้เปิดมุมมอง และเปิดใจยอมรับในเรื่องของ HR มากขึ้น และตอนนี้เห็นด้วยกับท่านว่าคนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดของประเทศ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการที่จะพัฒนาประเทศชาติและสังคมให้ประสบความสำเร็จ อยู่ได้อย่างยั่งยืนนั้นต้องอาศัยปัจจัยหลายๆอย่างเป็นส่วนประกอบแต่ที่สำคัญที่สุดคือ "คน" ที่มีคุณค่าและมีคุณภาพ เพื่อให้เกิดการพัฒนาและแข่งขันในระดับสากล เช่น การแข่งขันด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาประเทศด้วยการส่งเสริมการศึกษา การส่งเสริมการวิจัย การติดต่อสื่อสารในยุคอินเตอร์เน็ต (IT) หนังสือเล่มนี้ทำให้ได้เข้าใจอะไรที่เป็นสาเหตุของการพัฒนาประเทศที่มีความล่าช้า นั้นคือเราขาดตัวแปรที่มีความสำคัญในการที่จะพัฒนาประเทศของเรา ตัวแปรที่ว่าก็คือทรัพยากรมนุษย์นั้นเอง ที่ว่าเราขาดไม่ได้หมายถึงเราไม่มี แต่เรายังใช้ทรัพยากรไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร สรุป เมื่อใดก็ตามที่ผู้บริหารมีความเชื่อและศรัทธาเข้าถึงปรัชญาของคำว่า “คน” ที่กล่าวว่า คนคือ หัวใจของงาน ผู้บริหารจะได้รับการยอมรับและประสบความสำเร็จ โดยให้บริหารงานควบคู่คุณธรรมเสมอ ----------------------------------การบ้านวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ วันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2550 ผู้ส่ง นางสาวนันทพร สิงห์ตุ่ย รหัสประจำตัว 49038010002 นักศึกษา MPA รุ่น 3 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา08-1901-2543[email protected]------------------------------------------------------สวัสดี ครับ ศ.ดร.จีระ / นักศึกษา MPA สวนสุนันทาฯ และท่านผู้อ่านทุกท่าน
วันครูที่ 16 ม.ค. ตอนช่วงเย็น ได้มีโอกาสไปที่สวนสุนันทา อีกหนึ่งวัน เนื่องจาก ทราบข่าวว่า อาจารย์ใหญ่ของผมอีกท่านหนึ่ง คือ ศ.ดร.บุญทัน ดอกไธสง หนึ่งในบิดาแห่งรัฐประศาสนศาสตร์ของไทย ท่านมาประชุมกับคณะกรรมการสภาสวนสุนันทาฯ ขณะที่มีอาการป่วยมาก จึงถือโอกาสแวะไปเยี่ยมท่าน
เมื่อไปถึงบริเวณสวนสุนันทา ทำให้คิดถึงบรรดานักศึกษา MPA รุ่น 3 ทุกคน หวังว่า ศิษย์ MPA รุ่น 3 ทุกคน คงได้ใช้ ท.ทบทวน ความรู้ที่ได้รับไป บูรณาการกับ การพัฒนาตนเอง ตามทฤษฎี ต.ต่อเนื่อง ของ ศ.ดร.จีระ ในการพัฒนาตนเอง สำหรับ ศิษย์ที่เขียนข้อความเข้ามาแล้ว ขอให้ศึกษาของเพื่อน ๆ ที่เขียนมาด้วยว่า มีส่วนดีอะไรที่เราน่าจะเอาอย่าง
หวังว่า ศิษย์ MPA รุ่น 3 ทุกคน คงสบายดีและได้ใช้ ท.ทบทวน ความรู้ที่ได้รับไป บูรณาการกับ การพัฒนาตนเอง ตามทฤษฎี ต.ต่อเนื่อง ของ ศ.ดร.จีระ ในการพัฒนาตนเองศิษย์ทุกคนครับ ข้อความที่เพื่อน ๆ MPA เขียนมาใน Blog นี้บางท่านเขียนมาสรุปสั้นเกินไป ไม่มีการกล่าวนำ และต่อยอดเสนอความเห็นใด ๆ เลย เวลาเขียนทำข้อสอบแบบนี้ต้องระวัง
อย่างไรก็ตามขอขอบใจ ศิษย์ที่ส่งงานมาเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งมีความตั้งใจดีทุกคนสำหรับ ศิษย์ที่เขียนข้อความเข้ามาแล้ว ก็อย่าหยุดการศึกษา ขอศิษย์ที่ยังไม่ได้เขียน ยังไม่ได้ส่ง และที่ส่งมาแล้ว กรุณาศึกษาของเพื่อน ๆ ที่ส่งมาในอันดับต้น ๆ ว่า มีส่วนดีอะไรที่เราน่าจะเอาเป็นตัวอย่าง แล้วนำส่วนที่ดีไปบูรณาการให้เป็นความดีของเราให้ดียิ่งขึ้น ๆ
มีบางท่านเขียนมาได้ดีมาก มีจิตวิทยาในการเขียนด้วย กล่าวทักทายอาจารย์ใหญ่ ศ.ดร.จีระ ด้วยเสมอ ควรที่นักศึกษาที่ยังไม่ได้เขียนส่งมา ศึกษาและมองให้เห็นส่วนเด่นดีทั้งด้านจิตวิทยาการเขียนและด้านเนื้อหาสาระ และต่อยอด พัฒนาให้ดียิ่งขึ้น เพื่อชื่อเสียงของชาว MPA 3 สวนสุนันทา เพื่อตัวท่านเองและที่สำคัญเพื่อชื่อเสียงของสถาบันที่ท่านเรียนด้วย เพราะบทความของท่าน จะปรากฏต่อสาธารณะชนทั่วประเทศ และดูได้ทั่วโลกที่ internet ไปถึง
ขอให้ศิษย์รักทุกคนตั้งใจ ให้ดีและขอให้โชคดีทุกคน
สวัสดี
ยม
081-9370144
รหัส 49038010039
081 3082127
การบ้านเสนอ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
1.คุณได้อะไรจากการอ่านหนังสือเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ ตอบ ทำให้รู้ว่าการเริ่มทำตามความฝันของตนเองเป็นสิ่งที่ดีและต้องมีความพยายาม ต้องเป็นคนอยากเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา และต้องมีความเชื่อมั่นในตนเอง จากที่ได้อ่านหนังสือ “ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้” ทำให้ทราบว่าการเป็น “คนดี” คืออะไร การเป็น “คนเก่ง” คืออะไร คนดี คือ ประพฤติดี มีน้ำใจ ใฝ่ความรู้ คู่คุณธรรม คนเก่ง คือ เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด และเก่งเรียนและที่สำคัญ คนดี และ คนเก่ง ในแต่ละองค์กรอาจจะไม่เหมือนกันแต่ต้องมีความเชื่อมั่นในตนเองเสมอ การมีอุดมการณ์ในการทำงาน มีจริยธรรมในการดำเนินชีวิตและการบริหารธุรกิจ การเปิดโลกทัศน์ให้กว้างและเพิ่มทักษะในการรับฟังความคิดเห็นของบุคคลอื่นก็เป็นส่วนหนึ่งในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ในหนังสือยังสอนว่าการที่จะทำงานให้สำเร็จควรมองระยะยาวเสมอและในการที่จะลงทุนทำอะไรก็ตาม เราต้องมีความเชื่อมั่น 3 ประการ คือ 1.ความเชื่อมั่นในคุณค่าของพนักงาน 2.ความรู้สึกว่าพนักงานคือคนในครอบครัวของเรา 3.ความรับผิดชอบที่จะทำให้ทรัพยากรบุคคลของบริษัทมีราคาและมีคุณค่าที่สอดคล้องกัน เป็นบุคคลที่ใฝ่เรียนรู้อยู่เสมอจะทำให้เราประสบผลสำเร็จอยู่เสมอ2.องค์กรได้อะไรจากการอ่านหนังสือเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ ตอบ การเพิ่มผลผลิตจะประสบผลสำเร็จ ความจงรักภักดี ความมีวินัยของคนในองค์การเป็นไปในรูปแบบและเป็นไปในทางเดียวกัน จนกลายเป็นวัฒนธรรมภายในองค์การ การนำเอากิจกรรมต่างๆมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน เช่น กิจกรรม 5ส ระบบความปลอดภัย ระบบข้อเสนอแนะ และ กิจกรรม QCC ในหนังสือยังให้ข้อคิดและกระตุ้นให้คนในองค์การมีความรักและทุ่มเทต่อองค์การอย่างเต็มที่ การมีผู้บริหารที่ดีภายองค์การนั้นก็จะทำให้องค์กรเดินหน้าไปสู่แนวทางที่ดีและมีความเจริญก้าวหน้า และทำให้ทราบว่าการบริหารถ้าทำให้บุคคลพึงพอใจในการทำงาน (Job Satisfaction) จะทำให้ผลงานออกมาดีและงานมีประสิทธิภาพภายในหนังสือยังสร้างความมุ่งมั่นในการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพ ต้องมีความเข้มงวดในเรื่องต้นทุน (Cost) ความพยายามที่จะทำงานให้มีคุณภาพ (Qrality) และส่งสินค้าให้ลูกค้าทันตามที่กำหนด (Delivery) ด้วยราคาที่เป็นธรรม และในหนังสือยังบอกอีกว่าสิ่งชัดเจนที่สุด คือ การทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงจะเกิดความเสียหายน้อยที่สุด การบริหารงานด้านทรัพยากรมนุษย์เป็นยุทธศาสตร์ทางธุรกิจที่สำคัญอย่างหนึ่ง เพราะจะทำให้เกิดสิ่งตอบแทน แรงงานสัมพันธ์ และอาจารย์ยังทำให้องค์กรได้ทราบอีกว่า คน คือ ทรัพยากรที่มีคุณค่ามากที่สุด The most valvable asset ที่สำคัญที่สุด ภายในองค์กรต้องมีการพัฒนาและฝึกอบรมการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสุงสุดอยู่เสมอ 3.ชาติได้อะไรจากการอ่านหนังสือเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ ตอบ การเพิ่มมูลค่าในระยะยาวของเศรษฐกิจ การกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในการพัฒนาฝีมือแรงงาน ประชากรทุกคนคือทรัพยากรที่มีคุณค่าของชาติ การมีทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าและสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติรวมถึงการพัฒนาและปฏิรูปการบริหารให้มีประสิทธิภาพส่งผลให้ประเทศเกิดความเจริญทางด้านการทำธุรกิจและภาระการลงทุนและสร้างมรดกชิ้นสำคัญ คือ สร้างความตระหนักในการรับรู้ของทุกคนในสังคมให้หันมาสนใจในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ
1) หลักบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี (Good Govemance) ได้แก่ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า ซึ่งหลักนี้รัฐบาลปัจจุบันและหน่วยงานภาครัฐใช้อยู่
2) หลักการบริหารงานทรัพยากรมนุษย์แนวใหม่ ได้แก่ การยึดหลักระบบคุณธรรม การยึดหลักมุ่งผลสัมฤทธิ์ การยึดหลักสมรรถนะ การยึดหลักสรรหาระบบเปิด การยึดหลักการบริหารจัดการแนวใหม่ การกำหนดรูปแบบการจ้างาน การจ่ายค่าตอบแทนที่เป็นธรรม
3) กระบวนการ HRM ได้แก่ การสรรหา การคัดเลือก การบรรจุแต่งตั้ง การกำหนดค่าตอบแทน การพัฒนา การให้ออกจากงาน โดยมีโครงสร้างของกระบวนการ คือ INPUT – PROCESS - OUTPUT
ประเด็นที่ 2 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ มีปัญหาอะไรบ้าง (ให้ยกมาเพียง 3 ข้อ)1) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐให้มีประสิทธิภาพจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าภาครัฐยังยึดติดการบริหารในรูปแบบเดิม มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก มีระเบียบและกฎเกณฑ์มากมาย การแก้ไขปัญหาล่าช้า
2) ปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐมีการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้อย่างมากมาย แต่รัฐบาลไม่ได้เตรียมบุคลากรไว้รองรับเพื่อทำงานในภาครัฐ ทำให้ขาดแคลนแรงงานในด้านที่สำคัญเช่น แพทย์ นักเขียนโปรแกรม หรือนักวิชาการคอมพิวเตอร์ ช่างไฟฟ้า วิศวกร เป็นต้น ไม่ทันต่อความต้องการของตลาดแรงงานและหน่วยงานภาครัฐ
3) การที่รัฐบาลไม่มีนโยบายด้านการศึกษาที่ชัดเจน ต่างคนต่างทำในเรื่องการเรียนการสอน มีลักษณะแย่งกันทำ ความคิดไม่สอดคล้องกัน ทำให้เกิดปัญหาด้านคุณภาพทางวิชาการ หลักสูตร และความต่อเนื่องขององค์ความรู้
ประเด็นที่ 3 ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาในภาครัฐ (ให้ยกมาเพียง 3 ข้อ)1) รัฐบาลต้องมีนโยบายในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างต่อเนื่อง ด้วยการบริหารทรัพยากรมนุษย์เป็นยุทธศาสตร์นำหน้าในการแก้ไขและพัฒนาเสมอ
2) เกี่ยวกับโครงสร้างของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐนั้น รัฐบาลควรสานต่อแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 ที่เน้นการพัฒนาใน 4 ด้านคือ ด้านการศึกษาเพื่อพัฒนาศักยภาพของประชาชน การวิจัยและพัฒนาและการพัฒนาบุคลากรในภาครัฐและหน่วยงานของรัฐ เป็นหลัก
3) รัฐบาลต้องรื้อปรับแนวความคิดหรือกระบวนทัศน์ที่เกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Management : HRM) กันอย่างจริงจัง เพราะการพัฒนาบุคลากรนั้นเป็นเรื่องของการลงทุนที่จำเป็นอย่างยิ่ง สามารถเก็บเกี่ยวผลได้ในระยะยาว เป็นการสร้างรากฐานที่แข็งแรงให้แก่สังคม โดยจัดทำเป็นนโยบายแห่งชาติเป็นการเร่งด่วนในเชิงรุก หากล่าช้าประเทศจะเกิดความล้าหลัง
สมธนิษฐ์ มงคลชาติ (ศิษย์เก่าชิโนรส)
รหัส 4903810030
สวนสุนันทา รปม.รุ่น 3
085-0442331
3) รัฐบาลควรให้การสนับสนุนการระดมความคิดในด้านการวิจัยและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มากยิ่งขึ้น
จากที่ได้มีโอกาสเรียนการบริหารทรัพยากรมนุษย์กับท่านถือว่าเป็นความโชคดี ซึ่งท่านเป็นผู้จุดประกายความคิดทางปัญญา เป็นแบบอย่างที่ดีและพร้อมทั้งได้ชี้แนะแนวทางในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์กับตัวเอง องค์กร และประเทศชาติมากมายเกินกว่าที่คิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านได้หยิบยื่นหนังสือที่ดีซึ่งถือว่าเป็นคู่มือสำคัญสำหรับ"มนุษย์พันธุ์แท้"ทุกคนคือหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ซึ่งเป็นบทสนทนาของท่านพารณ
อิศรเสนา ณ อยุธยา กับ ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ ซึ่งเป็นบทสนทนาว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งสองท่านเป็นนักคิดและผู้นำปฏิบัติแห่งยุค หลังจากได้อ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้แล้วได้รับความรู้จากประสบการณ์ของสองท่าน ทำให้ตนเองได้เรียนรู้อะไรมากมายและนำมาใช้ประโยชน์ได้ เช่น ได้เรียนรู้วิธีคิด การนำระบบ 5 ส. และวิธีการทำงานอย่างเป็นระบบ ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทำให้ได้ความคิดว่าคนเราถึงแม้มีสิ่งอื่น ๆ ที่ต่างกันแต่เรามีเป้าหมายอย่างเดียวกันได้ สามารถทำให้งานนั้นให้สำเร็จได้ ทั้งสองท่านได้มองเห็นความสำคัญของคน ซึ่งท่านได้มองเห็นความยั่งยืนระยะยาวโดยการสร้างเครือข่ายมนุษย์ “คน’ ถือว่ามีความสำคัญมากกว่าเครื่องจักร คนยิ่งทำงานนานจะมีความชำนาญ มีความรู้ มีทักษะมาก แต่เครื่องจักรเก่าใช้งานนาน ๆ จะทำให้ชำรุดได้ แต่เช่นเดียวกัน “คน”ก็ต้องพัฒนาความรู้ความสามารถอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่พัฒนาก็จะพังเร็วกว่าเครื่องจักร จากหนังสือเล่มนี้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการบริหารองค์กรเนื่องจาก คน คือ ทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญขององค์กรสามารถนำความรู้จากหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ไปเป็นแนวทางสร้างสรรค์ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์จะต้องให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคนเท่า ๆ กัน และจะต้องให้เขาได้มีโอกาสได้รับการพัฒนาด้าน ทักษะ ความรู้ ความสามารถตลอดเวลา เพื่อให้เขาได้มีประสบการณ์ มีความรู้ ความชำนาญเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ สมกับ คน คือทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญขององค์กรตลอดจนต้องดูแลให้เขาได้รับสวัสดิการต่าง ๆ ที่เขาควรจะได้รับเพื่อแรงจูงใจในการทำงาน และเพื่อรักษาสภาพให้เขาอยู่กับองค์กรไปนาน ๆ เมื่อคนมีคุณภาพมีศักยภาพดีก็จะทำให้องค์กรกระสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ประโยชน์ทีสามารถนำมาใช้บริหารประเทศ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของประเทศผู้บริหารควรให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ ผู้บริหารจะต้องมีวิสัยทัศน์กว้างไกลมองจากที่สูงลงมาสู่ที่ต่ำเพื่อจะได้มองเห็นภาพรวมของประเทศและจะได้รู้ปัญหา เข้าถึงปัญหาและสามารถแก้ไขปัญหาได้ ไว้วางใจให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำงานอย่างมีอิสระและเป็นแบบอย่างที่ดีการบริหารต้องโปร่งใส มีคุณธรรมอย่างเช่น บริษัทปูนซีเมนต์ไทย ผู้บริหารให้ความสำคัญกับคนทุกระดับ โดยผู้บริหารมีนโยบาย1. สร้างคนให้มีคุณธรรม2. ให้มีความชอบธรรม3. ให้มองการพัฒนาคนเป็นการลงทุนระยะยาว 4 ปลูกฝังส่งเสริมให้พนักงานพัฒนาตนเองให้มีความรู้ความชำนาญให้สมกับคำว่า”คน”เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่าที่สุดขององค์กรจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันโลกได้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศกำลังจะหมดไปผู้บริหารประเทศควรจะหาโอกาสอ่านหนัง”ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้” หรือศึกษาตัวอย่างจากบริษัทปูนซิเมนต์ไทย เพื่อจะได้มองเห็นความสำคัญของทรัพยากรมนุษย์จะได้วางนโยบายพัฒนาคนให้มีคุณภาพ มีศักยภาพ พร้อมที่จะพัฒนาประเทศให้ไปสู่ระดับสากล เมื่อใดที่ผู้บริหารประเทศยังไม่เห็นคุณค่าความสำคัญของคนการพัฒนาประเทศจะประสบความสำเร็จนั้นเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าหากผู้บริหารมีความเชื่อและศรัทธาเข้าถึงปรัชญาของคำว่าคน คือ ทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญขององค์กร ของประเทศผู้บริหารก็จะประสบความสำเร็จบรรลุวัตถุประสงค์ของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ อย่างเช่นบริษัทปูนซิเมนต์ไทย
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ยม นาคสุข ที่เคารพ ดิฉันได้เขียนความรู้สึกประทับใจในสิ่งดี ๆ ที่ได้มีโอกาสเป็นลูกศิษย์อาจารย์จีระ และอาจารย์ยมไปแล้ว สิ่งที่ได้รับจากอาจารย์มีคุณค่ามากเป็นกำไรของชีวิต จากการพูดคุยกับเพื่อน ๆ หลายท่าน ทุกคนมีความรู้สึกดี ๆ ที่ไม่แตกต่างกัน ซึ่งคิดว่าอาจารย์คงสัมผัสได้ แต่การถ่ายทอดความรู้สึกและความรู้ที่ได้รับจากอาจารย์และการอ่านหนังสือ HR Champions ทั้งหมด ออกมาเป็นตัวหนังสือเป็นเรื่องยาก ซึ่งไม่เคยทำมาก่อน แต่ดิฉันเริ่มมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของความเป็นมนุษย์ แล้วว่า ทุกอย่างจะสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ถ้าหมั่นฝึกฝนและเรียนรู้อย่าง ต่อเนื่อง เรียนรู้ตลอดชีวิต ดิฉันเริ่มใช้แนวทาง 6 ท. โดยเฉพาะ ท.ทบทวน และ ท. ลงมือทำ และจะพยายามทำให้ดีที่สุด จากการอ่านหนังสือ HR Champions ซึ่งรวบรวมแนวคิดและประสบการณ์ในการทำงานเกี่ยวกับ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของ ท่านพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ที่ถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย สามารถจินตนาการตามได้ ความรู้ที่ได้รับมากมายคง เขียนได้ไม่หมด แต่ที่เห็นว่าเป็นองค์ความรู้ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด และทุกสถานการณ์ เช่น ทฤษฎี 4 L’s 8 K’s 2 R’s ทฤษฎี 3 วงกลม ทฤษฎีมูลค่าเพิ่ม สามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ ดังนี้ ประโยชน์ที่ได้รับสำหรับตนเอง ได้รับความรู้ใหม่ ๆ ได้เปิด โลกทรรศน์ให้กว้างขึ้น จุดประกายที่จะเรียนรู้ เพื่อพัฒนาตนเอง องค์กร และประเทศชาติ ได้เรียนรู้วิธีการคิดของอาจารย์ที่คิดไกล คิดกว้าง รู้ลึก รู้รอบ และนำความรู้มาบูรณาการได้ อย่างลงตัว มองเป้าหมายอย่าง ชัดเจน และมีวิธีการทำงานให้ถึงเป้าหมายอย่างเป็นระบบ ตามขั้นตอน ทั้งสองท่านมีความเชื่อมั่นว่า ทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งที่มีค่าและสำคัญที่สุด ขององค์กร และ มีเป้าหมายเหมือนกันคือพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ เชื่อมั่นว่าความรู้จะแก้ไขปัญหาและอุปสรรคได้ด้วยปัญญา เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง ตั้งใจที่จะแบ่งปันความรู้ไปยังผู้อื่น แสวงหาความรู้และเรียนรู้อย่างมีความสุข อยู่ตลอดเวลา ทำงานด้วยใจรัก มีภาวะผู้นำสูง รู้ทันการเปลี่ยนแปลง มีเมตตา มีน้ำใจ ให้โอกาสผู้อื่น คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าตนเอง รู้จักคำว่าไม่รู้ เพื่อจะได้เรียนรู้รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น และรู้จักวิธีการพัฒนา และดึงศักยภาพของคนมาใช้ สร้างคนดี-คนเก่ง ผู้บริหารระดับสูงจะต้องมีคุณธรรมและจริยธรรม ฯลฯ ประโยชน์ที่จะเกิดกับองค์กร นำทฤษฎี 4 L’s ทฤษฎี 3 วงกลม ทฤษฎีมูลค่าเพิ่ม มาปรับใช้ในการทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์กับองค์กรให้มากที่สุด ปรับวิธีการเรียนรู้ สร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ สร้างโอกาสในการเรียนรู้ สร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ ในองค์ประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชนำวิธีการเกี่ยวกับการบริหารทรัพยกรมนุษย์ ของปูนซีเมนต์ มาประยุกต์ ตั้งแต่ระบบการคัดเลือกและสรรหาคนเข้าทำงานที่ปูนซีเมนต์ จะดูจากความรู้ความสามารถ โปร่งใส ใช้ระบบคุณธรรม ถ้าองค์กรได้คนดี จะพัฒนาองค์กรให้ประสบความสำเร็จได้โดยง่าย สิ่งสำคัญ ที่สุดคือ การคัดเลือกผู้บริหารควรดูที่ความรู้ความสามารถมากกว่าความอาวุโส เช่น สถาบันทรัพยากรมนุษย์ ที่ ศ.ดร. จีระ ได้เป็นเป็นผู้อำนวยการ 4 สมัย เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน การเลือกผู้นำระดับหัวหน้างาน หัวหน้าฝ่าย มีผลกับความสำเร็จขององค์กร เน้นการทำงานเป็นทีม เปิดโอกาสให้พนักงาน มีส่วนร่วมกำหนดเป้าหมายขององค์กรร่วมกัน ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ด้วยส่งเสริมให้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมาถ่ายทอดต่อเพื่อสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ ประโยชน์ต่อประเทศชาติ ผู้นำองค์กรที่เป็นผู้กำหนดนโยบายในการพัฒนาประเทศ นำทฤษฎี 4 L’s และ 8 K’s มาใช้จะต้องมีปรัชญาในการบริหารโดยเน้นคนสำคัญ จะต้องมีวิสัยทัศน์วางแผนคนให้สอดคล้องกับอนาคตของประเทศในอีก 10 ปี ข้างหน้าว่าประเทศจะพัฒนาไปในทิศทางใด ต้องการทรัพยากรมนุษย์อย่างไร ได้วางแผนผลิตพัฒนา และดูแลรักษาได้อย่างตรงประเด็น ใช้ได้ดีที่สุดในเรื่องระบบการศึกษาของชาติ การพัฒนา ฝีมือแรงงาน การสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กระจายอย่างทั่วถึง ปรับหลักสูตร วิธีการเรียนการสอน ปัจจุบันเด็กเรียนด้วยวิธีการท่องจำตามครู ไม่มีการฝึกคิดวิเคราะห์หรือวางแผนการทำงาน กำหนดเป้าหมายชีวิต การเรียนตาม กระแสสังคมความนิยม เรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ซึ่งคิดอย่างมีเหตุมีผลน้อยลง หากไม่เริ่มตั้งแต่วันนี้ อาจจะพัฒนาไม่ทันประเทศอื่น หน่วยงานภาครัฐทุกแห่ง ทุกระดับควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นอันดับต้น ๆ เพราะองค์กรจะมีประสบความสำเร็จได้ด้วย คน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า สรุปหนังสือ HR Champions เป็นอาหารสมอง ที่มีคุณค่าครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะ ทฤษฎี 4L’s 8K’s 2R’s ที่สามารถนำมาใช้ประกอบการคิดวิเคราะห์ ประยุกต์ในการทำงานได้ทั้งปัจจุบันและอนาคต ที่สำคัญที่สุดคือได้สร้างแรงจูงใจที่จะเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อพัฒนาตนเอง พัฒนาองค์กร และสังคม โดยมีอาจารย์พารน อาจารย์จีระเป็นแบบอย่างที่ดี น่าเสียดายที่สุดคือได้อ่านหนังสือ HR Champions ช้าไป ถ้าได้รู้จักก่อนปีใหม่ ก็จะเป็นของขวัญปีใหม่ ที่จะมอบให้ญาติ เพื่อนสนิท มิตรสหาย คงเป็นหนังสือนี้อย่างแน่นอน
ศรีปัญญา วัชนาค
081- 6449670
|
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ยม นาคสุข ที่เคารพ
ดิฉันได้เขียนความรู้สึกประทับใจในสิ่งดี ๆ ที่ได้มีโอกาสเป็นลูกศิษย์อาจารย์จีระ และอาจารย์ยมไปแล้ว สิ่งที่ได้รับจากอาจารย์มีคุณค่ามากเป็นกำไรของชีวิต
จากการพูดคุยกับเพื่อน ๆ หลายท่าน ทุกคนมีความรู้สึกดี ๆ ที่ไม่แตกต่างกัน ซึ่งคิดว่าอาจารย์คงสัมผัสได้ แต่การถ่ายทอดความรู้สึกและความรู้ที่ได้รับจากอาจารย์และการอ่านหนังสือ HR Champions ทั้งหมด ออกมาเป็นตัวหนังสือเป็นเรื่องยาก ซึ่งไม่เคยทำมาก่อน
แต่ดิฉันเริ่มมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของความเป็นมนุษย์ แล้วว่า ทุกอย่างจะสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ถ้าหมั่นฝึกฝนและเรียนรู้อย่าง ต่อเนื่อง เรียนรู้ตลอดชีวิต ดิฉันเริ่มใช้แนวทาง 6 ท. โดยเฉพาะ ท.ทบทวน และ ท. ลงมือทำ และจะพยายามทำให้ดีที่สุด
จากการอ่านหนังสือ HR Champions ซึ่งรวบรวมแนวคิดและประสบการณ์ในการทำงานเกี่ยวกับ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของ ท่านพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ที่ถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย สามารถจินตนาการตามได้ ความรู้ที่ได้รับมากมายคง เขียนได้ไม่หมด
แต่ที่เห็นว่าเป็นองค์ความรู้ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด และทุกสถานการณ์ เช่น ทฤษฎี 4 L’s 8 K’s 2 R’s ทฤษฎี 3 วงกลม ทฤษฎีมูลค่าเพิ่ม สามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ ดังนี้ ประโยชน์ที่ได้รับสำหรับตนเอง ได้รับความรู้ใหม่ ๆ ได้เปิด โลกทรรศน์ให้กว้างขึ้น จุดประกายที่จะเรียนรู้
เพื่อพัฒนาตนเอง องค์กร และประเทศชาติ ได้เรียนรู้วิธีการคิดของอาจารย์ที่คิดไกล คิดกว้าง รู้ลึก รู้รอบ และนำความรู้มาบูรณาการได้ อย่างลงตัว มองเป้าหมายอย่าง ชัดเจน และมีวิธีการทำงานให้ถึงเป้าหมายอย่างเป็นระบบ ตามขั้นตอน
ทั้งสองท่านมีความเชื่อมั่นว่า ทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งที่มีค่าและสำคัญที่สุด ขององค์กร และ มีเป้าหมายเหมือนกันคือพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ เชื่อมั่นว่าความรู้จะแก้ไขปัญหาและอุปสรรคได้ด้วยปัญญา เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง ตั้งใจที่จะแบ่งปันความรู้ไปยังผู้อื่น แสวงหาความรู้และเรียนรู้อย่างมีความสุข อยู่ตลอดเวลา ทำงานด้วยใจรัก มีภาวะผู้นำสูง รู้ทันการเปลี่ยนแปลง มีเมตตา มีน้ำใจ ให้โอกาสผู้อื่น คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าตนเอง รู้จักคำว่าไม่รู้ เพื่อจะได้เรียนรู้รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น และรู้จักวิธีการพัฒนา และดึงศักยภาพของคนมาใช้ สร้างคนดี-คนเก่งผู้บริหารระดับสูงจะต้องมีคุณธรรมและจริยธรรม ฯลฯ ประโยชน์ที่จะเกิดกับองค์กร นำทฤษฎี 4 L’s ทฤษฎี 3 วงกลม ทฤษฎีมูลค่าเพิ่ม มาปรับใช้ในการทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์กับองค์กรให้มากที่สุด ปรับวิธีการเรียนรู้ สร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ สร้างโอกาสในการเรียนรู้ สร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ ในองค์ประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์
นำวิธีการเกี่ยวกับการบริหารทรัพยกรมนุษย์ ของปูนซีเมนต์ มาประยุกต์ ตั้งแต่ระบบการคัดเลือกและสรรหาคนเข้าทำงานที่ปูนซีเมนต์ จะดูจากความรู้ความสามารถ โปร่งใส ใช้ระบบคุณธรรม ถ้าองค์กรได้คนดี จะพัฒนาองค์กรให้ประสบความสำเร็จได้โดยง่าย
สิ่งสำคัญ ที่สุดคือ การคัดเลือกผู้บริหารควรดูที่ความรู้ความสามารถมากกว่าความอาวุโส เช่น สถาบันทรัพยากรมนุษย์ ที่ ศ.ดร. จีระ ได้เป็นเป็นผู้อำนวยการ 4 สมัย เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน การเลือกผู้นำระดับหัวหน้างาน หัวหน้าฝ่าย มีผลกับความสำเร็จขององค์กร เน้นการทำงานเป็นทีม เปิดโอกาสให้พนักงาน มีส่วนร่วมกำหนดเป้าหมายขององค์กรร่วมกัน ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ด้วยส่งเสริมให้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมาถ่ายทอดต่อเพื่อสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ ประโยชน์ต่อประเทศชาติ ผู้นำองค์กรที่เป็นผู้กำหนดนโยบายในการพัฒนาประเทศ นำทฤษฎี 4 L’s และ 8 K’s มาใช้จะต้องมีปรัชญาในการบริหารโดยเน้นคนสำคัญ จะต้องมีวิสัยทัศน์วางแผนคนให้สอดคล้องกับอนาคตของประเทศในอีก 10 ปี ข้างหน้าว่าประเทศจะพัฒนาไปในทิศทางใด ต้องการทรัพยากรมนุษย์อย่างไร ได้วางแผนผลิตพัฒนา และดูแลรักษาได้อย่างตรงประเด็น ใช้ได้ดีที่สุดในเรื่องระบบการศึกษาของชาติ การพัฒนา ฝีมือแรงงาน การสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กระจายอย่างทั่วถึง ปรับหลักสูตร วิธีการเรียนการสอนปัจจุบันเด็กเรียนด้วยวิธีการท่องจำตามครู ไม่มีการฝึกคิดวิเคราะห์หรือวางแผนการทำงาน กำหนดเป้าหมายชีวิต การเรียนตาม กระแสสังคมความนิยม เรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ซึ่งคิดอย่างมีเหตุมีผลน้อยลง หากไม่เริ่มตั้งแต่วันนี้ อาจจะพัฒนาไม่ทันประเทศอื่น หน่วยงานภาครัฐทุกแห่ง ทุกระดับควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นอันดับต้น ๆ เพราะองค์กรจะมีประสบความสำเร็จได้ด้วย คน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า
สรุปหนังสือ HR Champions เป็นอาหารสมอง ที่มีคุณค่าครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะ ทฤษฎี 4L’s 8K’s 2R’s ที่สามารถนำมาใช้ประกอบการคิดวิเคราะห์ ประยุกต์ในการทำงานได้ทั้งปัจจุบันและอนาคต ที่สำคัญที่สุดคือได้สร้างแรงจูงใจที่จะเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อพัฒนาตนเอง พัฒนาองค์กร และสังคม โดยมีอาจารย์พารน อาจารย์จีระเป็นแบบอย่างที่ดี น่าเสียดายที่สุดคือได้อ่านหนังสือ HR Champions ช้าไป ถ้าได้รู้จักก่อนปีใหม่ ก็จะเป็นของขวัญปีใหม่ ที่จะมอบให้ญาติ เพื่อนสนิท มิตรสหาย คงเป็นหนังสือนี้อย่างแน่นอน
ศรีปัญญา วัชนาค
081- 6449670 [email protected]เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ยม นาคสุข
ก่่อนอื่นต้องขอบพระคุณอาจารย์จีระเป็นอย่างสูงที่ได้นำสิ่งดี ๆ มาสู่ชีวิต คือได้รับความรู้และประสบการณ์ดี ๆ ได้มีโอกาสเป็นลูกศิษย์ปรมาอาจารย์ด้านทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้ สิ่งสำคัญที่สุดช่วยสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ ทำให้รู้ว่ายังไม่สายหากจะเริ่มต้นการเรียนร้ อย่างจริงจัง เพราะการเรียนรู้สามารถทำได้ตลอดชีวิต ใช้เทคนิค 6 ท. เป็นแนวทาง ซึ่งใช้ได้ทันที อาจารย์จีระ ให้อ่านหนังสือ “ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้”
ครั้งแรกคิดว่าจะมีเวลาอ่านหรือ แต่เมื่อลงมืออ่านแล้วกลับวางไม่ลง เป็นหนังสือที่เขียนเล่าเรื่องได้ไม่เบื่อ มีทั้งบทสนทนา บทสัมภาษณ์ เข้าใจง่าย
เมื่ออ่านจบแล้ว ให้สรุปว่าได้อะไรบ้าง กับตนเอง องค์กรและประเทศชาติ รู้แต่ว่าได้รับประโยชน์มาก แต่อาจจับประเด็นได้ไม่หมด สิ่งแรกคือได้รู้จักท่านพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ มากยิ่งขึ้น ดูจากประวัติและผลงานของท่านทั้งสองแล้ว เป็นปูชนียบุคคลที่น่านับถือ และเอาเป็นแบบอย่างได้โดยเฉพาะแนวคิดและความเชื่อมั่นว่า คนเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุด คน เป็นผู้สร้างสรรค์สังคมให้ยิ่งใหญ่ คน คือศูนย์กลางของการเรียนรู้ องค์กรจะดี เพราะมีคนเก่งและคนดี ท่านพารน เป็นวิศวกร แต่มุ่งมั่นตั้งใจในการพัฒนาองค์กรด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ก่อน ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง บริษัทปูนชีเมนต์ไทย เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในระดับโลก การพัฒนาบุคลากรเป็นการลงทุน (Investment) ไม่ใช่ต้นทุนผู้บริหารจะต้องขับพลังและอัจฉริยภาพของคนในทุกระดับในองค์กรให้ได้ เมื่อคนมีความจงรักภักดี ร่วมกับความมีวินัยของคนในองค์กรจึงทำให้องค์กรมั่นคงและพัฒนาได้อย่างยั่งยืน ท่านกำลังสร้างเด็กไทยสู่การเป็น Global Citizen ผ่านระบบการเรียนแบบ ทฤษฎี Constructionism ในบรรยากาศของ Learning Organization ได้เห็นแนวคิด วิธีการคิด วิธีการทำงานของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ที่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ เป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพราะมองว่าประเทศชาติจ ะพัฒนาได้ ทรัพยากรที่สำคัญคือสมองมนุษย์ ซึ่งต้องใช้เวลาสร้าง เหมือนปลูกต้นสักต้องใช้เวลา แต่หากโตเต็มที่ จะมีความแข็งแกร่ง แม้แต่ตัวปลวกยังกัดกินไม้สักไม่ได้ ท่านได้สร้างทฤษฎีแห่งการเรียนรู้ 4 L’s ที่สามารถนำมาใช้ในการพัฒนาองค์กรและประเทศชาติได้ หากนำมาประยุกต์ใช้ให้ตรงประเด็น นอกจากนี้ยังมีทฤษฎี 8K’s ทฤษฎี 3 วงกลม 2 R’s 2 I’sและอื่น ๆ สามารถนำความรู้และประสบการณ์การทำงานของอาจารย์ทั้งสองที่ถ่ายทอดไว้ในหนังสือ “ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้” ไปใช้ได้
ประโยชน์กับตนเอง สร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ต้องหาความเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ชีวิต เห็นวิธีการใช้ชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานอย่างมีความสุข ผู้ที่จะประสบความสำเร็จได้จะต้องมีทัศนคติ มีความรู้หลาย ๆ ด้านอยู่ในตัวและนำมาบูรณาการได้ การคิดท่านมีวิสัยทัศน์ ที่กว้างและมองโลกในทางสร้างสรรค์ มองไกลถึงอนาคต มองเห็นการเปลี่ยนแปลง และเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง การเสียสละเพื่อส่วนรวม
ประโยชน์ที่ได้กับองค์กร นำทฤษฎีที่ท่านทั้งสองสร้างจากประสบการณ์การทำงานจริง เช่น 4 L’s 8K’s 3 วงกลม มาปรับใช้ ผู้นำองค์กรจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ก่อน มีการสื่อสารที่ดี การทำงานเป็นทีม สร้างการมีส่วนร่วม สร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบปูนซีเมนต์ไทย เพราะคนมีความสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร องค์กรจะดี เพราะมีคนเก่งและคนดี ใช้แนวทางในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ของปูนซีเมนต์ไทย และวิธีการทำงาน ของ ศ.ดร.จีระ มาใช้ให้คนในองค์มีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายขององค์กรนั้น พัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างต่อเนื่อง องค์การก็จะประสบความสำเร็จ
ประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติิ ผู้นำหน่วยงานราชการ ทุกระดับ ตั้งแต่ กระทรวง กรม กอง รัฐมนตรี ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นนโยบายหลัก และเป็นวาระแห่งชาติ เป็นยุทธศาสตร์ ที่ต้องถือปฏิบัติ และมีการติดตามประเมินผลอย่างจริงจัง ทำเรื่องคนก่อนทำให้ต่อเนื่อง รับรองประเทศชาติจะพัฒนาได้ทันหรือล้ำหน้าประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกันได้ มีแผนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นเป้าหมายหลักในการพัฒนาประเทศ เพราะประเทศจะพัฒนาได้ด้วยคนดีมีคุณภาพ
สรุป องค์กรหรือประเทศชาติจะพัฒนาได้ ทรัพยากรมนุษย์ ในประเทศนั้นจะต้องมีความรู้ มีคุณภาพ มีจริยธรรม ถึงเวลาแล้วที่ทุกคน จะต้องหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เป็นอันดับแรกอย่างต่อเนื่อง พร้อม ๆ กับการพัฒนาทางด้านอื่น ๆ ผู้นำต้องมีความเชื่อมั่นและศรัทธาก่อนว่า คนเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดของชาติ ทุกคนร่วมกันสร้างองค์การแห่งการเรียนรู้ เริ่มจากตนเอง ครอบครัว สังคม และก้าวไปสู่ประเทศแห่งการเรียนรู้ Nation Learning
วิไลวรรณ วิไลเลิศ
กราบสวัสดีท่านอาจารย์ ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์
ผมขอขอบพระคุณอาจารย์ที่ได้กรุณาส่งอีเมล์ บทความการวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงต้นปีให้พวกเรา รปม.รุ่นที่3 ได้อ่านกัน
ผมได้อ่านหนังสือ”ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้” แล้ว ซึ่งเมื่ออ่านจบ ผมรู้สึกได้ว่าผมมีความดีใจและภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เรียน รปม.รุ่นที่ 3 ที่สถาบันราชภัฎสวนสุนันทา ซึ่งทำให้ผมได้พบกับอาจารย์จีระฯ และในบทส่งท้ายของอาจารย์จีระฯ ได้เขียนไว้ว่า “จะหันมามุ่งมั่นสร้าง ชาวราชภัฎให้แข็งแกร่ง เติบใหญ่ทางภูมิปัญญา โดยไม่สนใจว่าชื่อของสถาบันราชภัฎ จะอยู่ในตารางการจัดอันดับการแข่งขันทางด้านการศึกษาระดับเอเชียหรือไม่”ซึ่งเป็นข้อความที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริง และความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ ในการที่จะทำตามอุดมการณ์ ความเชื่อ และความศรัทธา ของท่านอาจารย์จีระฯ
เมื่อถามว่าได้อะไร(ผลกระทบต่อตนเอง) ...!ผมขอตอบว่าได้รับความเชื่อ ความศรัทธาจากที่อาจารย์มอบให้ ขณะที่ผมอ่านหนังสืออยู่นั้น ผมก็ได้คิดตามหลักการต่างๆที่อาจารย์ได้นำเสนอไปด้วย ทุกอย่างที่อาจารย์เขียนนั้นเป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงทั้งสิ้น อาทิ บทความที่ว่า “ประเทศใดก็ตาม ถ้ามีทรัพยากรธรรมชาติมาก ประเทศเหล่านั้นในอดีตจะประมาท" เปรียบดังเช่น ช่วงวิกฤติการณ์ฟองสบู่แตก คนไทยเลือกที่จะแก้ปัญหาด้วยการฆ่าตัวตายเสียส่วนมากเพราะคิดว่าไม่มีทางออก แต่อีกมุมหนึ่งถ้ามองไปจะพบว่าคนไทยบางกลุ่มเลือกที่จะใช้ภูมิปัญญาตนเอง ค่อยๆแก้ปัญหาทีละขั้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นทรัพยากรที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด สู้กับปัญหาเพื่อความอยู่รอด และนี่เองคือสิ่งที่ประเทศที่ทรัพยากรธรรมชาติมีน้อย เขาได้เรียนรู้ที่จะนำมาใช้ก่อนเรา
เมื่อถามว่าองค์กรได้อะไร(ผลกระทบต่อองค์กร)...! ผมขอตอบว่า องค์กรคนที่มีความคิดและมีความศรัทธาในทรัพยากรมนุษย์เพิ่มขึ้นในองค์กร เพื่อที่จะนำแนวคิดต่างๆที่ได้รับการถ่ายทอดจากการเรียนไปประยุกต์ใช้และพัฒนาองค์กรให้ขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายที่ได้ตั้งไว้
เมื่อถามว่าประเทศชาติได้อะไร(มีผลต่อประเทศอย่างไร)...! ก็จะได้กลุ่มคนที่มีอุดมการณ์ร่วมกัน ที่มีแนวคิดในการช่วยกันพัฒนาจากองค์กรสู่ประเทศให้เจริญก้าวหน้าต่อไปแต่ที่สำคัญ ต้องขอขอบพระคุณในความเชื่อมั่นแห่งคุณค่าความเป็นทรัพยากรมนุษย์ของท่านอาจารย์จีระฯ ที่ได้เลือกที่จะมาพัฒนาคน ณ สถาบันราชภัฎ
เป้าหมายในหนังสือของ 2 ท่านนี้เหมือนกันอย่างไร จากตอนที่ 11 บทบันทึก “พารณ-จีระ” ได้กล่าวว่า “การเดินทางต่อเนื่องในสิ่งที่พวกเขาเชื่อและศรัทธา” หมายถึงแม้ว่าปัจจุบันทั้ง 2 ท่าน จะเกษียณอายุการทำงานแล้ว แต่มิได้เกษียณอายุการทำตามความฝันและอุดมการณ์ ก็คือ “ความตั้งใจที่จะเผยแพร่อุดมการณ์เกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์”กราบสวัสดีท่านอาจารย์ ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ ยม นาคสุข
กระผมขออนุญาตส่งงานตามที่อาจารย์ ยมฯ ได้มอบหมายไว้ให้หลังจากที่ได้รับการศึกษาในวันที่ 14 ม.ค. 50 ตามหัวข้อดังต่อไปนี้
โดยรวมแล้วการที่ได้รับการศึกษาเรื่อง”ภาพรวมการบริหารทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่” จากอาจารย์ยมฯ นี้มิได้ทราบเพียงแต่แนวคิดที่จะบริหารทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่แต่เพียงอย่างเดียว แต่อาจารย์ท่านยังได้กล่าวถึงที่มาและความสำคัญของวิชา “การบริหารทรัพยากรมนุษย์”ไว้ด้วย ซึ่งทำให้ทราบว่าตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันและต่อไปในอนาคตนั้น ทรัพยากรที่จะเป็นส่วนขับเคลื่อนให้โลกหมุนไปอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาถึงขีดสุดได้มิใช่สิ่งใดแต่เป็นทรัพยากรมนุษย์นั่นเอง ส่วนประเด็นที่กระผมสนใจมีด้วยกันหลายประเด็น อาทิ
1.1) เรื่องของปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อการ
บริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ซึ่งได้แก่ การเมือง
เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และเทคโนโลยี โดยเมื่อ
เปรียบกับช่วงสภาวะวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่แตกขณะ
นั้น ได้ก่อให้เกิดผลกระทบทุกด้านดังที่กล่าวมาข้าง
ต้นและเป็นผลให้เกิดการปรับลดทรัพยากรมนุษย์และ
ตัดกิจกรรมต่างๆ ที่จะเป็นการพัฒนาศักยภาพของ
บุคลากรในองค์กร
1.2) เรื่องของกิจกรรมการวางแผนชีวิต ( LIFE
PLANNING ) ซึ่งถือได้ว่าเป็นกิจกรรมที่ดียิ่งเนื่อง
จาก ทำให้ผู้ที่ได้ทำกิจกรรมนี้เริ่มต้นที่จะวางแผนการ
ดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งต่อตน
เอง ต่อครอบครัว และต่อส่วนรวม พร้อมทั้งยังเตือน
สติไม่ให้ตั้งตนอยู่ในความประมาท และยังเป็นแรง
ผลักดันให้เกิดความกระตือรือร้นในการพัฒนาตนเอง
หลังจากที่ได้กำหนดเป้าหมายชีวิตไว้
1.3) เรื่องของการปลูกฝังจริยธรรมเพื่อเพิ่ม
คุณภาพทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งบุคลากรในหน่วยงาน
สามารถที่จะนำไปปฏิบัติได้ทุกระดับชั้น เพราะเมื่อ
บุคลากรทุกคนมีจริยธรรมประจำตนแล้วองค์กรนั้นก็
สามารถเป็นองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือ
ประเด็นที่2)การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของรัฐ ท่านคิดว่ามีปัญหาอะไรบ้าง 3 ข้อจากที่เคยผ่านการปฏิบัติงานองค์กรภาครัฐ ทำให้พอที่จะทราบปัญหาที่เกิดภายในองค์กร อาทิ
2.1) องค์กรภาครัฐจะมีแบบแผนในการดำเนินงานอย่างเป็นกฎเกณฑ์ที่ตายตัว ทำให้ไม่สามารถดึงศักยภาพของบุคลากรในองค์กรมาใช้ได้อย่างเต็มที่เพราะจะต้องดำเนินงานตามแบบแผนที่ได้กำหนดไว้
2.2) เนื่องจากองค์กรภาครัฐจะได้รับการจัดสรรงบประมาณในการบริหารองค์กรมาอย่างจำกัด จึงทำให้การพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรมีข้อจำกัดเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านของตัวบุคคลมักไม่ได้มีการฝึกอบรมเพิ่มเติมหรืออุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ก็มักจะไม่ทันสมัยเหมือนกับองค์กรภาคเอกชน 2.3) บุคลากรภาครัฐมักจะไม่ยอมปรับตัวให้รับกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ตามสภาวะแวดล้อมที่เป็นอยู่ขณะนั้น เช่นการไม่ยอมรับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะช่วยให้การทำงานนั้น รวดเร็วสะดวกและง่ายต่อการตรวจสอบหรือจัดเก็บข้อมูลได้
ประเด็นที่3) ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาให้ภาครัฐ 3 ข้อ จากการที่ได้เสนอประเด็นของปัญหาในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของรัฐมาแล้วนั้น กระผมมีข้อเสนอว่า
3.1) ควรให้มีการประเมิณผลของการปฏิบัติงานที่ได้ทำอยู่แบบเดิม แล้วหาจุดบกพร่องว่า ตรงไหนที่เป็นส่วนที่ทำให้งานล่าช้า หรือเกิดปัญหามากที่สุด แล้วผู้บริหารองค์กรนั้น ก็ให้บุคลากรที่เป็นผู้ปฏิบัติมาร่วมกันเสนอหนทางแก้ปัญหาซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้กับบุคลากรได้ใช้ความรู้ความสามารถในการจัดการกับปัญหาในองค์กรนั้นด้วย
3.2) กรณีที่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณนั้น ขอเสนอ
ให้ผู้บริหารระดับสูงพิจารณาตามความเหมาะสม แต่
ขอให้พิจารณาจากองค์ประกอบหลายๆด้าน เช่น
ความต้องการบุคลากรที่มีความชำนาญเฉพาะทาง
ของหน่วยงานขณะนั้นเพื่อที่จะนำมาใช้ให้เกิด
ประโยชน์ต่อองค์กรอย่างสูงสุด
3.3) กรณีบุคลากรมักไม่ยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงต่อสิ่งใหม่ๆนั้น ควรให้มีการนำบุคลากรตั้งแต่ผู้บริหารไปจนถึงระดับผู้ปฏิบัติงานได้ไปดูงาน หรือมีโอกาสเห็นองค์กรรอบข้างว่ามีการพัฒนาไปมากน้อยเพียงใด เพื่อให้เกิดความตื่นตัวที่จะปรับตนให้เข้ากับยุคสมัยพร้อมทั้ง ผู้บริหารควรมีการกระตุ้นโดยให้บุคลากรทุกระดับชั้นมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมที่จะนำพาให้องค์กรบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้
สุดท้ายนี้กระผมขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ยม นาคสุข ที่ได้ให้เกียรติมาบรรยายและแนะแนวทางในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่องค์กรและประเทศชาติต่อไป
นายพิพัฒน์ อรรถเอี่ยม รปม.รุ่น 3 รหัส 49038010026 พฤหัสบดี 18 ม.ค. 2550 Email:PiPAT4@ HOTMAIL.COM Mobile 081-6323439 |
กระผมขออนุญาตส่งงานตามที่อาจารย์ ยมฯ ได้มอบหมายไว้ให้หลังจากที่ได้รับการศึกษาในวันที่ 14 ม.ค. 50 ตามหัวข้อดังต่อไปนี้
ประเด็นที่1)จากการเรียนในวันนี้จงหาประเด็นที่ตนเองสนใจมา 3 ประเด็น
1.1 หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดีประกอบด้วย 6 ประการ ดังนี้
1.2 ทฤษฎี PEST ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 4 ด้าน คือ
1. การให้ 2. การติเตียน 3. เป็นผู้รู้มากกว่า 4. อำนาจอ้างอิง
5. อำนาจทางนิติกรรม
ประเด็นที่2)การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของรัฐ ท่านคิดว่ามีปัญหาอะไรบ้าง 3 ข้อ
2.1) องค์กรภาครัฐมีแบบแผนในการทำงานที่ตายตัว ทำให้ไม่สามารถดึงศักยภาพของบุคลากรในองค์กรมาใช้ได้อย่างเต็มที่
2.2) เนื่องจากองค์กรภาครัฐมีการจัดสรรงบประมาณในการบริหารองค์กรมาอย่างจำกัด จึงทำให้การพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรมีข้อจำกัด
2.3) บุคลากรภาครัฐมักจะไม่ยอมปรับตัวให้รับกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เพราะว่ายังเคยชินกับระบบงานแบบเดิมๆทำให้ไม่เกิดการพัฒนาในองค์กร
ประเด็นที่3) ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาให้ภาครัฐ 3 ข้อ
จากการที่ได้เสนอประเด็นของปัญหาในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของรัฐมาแล้วนั้น กระผมขอเสนอแนวทางแก้ไขดังนี้
3.1) ควรจัดให้มีการประเมินผลการทำงานแล้วทำการหาจุดบกพร่องว่า ตรงไหนที่เป็นส่วนที่ทำให้งานล่าช้า หรือเกิดปัญหา จากนั้นให้ผู้บริหารองค์กรและ บุคลากรที่เป็นผู้ปฏิบัติงานมาร่วมกันประชุมเพื่อหาหนทางแก้ปัญหาซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้กับบุคลากรได้ใช้ความรู้ความสามารถในการจัดการกับปัญหาในองค์กรนั้นร่วมกัน
3.2) ควรจัดให้มีการทำแผนงบประมาณขององค์การในการจัดสรรคแก่ผู้บริหารระดับสูงเพื่อพิจารณาเพื่อที่จะนำเงินมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรอย่างแท้จริง
3.3) กรณีบุคลากรมักไม่ยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงต่อสิ่งใหม่ๆนั้น ควรมีการสร้างแรงจูงใจให้กับคนในองค์กร เพื่อให้เกิดความตื่นตัวที่จะปรับตนให้เข้ากับยุคสมัยพร้อมทั้ง ผู้บริหารควรมีการกระตุ้นโดยให้บุคลากรทุกระดับชั้นมีส่วนร่วมในการดำเนินงานกิจกรรมที่จะนำพาให้องค์กรบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ เช่นการให้รางวัลหรือการเลื่อนตำแหน่งให้กับผู้ที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับของทุกคนในองค์กร
สุดท้ายนี้กระผมขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ยม นาคสุข ที่ได้ให้เกียรติมาบรรยายและให้แนวทางในการพัฒนาตนเองแก่นักศึกษาในครั้งนี้เพื่อใช้ความรู้ที่ได้นำไปปรับปรุงและพัฒนาตนเองต่อไป ขอขอบพระคุณครับ
วรวรรณ ส่องพลาย รปม.3 รหัส 49038010035 เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 01:02 (139896) (แก้ไข) |
kkkkkkkkkkkkk
กราบสวัสดีอาจารย์ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ที่เคารพ
ขอส่งงาน เสนอ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
1.คุณได้อะไรจากการอ่านหนังสือเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้
ตอบ หากอย่ากที่จะประสบความสำเร็จจะต้องทำตนเองให้เป็นคนใฝ่รู้อยู่ตลอดเวลาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ชีวิต เห็นวิธีการใช้ชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานอย่างมีความสุข และมีทัศนคติที่กว้างไกล มีความรู้หลาย ๆ ด้านอยู่ในตัวและนำมาบูรณาการได้ และมองโลกในทางสร้างสรรค์ มองไกลถึงอนาคต ต้องคิดเป็น วิเคราะห์เป็น และต้องมีความเชื่อมั่นในตนเอง ร่วมถึงการมีระเบียบวินัยในการทำงาน ทำให้ทราบว่าการเป็น “คนดี” คืออะไร การเป็น “คนเก่ง” คืออะไร คนดี คือ ประพฤติดี มีน้ำใจ ใฝ่ความรู้ คู่คุณธรรม , คนเก่ง คือ เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด และเก่งเรียน และ เราต้องมีความเชื่อมั่น 3 ประการ คือ 1.ความเชื่อมั่นในคุณค่าของพนักงาน 2.ความรู้สึกว่าพนักงานคือคนในครอบครัวของเรา 3.ความรับผิดชอบที่จะทำให้ทรัพยากรบุคคลของบริษัทมีราคาและมีคุณค่าที่สอดคล้องกัน เป็นบุคคลที่ใฝ่เรียนรู้อยู่เสมอจะทำให้เราประสบผลสำเร็จได้ในที่สุด2.องค์กรได้อะไรจากการอ่านหนังสือเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้
ตอบ องค์กรที่ดีและประสบผลสำเร็จ จะต้องมีการเพิ่มผลผลิตขององค์กรอยู่ตลอดเวลา และสร้างความจงรักภักดี ความเทียงธรรม ความมีวินัยของคนในองค์กรให้เกิดขึ้นจนกลายเป็นวัฒนธรรมภายในองค์การ การนำเอากิจกรรมต่างๆมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน เช่น กิจกรรม 5ส ระบบความปลอดภัย ระบบข้อเสนอแนะ และ กิจกรรม QCC ในหนังสือยังให้ข้อคิดและกระตุ้นให้คนในองค์การมีความรักและทุ่มเทต่อองค์การอย่างเต็มที่ การมีผู้บริหารที่ดีภายองค์การนั้นก็จะทำให้องค์กรเดินหน้าไปสู่แนวทางที่ดีและมีความเจริญก้าวหน้า และทำให้ทราบว่าการบริหารถ้าทำให้บุคคลพึงพอใจในการทำงาน (Job Satisfaction)จะทำให้ผลงานออกมาดีและงานมีประสิทธิภาพ ทำให้องค์กรได้ทราบว่า คน คือ ทรัพยากรที่มีคุณค่ามากที่สุด The most valvable asset ที่สำคัญที่สุดและเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาองค์กรในอนาคต
3.ชาติได้อะไรจากการอ่านหนังสือเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้
ตอบ ทำให้นานาประเทศได้ทราบถึงความสามารถของคนไทยได้ดีขึ้นว่าไม่เพียงแต่มีดีเพียงมีทรัพยากรทางธรรมชาติ แต่ยังมีคนมีคุณภาพอย่าง ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อยู่ในประเทศของเรานี้เพื่อสร้างคนที่มีคุณภาพเพื่อมาช่วยในการพัฒนาประเทศในอนาคตต่อไป และทำให้รัฐบาลตระหนักถึง การเพิ่มมูลค่าในระยะยาวของเศรษฐกิจ การกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในการพัฒนาฝีมือแรงงาน ประชากรทุกคนคือทรัพยากรที่มีคุณค่าของชาติ การมีทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าจะสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติรวมถึงการพัฒนาและปฏิรูปการบริหารให้มีประสิทธิภาพส่งผลให้ประเทศเกิดความเจริญทางด้านการทำธุรกิจและภาระการลงทุนและสร้างมรดกชิ้นสำคัญ คือ สร้างความตระหนักในการรับรู้ของทุกคนในสังคมให้หันมาสนใจในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ในด้านการศึกษาเพิมมากขึ้นซึ่งเป็นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป
ส่วนความเหมื่อนของท่านทั้งสองที่เหมื่อนกันคือ
1. เป็นผู้ที่มีความใฝ่รู้ในความรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
2. เป็นผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับการพัฒนามนุษย์มาอย่างยาวนาน
3. มีความคิดที่เหมือนกันในการที่จะสร้างให้คนและสังคมเป็นแหล่งแห่งการเรียน
สุดท้ายนี้กระผมขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ยม นาคสุข ที่ได้ให้เกียรติมาบรรยายและแนะแนวทางในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งต่อตนเอง แก่องค์กรและประเทศชาติต่อไป
สวัสดี ครับ ศ.ดร.จีระ /นักศึกษา MPA สวนสุนันทาฯ
ผมติดตามอ่าน ข้อมความที่ น.ศ. ส่งมา บางท่านขอให้ผมวิจารณ์ และให้คำแนะนำ เพื่อประโยชน์ในการเขียนสอบ ผมแนะนำอย่างนี้ ครับ ให้คิด ว่าคำแนะนำที่ให้ จะนำไปใช้พัฒนาการเขียนของ นักศึกษา ในอนาคต เช่นเขียนรายงาน เขียนบทความ เขียนโครงการ ใช้ประกอบอาชีพการงาน จะดูมีพลังมากกว่าแค่ ศึกษาไว้เตรียมสอบ น๊ะครับ จะทำอะไรก็ตาม ให้คิดการณ์ใหญ่ การณ์ไกล เพื่อเรื่องใหญ่ๆ เพื่อสังคม เพื่อชาติ มันจะทำให้มีพลัง จำได้ไม๊ครับ ผมให้พวกเราคิดความหมายของคำว่า “ลูก” ว่าหมายถึงอะไร ในความเข้าใจของพวกเรา ความเข้าใจ มีผลต่อการนำไปสู่ยุทธศาสตร์การปฏิบัติ
คนที่คิดว่า “ลูก” คือ ผลงานปฏิสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ หรือคือสายเลือดของเรา มันก็ถูก แต่ถ้าเราตีความหมายว่า “ลูก” หมายถึง มรดกที่เราสร้างไว้ให้แผ่นดิน ให้ชาติบ้านเมือง วิธีการปฏิบัติ ยุทธศาสตร์การจัดการ จะไปอีกแบบหนึ่งที่เหนือชั้นกว่า OK ไม๊ครับ สิ่งที่ผมพูด เล็ก ๆ น้อย เหล่านี้ เป็นยุทธศาสตร์นอกกรอบ ข้ามศาสตร์ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ที่อยากให้นักศึกษาคิด สรุปด้วยก็จะดี
กลับมาถึงเรื่องการเขียนงานของนักศึกษา ขณะนี้เท่าที่ตรวจหน้าจอตอนนี้ นักศึกษาส่งมาแล้ว จำนวน 41 คน คนที่ส่งมา Top Ten ผมทำสีน้ำเงินไว้ ถือว่า เป็นคนที่มาแรงด้วยความเร็ว พยากรณ์ได้ว่า เป็นผู้มีไฟแรง ตื่นตัว จำนวน 41 คน มีรายชื่อดังนี้ส่วนรายละเอียดที่ผมจะแนะนำ comment การเขียนของนักศึกษา ผมจะเขียนใน blog ถัดไป ครับ
ยม 081-9370144 http://gotoknow.org/portal/yom-nark
หากความรู้ที่ได้รับการศึกษาในครั้งนี้ได้ผ่านการวิเคราะห์ สังเคราะห์แล้วมาประยุกต์ใช้ในองค์กรของตนเอง จะสามารถเพิ่มศักยภาพของคนในการทำงานได้มาก
แต่ทั้งนี้ ก็ต้องนำมาปรับใช้อย่างค่อยเป็นค่อยไป
เหตุผลที่ต้องค่อยเป็นค่อยไปก็เพราะคนในองค์กร ไม่มีโอกาสที่จะได้ศึกษาความรู้จากหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้แบบผม
ที่สำคัญ การเปลี่ยนแปลงการทำงานในองค์กรนั้น ต้องสร้าง acceptability และต้องมี capability ด้วย ซึ่งตรงนี้คือสิ่งที่ใช้เวลาในการสั่งสมประสบการณ์ไม่ใช่ว่าใครมีความรู้แล้วก็ไปปรับเปลี่ยนอะไรได้ในทันที เราต้องเข้าใจและคำนึงถึงวัฒนธรรมในองค์กรด้วยเราพัฒนาคน คนพัฒนาองค์กร ชาติต้องสร้างโอกาสให้คนเกิดการพัฒนาความรู้ด้วย หากผู้นำประเทศเห็นความสำคัญและจริงใจที่จะสนับสนุนส่วนนี้ให้เป็นรูปธรรมได้ อนาคตของประเทศเราจะมีทรัพยากรมนุษย์ที่เก่งจำนวนมาก มีความสามารถแข่งขันกับต่างชาติได้ อนาคตของประเทศเราก็สดใส
ความรู้คือสิ่งที่ต้องค้นหาและต้องศึกษาอย่างสม่ำเสมอ ยุคโลกไร้พรมแดนมีสิ่งที่ไม่คาดฝันตลอดเวลา คนจะเป็นทรัพยากรที่มีค่าได้ ต้องไม่ละเลยการฝนสมองตัวเอง ควรหมั่นศึกษา ใช้ความคิด และนำไปปฏิบัติให้เกิดผล จึงจะประสบความสำเร็จ
สวัสดี“ชี้ให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำ
ให้สำคัญเป็นที่หนึ่งถึงถูกต้อง
ว่าเป็นไทยเป็นเลิศได้ใช่เป็นรอง
เป็นขุมทองที่มองข้ามมานานวัน
เป็นแรงขับเป็นแรงเคลื่อนความเป็นชาติ
เป็นอำนาจให้โอกาสของผู้นำ
ให้ฝึกฝนจนริเริ่มคิดสร้างสรรค์
ทรัพยากรที่สำคัญก็คือคน”
กิตติพงษ์ รั้งท้วม
49038020006
รปม.3 มรภ.สวนสุนันทา
เรียนท่านอาจารย์จีระ หงส์ลดารมภ์
หลังจากที่ผมศึกษาหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้แล้ว รู้สึกชื่นชมอาจารย์มากที่อาจารย์จัดทำหนังสือชุดนี้ขึ้นมา เพราะหนังสือชุดนี้มีคุณค่าทางปัญญาอย่างยิ่ง ใครได้อ่านแล้วสามารถมองเห็นโลกในมุมที่กว้างขึ้น, เห็นคุณค่าของความเป็นคนเพราะคนเป็นทรัพยากรที่มีคุณประโยชน์เหนือสิ่งอื่นใด หนังสือชุดนี้มีหลักทฤษฎีในการบริหารคนที่หลากหลาย ให้แง่คิด, ให้ความรู้, ให้คุณธรรม
หากความรู้ที่ได้รับการศึกษาในครั้งนี้ได้ผ่านการวิเคราะห์ สังเคราะห์แล้วมาประยุกต์ใช้ในองค์กรของตนเอง จะสามารถเพิ่มศักยภาพของคนในการทำงานได้มาก
แต่ทั้งนี้ ก็ต้องนำมาปรับใช้อย่างค่อยเป็นค่อยไป
เหตุผลที่ต้องค่อยเป็นค่อยไปก็เพราะคนในองค์กร ไม่มีโอกาสที่จะได้ศึกษาความรู้จากหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้แบบผม
ที่สำคัญ การเปลี่ยนแปลงการทำงานในองค์กรนั้น ต้องสร้าง acceptability และต้องมี capability ด้วย ซึ่งตรงนี้คือสิ่งที่ใช้เวลาในการสั่งสมประสบการณ์ไม่ใช่ว่าใครมีความรู้แล้วก็ไปปรับเปลี่ยนอะไรได้ในทันที เราต้องเข้าใจและคำนึงถึงวัฒนธรรมในองค์กรด้วย
เราพัฒนาคน คนพัฒนาองค์กร ชาติต้องสร้างโอกาสให้คนเกิดการพัฒนาความรู้ด้วย หากผู้นำประเทศเห็นความสำคัญและจริงใจที่จะสนับสนุนส่วนนี้ให้เป็นรูปธรรมได้ อนาคตของประเทศเราจะมีทรัพยากรมนุษย์ที่เก่งจำนวนมาก มีความสามารถแข่งขันกับต่างชาติได้ อนาคตของประเทศเราก็สดใส
ความรู้คือสิ่งที่ต้องค้นหาและต้องศึกษาอย่างสม่ำเสมอ ยุคโลกไร้พรมแดนมีสิ่งที่ไม่คาดฝันตลอดเวลา คนจะเป็นทรัพยากรที่มีค่าได้ ต้องไม่ละเลยการฝนสมองตัวเอง ควรหมั่นศึกษา ใช้ความคิด และนำไปปฏิบัติให้เกิดผล จึงจะประสบความสำเร็จ
สวัสดี
เรียน อ.ยม นาคสุข ขออนุญาติ ส่งงานวันอาทิตย์ ที่ 14 มกราคม 2550
- ประเด็นที่ 1 วันนี้เรียนรู้ประเด็นอะไรที่ตนเองสนใจ
1. เรื่อง Good Governence เรื่อง หลักการบริหารที่ดี ประกอบด้วย
- หลักนิติธรรม การใช้กฏหมาย , กฏเกณฑ์ต่างๆ เกิดความเป็นธรรม
- หลักคุณธรรม คือ การยึดหมั่นความถูกต้องดีงาม , ความสุจริต
- หลักความโปร่งใส กล่าวคือมีการทำงานที่ตรงไปตรงมา มีข้อมูลข้อท็จจริงที่สามารถตรวจสอบได้
- หลักการมีส่วนร่วม คือการเปิดโอกาสแก่ประชาชนหรือบุคลากรในองค์การมีส่วนในการออกความคิดเห็นและมอบโอกาสด้านการเสนอแนะข้อคิดเห็นต่างๆ
- หลักความรับผิดชอบ การเคารพในสิทธิ , การยอมรับการกระทำต่างๆที่เกิดขึ้นจากตนเองและส่วนรวม
- หลักความคุ้มค่า คือ การใช้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด
1.2 รูปแบบของการเรียนรู้
- EDUCATION เป็นการเรียนรู้ที่เน้นไปทางอนาคต
- TRAINING เป็นการเรียนรู้เรื่องงานปัจจุบันที่เน้นตัวผู้เรียน
- DEVELOPMENT เป็นการเรียนรู้งานที่หลากหลาย
- LEARNING เป็นการบูรณาการความรู้ทั้งหมด ( Focus All Longlife Learning)
1.3 แนวทางการสร้างอำนาจ 5 ประการ 1. การให้ 2. การติเตียน 3.เป็นผู้รู้มากกว่า 4. อำนาจอ้างอิง 5. อำนาจทางนิติกรรม
2. การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของรัฐท่านคิดว่ามีปัญหาอะไรบ้าง 3 ข้อ
2.1 บุคลากรของรัฐไม่ใช้ศักภาพของตนเองอย่างเต็มความสามารถ เนื่องจากประกอบด้วยหลายๆ ประเด็นดังนี้
2.1.1 การทำงานภาครัฐมีความมั่นคงกว่าภาคเอกชนหากเข้าทำงานแล้วก็ยากที่จะได้ออก การแต่งตั้งหรือโยกย้ายตำแหน่งส่วนใหญ่ก็ตามอาวุฒิโสจึงไม่เกิดแรงจูงใจในการทำงาน
2.1.2 ถึงทำงานดีแค่ในหากในองค์การยังมีระบบอุปถัมภ์ ก็เท่านั้น
2.1.3 ข้าราชการขาดการ training ที่ดี ถูกปลูกถ่ายการทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม
2.1.4 และอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน
2. ยึดติดกับรูปแบบหรือแบบแผนเก่า
เนื่องจากการทำงาน ระบบราชการแทบทั้งหมดมีระบบการทำงานที่แน่นอน แบบแผนขององค์การ มีความชับซ้อนและล้าช้า ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย และการที่จะเปลียนแปลงก็ไม่สามารถทำได้ด้วยบุคลากรระดับล่างเนื่องจากการตัดสินใจอยู่ที่ผู้บริหารระดับบนทั้งหมด การทำงานจึงเป็นแบบ TOP - DOWN ขาดการทำงานแบบ BOTTON - UP ทำให้บุคลากรขาดทักษะ ในการปฏิบัติหรือสร้างรูปแบบการทำงานใหม่ เนื่องจากไม่สามารถนำมาใช้ได้ หรือเกรงกลัวการถูกตำหนิ
3. ขาดการปฏิสัมพันธ์ที่ดีภายในองค์การ
เนื่องจากการทำงานในระบบราชการนั้นบุคลากรจะขึ้นตรงกับหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งและมีผู้บังคับบัญชาเพียงหนึ่งหรือสองคนเท่านั้น และองค์การราชการเป็นองค์การที่มีขนาดใหญ่ และจำเป็นต้องมีการติดต่อสื่อสารกันตลอดเวลาเพราะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการบริการสาธารณะ หากงานเกิดปัญหาหรือเป็นงานที่ต้องทำร่วมกันก็จะติดขัด เนื่องจากไม่มีการพูดคุยหรือขาดการปฎิสัมพันธ์ที่ดีในองค์การ
3. ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา
3.1 การแก้ไขเรื่องการใช้ศักยภาพบุคลากรของรัฐ
3.1.1 สร้างและส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดแรงจูงใจในการทำงาน เช่น คำชื่มชมของหัวหน้างาน
การตอบแทนผลการทำงานเช่นการมอบประกาศนียบัตรชื่นชมการทำงานที่ดี มอบรางวัลการอุทิศตัวแก่การทำงาน ยกย่องบุคลากรคนนั้นให้แก่ผู้ร่วมงานฟังและให้ประพฤติปฎิบัติเป็นตัวอย่าง อาจดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ แต่การชื่มชมก็ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่เป็นปัจจัยให้เกิดแรงจูงใจในการทำงานงานเช่นกันแต่ควรชื่นชมให้พองาม และ การลดการตำหนิที่รุนแรง ควรเปลี่ยนมาให้กำลังใจแทน
3.1.2. เปิดโอกาสทางความคิดเห็น และโอกาสในการตัดสินใจ
เนื่องจากระบบราชการตีกรอบแนวคิด และผู้บริหารไม่เห็นความสำคํญของบุคลากรในปกครอง จึงทำให้บุคลากรที่มีความสามารถไม่ใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่และไม่เกิดความกระตือรือร้นในการทำงานเพราะต้องคอยแต่ทำตามคำสั่งเพียงอย่างเดียวเป็นเหตุให้ระบบทรัพยากรมนุษย์ในหน่วยงานราชการไม่เกิดการพัฒนา
3.2 การแก้ไขการยึดติดกับรูปแบบดั้งเดิมรูปแบบเก่า
3.2.1 ส่งเสริมและสนับสนุน ให้องค์กรมีการจัดการทรัพยากรมนุษย์ จัดการฝึกอบรม และดูงานให้เกิดการพัฒนาแนวคิดและนำมาประยุกต์ใช้ในองค์กรให้เกิดประโยชน์
3.2.2 เปลี่ยนรูปแบบการทำงานที่คอยแต่ฟังคำสั่งจากข้างบน เพียงอย่างเดียว เป็นให้อำนาจในการตัดสินใจบางเรื่องที่ต้องใช้ความรวดเร็วในการทำงานให้แก่บุคลากรระดับกลางและล่าง
3.2.3 สร้างองค์การเป็นแบบระดมความรู้ความสามารถ ไม่มีคนเก่งเพียงหนึ่งหรือสองคนในองค์กร แต่บุคลากรทุกคนเป็นคนมีความสามารถ
และสร้างประโยชน์แก่องค์การได้ทุกคน
3.3 การแก้ไขปัญหาการขาดปฎิสัมพันธ์ในองค์การ
3.3.1 จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ในองค์การ
- หากจะให้เกิดปฏิสัมพันธ์ที่ดีในองค์การต้องสร้างกิจกรรมที่บุคลากรได้มีการทำงานร่วมกันได้แลกเปลียนทัศนคติที่มี พูดคุยกันในเรื่องที่กว้างขึ้น ร่วมกันสร้างกรอบแนวทางการทำงาน
ขอบพระคุณครับ
ด้วยความเคารพอย่างหาที่เปรียบมิได้
นายธนู พุกชาญค้า MPA / 3
.
ดังนั้นทรัพยากรมนุษย์จึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุด เพราะความสามารถของคนที่มีความมุ่งมั่นไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง ไม่ว่าจะเกิดปัญหา อุปสรรค หรือการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ผ่านพ้นไปและประสบความสำเร็จสูงสุด ส่วนหนึ่งมาจากการเรียนรู้มาจากประสบการณ์ที่สะสมมา พร้อมพัฒนาใฝ่หาความรู้เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา และสร้างบรรยากาศในการทำงาน สอนให้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มองไปข้างหน้า มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ และมีหลักธรรมาภิบาลเข้ามาเป็นองค์ประกอบในการช่วยตัดสินแก้ไขปัญหาที่สำคัญ ๆ ได้อย่างไม่ลังเล ดังนั้นหนังสือ HR Champions เปรียบเสมือนคลังสมอง โดยเฉพาะทฤษฎี 4 L’s 8K’s และ 2 R’s ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย
พรยุพา คัมภีรญาณนนท์
รหัสนักศึกษา 49038010034 รปม.3
Pornyupa_tew @ yahoo.co.thสำหรับการบ้านอาจารย์ยม ดิฉันขอแสดงความคิดเห็น ดังนี้ จากบทเรียนของอาจารย์ยมซึ่งท่านเป็นศิษย์ของ ศ.ดร. จีระ ในข้อมูลการสอนของท่านตลอดจนการแสดงความคิดเห็นของท่านผ่าน Blog
โดยมีประเด็น 3 ประเด็นคือประเด็นที่ 1 วันนี้ เรียนได้ประเด็นอะไร ที่น่าสนใจ (ตอบมา 3 ข้อ) 1.หลักบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี Good Govemance) ได้แก่ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า 2 การสร้างอำนาจ 5 อย่าง คือ 1. อำนาจสร้างได้โดยการให้ ได้แก่ การให้โอกาส ให้อภัย ให้ความรู้ ให้ความรัก ให้ความเป็นกันเอง ให้เกียรติ ฯลฯ 2. อำนาจสร้างได้โดยการติเตียน แต่ต้องทำให้ถูกเวลา ถูกสถานที่ และถูกบุคล การติเตียนลูกน้องต้องทำไม่เกิน 3 ครั้ง 3. อำนาจสร้างได้โดยเป็นผู้รู้มากกว่า เช่นลูกน้องทำงานผิดพลาด ต้องแนะนำในทางที่ถูกทันที เพื่อแสดงให้เขาเห็นว่าเรารู้มากกว่าเขาและควรรู้มากกว่าเขาในหลายๆเรื่อง 4. อำนาจอ้างอิง เช่น การที่เราจัดกิจกรรมงานหนึ่งขึ้นมา เราจะต้องเชิญผู้ผู้ว่าราชการของจัดหวัดนั้นมาเป็นประธาน เพื่อให้ผู้ร่วมงานสนใจและอยากเข้าร่วมงาน 5. อำนาจทางนิติกรรม คือการที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่างๆในสายผู้บริหาร ต้องติดประกาศให้ผู้ร่วมงานทราบโดยทั่วกัน3. ความแตกต่างระหว่าง HRD , HRM คือ HRD เป็นส่วนหนึ่งของ HRMประเด็นที่ 2 การบริหารทรัพยากรของภาครัฐมีปัญญาอะไรบ้าน (ตอบมา 3 ข้อ)1 ระบบการศึกษาของไทยยังไม่มีประสิทธิภาพดี2 ปัจจุบันเยาวชนในประเทศไทยของจริยธรรมในการดำเนินชีวิตที่ดี3 รัฐบาลไม่มีความเข้มแข็งและเด็ดขาดในการบริการจัดการประเทศให้ดีขึ้นประเด็นที่ 3 ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาภาครัฐ (ตอบมา 3 ข้อ) 1. ควรจะมีการจัดทำนโยบายการปฎิรูปการศึกษา ให้ทันกับยุคสมัย โดยการนำเทคโนโลยี่ไปปรับใช้ในการเรียนการสอน และควรจะให้เด็กได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ได้ลองทำและปฎิบัติงานจริงด้วยตนเอง ไม่ควรจำกัดการเรียนรู้ให้อยู่แต่ในห้องเรียน 2. ควรจะมีการปลูกฝังจิตสำนึกและจริยธรรมอันดีตั้งแต่เด็กยังไม่ได้เข้ารับการศึกษาโดยเริ่มจากคนในครอบครัวสั่งสอนและเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เด็ก เช่น วันหยุดเปลี่ยนจากการพาเด็กไปห้างให้พาเด็กเหล่านั้นไปทำบุญที่วัด เด็กจะได้มีจิตใจที่โอบอ้อมอารี ไม่โตขึ้นไปสร้างปัญหาให้กับคนในสังคม เพราะว่าไม้อ่อนยังดัดง่ายอยู่ 3. ผู้นำประเทศยุดนี้ควรจะมีความเข้มแข็งและเด็ดขาด และโอบอ้อมอารีมีจิตใจดีอยู่ในคนเดียวกัน เพราะประเทศไทยในยุคปัจจุบันกำลังประสบกับปัญหาความแตกแยกของประชาชนในสังคมและปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ผู้นำยุคนี้จะต้องกล้าคิดกล้าตัดสินใจ แต่ไม่ใช่เผด็จการ คือประเทศมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นจะต้องรีบคิดและรีบแก้ไขและสั่งการลงมาว่าควรทำอย่างไร และก็ต้องคิดด้วยว่าถ้าสั่งไปแล้วจะส่งผลกระทบต่อประชาชนมากน้อยแค่ไหน------------------------------------อรณา ยี่เข่งหอม รปม.รุ่น 3 รหัสประจำตัว 49038020002[email protected]
เรียน อาจารย์ ยม นาคสุข
จากที่ได้เรียนในวันที่ 14 มกราคม 2550 อาจารย์ได้มอบหมายงานให้ส่งงานทาง Blog ดังนี้
ประเด็นที่ 1 วันนี้ เรียนรู้ ได้ประเด็นอะไร ที่ตนเองสนใจ 3 ประเด็น 1. การสร้างอำนาจ 5 อย่าง1. อำนาจสร้างได้ด้วยการให้
2. อำนาจสร้างได้ด้วยการติเตียน สอนสั่ง
3. อำนาจสร้างได้ด้วยการเป็นผู้รู้มากกว่า
4. อำนาจสร้างได้ด้วยการอ้างอิง
5. อำนาจสร้างได้โดยทางนิติกรรม
2. ได้เรียนรู้การประเมินตัวเอง และการวางแผนชีวิต ประเมินว่าจะทำอย่างไรกับเวลาที่เหลืออยู่1. การวางแผนในการดำเนินชีวิตให้รัดกุมขึ้น
2. การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า
3. ชีวิตต้องไม่ประมาท
ดำเนินชีวิตโดยใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง สมดุล และมีเหตุมีผล
3. Human Resource Management HRM การจัดการทรัพยากรมนุษย์กระบวนการ HRM
INPUT สรรหา คัดเลือก บรรจุแต่งตั้ง
PROCESS พัฒนา บำรุงรักษา ให้ออกจากงาน
OUTPUT ประสิทธิภาพ ความจงรักภักดีประเด็นที่ 2 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ของรัฐ ท่านคิดว่ามีปัญหาอะไรบ้าง 3 ข้อ1. เรื่องคน ขาดคุณธรรม จริยธรรม
2. ระบบบริหารจัดการภาครัฐ ขาดการวางแผน และติดตามประเมินผล
3. การศึกษาที่ล้าหลัง
ประเด็นที่ 3 ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาให้ภาครัฐ 3 ข้อ1. เรื่องทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ทั้งภาครัฐและเอกชน
2. ต้องควบคุมและติดตามอย่างต่อเนื่อง
3. หลักสูตรของการศึกษา ต้องปรับปรุงให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก และมีเป้าหมายที่ชัดเจน
นลินธร สื่อเศรษฐสิทธิ์ รหัส 49038020015 รปม. รุ่น 3
โดยรวม นักศึกษาตั้งใจเขียนข้อความลง blog ได้ดี แต่ถ้าปรารถนาจะปรับปรุงให้ดีขึ้น หรือหาความรู้จากคำแนะนำของผม ไว้พัฒนาการเขียนของตนเองในอนาคต ผมจะแชร์ความรู้ให้ดังนี้ ครับ
จากการอ่านบทความจาก 41 ท่าน อย่างคร่าว ๆ 1 รอบ พบว่า นักศึกษาบางท่านอาจจะเป็นเป็นกังวล เพราะเป็นการเขียนครั้งแรกในชีวิต
บางท่าน อาจจะไม่ได้เลือกหัวข้อที่จะเขียน ในสิ่งที่ตัวเองมีพื้นความรู้ อาจจะเขียนตาม ๆ กัน หลายท่านอาจจะไม่ได้วางแผนการเขียน คือต้องการเขียนแบบรวดเดียวให้จบ หมดภาระกันไป ทำให้บทความบางท่านขาดสาระสำคัญ ขาดการเชื่อมโยงความคิดต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ยังกระโดดไปกระโดดมา เขียนซ้ำความหมายแต่ใช้คำต่างกัน
และเนื่องจากยังมีประสบการณ์น้อยในเรื่องการเขียน Blog จึงทำให้ข้อความของแต่ละย่อหน้ายาวเกินไป มีหลายท่านที่ไม่มีการขีดเส้นใต้หรือเน้นสีสรรข้อความที่ต้องการจะเน้น ใช้ประโยคยาว ไม่กระชับ บางประโยคยังกำกวม
บางท่านอาจจะรีบ จึงอาจจะไม่ได้ตรวจบทความ ทั้งสามกระบวนการ คือการเปิดประเด็น การเดินเรื่อง และการสรุป ว่าดำเนินได้ดีหรือไม่ สำนวนจึงไม่ได้แก้ให้กระชับ การเขียนคำสรุป เสนอแนะจึงควรต้องปรับปรุง แต่ก็มีหลายท่านครับ เขียนมาได้น่าสนใจ เช่น
วรวรรณ ส่องพลาย ศรีปัญญา วัชนาค นันทพร สิงห์ตุ่ย สุภาภรณ์ สุขเกษม พรกมล สมวงศ์ เปรมหทัย พึ่งบุญ ณ อยุธยา สมธนิษฐ์ มงคลชาติ วอชิรญา ผูกมี ส.ท.ต่อตระกูล ศรีลาภา พรกมล สมวงศ์ พ.ท.ธีรชัย ไชยมะโน ปราณีต น่วมเปรม นางเสาวรส แสนสุข จ่าเอกสราวุฒิ นวมน้อย มยุเรศ เชยปรีชา วิไลวรรณ วิไลเลิศ ปริญญา รื่นเสือ นายพิพัฒน์ อรรถเอี่ยม นายประเชิญ คำมี กิตติศักดิ์ ดวงแก้ว อรณา ยี่เข่งหอม และอีกหลายท่าน ที่ไม่อาจไม่ได้ใส่ชื่อ ในนี้ เนื่องจาก ยังอ่านไม่หมด
อย่างไรก็ตาม หากนักศึกษาต้องการพัฒนาฝีมือการเขียนให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น ผมแนะนำ แชร์ประสบการณ์เรื่องการเขียน ข้อความลงใน blog ดังนี้
การเขียนข้อความลงใน blog คล้าย ๆ กับเราเขียนบทความ สั้น ๆ เป็นความเรียงที่มีลักษณะพิเศษ เป็นความเรียงที่เขียนขึ้นโดยมีพื้นฐานข้อเท็จจริง ที่เราเรียนรู้ มีมูลเหตุมาจากเรื่องราวในห้องเรียน ประสบการณ์ ความรู้ ศาสตร์อื่น ๆ ที่ผู้เขียนสามารถสอดแทรกข้อเสนอแนะเชิงวิจารณ์ หรือเชิงสร้างสรรค์ไว้ตอนท้ายได้
คนที่จะเขียนบทความ ข้อความลงบล็อก ได้ดี มักมีคุณสมบัติดังนี้ลักษณะของ การเขียนข้อความ ลงใน blog ที่ดี
หวังว่าข้อมูลที่ให้ไป จะเป็นประโยชน์กับนักศึกษาทุกคน
โชคดีครับ
ยม
081-9370144
“ต้องฝึกฝนต้องร่ำเรียนเพียรศึกษา
คือวิชาคู่ความคิดใช้สร้างสรรค์
จะติดตัวเป็นนิสัยไปทุกวัน
ให้บากบั่นให้ต่อสู้สร้างสังคม
กล้าท้าทายท่าทางดีมีเที่ยงธรรม
มุ่งมั่นทำหมั่นทบทวนเป็นทองแท้
คือสมบัติของผู้นำไม่ผันแปร
จำแน่วแน่ดังคำสอนอาจารย์ยม
กิตติพงษ์ รั้งท้วม
49038020006
รปม.3 มรภ.สวนสุนันทา
เรียนอาจารย์ ยม นาคสุขที่เคารพ จากที่เราพบกันวันที่ 14 ม.ค.50 นั้น อาจารย์ยมได้ฝากไว้เรียนรู้ได้ประเด็นอะไรที่สนใจ, อะไรเป็นปัญหาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของภาครัฐ และข้อเสนอแนะ ประเด็นที่สนใจผมพบว่า1.ต้องพัฒนาตนเองก่อนที่จะพัฒนาผู้อื่น หมายถึง เราต้องหมั่นฝึกตนให้เป็นคนรอบรู้ เพื่อให้เป็น capability และ acceptability ถึงจะให้ความรู้ผู้อื่นได้2.หลักธรรมาภิบาล หมายถึง การทำงานงานที่ดีต้องมีจรรยาบรรณ มีจริยธรรมและความโปร่งใส3.ปัจจัยภายนอกที่กระทบ หมายถึง เราต้องมีการวางแผนในการทำงานตลอดเวลาควรที่จะมีแผน 1 2 3...ไว้ในใจเสมอ เพื่อรองรับกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง เช่น การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลของภาคการเมือง, ระบบเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน, สภาพสังคมที่หลงลืมวัฒนธรรมความเป็นไทย การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ของรัฐที่มีปัญหา1.บุคลากร/ทรัพยากรมนุษย์ หมายถึง เรายังยึดติดอยู่กับระบบอุปถัมป์ ที่ญาติพี่น้องต้องมาก่อน คนมีความสามารถสอดแทรกเข้าไปในองค์กรภาครัฐได้น้อย จึงเป็นปัญหาของการทำงานที่ล่าช้า2.ระบบงาน หมายถึง การทำงานของภาครับที่มีสายการบังคับบัญชาที่ยาว กว่าจะผ่านการพิจารณาในแต่ละเรื่องก็ล้าสมัยไปแล้ว 3.ขาดจริยธรรม หมายถึง ยังมีคอรัปชั่นอยู่ในสังคมที่เป็นปัญหาไม่สามารถแก้ไขได้ ข้อเสนอแนะ1.ผู้นำต้องเปิดใจให้กว้าง หมายถึง ต้องพึงระลึกเสมอว่าลูกน้องเปรียบเหมือนญาติของเรา ให้ความรัก ให้ความรู้ ให้อภัย แล้วเขาจะปฏิบัติกับเราดังเช่นเราปฏิบัติกับเขา2.รัฐต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้สอดคล้องกับยุคโลกาภิวัฒน์ หมายถึง โลกปัจจุบันเทคโนโลยีไปไกลมากแต่คนไทยน้อยคนที่จะมีความรู้เท่าทันกับโลกาภิวัฒน์ รัฐต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้3.เน้นหลักธรรมาภิบาล มีคุณธรรม หมายถึง งานทุกอย่างต้องมีอุปสรรค หากเราไตร่ตรองให้ดีปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้ด้วยสติ มีจริยธรรม ดังนั้น การบริหารทรัพยากรมนุษย์ต้องพัฒนาให้คนได้รักที่จะเรียนรู้ควบคู่กับรักดีมีคุณธรรม
มยุเรศ เชยปรีชา รปม.3
รหัส 49038010003 เรียนท่านอาจารย์ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์และอาจารย์ ยม นาคสุขวันที่ 13 ม.ค.2550 นักศึกษา รปม.รุ่น 3 ได้เรียนวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ กับท่านอาจารย์ จีระ ในช่วงเช้ารู้สึกเครียดและมึนมากกับการสอนของอาจารย์ จีระ ที่ดูเหมือนจะกดดัน ทำให้ทุกคนตื่นเต้นและตื่นตัว จนไม่กล้าหลับ แต่ที่จริงแล้วท่านเป็นคนใจดี รักลูกศิษย์ มีความตั้งใจที่จะสอนและฝึกให้ลูกศิษย์ของท่านเป็นคนเก่ง ได้รับความรู้ รู้ในสิ่งที่ตรงประเด็น และเรียนรู้จากประสบการณ์ของท่าน ซึ่งเห็นตัวอย่างบุคคลที่ได้รับความรักจากท่านคืออาจารย์ยม นาคสุข ลูกศิษย์ปริญญาเอกของท่านที่ทั้งเก่งและมีความสามารถเป็นเลิศ ในวันนี้ท่านอารมย์ดี ที่เห็นลูกศิษย์ รปม.เข้าใจในเรื่องที่ท่านอยากให้รู้ และที่ท่านรู้ว่าเข้าใจ
ก็เพราะการโต้ตอบคำถามของอาจารย์ได้ดี อาจารย์สอน ให้คิดเป็น ให้มีความคิดตลอดเวลา คิดจากข้อมูลที่อาจารย์สอน และสอนให้ควรคิดสร้างสรรค์ต่อยอดแนวคิดของอาจารย์อาจารย์ได้ใช้ ทฤษฎี 4L’s มาปฏิบัติในการเรียนการสอน ในวันนี้เพื่อ ให้นักศึกษา เห็นภาพจริง เป็นแบบอย่าง และให้นักศึกษาลองเอาไปปฏิบัติในที่ทำงาน เช่นได้เรียนกับอาจารย์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2550 อาจารย์ได้อธิบายเรื่องการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ที่จะสามารถนำไปใช้ในการปฏิบัติงาน การวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การจัดสภาพแวดล้อมการทำงาน ที่เกิดขึ้นในองค์กรได้จริงหลังจากที่ฟังอาจารย์แล้ว พอที่จะสรุปได้ว่าตนเองได้ประโยชน์อะไรบ้างจากการฟังในครั้งนี้ คือ
ประเด็นที่ 1 ได้อะไรจากการเรียนวันนี้1. การสร้างอำนาจ 5 อย่างในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ - อำนาจสร้างด้วยการให้ คือ การให้โอกาส ให้ความรู้ ให้อภัย ให้ทาน และให้ความรัก- อำนาจสร้างด้วยการติ เตือน สอน สั่ง แต่ต้องถูกต้องตามเวลาสถานที่และบุคคล- อำนาจสร้างด้วยการเป็นผู้รู้มากกว่า เมื่อมีโอกาสก็ต้องแสดงให้เต็มที่- อำนาจสร้างด้วยการอ้างอิง คือ การอ้างอิงถึงคำสั่ง อ้างอิงถึงงานที่เกี่ยวข้อง และบุคคล- อำนาจสร้างด้วยนิติกรรม การประกาศ อำนาจต้อง สร้าง รักษา และใช้ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ทำเป็นประจำ จะทำให้เกิดความศรัทธาและบารมีก็จะตามมา2. การใช้ทฤษฎี 6ท เข้ามาใช้- ท้าทาย เมื่อมีง่ายส่วนที่ยากก็พร้อมที่จะทำ- ท่าที คิดดี พฤติกรรมดี และนิสัยดี- เที่ยงธรรม ต้องมีธรรมะ คุณความดี ธรรมาภิบาล- ทองแท้ มีความซื่อสัตย์ รักษาคำพูด- ทบทวน ต้องมั่นปรับปรุง หาความรู้ตลอดเวลา- ทำ ต้องทำด้วยความอดทน เต็มใจ และมุ่งมั่น3. การใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหาร- หลักนิติธรรม การใช้กฎหมายต่าง ๆ ให้เกิดความเป็นธรรม- หลักคุณธรรม ความสุจริต ยึดถือความถูกต้อง- หลักความโปร่งใส มีความซื่อสัตย์ สามารถตรวจสอบได้- หลักการมีส่วนร่วม ให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็น - หลักความรับผิดชอบ ให้ทุกคนยอมรับในการมีส่วนร่วมในกระทำ เคารพในสิทธิของตนเองและผู้เอง- หลักความคุ้มค่า การใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์ เพื่อให้ได้ผลตอบรับกลับมาดี4. ปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อการเตรียมความพร้อม- การเมือง Political- เศรษฐกิจ Economy- สังคม Social- เทคโนโลยี Technologyประเด็นที่ 2 ปัญหาที่เกิดขึ้นในภาครัฐ1. การพัฒนาทรัพยากร
มนุษย์ยังไม่เป็นระบบ ยังติดกับระบบเดิม ๆ ที่เคยใช้ แม้ว่าจะมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในระบบแล้วก็ตามการซับซ้อนของเอกสาร
2. ระบบอุปถัมภ์ เป็นการบริหารที่ไม่ได้ยึดเอาความรู้ความสามารถของคนเป็นหลัก แต่เน้นการเอื้ออำนวยผลประโยชน์ให้กับพวกพ้อง ทำให้พวกที่มีความรู้ความสามารถไม่อยากเข้ามาทำงาน 3. การคอรัปชั่น ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาสำคัญ เพราะเมื่อเกิดมีระบบอุปถัมภ์ก็ทำให้คนขาดความรับผิดชอบ มุ่งแต่ที่จะทำงานหวังผลประโยชน์ ให้กับตนเอง โดยไม่มีสนใจถึงความเสียหายที่จะตามมา ประเด็นที่ 3 ข้อเสอนแนะ1.ต้องสร้างทัศนคติที่ดี ในการใช้เทคโนโลยีของบุคลากร เพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานในปัจจุบัน รวมทั้งการลดขั้นตอนการปฏิบัติงานบางอย่างให้กระชับขึ้น ไม่เรื่องมากเกี่ยวกับการซับซ้อนของเอกสาร2. แก้ไขระบบอุปถัมภ์ ผู้บริหารควรนำหลักธรรมาภิบาลเข้ามาใช้ในการบริหาร เพื่อให้เกิดความมีคุณธรรม ความโปร่งใส ทำให้เกิดการยอมรับของบุคคลทั่วไป อยากที่จะเข้ามาทำงานด้วย ด้วยความเชื่อมั่น และศรัทธา
3. ผู้นำต้องเปิดใจให้กว้าง ต้องรักลูก+น้อง เปรียบเสมือนว่าเขาญาติของเราคนหนึ่ง ที่เราจะต้องให้ความรัก ความรู้ และให้อภัย ท้ายสุดเขาก็จะปฏิบัติตอบเราเหมือนเช่นที่เราปฏิบัติกับเขา
สวัสดีค่ะ อาจารย์ยม นาคสุข
จากที่อาจารย์ได้บรรยายเรื่องการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2550 และได้ให้สรุปว่าเราได้อะไรจากการเรียนในวันนี้บ้าง ซึ่งดิฉันจะขอตอบอาจารย์ดังนี้
ประเด็นที่ 1
1.อำนาจ 5 อย่าง
1.1 อำนาจจากการให้ เมื่อเรารู้จักให้จะทำให้เรามีอำนาจขึ้นได้โดยบางครั้งอำนาจอาจไม่รู้ตัว
1.2 อำนาจจากการติ คือการติในเรื่องต่างๆ
1.3 อำนาจจากการรู้กว่า คือการที่เรามีความรู้มากกว่า
1.4 อำนาจจากการอ้างอิง คืออำนาจที่อ้างถึงบุคคลที่มีอำนาจในการใช้กับบุคคลอื่น
1.5 อำนาจจากนิติกรรม คืออำนาจที่ได้มาจากการแต่งตั้งเมื่อเรานำอำนาจจากการที่เราได้เรียนจากท่าน อาจารย์ยม นาคสุข มาประยุกต์ใช้จะทำให้เรามีแนวคิดในการทำงานได้จริง
2. การเรียนรู้การวางแผนชีวิตจากการที่ได้เรียนรู้แบบข้อมูลการวางแผนชีวิตทำให้ได้คิดว่า ตอนนี้อายุ 30 ปี แล้ว ซึ่งได้กำหนดวันตายไว้ 70 ปี เวลาที่เหลืออยู่อีก 40 ปี ข้างหน้าเราจะใช้ชีวิตอย่างไรให้มีคุณค่ามีสมดุลและมีเหตุผลให้มากที่สุดเท่าที่เวลาของชีวิตที่เหลืออยู่เราจะทำได้
3. กระบวนการ HRM ภาพรวมการบริหารทรัพยากรมนุษย์- การเปลี่ยนแปลง + ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อ HRM- การบริหาร HRM บริบทการเปลี่ยนแปลงของประเทศ- ความหมาย HRM ภาพรวมกระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ภ่ครัฐและเอกชน- หลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์แนวใหม่ ก.พ.ร.- แนวงโน้มการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ในปัจจุบันและอนาคตยุทธศาสตร์การบริหารทรัพยากรมนุษย์- การจัดการเชิงยุทธศาสตร์ กระบวนการ- ยุทธศาสตร์การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ขั้นตอนการจัดทำ
ประเด็นที่ 2
1. ระบบการอุปถัมภ์ เป็นการให้ผลประโยชน์กับพวกพ้องมากกว่าให้ส่วนรวม
2. อำนาจการตัดสินอยู่ที่ผู้นำเพียงคนเดียว
3. การพัฒนาระบบทรัพยากรมนุษย์ยังไม่เป็นระบบ
4. การไม่ใช้เทคโนโลยีให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงาน
ประเด็นที่ 3
1. ผู้บริหารต้องเปิดใจให้กว้างรักลูกน้อง
2. ผู้บริหารต้องนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารเพื่อความโปร่งใส3. มีระบบการคัดเลือกผู้นำที่มีความโปร่งใส ยุติธรรม
จากที่อาจารย์ยมได้ถามหนูว่าการมีลูกคืออะไรนั้น หนูยังไม่ได้ตอบแต่หนูขอตอบอาจารย์ว่า การมีลูกสำหรับหนู คือ การไม่คาดหวังซึ่งจะให้ทุกอย่างที่แม่คนหนึ่งจะให้ได้โดยไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนค่ะ
ประเด็นที่ 1 ได้ประโยชน์จากเรียน
1. แนวความคิดเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เริ่มตั้งแต่
ยุคดั้งเดิม เปรียบคนเป็นเครื่องจักร
ยุคต่อมา เปรียบคนเป็นทรัพยากร
ยุคใหม่ เปรียบคนเป็นทรัพย์สินขององค์การ
2. การสร้างอำนาจ 5 อย่างในการบริหารทรัพยากรมนุษย์
-การให้
-การติ ตักเตือน
-การเป็นผู้รู้มากกว่า
-การอ้างอิง
-นิติกรรม
(อำนาจเริ่มต้น และตามด้วยบารมี)
3. การใช้ทฤษฎี 3 คิง ของญี่ปุ่น คือ
-คนที่มีคุณภาพ
-องค์กรที่มีคุณภาพ
-ผลผลิตที่มีคุณภาพ
4. การกำหนดยุทธศาสตร์ในองค์กร สามารถขจัดปัญหาได้
5. การวางแผนการดำเนินชีวิตจากแบบข้อมูลการวางแผนชีวิตของอาจารย์ ทำให้คิดได้ว่า ชีวิตข้างหน้าของเราที่เหลืออยู่นั้น เราจะใช้ชีวิตอย่างไรให้มีคุณค่า และไม่ประมาท
ประเด็นที่ 2 ปัญหาภาครัฐ
1. มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในองค์กร แต่ไม่ฝึกคนให้เก่งที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ขาดความรู้ความเข้าใจในระบบ
2. การบริหารราชการในระบบเดิมๆ มีขั้นตอนซับซ้อนมากเกินความจำเป็น มีกฎระเบียบที่มากมาย ทำให้มาตรฐานการบริการของ ที่มีต่อประชาชนขาดการเอาใจใส่ที่ดี
3. การมีระบบอุปถัมภ์ มีการแทรกแซงการทำงานมุ่งหวังกำไรมากกว่า หวังพัฒนาองค์กรให้เจริญก้าวหน้า เห็นกว่าประโยชน์ส่วนมากกว่าส่วนรวม
4. การคอรัปชั่น ความไม่โปร่งใส ปัญหาสำคัญ ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ถ้ายังมีระบบ อุปถัมภ์พวกพ้องประเด็นที่ 3 แนวทางพัฒนา
1. ภาครัฐต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้สอดคล้องการบริหารองค์กร การนำเทคโนโลยีมาใช้ในเหมาะสมกับงานและคน ส่งเสริมการฝึกอบรม หารความรู้ ประสบการณ์ อยู่ตลอดเวลา
2. ส่งเสริมให้มีการศึกษาอย่างมีมาตรฐาน และเท่าเทียมกันทุกที่
3. การนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งที่ดี ให้มีนิติธรรม คุณธรรม ความโปร่งใส การมีส่วนรวม ความรับผิดชอบ และความคุ้มค่า
4. ผู้นำควรเปิดใจให้กว้างมี
ความรักให้กับลูกน้องสวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ / นักศึกษา MPA 3 สวนสุนันทาฯ
ผมได้ทยอยอ่าน บทความของ น.ศ. และทำตามที่ น.ศ.ได้โทรมาขอให้ช่วยวิจารณ์ หรือ Comment สิ่งที่เขียน เพื่อจะได้พัฒนาตนเอง ต่อไป
ตรงนี้ ผมแนะให้มองในจุดดีของแต่ละคน ว่าบทความของแต่ละคนมีอะไรดี เหมือนการมองผู้คน ทั่วไป มองให้เห็นความดี สิ่งไม่ดีเห็นได้แต่อย่าเอามาเครียด เอาสิ่งที่ดี ๆ ของแต่ละคนมาต่อเนื่อง เป็นเนื้อหาในเรื่องเดียวกัน คือ เรื่องการพัฒนาตนเอง ด้านการเขียน นำไปสู่ด้านการคิด การพูด และการกระทำ
ผม Comment เท่าที่อ่านมาได้ดังนี้ ครับ ใครยังไม่มีในนี้ และต้องการให้ ช่วย comment แนะนำเพิ่มเติม ก็แจ้งชื่อมาได้ จะทยอยทำให้ รายละเอียดโดยย่อมีดังนี้สิ่งที่ Comment มา อาจจะยังไม่ละเอียด เพียงเป็นการอ่านบทความของแต่ละคนครั้งเดียว อย่างรวดเร็ว จึงยังมีอีกหลายจุดที่สามารถ comment ได้ ขอให้ศึกษาแนวทาง และนำไปพัฒนาตนเอง ครับ
ขอให้ทุกคนโชคดี
สวัสดี
ยม
081-9370144
สวัสดีค่ะ ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ / อาจารย์ ยม นาคสุข
จากการที่ได้อ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ รู้สึกได้ว่าตัวเองโชคดีที่ได้มีโอกาสได้เรียนรู้วิธีคิด วิธีการทำงาน ในการปมเพาะทักษะสำหรับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จากปราชญ์มือหนึ่งคู่เดียวที่ได้พิสูจน์แล้วด้วยชีวิตของท่าน สิ่งที่ได้รับคือความประทับใจ และได้เปิดโลกทัศน์ของตนเองหลังจากที่ได้มีโอกาสได้อ่านหนังสือฯ และได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ จากการที่ได้เรียนกับท่านอาจารย์ฯ ประโยชน์ที่ตนเองได้รับ ได้เรียนรู้ปรัชญาชีวิตว่าเราเกิดมาเพื่อที่จะเรียนรู้ (Born to learn) และเรียนรู้ (learn) อย่างสนุก นำมาใช้เพื่อสร้างสรรค์ เช่น เรื่องสองแชมป์กับทฤษฎี 4L's ที่แตกต่างกันบนเป้าหมายเดียวกัน และได้แนวคิดเรื่องของ "คนเก่ง-คนดี" คือ "เก่ง 4 ดี 4" เก่ง 4 ได้แก่ เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด และเก่งเรียน สำคัญที่จะต้องเก่งคิด คิดเป็น ก้าวเป็น ดี 4 คือ ประพฤติดี มีน้ำใจ ใฝ่ความรู้ คู่คุณธรรม และจะขอนำสูตรนี้ไปแปะไว้ที่ข้างฝาบ้างนะค่ะ ประโยชน์ต่อองค์กร ได้ความคิด-ความเชื่อที่ว่า "คนทุกคนเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากกว่าทรัพย์สินอื่นใดในองค์กร" ต้องได้รับการพัฒนา ขัดมันให้ดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ต้องรักษาไว้ให้ดีที่สุด "การทำงานที่ดีคือการทำงานที่เอาความสามารถของคน แต่ละคนมารวมกัน" การพัฒนามนุษย์โดยมุ่งเน้นการเรียนรู้ พร้อมทั้งกลยุทธ์ในการสร้างความเป็นเลิศให้องค์กรจากแรงจูงใจ วิธีการบริหารองค์กร ด้วยการทำกิจกรรม 5ส, ระบบข้อเสนอแนะ ระบบความปลอดภัย และกิจกรรม QCC การวางระบบเรื่องการพัฒนาบุคลากรภายใต้แนวคิด การพัฒนาบุคลากรเป็นการลงทุน (Investment) ของบริษัท ที่ไม่ใช่ต้นทุน (Cost) ประโยชน์ต่อประเทศ การก้าวไปสู่การเป็นพลเมืองโลก หรือ Global Citizen จะต้องคล่องแคล่วใน 3 เรื่อง ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และเทคโนโลยี การเพิ่มผลผลิต การสร้างศักยภาพการแข่งขันระดับประเทศ ด้วยการพัฒนาทรัพยากรโดยต้องการความร่วมมือ จาก 4 องค์กรใหญ่ คือ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคนักวิชาการ และแรงงาน
สรุป การที่คนจะพัฒนาเพื่อที่จะก้าวต่อไปได้ สิ่งที่สำคัญคือจะต้องพัฒนาคนให้มีความรู้ ให้คิดเป็น ก้าวเป็น และอีกสิ่งหนึ่งคือการเรียนรู้ตลอดชีวิต
หมายเหตุ ต้องขอโทษท่านอาจารย์ที่ตนเองได้ส่งงานล่าช้า เพราะว่าคุณยายเสียชีวิตเมื่อวันจันทร์ และต้องดำเนินการเรื่องงานศพให้คุณยาย ทำให้ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ
นลินธร สื่อเศรษฐสิทธิ์ รหัส 49038020015 รปม. รุ่น 3
ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ยม นาคสุข ไว้ ณ ที่นี้ ที่ได้ให้คำติชม และให้กำลังใจแก่ลูกศิษย์ทุกคนในการเขียน และทำให้เกิดพลัง กำลังใจในการเขียนงาน และจะพัฒนาการเขียนให้ดียิ่งขึ้นต่อไปอีก
จากประเด็นที่เรียนรู้ได้ประเด็นที่น่าสนใจออกมาได้ 3 ประเด็น ได้เรียนรู้การประเมินตัวเอง และการวางแผนชีวิต ประเมินว่าจะทำอย่างไรกับเวลาที่เหลืออยู่ 1. การวางแผนในการดำเนินชีวิตให้รัดกุมขึ้น มีเป้าหมายในการดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่ว่าควรจะเริ่มอะไรก่อนหลัง วางแผนอนาคตที่เหลืออยู่ 2. การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า ด้วยการทำสิ่งดี ๆ คืนสู่ครอบครัว สังคม คิดดีทำดีนั่นเอง3. ชีวิตต้องไม่ประมาทดำเนินชีวิตโดยใช้หลัก
เศรษฐกิจพอเพียง สมดุล และมีเหตุมีผล ทำทุกอย่างที่เหลืออยู่อย่างมีขั้นตอน สามารถกำหนดเวลาออกมาเป็นตารางในแต่วัน เดือน ปี จนถึงเวลาสุดท้ายที่เหลือโดยใช้หลักง่าย ๆ
การสร้างอำนาจ 5 อย่าง และควรเก็บไว้เป็นข้อควรจำ หรือนำไปปฏิบัติต่อคือ
1. อำนาจสร้างได้ด้วยการให้ ถ้าเราเป็นผู้ให้ก่อน สิ่งที่ได้รับตอบแทนกลับคืนมาก็การได้รับสิ่งดี ๆ กลับคืนมานั่นเอง 2. อำนาจสร้างได้ด้วยการติเตียน สอนสั่ง เป็นการติเพื่อก่อต้องยอมรับในสิ่งที่เขาติเตียน เพื่อนำมาเป็นบทเรียนในครั้งต่อไปเพื่อไม่ให้เกิดการผิดพลาดได้อีก3. อำนาจสร้างได้ด้วยการเป็นผู้รู้มากกว่า
ถ้าไม่หลงตัวเองมากเกินไป สิ่งที่ผู้อื่นแนะนำ ชี้แนะ
นำเสนอ และตัวเรายินดีน้อมรับกลับมาเป็นข้อคิด ข้อควรระวัง หรือใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ 4. อำนาจสร้างได้ด้วยการอ้างอิง สิ่งที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้เพื่อให้ลูกหลานได้ใช้ประโยชน์ หรือให้ไว้ต่อยอดในปัจจุบัน สิ่งที่ควรสร้างเป็นอนุสรณ์สถาน และอ้างอิงเหตุการณ์ดี ๆ ที่ผ่านมาของท่านจะเป็นตัวอย่างเพราะอดีตสอนให้คนปัจจุบันเดินทางอย่างมีระบบ ระเบียบ และมั่นใจในการตัดสินใจ 5. อำนาจสร้างได้โดยทางนิติกรรม อำนาจที่เกิดจากกฎหมาย ประกาศ คำสั่ง หรือข้อตกลงที่เป็นลายลักษณ์อักษร คำสั่งแต่งตั้ง หรือโฉนดต่าง ๆ เช่น อย่างไปหยึดติดกับสิ่งเหล่านี้เพราะจะทำให้เกิดทุกข์ทั้งสิ้น Human Resource Management HRM การจัดการทรัพยากรมนุษย์ เป็นกระบวนการ HRM INPUT สรรหา คัดเลือก บรรจุแต่งตั้ง ส่วน PROCESS นั้นสามารถนำมาพัฒนา บำรุงรักษา เพื่อให้งาน OUTPUT ออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ และสิ่งที่ตามมาคือผลกำไรนั่นเอง ประเด็นที่ 2 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ของรัฐ มีปัญหาอะไรบ้าง 1. เรื่องคน ขาดคุณธรรม จริยธรรม ขาดความรักสามัคคีเกิดการแตกแยก 2. ระบบบริหารจัดการภาครัฐ ขาดการวางแผน และติดตามประเมินผล ไม่ว่าจะเป็นโครงการเล็กหรือใหญ่เมื่อทำขึ้นมาแล้วไม่มีการติดตามผลงาน ว่าได้ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว 3. การศึกษาที่ล้าหลัง เนื่องจากการศึกษาเป็นพื้นฐานสำคัญของประเทศที่ส่งผลให้ประเทศก้าวหน้าและก้าวไกลถ้าคนในประเทศมีวุฒิภาวะทางด้านการศึกษาอยู่ในระดับดี ประเด็นที่ 3 ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาให้ภาครัฐ 1. เรื่องของทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ทั้งภาครัฐและเอกชน 2. ต้องควบคุมและติดตามอย่างต่อเนื่อง ต้องใช้ระบบ PDCA ต้องมีการวางแผนและติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่องและจริงจัง 3. หลักสูตรของการศึกษา ต้องปรับปรุงให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก และมีเป้าหมายที่ชัดเจนต่อเนื่อง จากการเสนอประเด็นไปทั้งหมดนั้น ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ องค์กรจะประสบความสำเร็จ จะต้องเพิ่มพูนความรู้ กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยใส่ใจ ดูแล และสร้างขวัญและกำลังใจ เพื่อพัฒนาองค์กร โดยเฉพาะคนในองค์กรให้ดำเนินไปสู่จุดหมายเดียวกัน คือผลสำเร็จของเป้าหมายที่ได้วางไว้ เป็นการบูรณาการขั้นพื้นฐานเพื่อต่อยอดไปสู่อนาคตต่อไป พรยุพา คัมภีรญาณนนท์ 49038010034 รปม.3 Pornyupa_tew @ yahoo.co.thนมัสการพระคุณเจ้า นักศึกษา MPA 3 สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ และท่านผู้อ่านทุกท่าน
ผมได้อ่าน บทความของท่านทุกบล็อก ของพระ ท่านทำได้ดี และพัฒนาขึ้นเห็นได้ชัด
มีประเด็นที่ผมคิดว่า ขอให้ท่านช่วยอธิบายขยายความ ในเรื่องที่ผมให้ทำกิจกรรม การบริหารพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ในเรื่องของกิจกรรมการวางแผนชีวิต การกำหนดอายุปัจจุบัน กับการสมมติกำหนดจุดสุดท้ายไว้ในแผน แผ่นกระดาษที่มีตัวเลขอายุ กิจกรรม นี้
ในความเห็นหรือทัศนของท่าน นักศึกษาได้ประโยชน์อะไร ได้ข้อคิดอะไร และคิดว่าจะนำไปปฏิบัติตนอย่างไร เพื่อให้ข้อคิดแก่ฆราวาส เพื่อนนักศึกษา และท่านผู้สนใจ ได้ข้อคิด ท่านอาจจะใส่ข้อคิดหลักธรรมที่เกี่ยวข้อง ไว้ตอนท้าย
ผมจะช่วย Comment ให้ เป็นการแนะให้ท่านเป็นการทำบุญ ทางปัญญา ผ่านทาง บล็อก นี้ ครับสวัสดี ครับ ท่าน อาจารย์ยม นาคสุข
จากการบรรยายของอาจารย์เรื่องการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2550 กระผมขอตอบอาจารย์ดังนี้ประเด็นที่ 11.วิธิสร้างอำนาจ 5 อย่าง ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์
1) อำนาจสร้างได้โดยการให้ ได้แก่ การให้โอกาส ให้อภัย ให้ความรู้ ให้ความรัก ให้ความเป็นกันเอง ให้เกียรติ ฯลฯ ในวันหนึ่งๆต้องทำอย่างนี้กับลูกอาจจะทำไม่ทั่วถึงทุกคนแต่ต้องทำทุกวัน 2) อำนาจสร้างได้โดยการติเตียน แต่ต้องทำให้ถูกเวลา ถูกสถานที่ และถูกบุคล การติเตียนลูกน้องต้องทำไม่เกิน 3 ครั้ง 3) อำนาจสร้างได้โดยเป็นผู้รู้มากกว่า เช่นลูกน้องทำงานผิดพลาด ต้องแนะนำในทางที่ถูกทันที เพื่อแสดงให้เขาเห็นว่าเรารู้มากกว่าเขาและควรรู้มากกว่าเขาในหลายๆเรื่อง เช่น อาจรู้เรื่องกฎหมาย รู้เรื่องการบริหารฯลฯ 4) อำนาจอ้างอิง เช่นเราได้รับเกียรติให้ติดตามเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ไปในที่ต่างๆ เมื่อมีคนมาเห็นเราบ่อยๆ ก็จะทำให้เรามีอำนาจ5) อำนาจทางนิติกรรม คือการที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่างๆในสายผู้บริหาร ต้องติดประกาศให้ทุกคนทราบ
2. หลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี โดยใช้หลักธรรมมาภิบาล( Good Governance)ได้แก่ - การใช้หลักนิติกรรม - การใช้หลักคุณธรรม - การใช้หลักความโปร่งใส จะทำอะไรต้องตรวจสอบได้ - ใช้หลักการมีส่วนร่วม โดยให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม - ใช้หลักความรับผิดชอบ ต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน - ใช้หลักความคุ่มค่า ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าในการใช้ทรัพยากรและผลตอบแทนที่จะได้รับ 3. ทฤษฏี 6 ท ได้แก่ 1) ท ท้าท้าย เมื่อมีงานทียากที่คนอื่นไม่ทำเราต้องกล้าที่จะทำ 2) ท ท่าที ต้องมีท่าที่ดี มาจากคิดดี ทำดี พฤติกรรมดี นิสัยดี บุคลิกภาพดี อนาคตที่ดีก็จะตามมา 3) ท เที่ยงธรรม ประกอบด้วยธรรมะ คุณธรรม หลักธรรมมาบาล 4) ท ทองแท้ เมื่อพูดอะไรต้องทำอย่างนั้น ต้องมีความซื่อสัตย์ ซื่อตรง ตรวจสอบได้เสมอต้นเสมอปลาย 5) ท ทบทวน ต้องทบทวนเพื่อจะได้รู้ว่าเราได้ทำอะไรไปและจะต้องทำอะไร การทบทวนจะทำให้จำได้มากขึ้น 6) ท ทำ ต้องทำด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่น อดทน ถ้าเรามี 6 ทอเราจะเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่า โลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง ลูกค้าจะต้องก็จะต้องเปลี่ยนเราเอง ประเด็นที่ 2 ปัญหาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ พอสรุปได้ดังนี้ี 1. คนไทยมีการศึกษาน้อย รัฐควรยกระดับการศึกษาของข้าราชสูงขึ้น 2. ปัญหาผลกระทบทางสังคมและวัฒนธรรม เนื่องจากปัจจุบันโลกได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากทำให้วัฒนธรรมจากโลกตะวันตก เข้ามามีอิทธิพลต่อเด็กและเยาวชนเป็นอย่างมาก 3. ปัญหาเกี่ยวกับตัวผู้นำ ซึ่งผู้บริหารส่วนใหญ่จะบริหารแบบเก่าๆ ไม่ค่อยพัฒนา และผู้บริหารส่วนมากมาจากระบบอุปถัมภ์จึงต้องทำงานเพื่อสนองความต้องการของพรรคพวก โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ ข้อเสนอแนะวิธีแก้ปัญหา 1. ต้องพัฒนาการศึกษาของไทยให้มีความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน 2. ต้องช่วยกันรณรงค์และปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนรู้สึกรักและหวงแหนวัฒนธรรมที่ดีงามของไทยโดยจะต้องช่วยกันทุกฝ่าย เริ่มตั้งแต่ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และคนในสังคมทุกคนช่วยกัน 3. ผู้นำจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถจริงๆ มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ไม่ควรมาจากระบบอุปถัมภ์และควรจะมีความรับผิดและชอบต่อสิ่งที่ได้กระทำควรมีหลักธรรมมาภิบาลและให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลักประเด็นที่ 2
1. ระบบการอุปถัมภ์ เป็นการให้ผลประโยชน์กับพวกพ้องมากกว่าให้ส่วนรวม
2. อำนาจการตัดสินอยู่ที่ผู้นำเพียงคนเดียว
3. การพัฒนาระบบทรัพยากรมนุษย์ยังไม่เป็นระบบ
4. การไม่ใช้เทคโนโลยีให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงาน
ประเด็นที่ 3
1. ผู้บริหารต้องเปิดใจให้กว้างรักลูกน้อง
2. ผู้บริหารต้องนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารเพื่อความโปร่งใส3. มีระบบการคัดเลือกผู้นำที่มีความโปร่งใส ยุติธรรม
อาจารย์ครับผมต้องขออภัยด้วยครับถ้าผมสรุปคำตอบวิชาที่อาจารย์ที่สอนได้ไม่ค่อยดีเนื่องจากวันที่ 14 มกราคม 2550 ผมไม่ได้มาเรียนผมมีความจำเป็นต้องไปทำธุระต่างจังหวัด ขอแสดงความนับถือ นายประเชิญ คำมีร.ป.ม.3 รหัส 49038010027เรียน อาจารย์ยม นาคสุข
ก่อนอื่นต้องขอโทษอาจารย์ด้วยนะค่ะที่สรุปประเด็นช้า การเรียนกับอาจารย์ในวันที่ 14 มกราคม 2550 มีประโยชน์มากเลยค่ะเพราะเป็นงานที่ดิฉันรับผิดชอบอยู่ (งานบุคคล) จึงขอสรุปประเด็นที่ได้เรียนในวันนี้ดังนี้นะค่ะประเด็นที่ 1
1. การบริหารทรัพยากรมนุษย์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการวางแผน การกำหนดคุณลักษณะ การเปลี่ยนนิสัยคนเมื่อเข้ามาอยู่ในองค์กร
2. หลักในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ทำให้เกิดความเป็นธรรมในการจ้างงาน การมีสภาพการทำงานที่ดี ให้พนักงานมีส่วนรวม การยอมรับและเชื่อมั่นในความสามารถของพนักงาน และการให้ความสำคัญต่อพนักงาน
3. การวางแผนชีวิต จากเอกสารการกำหนดเปอร์เซ็น ทำให้ได้ตัวเลข ให้ทราบถึงระยะเวลาอายุที่เหลือ ทำให้เราสามารถที่จะวางแผนการดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่ให้มีความสุข ตั้งอยู่บนความไม่ประมาท
4. การพัฒนาตนเอง ให้รู้จักสำรวจตนเอง การวิเคราะห์ตนเอง การวางแผนชีวิตตนเอง ประเด็นที่ 21. ระบบบริหารจัดการภาครัฐ ขาดการวางแผน และติดตามประเมินผล
2. ระบบอุปถัมภ์ เรื่องบุคลากร มีการแทรกแซง
3. อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ผู้นำเพียงคนเดียว
4. การบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ไม่เป็นระบบประเด็นที่ 3
1. รัฐบาลต้องมีการพัฒนาบุคลากรทางด้านการศึกษา หลักสูตร ผู้สอน ให้มีมาตราฐานก้าวทันโลกปัจจุบัน
2. การกระจายรายได้ออกไปตามส่วนภูมิภาคให้ทั่วถึง ให้เกิดการพัฒนา และปลูกจิตสำนึกให้รักบ้านเกิด
3. การนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 4. ให้มีระบบการคัดเลือกผู้บริหารที่โปร่งใสชัดเจน
ประเด็นที่ 1 การเรียนในวันนี้ได้อะไร
1. ปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบ
- การเมือง
- เศรษฐกิจ
- สังคม
- เทคโนโลยี
2. การสร้างอำนาจ 5 อย่างในการบริหารทรัพยากรมนุษย์
- การให้
- ติ เตือน สอน
- เป็นผู้รู้มากกว่า
- อ้างอิง
- นิติกรรม
3. หลักในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ทำให้เกิดความเป็นธรรมในการจ้างงาน การมีสภาพการทำงานที่ดี ให้พนักงานมีส่วนรวม การยอมรับและเชื่อมั่นในความสามารถของพนักงาน และการให้ความสำคัญต่อพนักงาน
4. การพัฒนาตนเอง ให้รู้จักสำรวจตนเอง การวิเคราะห์ตนเอง การวางแผนชีวิตตนเอง
5. กลยุทธ์องค์กรที่ทันสมัย เช่น การให้บริการที่ดี ถูกต้องตามความต้องการ การมอบอำนาจ การเรียนรู้ ประเด็นที่ 2
1. มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในองค์กร แต่ไม่ฝึกคนให้เก่งที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ขาดความรู้ความเข้าใจในระบบ
2. การบริหารราชการในระบบเดิมๆ มีขั้นตอนซับซ้อนมากเกินความจำเป็น มีกฎระเบียบที่มากมาย ทำให้มาตรฐานการบริการของ ที่มีต่อประชาชนขาดการเอาใจใส่ที่ดี
ประเด็นที่ 3
1. การกำหนดกรอบจริยธรรมการดำเนินการโดยใช้หลักธรรมาภิบาลคุณธรรม ความโปร่งใส การมีส่วนรวม ความรับผิดชอบ และความคุ้มค่า
2. รัฐบาลต้องมีการพัฒนาทางด้านการศึกษา ให้กำหนดกรอบการศึกษาให้มีมาตรฐาน เท่าเทียมกับต่างประเทศ
3. ผู้บริหารจะต้องเปิดใจให้กว้าง มีความรักให้กับลูกน้องอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
สวัสดี ครับ ศ.ดร.จีระ /นักศึกษา MPA 3 สวนสุนันทา และท่านผู้อ่านทุกท่าน
จากที่ได้ขอให้พระนักศึกษา MPA 3 แสดงทัศนเกี่ยวกับการกำหนดจุดเริ่มต้น และการวางแผนจุดสุดท้าย ในอนาคต ซึ่งเป็นการวางแผนพัฒนาตนเอง อันจะไปสู่การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
ในประเด็นที่ขอให้พระนักศึกษา แสดงทัศนความเห็นนั้น หากนักศึกษา ท่านอื่น จะอาสาร่วมแสดงความเห็นก็จะยิ่งดีต่อตัวท่านเอง ต่อท่านผู้สนใจ ในสังคมการเรียนรู้แห่งนี้ ก็ขอเชิญนักศึกษาท่านอื่น ร่วมอาสาแสดงทัศนเกี่ยวกับแผนชีวิต
ก็ไม่ต้องยาวมาก พยายามเขียนโฟกัส ไปที่ ว่า กิจกรรมแผนชีวิตนี้ ท่านเคยได้ทำมาก่อนหรือไม่ ทำมากี่ครั้งแล้ว เมื่อได้ทำครั้งที่เรียนกับผมรู้สึกอย่างไร ความรู้สึกเมื่อได้เห็นภาพชีวิตของเราเอง ณ จุดที่เราอยู่กับจุดที่เราจะพบในอนาคต รู้สึกอย่างไร
ต่อมา ได้ข้อคิดอะไร สะกิดใจบ้างและจะนำไปทำประโยชน์กับตนเอง กับสังคม กับ HR รอบข้างได้อย่างไร เท่าที่ให้แนวไปดูจะกว้าง แต่เป็นเรื่องท้าทายที่จะให้ท่านได้เขียน
ท้าทายให้มองภาพกว้างแล้วมาเขียนให้แคบ คม ชัด ลึก เข้าใจง่าย ได้สาระ นี่เป็นสิ่งท้าทายให้พวกเรา ได้ทบทวนชีวิตตนเอง ดำเนินชีวิตตามหลักธรรม เที่ยงธรรม และทำอะไรให้จริง มองการณ์ไกล ยั่งยืน หลังจากที่ผมได้ขอให้พระนักศึกษา แสดงทัศนในเรื่องดังกล่าวแล้ว ผมได้อ่านบทความของนักศึกษาเพิ่มเติม ได้แก่ขอชื่นชม นักศึกษาบางท่านขยัน เขียน เหมือนผมตอนเขียนบล็อกใหม่ ๆ สนุกตื่นเต้น และได้ความรู้ ที่สำคัญ “ทำอย่างไร ที่จะให้ติดเป็นนิสัย” สำหรับผม ตั้ง KPI คือตัวชี้วัดความสำเร็จไว้ ว่า จะเขียน บล็อกใน ChiraAcademy.com ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามอย่างน้อย 1 สัปดาห์ต่อครั้ง
การเขียนทำให้ผมเกิดทักษะ ผมสะสมความรู้ไว้มาก และต่อเนื่อง การเขียนช่วยทำให้ทบทวน และสอดคล้องกับการศึกษาระดับ ป.โท ป.เอก ที่ต้องศึกษาเชิงรุก นอกกรอบ ข้ามศาสตร์ บูรณาการ ซึ่งเป็นอุดมการณ์ ที่นิด้า ปลูกฝังให้ รวมทั้งได้ข้อคิดหลายประการจากการเรียน ป.เอก กับอาจารย์หลายท่าน รวมทั้ง ที่ ศ.ดร.จีระ ถ่ายทอดประสบการณ์ให้ นั้นมีสาระได้ทุนทางปัญญา มาก
ผมได้เรียนรู้กับ ศ.ดร.จีระ ตลอดเวลา แม้กระทั่งเวลาท่านนั่งเฉย ๆ ผมก็เห็น ผมก็ได้เรียนรู้ ได้เกิดปัญญา เวลาท่านบริหารลูกน้อง ผมก็เห็น เกิดปัญญาและได้ฝึกตนเอง ตามแนวพุทธศาสตร์และศาสตร์อื่น ๆ ที่ผมสะสมไว้ มาบูรณาการและสามารถ
ผมเขียนตอนท้ายนี้ ไม่ประสงค์ที่จะเอาสถาบันมาเปรียบ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ ไม่มีสถาบัน ไม่มีห้องเรียน ที่หรูเหมือนพวกเรา ทุกอย่างอยู่ที่สติ ปัญญา ความเพียร ของท่าน
ครั้งหนึ่งในชีวิต เมื่อสมัยวัยรุ่น ได้มีโอกาสเข้าฉากละครภาพยนตร์ ประวัติศาสตร์ ได้รับบทเป็นทหารข้างแม่ทัพใหญ่ที่เป็นพระเอก ต้องติดตามไปรบเคียงบ่าเคียงไหล่ ในฉากผู้กำกับให้ผมพูดแค่ ขอรับ ๆ ๆ ทุกครั้งที่พระเอก(ขณะนั้นคือ นพพล โกมาลชุน) พูด และหันหน้ามาที่ผม ผมจะต้องพูดคำว่า ขอรับ ๆ ๆ และในฉาก ต้องรับแรงระเบิดตายแทนท่านแม่ทัพ
เมื่อจบฉาก ระหว่างทางกลับบ้าน มันได้ข้อคิด สติปัญญามันเกิดว่า “ชีวิตคือละคร แท้ที่จริงเราต้องกำกับบทชีวิตของเราเอง” เราไม่ควรปล่อยให้คนอื่น มากำกับตัวเราแล้วพูดได้แค่ ขอรับ ๆ ๆ เราควรต้องเป็นผู้กำกับบทชีวิตของเรา และเมื่อเรามีโอกาสกำกับบทชีวิตเรา ซึ่งในชีวิตจริงมีหลายบท เช่นผมรับบทเป็นครู อาจารย์พวกเรา รับบทเป็นนักศึกษา ป.เอก รับบทเป็นผู้นำ เป็นนักบริหาร ใยเล่าจะไม่กำกับบทให้เป็นคนดี เป็นพระเอกให้คนรอบข้าง เหมือนกับพระเอกในละคร
ที่เขียนมานี้ ก็อยากจะให้สติ ให้ข้อคิด ให้ปัญญา แก่ นักศึกษา MPA ทุกคน ทุกย่างก้าว ขอให้ดำเนินอย่างมีคุณภาพ และคิดเพื่อสังคม เพื่อส่วนรวม ด้วย
ท้ายนี้ หากนักศึกษาท่านใด จะอาสาเขียนแสดงทัศน เกี่ยวกับแผนชีวิต ที่ผมให้ทำกิจกรรมในห้องเรียน ก็เชิญเขียนมา
และในสัปดาห์หน้า ผมจะสมมติตัวเองว่าเป็นนักศึกษา แล้วเขียน paper แรกที่ให้พวกเราทำ ให้ดูเป็นตัวอย่าง
ขอให้ทุกท่านโชคดี
สวัสดีครับสวัสดี ครับ ศ.ดร.จีระ /นักศึกษา MPA 3 สวนสุนันทา และท่านผู้อ่านทุกท่าน
จากที่ได้ขอให้พระนักศึกษา MPA 3 แสดงทัศนเกี่ยวกับการกำหนดจุดเริ่มต้น และการวางแผนจุดสุดท้าย ในอนาคต ซึ่งเป็นการวางแผนพัฒนาตนเอง อันจะไปสู่การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
ในประเด็นที่ขอให้พระนักศึกษา แสดงทัศนความเห็นนั้น หากนักศึกษา ท่านอื่น จะอาสาร่วมแสดงความเห็นก็จะยิ่งดีต่อตัวท่านเอง ต่อท่านผู้สนใจ ในสังคมการเรียนรู้แห่งนี้ ก็ขอเชิญนักศึกษาท่านอื่น ร่วมอาสาแสดงทัศนเกี่ยวกับแผนชีวิต
ก็ไม่ต้องยาวมาก พยายามเขียนโฟกัส ไปที่ ว่า กิจกรรมแผนชีวิตนี้ ท่านเคยได้ทำมาก่อนหรือไม่ ทำมากี่ครั้งแล้ว เมื่อได้ทำครั้งที่เรียนกับผมรู้สึกอย่างไร ความรู้สึกเมื่อได้เห็นภาพชีวิตของเราเอง ณ จุดที่เราอยู่กับจุดที่เราจะพบในอนาคต รู้สึกอย่างไร
ต่อมา ได้ข้อคิดอะไร สะกิดใจบ้างและจะนำไปทำประโยชน์กับตนเอง กับสังคม กับ HR รอบข้างได้อย่างไร เท่าที่ให้แนวไปดูจะกว้าง แต่เป็นเรื่องท้าทายที่จะให้ท่านได้เขียน
ขอชื่นชม นักศึกษาบางท่านขยัน เขียน เหมือนผมตอนเขียนบล็อกใหม่ ๆ สนุกตื่นเต้น และได้ความรู้ ที่สำคัญ “ทำอย่างไร ที่จะให้ติดเป็นนิสัย” สำหรับผม ตั้ง KPI คือตัวชี้วัดความสำเร็จไว้ ว่า จะเขียน บล็อกใน ChiraAcademy.com ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามอย่างน้อย 1 สัปดาห์ต่อครั้ง
การเขียนทำให้ผมเกิดทักษะ ผมสะสมความรู้ไว้มาก และต่อเนื่อง การเขียนช่วยทำให้ทบทวน และสอดคล้องกับการศึกษาระดับ ป.โท ป.เอก ที่ต้องศึกษาเชิงรุก นอกกรอบ ข้ามศาสตร์ บูรณาการ ซึ่งเป็นอุดมการณ์ ที่นิด้า ปลูกฝังให้ รวมทั้งได้ข้อคิดหลายประการจากการเรียน ป.เอก กับอาจารย์หลายท่าน รวมทั้ง ที่ ศ.ดร.จีระ ถ่ายทอดประสบการณ์ให้ นั้นมีสาระได้ทุนทางปัญญา มาก
ผมได้เรียนรู้กับ ศ.ดร.จีระ ตลอดเวลา แม้กระทั่งเวลาท่านนั่งเฉย ๆ ผมก็เห็น ผมก็ได้เรียนรู้ ได้เกิดปัญญา เวลาท่านบริหารลูกน้อง ผมก็เห็น เกิดปัญญาและได้ฝึกตนเอง ตามแนวพุทธศาสตร์และศาสตร์อื่น ๆ ที่ผมสะสมไว้ มาบูรณาการและสามารถ
ผมเขียนตอนท้ายนี้ ไม่ประสงค์ที่จะเอาสถาบันมาเปรียบ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ ไม่มีสถาบัน ไม่มีห้องเรียน ที่หรูเหมือนพวกเรา ทุกอย่างอยู่ที่สติ ปัญญา ความเพียร ของท่าน
ครั้งหนึ่งในชีวิต เมื่อสมัยวัยรุ่น ได้มีโอกาสเข้าฉากละครภาพยนตร์ ประวัติศาสตร์ ได้รับบทเป็นทหารข้างแม่ทัพใหญ่ที่เป็นพระเอก ต้องติดตามไปรบเคียงบ่าเคียงไหล่ ในฉากผู้กำกับให้ผมพูดแค่ ขอรับ ๆ ๆ ทุกครั้งที่พระเอก(ขณะนั้นคือ นพพล โกมาลชุน) พูด และหันหน้ามาที่ผม ผมจะต้องพูดคำว่า ขอรับ ๆ ๆ และในฉาก ต้องรับแรงระเบิดตายแทนท่านแม่ทัพ
เมื่อจบฉาก ระหว่างทางกลับบ้าน มันได้ข้อคิด สติปัญญามันเกิดว่า “ชีวิตคือละคร แท้ที่จริงเราต้องกำกับบทชีวิตของเราเอง” เราไม่ควรปล่อยให้คนอื่น มากำกับตัวเราแล้วพูดได้แค่ ขอรับ ๆ ๆ เราควรต้องเป็นผู้กำกับบทชีวิตของเรา และเมื่อเรามีโอกาสกำกับบทชีวิตเรา ซึ่งในชีวิตจริงมีหลายบท เช่นผมรับบทเป็นครู อาจารย์พวกเรา รับบทเป็นนักศึกษา ป.เอก รับบทเป็นผู้นำ เป็นนักบริหาร ใยเล่าจะไม่กำกับบทให้เป็นคนดี เป็นพระเอกให้คนรอบข้าง เหมือนกับพระเอกในละคร อย่าเผลอไปเล่นบทคนโกง คนเห็นแก่ตนเป็นหลัก แบบนี้ คงไม่ดี
ที่เขียนมานี้ ก็อยากจะให้สติ ให้ข้อคิด ให้ปัญญา แก่ นักศึกษา MPA ทุกคน ทุกย่างก้าว ขอให้ดำเนินอย่างมีคุณภาพ และคิดเพื่อสังคม เพื่อส่วนรวม ด้วย
ท้ายนี้ หากนักศึกษาท่านใด จะอาสาเขียนแสดงทัศน เกี่ยวกับแผนชีวิต ที่ผมให้ทำกิจกรรมในห้องเรียน ก็เชิญเขียนมา
และในสัปดาห์หน้า ผมจะสมมติตัวเองว่าเป็นนักศึกษา แล้วเขียน paper แรกที่ให้พวกเราทำ ให้ดูเป็นตัวอย่าง
ขอให้ทุกท่านโชคดี
สวัสดีครับ
ยม
081-9370144
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
ก่อนอื่นผมต้องกราบขอโทษอาจารย์ที่ส่งงานอาจารย์ช้ากว่าเพื่อคนอื่น เนื่องจากผมมีภารกิจที่ต้องปฏิบัติที่ต่างจังหวัด และเมื่อกลับมาผมก็ได้รีบนำเสนออาจารย์ จากการที่เรียนในวันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2550 ซึ่งอาจารย์ให้อ่านหนังสือเรื่อง “ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้” เป็นการสนทนาระหว่าง ศ.ดรจีระ หงส์ลดารมภ์ กับ คุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา เป็นหนังสือที่ดีมาก ว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ของนักคิดและนักปฏิบัติแห่งยุค ซึ่งผมขอสรุปผลที่ได้จากการอ่าน ดังนี้แนวคิดทฤษฎี 4 L’s ของคุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา- Village that Learn หมู่บ้านแห่งการเรียนรู้ - School that Learn โรงเรียนแห่งการเรียนรู้- Industry that Learn อุตสาหกรรมแห่งการเรียนรู้- Nation that Learn
ชาติแห่งการเรียนรู้แนวคิดทฤษฎี 4 L’sของ
ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ - Learning Methodology เข้าใจวิธีการเรียนรู้- Learning Envitonmenty
สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้- Learning Opportunity
สร้างโอกาสในการเรียนรู้- Learning Community
สร้างชุมชนการเรียนรู้
นอกจากนี้ยังมีทฤษฎี 8K’s ทฤษฎี 3 วงกลม 2 R’s 2 I’s ทำให้มีแรงกระตุ้น เกิดแรงจูงใจในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง เช่นการไปดูงาน การฝึกอบรม และต้องทำอย่างต่อเนื่อง เรื่องวงกลม 3 วง คือ วงกลมที่1 context การใช้ระบบ การใช้เทคโนโลยีในการทำงานเป็นกระบวนการ PROCESS และจัดองค์กรที่เหมาะสม PROCESS IMPROVEMENT วงกลมที่ 2 ภาวะผู้นำ เพิ่มศักยภาพผู้นำ ธุรกิจจะเข็มแข็งได้ต้องบริหารผู้นำ วงกลมที่ 3 เป็นหลักที่ดี คนเราจะสำเร็จในงานได้ต้องมองว่าทุกอย่างเป็นงานท้าทายการให้โอกาสและอิสระในการทำงาน การแก้ปัญญา และเสนอแนะสร้างความเชื่อความศรัทธาและปัจจัยต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้ประสบความสำเร็จ การส่งเสริมให้คนในองค์กรมีความจงรักภักดี และมีวินัย ก็เป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มผลผลิตให้องค์กรประสบความสำเร็จได้ การสร้าง KNOWLEDGE เพื่อให้คนเกิดความใฝ่รู้ การนำแนวความคิดเรื่องคนที่มีค่าที่สุดในองค์กรมาใช้พัฒนาและปรับปรุงองค์กร ซึ่งแต่ละองค์กรจะมีรูปแบบและวัฒนธรรมไม่เหมือนกัน จึงต้องมีการสร้างระบบเพื่อรองรับการพัฒนาเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเปล่าดังนั้นในการบริหารจัดการต้องยึดหลักความคุ้มค่า เพื่อให้ไปถึงจุดมุ่งหมายเราควรจะพัฒนาประเทศด้วยการส่งเสริมด้านการศึกษา การวิจัย การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้กับการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจ ทั้งหมดที่กล่าวมาผมคิดว่าถ้าเราสามารถนำมาปรับ ประยุกต์ใช้กับชีวิตส่วนตัว และด้านการงานได้เพื่อให้ตัวเราเกิดคุณค่า และเป็นมูลค่าเพิ่มขององค์กร สามารถทำให้องค์กรเจริญก้าวหน้าได้- เทคโนโลยี
ประเด็นที่ 2 1.ระบบอุปถัมภ์ เป็นการบริหารที่ไม่ได้ยึดเอาความรู้ความสามารถของคนเป็นหลัก แต่เน้นการเอื้ออำนวยผลประโยชน์ให้กับพวกพ้อง 2. คอรัปชั่น คนขาดความรับผิดชอบ มุ่งแต่ที่จะทำงานหวังผลประโยชน์ ให้กับตนเอง โดยไม่มีสนใจถึงความเสียหายที่จะตามมา ประเด็นที่ 3 1. ผู้บริหารควรนำหลักธรรมาภิบาลเข้ามาใช้ในการบริหาร 2. ผู้บริหารเปิดใจให้กว้างรักลูกน้อง3. การนำระบบการคัดเลือกผู้นำที่โปร่งใส4. รัฐต้องพัฒนาระบบเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับทรัพยากรมนุษย์สวัสดีค่ะ อาจารย์ จีระ หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ ยม นาคสุข เมื่อวันเสาร์ที่ 20 มกราคม 2550 ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ ได้มอบมรดกทางความคิดนักศึกษา MPA รุ่น 3 สวนสุนันทา ในเรื่อง การเป็นผู้ใฝ่รู้ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศ และการมอบหมายการบ้านให้พวกเราไปค้นคว้าเพิ่มเติมเพื่อเปิดโลกทรรศน์ของนักศึกษาให้กว้างขึ้นนั้น ดิฉันขอแสดงความคิดเห็นว่า หากทำอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ก็จะเป็นการปลูกฝังอุปนิสัยการเป็นผู้ใฝ่รู้ให้กับตัวเราเอง สำหรับการบ้าน 3 ข้อ ดิฉันขอแสดงความคิดเห็น ดังนี้
ข้อ 1. องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี ได้กำหนดวิสัยทัศน์ขององค์กรเอาไว้ว่า “ เมืองน่าอยู่ การศึกษาก้าวหน้า สิ่งแวดล้อมดี ประเพณีดั้งเดิม เศรษฐกิจพัฒนา ประชาร่วมใจ มุ่งเน้นบริการ สร้างงานโปร่งใส” ซึ่งมาจากพันธกิจในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ได้มาตรฐาน และเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน การพัฒนาด้านการศึกษา ที่เน้นเทคโนโลยีสารสนเทศ ศาสนา การกีฬา วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น การเสริมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี การพัฒนาอาชีพ ฟื้นฟูทุเรียนนนทบุรี ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เพื่อสร้างเสริมรายได้ให้แก่ประชาชน และสงเคราะห์ประชาชนผู้ยากไร้ด้อยโอกาสให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ความโปร่งใส และการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพื่อบริหารและบริการให้มีประสิทธิภาพในหน่วยงานย่อยหรือกองที่ดิฉันสังกัดนั้น ยังไม่ได้มีการกำหนดวิสัยทัศน์ขององค์กรเอาไว้ และเมื่อนึกถึงคำของ ดร.จิระ ที่กล่าวไว้ว่า “อย่าทำตัวกระจอก รอให้นายมากำหนดวิสัยทัศน์ เราต้องกำหนดวิสัยทัศน์ของตัวเอง” ดิฉันจึงนำทฤษฎี 2’ R ที่เน้นความจริงและตรงประเด็นมาเป็นกรอบในการกำหนดวิสัยขององค์กร โดยการพิจารณาถึงความจำเป็นในการตั้งกองนี้ขึ้นมาเพื่อดำเนินงานให้คำปรึกษา จัดฝึกอบรม การสงเคราะห์ ฯลฯ เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตแก่ เด็ก สตรี และคนชรา และกำหนดวิสัยทัศน์ในการทำงานของตนเองว่า “ความเป็นเลิศ ในการให้บริการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกระดับ” โดยกำหนดกลยุทธในการทำงาน คือ ทำให้ประชาชนที่รับบริการรู้สึกพึงพอใจ โดยการนำ BALANCEED SCORECARD มาปรับใช้ในด้านลูกค้า คือ ทำให้ประชาชนรู้สึกพึงพอใจและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นภายใต้การบริหารจัดการงบประมาณที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมและการเรียนรู้ของประชาชน พร้อมทั้งการพัฒนาทักษะการทำงาน ให้เข้าถึงจิตใจของประชาชนผู้รับบริการ
2. การแสดงความคิดเห็นในเรื่องการเป็นสมาชิก WTO ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรหรือภาคราชการของประเทศไทยนั้น ดิฉันขอแสดงความคิดเห็นว่า การที่ไทยไปเข้าร่วมเป็นสมาชิก WTO และสนับสนุนแนวทางการค้าเสรี ทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่เวทีการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น ดังนั้น การทำงานของระบบราชการ และธุรกิจของไทยจึงเข้าไปอยู่ในรูปแบบของการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น และต้องมีการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรหรือภาคราชการ เพื่อพัฒนาศักยภาพของประเทศให้พร้อมที่จะก้าวไปสู่เวทีการค้าระหว่างประเทศ ได้อย่างรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงและมีประสิทธิภาพ
ประเทศไทยต้องมีการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรหรือภาคราชการ ดังนี้ (1) การเปิดการค้าเสรีทำให้โลกมีการแข่งขันกันกันมากขึ้น มีสินค้าหลากหลายมากขึ้น มีราคาต่ำลง ผู้ประกอบการต้องพัฒนาคุณภาพสินค้าเพื่อสนองความต้องการผู้บริโภค ธุรกิจที่ไม่สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้จะล้ม ดังนั้น ต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทั้งในองค์กรภาคราชการและภาคเอกชนให้เป็นผู้มีทักษะ 3 ด้าน ได้แก่ ความคล่องแคล่วในภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เพื่อให้ได้ รัฐต้องดำเนินนโยบายเพื่อส่งเสริมให้มีการพัฒนาทักษะและฝีมือแรงงาน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และความได้เปรียบเชิงการแข่งขันของประเทศ (2) ปรับระบบการบริหารราชการให้พร้อมรองรับความทันสมัย การปรับวัฒนธรรมในการทำงานของภาคราชการ พัฒนาวินัยของราชการ และวินัยทางด้านการเมือง การทำงานที่โปร่งใส และมีการปฏิบัติที่ดี และมีประสิทธิภาพ มีความเป็นเอกภาพ ทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ ของราชการ และการประสานงานกับเอกชนซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับผลโดยตรง (3) การปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าของประเทศที่นำเข้าทำให้ราคาสินค้าลดลง ประเทศไทยส่งสินค้าเข้าไปขายในประเทศอื่นได้มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน สินค้านำเข้าจากต่างประเทศจะมีราคาถูกลง คนไทยจะหันไปบริโภคสินค้าและบริการจากต่างประเทศมากขึ้น ทำให้ไทยขาดดุลการค้า นำเข้าสินค้าต่างประเทศมากขึ้นและส่งออกได้น้อยลง ธุรกิจที่ไม่สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้จะล้ม มีการปลดคนงานออก และเกิดปัญหาต่าง ได้แก่ ปัญหาความยากจน ปัญหาสังคม ปัญหาด้านการศึกษา ฯลฯ ตามมา รัฐบาลต้องมีนโยบายพัฒนาความรู้ให้แก่ภาคครัวเรือน ส่งเสริมการออมและการทำบัญชีในครัวเรือน แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง การรณรงค์ให้ใช้สินค้าไทย และปรับระบบการศึกษาให้ทันสมัย สอนเด็กและเยาวชนให้คิดเป็น เพื่อให้เกิดปัญญาพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของโลก
3. การแสดงความคิดเห็นในเรื่องวัฒนธรรมขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี โดยการมองวัฒนธรรมองค์กรแบบเหรียญสองด้าน คือ มองในด้านบวก และด้านลบ วัฒนธรรมขององค์การบริหารส่วนจังหวัด ได้แก่ วัฒนธรรมการทำงานเป็นทีม ข้อดี คือ ทำให้มีการประสานงานช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เนื่องจากแต่ละคนมีความถนัดและความสามารถแตกต่างกัน ข้อเสีย คือ อาจเกิดความความล่าช้าในการปฏิบัติงาน และอาจเกิดความขัดแย้งกันภายในทีมงาน วัฒนธรรมการมีส่วนร่วม ข้อดี คือ ทำให้ทุกคนในองค์กรเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรร่วมกัน และทำให้เกิดความคิดที่หลากหลาย ข้อเสีย คือ ความคิดที่หลากหลายอาจทำให้เกิดความแตกแยก วิธีการแก้ปัญหาดังกล่าว คือ ต้องบริหารจัดการผสมผลานความคิดที่แตกต่าง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนร่วมเป็นหลัก วัฒนธรรมการทำงานที่ยึดถือระเบียบ วิธีการปฏิบัติที่เคร่งครัด ข้อดี คือ มีแนวทางการปฏิบัติงานที่มีความชัดเจน เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ช่วยลดความผิดพลาดในการปฏิบัติงาน ข้อเสีย คือ ความล่าช้า อาจไม่ทันต่อการตอบสนองความต้องการของประชาชน
ดิฉันยอมรับว่า การทำการบ้านของ ดร.จิระ ทั้ง 3 ข้อ ทำให้ดิฉันมีความรู้เพิ่มขึ้นและจากความรู้ที่เพิ่มขึ้นทำให้ดิฉันตระหนักถึงบทบาทของประเทศไทยในเวทีโลกว่าจะสามารถอยู่รอดได้ในความเปลี่ยนแปลง ก็ต่อเมื่อคนซึ่งเป็นเซลล์ที่เล็กที่สุดของประเทศมีการพัฒนาศักยภาพของตนเองเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของตนเอง องค์กร และประเทศในเวทีโลก โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นตัวตั้ง และเพื่อพัฒนาทักษะในการสรุปประเด็น การเรียบเรียงความคิด เนื้อหาที่ควรศึกษาเพิ่มเติม และการเขียนบทความ ดิฉันใคร่ขอความกรุณาอาจารย์ผู้สอนช่วยวิจารณ์การเขียน BLOG ของดิฉัน ทั้งในครั้งนี้และการเขียน BLOG เมื่อวันพุธที่ 17 ที่ผ่านมาดัวย ขอขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะการกำหนำวิสัยทัศน์ของแต่ละองค์กรแตกต่างกัน สาเหตุที่ว่าทำไมสำนักงานเลขาธิการ
สภาผู้แทนราษฎร ต้องกำหนดวิสัยทัศน์ก็คือ สำนักงานฯ ต้องการให้การปฏิบัติราชการเป็นไปอย่างมีประสิทธิ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อสมาชิกรัฐสภา และบุคลากรในวงงานรัฐสภา และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจึงได้กำหนดวิสัยทัศน์ไว้ว่า
วิสัยทัศน์คือ เป็นองค์กรที่เป็นเลิศในการให้บริการเพื่อส่งเสริมงานของสถาบันนิติบัญญัติให้ก้าวหน้า ทันสมัย โปร่งใส และเป็นธรรม โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของปวงชนการวิเคราะห์สภาพของสำนักงานฯ ซึ่งการวิเคราะห์สภาพองค์กรในสภาวะปัจจุบัน เพื่อค้นหาจุดแข็ง-จุดอ่อน-โอกาส-อุปสรรคและภาวะคุกคาม เพื่อให้รู้องค์กรตัวเอง รู้เรา รู้จักสภาพแวดล้อม รู้เขาอย่างชัดเจนและวิเคราะห์โอกาส อุปสรรคเพื่อประโยชน์ในการกำหนดวิสัยทัศน์ การวิเคราะห์ผลกระทบต้องวิเคราะห์ปัจจัย SWOT Analysisได้แก่ 1. strengths จุดแข็งหรือข้อได้เปรียบ 2. weaknesses จุดอ่อนหรือข้อเสียเปรียบ 3. opportunities โอกาสที่จะดำเนินการได้ 4. threats อุปสรรคหรือภาวะคุกคามการดำเนินงานขององค์กร การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน ศึกษาและตรวจสอบทรัพยากรหลักที่สำนักงานฯ มีอยู่เช่น บุคลากร ความพร้อม ปัจจัยภายในที่เป็นจุดแข็ง เช่น สำนักงานฯเป็นส่วนราชการที่มีความมั่นคง มีกฎหมายที่เอื้อต่อการปรับปรุงโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ให้การปฏิบัติงานเกิดความคล่องตัวและปัจจัยภายในที่เป็นจุดออ่นคือ ระบบการจัดเก็บข้อมูลนิติบัญญัติยังกระจัดกระจาย ไม่เป็นระบบทำให้ยากต่อการค้นหา การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก มาจากนโยบาลของรัฐบาล ด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจและด้านสังคม ปัจจัยที่เป็นภัยคุกคามคือ การแทรกแซงการบริหารราชการจากกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง ทำให้การปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ และขัดหลักธรรมาภิบาล
ข้อ 2 องค์การการค้าโลก (WTO) มีผลกระทบต่อการบริหารระบบราชการอย่างไรองค์การค้าโลก หรือ WTO นั้น เป็นหนึ่งในเครื่องมือ ที่ประเทศทางตะวันตกได้วางกรอบเอาไว้ เพื่อที่จะบังคับ หรือว่าสร้างกติกาให้โลกทั้งโลกนั้น เข้ามาค้าขายในรูปแบบกติกาเดียวกัน เริ่มด้วยการเปิดธุรกรรมทางการเงินอย่างเสรีมีการเปิดตลาดทุนให้เสรี และในขบวนการช่วยเหลือนั้นก็จะสร้างเงื่อนไข เช่น คุณต้องลดภาษี คุณต้องแก้กฏหมาย หากการดำเนินการจัดทำกฎเกณฑ์ พหุภาคีเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดสินค้าสำเร็จแล้ว ประเทศสมาชิก WTO รวมทั้งไทย จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกฎที่ได้ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการของไทยทั้งในแง่บวกและลบ ผลดี กฎที่ได้จะช่วยลดการกีดกันทางการค้าที่ประเทศต่างๆ มีต่อสินค้าไทย โดยประเทศต่างๆ จะไม่สามารถกำหนดกฎของตนเพื่อกีดกันสินค้าจากประเทศอื่นๆ ได้ แต่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกฎภายใต้ WTO เช่น สหรัฐฯ จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกฎแหล่งกำเนิดสินค้าสำหรับสิ่งทอตามอำเภอใจได้อีกต่อไปช่วยลดความเสี่ยงและความสับสนของผู้ประกอบการในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศสมาชิก WTO เนื่องจากประเทศสมาชิกจะใช้กฎเดียวกัน ในการพิจารณาแหล่งกำเนิด ทำให้ผู้ประกอบการของไทยมีความมั่นใจมากขึ้นและสามารถวางแผนการผลิตได้ ช่วยป้องกันมิให้มีการนำสินค้าจากประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิก WTO เข้ามาแปรรูปเพียงเล็กน้อยในประเทศสมาชิก WTO เพื่อให้ได้แหล่งกำเนิด ซึ่งจะได้รับสิทธิทางภาษีเช่นเดียวกับสมาชิก WTO ช่วยในการพิสูจน์หาประเทศแหล่งกำเนิดสินค้าในกรณีที่มีการทุ่มตลาด และประเทศไทยต้องการเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดจากประเทศที่ก่อความเสียหายผลเสีย อาจมีผลให้สินค้าหลายชนิดที่ไทยเคยนำเข้าวัตถุดิบมาผ่านกระบวนการผลิตเพื่อส่งออก ต้องสูญเสียแหล่งทรัพยากรที่สำคัญและสูญเสียสิทธิประโยชน์ที่ได้รับข้อ 3 วัฒนธรรมในองค์กร (ข้อดี-ข้อเสีย) วัฒนธรรมองค์การมีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานอะไรที่เราต้องการ อะไรที่เราต้องการเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นยากที่จะบรรลุเป้าหมายเพราะวัฒนธรรมในองค์กรที่เกิดขึ้นมาจากการสะสมที่ยาวนานมีทั้งข้อดีและข้อเสีย การนำไปปฏิบัติขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคล รู้จักวิธีดึงสิ่งที่ดีๆมาใช้ และปฏิเสธสิ่งที่ไม่ดี ข้อดีคือ มีแนวทางการปฏิบัติงานที่มีความชัดเจน เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ช่วยลดความผิดพลาดในการปฏิบัติงาน ด้านวัฒนธรรม / ค่านิยม / วิธีการบริหารจัดการที่ดีต้องมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์หรือ ผลการปฏิบัติงานเป็นหลักการที่ดี โดยมีการวัดผลการปฏิบัติงาน ด้วยตัวชี้วัดอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ผลของวัฒนธรรมองค์กร ความรวดเร็วในการปรับตัวขององค์กร กำหนดทิศทางขององค์กรต้องเริ่มต้นที่ผู้นำ ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี แสดงให้เห็นจุดเน้นขององค์กร แสดงให้เห็นคุณค่าขององค์กรข้อเสียคือทำงานล่าช้า ทำงานซ้ำแล้วซ้ำอีก งานขาดความแม่นยำ งานไม่มีคุณภาพ ใช้ทรัพยากรฟุ่มเฟือย ไม่คุ้มค่า-------------------------
ต่อมาการเรียนในวันอาทิย์ที่ 21 มกราคม 2550 เรื่อง Balanced Scorecard Workshop และEMPLOYEES ENGAGEMENT กับ อาจารย์พจนารถ ซีบังเกิด โดยผ่านเครื่องมือต่างๆ อาทิ KPIs (Key Performance Indicators) และการทำแบบทดสอบ BSC (Balance Scorecard) ก่อนทำ BSC ต้องมี Vision , Mission, Corporate Values มีเป้าหมาย และ Strategies ขององค์กร และBSC ต้องทำ 4 เรื่องพร้อมกันคือ Financial, Customer, Internal, Learning and Growth ช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จ ในชั้นเรียนเรียนรู้วิธีการวางแผนชีวิต จัดระเบียบชีวิต My Life’s Scorecard ซึ่งจะกระทบต่อผลลัพธ์ในอนาคต รวมทั้งการบริหารจัดการความเสี่ยง อาจารย์พจนารถ ซีบังเกิด ซึ่งอยู่ในธุรกิจการเงิน จับประเด็นไปที่คุณสมบัติของภาวะผู้นำด้านการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ที่พบว่ามีส่วนอย่างมากในการสร้างบรรยากาศการทำงาน กระตุ้นให้ทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด------ท้ายที่สุดนี้ จากการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเป็นการเพื่อนำเสนอต่ออาจารย์และเพื่อน ๆ เป็นแนวทางในการเขียนและเสนอแนะในวิชานี้ อาจไม่โดนใจใคร ส่วนการคิดนอกกรอบก็สุดแล้วแต่ และขอให้อาจารย์ช่วยวิจารณ์ด้วยจะได้นำไปใช้ประโยชน์กับตนเอง กับเพื่อนร่วมสังคมบุคลทั่วไปที่ให้แนวคิดไว้ดูกว้างกว้า
---------จบ---------นางสาวนัทพร สิงห์ตุ่ย MPA รุ่น 3 ม. สวนสุนันทา รหัส 49038010002 มือถือ 081-9012543
[email protected]เรียน อาจารย์จีระและอาจารย์ทุกท่าน
ก่อนอื่นต้องขออนุญาตใช้ Blog ของอาจารย์แจ้งข่าวการเสียชีวิตของนักศึก MPA รุ่น 3 สวนสุนันทา ชื่อ จ่าเอกสราวุธ นวมน้อย ท่ถึงแก่กรรมด้วยอบุติเหตุไปเมื่อวันอาทิตย์ท่ 21 มค.นี้ ตามท่หนังสือพิมพ์ได้ลงข่าว......ด้วยรักและอาลัยเพื่อนท่มีความตั้งใจในการเรียนเพื่อความก้าวหน้าในชีวิตราชการ.....ได้ส่งการบ้านให้อาจารย์เรียบร้อยแล้ว....ได้รับคำชมจากอาจารย์..... สำหรับการบ้านในครั้งต่อไป.....เพื่อนๆทุกคนจะตั้งใจทำและตั้งใจเรียนทุกวันเพื่อเพื่อน...ขอให้เพื่อนรับรู้ไว้ ณ ท่นี้ ........จากเพื่อนทุกคน ขอบคุณอาจารย์มากค่ะท่กรุณา.......
สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ / นักศึกษา MPA 3 สวนสุนันทาฯ
ผมขอแสดงความเสียใจ และอาลัยกับการจากไปของ จ.อ.สราวุฒิ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น MPA 3 ศิษย์คนหนึ่งของผม เพื่อเป็นการแสดงความระลึกถึง ผมได้นำบทความที่ จ.อ.สราวุฒิ เขียนถึงผมเมื่อวันที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา ดังปรากฎอยู่ในตอนท้ายนี้
ส่วนสมาชิก MPA 3 ที่เขียนมาขอให้ผมช่วย comment การเขียนให้ ขอเวลาศึกษาอีกนิด แล้วจะส่งตาม ผมเชิญชวนพวกเรา ร่วมแสดงความไว้อาลัยแก่ จ.อ.สราวุฒิ ด้วยการตั้งใจอ่านบทความของเขา และมองให้เห็นส่วนดี และร่วมจิตส่งความปราถนาดีไปให้เขาร่วมกันหลังจากอ่าน ข้อความจบแล้ว
จ่าเอกสราวุฒิ นวมน้อย รหัสนักศึกษา49038010029 ม.สวนสุนันทา เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 22:14 (140532) |
ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 4 ด้าน คือ
ทั้งในระดับประเทศและระดับโลกเนื่องจากในภาวะนี้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ย่อมส่งผลกระทบต่อเราไม่ทางตรงก็ทางอ้อม การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้การดำเนินนโยบายของรัฐบาล และกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ชุมชน องค์กร
ดังนั้นหากเรารู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ย่อมทำให้เราปรับตัว และเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างยั่งยืนในยุคแห่งโลกาภิวัตน์ เรื่องวิธีการสร้างอำนาจ 5 ประการ คือ
สำหรับปัญหาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของภาครัฐ ตามความเห็นของข้าพเจ้า คือ
ประเด็นที่ 3 ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาในภาครัฐ
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อหวังที่จะให้ประชาชนและประเทศชาติในอนาคตสามารถดำรงอยู่ได้ การสร้างทรัพยากรมนุษย์ให้เป็นทั้งคนเก่ง ทั้งคนดีและมีความสุขมีมุมมองเชิงรุกสู่อนาคต สามารถแข่งขัน และร่วมมือ อีกทั้งสามารถบำเพ็ญประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไป
จ่าเอกสราวุฒิ นวมน้อย http://[email protected]
ผมขอชื่นชมการเขียนของ จ่าเอกสราวุฒิ เป็นการเขียนที่ดี ครอบคลุมประเด็นการนำเสนอ การดำเนินเรื่อง และการปิดประเด็น
เนื้อหาดำเนินเรื่อง จับประเด็นได้มาก แสดงให้เห็นถึงการศึกษา ทบทวนสิ่งที่ได้สอน แนะนำไปเป็นอย่างดี
จ.อ.สราวุฒิ เป็นครูผู้เสียสละ ให้พวกเราทุกคน ได้ตระหนักถึงการวางแผนชีวิตให้รัดกุมยิ่งขึ้น และไม่ประมาท มีสติอยู่เสมอ
คุณความดีที่ข้าพเจ้าเคยทำมา ขออุทิศให้แก่ จ.อ.สราวุฒิ ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลาย อำนวยพรให้ จ.อ. สราวุฒิ นวมน้อย จงไปสู่ความสงบสุข ด้วยเทอญ
นักศึกษาที่ตัองการเขียนแสดงความคิดเห็น ต่อจาก blog นี้ ขอให้ย้ายไปเขียนใน MPA สวนสุนันทา(HR/2)
เนื่องจาก หากมีข้อมูลเกิน 100 บทความ จะทำให้การเขียนข้อมูลช้า ครับ
ข้อดี | ข้อเสีย |
1. วัฒนธรรมทางการควบคุมบังคับบัญชา ในกองทัพบกเป็นองค์กรที่มีขนาดใหญ่ มีผู้บังคับบัญชารับผิดชอบงานในแต่ละด้าน ยึดถือตามกฎระเบียบข้อบังคับ และคำสั่งต่างๆมีแบบแผนที่มีมาอย่างยาวนาน จึงทำให้งานในด้านต่างๆมีผู้รับผิดชอบอย่างเด่นชัดและมีเอกภาพในการควบคุมบังคับบัญชา และมีกรอบการปฏิบัติงานไปในแนวทางเดียวกัน | เนื่องจากเป็นองค์กรขนาดใหญ่และมีกฎระเบียบแบบแผนมีรายการบังคับบัญชาตามลำดับขั้นจึงทำให้เกิดความล่าช้าและเสียเวลากับการดำเนินงานเพื่อรออนุมัติ สั่งการหรือตัดสินใจจากผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจสูงสุดเพียงคนเดียว งานบางอย่างต้องการความรวดเร็วถ้ารอการอนุมัติ การตัดสินใจ จากผู้บังคับบัญชา จะทำให้ไม่ทันเวลา |
2. วัฒนธรรมการเลื่อนยศปลดย้ายในกองทัพการเปลี่ยนแปลงกำลังพลเกษียณอายุราชการ เปลี่ยนหรือเลื่อนตำแหน่ง ทำให้บุคคลากรเกิดการหมุนเวียน ซึ่งจะช่วยให้คนที่มีความรู้ความสามารถได้รับการพิจารณาเข้ามาทำงานเพื่อเกิดขวัญและกำลังใจที่ดีสร้างแรงจูงใจ 3. วัฒนธรรมเรื่องการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาทหารต้องปฏิบัติงานตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัดจะใช้ยศเป็นตัวกำหนดฐานะของแต่ละบุคคล ผู้บังคับบัญชาจะมีสิทธิอย่างถูกต้องในการชี้ความดีความชอบ หรือความคิดของผู้ใต้บังคับบัญชาทำให้เกิดความมีระเบียบเรียบร้อย และความเด็ดขาดในการปกครอง | เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ทำให้ขาดความต่อเนื่องในนโยบายการบริหารระดับสูงซึ่งเกิดจากนโยบายของแต่ละบุคคลที่พยายามจะนำเสนอแนวทางการบริหารงานตามที่ตัวเองเห็นสมควร ซึ่งจะมีผลกระทบกับแนวทางการพัฒนากองทัพในระยะยาว เนื่องจากผู้บังคับบัญชามีอำนาจเด็ดขาด ดังนั้นถ้าผู้บังคับบัญชาไม่มีจิตสำนึกหรือการมีภาวะผู้นำที่ดี ก็อาจจะส่งผลต่อการปฏิบัติงาน และวางตัวในบทบาทหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ ผู้ใต้บังคับบัญชาอาจไม่นำเสนอแนวความคิดหรือตัดสินใจในแนวทางที่คิดว่าตัวเองถูกในสถานการณ์ขณะนั้น รวมทั้งไม่สามารถแนะนำความถูกต้องในกรณีที่ผู้บังคับบัญชากระทำหน้าที่โดยบกพร่อง |
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ดารม อาจารย์ยม นาคสุข
อาจารย์พจนารถ ซีบังเกิดและเพื่อนๆ รปม.3
พวกเรา รปม.3 ได้สูญเสียเพื่อนร่วมรุ่นที่แสนดีคนหนึ่งไปอย่างน่าเสียดาย น่าใจหาย " โอ๋ "
จ.อ.สราวุฒิ เป็นเพื่อนที่น่ารัก เป็นคนร่าเริง พูดคุยเก่ง เป็นเพื่อนที่มีน้ำใจดี ตั้งใจเรียน และมีความตั้งใจที่จะเรียนให้จบภายใน 2 ปี แต่ก็น่าเสียดายจริงๆที่ต้องมาด่วนจบชีวิตลง โดยที่ยังไม่ทำความฝันให้เป็นความจริง ถ้าดวงวิญญาณมีจริง ขอให้โอ๋ได้รับรู้ไว้ว่าพวกเรา รัก และจะไม่ลืม โอ๋ เพื่อนที่แสนดีคนนี้เลย และขอให้โอ๋ ไปสู่สุขคติ พวกเราขอไว้อาลัยและขอจดจำเพื่อนไว้ไม่มีวันลืม
ขอให้เพื่อนๆดูรูปถ่ายรูปสุดท้ายของโอ๋ ในห้องเรียนได้ใน Blog นี้ รูปแรกแต่ก็เป็นรูปสุดท้ายของเพื่อน
ไม่อยากจะเชื่อเลย
ดิฉันขออนุญาตใช้ Blog นี้แจ้งกำหนดการฌาปนกิจศพของ โอ๋ ค่ะ
จะทำการฌาปนกิจศพในวันที่ 25 มกราคม 2550 (วันพรุ่งนี้) เวลา 16.00 น. ณ วัดเขาน้อย
อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถ้าเพื่อนๆคนไหนสะดวก ก็ขอเชิญไปร่วมกันส่งดวงวิญญานของ โอ๋
เป็นครั้งสุดท้ายด้วย
ด้วยรักและอาลัย
อาลัยรัก
สราวุฒิ นวมน้อย (โอ๋)
อนิจจัง
วันนี้รุ่งพรุ่งนี้ร่วงดวงไม่แน่ วันนี้แย่พรุ่งนี้ยังกลับดังได้
วันนี้ดังพรุ่งนี้ดับกลับเปลี่ยนไป จงรู้ไว้ทุกชีวิตอนิจจัง ฯความตาย
เช้า เห็นหน้ากันอยู่ สายตาย
สาย อยู่สุขสนุกสบาย บ่ายม้วย
บ่าย รื่นชื่นรวยราย เย็นดับ ชีพนา
เย็น เล่นลูกอยู่ด้วย ค่ำม้วยอาสัญ
รักและอาลัยเพื่อนๆ รป.ม รุ่นที่ 3
โอ้ดอกไม้วันนี้สีสลด กลีบก็หดใบก็เหี่ยวเสียวหนักหนา
คิดถึงเธอเท่าไรเธอไม่มา ทำไมหนาทำไมเธอไม่มี ฯ อาลัยรักจากแม่และพ่อ เมื่อได้รู้ว่าต้องพรากจากไกลลูก ความชื่นสุขที่เคยมีพลอยหนีหายมีแต่เศร้าเช้าเย็นไม่เว้นวาย ทุกข์ไม่คลายแม้จะผ่านนานเป็นเดือน
เห็นลูกเขาเศร้าใจได้แต่คิด ด้วยดวงจิตปวดใจคล้ายถูกเฉือน
ภาพความหลังครั้งใดไม่เคยเลือน ได้แต่เตือนตอกใจให้ต้องตรม
ฝากความรักมากมายไว้กับลูก ความพันผูกมีมากจริงยิ่งขืนขม
อุ้มท้องมาหวังว่าจะชื่นชม แต่ต้องล้มเลิกไปเมื่อไกลกัน
ตะวันคล้อยลาลับหลับหรือตื่น ยามค่ำคืนทุกข์ในได้แต่ฝัน
ชอกช้ำใจคิดถึงลูกทุกวี่วัน แล้ววันนั้นวันไหนหนอได้คลอเคลีย…ฯ
สู่สุคติสัมปรายภพเถิด “โอ๋”
...สราวุฒิ นวมน้อย... ด้วยรักและอาลัยยิ่งคณาจารย์และเพื่อนๆ
รป.ม.รุ่นที่ 3 สวนสุนันทา