MPA ม.ราชภัฏสวนสุนันทา / HR


มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา รุ่นที่ 3

สวัสดีลูกศิษย์กลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และชาว Blog ทุกท่าน

         ในวันเสาร์ที่ 13 มกราคม นี้ เป็นวันแรกครับ ที่ผมได้รับเชิญให้ไปสอนในรายวิชา  การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ให้กับคณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ซึ่งเป็นรุ่นที่ 3 สำหรับการมาสอนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา สำหรับผมครับ

        โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องการบริหารทรัพยากรมนุษย์นั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนและทุกองค์กรควรจะให้ความสนใจอย่างยิ่งครับ เพราะคนเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร ครับ

         และ ก็อย่างเช่นทุก ๆ กลุ่มที่ผ่านมาที่ผมอยากจะให้ความรู้ที่เกิดขึ้นในห้องเรียนได้ถูกนำมาประมวลสรุป และถ่ายทอดไปสู่คนอื่น ๆ ในสังคมด้วย ก็ขอให้ใช้ Blog นี้เป็นสื่อกลางของพวกเรา

          สำหรับผู้ที่สนใจที่จะเข้าไปดูข้อมูลของรุ่นก่อนนี้ก็ คลิ๊กไปที่ Blog:MPA ม.ราชภัฏสวนสุนันทา/HR ครับ

                                   จีระ  หงส์ลดารมภ์

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 72325เขียนเมื่อ 12 มกราคม 2007 16:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (135)
สวัสดีครับ ลูกศิษย์ ม.ราชภัฏสวนสุนันทา และชาว Blog ทุกท่าน
        เมื่อวันเสาร์ที่ 13 มกราคม นี้ ผมมาสอนให้กับ นักศึกษา ม.ราชภัฏสวนสุนันทา ซึ่งวันนี้เป็นวันแรกของหลักสูตรทีผมสอนครับ ในช่วงเช้า ผมได้เริ่มต้นการสอนด้วยการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็นว่า การเรียนเรื่องการบริหารทรัพยากรมนุษย์นั้น จะสามารถช่วยตนเอง และองค์กรของแต่ละคนอย่างไร หลังจากนั้น ผมได้ นำหลักแนวคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ท่านได้ตรัสถึงปรัชญาของการบริหารของพระองค์ท่าน
วิธีการคิด 4 แนว ก่อนที่จะเริ่มทำงานใดๆ ให้คิดถึงสิ่งต่อไปนี้ 
1) ทำอะไร
2) ทำอย่างไร
3) ทำเพื่อใคร
4) ทำแล้วได้อะไร
และ6 หลักการในการทำงาน
1) คิด Macro ทำ Micro
2) ทำเป็นขั้นเป็นตอน
3) ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย
4) ทำอะไรให้นึกถึงภูมิสังคมของที่นั้นๆ
5) การสื่อความ การประสานงาน และการบูรณาการ (Communication, Coordination, Integration)
6) ทำอะไรต้องมีผู้เป็นเจ้าของ
         ตามด้วย ทฤษฎี 4L’s  ซึ่งผมก็ได้ปฏิบัติให้นักศึกษา เพื่อเป็นแบบอย่างด้วยครับ และผมยังได้ให้นักศึกษาลองเอาไปปฏิบัติในที่ทำงานด้วยครับ อันประกอบด้วย
  • Learning Methodology  เข้าใจวิธีการเรียนรู้        
       ผมใช้วิธีการเรียนแบบ Teamwork โดยเริ่มต้นด้วยการจัดโต๊ะแบ่งเป็น 6 กลุ่มครับ กลุ่มละ 8 คน และใช้วิธีการกระตุ้นที่ให้นักศึกษาใช้ความคิดตลอดเวลาครับ
  • Learning Environment    การสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้       
       ผมแสดงตัวอย่างโดยการปรับเปลี่ยนห้องเรียนเป็นรูปแบบใหม่ทั้งหมด จากโต๊ะที่แต่เดิมจัดแบบ Class room ผมก็นำมาแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ  ได้ให้เคลื่อนย้ายเก้าอี้และโต๊ะที่ไม่ได้ใช้งานออกให้หมด เพื่อให้ห้องรู้สึกโล่งสบายครับ  นอกจากนั้นผมได้ให้ทีมงานนำดอกไม้สดมาวางไว้ทุกโต๊ะ และประดับห้อง เพื่อสร้างบรรยากาศที่สดชื่น และรู้สึกไม่เครียดเวลาเรียนครับ
  • Learning Opportunity   การสร้างโอกาสแห่งการเรียนรู้       
       ผมได้เปิดโอกาสให้นักศึกษาทุกคนแสดงความคิดเห็น มีการถามตอบกับอาจารย์เพื่อนฝูง รวมถึงให้ปรึกษากับเพื่อน ๆ ในกลุ่มเพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยครับ โดยในช่วง Break ผมเปิดโอกาสให้ตัวแทนของกลุ่มแต่ละกลุ่มเข้ามานั่งคุย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับ
  • Learning Community   การสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้         
       ผมได้นำหนังสือดี ๆ มาจัดเป็นห้องสมุดให้นักศึกษายืมอ่านด้วยครับ และได้บอกว่า เมื่อนักศึกษาเรียนกับผมแล้วควรนำไปต่อยอด ในการสร้างคนอื่น ๆ ให้เป็นสังคมการเรียนรู้ตามด้วยครับ
       ก่อนที่จะจบในช่วงเช้านั้น ผมได้นำ Quotation ของนักคิด และนักปฏิบัติเก่ง ๆ มาฝากนักศึกษาครับ ซึ่งทำให้มีประเด็นสำหรับการทำ Workshop ในช่วงเช้า "ให้วิเคราะห์ว่าจากอดีตเพราะเหตุใดที่ประเทศไทยทำให้ปัจจุบันไม่สนใจ และไม่เก่งในเรื่องการพัฒนาคน" ซึ่งแต่ละกลุ่มก็ได้ให้แนวคิดที่น่าสนใจทีเดียวครับ มาถึงในช่วงบ่าย ผมเน้นให้นักศึกษา พยายามเรียนรู้โดยให้จับประเด็นให้ได้ครับ ซึ่งผมได้ใช้เป็นประจำคือ ทฤษฏี 2 R’s คือ Reality ความเป็นจริง และ Relevance คือ ตรงประเด็น ครับ และให้แต่ละกลุ่มเสนอวิธี การหาความรู้ในตอนเช้าว่านอกจากการดูหนังสือพิมพ์ และโทรทัศน์แล้วมีวิธีการหาความรู้อย่างไรครับ หลังจากพัก Break แล้ว ผมได้เปิดเทปรายการสู่ศตวรรษใหม่ ระหว่าง คุณพารณ อิสรเสนา ณ อยุธยา และผม ซึ่งผมคิดว่า เป็นเทปที่ Classic และนำไปใช้ได้ตลอดครับ เพราะท่านพารณ นั้นท่านมีแนวคิด ที่เกิดจากการเรียนรู้และการปฏิบัติแท้จริง และเห็นผลมาแล้วครับ
 ตอนท้ายชั่วโมง ผมได้ให้นักศึกษาแต่ละคน สรุปประเด็นคนละ 1 เรื่องจากการสอนของผมในวันนั้น ซึ่งน่าสนใจทีเดียวครับ  ซึ่งผมก็ขอสรุปมาให้เป็นตัวอย่างดังนี้ครับ
กลุ่มที่ 4 ได้ในเรื่องการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้, การคิด และการมองแบบ Macro, การคิดว่าคนเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดในองค์กร, การนำไปปฏิบัติให้เกิดผล , การนำทฤษฎี 2 R’s ไปปฏิบัติ และการมีส่วนร่วมครับ
กลุ่มที่ 5 ได้ในเรื่องการปลูกข้าวต้องรู้จักเก็บเกี่ยว , การเรียนรู้ตลอดเวลา, การทำงานของภาคเอกชนและราชการแม้เงื่อนไขไม่เหมือนกันและเป้าหมายเดียวกัน, และองค์กรจะดีหรือไม่นั้นต้องอยู่ที่คน
กลุ่มที่ 3 ทำให้ได้รู้จักคนเก่ง ๆ เห็นว่าทุกเรื่องนั้นมีคุณค่า และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง, ได้หลักแนวคิดและการบริหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว , ทรัพยากรมนุษย์นั้นเป็นกำไรไม่ใช่ต้นทุน, การเชี่อมั่นในศักยภาพของคน สอนให้รู้จักใช้เบ็ดหาปลา, การเรียนเป็นทีม และ ดูการสอนที่มีลักษณะเป็นทีมเป็นแบบอย่าง
กลุ่มที่ 1  นอกจากกำไร แล้วยังได้ทุนเพิ่ม, ได้แนวคิดใหม่ และจะนำไปพัฒนาชุมชนบ้านเกิด, รู้จักการรับผิดชอบต่อหน้าที่ และการบริหารแต่ละวัน, ปรับพฤติกรรมตนเอง, คิดตลอดเวลาไม่หยุดนิ่ง
กลุ่มที่ 6 การแบ่งหน้าที่ในทำงานเป็นทีมเพื่องานมีประสิทธิภาพ, การไปช่วยต่อยอดในวิชาอื่น ๆ, ความเชื่อมันในตนเองและกล้านำเสนอ
กลุ่มที่ 2 จากสุภาษิตจีน ปลูกคนต้องใช้เวลาทั้งชีวิต เข้าใจ แต่ต้องทำเรื่อย ๆ, คนเราต้องรู้จักคิดที่แตกต่างจากเดิม และ ไม่ Fix idea, ต้องรู้จักคิด และรู้จักทำ และต้องเรียนรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงภายนอก 

      โดยก่อนกลับบ้านผมก็ได้ฝากการบ้านให้นักศึกษาอ่านหนังสือเรื่องทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้ และแสดงความคิดเห็นตอบมาใน Blog ว่าหลังจากอ่านแล้ว นักศึกษาคิดว่าจะเป็นประโยชน์และนำไปใช้กับตนเอง  องค์กร และประเทศชาติอย่างไรครับ

 

                              จีระ  หงส์ลดารมภ์

สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ นักศึกษา MPA สวนสุนันทาฯ และท่านผู้อ่านทุกท่าน  วันนี้ ผมได้รับเกียรติ จาก ศ.ดร.จีระ ให้เข้าไปสอน นักศึกษา MPA ที่สวนสุนันทา  ขอขอบคุณ ศ.ดร.จีระ ที่ให้เปิดโอกาสให้ผมได้มีส่วนร่วมกันการเรียน การสอนครั้งนี้  รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสรู้จักนักศึกษาทุกคน  ในวิชา การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ผมได้พูดถึง ภาพรวมการบริหารทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่  โดยเน้นให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งภาครัฐและเอกชน มีกรอบแนวทางสอน สรุปได้ดังนี้ ส่วนที่ 1  ยุคโลกาภิวัตน์ กับ HRM, HRM processesl      การเปลี่ยนแปลง + ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อ HRM  l      การบริหาร HRM บริบทการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยl      ความหมาย HRM  ภาพรวมกระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ภาครัฐและเอกชนl      แนวโน้มการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ในปัจจุบันและอนาคตl      หลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์แนวใหม่  หลักธรรมาภิบาล หลักเน้นคุณภาพ ผลงานฯ ส่วนที่ 2 ยุทธศาสตร์การบริหารทรัพยากรมนุษย์l      การจัดการเชิงยุทธศาสตร์ กระบวนการl      ยุทธศาสตร์การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ขั้นตอนการจัดทำ ส่วนที่ 3 การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ Human Resource Developmentl      ความหมายของ HRDl      การฝึกอบรม  เทคนิคการฝึกอบรม การหาความจำเป็นในการฝึกอบรมl      แนวทางการพัฒนาตนเองl      การบริหารจัดการจริยธรรมในทรัพยากรมนุษย์l      การจูงใจ MOTIVATION ส่วนที่ 4 กิจกรรมกลุ่ม แลกเปลี่ยนความคิดเห็นl      แบ่งกลุ่ม อภิปราย l      ประเด็นที่ 1 วันนี้ เรียนรู้ ได้ประเด็นอะไร ที่ตนเองได้ และสนใจ อย่างน้อย 3 ประเด็นl      ประเด็นที่ 2 การบริหารทรัพยากรมนุษย์  ของรัฐ ท่านคิดว่ามีปัญหาอะไรบ้าง  3 ข้อl      ประเด็นที่ 3 ข้อเสนอแนะให้รัฐบาล องค์การ ฯ ในการแก้ไขปัญหา ให้ภาครัฐ 3 ข้อl      ตอบ ข้อซักถาม

l      กำหนดส่ง blog (รายงานเดี่ยว ใน 3 ประเด็นที่กล่าวมา) ส่งได้ตั้งแต่วันจันทร์ ที่ 15 ม.ค.-19 ม.ค. 2550

 

 

ได้แนะนำให้นักศึกษาอ่านหนังสือประกอบ ชื่อ Good to Great และแนะนำให้รู้จักค้นคว้า หาความรู้จากเว็ป google.com 

 

 

การอภิปรายกลุ่ม ในส่วนที่ 4 ทั้ง 3 ประเด็น  เพื่อต้องการให้นักศึกษา ฝึกจับประเด็นในสิ่งที่เรียน ในภาพรวมของ HR ฝึกให้ คิด วิเคราะห์และเสนอแนะอย่างเป็นระบบ ว่าเรียนแล้วได้อะไรไปบ้าง และต้องการศึกษาศักยภาพของนักศึกษาแต่ละคนว่า ใครมีศักยภาพในการเรียนรู้ ได้มากน้อยอย่างไร 

 

 

ขอให้นักศึกษา ตั้งใจตามทฤฎี 6  ท. ที่ให้ไว้ กำหนดกรอบแนวความคิดใหม่ ว่า "ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ถ้าเราคิดว่าเราทำได้ เราจะหาหนทางแห่งความสำเร็จ"  "ไม่พูด อ้างว่า ไม่มีเวลา พูดได้ว่าจะทบทวนแผนงานใหม่ และทำให้ดีขึ้น" 

 

 

หากนักศึกษา สงสัยประการใด สอบถามมาได้ ขอให้นักศึกษาทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียน ครับ 

 

 

 

สวัสดี

 

ยม

 

081-9370144

 

[email protected]

 

[email protected]

 
ยม MPA ที่สวนสุนันทา อาทิตย์ที่ 14 ม.ค. 2550

สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ นักศึกษา MPA สวนสุนันทาฯ และท่านผู้อ่านทุกท่าน 

วันนี้ ผมได้รับเกียรติ จาก ศ.ดร.จีระ ให้เข้าไปสอน นักศึกษา MPA ที่สวนสุนันทา  ขอขอบคุณ ศ.ดร.จีระ ที่ให้เปิดโอกาสให้ผมได้มีส่วนร่วมกันการเรียน การสอนครั้งนี้  รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสรู้จักนักศึกษาทุกคน 
ในวิชา การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ผมได้พูดถึง ภาพรวมการบริหารทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่  โดยเน้นให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งภาครัฐและเอกชน มีกรอบแนวทางสอน สรุปได้ดังนี้ 
ส่วนที่ 1  ยุคโลกาภิวัตน์ กับ HRM, HRM processes
  •  การเปลี่ยนแปลง + ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อ HRM 
  • การบริหาร HRM บริบทการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทย
  •  ความหมาย HRM  ภาพรวมกระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ภาครัฐและเอกชน
  • แนวโน้มการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ในปัจจุบันและอนาคต
  •  หลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์แนวใหม่  หลักธรรมาภิบาล หลักเน้นคุณภาพ ผลงานฯ 

 

ส่วนที่ 2 ยุทธศาสตร์การบริหารทรัพยากรมนุษย์

  •  การจัดการเชิงยุทธศาสตร์ กระบวนการ
  •   ยุทธศาสตร์การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ขั้นตอนการจัดทำ 

 

ส่วนที่ 3 การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ Human Resource Development

  • ความหมายของ HRD
  • การฝึกอบรม  เทคนิคการฝึกอบรม การหาความจำเป็นในการฝึกอบรม
  •   แนวทางการพัฒนาตนเอง
  • การบริหารจัดการจริยธรรมในทรัพยากรมนุษย์
  •  การจูงใจ MOTIVATION 

 

ส่วนที่ 4 กิจกรรมกลุ่ม แลกเปลี่ยนความคิดเห็น

  •  แบ่งกลุ่ม อภิปราย
  • ประเด็นที่ 1 วันนี้ เรียนรู้ ได้ประเด็นอะไร ที่ตนเองได้ และสนใจ อย่างน้อย 3 ประเด็น
  •  ประเด็นที่ 2 การบริหารทรัพยากรมนุษย์  ของรัฐ ท่านคิดว่ามีปัญหาอะไรบ้าง  3 ข้อ
  • ประเด็นที่ 3 ข้อเสนอแนะให้รัฐบาล องค์การ ฯ ในการแก้ไขปัญหา ให้ภาครัฐ 3 ข้อ
  •  ตอบ ข้อซักถาม 

  กำหนดส่ง blog (รายงานเดี่ยว ใน 3 ประเด็นที่กล่าวมา) ส่งได้ตั้งแต่วันจันทร์ ที่ 15 ม.ค.-19 ม.ค. 2550

ผมแนะนำให้นักศึกษาอ่านหนังสือประกอบ ชื่อ Good to Great และรู้จักค้นคว้า หาความรู้จากเว็ป google.com  ทุกวัน

 

การอภิปรายกลุ่ม ในส่วนที่ 4 ทั้ง 3 ประเด็น  เพื่อต้องการให้นักศึกษา ฝึกจับประเด็นในสิ่งที่เรียน ในภาพรวมของ HR ฝึกให้ คิด วิเคราะห์และเสนอแนะอย่างเป็นระบบ ว่าเรียนแล้วได้อะไรไปบ้าง และต้องการศึกษาศักยภาพของนักศึกษาแต่ละคนว่า ใครมีศักยภาพในการเรียนรู้ ได้มากน้อยอย่างไร 

 

ขอให้นักศึกษา ตั้งใจตามทฤฎี 6  ท. ที่ให้ไว้ กำหนดกรอบแนวความคิดใหม่ ว่า "ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ถ้าเราคิดว่าเราทำได้ เราจะหาหนทางแห่งความสำเร็จ" 

"ไม่พูด อ้างว่า ไม่มีเวลา พูดได้ว่าจะทบทวนแผนงานใหม่ และทำให้ดีขึ้น" 

 

หากนักศึกษา สงสัยประการใด เกี่ยวการส่ง blog สอบถามมาได้ที่ผม ขอให้นักศึกษาทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียน ครับ 

 

สวัสดี

ยม

081-9370144

[email protected] 

[email protected]

ยม MPA ที่สวนสุนันทา อาทิตย์ที่ 14 ม.ค. 2550(แก้ไขเพิ่มเติม)

สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ นักศึกษา MPA สวนสุนันทาฯ และท่านผู้อ่านทุกท่าน 

วันนี้ ผมได้รับเกียรติ จาก ศ.ดร.จีระ ให้เข้าไปสอน นักศึกษา MPA ที่สวนสุนันทา  ขอขอบคุณ ศ.ดร.จีระ ที่ให้เปิดโอกาสให้ผมได้มีส่วนร่วมกันการเรียน การสอนครั้งนี้  รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสรู้จักนักศึกษาทุกคน 
ในวิชา การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ผมได้พูดถึง ภาพรวมการบริหารทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่  โดยเน้นให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งภาครัฐและเอกชน มีกรอบแนวทางสอน สรุปได้ดังนี้ 
ส่วนที่ 1  ยุคโลกาภิวัตน์ กับ HRM, HRM processes
  •  การเปลี่ยนแปลง + ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อ HRM 
  • การบริหาร HRM บริบทการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทย
  •  ความหมาย HRM  ภาพรวมกระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ภาครัฐและเอกชน
  • แนวโน้มการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ในปัจจุบันและอนาคต
  •  หลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์แนวใหม่  หลักธรรมาภิบาล หลักเน้นคุณภาพ ผลงานฯ 

ส่วนที่ 2 ยุทธศาสตร์การบริหารทรัพยากรมนุษย์

  •  การจัดการเชิงยุทธศาสตร์ กระบวนการ
  •   ยุทธศาสตร์การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ขั้นตอนการจัดทำ 

ส่วนที่ 3 การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ Human Resource Development

  • ความหมายของ HRD
  • การฝึกอบรม  เทคนิคการฝึกอบรม การหาความจำเป็นในการฝึกอบรม
  •   แนวทางการพัฒนาตนเอง
  • การบริหารจัดการจริยธรรมในทรัพยากรมนุษย์
  •  การจูงใจ MOTIVATION 

ส่วนที่ 4 กิจกรรมกลุ่ม แลกเปลี่ยนความคิดเห็น

  •  แบ่งกลุ่ม อภิปราย
  • ประเด็นที่ 1 วันนี้ เรียนรู้ ได้ประเด็นอะไร ที่ตนเองได้ และสนใจ อย่างน้อย 3 ประเด็น
  •  ประเด็นที่ 2 การบริหารทรัพยากรมนุษย์  ของรัฐ ท่านคิดว่ามีปัญหาอะไรบ้าง  3 ข้อ
  • ประเด็นที่ 3 ข้อเสนอแนะให้รัฐบาล องค์การ ฯ ในการแก้ไขปัญหา ให้ภาครัฐ 3 ข้อ
  •  ตอบ ข้อซักถาม 

 กำหนดส่ง blog (รายงานเดี่ยว ใน 3 ประเด็นที่กล่าวมา) ส่งได้ตั้งแต่วันจันทร์ ที่ 15 ม.ค.-19 ม.ค. 2550

 

ผมแนะนำให้นักศึกษาเพิ่มเติมจากที่ผมแชร์ไอเดีย เกี่ยวกับ HRM และ การเป็นผู้นำ จากหนังสือ Good to Great หรือที่ http://gotoknow.org/blog/HRM-YOM5/57899 และแนะนำให้รู้จักค้นคว้า หาความรู้จากฺBlog ของอาจารย์ในส่วนที่เป็นของมหาวิทยาลัยอื่น ที่อาจารย์ไปสอน และแนะนำให้นักศึกษาค้นหาความรู้จาก www.google.com  ทุกวัน

การอภิปรายกลุ่ม ในส่วนที่ 4 ทั้ง 3 ประเด็น  เพื่อต้องการให้นักศึกษา ฝึกจับประเด็นในสิ่งที่เรียน ในภาพรวมของ HR ฝึกให้ คิด วิเคราะห์และเสนอแนะอย่างเป็นระบบ ว่าเรียนแล้วได้อะไรไปบ้าง และต้องการศึกษาศักยภาพของนักศึกษาแต่ละคนว่า ใครมีศักยภาพในการเรียนรู้ ได้มากน้อยอย่างไร 

ขอให้นักศึกษา ตั้งใจตามทฤฎี 6  ท. ที่ให้ไว้ กำหนดกรอบแนวความคิดใหม่ ว่า

"ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ถ้าเราคิดว่าเราทำได้ เราจะหาหนทางแห่งความสำเร็จ" 

"ไม่พูด อ้างว่า ไม่มีเวลา พูดได้ว่าจะทบทวนแผนงานใหม่ และทำให้ดีขึ้น" 

หากนักศึกษา สงสัยประการใด เกี่ยวการส่ง blog สอบถามมาได้ที่ผม ขอให้นักศึกษาทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียน ครับ 

นักศึกษาที่ถ่ายภาพไว้  ช่วยกรุณาส่งภาพมาให้ที่ Email address ผมด้วยจักขอบใจเป็นอย่างยิ่ง

สวัสดี

ยม

081-9370144

[email protected] 

[email protected]

ร้อยตรีหญิง ผลึกพร อนันตพงษ์ รหัสนักศึกษา 49038010018

การบ้าน เสนอ อาจารย์ ยม  นาคสุข

เรียนเมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2550 ประเด็นที่ 1 วันนี้เรียนรู้ ได้ประเด็นอะไรที่ตนเองสนใจตอบ          การสร้างอำนาจในการบริหารทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่มี 5 ข้อได้แก่-         อำนาจสร้างได้ด้วยการให้ เช่น ให้โอกาส ให้ความรู้ ให้อภัย ให้ทาน และให้ความรัก-         อำนาจสร้างได้ด้วยการติ เช่น ติเพื่อปรังปรุงข้อบกพร่องให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องดูเวลาสถานที่บุคคลให้เหมาะสม-         อำนาจสร้างได้ด้วยการเป็นผู้รู้มากกว่า เช่น เมื่อมีโอกาสต้องโชว์ ก็พร้อมที่จะกล้าแสดงออก-         อำนาจสร้างด้วยการอ้างอิง เช่น อ้างถึงคำสั่ง หรืออ้างถึงงานที่เกี่ยวข้อง-         อำนาจสร้างด้วยทางนิติกรรม เช่น ประกาศ คำสั่ง แต่งตั้ง และมติในที่ประชุมที่คนส่วนใหญ่ยอมรับ ประเด็นที่ 2 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของรัฐ ท่านคิดว่ามีปัญหาอะไรบ้าง 3 ข้อตอบ  - คน และระบบ- พัฒนาเทคโนโลยี แต่ไม่พัฒนาคน- อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่คนๆเดียว- อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ผู้บริหารประเทศ ประเด็นที่ 3 ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาให้ภาครัฐ 3 ข้อตอบ  - ผู้บริหารต้องเปิดใจและเปิดโอกาสให้ลูกน้องรวมทั้งข้าราชการมีส่วนร่วม-         ฝึกคนเพื่อรองรับเทคโนโลยี และสภาพแวดล้อม ฝึกอบรมคนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และพัฒนาคนให้ก้าวทันกับเทคโนโลยี

-         ใช้หลักธรรมาภิบาล เช่น มีคุณธรรมไม่เห็นแก่พวกพ้อง หรือเงินสินน้ำใจ มีความซื่อสัตย์ รักองค์กรของตัวเอง และไม่มีความคิดอิจฉาริษยาเมื่อเห็นผู้อื่นมีความเจริญก้าวหน้า

หลักบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี (Good Governance)- หลักนิติธรรม- หลักคุณธรรม- หลักความโปร่งใส- หลักการมีส่วนร่วม- หลักความรับผิดชอบ- หลักความคุ้มค่า                

เรียน  ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ยม  นาคสุข

        เป้าหมายที่ดิฉันมาเรียนปริญญาโท ที่นี่นอกจากจะต้องสำเร็จการศึกษาภายในเวลา 2 ปีแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดจะต้องได้รับความร้ใหม่เพิ่มเติมเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาองค์กร  พัฒนาตนเอง  พัฒนาสังคม ได้ร้เครือข่ายแลกเปลี่ยนองค์ความร้และประสบการณ์ซึ่งกันและกัน วิชาที่คาดหวังสูงเป็นพิเศษในหลาย ๆ วิชาคือ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ เนื่องจากตรงกับงานที่รับผิดชอบมากที่สุด

          จากการเรียนวิชาบริหารทรัพยากรมนุษย์กับ ศ.ดร.จีระ และ อจ.ยม เมื่อวันที่ 13-14 ม.ค. 50 ดิฉันได้รับความร้ใหม่ ๆ มากมายหลายเรื่อง เช่น เรื่องวิธีการคิด 4 แนวคือทำอะไร ทำอย่างไร  ทำเพื่อใคร  ทำแล้วได้อะไร Framework  and Concept ตามทฤษฎี4L's   การสร้างอำนาจ 5 ประการ  ทฤษฎี  6 ท   ปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบกับองค์คือ P E S T   และที่ชอบมากทีสุดคือ ทฤษฎี 2 R ได้แก่  Realityมองความจริง และ Relevance ตรงประเด็น   เนื่องจากที่ผ่านมาปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมเราจะไม่มองความจริงและแก้ไขไม่ตรงประเด็นมีการประชุมคณะกรรมการมากมายหลายคณะเพื่อแก้ไขปัญหาจะมีการพูดกันมากมายแต่จะมีกี่คนที่ศึกษาหาข้อมูล  ทำการบ้าน และร้ความจริงแต่ไหน ตรงประเด็นหรือไม่   ชอบมีข้อสังเกต แต่ไม่มีข้อเสนอแนวทางการแก้ไข  ควรนำ  2R ไปใช้ ชอบมากที่ อาจารย์พูดว่าสิ่งสำคัญและยากที่สุดคือการนำความร้ที่ได้รับไปใช้กับความจริงตามสภาพแวดล้อม

      สรุปสิ่งที่ได้รับจากอาจารย์นอกจากความร้ทางวิชาการแล้ว ยังได้ประสบการณ์ดี ๆ มากมาย ที่สำคัญคือทัศนคติที่ดีในการคิด วิเคราะห์  การมองปัญหา   ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทันทีกับตนเองโดยต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะปรับพฤติกรรมตนเองก่อน  ดังนี้

     1.  ต้องติดตามข่าวสารต่าง ๆ ให้ สด  ใหม่  ทันสมัย อย่เสมอ 

     2. นำศาสตร์สาขาต่าง ๆ  มาบูรณาการ  พุทธศาสตร์ ฆเข้าได้กับทุกเรื่อง และมองทุกเรื่อง 2 ด้านเสมอ ทั้งด้านบวก ด้านลบ

     3.  การคิดให้คิดทางบวก คิดอย่างสร้างสรรค์ มองปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้มองภาพใหญ่  คิดถึงส่วนรวมมากกว่าตนเอง

      4.  งานทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยทีม

      5.  การทำงานทุกอย่างต้องมีเป้าหมายชัดเจน และดำเนินการตามขั้นตอน

      ไม่ใช่การบ้านที่อาจารย์มอบหมายนะคะ  แต่เป็นความร้สึกดี ๆ ที่ประทับใจขอความกรุณา อจ. ยม ส่งแบบสอบถามเรื่องการวัดทัศนคติในการทำงาน ซึ่งจะให้เป็นวิทยาทานกับลูกศิษย์ และหากไม่รบกวนเกินไปถ้ามีเรื่องคุณภาพชีวิตกับการทำงานก็ขอความกรุณาด้วยนะคะ  ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ

       ก่อนจบขอบอกอีกครั้งว่าการได้เรียนวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์กับอาจารย์ สิ่งที่ได้รับเกินความคาดหวังมากค่ะ  สวัสดีค่ะ

   

 

     

สวัสดี ศ.ดร.จีระ นักศึกษา และท่านผู้อ่านทุกท่าน

นักศึกษาคนแรก ที่ส่งความคิดเห็นในสิ่งที่ผมขอไว้ คือ ร้อยตรีหญิง ผลึกพร อนันตพงษ์  ผมขอชื่นชม ให้เป็นนักศึกษาตัวอย่าง ในเรื่องของความรวดเร็ว เดี๋ยวนี้ ความเร็ว เป็นปัจจัยหนึ่งในการสร้างความสำเร็จ

 

อย่าลืมว่า การเขียน การพูด มี สาม steps คือ หนึ่ง เปิดประเด็น  สอง ดำเนินเรื่อง สามสรุป แสดงความเห็น เสนอแนะ

เมื่อเปิดประเด็นใน Blog ขอให้กล่าวถีง อาจารย์ผมด้วยทุกครั้ง คือ ศ.ดร.จีระ เพราะไม่มีท่าน ก็ไม่มีผมใน Blog นี้ ต้องขอย้ำ กับนักศึกษา

การดำเนินเรื่อง ต้องตรงประเด็นที่ขอไว้ คือ ได้เรียนรู้อะไร 3 ประเด็น  การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ในบ้านเรา มีปัญหาอะไร 3 ประเด็น  ข้อเสนอแนะในการแก้ไข ป้องกันปัญหาดังกล่าว อย่างน้อย 3 ประเด็น

 ตอนสรุป ควรต้องเสนอแนะ สั้น ๆ ว่ามีความเห็นอย่างไร สรุปได้อย่างไร

 

ขอให้นักศึกษา ใช้แนวทาง 6 ท. ที่ให้ไว้ มาใช้ จะทำให้ทำได้ดียิ่งขึ้น

 ขอให้นักศึกษา และผู้อ่านทุกท่านโชคดี

สวัสดี

ยม

 

 

 

 

ศรีปัญญา วัชนาค รปม. รุ่นุ 3 รหัสนักศึกษา 49038010022

เรียน  ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ยม  นาคสุข

        เป้าหมายที่ดิฉันมาเรียนปริญญาโท ที่นี่นอกจากจะต้องสำเร็จการศึกษาภายในเวลา 2 ปีแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดจะต้องได้รับความร้ใหม่เพิ่มเติมเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาองค์กร  พัฒนาตนเอง  พัฒนาสังคม ได้ร้เครือข่ายแลกเปลี่ยนองค์ความร้และประสบการณ์ซึ่งกันและกัน วิชาที่คาดหวังสูงเป็นพิเศษในหลาย ๆ วิชาคือ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ เนื่องจากตรงกับงานที่รับผิดชอบมากที่สุด

          จากการเรียนวิชาบริหารทรัพยากรมนุษย์กับ ศ.ดร.จีระ และ อจ.ยม เมื่อวันที่ 13-14 ม.ค. 50 ดิฉันได้รับความร้ใหม่ ๆ มากมายหลายเรื่อง เช่น เรื่องวิธีการคิด 4 แนวคือทำอะไร ทำอย่างไร  ทำเพื่อใคร  ทำแล้วได้อะไร Framework  and Concept ตามทฤษฎี4L's   การสร้างอำนาจ 5 ประการ  ทฤษฎี  6 ท   ปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบกับองค์คือ P E S T   และที่ชอบมากทีสุดคือ ทฤษฎี 2 R ได้แก่  Realityมองความจริง และ Relevance ตรงประเด็น   เนื่องจากที่ผ่านมาปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมเราจะไม่มองความจริงและแก้ไขไม่ตรงประเด็นมีการประชุมคณะกรรมการมากมายหลายคณะเพื่อแก้ไขปัญหาจะมีการพูดกันมากมายแต่จะมีกี่คนที่ศึกษาหาข้อมูล  ทำการบ้าน และร้ความจริงแต่ไหน ตรงประเด็นหรือไม่   ชอบมีข้อสังเกต แต่ไม่มีข้อเสนอแนวทางการแก้ไข  ควรนำ  2R ไปใช้ ชอบมากที่ อาจารย์พูดว่าสิ่งสำคัญและยากที่สุดคือการนำความร้ที่ได้รับไปใช้กับความจริงตามสภาพแวดล้อม

      สรุปสิ่งที่ได้รับจากอาจารย์นอกจากความร้ทางวิชาการแล้ว ยังได้ประสบการณ์ดี ๆ มากมาย ที่สำคัญคือทัศนคติที่ดีในการคิด วิเคราะห์  การมองปัญหา   ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทันทีกับตนเองโดยต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะปรับพฤติกรรมตนเองก่อน  ดังนี้

     1.  ต้องติดตามข่าวสารต่าง ๆ ให้ สด  ใหม่  ทันสมัย อย่เสมอ 

     2. นำศาสตร์สาขาต่าง ๆ  มาบูรณาการ  พุทธศาสตร์ เข้าได้กับทุกเรื่อง และมองทุกเรื่อง 2 ด้านเสมอ ทั้งด้านบวก ด้านลบ

     3.  การคิดให้คิดทางบวก คิดอย่างสร้างสรรค์ มองปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้มองภาพใหญ่  คิดถึงส่วนรวมมากกว่าตนเอง

      4.  งานทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยทีม

      5.  การทำงานทุกอย่างต้องมีเป้าหมายชัดเจน และดำเนินการตามขั้นตอน

      ไม่ใช่การบ้านที่อาจารย์มอบหมายนะคะ  แต่เป็นความร้สึกดี ๆ ที่ประทับใจขอความกรุณา อจ. ยม ส่งแบบสอบถามเรื่องการวัดทัศนคติในการทำงาน ซึ่งจะให้เป็นวิทยาทานกับลูกศิษย์ และหากไม่รบกวนเกินไปถ้ามีเรื่องคุณภาพชีวิตกับการทำงานก็ขอความกรุณาด้วยนะคะ  ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ

       ก่อนจบขอบอกอีกครั้งว่าการได้เรียนวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์กับอาจารย์ สิ่งที่ได้รับเกินความคาดหวังมากค่ะ  สวัสดีค่ะ

   ศรีปัญญา 

   081 - 644 9670

  [email protected]

 

        

วิไลวรรณ วิไลเลิศ รปม.รุ่น 3 รหัส 49038020016
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ยม นาคสุข จากการเรียนวิชาบริหารทรัพยากรมนุษย์เมื่อวันที่ 13 - 14 มกราคม 2550  ได้รับความรู้และประสบการณ์ที่ดีมากมาย อาจารย์ยม ได้มอบหมายงานให้ส่งทาง Blog ทำให้กลับมาทบทวนว่าแต่ละวันเรียนแล้วได้อะไรบ้าง เป็นวิธีการที่ดีมาก ความจริงได้รับความรู้หลายเรื่อง แต่จะสรุปจำนวน 3 ประเด็น ๆ ละ 3 ข้อ ดังนี้ ประเด็นที่ 1 สิ่งที่ได้เรียนรู้ ได้ประโยชน์ และสนใจมาก 3 เรื่อง ได้แก่ 1. รู้ภาพรวมระบบและกระบวนการ HRM และ HRD ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ HRM และต้องพัฒนาตนเองก่อน 2. ได้รู้ทฤษฎี 6 ท. เทคนิคการสู่ความสำเร็จและก้าวหน้า - ท้าทาย ทำงานที่ยากท้าทาย - ท่าทีที่ดี ดิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี พฤติกรรมดี บุคลิกดี - เที่ยงธรรม มีคุณธรรม ธรรมาภิบาล มีธรรมทุกเรื่อง - ทองแท้ ซื่อสัตย์ สุจริต เสมอต้นเสมอปลาย - ทบทวน ค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา - ทำ ลงมือทำทุกข้อด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่น ต่อเนื่อง ไม่มีอะไรที่เราจะทำไม่ได้ถ้าตั้งใจจริง ทุกอย่างทำได้ 3.  ได้แนวทางการวิเคราะห์ตนเองเพื่อวางแผนและกำหนด เป้าหมายในชีวิตว่าจะทำอะไรดี ๆ ให้ตนเอง องค์กร และสังคมส่วนรวมได้ ประเด็นที่ 2 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ มีปัญหาอะไร 3 ข้อ 1. ไม่มีการวางแผนพัฒนาข้าราชการ ให้มีความรู้และสามารถนำความรู้มาปฏิบัติงานได้อย่างเต็มศักยภาพ 2. ไม่มีการประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างเป็นธรรม การพิจารณาความดีความชอบยังใช้ระบบอุปถัมภ์ ทำให้ผู้ที่ตั้งใจทำงานหมดขวัญและกำลังใจ 3. ค่าตอบแทนต่ำไม่สร้างแรงจูงใจในการทำงาน ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา 1. หน่วยงานภาครัฐจะต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนา ขรก. และมีแผนพัฒนาอย่างจริงจังและต่อเนี่อง และลงทุนเรื่องพัฒนาคน เทคโนโลยี ให้ งปม.อย่างเพียงพอ เปลี่ยนวิธีการพัฒนา จากเดิมที่มีแต่การอบรม เมื่อกลับไปก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์เป็นวิธีการทดลองจาก Case Study และลงมือทำเป็นทีม นำทฤษฎี 4 L’s มาประยุกต์ใช้ได้ 2. นำหลักบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี ได้แก่ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ หลักความคุ้มค่า มาใช้และมีการติดตามประเมินผลจริง ๆ เช่น นำระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานมาใช้ตามหลักการข้างต้น 3. การทำงานของภาครัฐที่มีผลกระทบกับสังคมและประชาชน ควรมีการประชาสัมพันธ์ให้รู้ถึงข้อดี ข้อเสีย ผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ต่อเนื่องและทั่วถึงทุกภาคส่วน เช่น กรณีมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ เป้นต้น ข้อเสนอแนะเป้นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวที่อาจจะเป็นประโยชน์บ้าง เป้นการแก้ไขปัญหาโดยนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ อาจารย์กรุณาให้คำแนะนำด้วย ขอบคุณค่ะ วิไลวรรณ วิไลเลิศ 081 3099367 [email protected]
วิไลวรรณ วิไลเลิศ รปม.รุ่น 3 รหัส 49038020016 เมื่อ จ. 15 ม.ค. 2550 @ 21:16 (138320)

เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ยม นาคสุข

 

 

จากการเรียนวิชาบริหารทรัพยากรมนุษย์เมื่อวันที่ 13 - 14 มกราคม 2550  ได้รับความรู้และประสบการณ์ที่ดีมากมาย  อาจารย์ยม ได้มอบหมายงานให้ส่งทาง Blog ทำให้กลับมาทบทวนว่าแต่ละวันเรียนแล้วได้อะไรบ้าง เป็นวิธีการที่ดีมาก  ความจริงได้รับความรู้หลายเรื่อง แต่จะสรุปจำนวน 3 ประเด็น ๆ ละ 3 ข้อ ดังนี้

 

ประเด็นที่ 1 สิ่งที่ได้เรียนรู้ ได้ประโยชน์ และสนใจมาก 3 เรื่อง ได้แก่

  1. รู้ภาพรวมระบบและกระบวนการ HRM และ HRD ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ HRM และต้องพัฒนาตนเองก่อน
  2. ได้รู้ทฤษฎี 6 ท. เทคนิคการสู่ความสำเร็จและก้าวหน้า - ท้าทาย ทำงานที่ยากท้าทาย - ท่าทีที่ดี ดิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี พฤติกรรมดี บุคลิกดี - เที่ยงธรรม มีคุณธรรม ธรรมาภิบาล มีธรรมทุกเรื่อง - ทองแท้ ซื่อสัตย์ สุจริต เสมอต้นเสมอปลาย - ทบทวน ค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา - ทำ ลงมือทำทุกข้อด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่น ต่อเนื่อง ไม่มีอะไรที่เราจะทำไม่ได้ถ้าตั้งใจจริง ทุกอย่างทำได้
  3. ได้แนวทางการวิเคราะห์ตนเองเพื่อวางแผนและกำหนด เป้าหมายในชีวิตว่าจะทำอะไรดี ๆ ให้ตนเอง องค์กร และสังคมส่วนรวมได้

 

 

ประเด็นที่ 2 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ มีปัญหาอะไร 3 ข้อ

  1. ไม่มีการวางแผนพัฒนาข้าราชการ ให้มีความรู้และสามารถนำความรู้มาปฏิบัติงานได้อย่างเต็มศักยภาพ
  2. ไม่มีการประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างเป็นธรรม การพิจารณาความดีความชอบยังใช้ระบบอุปถัมภ์ ทำให้ผู้ที่ตั้งใจทำงานหมดขวัญและกำลังใจ 
  3.  ค่าตอบแทนต่ำไม่สร้างแรงจูงใจในการทำงาน

 

 

ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา

  1. หน่วยงานภาครัฐจะต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนา ขรก. และมีแผนพัฒนาอย่างจริงจังและต่อเนี่อง และลงทุนเรื่องพัฒนาคน เทคโนโลยี ให้ งปม.อย่างเพียงพอ เปลี่ยนวิธีการพัฒนา จากเดิมที่มีแต่การอบรม เมื่อกลับไปก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์เป็นวิธีการทดลองจาก Case Study และลงมือทำเป็นทีม นำทฤษฎี 4 L’s มาประยุกต์ใช้ได้
  2. นำหลักบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี ได้แก่ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ หลักความคุ้มค่า มาใช้และมีการติดตามประเมินผลจริง ๆ เช่น นำระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานมาใช้ตามหลักการข้างต้น
  3. การทำงานของภาครัฐที่มีผลกระทบกับสังคมและประชาชน ควรมีการประชาสัมพันธ์ให้รู้ถึงข้อดี ข้อเสีย ผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ต่อเนื่องและทั่วถึงทุกภาคส่วน เช่น กรณีมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ เป้นต้น

 

 ข้อเสนอแนะเป้นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวที่อาจจะเป็นประโยชน์บ้าง เป้นการแก้ไขปัญหาโดยนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ อาจารย์กรุณาให้คำแนะนำด้วย   

ขอบคุณค่ะ

 

 

วิไลวรรณ วิไลเลิศ

 

081 3099367  

 

[email protected]   

 

 

ผมจัดข้อความตัวอักษรให้ใหม่(ยม)

ร้อยตรีหญิง ผลึกพร อนันตพงษ์ รหัสนักศึกษา 49038010018
เรียน ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ หนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ จากการเรียนวิชาบริหารทรัพยากรมนุษย์เมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2550 ได้กล่าวถึงประวัติ และวิธีการทำงานตลอดจนแนวความคิดในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของ นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่เครือซีเมนต์ไทยและดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อดีตผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งทั้งสองท่านมีความคิดที่เหมือนกันคือ คนเป็นสมบัติที่มีค่าสูงสุดขององค์กร ในบริษัทปูนซีเมนต์ นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ได้นำแนวคิดเรื่องความสัมพันธ์ของการเพิ่มผลผลิตกับคุณภาพของคนที่จะทำให้องค์กรไปสู่ความสำเร็จ และได้กล่าวถึงทฤษฎีของการเรียนรู้ไว้  4 L’s คือ Village that learn หมู่บ้านแห่งการเรียนรู้ School that learn โรงเรียนแห่งการเรียนรู้ Industry that learn อุตสาหกรรมแห่งการเรียนรู้ และ Nation that learn ชาติแห่งการเรียนรู้ ในขณะที่ ดร.จีระ มุ่งเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ผ่านทางสหภาพแรงงาน ลูกจ้าง ซึ่ง ดร. จีระได้ให้ทฤษฎี 4 L’s ที่แตกต่างคือ Learning Methodology เข้าใจวิธีการเรียนรู้ Learning Environment สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ Learning Opportunity สร้างโอกาสในการเรียนรู้ และ Learning community สร้างชุมชนการเรียนรู้ ซึ่งเมื่อใดที่ผู้บริหารในองค์กรเข้าถึงปรัชญาของทรัพยากรมนุษย์ที่ว่าคนถือเป็นทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดขององค์กร ย่อมหมายความว่า ผู้นำขององค์กรนั้นได้มีความเชื่อและศรัทธาในเรื่องของคน และพร้อมจะกำหนดนโยบายด้านการพัฒนาบุคลากรอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม หนังสือเล่มนี้ได้เขียนในเชิงสัมภาษณ์ความคิดเห็นของผู้ร่วมงานที่เคยร่วมงานหรือรู้จักกับบุคคลทั้งสองท่าน ซึ่งอาจจะทำให้ข้อเขียนมีลักษณะชื่นชม และ ยกย่องให้เกียรติกับบุคคลทั้งสอง อีกทั้งบุคคลทั้งสองเขียนในเชิงเล่าประสบการณ์ของตัวเองในองค์กรที่เคยทำงานมาซึ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่คือ บริษัทปูนซีเมนต์ และสถาบันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ จึงอาจจะไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับองค์กรขนาดเล็กหรือบริษัทนิติบุคคลที่มีโครงสร้างไม่ซับซ้อน        การนำแนวคิดเรื่องคนมีค่าที่สุดในองค์กรมาใช้ในการพัฒนาและปรับรูปแบบขององค์กรอย่างมีลักษณะไม่กว้างขวางและเด่นชัด เนื่องจากแต่ละองค์กรมีวัฒนธรรมที่แตกต่าง มีระบบการบริหารที่แตกต่าง และมีนโยบายที่แตกต่าง บางองค์กรยังคิดว่าผลกำไรหรือนโยบายการผลิตคือ หัวใจสำคัญมากกว่าบุคคลในองค์กรซึ่งเป็นเพียงผู้ใช้แรงงาน อีกทั้งการพัฒนาบุคคลเป็นการพัฒนาในเชิงนามธรรม ถึงแม้สร้างระบบเพื่อรองรับการพัฒนาบุคคลแต่ถ้าบุคคลนั้นยังคงไม่เห็นคุณค่าของตัวเองก็จะเกิดความสูญเปล่า ในขณะที่การพัฒนาระบบการผลิต การพัฒนาคุณภาพของผลผลิตในองค์กรสามารถมีดัชนีชี้วัดที่ชัดเจนกว่า ทำให้แนวความคิดในการพัฒนาบุคคลในแต่ละองค์กรยังไม่เกิดขึ้นในทุกองค์กร
สวัสดี ครับ ศ.ดร.จีระ และ นักศึกษา MPA สวนสุนันทาฯ ทุกคน  ขอแสดงความชื่นชม ศิษย์ ที่จัดว่าเร็วที่สุด 3 อันดับ ซึ่งส่ง blog มาเป็นสามคนแรก นับว่าเป็นความดี ส่วนดี ที่น่าเอาอย่าง ได้แก่ 
  1. ร้อยตรีหญิง ผลึกพร อนันตพงษ์ รหัสนักศึกษา 49038010018 เมื่อ อ. 14 ม.ค. 2550 @ 23:15 (137632)
  2. ศรีปัญญา วัชนาค รปม. รุ่นุ 3 รหัสนักศึกษา 49038010022 เมื่อ จ. 15 ม.ค. 2550 @ 13:43 (138044)
  3. วิไลวรรณ วิไลเลิศ รปม.รุ่น 3 รหัส 49038020016 เมื่อ จ. 15 ม.ค. 2550 @ 21:16 (138320)  

สำหรับ ร้อยตรีหญิง ผลึกพร อนันตพงษ์ ส่งมาเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งสอง paper น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง

ถ้าจะถามทั้งสามคนนี้ว่า ความสำเร็จในงานนี้ ที่สามารถทำได้เร็ว เนี่ย ทำได้อย่างไร อะไรคือปัจจัยของความสำเร็จ ให้ตอบตัวเอง และขอให้ใช้และพัฒนาปัจจัยเหล่านั้น ขยายผลไปสู่ความสำเร็จในงานอื่น ๆ

  

เมื่อเร็ว แล้ว ให้พัฒนา ดี มีคุณภาพ ยิ่ง ๆ ขึ้น และถ้ามาควบคู่กันได้คือ เร็วกว่า  ดีกว่า ก็จะยิ่งน่าภาคภูมิใจ เพราะเข้าข่ายคนทำงานดีมีประสิทธิภาพ

  ส่วนนักศึกษาที่เหลือ อย่าให้ช้า ทิ้งห่างเพื่อน มากเกินไป การทำความดี อาจต้องมีการ ฝึก ฝืน ข่มใจ บ้าง เพราะเราเป็นนักศึกษา เป็นนักพัฒนา  อย่าลืมว่า แต่ละคนเหลือเวลาที่เหลือของชีวิตไม่เท่ากัน ตามที่ผมให้แผนที่ชีวิตไว้  ขอให้ดำเนินชีวิตอย่างรอบคอบ สมดุล มีเหตุมีผล บนพื้นฐานของความรอบรู้ ความมีคุณธรรม   ขอให้นักศึกษาโชคดี  

ยม

 

081-9370144

 

[email protected] 

http://gotoknow.org/portal/yom-nark

ศรีปัญญา วัชนาค รปม. 3 รหัส 49038010022

เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อาจารย์ยม นาคสุข

    สิ่งที่ได้รับจากการเรียนวิชาบริหารทรัพยากรมนุษย์ กับอาจารย์ ศ.ดร.จีระ และอาจารย์ยม  นอกจากได้ความรู้มากมายแล้ว ยังมีโอกาสอ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้ ซึ่งมีเนื้อหาและสาระที่ดีมาก และเกิดประโยชน์อย่างมาก หากนำไปประยุกต์ใช้ เริ่มตั้งแต่ วิธีการคิด

 -คิดไกลมองเป้าหมายระยะยาวอย่างชัดเจนว่าการพัฒนา ทรัพยากมนุษย์ต้องใช้เวลาแต่จะเกิดผลดีกับประเทศชาติอย่างยั่งยืน

 -คิดถึงงานและเป้าหมายและผลที่จะได้รับก่อนคิดถึงเรื่องเงิน

 -การทำงานคิดถึงคุณภาพของงานมากกว่าเรื่องทุน  

-เกิดมาเพื่อจะเรียนและเรียนรู้อย่างสนุกเพื่อนำมาใช้ประโยชน์

-เป็นคนที่ไม่รู้จักคำว่าไม่รู้และพร้อมที่จะเรียนรู้และแสวงหาความรู้ ตลอดเวลามองตนเองน้อยลงมองคนอื่นรอบข้างมากขึ้น

- คนเก่งต้องยึดมั่นในศีลธรรม คุณธรรม

                       ฯลฯ

ทฤษฎีการเรียนรู้ 4L’s ของท่านพารน

Village that learn - หมู่บ้านแห่งการเรียนรู้

School that learn - โรงเรียนแห่งการเรียนร

ู้ Industry that learn - อุตสาหกรรมแห่งการเรียนรู้

Nation that learn - ชาติแห่งการเรียนรู้

ทฤษฎีการเรียนรู้4L’sจากประสบการณ์การทำงานจริง ศ.ดร.จีระ

Learning Methodology - เข้าใจวิธีการเรียนรู้

LearningEnvironment-สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้

Learning Opportunity - สร้างโอกาสในการเรียนรู้

Learning Community - สร้างชุมชนในการเรียนรู้

หากสามารถนำแนวการคิด และทฤษฏี 4 L’s ของอาจารย์ทั้งสองท่านไปปรับใช้โดยเริ่มต้นกับตนเอง

และครอบครัวก่อน ค่อยขยายไปในชุมชน องค์กร เชื่อว่าจะเกิดผลดีต่อสังคมและประเทศชาติในระยะยาว จะสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และพัฒนาทรัพยากรมนุษย

์ในประเทศได้อย่างยั่งยืนทำให้มีขีดความสามารถในการ

แข่งขันกับโลกภายนอกได้หากจะให้ได้ผลดีกับเยาวชน

ซึ่งเป็นสมบัติที่มีค่ามากที่สุดของประเทศ ต้องนำไปใช้กับการศึกษาของประเทศไทยทั้งระบบ เริ่มตั้งแต่หลักสูตรวิธีการเรียนการสอนเริ่มตั้งแต่ชั้นอนุบาล เน้นให้มีการคิดหาข้อมูลความจริง หัดคิดวิเคราะห์ วางเป้าหมายและแผนการทำงาน สร้างโอกาสการศึกษาให้เท่าเทียมกัน ถือเป้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เรื่องใหญ่และสำคัญที่สุด ปัจจุบันหน่วยงานทุกแห่งจะสร้าง KM ไปสู่ LO แต่จะมีใครกี่คนที่จะทำให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงหากไม่เริ่มปลูกฝังตั้งแต่เด็ก เป้นการแก้ที่ปลายเหตุไม่ตรงประเด็น และไม่นึกถึงสภาพแวดล้อมที่เป็นจริง หากจะพํัฒนาทรัพยากรมนุษย์จริงจะต้องเริ่มให้ตรงประเด็น การเรียนรู้จะต้องรู้ภาษาอย่างน้อย ภาษาไทยให้ถูกต้องเพราะเป็นรากฐาน ภาษาอังกฤษ เพื่อการเรียนรู้ให้ทันโลก รู้เทคโนโลยี และทีสำคัญจะต้องมีคุณธรรมและจริยธรรมในการพัฒนา

ทรัพยากรมนุษย์ด้วย เป้าหมายคือคุณภาพของคนคู่กับคุณธรรม สวัสดีค่ะ ศรีปัญญา [email protected]

นันทพร สิงห์ตุ่ย MPA รุ่น 3 ม.สวนสุนันทา
เล่าเรื่องจากห้องเรียน MPA รุ่น 3 ม. สวนสุนันทา (13/01/2007)สวัสดีค่ะ อาจารย์ จีระ เป็นครั้งแรกที่ดิฉันใช้ เทคโนโลยี IT  มาใช้ประกอบกับการศึกษา ในวิชาการจัดการทรัพยากรมนุษย์ การเรียนในนี้ โดยการเขียน Blog เป็นการเขียนข้อคิดเห็นแบบใหม่โดยใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ ในการ แลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ และความคิดซึ่งเหมือนกันบ้างไม่เหมือนกันบ้าง มีถูกก็ต้องมีผิด (2 ด้าน) แต่พวกเราก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน แต่ทางเดินไปสู่จุดหมายต่อไปของคนจะไม่เหมือนกัน และจุดหมายสูงสุดของคนเราก็ไม่เหมือนกันมันอยู่ที่ความพอดีของคนนั้นๆ แต่ถ้าเราตั้งใจจะก้าวหน้าต่อไปอีกก็ต้องศึกษาหาความรู้ต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด และเชื่อในความตั้งใจของคน ในวิชา การจัดการทรัพยากรมนุษย์ ที่เรียนมาในวันเสาร์ที่ 13/01/2007 สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ แนวคิดแบบ Macro ทำ Micro คือการมองภาพใหญ่ไปแล้วค่อยไปสู่ภาพเล็ก ทฤษฏี 2 R’s คือ Reality ความเป็นจริง และ Relevance คือ ตรงประเด็น  การเรียนแบบ 4 L’s คือ 1. Leaning Methodology 2. Leaning Environment 3. Leaning Opportunities 4. Leaning Communities หลักการ 4 ข้อนี้ คือหลักการที่จะสอนหรือทำให้คน มีระเบียบและเหตุผล มีความสนุกสนาน ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยนช์ และเผ่ยแพร่ความรู้ เป็นการเรียนรู้ในทฤษฎี แบบ 4 L’s คือการสร้างนิสัยให้คนในการเรียนรู้แบบไม่สิ้นสุด  และเรื่องการสร้างบรรยากาศการปรับเปลี่ยนห้องเรียนเป็นรูปแบบใหม่ทั้งหมด แบ่งกลุ่มผู้เรียนและประดับตกแต่งห้อง เพื่อสร้างบรรยากาศที่สดชื่น และรู้สึกไม่เครียดเวลาเรียนดิฉันชอบมากและมีความสุขมากนันทพร สิงห์ตุ่ย[email protected]
นุชรี อรรถีโภค รปม.3 รหัส 49038010001
        สวัสดีค่ะ อาจารย์ยม  นาคสุข จากวันอาทิตย์ที่ 14 ม.ค.50 อาจารย์ได้ให้เกียรติแก่นักศึกษา MPA ที่สวนสุนันทา ต้องขอขอบคุณอาจารย์เป็นอย่างยิ่งที่ได้ให้ความรู้ในเรื่องภาพรวมของการบริหารทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่ ความรู้ที่ได้รับจากอาจารย์ที่สนใจมีอยู่ 3 ประเด็น          ประเด็นแรก ได้ทราบแนวคิดเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์        - ยุคดั้งเดิม บุคคลเสมือนเครื่องจักร คือทำงานโดยใช้แรงงานเพียงอย่างเดียวทำงานตามสั่ง                  - ยุคต่อมา เริ่มมองว่าบุคคลเป็นทรัพยากรอย่างหนึ่งของประเทศได้รับการศึกษามากขึ้นสามารถทำงานได้โดยที่รู้หน้าที่ของตัวเอง        - ยุคใหม่ แสดงให้เห็นว่าบุคคลเป็นทรัพย์สินขององค์การ คือเมื่อมีบุคลากรที่มีคุณภาพก็ต้องรู้จักที่จะรักษาเอาไว้         ประเด็นที่สอง คือ รู้จักต้นทุนของมนุษย์ว่าเริ่มมีต้นทุนตั้งแต่ปฏิสนธิอยู่ในครรภ์มารดาด้วยการเอาใจใส่ดูแลเขา เพราะถือว่าลูกคือสมบัติของประเทศ        ประเด็นที่สาม คือ การบริหารทรัพยากรมนุษย์แล้วไม่เกิดจริยธรรม คือความล้มเหลว        การบริหารทรัพยากรมนุษย์มีปัญหาอะไรบ้าง        1. ปัญหาในเรื่องระบบอุปถัมภ์ ซึ่งเป็นปัญหาที่กำเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในองค์กรภาครัฐ        2. เทคโนโลยี มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการพัฒนาแต่ไม่ได้พัฒนาคนที่จะนำเทคโนโลยีไปใช้ เพราะขาดความรู้ความเข้าใจในระบบเทคโนโลยี        3. อำนาจการตัดสินใจขึ้นอยู่กับผู้นำเพียงคนเดียวทั้งๆที่มีการกระจายอำนาจไปแล้วแต่ไม่ได้มอบอำนาจในการตัดสินใจให้ด้วย        แนวทางการแก้ไขปัญหา        1. ผู้บริหารควรจะเปิดใจที่จะเปิดใจให้กว้างเป็นผู้บริหารสมัยใหม่
นำกระบวนการ
HRM มาใช้ในการแก้ไขปัญหา คือ INPUT       PROCESS        OUTPUT              2. พัฒนาคนให้เข้าใจถึงระบบการทำงานของเทคโนโลยีก่อนที่จะนำเทคโนโลยีเข้ามา ใช้การฝึกอบรมเข้ามาช่วย        3. ใช้การสร้างอำนาจ 5 อย่าง ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์เข้ามาช่วย คือ         - อำนาจสร้างได้ด้วยการให้ คือการให้โอกาสให้ความรู้ ให้อภัย
ให้ความเป็นกันเอง ฯลฯ
        - อำนาจสร้างได้ด้วยการติ คือติให้ถูกเวลาสถานที่ติที่ก่อให้เกิดประโยชน์ อย่าติดต่อหน้าคนเยอะเพราะผู้ได้รับการติจะเกิดความรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง         - อำนาจสร้างได้โดยการเป็นผู้รู้มากกว่า เมื่อมีโอกาสต้องถาม
รู้มากกว่าที่จะแสดงออก เพราะการถามไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเราเป็นคนโง่แต่เพื่อความรู้มากกว่า
        - อำนาจสร้างด้วยการอ้างอิง อย่างเช่นอ้างถึงคำสั่ง หรือผู้บังคับบัญชา อ้างถึงผู้ที่เชื่อถือได้        - อำนาจสร้างได้ทางนิติกรรม คือได้รับการแต่งตั้งเลือกสรรมาแล้วว่าเหมาะสม      
วรวรรณ ส่องพลาย รปม.3

วรวรรณ  ส่องพลาย   รปม.3    รหัส  49038010035

เรียนอาจารย์จีระ และอาจารย์ยม

                     เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2550 ได้เริ่มเรียนกับอาจารย์จีระ เริ่มแรกรู้สึกแปลกๆที่เรียนรูปแบบของอาจารย์รู้สึกค่อนข้างเครียดและค่อยเริ่มเข้าที่เข้าทางช่วงบ่าย อาจารย์สอนแบบทุกคนต้องมีส่วนร่วมเหมือนกับการทำงานเป็นทีม ให้มีความคิดตลอดเวลา การคิดเป็น คิดจากข้อมูลที่อาจารย์สอน มาเป็นความรู้และ สร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อรู้ปัญหาและแก้ไขได้ ตื่นตัวทุกวินาที ต้องตั้งใจฟังเพื่อให้เกิดความเข้าใจ  เริ่มเข้าใจอาจารย์ว่าอาจารย์ใช้วิธีการสอนเหมือนกับการให้นักศึกษารู้จักพัฒนาตนเอง ไม่เรียนแบบเดิมๆ แล้วก็ผ่านไป ส่วนเรียนกับอาจารย์ยมเมื่อวันที่ 14 ม.ค.2550  ก็ได้รับความรู้เพิ่มมากขึ้น อาจารย์มีความตั้งใจในการสอนมาก พยายามเน้นในสิ่งที่ดี ที่ควรปฎิบัติ และให้แนวทางไว้หลายๆอย่าง คล้ายๆอาจารย์จีระ  เช่น รัฐประศาสนสตร์ต้องเรียนข้ามศาสตร์อื่นๆด้วย  ทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดขององค์กร รู้สึกได้เลยว่าอาจารย์ทั้งสองรู้สึกเข้าใจในส่วนลึกของคนซึ่งเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่บางคนมองอย่างไม่มีความหมาย   ถ้าทุกคนเข้าใจแบบที่อาจารย์สอน คงมีอะไรที่ดีเกิดขึ้นอีกมากมายในโลกนี้

               ในส่วนที่ได้รับความรู้จากอาจารย์ทั้งสองแค่ 2 วันได้รับความรู้สึกดีๆ ความรู้ดีๆ ทีมีคุณค่าต่อตัวผู้รับมากมาย สามารถจะนำมาใชัในหน่วยงานได้ และหวังจะได้รับความร่วมมือร่วมใจกันของพนักงานทุกๆคน                   สิ่งที่ได้เรียนรู้จากอาจารย์ยม และสามารถนำไปปฎิบัติได้

                         1. หลักธรรมมาภิบาล เป็นหลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี Good Governance  ทั้ง 6 ข้อ เป็นสิ่งที่ดีถ้าปลูกฝัง บ่มเพาะเข้าไปในจิตสำนึกของทุกคนในองค์กรหรือบุคคลทั่วไป

                         2. การสร้างอำนาจ 5 อย่างซึ่งต้องสร้างและต้องรักษา ต้องใช้อย่างเป็นระบบ ต่อเนื่องซึ่งจะทำให้เกิดบารมีได้ เหมือนท่านพารณท่ใช้ปฏิบัติกับพนักงานในเครือซีเมนต์ไทย

                        3.การใช้ชีวิตของคน ต้องมีการวางแผนไม่ว่าจะทำเรื่องใด เพื่อความมั่นคงในการดำเนินชีวิต

             การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ของรัฐ ปัญหาที่พบ

1.      ระบบการศึกษา ไม่ได้รับการปรับปรุงแก้ไข  การศึกษาขั้นพื้นฐานของเด็กๆไม่ได้รับทุกคนอย่างถูกต้องและยุติธรรม  เนื่องจากสภาพแวดล้อมและสถานะภาพของผู้ปกครอง

2.      ข้าราชการปฏิบัติงานตามแบบเดิมๆ แม้จะมีการปฎิรูประบบราชการแล้ว ซึ่งอาจจะมาจากข้าราชการอายุมาก หรือพวกที่เข้ามาแบบมีเส้นสาย

3.      นโยบายขาดความต่อเนื่อง เนื่องจากการปรับเปลี่ยนรัฐบาล

                  แนวทางแก้ไขปัญหา

1.      กระทรวงศึกษาธิการควรกำหนดนโยบายที่ชัดเจนและเป็นจริงเป็นจังที่จะทำระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานเกิดขึ้นกับเด็กๆทุกคนไม่มีข้อยกเว้น เป็นภาคบังคับหรือเป็นกฎหมายที่พ่อแม่ต้องให้ลูกให้เรียนหนังสือทุกคน เพราะการเรียนรู้ถ้าไม่เริ่มต้นตั้งแต่เด็ก ที่จะโตไปในวันหน้า คนจะมีคุณภาพได้อย่างไร   อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ

2.      รัฐบาลเมื่อมีการปฎิรูประบบราชการ ต้องมีการตรวจสอบและวัดผลงานใหม่ เอาประเภทใครดีใครอยู่  การรับคนเข้ามาทำงานต้องมีการสอบคัดเลือกจริงจัง จะได้คนดี ซึ่งสามารถที่จะทำงาน และพัฒนาปรับปรุงระบบราชการก็จะดีขึ้น และเมื่อมีคนดี มีจริยธรรม ระบบราชการจะโปร่งใส    ตรวจสอบได้  จะไม่มีเรื่องคอรัปชั่นกิดขึ้น

3.       นโยบายรัฐบาล ต้องทำอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเปลี่ยนรัฐบาลชุดใด หากรัฐบาลเปลี่ยนแปลง  น่าจะนำนโยบายเดิมมาพิจารณาปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม       เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง และจะเพิ่มเติมสิ่งใหม่ก็เพิ่มเติมไป

 

        สรุปถ้าทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารหรือผู้ปฎิบัติ ข้าราชการ เอกชน ถ้าเรียนรู้ว่าตนเองเป็นทรัพยากรมนุษย์ทีมีค่าต่อตนเองและผู้อื่น เป็นคนดี มีจริยธรรม ก็สามารถที่จะพัฒนาตนเองและองค์กรให้ก้าวหน้าได้

วรวรรณ  ส่องพลาย

081-6564286

[email protected]

 

ยม "MPA ที่สวนสุนันทาฯ วันอาทิตย์ที่ 14 ม.ค. 2549 :

สวัสดี ศ.ดร.จีระ นักศึกษา และท่านผู้อ่านทุกท่าน

ขณะนี้ มีนักศึกษา เขียนแชร์ความรู้มา 6 ท่านแล้ว ขอชื่นชม ว่าท่านมีความตั้งใจสูงติดอันดับ ท๊อป 6 ได้แก่

 
  1. ร้อยตรีหญิง ผลึกพร อนันตพงษ์ รหัสนักศึกษา 49038010018 เมื่อ อ. 14 ม.ค. 2550 @ 23:15 (137632)
  2. ศรีปัญญา วัชนาค รปม. รุ่นุ 3 รหัสนักศึกษา 49038010022 เมื่อ จ. 15 ม.ค. 2550 @ 13:43 (138044)
  3. วิไลวรรณ วิไลเลิศ รปม.รุ่น 3 รหัส 49038020016 เมื่อ จ. 15 ม.ค. 2550 @ 21:16 (138320)  
  4. นันทพร สิงห์ตุ่ย MPA รุ่น 3 ม.สวนสุนันทา เมื่อ อ. 16 ม.ค. 2550 @ 08:09 (138536)
  5. นุชรี อรรถีโภค รปม.3 รหัส 49038010001 เมื่อ อ. 16 ม.ค. 2550 @ 08:30 (138547)
  6. วรวรรณ ส่องพลาย รปม.3 เมื่อ อ. 16 ม.ค. 2550 @ 09:25 (138569)
 

โดยรวมเห็นความตั้งใจเขียนได้ดี  โดยเฉพาะนักศึกษาวรวรรณ  ส่องพลาย  เขียนเรียบเรียงได้ดี   คือเปิดประเด็น ดำเนินเรื่อง และสรุป เสนอแนะ ได้ดี ครบถ้วนกระบวนการที่แนะนำไว้  อย่างไรก็ตาม ตอนเสนอแนะ มีหลักการว่าควรต้องให้โดดเด่น เหมือนหัวมังกร  ตอนที่เสนอแนะ กับตอนสรุป จะต่างกัน สรุปเหมือนหางมังกร  แต่ตอนเสนอแนะ ควรให้เป็นหัวมังกรอีกครั้ง เพื่อเชิญชวนให้ผู้อ่านได้ติดตามต่อไป ครับ

 

อย่าลืมว่า การเขียน การพูด มี สาม steps คือ หนึ่ง เปิดประเด็น  สอง ดำเนินเรื่อง สามสรุป แสดงความเห็น เสนอแนะ และถ้าจะให้ดี ควรคิดสร้างสรรค์ต่อยอดแนวคิดของอาจารย์

 

เมื่อเปิดประเด็นใน Blog อย่าลืมที่จะกล่าวถีง อาจารย์ผม ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ด้วยทุกครั้ง เพราะไม่มีท่าน ก็ไม่มีผมใน Blog นี้ ต้องขอย้ำ กับนักศึกษา อาจารย์เป็นผู้กระตุ้นให้ผมเขียนและทำ Blog เป็น  และหากนักศึกษาเห็นผม เก่งและดี นั่นคือ เป็นเพราะอาจารย์ สอนมา  และทุกวันนี้ ผมก็ยังเรียนรู้กับ อาจารย์อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ การเรียนในห้องเรียนจบแล้ว แต่การเรียนของผม เรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะชีวิตคือการศึกษา รักความก้าวหน้า ต้องหมั่นศึกษาตลอดชีวิต และการศึกษาไม่กำหนดรูปแบบ และวิธีการ แต่เน้น องค์ความรู้และบูรณาการ เพื่อหวังนำไปพัฒนาตนเองและสังคมประเทศชาติ

 

การดำเนินเรื่อง หรือเขียน Blog ผมขอย้ำ เราต้องฝึก ต้องตรงประเด็น   สิ่งที่ผมขอให้นักศึกษาร่วมแชร์ความรู้ ตามที่ขอไว้ คือ ได้เรียนรู้อะไร 3 ประเด็น  การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ในบ้านเรา มีปัญหาอะไร 3 ประเด็น  ข้อเสนอแนะในการแก้ไข ป้องกันปัญหาดังกล่าว อย่างน้อย 3 ประเด็น

  ตอนสรุป ควรต้องเสนอแนะ สั้น ๆ ว่ามีความเห็นอย่างไร สรุปได้อย่างไร มีอะไรที่จะต่อยอดได้หรือไม่ 

ขอให้นักศึกษา ใช้แนวทาง 6 ท. ที่ให้ไว้ มาใช้ จะทำให้ทำได้ดียิ่งขึ้น

  • ท.ที่ 1 ท้าทาย ในที่นี้หมายถึง กล้า อาทำงานที่ยากกว่า
  • ท.ที่ 2 ท่าที  มีท่าทีที่ดี หากเรามีความคิดดี มักจะตั้งโจทย์หรือคำถามที่ดี ก็จะได้คำตอบที่ดีและวิธีการที่ดี นำไปสู่ความสำเร็จได้ดี
  • ท.ที่ 3 เที่ยงธรรม จริยธรรม คุณธรรมต้องมี
  •  ท.ที่ 4 ทบทวน หมั่นทบทวน
  • ท.ที่ 5   ทองแท้ ทน  พูดแล้ว ทำ เสมอต้นเสมอปลาย อดทน
  • ท.ที่ 6    ทำ  ทั้ง 5 ท.จะไม่เกิด ถ้าไม่ทำ ทำ ทำด้วยความขยัน อดทน ซื่อสัตย์ ฯ
  

ขอให้นักศึกษา และผู้อ่านทุกท่านโชคดี

 

สวัสดี

 ยม

 

081-9370144

[email protected] 

http://gotoknow.org/portal/yom-nark

เรียน อาจารย์ยม นาคสุข            การเรียนในวิชาการบริหารทรัพยากร ในวันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2550 ช่วงท้ายชั่วโมงอาจารย์ได้สั่ง paper ไว้ 3 ประเด็น ซึ่งขอตอบคำถามดังนี้ประเด็นที่ 1 วันนี้ เรียนรู้ ได้ประเด็นอะไร ที่ตนเองได้ และสนใจ อย่างน้อย 3 ประเด็น ตอบ การเรียนรู้ที่ได้รับในชั้นเรียนและจะนำความรู้ไปใช้ประโยช์ด้านการทำงานที่สนใจ 3 ทฤษฎีคือ1.)  ทฤษฎี  PEST ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 4 ด้าน คือ                         1.  Political         การเมือง                        2.  Economy       เศรษฐกิจ                        3.  Social           สังคม วัฒนธรรม4.  Technology   เทคโนโลยีทฤษฎี  PEST ต้องหาความรู้หลายหลากด้านนำมาพัฒนาศึกษาเรียนรู้ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในบริหารทรัพยากรมนุษย์ ทั้งจากการพัฒนาด้านการติดต่อสื่อสาร เทคโนโลยี ITสารสนเทศ อันแสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของความสัมพันธ์เชื่อมต่อของยุคโลกาภิวัตน์ ด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงระหว่างกลุ่มคน ทั้งชุมชน ภาคเอกชน และภาครัฐบาล ต้องอาศัยการพึ่งพาซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้สิ่งใหม่และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมความรู้ใหม่ และไอเดียใหม่ ๆ ทำให้เราอยู่รอดได้อย่างยั่งยืนในยุคโลกาภิวัตน์ 2.)  หลักธรรมาภิบาล (Good Governance) / หลักในการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี  ประกอบด้วย 6 ประการหลักคือ1. หลักนิติธรรม คือ การตรากฎหมาย กฎระเบียบข้อบังคับและกติกาต่างๆให้ ทันสมัยและเป็นธรรม ตลอดจนเป็นที่ยอมรับของสังคมและสมาชิก โดยมีการยินยอมพร้อมใจและถือปฏิบัติรวมกันอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม กล่าวโดยสรุป คือ การปกครองภายใต้ กฎหมายมิใช่ กระทํากันตามอําเภอใจหรืออํานาจของบุคคล2. หลักคุณธรรม คือ การยึดถือและเชื่อมั่นในความถูกต้องดีงาม โดยการรณรงค์ เพื่อสร้างค่านิยมที่ดีงามให้ผู้ปฏิบัติงานในองค์กรหรือสมาชิกของสังคมถือปฏิบัติ ได้แก่ ความซื่อสัตย์ สุจริตความเสียสละ ความอดทน ขยันหมั่นเพียร ความมีระเบียบวินัย3. หลักความโปร่งใส คือ การทําให้ สังคมไทยเป็นสังคมที่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารอย่างตรงไปตรงมา และสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ โดยการปรับปรุงระบบและกลไกการทํางานขององค์กรให้มีความโปร่งใส ตลอดจนมีระบบหรือกระบวนการตรวจสอบและประเมินผลที่มีประสิทธิภาพ และช่วยให้การทํางานของภาครัฐและภาคเอกชนปลอดจากการทุจริตคอรัปชั่น4. หลักความมีส่วนร่วม คือ การทําให้ สังคมไทยเป็นสังคมที่ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ และร่วมเสนอความเห็นในการตัดสินใจสําคัญๆของสังคม 5. หลักความรับผิดชอบ ผู้บริหารตลอดจนข้าราชการ ทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการประจํา ต้องตั้งใจปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่อย่างดียิ่ง โดยมุ่งให้บริการแก่ผู้มารับบริการ เพื่ออํานวยความสะดวกต่างๆ มีความรับผิดชอบต่อความบกพร่องในหน้าที่การงานที่ตนรับผิดชอบอยู่ และพร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไขทันที่6. หลักความคุ้มค่า ผู้บริหาร ต้องตระหนักว่ามีทรัพยากรค่อนข้างจํากัด ดังนั้นในการบริหารจัดการจําเป็นจะต้องยึดหลักความประหยัดและความคุ้มคา ซึ่งจําเป็นจะต้องตั้งจุดมุ่งหมายไปที่ผู้รับบริการหรือประชาชน  3.)         ทฤษฎีการพัฒนาธุรกิจ หมายถึง กิจการที่ก่อให้เกิดสินค้าและบริการ กิจกรรมของธุรกิจ ตามทฤษฎี OM (Operation Management) มี 3 กระบวนการ คือ INPUT ,  PROCESS , OUTPUTINPUT คือ กระบวนการนำเข้าทรัพยากรทางการบริหาร ได้แก่ คน วัตถุดิบ อุปกรณ์เครื่องมือ เงินงบประมาณ และระบบการจัดการ ที่จะนำสินค้า/บริการเข้ามาสู่ห้างร้าน สถานประกอบการ PROCESS คือ กระบวนการผลิต กระบวนการขาย กระบวนการบริการ กระบวนการสร้างความประทับใจให้ลูกค้าOUTPUT คือ ที่ถือว่าเป็นจุดสุดท้ายของงานขาย/งานบริการ ในกระบวนการขาย หรือบริการ ผู้ขาย ผู้ปฏิบัติงานต้องมีแนวคิดที่สำคัญคือลูกค้าและนายถูกเสมอเพราะเขาคือผู้มีพระคุณต่อผู้ปฏิบัติงาน------------------------------ประเด็นที่  2 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของรัฐ ท่านคิดว่ามีปัญหาอะไรบ้าง  3 ข้อจากการอยู่รวมกันเป็นสังคม การมีปฏิสัมพันธ์ในทุกด้าน ทำให้ปัจจุบันการบริหารทรัพยากรมนุษย์โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐมักเกิดปัญหาขึ้นอย่างมากมาย ซึ่งปัญหาที่น่าสนใจและติดตามอย่างต่อเนื่องก็คือคน-สังคม-สิ่งแวดล้อม ที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอก            1.  ปัญหาคุณภาพของคน ขาดภาวะผู้นำ ขาดปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต ขาดโอกาสทางการศึกษาขั้นพื้นฐาน2.  ปัญหาสังคม วัฒนธรรม โดยการรับวัฒนธรรมจากต่างชาติ สังคมได้รับการดูแล ขาดศีลธรรม สังคมการขาดความสัมพันธ์และความไว้วางใจกันระหว่างผู้คนในสังคม เช่น การคอร์รัปชั่น ขาด "ธรรมาภิบาล" (good governance) ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ที่มีมาโดยตลอดอันยาวนานจนกระทั่งปะทุรุนแรงให้เห็นในเวลานี้ 3. ปัญหาสภาพแสดล้อม ถูกครอบงำจากต่างชาติด้วยระบบ เช่น เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นจาการปฏิรูประบบราชการ ปรับเปลี่ยนระบบราชการเป็นงานใหญ่ เป็นงานที่มีหลายด้านหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับบทบาทภารกิจภาครัฐ การจัดโครงสร้างส่วนราชการ ตลอดจนการปรับปรุงระบบข้าราชการ จึงจําเป็นต้องมีการพัฒนาระบบราชการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาพื้นฐานและจุดอ่อนของระบบราชการที่สั่งสมกันมานาน และการเร่งพัฒนาขีดสมรรถนะและเสริมสร้างความเข็มแข็ง อันจะช่วยให้ ระบบราชการสามารถปรับตัวได้ -------------------------------ประเด็นที่ 3 ข้อเสนอแนะให้รัฐบาล องค์การ ฯ ในการแก้ไขปัญหา ให้ภาครัฐ 3 ข้อ1.      หน่วยงานราชการต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด กระบวนทัศน์ ในการแก้ไขวัฒนธรรมในองค์กรแบบเดิมในเชิงรุก โดยใช้ทฤษฎีการบริหารจัดองค์กรแนวใหม่และให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการและส่งเสริมข้าราชการผู้ที่มีบทบาทที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนภารกิจ ด้านภาวะผู้นำที่ดีในองค์กร เพื่อการดำเนินงานเป้าหมายสูงสุด สร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ ยึดหลักประการสําคัญคือ การบริหารราชการเพื่อประโยชน สุขของประชาชนและความมั่นคงของประเทศชาติ 2.        ผู้บริหารในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องปรับเปลียนพฤติกรรมและทบทวนบทบาทหน้าที่ของตนเอง 3.   วางมาตรการการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันเพื่อเป้าหมายขององค์กรที่ใสสะอาด (ต้องติดตาม)·      การเขียนสรุป paper  ทั้ง 3 ประเด็นนี้ ผู้เรียนจะนำไปใช้ในด้านการทำงาน ในชีวิตประจำวันและปรับใช้ในสถานการณ์จริงที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะด้านการเรียน ซึ่งถือว่าการเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการ  ถ้ามีการวางแผนที่ดีเส้นทางการดำเนินชีวิตของตนเอง      ในอนาคตจะประสบแต่ความสำเร็จ ส่ง Paper วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2550ผู้ส่ง นางสาวนันทพร สิงห์ตุ่ย  รหัส 49038010002    MPA  รุ่น 3 ม. สวนสุนันทา08-1901-2543     [email protected]
สมธนิษฐ์ มงคลชาติ
เรียน  .ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์             หนังสือเล่มนี้ชื่อ ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ เมื่ออ่านแล้วทำให้ข้าพเจ้าฯ รู้จักคุณพารณ  อิศรเสนา ณ อยุธยา  ที่มีความเชื่อ  ความศรัทธา  ความมุ่งมั่นมาโดยตลอดทั้งชีวิต  รวมทั้งได้ทุ่มเทความคิดและเวลาอย่างต่อเนื่องเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์   หนังสือเล่านี้ยังได้แนวคิดในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพยากรมนุษย์  ว่าหมายถึงอะไร   มีวิธีการใดบ้าง  เมื่ออ่านจบแล้ว   จึงจัดทำบันทึกไว้เพื่อนำมาปรับใช้ภายในองค์กร  เพราะองค์กรที่ข้าพเจ้าฯ  อยู่  ข้าพเจ้าฯ อยู่ในฐานะผู้บริหาร  มีบ้างอย่างได้ข้อคิดจากหนังสือเล่มนี้ในการบริหารงานแบบประเทศญี่ปุ่นมาปรับใช้กับคนไทยที่ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม  จึงขออนุญาตรวบรวมแนวความคิดของคุณพารณฯ มาบันทึกไว้เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษาและนำไปปฏิบัติ  เผื่อว่าจะประสบความสำเร็จดังเช่น  บริษัทปูนซิเมนต์ไทยบ้าง  การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพยากรมนุษย์   คือ การบริหารจัดการและพัฒนาคนให้มีความรู้ความสามารถ    สามารถแข่งขันได้   เพราะคนคือผลกำไรที่แท้จริงขององค์กร  ไม่ใช่เป็นแค่ต้นทุนการผลิต  หากได้รับการดูแลเอาใจใส่จะทำให้เพิ่มศักยภาพ  ซึ่งเมื่อได้พัฒนาอย่างจริงจัง  สม่ำเสมอและเป็นระบบแล้ว   เชื่อว่าองค์กรจะต้องมีคนเก่งและคนดี   นำองค์กรสู่ความเป็นเลิศได้แนวทางปฏิบัติที่ควรนำไปใช้เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  มีดังนี้1.ทำงานทุกอย่างให้มีประสิทธิภาพและคุณภาพ  เข้มงวดเรื่องต้นทุน   ตรงต่อกำหนดเวลา   ให้ความเป็นธรรมต่อสังคมในภาวะที่ต้องแข่งขันกันทางธุรกิจ   ลดความเสียหายหรือผิดพลาดให้น้อยที่สุด 2.การให้ทุนการศึกษา ภายใต้แนวคิดว่า การพัฒนาบุคลากรเป็นการลงทุน (Investment)ไม่ใช่ต้นทุน(Cost)ขององค์กร   คนเป็นทรัพยากรที่ต้องเอาใจใส่ดูแลหมั่นพัฒนา  หมั่นเพิ่มพูนความรู้ความสามารถตลอดเวลา  โดยผู้บริหารต้องผลักดันให้เกิดอัจฉริยะในทุกระดับ   ต้องทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ฝึกสอนและเป็นพี่เลี้ยง  ต้องพัฒนาผู้ใต้บังคับบัญชาตลอดเวลา  เพื่อให้ถ่ายทอดความรู้ความสามารถของเขาออกมาได้เต็มที่   ด้วยการส่งเสริมการทำงานเป็นทีม    และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องหรือการจัดให้มืทุนการศึกษาให้แก่พนักงานทุกระดับ   รวมไปถึงการจ้างผู้ทรงคุณวุฒิชั้นนำจากต่างประเทศมาพัฒนาผู้บริหาร   หรือการส่งผู้บริหารไปเข้า Advanced  Management  Program ติดต่อกันหลายปี   โดยเน้นการพัฒนาการศึกษารูปแบบใหม่ภายใต้ความคิด Constructionism เพื่อสร้างความพร้อมให้กับเด็กไทยให้ก้าวไปสู่การเป็นพลเมืองของโลก หรือ Global  Citizen  คือ จะต้องมีองค์ประกอบพื้นฐานในสามเรื่องนี้ได้แก่  ภาษาไทย  ภาษาอังกฤษ  และเทคโนโลยี3.การลงทุนเพื่อพัฒนามันสมอง หรือการสร้าง Knowledge เพื่อสะท้อนบุคลิกให้เกิดการใฝ่รู้หรือ Learner  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางการผลิตและยกระดับขีดความสามารถขององค์กร  สามารถแข่งขันกับกิจการอื่นได้4.การนำเอาระบบ TQM มาใช้เป็นนโยบายหลักขององค์กร เพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพควบคู่ไปกับการพัฒนาคน  พร้อมกับการวางแผนการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  ได้แก่  จัดให้มีการศึกษาดูงาน   การส่งไปฝึกอบรมทั้งในและต่างประเทศ  การฝึกปฏิบัติจริงเพื่อให้เกิดการเรียนรู้  การหมุนเวียนการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดความรู้หลากหลาย5. การนำกิจกรรม 5 .  มาปรับใช้ในการบริหารองค์กร  การนำระบบข้อเสนอแนะ  ระบบความปลอดภัยและการทำกิจกรรม QCC มากำหนดเป็นนโยบายเพื่อเพิ่มผลผลิตอย่างรวดเร็ว6.การนำเอาวิธีการบริหารงานของบริษัทต่างประเทศมาปรับใช้  เริ่มตั้งแต่การจัดโครงสร้าง  ระเบียบการบริหารองค์กร  การทำงานอย่างมีระบบ  เป็นต้น7.การเพิ่มผลผลิตจะประสบความสำเร็จได้นั้น   ส่วนหนึ่งมาจากการมีความจงรักภักดีและการมีวินัยของคนในองค์กร   และคนในองค์กรต้องมีความเข้าใจตรงในเป้าหมายเดียวกันและร่วมใจเพื่อบรรลุเป้าหมายโดยเร็ว8.การบริหารงานที่ดีก็คือ  การที่ดึงเอาความสามารถของคนแต่ละคนมารวมกัน  โดยมีทุนแห่งความสุขและความสมดุล (Happiness  Capital)ที่มากกว่าผู้อื่น9.แนวคิดที่ว่าคนที่สามารถพาองค์กรให้ประสบความสำเร็จได้นั้นจะต้องเป็นทั้งคนเก่งและคนดี  คือ เก่ง 4 ดี 4 ได้แก่ เก่งงาน  เก่งคน  เก่งคิด  และเก่งเรียน  ส่วน ดี 4 ได้แก่ ประพฤติดี  มีน้ำใจ  ใฝ่ความรู้คู่คุณธรรมและการใช้วิธีประเมินบุคคลที่เรียกว่า  Capability  สำหรับคนเก่ง  และใช้ Acceptability  สำหรับคนดี  เพื่อดูว่าพนักงานยังขาดความสามารถในด้านใด  10.การนำเอาระบบพี่เลี้ยงมาใช้ในองค์กร  เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์แบบพี่น้อง  เกิดความอบอุ่นใจแก่พนักงานใหม่  ช่วยเป็นเพื่อนคู่คิดในการทำงาน11.ภายในองค์กรเกิดระบบการควบคุมกันเองทางสังคม (Social  Force) เพราะคนภายในองค์กรคิดดีทำดี  จะเตือนเมื่อเห็นว่ามีการทำงานออกนอกลู่นอกทางกันเอง12. เมื่อองค์กรได้พัฒนาบุคลากรแล้ว  ต้องรู้จักทนุถนอมและรักษา  เพราะคนไม่ต้องการผลตอบแทนเป็นเงินเพียงอย่างเดียว  ยังต้องการผลตอบแทนทางใจด้วย  และองค์กรจะไม่มีการเอาพนักงานออกโดยไม่มีเหตุผลอย่างเด็ดขาด เว้นแต่เกิดจากความสมัครใจ    13.การทำงานเป็นทีม  โดยการให้ทุกคนมีส่วนร่วม ทั้งในด้านความคิด  และร่วมกันทำเพื่อให้ทุกคนมีความรู้สึกว่าเป็นเจ้าขององค์กร  เกิดความรักและผูกพันต่อองค์กร14.การนำเอาหลักการบริหารงานแบบญี่ปุ่นมาประยุกต์ใช้   ทำให้การทำงานของคนไทยมีพฤติกรรมที่ดี คือมีวินัยในการทำงาน  มีความซื่อสัตย์ต่อองค์กร  มีการอุทิศเวลา  มีความกระตือรือร้นที่จะใฝ่เรียนใฝ่รู้  มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้มากขึ้น15.การสร้างบรรยากาศในองค์กรให้เหมือนครอบครัว   เพื่อให้พนักงานมีความสุข  เช่น  การให้ความดูแลความเป็นอยู่  การฝึกอบรมอาชีพให้แก่แม่บ้าน  เป็นต้น16.ทฤษฎี 4 L’s ของอาจารย์จีระ ได้แก่  การเข้าใจวิธีการเรียนรู้ (Learning  Methodology)   การสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ (Learning  Environment) การสร้างโอกาสในการเรียนรู้ (Learning  Opportunity)  การสร้างชุมชนการเรียนรู้ (Learning  Community)สำคัญของมนุษย์ที่ถือว่าเป็นทรัพยากรมีความสำคัญพอๆ กับเงินหรือวัตถุที่มีค่า   เป็นประโยชน์ในการวางแผนทางด้านเศรษฐกิจ   เป็นปัจจัยที่สำคัญในการสร้างศักยภาพในการแข่งขันกับองค์กรต่างประเทศ  ทรัพยากรมนุษย์จึงเป็นสิ่งที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาว   ดังนั้นองค์กรและรัฐบาลจึงต้องลงทุนในเรื่องคนตลอดเวลาและต่อเนื่อง   โดยเฉพาะรัฐบาลที่ต้องหันมาลงทุนพัฒนาการศึกษาตั้งวัยเด็กเรื่อยมา   พัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์  พัฒนาฝีมือแรงงานให้มีทันกับความเจริของโลกเราด้วย            สุดท้ายนี้หากอาจารย์มีหนังสือดีๆ แบบนี้อีก  ลูกศิษย์คนนี้ยินดีอ่านทุกเล่มค่ะ  สมธนิษฐ์  มงคลชาติรหัส 49038010030  สวนสุนันทา  รปม. รุ่น 3085-0442331
นันทพร สิงห์ตุ่ย รหัส 49038010002 MPA รุ่น 3 ม.สวนสุนันทา
สวัสดีค่ะ ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์

บทสนทนาในหนังสือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ จุดประกายความคิดทางปัญญา เป็นแบบอย่างและแนวทางในด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ทำให้หลังจากอ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้แล้ว จะเป็นประโยชน์และนำไปใช้กับตนเอง  องค์กร และประเทศชาติ

หนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ บทสรุปที่กล่าวถึงผู้รู้ 2 ท่านคือ อาจารย์พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และศ.ดร. จีระ หงส์ลดาลดารมภ์ บุคคลที่ควรเป็นแบบอย่าง สำหรับแฟนพันธุ์แท้ทุกคน การสนทนาดังกล่าวว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ได้รวบรวมจากประสบการณ์ที่ได้กลั่นกรองสะสมมาอย่างมากมาย เท่าที่อ่านถือว่าเป็นโอกาสที่ได้เรียนรู้วิธีคิด วิธีการทำงาน ในการพัฒนาทักษะกระบวนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และเป็นความโชคดีสำหรับผู้เรียนที่ได้อ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ และสิ่งที่ทั้งสองท่านมีเหมือนกันก็คือ การสร้างเครือข่ายมนุษย์ ให้ความสำคัญกับคนทุกระดับ และการไม่หยุดนิ่งที่จะเรียนรู้ และยังได้นำความรู้ ประสบการณ์มาถ่ายทอดสื่อสารทางรูปแบบตัวอักษรให้กับคนอื่นๆ ที่อ่านให้คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น และกล้าที่จะแสดงออก ซึ่งบทสนทนาทำให้ทราบเนื้อหาสาระสำคัญในหลากหลายด้าน เช่น*  เรื่องของสองแชมป์ เป็นการกล่าวถึงความเชื่อและศรัทธาและความมุ่งมั่นในเรื่องคนที่ตรงกันของทั้งสองท่าน โดยเฉพาะเรื่องประวัติ ผลงานทำงานเรื่องเกี่ยวกับคน ตลอดจนแนวทางในการทำงานของผู้รู้ทั้งสองท่าน ****  เรื่องคัมภีร์คนพันธุ์แท้ เพื่อให้ทราบแนวทางในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ตั้งแต่เรื่องปรัชญาของทรัพยากรมนุษย์ที่ว่า คน ถือเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดขององค์กรการพัฒนามนุษย์ต้องเน้นการเรียนรู้  ****   เรื่องจักรวาลแห่งการเรียนรู้ โดยการพัฒนาจากที่ผ่านมา ซึ่งต่อไปนี้จะเป็นช่วงของการขยายการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สู่ภาคประชาชน ประชาชนเรียนรู้และสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต  ****  เรื่องสูตรเพิ่มผลผลิต แสดงมุมมองของภาพรวมด้านการแข่งขันระดับประเทศ โดยมีการประสานความร่วมมือขององค์กรทั้งสี่ คือ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคนักวิชาการ ภาคแรงงาน  ***ประโยชน์และนำไปใช้กับตนเอง นำมาใช้เป็นแนวทางสร้างสรรค์ด้านความคิดเห็นของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ต่อการปฏิบัติงานในชีวิตจริงแบ่งเป็น 2 ด้าน คือด้านผลสำเร็จของงาน และด้านพฤติกรรมของคน ซึ่งเมื่อพิจารณาข้อมูลเรื่องของคน ที่มีต่อความคิดเห็น พบว่า วุฒิการศึกษา หน่วยงาน ตำแหน่ง ที่แตกต่างกันทำให้มีความคิดเห็นต่อเกณฑ์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่แตกต่างกัน  คนที่จะทำงานสำเร็จได้จะต้องเป็นคนที่มีทักษะ ความรู้ และทัศนคติหลายๆอย่างอยู่ในตัว จากวันนี้ไปผู้เรียนต้องอ่านหนังสือให้หลากหลาย ไม่ใช่แค่เรื่องที่เคยเรียนเพียงเรื่องเดียว เพราะการที่รู้มากจากการอ่านหนังสือจะทำให้เกิดความคิดที่แตกต่างออกไปจากความคิดเดิม คิดแบบเดิมหรือไม่ยอมรับการเปลี่ยน เมื่อมีความรู้มากศึกษามาก  ก็จะทำให้กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นโดยไม่อายใคร เพราะเรามีความรู้ทำให้มั่นใจมากขึ้น  ประโยชน์และนำไปใช้กับองค์กรปัจจุบันเป็นที่ทราบและยอมรับกันทั่วไปว่าคนในองค์กร มีความสำคัญต่อการบริหารงานในองค์กร ด้วยเหตุว่าคนเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ที่จะบริหารและพัฒนาให้องค์กรประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยหากองค์กรใดมีคนที่มีความรู้ ความสามารถ มีทักษะในการทำงานที่ดี ก็ย่อมทำให้องค์กรมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน มีศักยภาพในการแข่งขันและพัฒนา ซึ่งจะส่งผลให้องค์กรประสบความสำเร็จในการดำเนินงานขององค์กรในระยะยาว  ส่วนของผู้บริหารจึงต้องอาศัยเครื่องมือทางการบริหารต่างๆ ที่มีอยู่หลากหลาย เพื่อธำรงรักษาคนที่มีประสิทธิภาพเหล่านั้นให้อยู่กับองค์กรนานที่สุดเท่าที่องค์การต้องการ ยกตัวอย่าง ทฤษฎีวงกลมที่ 3 เรื่องสร้าง Motivation (แรงจูงใจ) มองว่างานที่ทำเป็นสิ่งที่ท้าทายหรือต้องมีแรงบันดาลใจ ไม่อย่างนั้นจะเบื่อหน่ายกับงานไม่มีความตื่นเต้น ทำให้องค์กรขาดคนที่มีความสามารถในการทำงาน ฉะนั้นด้านการจัดการทรัพยากรมนุษย์ เพื่อให้คนมี Imaginative ซึ่งผู้นำจะต้องรับบทบาททั้งในการสร้างความสามารถ (Capability) ของคนในองค์กรให้เป็นที่ยอมรับ (Acceptability) รวมทั้งการปฏิบัติเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้นำ ผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่ายิ่งต้องมองลงมาข้างล่าง เพื่อดูแลคนที่อยู่ข้างล่าง ต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี มีการบริหารงานที่โปร่งใส มีคุณธรรม มีความเชื่อมั่นในความสามารถของลูกน้อง ให้โอกาสในการร่วมงาน และให้อิสระในการทำงาน ต้องรู้งานทุกขั้นตอน รู้ปัญหา-อุปสรรคต่างๆ ทำงาน และคิดว่าการนำ “ team work “ มาปฏิบัติในองค์กร  เช่น การยกตัวอย่างบริษัทปูนซีเมนต์ไทย โดยอาศัย  4  ปัจจัย คือ1. สร้างคุณภาพคนให้มีความชอบธรรม  2. ผู้บริหารระดับสูงให้ความสำคัญและลงมากระทำด้วยตนเอง  3.  เปลี่ยนทัศนคติของฝ่ายจัดการให้มองการพัฒนาคนเป็นการลงทุนระยะยาว  4.  ปลูกฝังให้พนักงานพัฒนาตนเองฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่า คน เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่าที่สุดในองค์กรจริงๆ  อย่างที่ไม่มีเหตุผลกลใดมาลบล้างความคิดนี้ได้ ประโยชน์และนำไปใช้กับประเทศเมื่อสังคมพัฒนาสู่ระดับสากลในยุคโลกาภิวัฒน์ ได้เรียนรู้พฤติกรรมของคนองค์กรและการพัฒนาประเทศและเมื่ออ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ทำให้ได้เปิดมุมมอง และเปิดใจยอมรับในเรื่องของ HR มากขึ้น และตอนนี้เห็นด้วยกับท่านว่าคนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดของประเทศ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการที่จะพัฒนาประเทศชาติและสังคมให้ประสบความสำเร็จ อยู่ได้อย่างยั่งยืนนั้นต้องอาศัยปัจจัยหลายๆอย่างเป็นส่วนประกอบแต่ที่สำคัญที่สุดคือ "คน" ที่มีคุณค่าและมีคุณภาพ เพื่อให้เกิดการพัฒนาและแข่งขันในระดับสากล เช่น การแข่งขันด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาประเทศด้วยการส่งเสริมการศึกษา การส่งเสริมการวิจัย การติดต่อสื่อสารในยุคอินเตอร์เน็ต (IT) หนังสือเล่มนี้ทำให้ได้เข้าใจอะไรที่เป็นสาเหตุของการพัฒนาประเทศที่มีความล่าช้า นั้นคือเราขาดตัวแปรที่มีความสำคัญในการที่จะพัฒนาประเทศของเรา ตัวแปรที่ว่าก็คือทรัพยากรมนุษย์นั้นเอง ที่ว่าเราขาดไม่ได้หมายถึงเราไม่มี แต่เรายังใช้ทรัพยากรไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร              สรุป เมื่อใดก็ตามที่ผู้บริหารมีความเชื่อและศรัทธาเข้าถึงปรัชญาของคำว่า คน  ที่กล่าวว่า คนคือ หัวใจของงาน ผู้บริหารจะได้รับการยอมรับและประสบความสำเร็จ โดยให้บริหารงานควบคู่คุณธรรมเสมอ                ----------------------------------การบ้านวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์   วันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2550 ผู้ส่ง นางสาวนันทพร สิงห์ตุ่ย   รหัสประจำตัว 49038010002   นักศึกษา MPA รุ่น 3   มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา08-1901-2543[email protected]------------------------------------------------------
นางสาวละอองแก้ว จันทร์เทพ
สวัสดีค่ะ อาจารย์ยม  นาคสุข    นางสาวละอองแก้ว  จันทร์เทพ  รหัส 49038010008จากการเรียน การบริหารทรัพยากรมนุษย์ เมื่อวันที่ 14 มกราคม  2550        ส่วนที่        1   จากการเรียนในวันนี้แล้วได้อะไรบ้าง ภาพรวมของการบริหารทรัพยากรมนุษย์  พอสรุปประเด็น 1ได้ดังนี้ 1. การสร้างอำนาจ 5 อย่าง คือ                         1) อำนาจสร้างได้โดยการให้  ได้แก่  การให้โอกาส ให้อภัย ให้ความรู้ ให้ความรัก ให้ความเป็นกันเอง ให้เกียรติ ฯลฯ ในวันหนึ่งๆต้องทำอย่างนี้กับลูกอาจจะทำไม่ทั่วถึงทุกคนแต่ต้องทำทุกวัน         2) อำนาจสร้างได้โดยการติเตียน แต่ต้องทำให้ถูกเวลา ถูกสถานที่ และถูกบุคล การติเตียนลูกน้องต้องทำไม่เกิน 3 ครั้ง          3) อำนาจสร้างได้โดยเป็นผู้รู้มากกว่า เช่นลูกน้องทำงานผิดพลาด ต้องแนะนำในทางที่ถูกทันที เพื่อแสดงให้เขาเห็นว่าเรารู้มากกว่าเขาและควรรู้มากกว่าเขาในหลายๆเรื่อง เช่น อาจรู้เรื่องกฎหมาย รู้เรื่องการบริหารฯลฯ         4)  อำนาจอ้างอิง  เช่นเราได้รับเกียรติให้ติดตามเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ไปในที่ต่างๆ เมื่อมีคนมาเห็นเราบ่อยๆ ก็จะทำให้เรามีอำนาจ                    5)  อำนาจทางนิติกรรม คือการที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่างๆในสายผู้บริหาร ต้องติดประกาศให้ทุกคนทราบ 2. หลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี โดยใช้หลักธรรมมาภิบาล( Good Governance)ได้แก่       - การใช้หลักนิติกรรม                                                 - การใช้หลักคุณธรรม               - การใช้หลักความโปร่งใส จะทำอะไรต้องตรวจสอบได้               - ใช้หลักการมีส่วนร่วม โดยให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม               - ใช้หลักความรับผิดชอบ ต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน               - ใช้หลักความคุ่มค่า ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าในการใช้ทรัพยากรและผลตอบแทนที่จะได้รับ 3.  ทฤษฏี 6 ท ได้แก่                  1)     ท้าท้าย เมื่อมีงานทียากที่คนอื่นไม่ทำเราต้องกล้าที่จะทำ               2)     ท่าที  ต้องมีท่าที่ดี มาจากคิดดี ทำดี พฤติกรรมดี นิสัยดี บุคลิกภาพดี อนาคตที่ดีก็จะตามมา               3)     เที่ยงธรรม  ประกอบด้วยธรรมะ  คุณธรรม  หลักธรรมมาภิบาลต้องมี               4)     ทองแท้ เมื่อพูดอะไรต้องทำอย่างนั้น ต้องมีความซื่อสัตย์ ซื่อตรง ตรวจสอบได้เสมอต้นเสมอปลาย                5)    ทบทวน ต้องทบทวนเพื่อจะได้รู้ว่าเราได้ทำอะไรไปและจะต้องทำอะไร การทบทวนจะทำให้จำได้มากขึ้น                6)    ทำ ต้องทำด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่น อดทน ถ้าเรามี 6 ทอเราจะเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่า โลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง ลูกค้าจะต้องก็จะต้องเปลี่ยนเราเอง  ส่วนที่ 2   ปัญหาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ พอสรุปได้ดังนี้ี                                           1. คนไทยมีการศึกษาน้อย                2. ปัญหาผลกระทบทางสังคมและวัฒนธรรม เนื่องจากปัจจุบันโลกได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากทำให้วัฒนธรรมจากโลกตะวันตก เข้ามามีอิทธิพลต่อเด็กและเยาวชนเป็นอย่างมาก                3.  ปัญหาเกี่ยวกับตัวผู้นำ ซึ่งผู้บริหารส่วนใหญ่จะบริหารแบบเก่าๆ ไม่ค่อยพัฒนา และผู้บริหารส่วนมากมาจากระบบอุปถัมภ์จึงต้องทำงานเพื่อสนองความต้องการของพรรคพวก โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ  ส่วนที่ 3   ข้อเสนอแนะวิธีแก้ปัญหา                 1.  ต้องพัฒนาการศึกษาของไทยให้มีความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน               2.  ต้องช่วยกันรณรงค์และปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนรู้สึกรักและหวงแหนวัฒนธรรมที่ดีงามของไทยโดยจะต้องช่วยกันทุกฝ่าย เริ่มตั้งแต่ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และคนในสังคมทุกคนช่วยกัน               3. ผู้นำจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถจริงๆ มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ไม่ควรมาจากระบบอุปถัมภ์และควรจะมีความรับผิดและชอบต่อสิ่งที่ได้กระทำควรมีหลักธรรมมาภิบาลและให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก                                                             
นายจิรพัฒน์ ศรีจั่น รปม.03 รหัส 49038020013 เมื่อ 16/01/2007
การบ้าน เสนอ อาจารย์ ยม นาคสุข เรียนเมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2550ประเด็นที่ 1 วันนี้เรียนรู้ ได้ประเด็นอะไรที่ตนเองสนใจ?ตอบ                  1.สนใจการวางแผนในการดำเนินชีวิต                2.Good Governance หลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี        หลักธรรมภิบาล-         หลักนิติธรรม-         หลักคุณธรรม-         หลักโปร่งใส-         หลักการมีส่วนร่วม-         หลักความรับผิดชอบ-         หลักความคุ้มค่า3.ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ คือ-   การเมือง-   เศรษฐกิจ-   วัฒนธรรม-   เทคโนโลยีฯประเด็นที่ 2 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของรัฐ ท่านคิดว่ามีปัญหาอะไรบ้าง?ตอบ          1.บุคลากรของภาครัฐไม่ดึงศักยภาพของตนเองที่มีอยู่ออกมาใช้อย่างเต็มความสามารถ                2.ภาครัฐยึดติดกับแบบแผนดั้งเดิม                3.พนักงานในภาครัฐขาดการปฏิสัมพันธ์ที่ดีภายในองค์การประเด็นที่ 3 ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาให้ภาครัฐ?ตอบ          1.สร้างและสนับสนุนให้เกิดแรงจูงใจในการทำงานและเปิดโอกาสทางความคิดเห็นให้กับทุกๆคน                2.จัดการฝึกอบรมและดูงานให้เกิดการพัฒนาแนวคิดและนำมาประยุกต์ใช้การทำงานในชีวิตประจำวัน                3.จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ในองค์การ 
กัลย์สุดา พันธเสน รหัส 49038020003
กัลย์สุดา พันธเสน รปม. รุ่น 3 รหัส 49038020003 เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และ อาจารย์ยม นาคสุข จากการเรียนวิชาบริหารทรัพยากรมนุษย์เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2550 ดิฉันได้รับความรู้ใหม่ เกิดขึ้นมากในวันที่ 13 มกราคม 2550 ดิฉันไม่ได้เข้าเรียนชั่วโมงแรกของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เนื่องจากดิฉันต้องเข้าร่วมงานวันเด็กที่ทางองค์กรจัดขึ้นจึงไม่สามารถเข้าเรียนได้ มีความรู้สึกว่าตัวเองไม่มีบุญเอาเสียเลย (ขอยืมคำพูดอาจารย์ยม มาใช้หน่อยนะคะเพราะว่ามีความรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ ) และก็มีความรู้สึกว่าเสียดายมากๆ ที่ท่านนำความรู้มาให้โดยไม่ต้องไปหาที่ไหน แล้วเราไม่สามารถได้รับความรู้นั้น ในระหว่างที่เรียน วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม กับท่าน อาจารย์ยมดิฉันได้รับความรู้ที่แปลกใหม่และได้รับความรู้ ในเรื่องการบริหารทรัพยากรมนุษย์ การวางแผนการดำเนินชีวิตในอนาคตให้บรรลุเป้าหมายว่าจะทำอย่างไรควรมีการวางแผนอย่างไร ให้รู้จักวิธีการคิด การทำ การพูด พูดอย่างไร เรื่องของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตข้างหน้าของทรัพยากรมนุษย์ในโลก อาจารย์ยมท่านได้นำมาบอกเล่าให้พวกเราฟัง ว่าเราจะวางแผนกับชีวิตอย่างไรจึงจะทำให้เรานำไปสู่เป้าหมายและประสบความสำเร็จ และสิ่งที่ได้เรียนรู้จากอาจารย์ยมทำให้พวกเรามีความคิดสามารถนำไปปฏิบัติได้ อย่างเช่นเรื่อง 1 การสร้างอำนาจ 5 อย่าง 2 หลักทฤษฎี 6 ท. เทคนิคการสู่ความสำเร็จและก้าวหน้า 3 ภาพรวมระบบและกระบวนการ HRM และ HRD ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ HRM 4 แนวทางการวิเคราะห์ตนเองเพื่อวางแผนและกำหนดเป้าหมายในชีวิตว่าจะทำอย่างไร 5 หลักธรรมมาภิบาล 6 ข้อ ซึ่งเป็นหลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี Good Governance สามารถนำมาใช้ภายในองค์กรหรือกับบุคลากรและตัวเราได้ ปัญหาที่พบในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของรัฐ คือ ขอพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและเห็นได้ชัดภายในองค์กรที่ทำ 1. ผู้บริหารสูงสุดไม่มีอำนาจในการสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นผู้ตัดสินใจเองโดยที่ผู้บังคับบัญชาไม่ได้สั่งการ ทำให้ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาที่ต่ำกว่าอีกหลายคนมองดูแล้วไม่ถูกต้องจึงทำให้หมดความเชื่อถือ 2. การจัดคนเข้าทำงานส่วนมากมาจากระบบเส้นสายไม่คำนึงถึงความสามารถของบุคคลที่เข้ามาทำงานและจัดคนไม่ตรงกับตำแหน่ง ไม่มีระบบในการประเมินผลการปฏิบัติงานทำให้คนที่มีความสามารถและมีความชำนาญในการทำงานหมดกำลังใจ 3. ราชการไม่มีความกระตือรือร้นในการทำงานขาดความพร้อมในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน แนวทางการแก้ไขปัญหา 1. ควรใช้หลักการสร้างอำนาจ 5 อย่าง มาปฏิบัติ ผู้นำถ้าไม่มีอำนาจหรือมีอำนาจมากเกิน การบริหารก็ไม่สามารถนำองค์กรให้ประสบผลสำเร็จได้ ควรใช้อำนาจของตนในสิ่งที่ถูกต้องมีความเป็นธรรม มีความเมตตา มีความเคารพผู้อื่น เคารพกฎระเบียบมีวาจาซื่อสัตย์ มีแบบแผน ความอยู่รอดขององค์กรอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง 2. ควรใช้หลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดีมาใช้ ได้แก่ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักมามีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ หลักความโปร่งใส ควรมีการทดสอบความสามารถในการปฏิบัติงานตามความถนัดด้วยความยุติธรรม โปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ และประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างเป็นธรรมเพื่อให้พนักงานมีขวัญและกำลังใจ 3. ให้ข้าราชการได้มีวิสัยทัศใหม่ของการพัฒนาระบบราชการไทยโดยยึดหลักธรรมมาภิบาลและประโยชน์สุขของประชาชน สรุป ข้อเสนอแนะ ถ้าข้าราชการไทยทำงานด้วยใจรักมีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนก็ไม่มีปัญหาอะไรนำความรู้ใหม่ๆ ที่ได้ไปอบรม มาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในองค์กร คำว่าข้าราชการในความคิดก็คือข้ารับใช้ของประชาชนเราเข้ามาทำงานตรงนี้แล้วเราต้องเสียสละช่วยเหลือ มีน้ำใจ มีคุณธรรมและจริยธรรม พัฒนาสังคมเราต้องคิดว่าข้าราชการคือผู้นำนโยบายไปสู่ประชาชน กัลย์สุดา พันธเสน 0863211129
นุชรี อรรถีโภค รปม.3 รหัส 49038010001
สวัสดีค่ะ ท่าน ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์ จากเมื่อวันที่ 13 ม.ค.50
ที่อาจารย์ได้กรุณามาให้ความรู้แก่นักศึกษา
MPA สวนสุนันทา เป็นครั้งแรกที่รู้จักอาจารย์นะคะ เพราะว่าวิสัยทัศน์ของดิฉันไม่ค่อยเปิดกว้างเท่าไหร่นักจึงไม่รู้จักผู้ที่มีความรู้ความสามารถอย่างอาจารย์ เริ่มตั้งแต่เจออาจารย์ครั้งแรกบอกตรงๆว่ากลัวอาจารย์มากรู้สึกเกรงกับการเรียนมาก กลัวว่าอาจารย์จะถามแล้วตอบไม่ได้ แต่อาจารย์ก็เริ่มเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่ออาจารย์ได้มากอาจารย์ทำให้บรรยากาศในการเรียนมีรสชาติรู้สึกตื่นเต้นกับอาจารย์ตลอดเวลาและทำให้ดิฉันรู้สึกเกิดความมั่นใจในการเรียนมากขึ้นมันเป็นการจุดประกายให้ชีวิตเป็นอย่างมาก เรื่องที่ได้เรียนรู้จากอาจารย์และสามารถนำไปปฏิบัติได้        1. ทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในปัจจุบันไม่ใช่เงิน สิ่งของ หรือเครื่องจักร แต่เป็นคน2. วิธีคิด 4 แนว คือ ก่อนที่จะเริ่มทำงานใดๆ ให้คิดถึงสิ่งต่อไปนี้ คือ ทำอะไร ทำอย่าง ทำเพื่อใคร และทำแล้วได้อะไร3. ระบบราชการกับเอกชน มีเงื่อนไขไม่ต่างกันแต่มีเป้าหมายเหมือนกันคือลูกค้าและการบริการที่ดี        จากที่ได้อ่านหนังสือแฟนพันแท้เป็นแนวคิดและประสบการณ์ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของ คุณพารณ  อิศรเสนา ณ อยุธยาท่านได้กล่าวว่าทรัพยากรมนุษย์เป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดต้องรู้จักที่จะพัฒนาเพิ่มพูนความรู้ความสามารถอยู่ตลอดเวลาคนเป็นทรัพยากรที่มีค่าสูงสุดขององค์กรมองคนที่ความสามารถต้องมีความพยายามมุ่งมั่นให้ไปถึงจุดหมายต้องรู้จักที่จะเดิน
เข้าหาอุปสรรคและแก้ไขมันด้วยปัญญาเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง เมื่อมีความรู้แล้วก็ต้องรู้จักที่จะแบ่งปันความรู้ไปยังผู้อื่นรู้จักที่จะแสวงหาความรู้อยู่ตลอดเวลาสามารถทำงานได้หลากหลายโดยใช้ความคิดสร้างสรรค์ ทำงานด้วยใจรักรู้จักให้โอกาสผู้อื่นได้แสดงความสามารถพยายามสร้างคนที่มีคุณภาพเพราะความรู้ความสามารถไม่ได้เกิดขึ้นเองต้องรู้จักใฝ่หาอยู่ตลอดเวลาในหนังสือเล่มนี้จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ เรื่องของสองแชมป์ กล่าวถึงประวัติของคุณพารณฯ และ ศ.ดร.จิระฯ ซึ่งมีเส้นทางไม่เหมือนกันแต่มีเป้าหมายเหมือนกัน คนหนึ่งเป็นนักวิชาการ อีกคนหนึ่งเป็นนักปฏิบัติ เรื่องคัมภีร์คนพันธ์แท้ เป็นเรื่องของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพราะคนถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์กรมุ่งเน้นเรื่องการเรียนรู้จากประสบการณ์การทำงานบริหารงานโดยเน้นคนเป็นสำคัญต้องมีวิสัยทัศน์ในการวางแผนมีการพัฒนาคนทุกระดับตั้งแต่ผู้นำจนถึงผู้ปฏิบัติงานสร้างบรรยากาศที่ดีต่อการเรียนรู้คนต้องได้รับแรงจูงใจในการทำงานไม่เพียงแต่ค่าตอบแทนเพียงอย่างเดียวและจะต้องมีสุขภาพทั้งกายและใจที่ดีมีคุณภาพชีวิตที่ดีต้องสร้างคนให้เข้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องภาษาอังกฤษ และความสามารถในการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาผสมผสานในการทำงาน เรื่องจักรวาลแห่งการเรียนรู้ คือเป็นผู้เรียนรู้ที่ดีไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนแปลงไปก็สามารถเรียนรู้และรับมือกับมันได้ตามสภาวะการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเมื่อเรียนรู้แล้วก็สามารถที่จะนำไปปฏิบัติได้จริงเพราะการเรียนรู้ต้องเรียนรู้ไปตลอดชีวิต เรื่องสูตรเพิ่มผลผลิต เป็นแนวคิดในเรื่องการเพิ่มผลผลิตมองในภาพกว้างๆเป็นการสร้างศักยภาพทางการแข่งขันในระดับประเทศด้วยการพัฒนาทรัพยากรอย่างมีคุณภาพ
สิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันแท้และจะนำไปใช้ประโยชน์กับตัวเองได้อย่างไรบ้าง เริ่มมองตัวเองต้องรู้ว่า ต้องทำอะไร ทำอย่างไร ทำเพื่อใคร และทำแล้วได้อะไรอย่าปล่อยชีวิตให้อยู่กับความว่างเปล่าอยู่ไปวันๆ ต้องหาความรู้สิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับตัวเองได้แล้วทำงานโดยต้องนึกถึงเป้าหมายของการทำงานเปิดวิสัยทัศน์ให้กับตัวเองสนใจที่จะนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้ในการปฏิบัติงานต้องเข้าไปหาความรู้เพราะไม่มีทางที่มันจะเข้ามาหาเราเองได้ ต้องรู้จักทำงานอย่างเป็นระบบ สิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อองค์กร คือ ในองค์กรภาครัฐ ข้าราชการมีความคิดแบบเดิมๆ คือมีผลงานหรือไม่มีผลงานก็อยู่ได้ทำงานตามหน้าที่เท่านั้นไม่มีการประสานงานสายการบังคับบัญชายุ่งยากทำงานแบบตามใจนายนายชอบแบบไหนก็ทำแบบนั้น ใช้ระบบอุปถัมภ์ซึ่งเป็นระบบที่เป็นอุปสรรคในการเจริญก้าวหน้าของผู้ที่มีความรู้ความสามารถโดยแท้จริงไม่สามารถที่จะเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้ ต้องใช้หลัก
ธรรมาภิบาลในการแก้ไขปัญหาในเรื่องระบบอุปถัมภ์ สิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ปัญหาใหญ่ของประเทศชาติก็คือ คน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของประเทศและก็เป็นสิ่งที่มีปัญหามากที่สุดในประเทศเหมือนกัน เริ่มจากการศึกษาคนยังได้รับการศึกษาน้อยอยู่จึงไม่สามารถที่จะช่วยพัฒนาประเทศได้ แค่คิดว่าจะช่วยพัฒนาประเทศอย่างไรก็ไม่รู้แล้วว่าจะต้องทำอย่างเริ่มต้นด้วยการศึกษาดีที่สุด แล้วนำความรู้ความสามารถที่ได้รับมาช่วยกันพัฒนาประเทศ ต่อมาคือผู้นำต้องสามารถที่จะนำพาประเทศไปสู่ความสงบสุขได้รู้จักที่จะใช้อำนาจอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องจะทำให้เกิดความศรัทธาและบารมีตามมา
 สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นความรู้ที่ได้รับจาก ศ.ดร.จิระ และ อาจารย์ยม ซึ่งทำให้ทราบว่าเราควรจะมีเป้าหมายในชีวิตรู้จักที่จะศึกษาหาความรู้และสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง องค์กร และประเทศชาติได้
ยม "บางท่านเขียนมาดีมาก น.ศ.ที่กำลังทำและทยอยส่งมา ขอให้ทำให้ดียิ่งขึ้น"

สวัสดี ครับ ศ.ดร.จีระ / นักศึกษา MPA สวนสุนันทาฯ และท่านผู้อ่านทุกท่าน 

  

วันครูที่ 16 ม.ค. ตอนช่วงเย็น ได้มีโอกาสไปที่สวนสุนันทา อีกหนึ่งวัน เนื่องจาก ทราบข่าวว่า อาจารย์ใหญ่ของผมอีกท่านหนึ่ง คือ ศ.ดร.บุญทัน ดอกไธสง หนึ่งในบิดาแห่งรัฐประศาสนศาสตร์ของไทย  ท่านมาประชุมกับคณะกรรมการสภาสวนสุนันทาฯ ขณะที่มีอาการป่วยมาก จึงถือโอกาสแวะไปเยี่ยมท่าน 

เมื่อไปถึงบริเวณสวนสุนันทา ทำให้คิดถึงบรรดานักศึกษา MPA รุ่น 3 ทุกคน  หวังว่า ศิษย์ MPA รุ่น 3 ทุกคน คงได้ใช้ ท.ทบทวน ความรู้ที่ได้รับไป บูรณาการกับ การพัฒนาตนเอง ตามทฤษฎี ต.ต่อเนื่อง ของ ศ.ดร.จีระ ในการพัฒนาตนเอง สำหรับ ศิษย์ที่เขียนข้อความเข้ามาแล้ว  ขอให้ศึกษาของเพื่อน ๆ ที่เขียนมาด้วยว่า มีส่วนดีอะไรที่เราน่าจะเอาอย่าง 

  หวังว่า ศิษย์ MPA รุ่น 3 ทุกคน คงสบายดีและได้ใช้ ท.ทบทวน ความรู้ที่ได้รับไป บูรณาการกับ การพัฒนาตนเอง ตามทฤษฎี ต.ต่อเนื่อง ของ ศ.ดร.จีระ ในการพัฒนาตนเอง    

ศิษย์ทุกคนครับ ข้อความที่เพื่อน ๆ MPA เขียนมาใน Blog นี้บางท่านเขียนมาสรุปสั้นเกินไป ไม่มีการกล่าวนำ และต่อยอดเสนอความเห็นใด ๆ เลย เวลาเขียนทำข้อสอบแบบนี้ต้องระวัง

 

อย่างไรก็ตามขอขอบใจ ศิษย์ที่ส่งงานมาเป็นอันดับต้น ๆ   ซึ่งมีความตั้งใจดีทุกคนสำหรับ ศิษย์ที่เขียนข้อความเข้ามาแล้ว  ก็อย่าหยุดการศึกษา  ขอศิษย์ที่ยังไม่ได้เขียน ยังไม่ได้ส่ง และที่ส่งมาแล้ว กรุณาศึกษาของเพื่อน ๆ ที่ส่งมาในอันดับต้น ๆ ว่า มีส่วนดีอะไรที่เราน่าจะเอาเป็นตัวอย่าง แล้วนำส่วนที่ดีไปบูรณาการให้เป็นความดีของเราให้ดียิ่งขึ้น 

  

มีบางท่านเขียนมาได้ดีมาก มีจิตวิทยาในการเขียนด้วย  กล่าวทักทายอาจารย์ใหญ่ ศ.ดร.จีระ ด้วยเสมอ ควรที่นักศึกษาที่ยังไม่ได้เขียนส่งมา ศึกษาและมองให้เห็นส่วนเด่นดีทั้งด้านจิตวิทยาการเขียนและด้านเนื้อหาสาระ และต่อยอด พัฒนาให้ดียิ่งขึ้น เพื่อชื่อเสียงของชาว MPA 3 สวนสุนันทา เพื่อตัวท่านเองและที่สำคัญเพื่อชื่อเสียงของสถาบันที่ท่านเรียนด้วย  เพราะบทความของท่าน จะปรากฏต่อสาธารณะชนทั่วประเทศ และดูได้ทั่วโลกที่ internet ไปถึง

  

ขอให้ศิษย์รักทุกคนตั้งใจ ให้ดีและขอให้โชคดีทุกคน

 

  

สวัสดี

 

ยม

 

081-9370144

 

[email protected] 

 

http://gotoknow.org/portal/yom-nark

 

สุภาภรณ์ สุขเกษม MPA.3 มรภ.สวนสุนันทา รหัส 49038010007
 

เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ ยม  นาคสุข

           จากการที่ดิฉันได้เรียนวิชา การบริหารทรัพยากรมนุษย์ กับท่านทั้งสองในวันที่ 13-14 ม.ค 50 ที่ผ่านมานั้น ดิฉันได้รับความรู้ที่ทันสมัยและหลากหลายอย่างมาก จากความรู้เดิมที่มีอยู่บางเรื่องในหัวข้อที่อาจารย์ กลับได้รู้เพิ่มและเข้าใจยิ่งกว่าเดิม ซึ่งทำให้ดิฉันรู้สึกว่าความรู้ที่ได้รับมาสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างแน่นอน และดิฉันรู้สึกว่าตนเองโชคดีที่ได้เลือกเรียน MPA ที่ราชภัฏสวนสุนันทา เพราะมีโอกาสได้เรียนกับอาจารย์ที่มีคุณภาพทุกๆท่าน          ซึ่งดิฉันขอตอบในสิ่งที่อาจารย์ ยม ได้ให้เป็นการบ้าน คือ ประเด็นที่ได้จากการเรียนในวันที่ 15 ม.ค. 50 และดิฉันสนใจเป็นพิเศษ คือ - ปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อ HRM ซึ่งได้แก่  PEST            มีองค์ประกอบสำคัญ 4 ประการคือ          Political                 การเมือง          Economy          เศรษฐกิจ          Social           สังคม วัฒนธรรมTechnology          เทคโนโลยี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่เราควรวิเคราะห์เป็นอันดับแรกเพราะองค์ประกอบทุกตัวมีการเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาแล้วแต่ว่ามากน้อยเพียงใดเพราะทุกตัวมีส่วนเกี่ยวข้องกับ HRM ซึ่งถ้าเราสามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยดังกล่าวได้ จะทำให้องค์กร หรือประเทศชาติ ที่เรามีส่วนในการบริหารทรัพยากรมนุษย์มีโอกาสประสบความสำเร็จ และ PEST สามารถใช้ได้กับทุกทฤษฎี- การสร้างอำนาจ 5 อย่าง- การสร้างอำนาจให้  คือ การให้โอกาส ให้ความรู้ ให้อภัย จะทำให้เราได้ในสิ่งที่เราต้องการ- การสร้างอำนาจติ คือ การติเพื่อให้ปรับปรุง แต่ควรติให้ถูกเวลา และสถานที่ ไม่ควรติต่อหน้าผู้อื่น- การสร้างอำนาจเป็นผู้รู้มากกว่า คือ เมื่อมีโอกาสควรแสดงให้รู้ว่าสิ่งที่คนอื่นไม่รู้แต่เรารู้ - การสร้างอำนาจอ้างอิง คือ การนำอำนาจของผู้มีบารมีมาอ้างอิงใช้ในบางครั้ง เช่น อำนาจหรือคำพูดของผู้จัดการ- นิติกรรม คืออำนาจอย่างเป็นทางการที่ได้รับแต่งตั้ง เช่นการได้รับการเลื่อนตำแหน่งสูงขั้นและประกาศให้ผู้อื่นได้รับทราบอย่างทั่วถึงการใช้อำนาจทั้ง 5 นั้น จริงๆแล้วทุกคนเคยใช้แต่ใช้แค่บางอำนาจและไม่ต่อเนื่อง จึงไม่ได้ผล ซึ่งอาจารย์ยมบอกว่าควรจะสร้างทุกอำนาจ อย่างต่อเนื่องจึงจะได้ผล                             -         ทฤษฎีการบริหารงานแบบญี่ปุ่น ซึ่งใช้หลัก 3 Q1.     Quality of worker,human2.     Quality of company,organization3.     Quality of product,serviceซึ่งทำให้องค์กรของบริษัทญี่ปุ่นประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง     การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐ ที่คิดว่ามีปัญหา และข้อเสนอแนะ 
  1. ปัญหาขาดแคลนกำลังในการบริหารประเทศ เช่น นักวิทยาศาสตร์ ครู  เนื่องจากขาดการวางแผนกำลังคนในสาขาอาชีพต่าง ๆ
วิธีการแก้ปัญหา  โดยการวางแผนกำลังคนว่าในอีก 10 20 ปี ข้างหน้า  ประเทศไทยจะมีบุคลากรในสาขาวิชาชีพต่าง ๆ จำนวนเท่าใด และเร่งสร้างคนในสาขาอาชีพนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้ทุนการศึกษา หรือโครงการต่างๆเพื่อสร้างบุคลากร 2. ปัญหาคนไม่มีคุณภาพ  ซึ่งคนไทยขาดการศึกษาที่ดี ระบบการศึกษาที่มุ่งเน้นการท่องจำมากกว่าการคิดวิเคราะห์ และไม่มีการอบรมด้านคุณธรรมจริยธรรม  การขาดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา ทำให้ทรัพยากรบุคคลของประเทศขาดจริยธรรม คุณธรรม วิธีการแก้ปัญหา  ปรับระบบการศึกษาของไทยให้เน้นการคิดวิเคราะห์เป็นบนพื้นฐานของศีลธรรม จริยธรรม  โดยเพิ่มหลักสูตรด้านจริยธรรม  และรัฐควรดูแลการศึกษาขั้นพื้นฐานให้กับเยาวชน 3.  ค่านิยมเก่า ๆ ได้แก่  การคำนึงถึงระบบอาวุโส และระบบอุปถัมภ์ โดยไม่ได้คำนึงถึงความสามารถของบุคคล ทำให้คนที่มีความรู้ความสามารถขาดขวัญกำลังใจ  แรงจูงใจ วิธีการแก้ปัญหา  จัดฝึกอบรมเพื่อปรับทัศนคติ   พัฒนาภาวะผู้นำ  ปรับปรุงกฎหมายให้เอื้ออำนวยต่อการนำระบบคุณธรรมเข้ามาใช้ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของประเทศสรุป ถ้าประเทศไทยมีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพมากกว่าเดิม มีบุคลากรในสาขาอาชีพอย่างเพียงพอเพื่อเป็นกำลังช่วยกันในการพัฒนาประเทศ ดิฉันเชื่อว่าประเทศเราจะเป็นประเทศที่ก้าวหน้าไม่ว่าทางด้านการศึกษา เทคโนโลยี เศรษฐกิจ และด้านต่างๆ ไม่แพ้ประเทศเพื่อนบ้านหรือประเทศใดๆในโลก  ประเทศชาติรอพวกเรา ชาว MPA.3 อยู่นะคะ
พรกมล สมวงศ์ รปม.3 รหัส 49038010014 ม.สวนสุนันทา
เรียน ศ.ดร.จีระ  หงห์ลดารมภ์  และอาจารย์ ยม  นาคสุข        สวัสดีค่ะ  อาจารย์ ดิฉันรู้สึกดีใจ ภูมิใจ และประทับใจ เป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสมาเป็นลูกศิษย์หนึ่งในหลาย ๆ คนของอาจารย์ นับว่าดิฉันโชคดีมาก จากเมื่อก่อนที่ดิฉันไม่เคยทราบความหมายของการบริหารทรัพยากรมนุษย์  หลังจากที่ได้เรียนกับอาจารย์เมื่อวันที่ 13 และ 14 มกราคม  ที่ผ่านมา ทำให้ดิฉันได้ทราบความหมาย รวมทั้งขั้นตอนของการบริหารทรัพยากรมนุษย์เป็นอย่างดี และยังได้ทราบความหมายของทฤษฎีต่าง ๆ อีกหลายทฤษฎี ล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตในอนาคตต่อไป ดิฉันตั้งใจไว้ว่าจะนำเอาความรู้ที่ได้จากอาจารย์ทั้ง 2 ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันของตนเอง องค์กร และประเทศชาติต่อไป หลังจากที่อาจารย์ได้สอนแล้ว อาจารย์ก็ให้สรุปประเด็นต่าง ๆ ที่อาจารย์สอนในแต่ละครั้งว่าได้อะไรบ้างจากการเรียนกับอาจารย์ ซึ่งในวันนี้ ดิฉันจะขอตอบในประเด็นของอาจารย์ยมก่อน  ส่วนของ ศ.ดร.จีระ ดิฉันกำลังอ่านหนังสือของอาจารย์อยู่ และจะสรุปส่งมาให้อาจารย์ในวันต่อไป        ค่ะ จากการเรียนกับอาจารย์ยมแล้ว ดิฉันจะขอสรุปประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ประเด็นที่ 1  จากการที่ได้เรียนรู้ ได้ประโยชน์ และสนใจ  3  เรื่องคือ        1. ได้รู้ทฤษฎี 6 ท  เพราะไม่เคยทราบมาก่อนว่าตัว จะมีความหมายที่น่าสนใจมากมาย และตัว ยังเป็นกระบวนการที่จะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จ ก้าวหน้า และมีคุณค่า ซึ่งประกอบไปด้วย ดังนี้                 1.1  ท้าทาย  คือเรากล้าที่จะทำทุกอย่าง เมื่อมีงานอะไรที่ยากคนอื่นเขาไม่กล้าทำ  และเรากล้าจะทำ  ซึ่งมีความหมายที่ดีมาก ๆ                1.2  ท่าที่ทีดี  คือ การพูดดี ทำดี คิดดี นิสัยดี พฤติกรรมดี บุคลิกภาพดีอนาคตก็จะดีตาม                1.3  เที่ยงธรรม  คือจะต้องมีคุณธรรม  มีความเสมอภาค โดยนำหลักธรรมาภิบาลมาเป็นแนวในการปฏิบัติ                1.4  ท่องแท้  คือจะต้องมีความซื่อสัตย์  สุจริต  เสมอต้นเสมอปลาย พูดอะไรออกไปก็ต้องปฏิบัติตามนั้น  และสามารถให้คนอื่นตรวจสอบได้ด้วย                1.5 ทบทวน  คือ จะทำให้บุคคลตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา  ต้องค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม นอกเหนือจากที่ได้เรียนมา                1.6 ทำ คือ จะทำอะไรต้องทำด้วยความมุ่งมั่น ทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจ  สอนให้คิดได้ว่า ไม่มีอะไรที่เราจะทำไม่ได้ถ้าเราตั้งใจจะทำ        2. สอนให้รู้ว่าการสร้างอำนาจของมนุษย์นั้น    ก็เป็นส่วนหนึ่งของ   HRM อำนาจ 5 อย่างของมนุษย์ คือ                 2.1 อำนาจสร้างได้ด้วยการให้ เช่น การให้โอกาส ให้ความรู้ การให้อภัย  การให้ทาน  เป็นต้น                2.2 อำนาจสร้างได้ด้วยการติ  แต่การตินั้นจะต้องติให้ถูกเวลา  สถานที่ และบุคคล                2.3 อำนาจสร้างได้ด้วยการเป็นผู้รู้มากกว่า                2.4 อำนาจสร้างได้ด้วยการอ้างอิง                2.5 อำนาจทางนิติกรรม        แต่ทั้งนี้ และทั้งนั้น อำนาจต้องสร้าง ต้องรักษา ต้องใช้อย่างเป็นระบบ และต่อเนื่อง ถ้าใช้เป็นประจำอย่างมีระบบ แล้วศรัทธาและบารมีก็จะตามมา           3. หลักของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดีนั้น (Good  Governamce) ต้องนำหลักธรรมาภิบาล มาบริหารจัดการ ซึ่งประกอบด้วย                3.1 หลักนิติธรรม                3.2 หลักคุณธรรม                3.3 หลักความโปร่งใส                3.4 หลักการที่มีส่วนร่วม                3.5 หลักความรับผิดชอบ                3.6 หลักความคุ้มค่า        นอกจากนี้ยังได้แนวทางในการวิเคราะห์เพื่อวางแผน ในการกำหนดเป้าหมายชีวิตของตนเอง ครอบครัว องค์กร และสังคม ประเด็นที่ 2 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ มีปัญหาอะไรบ้าง 3 ข้อ        1. ผู้บริหารขาดสภาวะการเป็นผู้นำ  ทำให้เกิดปัญหาด้านคอร์รัปชั่น การบริหารไม่โปร่งใส ทำให้เกิดความขัดแย้ง แย่งผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน ส่งผลให้การบริหารหยุดชะงัก งานไม่ต่อเนื่อง ทำให้เกิดการล่าช้า        2. ขาดการวางแผนที่จะปรับปรุงและพัฒนาระบบราชการให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมภายนอก ในด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ และขาดการวางแผนในการพัฒนาข้าราชการให้มีความรู้ความสามารถยังไม่ดีพอ        3. ผู้บริหารนำระบบอุปถัมภ์มาบริหารจัดการ และพิจารณาความดีความชอบในการประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการอย่างไม่เป็นธรรม ทำให้บุคคลที่ตั้งใจปฏิบัติงานขาดขวัญและกำลังใจ ส่งผลให้การปฏิบัติงานไม่มีประสิทธิภาพ ประเด็นที่ 3  ข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหา        1. ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ จะต้องมีความยุติธรรม มีคุณธรรม จริยธรรม และมีความเสมอภาค โดยยึดหลักธรรมาภิบาลทั้ง 6 หลัก มาบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานภาครัฐ        2. หน่วยงานภาครัฐจะต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ทันกับยุคโลกาภิวัตน์ที่พัฒนาอยู่ตลอด ควรจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาข้าราชการ  มีแผนพัฒนาการบริหารอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง มีการลงทุนเรื่องการพัฒนาคน เทคโนโลยี ให้งบประมาณอย่างเพียงพอ เดิมพัฒนาด้วยการฝึกอบรม เปลี่ยนใหม่โดยการนำทฤษฎีต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาหน่วยงานภาครัฐ        3. หน่วยงานภาครัฐเป็นหน่วยงานด้านการให้บริการ ควรรณรงค์และประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ให้กับสังคมและประชาชนรับทราบผลการดำเนินงาน เพื่อความโปร่งใส สามารถให้ทุกคนได้ตรวจสอบเปรีบบเทียบผลการปฏิบัติงาน และประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงผลดีและผลเสียของนโยบายด้านต่าง ๆ ควรจะให้สังคมและประชาชนมีส่วนร่วมในการนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ภาครัฐ และได้ร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย   
เปรมหทัย พึ่งบุญ ณ อยุธยา
เรียน  ท่านอาจารย์ ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์   อาจารย์ยม  และสวัสดี เพื่อน MPA 3 และชาว Blog ทุกท่าน                 ดิฉันรู้สึกยินดีมากที่ได้มีโอกาสเข้ามาร่วมสนทนาและแสดงความคิดเห็นกับท่านอาจารย์และทุกท่านที่นี่    ที่สำคัญคืออยากบอกว่า  การได้เป็นลูกศิษย์ของท่านอาจารย์จีระทำให้รู้สึกเป็นเกียรติและอบอุ่นใจ และหลักสูตรของอาจารย์ทำให้การเข้าโครงการ MPA มีค่ามาก   สำหรับการบ้านของท่านอาจารย์ทั้งสองท่าน  ดิฉันขอแสดงความคิดเห็นดังนี้ การบ้านท่านอาจารย์จีระ:          การอ่านหนังสือ HR Champions เขียนโดย ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์  เหมือนกับการชมภาพยนตร์ที่สนุกสนานชวนติดตาม  เป็นภาพยนตร์ที่มีการตัดฉากกลับไปกลับมา ฉายภาพการสัมภาษณ์บุคคลระดับสูง 2 ท่าน และบทสัมภาษณ์ผู้บริหารงาน HR ที่มีชื่อเสียงในวงการหลายคน  ไล่ลำดับให้ข้อมูลแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการขององค์การใหญ่ 2 แห่ง คือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (มหาชน) จำกัด และ สถาบันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ซึ่งเป็นองค์การที่มีความยิ่งใหญ่ในด้านงานทรัพยากรบุคคล  ข้อมูลทั้งหมดล้วนน่าสนใจแสดงให้เห็นว่า การที่องค์การใดจะประสบความสำเร็จอย่างสูงจะต้องมีผู้นำซึ่งเป็นผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล  มีความรู้ความสามารถในการวางระบบงาน ใช้คนเป็น  ต้องเป็นผู้ไม่หยุดนิ่งแต่ต้องสนใจใฝ่หาความรู้ใหม่ๆ เสมอ  ต้องเป็นคนทันสมัยทันโลก  เป็นผู้มีภาวะผู้นำสูงกล้าตัดสินใจและทุ่มเทการทำงานอย่างสุดตัว                HR พันธ์แท้ตัวเอกของเรื่อง 2 ท่าน คือ ท่านพารณ อิศรเสนา และ ท่านอาจารย์ ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์  เป็นปูชนียบุคคลทางด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์  การอ่านหนังสือเล่มนี้ทำให้ผู้อ่านได้เรียนรู้ซึมซับวิธีการทำงานระดับปรมาจารย์ได้อย่างไม่รู้ตัว   ประเด็นสำคัญที่เป็นประโยชน์กับตัวผู้อ่าน สังคม ประเทศชาติ สามารถอธิบายได้ ดังนี้ประโยชน์ต่อตัวผู้อ่าน:1.     ได้รับความรู้ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ของ บริษัท ปูนฯ ตั้งแต่การวางแผนงาน การสรรหาคัดเลือกคน  วิธีการพัฒนาคน  วิธีการสร้างแรงจูงใจพนักงาน  ระบบการให้ผลตอบแทน และการเชื่อมโยงองค์การและพนักงานให้เป็นหนึ่งเดียว  โดยบทพิสูจน์ความสำเร็จ คือ การเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทำกำไรสร้างรายได้ให้กับประเทศชาติจำนวนมากตลอดระยะที่ผ่านมา2.     ทำให้ได้เรียนรู้วิธีดำเนินชีวิตของผู้บริหารระดับสูงที่ทำงานเพื่อประโยชน์ขององค์การและเชื่อมโยงชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวได้อย่างสมดุลย์  ทำให้ทำงานอย่างมีความสุขและมีพลังงานในการทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ:1.     ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ ผู้ก่อตั้งวางรากฐานสถาบันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีปณิธานในการทำงานอย่างเต็มเปี่ยม  หนังสือ HR Champions ได้แสดงให้เห็นว่า บทบาทการดำเนินงานของสถาบันได้สร้างประโยชน์ต่อสังคม  โดยกระตุ้นให้สังคมเห็นความสำคัญของคนว่าเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญเท่ากับเงินและวัตถุต่างๆ  และเตือนให้รัฐบาลเพิ่มการลงทุนในการพัฒนาแรงงาน2.     สถาบันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดย ดร. จีระ ได้มีบทบาทในการให้ความรู้ด้านแรงงานแก่กลุ่มผู้ใช้แรงงาน ทำให้แนวทางการทำงานของกลุ่มผู้ใช้แรงงานมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และได้รับการยอมรับ มีผลทางอ้อมทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ เนื่องจากการเจรจาต่อรองต่างๆ ทำอยู่บนพื้นฐานของเหตุผลและความเป็นจริง3.     ดร. จีระ ยังได้ริเริ่มการพัฒนาฝีมือแรงงานของแรงงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของกระทรวงวิทยาศาสตร์4.     ดร. จีระได้ริเริ่ม Project Reverse Brain Drain ซึ่งเป็นงานวิจัยในอเมริกาและมีผลให้สามารถดึงคนไทยที่มีความรู้ความสามารถกลับประเทศได้กว่า 100 คน5.     การที่ ดร. จีระ ได้ร่วมมือกับ Sasakawa Foundation ประเทศญี่ปุ่นฝึกอบรมผู้นำในอินโดจีนกว่า 500 คน เป็นการช่วยสร้างบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในด้านทรัพยากรมนุษย์ในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้น โดยสรุปภาพรวม การอ่านหนังสือ HR Champions ได้ให้ประโยชน์สูงแก่ผู้อ่านในด้านให้ความรู้และสร้างแรงจูงใจให้ผู้อ่านมุ่งมั่นทำงานด้วย passion ทำงานทุ่มสุดตัว โดยมี role models 2 ท่าน คือ ท่านพารณ อิศรเสนา และ ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์                 ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์จีระสำหรับความรู้ที่อาจารย์ยินดีถ่ายทอดให้พวกเรา MPA 3 โดยเฉพาะความเป็นกันเองของอาจารย์ที่มีต่อลูกศิษย์นับเป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับพวกเราทุกคน                                                                                                                 ด้วยความเคารพ                                                                                                                เปรมหทัย พึ่งบุญ ณ อยุธยา

รหัส  49038010039

081 3082127

[email protected]

 
นายจิรพัฒน์ ศรีจั่น รปม.03 รหัส 49038020013 เมื่อ 17/01/2007

การบ้านเสนอ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

1.คุณได้อะไรจากการอ่านหนังสือเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้        ตอบ  ทำให้รู้ว่าการเริ่มทำตามความฝันของตนเองเป็นสิ่งที่ดีและต้องมีความพยายาม ต้องเป็นคนอยากเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา และต้องมีความเชื่อมั่นในตนเอง จากที่ได้อ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ ทำให้ทราบว่าการเป็น คนดี คืออะไร การเป็น คนเก่ง คืออะไร        คนดี คือ ประพฤติดี มีน้ำใจ ใฝ่ความรู้ คู่คุณธรรม        คนเก่ง คือ เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด และเก่งเรียนและที่สำคัญ คนดี และ คนเก่ง ในแต่ละองค์กรอาจจะไม่เหมือนกันแต่ต้องมีความเชื่อมั่นในตนเองเสมอ การมีอุดมการณ์ในการทำงาน มีจริยธรรมในการดำเนินชีวิตและการบริหารธุรกิจ การเปิดโลกทัศน์ให้กว้างและเพิ่มทักษะในการรับฟังความคิดเห็นของบุคคลอื่นก็เป็นส่วนหนึ่งในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ในหนังสือยังสอนว่าการที่จะทำงานให้สำเร็จควรมองระยะยาวเสมอและในการที่จะลงทุนทำอะไรก็ตาม เราต้องมีความเชื่อมั่น 3 ประการ คือ        1.ความเชื่อมั่นในคุณค่าของพนักงาน        2.ความรู้สึกว่าพนักงานคือคนในครอบครัวของเรา        3.ความรับผิดชอบที่จะทำให้ทรัพยากรบุคคลของบริษัทมีราคาและมีคุณค่าที่สอดคล้องกัน เป็นบุคคลที่ใฝ่เรียนรู้อยู่เสมอจะทำให้เราประสบผลสำเร็จอยู่เสมอ2.องค์กรได้อะไรจากการอ่านหนังสือเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้        ตอบ  การเพิ่มผลผลิตจะประสบผลสำเร็จ ความจงรักภักดี ความมีวินัยของคนในองค์การเป็นไปในรูปแบบและเป็นไปในทางเดียวกัน จนกลายเป็นวัฒนธรรมภายในองค์การ การนำเอากิจกรรมต่างๆมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน เช่น กิจกรรม 5ส ระบบความปลอดภัย ระบบข้อเสนอแนะ และ กิจกรรม QCC ในหนังสือยังให้ข้อคิดและกระตุ้นให้คนในองค์การมีความรักและทุ่มเทต่อองค์การอย่างเต็มที่ การมีผู้บริหารที่ดีภายองค์การนั้นก็จะทำให้องค์กรเดินหน้าไปสู่แนวทางที่ดีและมีความเจริญก้าวหน้า และทำให้ทราบว่าการบริหารถ้าทำให้บุคคลพึงพอใจในการทำงาน               (Job Satisfaction) จะทำให้ผลงานออกมาดีและงานมีประสิทธิภาพภายในหนังสือยังสร้างความมุ่งมั่นในการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพ ต้องมีความเข้มงวดในเรื่องต้นทุน (Cost) ความพยายามที่จะทำงานให้มีคุณภาพ (Qrality) และส่งสินค้าให้ลูกค้าทันตามที่กำหนด (Delivery) ด้วยราคาที่เป็นธรรม และในหนังสือยังบอกอีกว่าสิ่งชัดเจนที่สุด คือ การทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงจะเกิดความเสียหายน้อยที่สุด การบริหารงานด้านทรัพยากรมนุษย์เป็นยุทธศาสตร์ทางธุรกิจที่สำคัญอย่างหนึ่ง เพราะจะทำให้เกิดสิ่งตอบแทน แรงงานสัมพันธ์ และอาจารย์ยังทำให้องค์กรได้ทราบอีกว่า คน คือ ทรัพยากรที่มีคุณค่ามากที่สุด The most valvable asset ที่สำคัญที่สุด ภายในองค์กรต้องมีการพัฒนาและฝึกอบรมการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสุงสุดอยู่เสมอ 3.ชาติได้อะไรจากการอ่านหนังสือเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้        ตอบ  การเพิ่มมูลค่าในระยะยาวของเศรษฐกิจ การกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในการพัฒนาฝีมือแรงงาน                ประชากรทุกคนคือทรัพยากรที่มีคุณค่าของชาติ การมีทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าและสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติรวมถึงการพัฒนาและปฏิรูปการบริหารให้มีประสิทธิภาพส่งผลให้ประเทศเกิดความเจริญทางด้านการทำธุรกิจและภาระการลงทุนและสร้างมรดกชิ้นสำคัญ คือ สร้างความตระหนักในการรับรู้ของทุกคนในสังคมให้หันมาสนใจในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ  

 

lสมธนิษฐ์ มงคลชาติ

เรียน  อาจารย์ยม   นาคสุข

                 จากการที่ได้เรียนกับอาจารย์  เมื่อวันอาทิตย์ที่  14 มค.  มอบการบ้านเพื่อให้นักศึกษาได้รู้จักคิดและประยุกต์ใช้     แม้จะมีเวลาเรียนอย่างจำกัด    แต่ก็ได้จดจำไว้คิดตาม    จึงขอนำเสนออาจารย์ดังนี้ค่ะ

ประเด็นที่  1  จากการเรียนเรื่อง ภาพรวมการบริหารทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่  เรื่องที่ข้าพเจ้าสนใจ   ได้แก่  …..(ให้ยกมาเพียง 3 ข้อ)

1) หลักบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี (Good  Govemance) ได้แก่   หลักนิติธรรม  หลักคุณธรรม  หลักความโปร่งใส   หลักการมีส่วนร่วม  หลักความรับผิดชอบ  และหลักความคุ้มค่า  ซึ่งหลักนี้รัฐบาลปัจจุบันและหน่วยงานภาครัฐใช้อยู่ 

2) หลักการบริหารงานทรัพยากรมนุษย์แนวใหม่  ได้แก่  การยึดหลักระบบคุณธรรม  การยึดหลักมุ่งผลสัมฤทธิ์  การยึดหลักสมรรถนะ  การยึดหลักสรรหาระบบเปิด  การยึดหลักการบริหารจัดการแนวใหม่   การกำหนดรูปแบบการจ้างาน  การจ่ายค่าตอบแทนที่เป็นธรรม

3) กระบวนการ  HRM  ได้แก่  การสรรหา  การคัดเลือก  การบรรจุแต่งตั้ง  การกำหนดค่าตอบแทน  การพัฒนา  การให้ออกจากงาน   โดยมีโครงสร้างของกระบวนการ คือ  INPUT – PROCESS - OUTPUT

ประเด็นที่  2  การบริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ  มีปัญหาอะไรบ้าง (ให้ยกมาเพียง 3 ข้อ)

1) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐให้มีประสิทธิภาพจะเกิดขึ้นไม่ได้   ถ้าภาครัฐยังยึดติดการบริหารในรูปแบบเดิม  มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก  มีระเบียบและกฎเกณฑ์มากมาย  การแก้ไขปัญหาล่าช้า  

 2) ปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐมีการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้อย่างมากมาย  แต่รัฐบาลไม่ได้เตรียมบุคลากรไว้รองรับเพื่อทำงานในภาครัฐ    ทำให้ขาดแคลนแรงงานในด้านที่สำคัญเช่น  แพทย์  นักเขียนโปรแกรม หรือนักวิชาการคอมพิวเตอร์   ช่างไฟฟ้า  วิศวกร  เป็นต้น  ไม่ทันต่อความต้องการของตลาดแรงงานและหน่วยงานภาครัฐ

3)  การที่รัฐบาลไม่มีนโยบายด้านการศึกษาที่ชัดเจน  ต่างคนต่างทำในเรื่องการเรียนการสอน   มีลักษณะแย่งกันทำ  ความคิดไม่สอดคล้องกัน  ทำให้เกิดปัญหาด้านคุณภาพทางวิชาการ  หลักสูตร  และความต่อเนื่องขององค์ความรู้

ประเด็นที่  3  ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาในภาครัฐ  (ให้ยกมาเพียง  3  ข้อ)

1) รัฐบาลต้องมีนโยบายในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างต่อเนื่อง   ด้วยการบริหารทรัพยากรมนุษย์เป็นยุทธศาสตร์นำหน้าในการแก้ไขและพัฒนาเสมอ

2) เกี่ยวกับโครงสร้างของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐนั้น   รัฐบาลควรสานต่อแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 ที่เน้นการพัฒนาใน  4  ด้านคือ  ด้านการศึกษาเพื่อพัฒนาศักยภาพของประชาชน  การวิจัยและพัฒนาและการพัฒนาบุคลากรในภาครัฐและหน่วยงานของรัฐ  เป็นหลัก

3) รัฐบาลต้องรื้อปรับแนวความคิดหรือกระบวนทัศน์ที่เกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ (Human  Resource  Management : HRM) กันอย่างจริงจัง  เพราะการพัฒนาบุคลากรนั้นเป็นเรื่องของการลงทุนที่จำเป็นอย่างยิ่ง  สามารถเก็บเกี่ยวผลได้ในระยะยาว  เป็นการสร้างรากฐานที่แข็งแรงให้แก่สังคม โดยจัดทำเป็นนโยบายแห่งชาติเป็นการเร่งด่วนในเชิงรุก    หากล่าช้าประเทศจะเกิดความล้าหลัง

 

สมธนิษฐ์  มงคลชาติ  (ศิษย์เก่าชิโนรส)

รหัส  4903810030 

สวนสุนันทา  รปม.รุ่น  3

085-0442331

   

3) รัฐบาลควรให้การสนับสนุนการระดมความคิดในด้านการวิจัยและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มากยิ่งขึ้น

เปรมหทัย พึ่งบุญ ณ อยุธยา
เรียน  อาจารย์ ยม  และสวัสดี เพื่อน MPA 3 และชาว Blog ทุกท่าน                 สำหรับการบ้านอาจารย์ยม  ดิฉันขอแสดงความคิดเห็น ดังนี้   จากบทเรียนของอาจารย์ยมซึ่งท่านเป็นศิษย์ของ ดร. จีระ ในข้อมูลการสอนของท่านตลอดจนการแสดงความคิดเห็นของท่านผ่าน Blog  อาจารย์ยมได้แสดงให้พวกเราเห็นถึงความภาคภูมิใจที่ท่านเป็นศิษย์ของอาจารย์ ดร.จีระ และ มีปณิธานที่จะเผยแพร่ความรู้ด้าน HR ซึ่งท่านได้รับจากอาจารย์ ดร. จีระ ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม   บทเรียนของอาจารย์ยมในวันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมา ประเด็นที่ได้เรียนรู้  คือ   1.  ความรู้ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในภาพรวมของระบบราชการและเอกชน    2.  ความแตกต่างและเปลี่ยนแปลงใน  ด้านโครงสร้างระบบและวัฒนธรรมขององค์การในศตวรรษที่ 20 และ 21  โดยศตวรรษที่ 21 เน้นความเป็น leadership ของผู้บริหาร การกระจายข่าวสาร  การกระจายอำนาจ (Empowerment)  การลดขั้นตอนการทำงาน เพื่อความรวดเร็วและเพิ่มประสิทธิภาพงาน  3.  แนวทางการบริหารองค์การในศตวรรษที่ 21 ที่ดำเนินการอย่างมีทิศทางชัดเจนด้วยการใช้เครื่องมือการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ทันสมัยต่างๆ   เช่น   3.1 การกำหนดสมรรถนะหรือคุณสมบัติเชิงพฤติกรรม (Competency) ของพนักงานที่องค์การต้องการ โดยมีสมรรถนะหลัก (Core Competency) เป็นคุณสมบัติหลัก ที่พนักงานทุกคนในองค์การต้องมีเพื่อให้การดำเนินงานขององค์การบรรลุผลสำเร็จ    3.2  การบริหารผลการทำงาน (Performance Management) โดยใช้เครื่องมือสมัยใหม่ เช่น Balanced Scorecard และการกำหนด KPI เพื่อให้ทุกคนในองค์การทำงานในทิศทางเดียวกัน  มีเป้าหมายการทำงานที่เชื่อมโยงต่อกลยุทธองค์การ    3.3  การใช้หลักการ 7 Habits เพื่อพัฒนาตนเอง    3.4  การสร้างองค์การแห่งการเรียนรู้                 สิ่งที่ดิฉันเห็นว่า เป็นข้อมูลที่มีความสำคัญและน่าสนใจมากที่สุด คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่ (HRD)  ที่ต้องทำอย่างมีหลักการและมีขั้นตอนชัดเจน  โดยดิฉันเห็นว่า ในการทำเรื่องนี้หากได้นำทฤษฏี 8K’s ของดร. จีระ ซึ่งพัฒนาจากทฤษฎี 6K’s ของ  Karl Marx  มาเป็นแนวทางด้วย  ก็จะทำให้การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มีแนวทางที่ชัดเจนขึ้น โดยเป็นการพัฒนาเพื่อสร้าง  1. ทุนมนุษย์   2. ทุนทางปัญญา      3. ทุนทางจริยธรรม   4. ทุนแห่งความสุข    5.  ทุนทางสังคม  6. ทุนแห่งความยั่งยืน  7.  ทุนทางเทคโนโลยี    8.  ทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติสำหรับปัญหาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของภาครัฐ   ตามความเห็นของดิฉัน คือ 1.  ยังเป็นระบบอุปถัมภ์ (Patronage System) คือ เป็นการบริหารที่ไม่ได้ยึดความรู้ความสามารถของคนเป็นหลัก แต่เน้นการให้ประโยชน์แก่พวกพ้อง ทำให้ขวัญและกำลังใจของข้าราชการที่ดีเสื่อม ผู้มีความรู้ความสามารถไม่ประสงค์เข้ารับราชการ  ทำให้ระบบการบริหารบุคคลของภาครัฐเสียหาก  2.  ปัญหาการคอรัปชั่น  ระบบอุปถัมภ์ทำให้ข้าราชการขาดความรับผิดชอบแต่ทำงานมุ่งหวังผลประโยชน์ การปฏิบัติงานขาดความซื่อสัตย์สุจริต  ไม่มีผลงานที่ดี  ทำให้ประเทศไม่เจริญก้าวหน้าอย่างที่ควรจะเป็น  3.  ปัญหาด้านระบบการฝึกอบรมและพัฒนาข้าราชการ  ทำให้มาตรฐานการบริการของภาครัฐที่มีต่อประชาชนขาดมาตรฐานที่ดี  การฝึกอบรมไม่พอเพียงและไม่สอดคล้องต่อเป้าหมายและพันธกิจของหน่วยงาน   ข้อเสนอแนะให้รัฐบาล องค์การฯ แก้ไขปัญหาภาครัฐ  คือ 1.  รัฐบาลต้องแก้ไขระบบอุปถัมภ์ปรับให้เป็นระบบคุณธรรม (Merit System) บริหารงานอย่างโปร่งใสยุติธรรม เพื่อเป็นแรงจูงใจให้คนมีความรู้ความสามารถเข้ามารับราชการทำประโยชน์แก่ประเทศชาติ  ปรับปรุงระบบงานบริหารบุคคลให้ทันสมัย  2.  ปรับปรุงระบบค่าจ้างค่าตอบแทนเพื่อลดการคอรัปชั่นและดึงดูดคน    3. ปรับระบบการศึกษาของภาครัฐทั้งระบบการเรียนการสอนและผลตอบแทนครู  เพื่อให้การศึกษาพัฒนาคนในสังคม ให้มีคุณธรรมจริยธรรม ส่งผลให้เกิดการประพฤติปฏิบัติตนดีทั้งในชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงาน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของสังคมและประเทศชาติ                 ท้ายนี้ ขอขอบคุณข้อมูลการเรียนการสอนจากอาจารย์ยมเป็นอย่างสูงค่ะ                                                                                                                             เปรมหทัย พึ่งบุญ ณ อยุธยา                                                                                                             รหัส  49038010039                                                                                                                081 3082121                                                                        [email protected]
ส.ท.ต่อตระกูล ศรีลาภา ( 49038010005 ).......( *_* )......
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ กระผม ส.ท.ต่อตระกูล ศรีลาภา ผู้เข้าเรียนในช่วงบ่าย ซึ่งทาง อาจารย์ก็คงจะยังจำได้ ด้วยงานที่ทางอาจารย์ได้ให้ไว้คือ การกลับไปอ่าน หนังสือ ที่ชื่อว่าทรัพยากรมนุษย์พันแท้ นั้นโดยให้เวลา 4 วัน แล้วนำมาวิเคราะห์ อะไรหลายอย่าง ขอยอมรับ ว่ามันหนักเหลือเกินนนนนนน แต่ก็ต้องทำได้ เพราะคนเรามีเวลาเท่ากัน คนอื่นทำได้ แล้วทำไม่เราจะทำไม่ได้ ถูกต้องนะครับบบบบบบ ในเนื้อหาที่ได้อ่าน ต้องขอยอมรับว่าทาง คุณพารณ ฯ ได้มีอิทธิพลในการทำงานกับลูกน้องเป็นอย่างมาก แต่เป็นในทางที่ดี เพื่อกระตุ้นลูกน้อง สร้างแรงจูงใจในการทำงานที่ดี แต่ก่อนที่ท่านจะมีวันนี้ได้ ก็ต้องมีผู้เกื้อหนุนที่ดี มีผู้ให้โอกาส และท่านก็สามารถใช้โอกาสที่ได้รับอย่างเต็มที่ไม่ปล่อยให้หลุดมือไปได้ และด้วยความรู้ความสามารถที่ท่านมี ก็ยิ่งเหมาะสมกันใหญญญญญญ่ ( ชอบบบบบบ อยากมีโอกาสมั่งจังเยยยยยยยยย ) ต้องขอขอบพระคุณ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ที่ได้แนะนำหนังสือที่ดีเล่มนี้ให้ตัวกระผมและเพื่อนๆ พี่ๆ ในรุ่นได้อ่านเพื่อเป็นแนวทางในการทำงานและความตั้งใจที่จะทำอย่างไรจึงจะบรรลุวัตถุประสงค์ของเราที่ได้ตั้งไว้ ส่วนที่จะสามารถนำมาใช้ปรับปรุงและปฏิบัติในส่วนของตัวเราได้ เอาอย่างที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงก็คือ การทำ 5 ส. คือ สะดวก สะสาง สะอาด สุขลักษณะ สร้างนิสัย เป็นการปฏิบัติที่สามารถจะเห็นได้ชัดว่าตัวเราเป็นเช่นไร อยู่ในที่ทำงานหรือที่บ้านเราก็สามารถที่จะกระทำได้ ก่อนที่จะทำเป็นตัวอย่างในองค์กร ให้มีระเบียบ มีความสะดวกในการทำงานบรรยายกาศในการทำงานก็จะน่าอยู่ เพราะ เราสามารถที่จะสร้างบรรยายการในอง5กรให้เปรียบเสมือนบรรยายการของครอบครัวได้ ( ทำให้ที่ทำงานเป็นเหมือนบ้านของตนเอง ) เพราะถ้าไม่ทำความสะอาดบ้านของตนเอง แล้วใครจะมาทำให้ ทุกอย่างก็จะเป็นระบบและเป็นระเบียบ ซึ่งก็จะสะท้อน กลับสู่สังคม เพราะจะเป็นสังคมที่มีระเบียบ เป็นไปตามกฏเกณฑ์ ประเทศชาติก็จะเจริญรุ่งเรืองสีบต่อกันไป สาธุ………………………………………… แล้วผมชอบบทความสัมภาษณ์บุคคลที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ คุณพารณ ฯ ( ลูกน้อง ) ที่แสดงออกถึงการยอมรับนับถือ การจงรักต่อคุณพารณ ฯ เป็นอย่างมาก แสดงว่าท่านเป็นคนที่จริงใจต่อคนรอบข้างเป็นอย่างมาก ในส่วนที่ผมจะได้กล่าวถึงท่าน ผมกล่าวได้เพียงแต่คำว่า ผมนับถือบุคคลท่านนี้มาก ที่เสดงเจตนารมณ์ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ได้อย่างดีเยี่ยม สมควรเอาเป็นแบบอย่าง
นางสาวละอองแก้ว จันทร์เทพ รหัส 49038010008 MPA. รุ่น 3
สวัสดีค่ะ ท่าน ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์

        จากที่ได้มีโอกาสเรียนการบริหารทรัพยากรมนุษย์กับท่านถือว่าเป็นความโชคดี ซึ่งท่านเป็นผู้จุดประกายความคิดทางปัญญา เป็นแบบอย่างที่ดีและพร้อมทั้งได้ชี้แนะแนวทางในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์กับตัวเอง องค์กร และประเทศชาติมากมายเกินกว่าที่คิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านได้หยิบยื่นหนังสือที่ดีซึ่งถือว่าเป็นคู่มือสำคัญสำหรับ"มนุษย์พันธุ์แท้"ทุกคนคือหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ซึ่งเป็นบทสนทนาของท่านพารณ 

อิศรเสนา ณ อยุธยา กับ ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์  ซึ่งเป็นบทสนทนาว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งสองท่านเป็นนักคิดและผู้นำปฏิบัติแห่งยุค  หลังจากได้อ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้แล้วได้รับความรู้จากประสบการณ์ของสองท่าน ทำให้ตนเองได้เรียนรู้อะไรมากมายและนำมาใช้ประโยชน์ได้ เช่น  ได้เรียนรู้วิธีคิด   การนำระบบ 5 ส. และวิธีการทำงานอย่างเป็นระบบ  ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทำให้ได้ความคิดว่าคนเราถึงแม้มีสิ่งอื่น ๆ ที่ต่างกันแต่เรามีเป้าหมายอย่างเดียวกันได้  สามารถทำให้งานนั้นให้สำเร็จได้ ทั้งสองท่านได้มองเห็นความสำคัญของคน  ซึ่งท่านได้มองเห็นความยั่งยืนระยะยาวโดยการสร้างเครือข่ายมนุษย์ คน ถือว่ามีความสำคัญมากกว่าเครื่องจักร คนยิ่งทำงานนานจะมีความชำนาญ มีความรู้  มีทักษะมาก แต่เครื่องจักรเก่าใช้งานนาน  ๆ จะทำให้ชำรุดได้ แต่เช่นเดียวกัน คนก็ต้องพัฒนาความรู้ความสามารถอยู่ตลอดเวลา  ถ้าไม่พัฒนาก็จะพังเร็วกว่าเครื่องจักร        จากหนังสือเล่มนี้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการบริหารองค์กรเนื่องจาก คน คือ ทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญขององค์กรสามารถนำความรู้จากหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ไปเป็นแนวทางสร้างสรรค์ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์จะต้องให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคนเท่า  ๆ กัน  และจะต้องให้เขาได้มีโอกาสได้รับการพัฒนาด้าน ทักษะ ความรู้ ความสามารถตลอดเวลา  เพื่อให้เขาได้มีประสบการณ์ มีความรู้ ความชำนาญเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ สมกับ คน คือทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญขององค์กรตลอดจนต้องดูแลให้เขาได้รับสวัสดิการต่าง ๆ ที่เขาควรจะได้รับเพื่อแรงจูงใจในการทำงาน และเพื่อรักษาสภาพให้เขาอยู่กับองค์กรไปนาน ๆ เมื่อคนมีคุณภาพมีศักยภาพดีก็จะทำให้องค์กรกระสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้        ประโยชน์ทีสามารถนำมาใช้บริหารประเทศ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของประเทศผู้บริหารควรให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ ผู้บริหารจะต้องมีวิสัยทัศน์กว้างไกลมองจากที่สูงลงมาสู่ที่ต่ำเพื่อจะได้มองเห็นภาพรวมของประเทศและจะได้รู้ปัญหา เข้าถึงปัญหาและสามารถแก้ไขปัญหาได้ ไว้วางใจให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำงานอย่างมีอิสระและเป็นแบบอย่างที่ดีการบริหารต้องโปร่งใส มีคุณธรรมอย่างเช่น  บริษัทปูนซีเมนต์ไทย  ผู้บริหารให้ความสำคัญกับคนทุกระดับ โดยผู้บริหารมีนโยบาย1.    สร้างคนให้มีคุณธรรม2.    ให้มีความชอบธรรม3.    ให้มองการพัฒนาคนเป็นการลงทุนระยะยาว 4   ปลูกฝังส่งเสริมให้พนักงานพัฒนาตนเองให้มีความรู้ความชำนาญให้สมกับคำว่าคนเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่าที่สุดขององค์กรจริง ๆ     โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันโลกได้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศกำลังจะหมดไปผู้บริหารประเทศควรจะหาโอกาสอ่านหนังทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ หรือศึกษาตัวอย่างจากบริษัทปูนซิเมนต์ไทย เพื่อจะได้มองเห็นความสำคัญของทรัพยากรมนุษย์จะได้วางนโยบายพัฒนาคนให้มีคุณภาพ มีศักยภาพ พร้อมที่จะพัฒนาประเทศให้ไปสู่ระดับสากล  เมื่อใดที่ผู้บริหารประเทศยังไม่เห็นคุณค่าความสำคัญของคนการพัฒนาประเทศจะประสบความสำเร็จนั้นเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าหากผู้บริหารมีความเชื่อและศรัทธาเข้าถึงปรัชญาของคำว่าคน คือ ทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญขององค์กร ของประเทศผู้บริหารก็จะประสบความสำเร็จบรรลุวัตถุประสงค์ของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ อย่างเช่นบริษัทปูนซิเมนต์ไทย
นางสาวอชิรญา ผูกมี
สวัสดีค่ะ อาจารย์ จีระ หงส์ลดารมภ์การบ้านวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์วันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2550 ผู้ส่ง นางสาวอชิรญา   ผูกมี   รหัสประจำตัว 49038020007นักศึกษา MPA รุ่น 3   มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา------------------------------------------                เมื่อวันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2550 นักศึกษา MPA รุ่น 3   สวนสุนันทา  ได้มีโอกาสรับฟังการบรรยายวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของดร. จีระ หงส์ลดารมภ์  เป็นครั้งแรก  โดยส่วนตัวของผู้เรียนนั้นต้องยอมรับว่ารู้สึกโชคดี แต่ก็รู้สึกเกร็งเป็นอย่างมากในการเรียนครั้งแรก เนื่องจากดร. จีระ เป็นปราชญ์ด้านทรัพยากรมนุษย์ระดับแนวหน้าของประเทศและนานาชาติ ทั้งบรรยากาศและวิธีการเรียนการสอนของ ดร. จีระ ก็ไม่เหมือนกับวิชาที่ผ่าน ๆ มา  แต่เอื้ออำนวยให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันอย่างเต็มที่  อาจารย์จีระได้ให้นักศึกษากลับไปอ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้เป็นการบ้าน  แล้วคิดว่าจะเป็นประโยชน์และนำไปใช้กับตนเอง  องค์กร และประเทศชาติอย่างไร         ผู้เรียนอ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้จบแล้ว และขอตอบโจทย์การบ้านที่อาจารย์ให้มาถึงประโยชน์และการนำไปใช้กับตนเอง  องค์กร และประเทศชาติ  ดังนี้         1.  ประโยชน์และการนำไปใช้กับต่อตนเอง  คือ ความรู้ใหม่ที่เกิดจากการอ่านหนังสือดังกล่าว การเรียนรู้วิธีคิด วิธีการทำงานจากผู้รู้ 2 ท่าน คือ คุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และอาจารย์จีระ หงส์ลดาลดารมภ์  ซึ่งเป็นต้นแบบในการพัฒนาทักษะสำหรับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มาปรับใช้เพื่อพัฒนาตนเอง ได้แก่  ปรัชญาเรื่องคนเก่ง คนดี  ความเชื่อในคุณค่าของคน  การแสวงหาความรู้ตลอดเวลา  การบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม  ทฤษฎี 3 วงกลม  ฯลฯ           2.   ประโยชน์ต่อองค์กร  จากแนวคิดเรื่องคนซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดขององค์กร นายสูงสุดต้องเห็นความสำคัญ ต้องสร้าง พัฒนา และรักษาไว้ให้ดีที่สุด  และวิธีการทำงานให้องค์กรมีคุณภาพโดยเน้นการทำงานเป็นทีม สร้างผู้นำ  สร้างความจงรักภักดี  การมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และคงไว้ซึ่งคุณธรรม ค่านิยม และวัฒนธรรมไทยอันดีงาม  สร้างคนดีควบคู่กับคนเก่ง โดยการนำตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของภาครัฐและเอกชน  ไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับองค์กรของตนเอง  เพื่อให้เกิดการต่อยอดความคิดในองค์กรระดับต่างๆ           3.   ประโยชน์ต่อประเทศชาติ   จากการสร้างความตระหนักในการเป็นประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง  โดยเริ่มจากการเป็นแนวร่วมในการสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันของประเทศ  จากความสามารถในการเรียนรู้   และพัฒนาศักยภาพของตนเองและคนในองค์กรให้มีคุณสมบัติ 3 ประการเพื่อก้าวสู่ระดับโลก  ได้แก่  (1) ความคล่องแคล่วในภาษาไทย ภาษาอังกฤษ  (2) เทคโนโลยี  และ (3) คุณธรรม  เพราะศักยภาพในการแข่งขันของประเทศจะเริ่มวัดจากคนในระดับองค์กร           ผู้เรียนขอสรุปส่งท้ายว่า  คนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ามากในการพัฒนาประเทศ   เราในฐานะที่เป็นหน่วยย่อยในองค์กร  สังคมและประเทศ ต้องพัฒนาตนเองให้มีความรู้ที่ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตนเอง สังคม และประเทศชาติ  ตรงกันข้าม หากเมื่อใดเราหยุดพัฒนาตนเองหรือหยุดเรียนรู้  ก็เท่ากับเราหยุดหายใจหรือตายไปแล้วทั้งเป็น   องค์กร  สังคมและประเทศชาติก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน

 

นางสาวอชิรญา ผูกมี รหัสประจำตัว 49038020007
สวัสดีค่ะ อาจารย์ ยม นาคสุข         เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14  มกราคม  2550  อาจารย์ยม  นาคสุข  ได้มาบรรยายวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ และได้ให้การบ้านโดยให้ส่งทาง BLOG 3 ข้อ ดิฉันขอแสดงความคิดเห็น ดังนี้ค่ะ ข้อ 1     หลังจากรับฟังการบรรยายของอาจารย์ ยม  นาคสุข  แล้ว ผู้เรียนสนใจที่จะนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ด้านการทำงาน  ดังนี้1.)  ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์  4 ด้าน  คือ การเมือง (Political)    เศรษฐกิจ (Economy)  สังคม วัฒนธรรม (Social)  เทคโนโลยี (Technology)  ทั้งในระดับประเทศและระดับโลกเนื่องจากเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบันได้  ความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ย่อมส่งผลกระทบต่อเราไม่ทางตรงก็ทางอ้อม การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้การดำเนินนโยบายของรัฐบาลเปลี่ยนแปลง  และกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ชุมชน องค์กร ดังนั้นหากเรารู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ย่อมทำให้เราปรับตัว ตั้งรับความเปลี่ยนแปลงได้ทัน  อยู่รอดได้อย่างยั่งยืนในยุคโลกาภิวัตน์ 2.)  หลักธรรมาภิบาล (Good Governance) ประกอบด้วย 6 ประการหลัก คือ  หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักความมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า เราสามารถนำหลักการบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาลไปใช้ได้ในองค์กรทุกระดับ  โดยการสร้างค่านิยมที่ดีงามให้ผู้ปฏิบัติงานในองค์กรหรือสมาชิกของสังคมถือปฏิบัติ  สร้างสังคมที่เปิดเผยโปร่งใส  สามารถตรวจสอบความถูกต้อง  เป็นที่ยอมรับของสังคมและสมาชิก บนพื้นฐานของความประหยัดและความคุ้มค่าตามหลักเศรษฐศาสตร์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อผู้รับบริการหรือประชาชน 3.)  การสร้างอำนาจ 5 ประการ จากการให้  การติ  การเป็นผู้รู้มากกว่า  การอ้างอิง   และทางนิติกรรม  เนื่องจากความสามารถและลักษณะของคนย่อมมีความสัมพันธ์กับคุณภาพหรือคุณค่าของงานและองค์กร  ภาวะผู้นำจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการบริหาร ดังนั้น การเสริมอำนาจโดยวิธีการสร้างอำนาจ 5 ประการ จึงเป็นศิลปะที่ทุกคนพึงเรียนรู้ ข้อ 2  ปัญหาในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของรัฐ 1.)  ปัญหาขาดแคลนแรงงาน  ได้แก่  นักวิทยาศาสตร์  ครู  เนื่องจากขาดการวางแผนกำลังคนในสาขาอาชีพต่าง ๆ  จึงทำให้ขาดแคลนแรงงาน  และต้องพึ่งพาแรงงานจากต่างประเทศ  2.)  ปัญหาคนไม่มีคุณภาพ  โดยมีสาเหตุมาจาก  ระบบการศึกษาที่มุ่งเน้นการท่องจำมากกว่าการคิดวิเคราะห์   ไม่ให้ความสำคัญกับการอบรมด้านคุณธรรมจริยธรรม  การขาดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา ทำให้ทรัพยากรบุคคลของประเทศ ขาดจริยธรรม  คุณธรรม  ขาดการคิดวิเคราะห์แยกแยะสิ่งที่ถูกที่ควร  ปัญหาคอรัปชั่น3.)  ค่านิยมเก่า ๆ ได้แก่  การคำนึงถึงระบบอาวุโส และระบบคุณธรรม โดยไม่ได้คำนึงถึงความสามารถของบุคคล ทำให้คนที่มีความรู้ความสามารถขาดขวัญกำลังใจ  แรงจูงใจ ประเทศไม่สามารถใช้ทรัพยากรบุคคลได้อย่างเต็มที่ ข้อ 3  ข้อเสนอแนะให้รัฐบาล องค์การ ฯ ในการแก้ไขปัญหาให้ภาครัฐ มี 3 ข้อ  ดังนี้1.)  การแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงาน  รัฐบาลต้องมีความจริงใจในการแก้ปัญหา  โดยการปรับปรุงโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม และการปรับปรุงระบบการบริหารงาน   วางแผนกำลังคนว่าในอีก 10 20 ปี ข้างหน้า ประเทศไทยจะมีบุคลากรในสาขาวิชาชีพต่าง ๆ จำนวนเท่าใด2.)  การแก้ปัญหาคนไม่มีคุณภาพ  โดยการสร้างโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐาน เช่น การให้ทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาส   ปรับระบบการศึกษาของไทยให้เน้นการคิดวิเคราะห์เป็น และตั้งอยู่บนพื้นฐานของศีลธรรม จริยธรรม  ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย และสร้างสังคมและวัฒนธรรมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและเรียนรู้ตลอดชีวิต  การศึกษาที่สอนให้คนเป็นคนเก่ง คิดเป็น ทำเป็น  ควบคู่กับไปกับการเป็นคนดีมีคุณธรรมจะเป็นพื้นฐานในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาทุกปัญหา3.)  การแก้ปัญหาคนมีวัฒนธรรมในการทำงานเก่า ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ  โดยการปรับเปลี่ยนทัศนคติ วิธีคิดและวิธีการทำงาน  ตามแนวทางทฤษฎีการบริหารจัดองค์กรแนวใหม่ พัฒนาภาวะผู้นำแก่ผู้นำและข้าราชการ สร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ ยึดหลักการบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและความมั่นคงของประเทศชาติ ตลอดจนการปฏิรูปกฎหมาย โดยยกเลิกกฎหมายที่ไม่เอื้อต่อวัฒนธรรมการทำงานที่มีคุณภาพและคุณธรรม เมื่อเรารู้ปัญหาแล้ว  ควรมีการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนของสังคมเพื่อแก้ปัญหา  และที่สำคัญ  คือ  ต้องวางมาตรการการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ส.ท.ต่อตระกูล ศรีลาภา ( 49038010005 ).......( *_* )......
เรียน อาจารย์ยม นาคสุข ที่เคารพรักยิ่ง ด้วยกระผม ส.ท.ต่อตระกูล ศรีลาภา มีความปลึมปิติยินดียิ่งที่ได้มีโอกาสได้เรียนกับทางท่านอาจารย์ ( โห้……….ว่าไปนั้น ) จะว่าไปสิ่งที่ได้เรียนกับอาจารย์ ยม นาคสุขเป็นสิ่งที่ทางนักศึกษาชอบ เพราะเรียนแล้วมีความสุขซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการเรียนกับ ทาง ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์เท่าไร เพราะแนวทางการสอนของท่านทั้ง 2 มีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ การให้นักศึกษามีความรู้เพิ่มมากขึ้น ไม่มากก็น้อย ไม่เครียด มีความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ขยันค้นคว้าหาความรู่เพิ่มเติม และมี Teamwork ที่ดี สิ่งที่ได้รับจากทางอาจารย์ยม โดยหลักที่ผมชอบก็คือ การที่ได้เห็นวิสัยทัศน์ใหม่ของทางระบบการพัฒนาระบบราชการไทย ซึ่งทางอาจารย์ได้ให้ไว้ว่า “พัฒนาระบบรายการไทยให้มีความเป็นเลิศ สามารถรองรับกับการพัฒนาประเทศในยุคโลกาภิวัฒน์ โดยยึดหลักธรรมภิบาล และประโยชน์สุขของประชาชน” ซึ่งในความเป็นจริงระบบราชการไทยยังไม่เป็นเช่นนั้น มีแต่ระบบอุปถัมภ์มีแต่การช่วยเหลือกันและกัน มือใครยาวสาวได้สาวเอา ดังเช่นบทที่จะกล่าวต่อไปนี้ สตรี ไม่มีศีล ก็สิ้นสวย บุรุษด้วย ไม่มีศีล ก็สิ้นศรี พระ ไม่มีศีล ก็สิ้นดี ข้าราชการ ศีลไม่มี ก็เลวทราม ซึ่งสิ่งที่จะแก้ไขได้มีหลักธรรมภิบาลหลักธรรมมาภิบาล เป็นหลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี Good Governance ทั้ง 6 ข้อ เป็นสิ่งที่ดีถ้าปลูกฝัง บ่มเพาะเข้าไปในจิตสำนึกของทุกคนในองค์กรหรือบุคคลทั่วไป และวิธีการสร้างอำนาจคือ 1. อำนาจสร้างได้ด้วยการให้ 2. อำนาจสร้างได้ด้วยการติ 3. อำนาจสร้างได้ด้วยการเป็นผู้รู้มากกว่า 4. อำนาจสร้างได้ด้วยการอ้างอิง 5. อำนาจสร้างทางนิติกรรม ( อำนาจต้องสร้าง ต้องรักษา ต้องใช้ อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ ) สรุป การที่ระบบข้าราชการล้มเหลวมีการช่วยเหลือกันและกัน เป็นส่วนใหญ่ เพื่อมีการเกรงใจซึ่งกันและกัน เพราะถ้ามีอำนาจที่เหนือกว่าก็จะสามารถสั่งการได้ ได้ที่ไม่มีใครกล้าโต้แย้ง จึงทำให้มีการสั่งการเพียงคนเดียวแต่มีผู้ปฏิบัติตามหลายคน ซึ่งแต่ละคนอาจไม่เต็มใจทำก็ได้ ผู้บริหารจึงต้องมีหลักธรรมภิบาล ( เป็นธรรม ฯลฯ ) และต้องสร้างอำนาจให้ถูกหลักและถูกวิธีด้วย ***หมายเหตุ*** เนื่องด้วยอาจารย์ยม นาคสุข จะได้สอนพวกเราเพียงแค่ครั้งเดียว ( เช็คในตารางเรียนตารางสอน )จึงอยากจะบอกว่า อาจารย์สอนสนุกดีครับบบบบบบบ เป็นกันเองดี มอบความรู้ให้พวกเราได้เยอะมากครับ ขอบคุณครับ
พรกมล สมวงศ์ รปม.3 รหัส 49038010014 ม.สวนสุนันทา
สวัสดีค่ะ ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์        หลังจากที่ได้อ่านบทสนธนาในหนังสือ ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ จบแล้ว ทำให้ได้รู้จักท่านพารณ  อิศรเสนา ณ อยุธยา และ ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์ มากยิ่งขึ้น ดูจากประวัติของท่านทั้งสองแล้ว เป็นบุคลากรที่น่ายกย่อง นับถือ และเอาเป็นแบบอย่างเป็นอย่างยิ่งถึงแม้ว่า ท่านทั้งสองจะมีอายุที่ห่างกันมาก ท่านพารณ  มีอายุมากกว่า ศ.ดร.จีระ 21 ปี  ดังนั้นในวันนี้ ท่านพารณ อายุ 80 ปี  ท่าน ศ.ดร.จีระ 59 ปี แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการที่จะจุดประกายความคิดทางปัญญาร่วมกันเพื่อจะได้เป็นแบบอย่างและแนวทางในด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์เลย  ซึ่งถ้าใครมีโอกาสได้อ่านหนังสือที่มีคุณค่าเล่มนี้จบแล้ว สามารถที่จะนำความรู้ที่ได้จากหนังสือไปพัฒนาใช้กับตนเอง  องค์กร และประเทศชาติ ได้เป็นอย่างดียิ่ง ท่านพารณได้กล่าวไว้ในหนังสือตอนต้น ๆ ซึ่งมีความหมายที่กินใจมากว่า                องค์กรจะดี          เพราะมีคนเก่งและคนดี                องค์กรจะแย่         เพราะมีคนไม่เก่งและคนไม่ดีซึ่งดิฉันขอกล่าวอย่างตรงประเด็นในมุมมองด้านทรัพยากรมนุษย์ของทั้งสองท่าน ดังนี้ แนวความคิดของทั้งสองท่านมีบั้นปลายหรือผลลัพธ์ที่เหมือนกัน คือ คน เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ทรงคุณค่า คน เป็นผู้สร้างสรรค์สังคมให้ยิ่งใหญ่ คน เป็นผู้สร้างวัฒนธรรมตั้งแต่ระดับครอบครัว ชุมชน หมู่บ้าน องค์กร ประเทศ สังคมโลก คน คือศูนย์กลางของการเรียนรู้ การถ่ายทอดทั้งหลายทั้งปวงจากรุ่นสู่รุ่น  เพียงแต่วิธีการปฏิบัติของทั้งสองท่านผ่าน คน ในรูปแบบที่แตกต่างกัน แม้ว่ารูปแบบอาจมีความแตกต่างกัน แต่เนื้อหาแท้ หรือ Core  concept ก็อยู่ในแนวทางเดียวกันการเริ่มต้นของท่านพารณ  อิศรเสนา ณ อยุธยา        ท่านพารณฯ เริ่มต้นชีวิตการทำงานที่ บริษัท เชลล์  บริษัท ปูนซีเมนต์ ทำให้ท่านพารณ ได้เรียนรู้รูปแบบการจัดระเบียบองค์กรเป็นระบบทุกอย่าง เช่น มี Personnel  manual, Accounting  manual  และ Authority  manual และมีการดูแลคนเป็นอย่างดี เมื่อท่านพารณมาทำงานที่บริษัท ปูนซีเมนต์  ในฐานะวิศวกร แต่ด้วยประกายแห่งความเป็นผู้มีความสามารถในการบริหารบุคคล จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลกลาง จึงเป็นจุดพลิกผันให้ท่านพารณ มาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ในองค์กร แนวทางการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรของท่านพารณนั้น ท่านเน้นเรื่องคนในทุกระดับ ทั้งระดับผู้บริหาร ระดับกลาง ระดับล่าง และระดับผู้ปฏิบัติทุกระดับมี Manual ที่ชัดเจน ดังนั้นการบริหารแบบมีส่วนร่วม การทำงานเป็นทีม จึงเป็นหัวใจของการสร้างผลผลิตให้กับองค์กร ผู้บริหารจะต้องพัฒนาคนให้มีการศึกษา พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง แนวคิดการพัฒนาบุคลากรของท่านพารณ ภายใต้แนวคิดที่ว่า การพัฒนาบุคลากรเป็นการลงทุน (Investment) ของบริษัท ไม่ใช่ต้นทุน ผู้บริหารจะต้องขับพลังและอัจฉริยภาพของคนในทุกระดับในองค์กรให้ได้ เมื่อคนมีความจงรักภักดี ร่วมกับความมีวินัยของคนในองค์กรจึงทำให้องค์กรมั่นคง ความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่ของท่านพารณ คือ การสร้างเด็กไทยสู่การเป็น Global Citizen ผ่านระบบการเรียนแบบ Constructionism ในบรรยากาศของ Learning Organization ลักษณะการทำงานที่เป็นคุณสมบัติส่วนตัวของท่านพารณ เป็นแบบ Participative Management คือการบริหารงานแบบมีส่วนร่วม แนวคิดของท่านพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ท่านได้ให้แนวคิดเป็นทฤษฎี 4L’s ไว้ว่า                Village that learn         :  หมู่บ้านแห่งการเรียนรู้                School that learn        :  โรงเรียนแห่งการเรียนรู้                Industry that learn      :  อุตสาหกรรมแห่งการเรียนรู้                Nation that learn         :  ประเทศแห่งการเรียนรู้  การเริ่มต้นของท่าน ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์        ท่าน ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์ เริ่มต้นโดยการเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุดนี้จะทำให้มองเห็นภาพว่า บุคคลทั้งสองเริ่มต้นที่แตกต่างกัน ท่าน ศ.ดร.จีระ แสดงบทบาทในฐานะผู้ผลักดันให้คนยอมรับทรัพยากรมนุษย์เพื่อประโยชน์ของสังคม ระหว่างนายจ้าง กับลูกจ้าง หรือผลักดันให้เกิดกฎหมาย ประกันสังคม โดยมีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นหลักประกันคุณภาพ (Brand) เพราะใครก็รู้จักมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ท่าน ศ.ดร.จีระ เป็นนักสร้างความร่วมมือ ความเข้าใจอันดีในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ระหว่างประเทศร่วมกัน ท่าน ศ.ดร.จีระ ใช้วิธีการปรากฏตัว แสดงศักยภาพในระดับนานาชาติหลายครั้ง ซึ่งได้นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศ ต่อมาท่าน ศ.ดร.จีระ ได้ลาออกจากการเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และได้ทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษาแนะนำ ตลอดจนแก้ไขปัญหาเพื่อการพัฒนาและบริหารทรัพยากรมนุษย์ระดับชาติ และระดับองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศในนามของบริษัท เอเชียแปซิฟิคคอนซัลแตนท์  จำกัด ความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่ของท่าน ศ.ดร.จีระ จะสร้างองค์กรระดับโลกที่สามารถถมช่องว่างระหว่างกลุ่มประเทศด้อยพัฒนาด้วยการใช้เทคโนโลยีและระบบบริหารจัดการลดช่องว่าง Digital Divide ทำให้ความสามารถของคนในกลุ่มประเทศที่อยู่ในฐานะเสียเปรียบได้รับการยอมรับ โดยใช้มูลนิธิทรัพยากรมนุษย์เป็นตัวขับเคลื่อนการประชุม Forum ครั้งต่อไป ลักษณะงานของท่าน ศ.ดร.จีระ เป็นแบบ Internationalist  แนวคิดของท่าน ศ.ดร.จีระ ท่านได้ให้แนวคิดเป็นทฤษฎี 4L’s ไว้ว่า                Learning Methodology :  เข้าใจวิธีการเรียนรู้                Learning Environment :  สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้                Learning Opportunity  :  สร้างโอกาสในการเรียนรู้                Learning Society         :  สร้างชุมชนการเรียนรู้เมื่อได้ศึกษาแนวคิดและการปฏิบัติของท่านทั้งสองแล้ว สามารถนำความรู้และแนวคิดที่ได้ไปพัฒนาตนเองในด้านการศึกษาหาความเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา เพราะคนที่จะประสบความสำเร็จได้จะต้องเป็นคนที่มีทัศนคติ ทักษะ ความรู้หลาย ๆ ด้านอยู่ในตัว ไม่ใช่รู้เฉพาะเรื่องที่เรียนอย่างเดียว ควรจะศึกษาหาความรู้จากแนวคิดทฤษฎีที่ท่านทั้งสองให้ไว้ประกอบด้วย จึงจะทำให้เรามีความรู้เพิ่มมากขึ้น มีความมั่นใจมากขึ้น โดยที่ไม่ต้องอายใคร ประโยชน์ที่นำไปใช้กับองค์กรนั้น ดังที่ได้เกริ่นไว้แล้วว่า คนในองค์กรนั้นมีความสำคัญต่อการบริหารงานในองค์กร องค์กรจะดี เพราะมีคนเก่งและคนดี องค์กรจะแย่ เพราะมีคนไม่เก่งและคนไม่ดี เพราะฉะนั้นถ้าผู้บริหารจะพัฒนาองค์กรให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้นั้น องค์กรจะหาคนที่มีความรู้ความสามารถ มีทักษะในการทำงานที่ดีก็จะทำให้องค์กรนั้นมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ผู้บริหารจึงต้องอาศัยเครื่องมือในด้านการบริหารด้านต่าง ๆ จากหนังสือ ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ มาพัฒนาบุคลากรในองค์กร องค์กรนั้นก็จะประสบความสำเร็จในที่สุด ส่วนที่เป็นประโยชน์และนำไปใช้กับประเทศและสังคมนั้น  หนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ ได้เล็งเห็นว่า คน เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ทรงคุณค่าที่สุด เพราะคนเป็นผู้สร้างสรรค์สังคม วัฒนธรรมให้ยิ่งใหญ่ได้ในระดับประเทศและระดับโลก ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการที่จะพัฒนาประเทศชาติให้ประสบความสำเร็จอยู่ได้อย่างยั่งยืนต้องอาศัยปัจจัยหลาย ๆ อย่างเป็นส่วนประกอบร่วมกับคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาบุคลากรด้วยการส่งเสริมการศึกษา ส่งเสริมด้านการวิจัย ส่งเสริมด้านการติดต่อสื่อสารให้ทัน กับยุคโลกาภิวัฒน์ ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในหนังสือเล่มนี้จะทำให้เข้าใจว่าอะไรที่เป็นสาเหตุของการพัฒนาประเทศที่ล้าหลัง  ประเทศไม่พัฒนาไปในทางที่เจริญก้าวหน้า  ด้วยสาเหตุเพราะเราขาดปัจจัยสำคัญที่จะพัฒนาประเทศของเรา  ปัจจัยที่ว่าก็คือ ทรัพยากรมนุษย์ นั่นเอง   สรุป  ในความเหมือนกันและแตกต่างกันของทั้งสองท่านนี้ได้กล่าวแล้วข้างต้นว่า แนวทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของท่านพารณ เน้นจากภายในองค์กร เช่น ในบริษัท ปูนซีเมนต์ ในชุมชน ในโรงเรียน ในประเทศ และเน้นที่ผู้บริหารต้องเป็นคนที่มี Education mind  และคนในองค์กรนั้นต้องมีศักยภาพ จะทำให้องค์กร ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประสบความสำเร็จได้  สำหรับท่าน ศ.ดร.จีระ เน้นการผลักดันในระดับเวทีนานาชาติ ระดับโลก แต่เมื่อนำแนวคิดทั้งสองท่านมาพิจารณาร่วมกันจะเห็นได้ว่า ทั้งสองท่านได้ร่วมมือกันสร้างสรรค์ประเทศได้อย่างสอดคล้องลงตัวพอดี กล่าวคือ หากจะมองว่าท่านพารณ เป็นนักพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระดับในเชิงลึก คือ ระดับรากหญ้า ได้แก่กลุ่มชุมชนที่กระจายอยู่ และในเชิงกว้างคือ เป็นการพัฒนาระดับองค์กร ไปสู่ระดับประเทศ และไปสู่ระดับโลก ท่าน ศ.ดร.จีระ เป็นผู้ต่อยอดระดับประเทศ หรือหากจะมองว่าทั้งสองท่านได้ช่วยกันเร่งรัด เสริมสร้างพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ในรูปแบบไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้ คนของประเทศมีศักยภาพสูง พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าในยุค Globalization อย่างเท่าเทียมกัน สำหรับความคิดเห็นเพิ่มเติมในแนวคิด 4L’s ของทั้งสองท่านเป็นแนวคิดที่เมื่อรวมกันแล้ว คือแนวทางที่นำไปสู่การเป็น Global Citizen ดังนั้นจึงควรที่นำแนวคิดนี้ไปปรับใช้ในทุกเวทีของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สวัดดีค่ะ
พ.ท.ธีรชัย ไชยมะโน
เรียน  ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์     ที่เคารพ   ตามสั่งการของ ศ.ดร.จีระ    ให้พวกกระผมอ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้  แล้วนำมาวิเคราะห์และถามว่า  ตนเอง  สังคม  และประเทศชาติ  ได้อะไรบ้างกระผมขอตอบแบบแยกประเด็นดังนี้ครับ                1. ได้กับตนเอง   คือได้เรียนรู้ประวัติการทำงานของ  นายพารณ  อิศรเสนา     อยุธยา  และเมื่อครั้งเริ่มต้นทำงานที่  บ.เชลล์   จนกระทั่งสุดท้ายดำรงตำแหน่ง  ผจก.ใหญ่เครือซีเมนต์ไทย   ได้นำเอาวิธีบริหารงานแบบบริษัทข้ามชาติมาใช้ปรับโครงสร้างและระเบียบวิธีการบริหารงาน   วิธีบริหารองค์กรด้วยการนำกิจกรรม   5 ส.   และกิจกรรม   QC   มาใช้    ผู้ริเริ่มทฤษฎี  4 L’s  (ขออนุญาต  ไม่บอกรายละเอียด)เกี่ยวกับแนวคิดความสัมพันธ์ของการเพิ่มผลผลิตกับคุณภาพของคน  ที่จะนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จ    เน้นเรื่องคนเป็นหลักเพราะมองเห็นว่า  งานจะสำเร็จได้ด้วยคน  เพราะฉะนั้น  ต้องวางแผนพัฒนาพนักงานให้มีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  หากคนมีประสิทธิภาพ  จะเกิดความเสียหายและผิดพลาดน้อย   สำหรับ   ศ.ดร.จีระ    หงส์ลดารมภ์   ผู้ก่อตั้ง สถาบันทรัพยากรมนุษย์  ม.ธรรมศาสตร์   เมื่อปี  2523  ผมได้เรียนรู้การฝ่าฟันอุปสรรค    ความขัดแย้งทางความคิด   การเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ   จุดอ่อนจุดแข็งของคน    การปก้ไขปัญหาต่าง ๆ   มันไม่ใช่งานของเราคนเดียว     เราจำเป็นต้องมีพวก    เราต้องหาแนวร่วมอุดมการณ์เดียวกัน     เพื่อต่อรองอำนาจและได้มาซึ่งผลสำเร็จของงาน   เป็นผู้ริเริ่มทฤษฎี  4 L’s  (ขออนุญาต  ไม่บอกรายละเอียด)  เช่นเดียวกันกับ  อ.พารณ ฯ   เพียงแต่มองคนละด้าน  เรียนรู้คนละอย่าง   วิธีการไปถึงเป้าหมายต่างกัน   แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ  ท่านทั้งสองเป็นผู้ริเริ่มการให้ความสำคัญของบุคคลากร   เนื่องจาก  คน  เป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนระบบ  และทฤษฎีที่ทั้งสองท่านคิดขึ้นมา  ถึงแม้จะมองต่างมุม   แต่ก็เป็นวัตถุเดียวกันและเป้าหมายเหมือนกันนั่นคือ การพัฒนาบุคลากรขององค์กรให้มีคุณภาพมากขึ้น                  2. ได้กับสังคม (องค์กร)  หากทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหารระดับกลาง (ในความคิดของผม เช่น  หัวหน้าแผนก   หัวหน้ากอง  เป็นต้น )  คือผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ใต้บังคับบัญชามากที่สุด  เมื่อได้อ่านและเรียนรู้ทฤษฎีการพัฒนาบุคลากรของท่านทั้งสองและนำไปปฏิบัติแล้ว   ผมเชื่อว่าสามารถพัฒนาบุคลากรขององค์กรนั้นได้จริง  ผมชอบประโยค ๆ หนึ่งในหน้าที่  27  ที่ว่า  ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการทำให้การเพิ่มผลผลิตประสบความสำเร็จ  ก็คือ     ความจงรักภักดีและความมีวินัยของคนในองค์กร        ใช่ครับ !   เหมือนกับการที่ทุกคนร้องป่าว ๆ ว่ารักและเทิดทูนพระมหากษัตริย์     แต่ก็ยังฉ้อราษฎร์บังหลวงอย่างเห็น ๆ  อย่างหน้าด้าน ๆ      ไม่เห็นใครทำตามอย่างที่ปฏิญาณตนเลย    โดยเฉพาะผู้บริหาร(ประเทศระดับสูงในอดีต)   ของอย่างนี้มันอยู่ที่จิตสำนึกของคนครับ   ความจงรักภักดีของคนในองค์กรนับวันจะเสื่อมถอยลง  มันจะผกผันตรงกันข้ามกับวัตถุนิยมที่เคลือบคลานเข้ามาทีละน้อย ๆ      ในอดีตเรามองว่าพนักงานบริษัทในประเทศญี่ปุ่นมีความจงรักภักดีต่อบริษัท  ชนิดยอมทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่ออุทิศตนรับใช้บริษัท   แต่ในปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว   เนื่องจากคนมองหาความสุขใส่ตัวมากขึ้น   แสวงหาวัตถุนิยมมากขึ้น  ทำงานน้อยลง   อุทิศตนน้อยลง   มององค์กรเป็นเรื่องของผู้บริหาร   สังคมเสื่อมทรามลงเพราะคน   ฉะนั้นหากจะพัฒนาองค์กรให้ประสบผลสำเร็จ  ต้องพัฒนาจิตใจคนก่อน  เปลี่ยนทัศนคติให้ทุกคนยอมรับในองค์กร  รักองค์กรมากขึ้น   เมื่อทุกคนมีความจงรักภักดี  EGO  ของคนจะออกมาเองตามธรรมชาติ   นั่นย่อมหมายถึง การมีวินัยในตนเอง  และวินัยในองค์กรในที่สุด                3. ได้กับประเทศชาติ   อย่างที่กระผมบอกครับว่า  เมื่อคนดี  สังคมดี   ประเทศชาตินั้นก็จะเจริญครับ !    มันเป็นลูกโซ่เป็นเหมือนโดมิโน  ทุกอย่าง(ถ้า)ทำได้  มันจะส่งผลดีต่อส่วนรวม  แต่อย่างที่  ศ.ดร.จีระ ฯ บอก    ผมทำมา  30  ปี  ยังไม่ประสบผลสำเร็จ   ใช่ครับ   ของอย่างนี้มันต้องอาศัยเวลาดีกว่าเราไม่ทำอะไรเลย  และปล่อยให้สังคมเน่า       ฟอนเฟะไปต่อหน้าต่อตา   มันอาจจะไม่เห็นผลใน  GENERATION  นี้  และไม่มีใครตอบได้ว่าเมื่อไหร่  อาจจะเป็น  50  ปี  หรือ  100  ปี       แต่ผมเชื่อว่าสักวันสังคมจะดีได้เพราะผลของการก่อตั้งสถาบันทรัพยากรมนุษย์   โดยมี  ศ.ดร.จีระ   หงส์ลดารมภ์   เป็นผู้ก่อตั้ง  และสังคมจะจารึกชื่อท่านไว้ในความทรงจำตลอดครับ !                จากข้อความข้างต้น   ที่กระผมได้อ่านในหนังสือ  ซึ่งเป็นประวัติการทำงาน   รวมทั้งผู้ร่วมงานซึ่งเคยทำงานกับบุคคลทั้งสอง    แล้วออกความคิดเห็น(อาจไม่เข้าท่า)  พอสรุปได้ดังนี้   การนำแนวคิดเรื่อง  คน มีค่ามากที่สุดในองค์กร   เมื่อผนวกรวมเข้ากับระบบการบริหารจัดการ  จะส่งผลดีมากต่อองค์กรนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการผลิต   เรื่องของคุณภาพบุคคลากร   เรื่องของต้นทุน  การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า  นอกจากนี้  เรื่องวัฒนธรรมองค์กร   ระบบบริหารแต่ละองค์กร  รวมทั้งนโยบายของผู้บริหาร   ก็มีส่วนในการพัฒนาองค์กรด้วย  การพัฒนาคน  ถือเป็นมาตรการที่องค์กรควรทำเป็นอันดับแรก    เพราะ  คน     ถือเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด   สุดท้ายเมื่อพัฒนาคนให้มีความรับผิดชอบทั้งต่อตัวเองและสังคมได้แล้ว   ประเทศชาติก็ย่อมมีความเจริญในที่สุด    หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งว่า  ถ้าระบบดี  รวมกับคนดีแล้ว    สังคมก็จะดี   และประเทศชาติจะดีตาม       ขอความกรุณาให้อาจารย์ช่วยวิจารณ์ความคิดเห็นด้วยครับ   พ.ท.ธีรชัย    ไชยมะโน  รปม.3  โทร.  086-970-9945   [email protected]
สวัสดีค่ะอาจารย์ ดร.จีระ  หงษ์ลดารมภ์  และอาจารย์ยม  นาคสุข        ก่อนอื่นขอกราบขอบคุณที่อาจารย์จีระและอาจารย์ยมให้เกียรติมาสอนหนังสือให้พวกเรา  ทำให้พวกเรามีความรู้มากขึ้นไม่ใช่รู้แค่ในตำราเรียนอย่างเดียวและจากการที่ได้เรียนกับอาจารย์  เมื่อในวันเสาร์ที่ 13 มกราคม  2550  ได้รับความรู้เพิ่มขึ้นมากมาย เช่น 1.) วิธีการคิด 4 แนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือพ่อหลวงของเรา  ที่ท่านทรงกล่าวไว้ว่า ก่อนที่จะเริ่มทำงานใดๆ ให้คิดถึงสิ่งต่อไปนี้ 1. ทำอะไร  2. ทำอย่างไร 3. ทำเพื่อใคร 4. ทำแล้วได้อะไร  2.) ทฤษฎี 2 R’ S ได้แก่  Reality คือมองตามจริง  Relevance ตรงประเด็น 3.) Qvotations ที่ว่าปลูกพืชล้มลุก 3-4 เดือนก็สามารถเก็บผลผลิตได้  ปลูกพืชยืนต้น 3-4 ปี แต่ปลูกพืชคนทั้งชีวิต คือคนเราต้องมีการพัฒนาตลอดชีวิต  เมื่อหยุดพัฒนาก็เหมือนคนไร้ค่า ไร้ความคิด เหมือนต้นไม้ที่ตายแล้วรอเวลาที่จะล้มลงกับพื้นเท่านั้น4.) Qvotations  การบริหารความเป็นเลิศของคนในองค์กรไม่ใช่แค่ปลูกข้าวแต่ต้องดูว่าเก็บเกี่ยวได้ผลหรือเปล่าและทรัพยากรมนุษย์ไม่ใช่ต้นทุนแต่เป็นกำไร5.) การต่อยอดความรู้ใหม่ๆ  เป้าหมายของราชการกับเอกสารเหมือนกันแตกต่างกันที่จุดมุ่งหมาย6.) ทฤษฎี 4 L’ S Learning  Methodology คือเข้าใจวิธีการเรียนรู้  Learning  Emvironment  คือบรรยากาศในการเรียนรู้  Learning  Opportunity  โอกาสที่ปะทะกันทางปัญญา  และ  Learning  Community  ไฝ่รู้ หาความรู้  7.)  กฎของPeter  Senge    1.  Personal  Mastery  รู้อะไรรู้ให้จริง  2.  Mental  Models  แบบอย่างทางความคิด  3.  Shared  Vision เห็นอนาคตร่วมกัน  4. Team  Learning  เรียนเป็นทีม  5.  System  Thinking  คิดมีเหตุผล  อย่าคิดแบบเดิมๆ  ต้องเป็นคนคิดนอกกรอบบ้าง     และได้อ่านหนังสือที่อาจารย์และคุณพารนเขียนแล้วค่ะ  น่าสนใจมากและเข้าถึงจิตใจของพนักงานจริงๆ  คำกล่าวทุกคำที่อาจารย์และคุณพารนกล่าวกินใจมาก  ถ้าผู้บริหารทุกคนมีความคิดอย่างนี้พนักงานคงจะมีความสุขมากเลยทีเดียวและพนักงานทุกคนก็คงจะรักองค์กรของตัวเองมากขึ้นกว่านี้หลายเท่า  ถ้ามีผู้บริหารที่มีความเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของพนักงานได้ดีเท่ากับคุณพารน        และคำกล่าวที่ว่า  คนเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดสำหรับองค์กร  การที่เราได้พัฒนาคนเท่ากับเราได้พัฒนาองค์กรของเราด้วย  เพราะคนเป็นผู้บริหารงานทุกอย่างในองค์กร  ไม่ว่าจะเป็นคนในระดับพนักงานทั่วไป  หรือผู้บริหารระดับสูงก็ตาม  ทุกคนต่างต้องการการพัฒนาตนเองทั้งสิ้น  การที่คนเราไม่มีการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นอยู่ตลอดเวลาก็ไม่ต่างอะไรกับต้นไม้ที่ตายแล้ว  ไม่ได้รับการใส่ปุ๋ย  รดน้ำ  พรวนดิน  ก็ไม่มีการเจริญงอกงามขึ้นมา  เช่นเดียวกับองค์กร  ถ้าขาดการพัฒนาให้กับพนักงานหรือผู้บริหารแล้วองค์กรก็คงอยู่รอดอย่างลำบาก  เพราะเทคโนโลยีสมัยก้าวไปเร็วมาก  ประเทศของเรายังขาดการพัฒนาคนอย่างจริงจัง  รัฐบาลยังไม่ค่อยเร็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาคนทั้งที่เป็นปัจจัยที่สำคัญที่จะทำให้เราทัดเทียมกับนานาประเทศได้  อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องการพัฒนาคนให้มากๆ หน่อย  ไม่ควรเน้นแต่บำรุงวัตถุอย่างเดียว  เพราะถ้าคนไทยขาดการพัฒนา ประเทศไทยของเราก็ต้องอาศัยมันสมองของต่างชาติอย่างเดียว  ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเราเสียดุลให้กับฝรั่งต่างชาติอยู่ร่ำไป  จากการที่ได้เรียนกับอาจารย์ทั้ง 2 วันนี้ได้รับความรู้มากเลยค่ะ  และสามารถนำไปปรับใช้กับที่ทำงานได้ทุกเรี่องค่ะขอบคุณอาจารย์ทั้ง 2 ท่านอีกครั้งค่ะ                            ปราณีต  น่วมเปรม                               รปม.รุ่น3   สวัสดีค่ะอาจารย์ ดร.จีระ  หงษ์ลดารมภ์  และอาจารย์ยม  นาคสุข        จากการที่ได้เรียนกับอาจารย์ยมเมื่อวันอาทิตย์ที่  14  มกราคม  2550  มีเรื่องที่สนใจอยู่  3  เรื่องค่ะคือ1.      ก่อนที่เราจะพัฒนาคนอื่นเราต้องพัฒนาตนเองเสียก่อน2.      หลักธรรมาภิบาล  กำหนดกรอบจริยธรรมการดำเนินงาน3.  ปัจจัยภายนอกที่กระทบต่อการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์  คือ  Political  การเมือง  Economy  เศรษฐกิจ  Social  สังคมและวัฒนธรรม  Technology  เทคโนโลยีการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทยมีปัญหาอะไรบ้าง  3 ประเด็น1.      ระบบอุปถัมภ์ ซึ่งเป็นปัญหาที่แก้ยากมากในระบบราชการไทย2.  การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้งาน  แต่ไม่มีการพัฒนาคนให้สามารถใช้งานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้3.  อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ผู้นำเพียงคนเดียว  คือการกระจายงานให้กับหน่วยงานต่างๆ  รับไปทำแต่ไม่มีการมอบอำนาจในการสั่งการให้กับผู้ดูแลเสนอแนวทางแก้ไขและป้องกัน1.  ผู้นำต้องเปิดใจยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นบ้าง  ไม่เอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่เพราะหลายคนก็หลายความคิด  บางคนอาจมีความคิดดีๆ  แปลกใหม่มานำเสนอ  เพื่อมาพัฒนาองค์กรและประเทศชาติได้2.  ภาครัฐควรพัฒนาคนอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว3.      ใช้หลักธรรมาภิบาลช่วยแก้ไขปัญหาได้ทุกเรื่อง                                                    ปราณีต  น่วมเปรม                                                  รปม.รุ่น3   

เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ยม นาคสุข ที่เคารพ ดิฉันได้เขียนความรู้สึกประทับใจในสิ่งดี ๆ ที่ได้มีโอกาสเป็นลูกศิษย์อาจารย์จีระ และอาจารย์ยมไปแล้ว สิ่งที่ได้รับจากอาจารย์มีคุณค่ามากเป็นกำไรของชีวิต จากการพูดคุยกับเพื่อน ๆ หลายท่าน ทุกคนมีความรู้สึกดี ๆ ที่ไม่แตกต่างกัน ซึ่งคิดว่าอาจารย์คงสัมผัสได้ แต่การถ่ายทอดความรู้สึกและความรู้ที่ได้รับจากอาจารย์และการอ่านหนังสือ HR Champions ทั้งหมด ออกมาเป็นตัวหนังสือเป็นเรื่องยาก ซึ่งไม่เคยทำมาก่อน แต่ดิฉันเริ่มมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของความเป็นมนุษย์ แล้วว่า ทุกอย่างจะสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ถ้าหมั่นฝึกฝนและเรียนรู้อย่าง ต่อเนื่อง เรียนรู้ตลอดชีวิต ดิฉันเริ่มใช้แนวทาง 6 ท. โดยเฉพาะ ท.ทบทวน และ ท. ลงมือทำ และจะพยายามทำให้ดีที่สุด จากการอ่านหนังสือ HR Champions ซึ่งรวบรวมแนวคิดและประสบการณ์ในการทำงานเกี่ยวกับ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของ ท่านพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ที่ถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย สามารถจินตนาการตามได้ ความรู้ที่ได้รับมากมายคง เขียนได้ไม่หมด แต่ที่เห็นว่าเป็นองค์ความรู้ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด และทุกสถานการณ์ เช่น ทฤษฎี 4 L’s 8 K’s 2 R’s ทฤษฎี 3 วงกลม ทฤษฎีมูลค่าเพิ่ม สามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ ดังนี้ ประโยชน์ที่ได้รับสำหรับตนเอง ได้รับความรู้ใหม่ ๆ ได้เปิด โลกทรรศน์ให้กว้างขึ้น จุดประกายที่จะเรียนรู้ เพื่อพัฒนาตนเอง องค์กร และประเทศชาติ ได้เรียนรู้วิธีการคิดของอาจารย์ที่คิดไกล คิดกว้าง รู้ลึก รู้รอบ และนำความรู้มาบูรณาการได้ อย่างลงตัว มองเป้าหมายอย่าง ชัดเจน และมีวิธีการทำงานให้ถึงเป้าหมายอย่างเป็นระบบ ตามขั้นตอน ทั้งสองท่านมีความเชื่อมั่นว่า ทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งที่มีค่าและสำคัญที่สุด ขององค์กร และ มีเป้าหมายเหมือนกันคือพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ เชื่อมั่นว่าความรู้จะแก้ไขปัญหาและอุปสรรคได้ด้วยปัญญา เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง ตั้งใจที่จะแบ่งปันความรู้ไปยังผู้อื่น แสวงหาความรู้และเรียนรู้อย่างมีความสุข อยู่ตลอดเวลา ทำงานด้วยใจรัก มีภาวะผู้นำสูง รู้ทันการเปลี่ยนแปลง มีเมตตา มีน้ำใจ ให้โอกาสผู้อื่น คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าตนเอง รู้จักคำว่าไม่รู้ เพื่อจะได้เรียนรู้รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น และรู้จักวิธีการพัฒนา และดึงศักยภาพของคนมาใช้ สร้างคนดี-คนเก่ง ผู้บริหารระดับสูงจะต้องมีคุณธรรมและจริยธรรม ฯลฯ ประโยชน์ที่จะเกิดกับองค์กร นำทฤษฎี 4 L’s ทฤษฎี 3 วงกลม ทฤษฎีมูลค่าเพิ่ม มาปรับใช้ในการทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์กับองค์กรให้มากที่สุด ปรับวิธีการเรียนรู้ สร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ สร้างโอกาสในการเรียนรู้ สร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ ในองค์ประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชนำวิธีการเกี่ยวกับการบริหารทรัพยกรมนุษย์ ของปูนซีเมนต์ มาประยุกต์ ตั้งแต่ระบบการคัดเลือกและสรรหาคนเข้าทำงานที่ปูนซีเมนต์ จะดูจากความรู้ความสามารถ โปร่งใส ใช้ระบบคุณธรรม ถ้าองค์กรได้คนดี จะพัฒนาองค์กรให้ประสบความสำเร็จได้โดยง่าย สิ่งสำคัญ ที่สุดคือ การคัดเลือกผู้บริหารควรดูที่ความรู้ความสามารถมากกว่าความอาวุโส เช่น สถาบันทรัพยากรมนุษย์ ที่ ศ.ดร. จีระ ได้เป็นเป็นผู้อำนวยการ 4 สมัย เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน การเลือกผู้นำระดับหัวหน้างาน หัวหน้าฝ่าย มีผลกับความสำเร็จขององค์กร เน้นการทำงานเป็นทีม เปิดโอกาสให้พนักงาน มีส่วนร่วมกำหนดเป้าหมายขององค์กรร่วมกัน ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ด้วยส่งเสริมให้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมาถ่ายทอดต่อเพื่อสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ ประโยชน์ต่อประเทศชาติ ผู้นำองค์กรที่เป็นผู้กำหนดนโยบายในการพัฒนาประเทศ นำทฤษฎี 4 L’s และ 8 K’s มาใช้จะต้องมีปรัชญาในการบริหารโดยเน้นคนสำคัญ จะต้องมีวิสัยทัศน์วางแผนคนให้สอดคล้องกับอนาคตของประเทศในอีก 10 ปี ข้างหน้าว่าประเทศจะพัฒนาไปในทิศทางใด ต้องการทรัพยากรมนุษย์อย่างไร ได้วางแผนผลิตพัฒนา และดูแลรักษาได้อย่างตรงประเด็น ใช้ได้ดีที่สุดในเรื่องระบบการศึกษาของชาติ การพัฒนา ฝีมือแรงงาน การสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กระจายอย่างทั่วถึง ปรับหลักสูตร วิธีการเรียนการสอน ปัจจุบันเด็กเรียนด้วยวิธีการท่องจำตามครู ไม่มีการฝึกคิดวิเคราะห์หรือวางแผนการทำงาน กำหนดเป้าหมายชีวิต การเรียนตาม กระแสสังคมความนิยม เรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ซึ่งคิดอย่างมีเหตุมีผลน้อยลง หากไม่เริ่มตั้งแต่วันนี้ อาจจะพัฒนาไม่ทันประเทศอื่น หน่วยงานภาครัฐทุกแห่ง ทุกระดับควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นอันดับต้น ๆ เพราะองค์กรจะมีประสบความสำเร็จได้ด้วย คน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า สรุปหนังสือ HR Champions เป็นอาหารสมอง ที่มีคุณค่าครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะ ทฤษฎี 4L’s 8K’s 2R’s ที่สามารถนำมาใช้ประกอบการคิดวิเคราะห์ ประยุกต์ในการทำงานได้ทั้งปัจจุบันและอนาคต ที่สำคัญที่สุดคือได้สร้างแรงจูงใจที่จะเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อพัฒนาตนเอง พัฒนาองค์กร และสังคม โดยมีอาจารย์พารน อาจารย์จีระเป็นแบบอย่างที่ดี น่าเสียดายที่สุดคือได้อ่านหนังสือ HR Champions ช้าไป ถ้าได้รู้จักก่อนปีใหม่ ก็จะเป็นของขวัญปีใหม่ ที่จะมอบให้ญาติ เพื่อนสนิท มิตรสหาย คงเป็นหนังสือนี้อย่างแน่นอน

ศรีปัญญา วัชนาค

081- 6449670

[email protected]

เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ , อาจารย์ยม นาคสุข จากการที่เรียนวิชาบริหารทรัพยากรมนุษย์ใอวันที่ 13 มกราคม 2550 ช่วงแรกดิฉันรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติมากที่ได้มีโอกาสเป็นลูกศิษย์ท่าน แม้ช่วงชั่วโมงแรกดิฉันจะรู้สึกเครียดอยู่บ้าง และจากการที่ท่านได้ให้หนังสือ “ทรัพยกรมนุษย์พันธุ์แท้” ซึ่งเป็นการสนทนาระหว่างคุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา กับ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ทำให้ดิฉันได้ทราบแนวคิดสาระสำคัญ คือ 1. แนวคิดของคุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา คือ การจัดระเบียบองค์กรให้เป็นระบบ เช่นมี Personnel Manual , Accounting manual , Authority manual เน้นเรื่องคนในระดับ ผู้บริหาร ระดับกลาง ระดับล่าง การบริหารงานแบบมีส่วนร่วม การทำงานเป็นทีม การพัฒนาบุคลากรถือเป็นการลงทุนไม่ใช่ต้นทุน เมื่อคนมีความจงรักภักดี มีระเบียบวินัย ก็จะทำให้องค์กรมั่นคงได้ การพัฒนาการศึกษารูปแบบใหม่ Contructionism การสร้างเด็กไทยสู่การเป็น Global Gitizen ก้าวสู่ระดับโลก ในแบบขององค์กรแห่งการเรียนรู้ Learning Organization และแนวคิดทฤษฎี 4 L’s คือ - Village that Learn หมู่บ้านแห่งการเรียนรู้ - School that Learn โรงเรียนแห่งการเรียนรู้ - Industry that Learn อุตสาหกรรมแห่งการเรียนรู้ - Nation that Learn ชาติแห่งการเรียนรู้ 2. แนวคิดของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ คือ การให้ความสำคัญ กับคน การจัดประชุมทั้งในระดับต่างประเทศและในประเทศ เน้นถึงความสำคัญของการบริหารทรัพยากรมนุษย์เป็นสำคัญ การจัดระบบบริหารโดยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการปฏิบัติงาน การเป็นผู้สนับสนุนหลักการร่วมมือระหว่างประเทศ แนวคิดทฤษฎี 4 L’s คือ - Learning Methodology เข้าใจวิธีการเรียนรู้ - Learning Envitonmenty สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ - Learning Opportunity สร้างโอกาสในการเรียนรู้ - Learning Community สร้างชุมชนการเรียนรู้ การพัฒนาตนเอง จากแนวคิดของท่านทั้งสอง สามารถนำไปพัฒนาตนเอง ให้มีความรู้เพิ่มเติมในเรื่องของการบริหารทรัพยากรมนุษย์จากที่รู้นิดหน่อย ทำให้ได้รู้หลักและแนวคิดที่หลากหลาย และนำไปใช้ในการปฏิบัติงานได้จริง รวมทั้งการนำไปปรับปรุงพฤติกรรม ทักษะ ความคิด ของตนเองให้กว้างขวางขึ้น สามารถที่จะแก้ปัญหาได้ และพร้อมที่พัฒนาฝึกอบรมหาความรู้ ประสบการณ์ เพิ่มเติมตลอดเวลา การพัฒนาองค์กร ปัจจุบันการบริหารทรัพยากรมนุษย์ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดและเป็นปัญหามากที่สุด เพราะถ้าการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์กร จะมีทั้งคนเก่ง คนดีองค์กรก็จะประสบผลสำเร็จ ถ้ามีคนไม่เก่ง และคนไม่ดี องค์กรก็จะแย่ ดังนี้ผู้บริหารจึงต้องหากระบวนการบริหารอยู่ตลอดเวลา เช่น เริ่มจากการคัดเลือกคนที่ดีสุด และให้เหมาะกับงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ผู้บริหารต้องใช้หลักธรรมภิบาล เป็นแบบอย่างที่ดี มีการบริหารงานทีโปร่งใส มีคุณธรรม มีความเชื่อในความสามารถของพนักงาน ให้โอกาสและอิสระในการทำงาน แก้ปัญา และเสนอแนะ สร้างบรรยากาศภายในองค์กร การนำเอาทฤษฎีวงกลม3 วงกลมมาใช้ การจัดองค์กรที่เหมาะสม การเพิ่มศักยภาพคน ต้องมีแรงจูงใจ เพื่อเขาเกิดความจงรักภักดีต่อองค์กร และเมื่อองค์กรมีคนที่มีคุณภาพและศักยภาพที่ดี ก็ย่อมจะทำให้องค์กรนั้นประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ การพัฒนาประเทศ ผู้บริหารจึงต้องมีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ คือ คนที่มีคุณภาพ องค์กรที่มีคุณภาพ และผลผลิตที่มีคุณภาพ เพราะ “คน” เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ทรงคุณค่าที่สุด เพราะคนเป็นผู้สร้างสรรค์สังคม วัฒนธรรมให้ยิ่งใหญ่ได้ในระดับประเทศและระดับโลก ดังนั้นทรัพยากรมนุษย์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและก็เป็นสิ่งที่มีปัญหามากที่สุดของประเทศ เพื่อให้สังคมพัฒนาสู่ระดับสากลในยุคโลกาภิวัฒน์ เราจะต้องยอมรับในเรื่องของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้มากขึ้น การจะให้สังคมประสบความสำเร็จ ต้องอาศัยปัจจัยหลายเรื่องมาเป็นส่วนประกอบ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนทางด้านเศรษฐกิจ การมีทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าและคุณภาพ จะเป็นกำลังสำคัญส่งผลให้ประเทศชาติประสบผลสำเร็จ

 

เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ยม นาคสุข ที่เคารพ

 

 

ดิฉันได้เขียนความรู้สึกประทับใจในสิ่งดี ๆ ที่ได้มีโอกาสเป็นลูกศิษย์อาจารย์จีระ และอาจารย์ยมไปแล้ว สิ่งที่ได้รับจากอาจารย์มีคุณค่ามากเป็นกำไรของชีวิต

  

จากการพูดคุยกับเพื่อน ๆ หลายท่าน ทุกคนมีความรู้สึกดี ๆ ที่ไม่แตกต่างกัน ซึ่งคิดว่าอาจารย์คงสัมผัสได้ แต่การถ่ายทอดความรู้สึกและความรู้ที่ได้รับจากอาจารย์และการอ่านหนังสือ HR Champions ทั้งหมด ออกมาเป็นตัวหนังสือเป็นเรื่องยาก ซึ่งไม่เคยทำมาก่อน

  

แต่ดิฉันเริ่มมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของความเป็นมนุษย์ แล้วว่า ทุกอย่างจะสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ถ้าหมั่นฝึกฝนและเรียนรู้อย่าง ต่อเนื่อง เรียนรู้ตลอดชีวิต ดิฉันเริ่มใช้แนวทาง 6 ท. โดยเฉพาะ ท.ทบทวน และ ท. ลงมือทำ และจะพยายามทำให้ดีที่สุด

  

จากการอ่านหนังสือ HR Champions ซึ่งรวบรวมแนวคิดและประสบการณ์ในการทำงานเกี่ยวกับ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของ ท่านพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ที่ถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย สามารถจินตนาการตามได้ ความรู้ที่ได้รับมากมายคง เขียนได้ไม่หมด

  

แต่ที่เห็นว่าเป็นองค์ความรู้ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด และทุกสถานการณ์ เช่น ทฤษฎี 4 L’s 8 K’s 2 R’s ทฤษฎี 3 วงกลม ทฤษฎีมูลค่าเพิ่ม สามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ ดังนี้ ประโยชน์ที่ได้รับสำหรับตนเอง ได้รับความรู้ใหม่ ๆ ได้เปิด โลกทรรศน์ให้กว้างขึ้น จุดประกายที่จะเรียนรู้

เพื่อพัฒนาตนเอง องค์กร และประเทศชาติ ได้เรียนรู้วิธีการคิดของอาจารย์ที่คิดไกล คิดกว้าง รู้ลึก รู้รอบ และนำความรู้มาบูรณาการได้ อย่างลงตัว มองเป้าหมายอย่าง ชัดเจน และมีวิธีการทำงานให้ถึงเป้าหมายอย่างเป็นระบบ ตามขั้นตอน

  ทั้งสองท่านมีความเชื่อมั่นว่า ทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งที่มีค่าและสำคัญที่สุด ขององค์กร และ มีเป้าหมายเหมือนกันคือพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ เชื่อมั่นว่าความรู้จะแก้ไขปัญหาและอุปสรรคได้ด้วยปัญญา เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง ตั้งใจที่จะแบ่งปันความรู้ไปยังผู้อื่น แสวงหาความรู้และเรียนรู้อย่างมีความสุข อยู่ตลอดเวลา ทำงานด้วยใจรัก มีภาวะผู้นำสูง รู้ทันการเปลี่ยนแปลง มีเมตตา มีน้ำใจ ให้โอกาสผู้อื่น คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าตนเอง รู้จักคำว่าไม่รู้ เพื่อจะได้เรียนรู้รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น และรู้จักวิธีการพัฒนา และดึงศักยภาพของคนมาใช้ สร้างคนดี-คนเก่ง  

ผู้บริหารระดับสูงจะต้องมีคุณธรรมและจริยธรรม ฯลฯ ประโยชน์ที่จะเกิดกับองค์กร นำทฤษฎี 4 L’s ทฤษฎี 3 วงกลม ทฤษฎีมูลค่าเพิ่ม มาปรับใช้ในการทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์กับองค์กรให้มากที่สุด ปรับวิธีการเรียนรู้ สร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ สร้างโอกาสในการเรียนรู้ สร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ ในองค์ประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์

  

นำวิธีการเกี่ยวกับการบริหารทรัพยกรมนุษย์ ของปูนซีเมนต์ มาประยุกต์ ตั้งแต่ระบบการคัดเลือกและสรรหาคนเข้าทำงานที่ปูนซีเมนต์ จะดูจากความรู้ความสามารถ โปร่งใส ใช้ระบบคุณธรรม ถ้าองค์กรได้คนดี จะพัฒนาองค์กรให้ประสบความสำเร็จได้โดยง่าย

  สิ่งสำคัญ ที่สุดคือ การคัดเลือกผู้บริหารควรดูที่ความรู้ความสามารถมากกว่าความอาวุโส เช่น สถาบันทรัพยากรมนุษย์ ที่ ศ.ดร. จีระ ได้เป็นเป็นผู้อำนวยการ 4 สมัย เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน การเลือกผู้นำระดับหัวหน้างาน หัวหน้าฝ่าย มีผลกับความสำเร็จขององค์กร เน้นการทำงานเป็นทีม เปิดโอกาสให้พนักงาน มีส่วนร่วมกำหนดเป้าหมายขององค์กรร่วมกัน ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ด้วยส่งเสริมให้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมาถ่ายทอดต่อเพื่อสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ ประโยชน์ต่อประเทศชาติ   ผู้นำองค์กรที่เป็นผู้กำหนดนโยบายในการพัฒนาประเทศ นำทฤษฎี 4 L’s และ 8 K’s มาใช้จะต้องมีปรัชญาในการบริหารโดยเน้นคนสำคัญ จะต้องมีวิสัยทัศน์วางแผนคนให้สอดคล้องกับอนาคตของประเทศในอีก 10 ปี ข้างหน้าว่าประเทศจะพัฒนาไปในทิศทางใด ต้องการทรัพยากรมนุษย์อย่างไร ได้วางแผนผลิตพัฒนา และดูแลรักษาได้อย่างตรงประเด็น ใช้ได้ดีที่สุดในเรื่องระบบการศึกษาของชาติ การพัฒนา ฝีมือแรงงาน การสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กระจายอย่างทั่วถึง ปรับหลักสูตร วิธีการเรียนการสอน  

 

ปัจจุบันเด็กเรียนด้วยวิธีการท่องจำตามครู ไม่มีการฝึกคิดวิเคราะห์หรือวางแผนการทำงาน กำหนดเป้าหมายชีวิต การเรียนตาม กระแสสังคมความนิยม เรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ซึ่งคิดอย่างมีเหตุมีผลน้อยลง หากไม่เริ่มตั้งแต่วันนี้ อาจจะพัฒนาไม่ทันประเทศอื่น หน่วยงานภาครัฐทุกแห่ง ทุกระดับควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นอันดับต้น ๆ เพราะองค์กรจะมีประสบความสำเร็จได้ด้วย คน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า  

 

สรุปหนังสือ HR Champions เป็นอาหารสมอง ที่มีคุณค่าครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะ ทฤษฎี 4L’s 8K’s 2R’s ที่สามารถนำมาใช้ประกอบการคิดวิเคราะห์ ประยุกต์ในการทำงานได้ทั้งปัจจุบันและอนาคต ที่สำคัญที่สุดคือได้สร้างแรงจูงใจที่จะเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อพัฒนาตนเอง พัฒนาองค์กร และสังคม โดยมีอาจารย์พารน อาจารย์จีระเป็นแบบอย่างที่ดี น่าเสียดายที่สุดคือได้อ่านหนังสือ HR Champions ช้าไป ถ้าได้รู้จักก่อนปีใหม่ ก็จะเป็นของขวัญปีใหม่ ที่จะมอบให้ญาติ เพื่อนสนิท มิตรสหาย คงเป็นหนังสือนี้อย่างแน่นอน  

 

ศรีปัญญา วัชนาค

  081- 6449670   [email protected]
นายภานุพงษ์ พิศรูป
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ จากที่เรียนวิชาบริหารทรัพยากรมนุษย์วันที่ 13 มกราคม 2550 และจากการที่อาจารย์ได้ให้หนังสือ “ทรัพยกรมนุษย์พันธุ์แท้” ซึ่งเป็นการสนทนาระหว่างคุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา กับ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ผมได้สรุปแนวคิด ดังนี้ แนวคิดของคุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา เน้นเรื่องการจัดระเบียบองค์กรให้เป็นระบบ เช่นมี Personnel Manual , Accounting manual , Authority manual เน้นเรื่องคนในระดับ ผู้บริหาร ระดับกลาง ระดับล่าง การบริหารงานแบบมีส่วนร่วม การทำงานเป็นทีม การพัฒนาการศึกษารูปแบบใหม่ Contructionism ในแบบขององค์กรแห่งการเรียนรู้ Learning Organization และแนวคิดทฤษฎี 4 L’s คือ - Village that Learn หมู่บ้านแห่งการเรียนรู้ - School that Learn โรงเรียนแห่งการเรียนรู้ - Industry that Learn อุตสาหกรรมแห่งการเรียนรู้ - Nation that Learn ชาติแห่งการเรียนรู้ แนวคิดของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เน้น เรื่องการให้ความสำคัญ กับคน เน้นถึงความสำคัญของการบริหารทรัพยากรมนุษย์เป็นสำคัญ การจัดระบบบริหารโดยการนำเอาเทคโนโลยีเข้า การเป็นผู้สนับสนุนหลักการร่วมมือระหว่างประเทศ แนวคิดทฤษฎี 4 L’s คือ - Learning Methodology เข้าใจวิธีการเรียนรู้ - Learning Envitonmenty สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ - Learning Opportunity สร้างโอกาสในการเรียนรู้ - Learning Community สร้างชุมชนการเรียนรู้ การพัฒนาตนเอง จากแนวคิดของท่านทั้งสอง สามารถนำไปพัฒนาตน ให้มีความรู้เพิ่มเติมในเรื่องของการบริหารทรัพยากรมนุษย์จากที่รู้ไม่มากทำให้ได้รู้หลักและแนวคิดที่หลากหลาย และนำไปใช้ในการปฏิบัติงานได้จริง รวมทั้งการนำไปปรับปรุงพฤติกรรม ทักษะ ความคิด ของตนให้กว้างขวางขึ้น สามารถที่จะแก้ปัญหาได้ และพร้อมที่พัฒนาฝึกอบรมหาความรู้ ประสบการณ์ เพิ่มเติมตลอดเวลา การพัฒนาองค์กร ปัจจุบันการบริหารทรัพยากรมนุษย์ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดและเป็นปัญหามากที่สุด การใช้หลักการบริหารทรัพยากร HRM ทำให้เกิความเป็นธรรมในการจ้าง สภาพแวดล้อมที่ดี ให้พนักงานมีส่วนรวม การยอมรับและเชื่อมั่นในความสามารถของพนักงาน ผู้บริหารต้องใช้ลักธรรมภิบาล การใช้แรงจูงใจ เขาเกิดความจงรักภักดีต่อองค์กร และเมื่อองค์กรมีคนที่มีคุณภาพที่ดี ก็ย่อมจะทำให้องค์กรนั้นประสบความสำเร็จ การพัฒนาประเทศ “คน” เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ทรงคุณค่าที่สุด เพราะคนเป็นผู้สร้างสรรค์สังคม วัฒนธรรมให้ยิ่งใหญ่ได้ในระดับประเทศและระดับโลก เป็นการพัฒนาระดับองค์กร ไปสู่ระดับประเทศ และไปสู่ระดับโลก ซึ่งทั้ง 2 ท่านกำลังเสริมสร้างพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ในรูปแบบไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้ คนของประเทศมีศักยภาพสูง พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าในยุค Globalization อย่างเท่าเทียมกัน
นายกิตติ เพลินจิตต์ 49038020004
เรียน อ.ยม นาคสุข  ความรู้ที่ได้จากการเรียนวิชาการบริหารทรัพยากร ในวันที่ 14 มกราคม 2550ขอเสนอประเด็นที่ได้เรียนรู้ 3 ประเด็น ดังนี้ คือประเด็นที่ 1 ความรู้ที่ได้จากในชั้นเรียน 1.1 หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดีควรจัดหรือส่งเสริมให้สังคมไทยอยู่บนพื้นฐานของหลักสำคัญอย่างน้อย 6 ประการ ดังนี้                    1. หลักนิติธรรม ได้แก่ การตรากฎหมาย กฎ ข้อบังคับต่างๆ ให้ทันสมัยและเป็นธรรม เป็นที่ยอมรับของสังคม และสังคมยินยอมพร้อมใจปฏิบัติตามกฎหมาย กฎข้อบังคับเหล่านั้น โดยถือว่าเป็น การปกครองภายใต้กฎหมาย มิใช่ตามอำเภอใจหรืออำนาจของตัวบุคคล
                    2. หลักคุณธรรม ได้แก่ การยึดมั่นในความถูกต้องดีงาม โดยรณรงค์ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ยึดถือหลักนี้ในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นตัวอย่างของสังคม และสนับสนุนให้ประชาชนพัฒนาตนเอง ไปพร้อมกัน เพื่อให้คนไทยมีความซื่อสัตย์ จริงใจ ขยัน อดทน มีระเบียบวินัย ประกอบอาชีพสุจริต จนเป็นนิสัยประจำชาติ
                    3. หลักความโปร่งใส ได้แก่ การสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันของคนในชาติ โดยปรับปรุง กลไกการทำงานขององค์กรทุกวงการให้มีความโปร่งใส มีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์อย่างตรงไปตรงมาด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้สะดวก และมีกระบวนการ ให้ประชาชนตรวจสอบความถูกต้องชัดเจนได้
                    4. หลักความมีส่วนร่วม ได้แก่ การเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ และเสนอความเห็น ในการตัดสินปัญหาสำคัญของประเทศ ไม่ว่าด้วยการแจ้งความเห็น การไต่สวนสาธารณะ การประชาพิจารณ์ การแสดงประชามติ หรืออื่น ๆ
                    5. หลักความรับผิดชอบ ได้แก่ การตระหนักในสิทธิหน้าที่ ความสำนึกในความรับผิดชอบ ต่อสังคม การใส่ใจปัญหาสาธารณะของบ้านเมือง และกระตือรือร้นในการแก้ปัญหา ตลอดจนการเคารพ ในความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และความกล้าที่จะยอมรับผลจากการกระทำของตน
                     6. หลักความคุ้มค่า ได้แก่การบริหารจัดการและการใช้ทรัพยากรที่มีจำกัดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ส่วนรวม โดยรณรงค์ให้คนไทยมีความประหยัดใช้ของอย่างคุ้มค่า สร้างสรรค์สินค้าและบริการ ที่มีคุณภาพสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก และรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์ยั่งยืน
1.2  ทฤษฎี 6 ท. คือ เทคนิคการสู่ความสำเร็จและก้าวหน้า- ท. ท้าทาย คือ กล้าที่จะทำงานที่ยาก ท้าทาย - ท. ท่าที คือ มีท่าทีที่ดี คิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี พฤติกรรมดี บุคลิกดี- ท. เที่ยงธรรม คือ มีคุณธรรม ธรรมาภิบาล มีธรรมทุกเรื่อง - ท. ทองแท้ คือ ซื่อสัตย์ สุจริต เสมอต้นเสมอปลาย และมีความอดทน- ท. ทบทวน คือ ค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา หมั่นทบทวนในสิ่งที่เรียนรู้ - ท. ทำ คือ ลงมือทำด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่น ต่อเนื่อง                1.3 ทฤษฎีการพัฒนาธุรกิจ หมายถึง กิจการที่ก่อให้เกิดสินค้าและบริการ กิจกรรมของธุรกิจ ตามทฤษฎี OM (Operation Management) มี 3 กระบวนการ คือ Input Process และ Output  Input คือ กระบวนการนำเข้าทรัพยากรทางการบริหาร ได้แก่ คน วัตถุดิบ อุปกรณ์เครื่องมือ เป็นต้น Process คือ กระบวนการผลิต กระบวนการขาย กระบวนการบริการ กระบวนการสร้างความประทับใจให้ลูกค้าOutput คือ จุดสุดท้ายของงานขาย/งานบริการ ในกระบวนการขาย หรือบริการ ผู้ขาย ผู้ปฏิบัติงานต้องมีแนวคิดที่สำคัญคือลูกค้าและนายถูกเสมอเพราะเขาคือผู้มีพระคุณต่อผู้ปฏิบัติงาน ประเด็นที่ 2 ท่านคิดว่ามีปัญหาอะไรบ้างในการบริหารทรัพยากร ยกตัวอย่าง 3 ข้อ1. โครงสร้างของระบบราชการที่มีขนาดใหญ่ สายการบังคับบัญชาที่ยาว ก่อให้เกิดความล่าช้าในการบริหาร ซึ่งบางเรื่องที่เร่งด่วนอาจจะไม่ทันการณ์ หรือก่อให้เกิดความเสียหายได้2. ขาดการทำงานเป็นทีม ส่วนใหญ่จะเป็นต่างคนต่างทำ ก่อให้เกิดทำงานซ้ำซ้อนเพราะขาดการประสานงานกัน ทำให้เสียเวลาและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย3. ระบบราชการยังยึดอยู่กับค่านิยมแบบเก่า คือ ระบบพวกพ้อง ซึ่งก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม อาทิเช่น การสรรหา การคัดเลือก การเลื่อนขั้น เป็นต้น   ประเด็นที่ 3 ข้อเสนอแนะ1.       ควรลดขนาดของโครงสร้าง และสายการบังคับบัญชาให้สั้น เน้นการกระจายอำนาจ2.       เน้นการทำงานเป็นทีม สร้างบรรยากาศในองค์การให้เอื้อต่อการทำงาน3.       ควรนำหลักธรรมภิบาลมาใช้ และควรปฏิบัติให้ได้จริงเหมือนกับทฤษฎี 6ท.
จ่าเอกสราวุฒิ นวมน้อย รหัสนักศึกษา49038010029 ม.สวนสุนันทา
เรียน ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์ ที่เคารพอย่างสูงกระผมจ่าเอกสราวุฒิ  นวมน้อย นักศึกษาปริญญาโท(รปม.) สาขาการบริหารจัดการ รุ่นที่ 3 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เรียนกับท่านอาจารย์เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2550 และท่านอาจารย์แนะนำให้อ่านหนังสือ HR. CHAMPIONS  ของท่านอาจารย์แล้ว ขอยอมรับว่าเป็นหนังสือที่มีประโยชน์/คุณค่า/ให้ความรู้และแนวคิดในเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กับกระผมและผู้ที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้เป็นอย่างมาก จนเกิดแรงบันดาลใจในการที่จะนำไปขยายผลทั้งในด้านการเรียนรู้และการปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม ปรัชญาความคิดตลอดจนกลยุทธ์และเทคนิคการการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของท่านอาจารย์ทั้งสองนับว่ามีเป็นประโยชน์ต่อองค์กรและประเทศชาติเป็นอย่างมาก ท่านอาจารย์ได้ชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของคนซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดในองค์กร , ความจำเป็นที่ต้องพัฒนาคน เพื่อเข้าสู่โลกยุคโลกาภิวัตน์ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว, ให้หลักความคิดและแนวทางในการพัฒนาคน ตลอดจนแนวคิดในเรื่องการเพิ่มผลผลิตขององค์กรและของประเทศ สิ่งหนึ่งที่ท่านอาจารย์ทั้งสองได้แสดงออกถึงความรักชาติ รักแผ่นดินไทย ก็คือ ความมุ่งมั่นที่จะสร้างคนไทยสังคมไทยให้เป็น Global Citizen เพื่อให้แข่งขันกับชาติอื่นๆในโลกได้ ท่านทั้งสองได้ชี้ให้เห็นถึงคุณค่าขององค์ความรู้ที่สังคมไทยและคนไทยจำเป็นต้องพัฒนาด้วยวิธีการเรียนรู้มิใช่ถูกสอนให้รู้และเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต, การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นการลงทุน เพื่อทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มมิใช่เป็นการลงทุนที่สูญเปล่า เพราะการแข่งขันในโลกสมัยใหม่ที่ต้องใช้ความรู้เป็นหลัก บางครั้งเราอาจจะต้องยอมจ่ายเพื่อซื้อความรู้จากสมองและประสบการณ์ของคนอื่น เพื่อนำมาพัฒนาคนของเราให้มีความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน (Competitive Advantage) แต่ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ค่อยให้ความสนใจที่จะลงทุนในด้านคนเนื่องจากคิดว่าเรามีทรัพยากรธรรมชาติด้านอื่น ๆ มาก จึงไม่ค่อยให้ความสนใจเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มากนัก และเรื่องที่กระผมประทับใจคือ ความคิดของ ท่านอาจารย์ที่มุ่งจะพัฒนาประเทศ อย่างแน่วแน่ ต้องการจะทำให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งปัญญา หรือ มุ่งที่จะให้เป็น Global Citizen ที่ลงทุนกับการพัฒนาบุคคลภายในประเทศให้มีความรู้ความสามารถที่ทัดเทียมกับต่างชาติเพราะประเทศของเราทรัพยากรธรรมชาติ ย่อมมีทางที่จะหมดสิ้นแต่ ทรัพยากรบุคคลนั้นเราจะทำอย่างไรให้กลายเป็นเหมือนปัจจัยการผลิตอย่างหนึ่ง ไม่ใช่แค่เรื่อง แรงงาน แต่เป็นบุคคลที่สามารถพัฒนาตนเอง จนเป็นทรัพย์สินที่มีค่า หนังสือเล่มนี้ได้ให้แนวคิด และปรัชญามากมาย  รวมทั้ง  แนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมประกอบทำให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้น   และได้ชี้ให้เห็นถึงเหตุและผลของแนวคิด   พร้อมทั้งยกตัวอย่างประกอบให้เข้าใจได้ดียิ่งขึ้น
        1.  แนวคิด และ ปรัชญา เรื่อง  “ คุณค่ามนุษย์ “ จากคำกล่าวของอาจารย์พารณ ที่มีความเชื่อว่ามนุษย์เป็นสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดขององค์กร และเป็นสมบัติที่มีคุณค่ายิ่ง       ตรงข้ามกับเครื่องจักร และอุปกรณ์   เพราะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ จะค่อยๆ เสื่อมค่าลง จากการใช้งานและสึกหรอได้เมื่อผ่านการใช้งานตามกาลเวลา   แต่คุณค่าของคนกลับเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
        ในแนวคิดเรื่องนี้ กระผมเห็นด้วยกับอาจารย์พารณ  เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ คุณค่าของคนจะมีคุณค่ามากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ เมื่อมีการพัฒนาคนอย่างมีประสิทธิภาพ ต่อเนื่อง และยาวนานเพียงพอ  หรืออาจจะตลอดชีวิต ดังนั้นการที่ผู้นำประเทศ  หรือผู้นำองค์กรไม่มีแนวคิดในเรื่องนี้ แน่นอนย่อมจะไม่เห็นความสำคัญของทรัพยากรในส่วนนี้ และสุดท้ายก็ย่อมไม่มีการพัฒนาทรัพยากรส่วนนี้ และในทางเดียวกันเมื่อเกิดวิกฤตกับองค์กร สิ่งแรกที่ผู้นำองค์กรจะทำคือการตัดต้นทุนในส่วนนี้ออกให้เร็วที่สุด
         และจากแนวคิดนี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการสร้างทัศนคติที่ดีในเรื่องของมนุษย์ ว่า  มนุษย์เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุด และสามารถพัฒนาได้  สำหรับองค์กรสามารถปลูกฝังความคิดนี้ให้กับบุคลากรได้ทุกระดับ   สำหรับประเทศสามารถปลูกฝังความคิดนี้ให้ได้ตั้งแต่กับเด็กเล็กจนถึงผู้ใหญ่ทุกคน  ซึ่งโดยรวมจะทำให้ปัญหาสังคมลดลง เพราะทุกคนเห็นคุณค่าของตนเองและผู้อื่น และคุณภาพของคนในสังคมโดยรวมจะดีขึ้น
          2.  แนวคิดในเรื่อง “ การมองทรัพยากรมนุษย์เป็นการลงทุน ” คำกล่าวของท่านอาจารย์จีระ ที่ว่า  ทรัพยากรมนุษย์เป็นการลงทุนไม่ใช่ต้นทุน และก็ไม่ใช่เฉพาะทุนมนุษย์  ( HUMAN  CAPITAL)  เท่านั้น  แต่ต้องมีทุนทางปัญญา (INTELLECTUAL CAPITAL)  และทุนทางจริยธรรม (ETHICAL CAPITAL)   ด้วย  กล่าวคือ ทุนมนุษย์ คือ การลงทุนด้านคน เช่น การลงทุนเรื่องการศึกษาให้กับประชาชน หรือ คนในองค์กร ทุนทางปัญญาคือ ความสามารถในการคิดและวิเคราะห์เป็น และนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มอันได้แก่การนำข้อมูล (DATA) มาเพิ่มมูลค่าเป็นข่าวสาร (INFORMATION) จากนั้นเป็นความรู้(KNOWLEDGE)  และนำไปสร้างมูลค่าเพิ่ม ( VALUE ADDED)  คือ นำไปสู่การวางแผน แก้ปัญหาทุนทางจริยธรรม   คือ  ทุนที่เกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริต  ซึ่งคนเราเกิดมาอาจมีความรู้ความสามารถ แต่ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ก็ไม่สามารถนำพาประเทศให้อยู่รอดได้  กลุ่มที่อ่อนที่สุดในข้อนี้ คือ นักการเมือง กับ ข้าราชการ
          ในแนวคิดเรื่องนี้ เห็นด้วยกับอาจารย์จีระเป็นอย่างยิ่ง   การที่มองทรัพยากรมนุษย์เป็นการลงทุนซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินทรัพย์ขององค์กร หรือ ประเทศชาติ เพื่อส่งผลที่ดีในระยะยาวให้กับองค์กร หรือ ประเทศ   ในการแข่งขันกับประเทศต่าง ๆ ในโลกได้ ซึ่งในที่นี้ไม่เพียงแต่นำเงินลงทุนมาพัฒนาคนให้ได้รับการศึกษา ให้มีความรู้ความสามารถเท่านั้น  แต่ต้องพัฒนาคนให้เกิดปัญญา และ จริยธรรม ด้วยควบคู่กันไปด้วย จึงจะสมบูรณ์และครบถ้วน
           และจากแนวคิดอันนี้  สามารถนำไปต่อยอดให้กับองค์กรได้  ในเรื่องของการวางแผนด้านกำลังคน
( MAN  POWER  PLANNING ) เพื่อรองรับการเจริญเติบโตขององค์กร
           3.  แนวคิด เรื่อง GLOBAL   CITIZEN แนวคิดนี้ เป็นแนวคิดในการที่จะสร้าง หรือพัฒนาให้คนไทยก้าวสู่การแข่งขันในระดับโลกได้ นั้นต้องมีคุณสมบัติสำคัญ 3 ประการคือ
                     1. ความคล่องแคล่วในภาษาไทย และอังกฤษ
                     2. เทคโนโลยี
                     3. คุณธรรม
                   และที่สำคัญที่จะก้าวสู่การเป็นชาติที่มีความสามารถในการแข่งขันสูงได้นั้นต้องเป็นชาติที่มีความสามารถในการเรียนรู้เสียก่อนคือพัฒนาคนให้เป็นผู้เรียนรู้ที่ดี     
( GOOD LEARNER)
  เพราะการเป็นผู้เรียนรู้ที่ดี เมื่อมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็สามารถเรียนรู้ และรับมือได้   และจากแนวคิดนี้ อาจารย์พารณ ได้พัฒนาคนให้มีการเรียนรู้โดยใช้หลักการ 2 หลักการดังนี้
                     1.
LEARNING ORGANIZATION
(องค์กรแห่งการเรียนรู้ )  คือ ให้ทุกคนเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต  และสามารถปรับตัวสู่ความเป็นเลิศได้
                     2.
CONSTRUCTIONISM
( ระบบการเรียนรู้ ) โดยให้ผู้เรียน”  เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้
                         ให้คุณค่า กับ การเรียนรู้ไปด้วยกัน  คือ ครูเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้สนับสนุน  และกระตุ้นผู้เรียน
                         ให้คุณค่ากับการใช้ ความคิดสร้างสรรค์
                         ให้คุณค่ากับความจำเป็นที่ต้องเตรียมพร้อมเด็กและเยาวชนให้เป็นพลเมืองที่ดี มีความรู้ความสามารถ        
               จากแนวคิดในเรื่องนี้ เกี่ยวกับการเป็นผู้เรียนรู้ที่ดี  โดยมีองค์กรเรียนรู้ และ ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้วยตนเอง นั้น ในระดับจุลภาคเล็กที่สุด คือ ตัวเราเอง :ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้กับตัวเองให้เกิดประโยชน์คือ ทำตัวให้เป็นผู้เรียนรู้ที่ดี ต่อไปในระดับที่สูงขึ้น คือ ทำให้ทุกคนเป็นผู้เรียนรู้ที่ดี และท้ายที่สุดในระดับประเทศทำให้ประชาชนทั่วไปเป็นผู้เรียนรู้ที่ดีจากการอ่านหนังสือ HR. CHAMPIONS ( ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ ) ถ้าผู้นำประเทศได้อ่านแล้วนำแนวความคิดด้านต่างๆ ไปปฏิบัติและกำหนดเป็นนโยบายของประเทศ จะทำให้      1. ประชาชนจะเป็นคนดี คนเก่ง ต้องมาจากพื้นฐานทางครอบครัว ปัญหาของครอบครัวในปัจจุบันคือการที่พ่อแม่ต่างก็ออกไปทำมาหากินเลี้ยงดูลูกด้วยการให้เงินอย่างเดียว ขาดความรักและความอบอุ่นในครอบครัว ขาดการอบรมดูแลเอาใจใส่อย่างจริงจัง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของเด็ก  ที่จะเป็นอนาคตของประเทศชาติ   โดยข้อเท็จจริงข้างต้นนี้ค่อนข้างจะตรงกับหลักการของอาจารย์พารณ ในเรื่องการบริหารทรัพยากรมนุษย์  นอกจากจะให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมแล้ว  ทางด้านจิตใจก็จำเป็นต้องมีด้วย โดยการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดี  เอาใจใส่ต่อครอบครัว
           2. ถ้าการศึกษาให้ความรู้ คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญแล้ว การพัฒนาบุคลากรเพื่อพัฒนาทางการศึกษา ได้แก่ ครู อาจารย์ เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า เพราะบุคลากรเหล่านั้นเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่จะใช้ในการขับเคลื่อนอนาคตของประเทศชาติ ทางด้านการศึกษาต่อไป
           3. การสร้างความจงรักภักดีต่อประเทศชาติ ซึ่งทรัพยากรมนุษย์ของชาติ โดยเฉพาะ คนที่มีความรู้  ความสามารถ และมีศักยภาพ ไม่เพียงแต่มีถ่ายโอนจากหน่วยงานหนึ่งไปหน่วยงานหนึ่ง จากองค์กรหนึ่งไปอีกองค์กรหนึ่ง จากภาครัฐสู่ภาคเอกชนแล้ว ยังมีทรัพยากรมนุษย์ที่ยังอยู่ในต่างประเทศ ทำงานที่ต่างประเทศ ด้วยเหตุผลหลากหลายทั้งในเรื่องของรายได้ที่สูงมากกว่า เบื่อระบบการเมืองและราชการของไทย ทำอย่างไรที่จะให้มันสมองที่มีคุณภาพเหล่านี้ไหลกลับมาพัฒนาประเทศไทยของเรา
          4. ทุนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ : การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีแนวคิด  ปรัชญา และวิธีการพัฒนา ที่ถูกต้องมีประสิทธิภาพ ต่อเนื่อง และยาวนาน แต่อีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญเช่นกันในการขับเคลื่อน คือ เรื่องเงินทุนในภาครัฐ การที่ผู้บริหารองค์กรมีแนวคิด วิธีการพัฒนาที่ถูกต้องก็สามารถ สนับสนุนส่งเสริมในเรื่องนี้ แต่ก็จะมีปัญหาในทางปฏิบัติอย่างมาก  ถ้าจะให้ประชาชนเป็นผู้จ่ายเงินทุนในส่วนนี้เพื่อการศึกษาของบุตรหลาน  ขณะที่ปัจจุบันนี้ ความอยู่รอดของปากท้องของประชาชนในระดับล่างยังเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าการศึกษาของบุตรหลาน
           5. นโยบายทางด้านการเมืองการปกครอง : นโยบายประชานิยม และการกระตุ้นเศรษฐกิจ  ด้านเดียว เน้นการกู้ยืมเงิน การสร้างหนี้ สร้างการใช้จ่าย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็จะได้คะแนนนิยมจากประชาชน โดยเฉพาะระดับล่าง เพราะสามารถทำให้เกิดผลลัพธ์ ทางการเมืองได้อย่างรวดเร็ว   ในทางตรงกันข้ามในการพัฒนาคนเรื่องการศึกษา จะต้องใช้เวลาและเกิดผลลัพธ์ในระยะยาว ประกอบกับการให้ความรู้และการศึกษากับประชาชนมากขึ้นย่อมส่งผลกระทบต่อนโยบายประชานิยมของภาครัฐในระยะยาวได้
ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อความหวังความอยู่รอดของคนไทยในอนาคต สร้างให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ ทั้งดี ทั้งเก่ง  และมีความสุข มีมุมมองเชิงรุกสู่อนาคต  ดังนั้นคำตอบสุดท้ายที่เราหวังไว้ก็คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างยั่งยืน   เพื่อทำให้คนไทยและสังคมไทยก้าวทันโลกแห่งอนาคต จ่าเอกสราวุฒิ  นวมน้อย                   http://[email protected]
นางมยุเรศ เชยปรีชา
มยุเรศ   เชยปรีชา   รปม.3    รหัส  49038010003เรียน  ท่านอาจารย์ ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์และอาจารย์ยม  นาคสุข         ที่เคารพ              วันที่ 14 ม.ค.2550  นักศึกษา รปม.รุ่น 3 ได้เรียนวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เป็นครั้งที่สอง ซึ่งท่านอาจารย์ ศ.ดร.จีระ ได้มอบหมายให้อาจารย์ ยม  นาคสุข  เข้ามาสอนในวันนี้  รู้สึกว่าเวลา 1 วันมันน้อยเกินไปสำหรับนักศึกษาที่ได้เรียนกับอาจารย์ยม  แต่อาจารย์ก็สามารถถ่ายทอดความรู้ให้กับนักศึกษาได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ท่านได้สรุปหัวข้อสำคัญๆและตรงประเด็น พร้อมทั้งให้แนวคิดและแนวทางในการแก้ไขปัญหาไว้หลายๆอย่าง โดยเน้นให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งภาครัฐและเอกชน อาจารย์มีความตั้งใจในการสอนมาก  นักศึกษา รปม.3 ทุกคนได้รับความรู้จาก อาจารย์มากและรู้สึกสนุกกับการเรียนในวิชานี้ และก็พยายามทำตัวให้เป็นคนมีบุญ จะได้เข้าใจมากขึ้น หลังจากจบการเรียนในวันนี้อาจารย์ได้ให้การบ้านนักศึกษา ในการตอบประเด็นที่เรียนไปแล้วในวันนี้ 3  ประเด็นคือ  ประเด็นที่ 1 วันนี้ เรียนรู้ ได้ประเด็นอะไร ที่ตนเองได้ และสนใจ อย่างน้อย    3 ประเด็นประเด็นที่ 2 การบริหารทรัพยากรมนุษย์  ของรัฐ ท่านคิดว่ามีปัญหาอะไรบ้าง  3 ข้อประเด็นที่ 3 ข้อเสนอแนะให้รัฐบาล องค์การ ฯ ในการแก้ไขปัญหา ให้ภาครัฐ 3 ข้อ ข้อ 1 วันนี้ เรียนรู้ ได้ประเด็นอะไร ที่ตนเองได้ และสนใจ อย่างน้อย 3 ประเด็น ตอบ การเรียนรู้ที่ได้รับในชั้นเรียนและจะนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ด้านการทำงานที่สนใจ 3 ทฤษฎีคือ1.)  ทฤษฎี  PEST ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 4 ด้าน คือ                    1.  Political         การเมือง                2.  Economy       เศรษฐกิจ                3.  Social           สังคม วัฒนธรรม4.  Technology   เทคโนโลยี 2.)  หลักธรรมาภิบาล (Good Governance) / หลักในการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี  ประกอบด้วย 6 ประการหลักคือ1. หลักนิติธรรม 2. หลักคุณธรรม 3. หลักความโปร่งใส 4. หลักความมีส่วนร่วม 5. หลักความรับผิดชอบ 6. หลักความคุ้มค่า 3.)การสร้างอำนาจ 5 อย่าง คือ          1. การให้  2. การติเตียน 3. เป็นผู้รู้มากกว่า 4. อำนาจอ้างอิง5.  อำนาจทางนิติกรรม ------------------------------ ข้อ 2 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของรัฐ ท่านคิดว่ามีปัญหาอะไรบ้าง  3 ข้อตอบจากการอยู่รวมกันเป็นสังคม การมีปฏิสัมพันธ์ในทุกด้าน ทำให้ปัจจุบันการบริหารทรัพยากรมนุษย์โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐมักเกิดปัญหาขึ้นอย่างมากมาย ซึ่งปัญหาที่น่าสนใจและน่าติดตามอย่างต่อเนื่องก็คือปัญหาคุณภาพของคน-สังคม-สิ่งแวดล้อม ที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอก        1.  ปัญหาคุณภาพของคน ขาดภาวะผู้นำ ขาดปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต ขาดโอกาสทางการศึกษาขั้นพื้นฐาน2.  ปัญหาสังคม วัฒนธรรม โดยการรับวัฒนธรรมจากต่างชาติ สังคมได้รับการดูแล ขาดศีลธรรม สังคมการขาดความสัมพันธ์และความไว้วางใจกันระหว่างผู้คนในสังคม เช่น การคอร์รัปชั่น ขาด "ธรรมาภิบาล" (good governance) ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ที่มีมาโดยตลอดอันยาวนานจนกระทั่งปะทุรุนแรงให้เห็นในเวลานี้  ------------------------------  ข้อ 3 ข้อเสนอแนะให้รัฐบาล องค์การ ฯ ในการแก้ไขปัญหา ให้ภาครัฐ 3 ข้อตอบ 1.    หน่วยงานราชการต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด กระบวนทัศน์ ในการแก้ไขวัฒนธรรมในองค์กรแบบเดิมในเชิงรุก โดยใช้ทฤษฎีการบริหารจัดองค์กรแนวใหม่และให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการและส่งเสริมข้าราชการผู้ที่มีบทบาทที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนภารกิจด้านภาวะผู้นำที่ดีในองค์กร เพื่อการดำเนินงานเป้าหมายสูงสุด สร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ ยึดหลักประการสําคัญคือ การบริหารราชการเพื่อประโยชน์ สุขของประชาชนและความมั่นคงของประเทศชาติ2.    รณรงค์เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ผลงานการดำเนินงานข้อมูลข่าวสารเพื่อความก้าวหน้าทันต่อเหตุการณ์3.    วางมาตรการการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันเพื่อเป้าหมายขององค์กรที่ใสสะอาด (ต้องติดตาม)
 
 สรุป จากประเด็น ที่ 1  2  และ 3  ทำให้ทราบว่า  ทรัพยากรมนุษย์ เป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญและมีค่ามากที่สุดในองค์กร ทำให้เกิดปัญหา และเป็นผู้แก้ไขปัญหา และการแก้ไขปัญหาจำเป็นต้องหาความรู้หลายหลากด้านนำมาพัฒนาและศึกษาเรียนรู้ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในบริหารทรัพยากรมนุษย์ ทั้งจากการพัฒนาด้านการติดต่อสื่อสาร เทคโนโลยี ITสารสนเทศ อันแสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของความสัมพันธ์เชื่อมต่อของยุคโลกาภิวัตน์ ด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงระหว่างกลุ่มคน ทั้งชุมชน ภาคเอกชน และภาครัฐบาล ซึ่งต้องอาศัยการพึ่งพาซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้สิ่งใหม่และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมความรู้ใหม่ และไอเดียใหม่ ๆ ทำให้เราอยู่รอดได้อย่างยั่งยืนในยุคโลกาภิวัตน์ถ้ากลุ่มคนทุกฝ่ายเรียนรู้ว่าตนเองเป็นทรัพยากรมนุษย์ทีมีค่า และมีความสำคัญที่สุด  ก็สามารถที่จะพัฒนาตนเอง องค์กรและประเทศชาติให้ก้าวหน้าได้       
วิไลวรรณ วิไลเลิศ รปม. รุ่น 3 รหัส 49038020016

เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ยม นาคสุข         

                ก่่อนอื่นต้องขอบพระคุณอาจารย์จีระเป็นอย่างสูงที่ได้นำสิ่งดี ๆ มาสู่ชีวิต คือได้รับความรู้และประสบการณ์ดี ๆ ได้มีโอกาสเป็นลูกศิษย์ปรมาอาจารย์ด้านทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้ สิ่งสำคัญที่สุดช่วยสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ ทำให้รู้ว่ายังไม่สายหากจะเริ่มต้นการเรียนร้ อย่างจริงจัง เพราะการเรียนรู้สามารถทำได้ตลอดชีวิต ใช้เทคนิค 6 ท. เป็นแนวทาง ซึ่งใช้ได้ทันที อาจารย์จีระ ให้อ่านหนังสือ “ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้”
ครั้งแรกคิดว่าจะมีเวลาอ่านหรือ แต่เมื่อลงมืออ่านแล้วกลับวางไม่ลง เป็นหนังสือที่เขียนเล่าเรื่องได้ไม่เบื่อ มีทั้งบทสนทนา บทสัมภาษณ์ เข้าใจง่าย

 

เมื่ออ่านจบแล้ว ให้สรุปว่าได้อะไรบ้าง กับตนเอง องค์กรและประเทศชาติ รู้แต่ว่าได้รับประโยชน์มาก แต่อาจจับประเด็นได้ไม่หมด สิ่งแรกคือได้รู้จักท่านพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ มากยิ่งขึ้น ดูจากประวัติและผลงานของท่านทั้งสองแล้ว เป็นปูชนียบุคคลที่น่านับถือ และเอาเป็นแบบอย่างได้โดยเฉพาะแนวคิดและความเชื่อมั่นว่า คนเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุด คน เป็นผู้สร้างสรรค์สังคมให้ยิ่งใหญ่ คน คือศูนย์กลางของการเรียนรู้ องค์กรจะดี เพราะมีคนเก่งและคนดี ท่านพารน เป็นวิศวกร แต่มุ่งมั่นตั้งใจในการพัฒนาองค์กรด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ก่อน ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง บริษัทปูนชีเมนต์ไทย เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในระดับโลก การพัฒนาบุคลากรเป็นการลงทุน (Investment) ไม่ใช่ต้นทุนผู้บริหารจะต้องขับพลังและอัจฉริยภาพของคนในทุกระดับในองค์กรให้ได้ เมื่อคนมีความจงรักภักดี ร่วมกับความมีวินัยของคนในองค์กรจึงทำให้องค์กรมั่นคงและพัฒนาได้อย่างยั่งยืน ท่านกำลังสร้างเด็กไทยสู่การเป็น Global Citizen ผ่านระบบการเรียนแบบ ทฤษฎี Constructionism ในบรรยากาศของ Learning Organization ได้เห็นแนวคิด วิธีการคิด วิธีการทำงานของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ที่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ เป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพราะมองว่าประเทศชาติจ ะพัฒนาได้ ทรัพยากรที่สำคัญคือสมองมนุษย์ ซึ่งต้องใช้เวลาสร้าง เหมือนปลูกต้นสักต้องใช้เวลา แต่หากโตเต็มที่ จะมีความแข็งแกร่ง แม้แต่ตัวปลวกยังกัดกินไม้สักไม่ได้ ท่านได้สร้างทฤษฎีแห่งการเรียนรู้ 4 L’s ที่สามารถนำมาใช้ในการพัฒนาองค์กรและประเทศชาติได้ หากนำมาประยุกต์ใช้ให้ตรงประเด็น นอกจากนี้ยังมีทฤษฎี 8K’s ทฤษฎี 3 วงกลม 2 R’s 2 I’sและอื่น ๆ สามารถนำความรู้และประสบการณ์การทำงานของอาจารย์ทั้งสองที่ถ่ายทอดไว้ในหนังสือ “ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้” ไปใช้ได้

 

ประโยชน์กับตนเอง สร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ต้องหาความเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ชีวิต เห็นวิธีการใช้ชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานอย่างมีความสุข ผู้ที่จะประสบความสำเร็จได้จะต้องมีทัศนคติ มีความรู้หลาย ๆ ด้านอยู่ในตัวและนำมาบูรณาการได้ การคิดท่านมีวิสัยทัศน์ ที่กว้างและมองโลกในทางสร้างสรรค์ มองไกลถึงอนาคต มองเห็นการเปลี่ยนแปลง และเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง การเสียสละเพื่อส่วนรวม

 

ประโยชน์ที่ได้กับองค์กร นำทฤษฎีที่ท่านทั้งสองสร้างจากประสบการณ์การทำงานจริง เช่น 4 L’s 8K’s 3 วงกลม มาปรับใช้ ผู้นำองค์กรจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ก่อน มีการสื่อสารที่ดี การทำงานเป็นทีม สร้างการมีส่วนร่วม สร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบปูนซีเมนต์ไทย เพราะคนมีความสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร องค์กรจะดี เพราะมีคนเก่งและคนดี ใช้แนวทางในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ของปูนซีเมนต์ไทย และวิธีการทำงาน ของ ศ.ดร.จีระ มาใช้ให้คนในองค์มีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายขององค์กรนั้น พัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างต่อเนื่อง องค์การก็จะประสบความสำเร็จ

 

ประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติิ ผู้นำหน่วยงานราชการ ทุกระดับ ตั้งแต่ กระทรวง กรม กอง รัฐมนตรี ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นนโยบายหลัก และเป็นวาระแห่งชาติ เป็นยุทธศาสตร์ ที่ต้องถือปฏิบัติ และมีการติดตามประเมินผลอย่างจริงจัง ทำเรื่องคนก่อนทำให้ต่อเนื่อง รับรองประเทศชาติจะพัฒนาได้ทันหรือล้ำหน้าประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกันได้ มีแผนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นเป้าหมายหลักในการพัฒนาประเทศ เพราะประเทศจะพัฒนาได้ด้วยคนดีมีคุณภาพ

 

สรุป องค์กรหรือประเทศชาติจะพัฒนาได้ ทรัพยากรมนุษย์ ในประเทศนั้นจะต้องมีความรู้ มีคุณภาพ มีจริยธรรม ถึงเวลาแล้วที่ทุกคน จะต้องหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เป็นอันดับแรกอย่างต่อเนื่อง พร้อม ๆ กับการพัฒนาทางด้านอื่น ๆ ผู้นำต้องมีความเชื่อมั่นและศรัทธาก่อนว่า คนเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดของชาติ ทุกคนร่วมกันสร้างองค์การแห่งการเรียนรู้ เริ่มจากตนเอง ครอบครัว สังคม และก้าวไปสู่ประเทศแห่งการเรียนรู้ Nation Learning

วิไลวรรณ วิไลเลิศ

[email protected]

ปริญญา รื่นเสือ รปม.รุ่นที่ 3 รหัสประจำตัว 49038010006

     กราบสวัสดีท่านอาจารย์ ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์

 

ผมขอขอบพระคุณอาจารย์ที่ได้กรุณาส่งอีเมล์ บทความการวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงต้นปีให้พวกเรา รปม.รุ่นที่3 ได้อ่านกัน

     ผมได้อ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ แล้ว ซึ่งเมื่ออ่านจบ    ผมรู้สึกได้ว่าผมมีความดีใจและภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เรียน รปม.รุ่นที่ 3 ที่สถาบันราชภัฎสวนสุนันทา ซึ่งทำให้ผมได้พบกับอาจารย์จีระฯ และในบทส่งท้ายของอาจารย์จีระฯ ได้เขียนไว้ว่า จะหันมามุ่งมั่นสร้าง ชาวราชภัฎให้แข็งแกร่ง เติบใหญ่ทางภูมิปัญญา โดยไม่สนใจว่าชื่อของสถาบันราชภัฎ จะอยู่ในตารางการจัดอันดับการแข่งขันทางด้านการศึกษาระดับเอเชียหรือไม่

    ซึ่งเป็นข้อความที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริง และความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ ในการที่จะทำตามอุดมการณ์ ความเชื่อ และความศรัทธา ของท่านอาจารย์จีระฯ

เมื่อถามว่าได้อะไร(ผลกระทบต่อตนเอง) ...!

      ผมขอตอบว่าได้รับความเชื่อ ความศรัทธาจากที่อาจารย์มอบให้ ขณะที่ผมอ่านหนังสืออยู่นั้น ผมก็ได้คิดตามหลักการต่างๆที่อาจารย์ได้นำเสนอไปด้วย ทุกอย่างที่อาจารย์เขียนนั้นเป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงทั้งสิ้น อาทิ บทความที่ว่า ประเทศใดก็ตาม ถ้ามีทรัพยากรธรรมชาติมาก ประเทศเหล่านั้นในอดีตจะประมาท" เปรียบดังเช่น ช่วงวิกฤติการณ์ฟองสบู่แตก คนไทยเลือกที่จะแก้ปัญหาด้วยการฆ่าตัวตายเสียส่วนมากเพราะคิดว่าไม่มีทางออก แต่อีกมุมหนึ่งถ้ามองไปจะพบว่าคนไทยบางกลุ่มเลือกที่จะใช้ภูมิปัญญาตนเอง ค่อยๆแก้ปัญหาทีละขั้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นทรัพยากรที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด สู้กับปัญหาเพื่อความอยู่รอด และนี่เองคือสิ่งที่ประเทศที่ทรัพยากรธรรมชาติมีน้อย เขาได้เรียนรู้ที่จะนำมาใช้ก่อนเรา

 เมื่อถามว่าองค์กรได้อะไร(ผลกระทบต่อองค์กร)...!      ผมขอตอบว่า องค์กรคนที่มีความคิดและมีความศรัทธาในทรัพยากรมนุษย์เพิ่มขึ้นในองค์กร เพื่อที่จะนำแนวคิดต่างๆที่ได้รับการถ่ายทอดจากการเรียน

ไปประยุกต์ใช้และพัฒนาองค์กรให้ขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายที่ได้ตั้งไว้

 เมื่อถามว่าประเทศชาติได้อะไร(มีผลต่อประเทศอย่างไร)...!    ก็จะได้กลุ่มคนที่มีอุดมการณ์ร่วมกัน ที่มีแนวคิดในการช่วยกันพัฒนาจากองค์กรสู่ประเทศให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

แต่ที่สำคัญ ต้องขอขอบพระคุณในความเชื่อมั่นแห่งคุณค่าความเป็นทรัพยากรมนุษย์ของท่านอาจารย์จีระฯ ที่ได้เลือกที่จะมาพัฒนาคน ณ สถาบันราชภัฎ

เป้าหมายในหนังสือของ 2 ท่านนี้เหมือนกันอย่างไร    จากตอนที่ 11 บทบันทึก พารณ-จีระ ได้กล่าวว่า การเดินทางต่อเนื่องในสิ่งที่พวกเขาเชื่อและศรัทธา หมายถึงแม้ว่าปัจจุบันทั้ง 2 ท่าน จะเกษียณอายุการทำงานแล้ว แต่มิได้เกษียณอายุการทำตามความฝันและอุดมการณ์ ก็คือ ความตั้งใจที่จะเผยแพร่อุดมการณ์เกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
วรวรรณ ส่องพลาย รปม.3 รหัส 49038010035
เรียน ศ ดร.จีระ  หงส์ลดารมย์              บทเรียนของอาจารย์เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2550 เรื่องHR นั้นเป็นบทเรียนครั้งแรกที่เวลาเรียนรู้สึกตื่นเต้น และต้อง  active อยู่ตลอดเวลา เป็นการใช้พลังงานมากที่สุดวันหนึ่งในการเรียนรู้ อาจารย์จะสอนบทเรียนควบคู่ไปกับประสบการณ์จริงของอาจารย์ มีการแลกเปลี่ยนกันทางความคิด  รู้สึกดีใจ และภูมิใจที่ได้เรียนกับอาจารย์  ความรู้สึกเรื่องการเรียนรู้ก็ยังตามมาในทุกๆวัน คือเราต้องหาความรู้ใหม่ ความคิดใหม่ๆ เพิ่มต่อยอดทุกวัน คนเราจะพัฒนาได้ตลอดเวลา เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเราเอง สำหรับ HR เป็นสิ่งสำคัญที่สุดขององค์กร องค์กรจะดีหรือเจริญเติบโตได้ก็ต่อเมื่อคนในองค์กร เป็นคนเก่ง คนดีมีจริยธรรม และมีการร่วมมือร่วมใจปฏิบัติงานให้องค์กรของตนสู่ความเป็นเลิศ              ในส่วนงานที่อาจารย์มอบหมายให้ทุกคนไปอ่านหนังสือเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ นั้นจะเป็นประสบการณ์การทำงานด้าน HR ของบุคคลซึ่งเป็นนักคิดและนักปฏิบัติ 2 ท่านซึ่งมาจากต่างสายอาชีพ แต่กลับมีความคิดในเรื่อง คนเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญที่สุด มีค่ามากกว่าทรัพย์สินอื่นใด เหมือนกัน คืออาจารย์จิระ หงส์ลดารมย์ และคุณพารณ  อิศรเสนา ณ อยุธยา ซึ่งถือเป็น พันธุ์แท้ และเป็น  HR CHAMPIONS ซึ่งมีวิธีทำ 3 อย่างคือ                1.ต้องทำให้สำเร็จ               2.ต้องมีบารมี               3.ต้องยั่งยืนโดยในการทำสิ่งใดจะต้องเชื่อในสิ่งที่ทำ เชื่อว่าต้องทำได้และต้องสำเร็จซึ่งจะเป็นผลให้เกิด 2 ข้อตามมา ทั้ง 2 ท่านเป็นผู้มีความจริงใจ และหวังดีต่อส่วนรวม               ประโยชน์ที่ผู้อ่านได้รับ               1.ได้เห็นถึงความพยายามมุ่งมั่นของทั้ง 2 ท่าน และขอนำไปเป็นแบบอย่างแม้ว่าจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวเพียงน้อยนิของท่าน ก็จะพยายามและอดทนให้ดีที่สุด เพราะคาดว่าจะเกิดผลดีและจะทำให้ตัวเองมีมูลค่าเพิ่มขึ้น              2.คนเราเรียนรู้ได้ตลอดเวลาเพื่อปรับเปลี่ยนตัวเองให้ทันกับยุคโลกาภิวัฒน์ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด และต้องเรียนรู้ตาม ทฤษฎี 4 L’ S  ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นคนดีมีจริยธรรม คนเก่ง มีความสามารถ ที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่ดีได้ ในการเป็นคนเก่ง(เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด เก่งเรียน) คนดี (ประพฤติดี มีนำใจ ใฝ่ความรู้ คู่คุณธรรม)               3. ในการทำงานต้องทำอย่างเป็นระบบ มีระเบียบวินัย มีความซื่อสัตย์ ยึดหลักจริยธรรมในการดำเนินชีวิต ต้องทำงานเพื่องาน เพื่อความสุขจาการทำงาน(ไม่คิดว่างานคือเงิน) มีความมุ่งมั่น เชื่อว่าเราทำได้ ต้องเอาจริงเอาจัง ทำงานให้จบครบถ้วนเรียบร้อย              4. ต้องมีวิสัยทัศน์ มองไกล มองกว้างและลึก เมื่อมีวิสัยทัศน์ สมองก็จะคิดริเริ่ม สิ่งใหม่ๆ และทันเหตุการณ์                ประโยชน์ที่องค์กรได้รับและสามารถนำมาใช้ได้                                1.การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เริ่มจากการคัดเลือกคนเข้าทำงาน เลือกที่มีความสามารถ รับมาตามระบบคุณธรรม ซึ่งต่อมาจะถูกสอนให้ทำงานจริงจัง มีระเบียบวินัย และความจงรักภักดี                2.ทฤษฎี 3 วงกลม                   วงกลมที่ 1 context การใช้ระบบ IT มีการทำงานเป็นกระบวนการ PROCESS และจัดองค์กรที่เหมาะสม PROCESS IMPROVEMENT                       วงกลมที่ 2 ภาวะผู้นำ เพิ่มศักยภาพผู้นำ ธุรกิจจะเข็มแข็งได้ต้องบริหารผู้นำด้วย                    วงกลมที่ 3 เป็นหลักที่ดี คนเราจะสำเร็จในงานได้ต้องมองว่าทุกอย่างเป็นงานท้าทาย               3.การทำงานเป็นทีม ทุกคนในองค์กรต้องมีส่วนรวมในการทำงาน ให้ทุกคนทำงานเสมือนหนึ่งว่าเป็นเจ้าของ ต้องสร้างความเข้าใจที่ดีต่อกัน เวลามีปัญหาก็จะสามารถช่วยกันแก้ไขได้ ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำ              4.การฝึกอบรม ทุกคนทุกระดับต้องได้รับการฝึกอบรมเท่าเทียมกัน ไม่มองว่าเป็นการลงทุน เพราะผลที่ได้จะเป็นกำไรขององค์กร หากผู้ไดรับการอบรมนำมาพัฒนาองค์กร ให้ก้าวหน้าได้ทั้งนี้ต้องรวมถึงการสร้างความพึงพอใจในการทำงาน ให้โอกาสในความก้าวหน้าสำหรับงานที่ท้าทาย              5.การบริหารคนแบบ Management by walking around เพื่อเยี่ยมเยียนดูแล ทุกข์สุขของลูกน้อง เพื่อให้เกิดความอบอุ่น              6.การพัฒนาศักยภาพคนภายในองค์กรตาม ทฤษฎี 8 k’ s              7.การสร้างมืออาชีพ  การเรียนรู้จากงาน คือ Coaching และ On the job training และ job rotation จากผู้มีประสบการณ์ และถ่ายทอดความรู้สู่คนรุ่นใหม่ เป็นการพัฒนาให้คนมีความสามารถยิ่งขึ้น             8.การ Rotate สร้าง Multi skill เสริมประสบการณ์ เพื่อเพิ่มความสามารถการทำงานกับผู้ร่วมงานหลายๆ ฝ่าย ซึ่งเป็นการพัฒนาการเรียนรู้             9.ใช้ระบบ P D C A  ต้องมีการวางแผนและติดตามผล               10.การสร้างความจงรักภักดี ต้องให้องค์กร และพนักงานอยู่ในฐานะ WIN-WIN สร้างความผูกพันเพื่อให้เกิดความจงรักภักดี เข้าใจในจิตวิญญาณลูกน้อง ไม่ใช่มีแต่เงินเดือนและโบนัส  การจ้างงานแบบ long term employment ไม่จ้างแบบพันธสัญญา เพราะจะทำให้เกิดสมองไหล                       ประโยชน์ต่อประเทศ            1.ถ้ามี HRD และ  HRM ที่ดี องค์กรจะสามารถพัฒนาเพิ่มผลผลิตภายในประเทศได้ดี ประเทศก็จะเจริญก้าวหน้า สามารถที่จะแข็งขันกับนานาประเทศได้            2.คุณพารณ และอาจารย์จิระ สร้างคุณภาพด้านการศึกษาซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญ เมื่อคนมีการพัฒนาด้านการศึกษา คุณภาพของทรัพยากรมนุษย์ก็จะพัฒนาตามไปด้วย ตามหลัก Constructionism การเรียนรู้จากการปฏิบัติ ซึ่งจะต้องเริ่มจากเด็กๆ เพราะเด็กเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดสำหรับประเทศ   เด็กจะเป็นอนาคตของประเทศ ถ้าขาดการศึกษา ก็จะทำให้ขาดทรัพยากรมนุษย์ที่มีทักษะในทุกๆด้าน ถ้าเราขาดคนที่มีความสามารถทาง R&D จะทำให้ประเทศขาดแคลนบุคลากรที่จะมาส่งเสริมคนในชาติ ต้องใช้ชาวต่างประเทศ มาสอน จะทำให้ประเทศเสียดุลการค้า          3.ในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ที่มีการแข่งขัน มีการเปลี่ยนแปลง จะต้องมีการพัฒนาคนและระบบอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันเหตุการณ์ ระบบ INTERNET จะช่วยในเรื่องการสื่อสารหาข้อมูล และแลกเปลียนความคิดเห็นกัน                    สรุป จากการอ่านหนังสือทรัพยากรพันธุ์แท้ แม้มีเวลาเพียงไม่กี่วันที่อ่าน ผู้อ่านได้รับประโยชน์มากมายในเรื่องของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งสามารถนำมาปรับ ประยุกต์ใช้กับชีวิตส่วนตัว และด้านการงานได้เพื่อให้ตัวเราเกิดคุณค่า และเป็นมูลค่าเพิ่มขององค์กร สามารถทำให้องค์กรเจริญก้าวหน้าได้ ส่งผลต่อความเจริญของประเทศ ขอบคุณสำหรับโอกาสดีๆทีอาจารย์หยิบยื่นให้เราได้รู้จักเรียนรู้ในรูปแบบของอาจารย์ คือ ทฤษฎี 4 L’s และสัญญาว่าผู้อ่านจะสานฝันของอาจารย์ได้บ้างในองค์กรเล็กๆของผู้อ่าน                                                  ขอแสดงความเคารพรัก                                                    วรวรรณ  ส่องพลาย                                               รปม.3 รหัส 49038010035 [email protected]
วรวรรณ ส่องพลาย รปม.3 รหัส 49038010035
เรียน ศ ดร.จีระ  หงส์ลดารมย์              บทเรียนของอาจารย์เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2550 เรื่องHR นั้นเป็นบทเรียนครั้งแรกที่เวลาเรียนรู้สึกตื่นเต้น และต้อง  active อยู่ตลอดเวลา เป็นการใช้พลังงานมากที่สุดวันหนึ่งในการเรียนรู้ อาจารย์จะสอนบทเรียนควบคู่ไปกับประสบการณ์จริงของอาจารย์ มีการแลกเปลี่ยนกันทางความคิด  รู้สึกดีใจ และภูมิใจที่ได้เรียนกับอาจารย์  ความรู้สึกเรื่องการเรียนรู้ก็ยังตามมาในทุกๆวัน คือเราต้องหาความรู้ใหม่ ความคิดใหม่ๆ เพิ่มต่อยอดทุกวัน คนเราจะพัฒนาได้ตลอดเวลา เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเราเอง สำหรับ HR เป็นสิ่งสำคัญที่สุดขององค์กร องค์กรจะดีหรือเจริญเติบโตได้ก็ต่อเมื่อคนในองค์กร เป็นคนเก่ง คนดีมีจริยธรรม และมีการร่วมมือร่วมใจปฏิบัติงานให้องค์กรของตนสู่ความเป็นเลิศ              ในส่วนงานที่อาจารย์มอบหมายให้ทุกคนไปอ่านหนังสือเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ นั้นจะเป็นประสบการณ์การทำงานด้าน HR ของบุคคลซึ่งเป็นนักคิดและนักปฏิบัติ 2 ท่านซึ่งมาจากต่างสายอาชีพ แต่กลับมีความคิดในเรื่อง คนเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญที่สุด มีค่ามากกว่าทรัพย์สินอื่นใด เหมือนกัน คืออาจารย์จิระ หงส์ลดารมย์ และคุณพารณ  อิศรเสนา ณ อยุธยา ซึ่งถือเป็น พันธุ์แท้ และเป็น  HR CHAMPIONS ซึ่งมีวิธีทำ 3 อย่างคือ                1.ต้องทำให้สำเร็จ               2.ต้องมีบารมี               3.ต้องยั่งยืนโดยในการทำสิ่งใดจะต้องเชื่อในสิ่งที่ทำ เชื่อว่าต้องทำได้และต้องสำเร็จซึ่งจะเป็นผลให้เกิด 2 ข้อตามมา ทั้ง 2 ท่านเป็นผู้มีความจริงใจ และหวังดีต่อส่วนรวม               ประโยชน์ที่ผู้อ่านได้รับ               1.ได้เห็นถึงความพยายามมุ่งมั่นของทั้ง 2 ท่าน และขอนำไปเป็นแบบอย่างแม้ว่าจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวเพียงน้อยนิของท่าน ก็จะพยายามและอดทนให้ดีที่สุด เพราะคาดว่าจะเกิดผลดีและจะทำให้ตัวเองมีมูลค่าเพิ่มขึ้น              2.คนเราเรียนรู้ได้ตลอดเวลาเพื่อปรับเปลี่ยนตัวเองให้ทันกับยุคโลกาภิวัฒน์ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด และต้องเรียนรู้ตาม ทฤษฎี 4 L’ S  ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นคนดีมีจริยธรรม คนเก่ง มีความสามารถ ที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่ดีได้ ในการเป็นคนเก่ง(เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด เก่งเรียน) คนดี (ประพฤติดี มีนำใจ ใฝ่ความรู้ คู่คุณธรรม)               3. ในการทำงานต้องทำอย่างเป็นระบบ มีระเบียบวินัย มีความซื่อสัตย์ ยึดหลักจริยธรรมในการดำเนินชีวิต ต้องทำงานเพื่องาน เพื่อความสุขจาการทำงาน(ไม่คิดว่างานคือเงิน) มีความมุ่งมั่น เชื่อว่าเราทำได้ ต้องเอาจริงเอาจัง ทำงานให้จบครบถ้วนเรียบร้อย              4. ต้องมีวิสัยทัศน์ มองไกล มองกว้างและลึก เมื่อมีวิสัยทัศน์ สมองก็จะคิดริเริ่ม สิ่งใหม่ๆ และทันเหตุการณ์                ประโยชน์ที่องค์กรได้รับและสามารถนำมาใช้ได้                                1.การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เริ่มจากการคัดเลือกคนเข้าทำงาน เลือกที่มีความสามารถ รับมาตามระบบคุณธรรม ซึ่งต่อมาจะถูกสอนให้ทำงานจริงจัง มีระเบียบวินัย และความจงรักภักดี                2.ทฤษฎี 3 วงกลม                   วงกลมที่ 1 context การใช้ระบบ IT มีการทำงานเป็นกระบวนการ PROCESS และจัดองค์กรที่เหมาะสม PROCESS IMPROVEMENT                       วงกลมที่ 2 ภาวะผู้นำ เพิ่มศักยภาพผู้นำ ธุรกิจจะเข็มแข็งได้ต้องบริหารผู้นำด้วย                    วงกลมที่ 3 เป็นหลักที่ดี คนเราจะสำเร็จในงานได้ต้องมองว่าทุกอย่างเป็นงานท้าทาย               3.การทำงานเป็นทีม ทุกคนในองค์กรต้องมีส่วนรวมในการทำงาน ให้ทุกคนทำงานเสมือนหนึ่งว่าเป็นเจ้าของ ต้องสร้างความเข้าใจที่ดีต่อกัน เวลามีปัญหาก็จะสามารถช่วยกันแก้ไขได้ ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำ              4.การฝึกอบรม ทุกคนทุกระดับต้องได้รับการฝึกอบรมเท่าเทียมกัน ไม่มองว่าเป็นการลงทุน เพราะผลที่ได้จะเป็นกำไรขององค์กร หากผู้ไดรับการอบรมนำมาพัฒนาองค์กร ให้ก้าวหน้าได้ทั้งนี้ต้องรวมถึงการสร้างความพึงพอใจในการทำงาน ให้โอกาสในความก้าวหน้าสำหรับงานที่ท้าทาย              5.การบริหารคนแบบ Management by walking around เพื่อเยี่ยมเยียนดูแล ทุกข์สุขของลูกน้อง เพื่อให้เกิดความอบอุ่น              6.การพัฒนาศักยภาพคนภายในองค์กรตาม ทฤษฎี 8 k’ s              7.การสร้างมืออาชีพ  การเรียนรู้จากงาน คือ Coaching และ On the job training และ job rotation จากผู้มีประสบการณ์ และถ่ายทอดความรู้สู่คนรุ่นใหม่ เป็นการพัฒนาให้คนมีความสามารถยิ่งขึ้น             8.การ Rotate สร้าง Multi skill เสริมประสบการณ์ เพื่อเพิ่มความสามารถการทำงานกับผู้ร่วมงานหลายๆ ฝ่าย ซึ่งเป็นการพัฒนาการเรียนรู้             9.ใช้ระบบ P D C A  ต้องมีการวางแผนและติดตามผล               10.การสร้างความจงรักภักดี ต้องให้องค์กร และพนักงานอยู่ในฐานะ WIN-WIN สร้างความผูกพันเพื่อให้เกิดความจงรักภักดี เข้าใจในจิตวิญญาณลูกน้อง ไม่ใช่มีแต่เงินเดือนและโบนัส  การจ้างงานแบบ long term employment ไม่จ้างแบบพันธสัญญา เพราะจะทำให้เกิดสมองไหล                       ประโยชน์ต่อประเทศ            1.ถ้ามี HRD และ  HRM ที่ดี องค์กรจะสามารถพัฒนาเพิ่มผลผลิตภายในประเทศได้ดี ประเทศก็จะเจริญก้าวหน้า สามารถที่จะแข็งขันกับนานาประเทศได้            2.คุณพารณ และอาจารย์จิระ สร้างคุณภาพด้านการศึกษาซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญ เมื่อคนมีการพัฒนาด้านการศึกษา คุณภาพของทรัพยากรมนุษย์ก็จะพัฒนาตามไปด้วย ตามหลัก Constructionism การเรียนรู้จากการปฏิบัติ ซึ่งจะต้องเริ่มจากเด็กๆ เพราะเด็กเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดสำหรับประเทศ   เด็กจะเป็นอนาคตของประเทศ ถ้าขาดการศึกษา ก็จะทำให้ขาดทรัพยากรมนุษย์ที่มีทักษะในทุกๆด้าน ถ้าเราขาดคนที่มีความสามารถทาง R&D จะทำให้ประเทศขาดแคลนบุคลากรที่จะมาส่งเสริมคนในชาติ ต้องใช้ชาวต่างประเทศ มาสอน จะทำให้ประเทศเสียดุลการค้า          3.ในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ที่มีการแข่งขัน มีการเปลี่ยนแปลง จะต้องมีการพัฒนาคนและระบบอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันเหตุการณ์ ระบบ INTERNET จะช่วยในเรื่องการสื่อสารหาข้อมูล และแลกเปลียนความคิดเห็นกัน                    สรุป จากการอ่านหนังสือทรัพยากรพันธุ์แท้ แม้มีเวลาเพียงไม่กี่วันที่อ่าน ผู้อ่านได้รับประโยชน์มากมายในเรื่องของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งสามารถนำมาปรับ ประยุกต์ใช้กับชีวิตส่วนตัว และด้านการงานได้เพื่อให้ตัวเราเกิดคุณค่า และเป็นมูลค่าเพิ่มขององค์กร สามารถทำให้องค์กรเจริญก้าวหน้าได้ ส่งผลต่อความเจริญของประเทศ ขอบคุณสำหรับโอกาสดีๆทีอาจารย์หยิบยื่นให้เราได้รู้จักเรียนรู้ในรูปแบบของอาจารย์ คือ ทฤษฎี 4 L’s และสัญญาว่าผู้อ่านจะสานฝันของอาจารย์ได้บ้างในองค์กรเล็กๆของผู้อ่าน                                                  ขอแสดงความเคารพรัก                                                    วรวรรณ  ส่องพลาย                                               รปม.3 รหัส 49038010035 [email protected]
ปริญญา รื่นเสือ รปม.รุ่นที่ 3 รหัสประจำตัว 49038010006

    กราบสวัสดีท่านอาจารย์ ศ.ดร. จีระ  หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ ยม  นาคสุข

     กระผมขออนุญาตส่งงานตามที่อาจารย์ ยมฯ ได้มอบหมายไว้ให้หลังจากที่ได้รับการศึกษาในวันที่ 14 ม.ค. 50 ตามหัวข้อดังต่อไปนี้

      โดยรวมแล้วการที่ได้รับการศึกษาเรื่องภาพรวมการบริหารทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่ จากอาจารย์ยมฯ นี้มิได้ทราบเพียงแต่แนวคิดที่จะบริหารทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่แต่เพียงอย่างเดียว แต่อาจารย์ท่านยังได้กล่าวถึงที่มาและความสำคัญของวิชา การบริหารทรัพยากรมนุษย์ไว้ด้วย ซึ่งทำให้ทราบว่าตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันและต่อไปในอนาคตนั้น ทรัพยากรที่จะเป็นส่วนขับเคลื่อนให้โลกหมุนไปอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาถึงขีดสุดได้มิใช่สิ่งใดแต่เป็นทรัพยากรมนุษย์นั่นเอง ส่วนประเด็นที่กระผมสนใจมีด้วยกันหลายประเด็น อาทิ

1.1)   เรื่องของปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อการ

บริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ซึ่งได้แก่ การเมือง

เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และเทคโนโลยี โดยเมื่อ

เปรียบกับช่วงสภาวะวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่แตกขณะ

นั้น ได้ก่อให้เกิดผลกระทบทุกด้านดังที่กล่าวมาข้าง

ต้นและเป็นผลให้เกิดการปรับลดทรัพยากรมนุษย์และ

ตัดกิจกรรมต่างๆ ที่จะเป็นการพัฒนาศักยภาพของ

บุคลากรในองค์กร

 

1.2)   เรื่องของกิจกรรมการวางแผนชีวิต ( LIFE

PLANNING ) ซึ่งถือได้ว่าเป็นกิจกรรมที่ดียิ่งเนื่อง

จาก ทำให้ผู้ที่ได้ทำกิจกรรมนี้เริ่มต้นที่จะวางแผนการ

ดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งต่อตน

เอง ต่อครอบครัว และต่อส่วนรวม พร้อมทั้งยังเตือน

สติไม่ให้ตั้งตนอยู่ในความประมาท และยังเป็นแรง

ผลักดันให้เกิดความกระตือรือร้นในการพัฒนาตนเอง

หลังจากที่ได้กำหนดเป้าหมายชีวิตไว้

1.3)   เรื่องของการปลูกฝังจริยธรรมเพื่อเพิ่ม

คุณภาพทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งบุคลากรในหน่วยงาน

สามารถที่จะนำไปปฏิบัติได้ทุกระดับชั้น เพราะเมื่อ

บุคลากรทุกคนมีจริยธรรมประจำตนแล้วองค์กรนั้นก็

สามารถเป็นองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือ

 

ประเด็นที่2)การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของรัฐ ท่านคิดว่ามีปัญหาอะไรบ้าง 3 ข้อจากที่เคยผ่านการปฏิบัติงานองค์กรภาครัฐ ทำให้พอที่จะทราบปัญหาที่เกิดภายในองค์กร อาทิ

 

2.1)   องค์กรภาครัฐจะมีแบบแผนในการดำเนินงานอย่างเป็นกฎเกณฑ์ที่ตายตัว ทำให้ไม่สามารถดึงศักยภาพของบุคลากรในองค์กรมาใช้ได้อย่างเต็มที่เพราะจะต้องดำเนินงานตามแบบแผนที่ได้กำหนดไว้

 

2.2)   เนื่องจากองค์กรภาครัฐจะได้รับการจัดสรรงบประมาณในการบริหารองค์กรมาอย่างจำกัด จึงทำให้การพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรมีข้อจำกัดเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านของตัวบุคคลมักไม่ได้มีการฝึกอบรมเพิ่มเติมหรืออุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ก็มักจะไม่ทันสมัยเหมือนกับองค์กรภาคเอกชน 2.3)   บุคลากรภาครัฐมักจะไม่ยอมปรับตัวให้รับกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ตามสภาวะแวดล้อมที่เป็นอยู่ขณะนั้น เช่นการไม่ยอมรับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะช่วยให้การทำงานนั้น รวดเร็วสะดวกและง่ายต่อการตรวจสอบหรือจัดเก็บข้อมูลได้ 

ประเด็นที่3) ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาให้ภาครัฐ 3 ข้อ จากการที่ได้เสนอประเด็นของปัญหาในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของรัฐมาแล้วนั้น กระผมมีข้อเสนอว่า

 

3.1)   ควรให้มีการประเมิณผลของการปฏิบัติงานที่ได้ทำอยู่แบบเดิม แล้วหาจุดบกพร่องว่า ตรงไหนที่เป็นส่วนที่ทำให้งานล่าช้า หรือเกิดปัญหามากที่สุด แล้วผู้บริหารองค์กรนั้น ก็ให้บุคลากรที่เป็นผู้ปฏิบัติมาร่วมกันเสนอหนทางแก้ปัญหาซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้กับบุคลากรได้ใช้ความรู้ความสามารถในการจัดการกับปัญหาในองค์กรนั้นด้วย

3.2)   กรณีที่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณนั้น ขอเสนอ

ให้ผู้บริหารระดับสูงพิจารณาตามความเหมาะสม แต่

ขอให้พิจารณาจากองค์ประกอบหลายๆด้าน เช่น

ความต้องการบุคลากรที่มีความชำนาญเฉพาะทาง

ของหน่วยงานขณะนั้นเพื่อที่จะนำมาใช้ให้เกิด

ประโยชน์ต่อองค์กรอย่างสูงสุด

3.3)   กรณีบุคลากรมักไม่ยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงต่อสิ่งใหม่ๆนั้น ควรให้มีการนำบุคลากรตั้งแต่ผู้บริหารไปจนถึงระดับผู้ปฏิบัติงานได้ไปดูงาน หรือมีโอกาสเห็นองค์กรรอบข้างว่ามีการพัฒนาไปมากน้อยเพียงใด เพื่อให้เกิดความตื่นตัวที่จะปรับตนให้เข้ากับยุคสมัยพร้อมทั้ง ผู้บริหารควรมีการกระตุ้นโดยให้บุคลากรทุกระดับชั้นมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมที่จะนำพาให้องค์กรบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้

 

    สุดท้ายนี้กระผมขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ ศ.ดร. จีระ  หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ยม  นาคสุข ที่ได้ให้เกียรติมาบรรยายและแนะแนวทางในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่องค์กรและประเทศชาติต่อไป

 

นายมงคล กิจสมโภชน์
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ จากการที่ได้ศึกษากับอาจารย์เมื่อวันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2550 รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ศึกษากับอาจารย์ ทำให้ได้รับความรู้ใหม่จากท่าน และทำให้ตัวเราต้องมีการกระตือรือร้นที่จะหาความรู้อยู่ตลอดเวลา และตามอาจารย์ได้ให้ศึกษาและสรุปเนื้อที่ได้จากการอ่านหนังสือ “ทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้” ซึ่งเป็นการสนทนาระหว่าง ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ กับ คุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา มีประโยชน์มาก สามารถที่จะนำไปใช้ในการพัฒนาคนเอง พัฒนาองค์กร และพัฒนาชาติ เพราะจากบทสนทนาดังกล่าวว่าด้วยเรื่องของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ได้รวบรวมจากประสบการณ์ของท่าน ไม่ว่าจะเป็นวิธีการพัฒนาการปฏิบัติงาน การเรียนรู้โดยใช้ทฤษฎี 4 L’s ของคุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา คือ Village that Learn หมู่บ้านแห่งการเรียนรู้ School that Learn โรงเรียนแห่งการเรียนรู้ Industry that Learn อุตสาหกรรมแห่งการเรียนรู้ Nation that Learn ชาติแห่งการเรียนรู้ และทฤษฎี 4 L’s ของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ คือ Learning Methodology เข้าใจวิธีการเรียนรู้ Learning Envitonmenty สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ Learning Opportunity สร้างโอกาสในการเรียนรู้ Learning Community สร้างชุมชนการเรียนรู้ และการใช้ทฤษฎี 8 K's การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคนในองค์กร การพัฒนาการศึกษาในรูปแบบใหม่ "Global Citizen" เพื่อก้าวสู่ระดับโลก คือ ความคล่องในการใช้ภาษา เทคโนโลยี คุณธรรม ทรัพยากรที่สำคัญไม่ใช่เงิน สิ่งของ แต่เป็นคน จึงทำให้ตัวเราต้องมีการพัฒนา เพิ่มพูนความรู้ ทักษะ สามารถแก้ปัญหาได้ การทำให้งานให้มีคุณภาพและเกิดประสิทธิภาพ สามารถที่จะสอนคนรุ่นหลังได้ มีวิสัยทัศน์ที่กว้างขึ้นการที่จะทำให้องค์กรประสบผลสำเร็จนั้นก็ต้องยอมรับว่าการบริหารทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญ การเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์ การสร้างทัศนคติให้เกิดความผูกพัน ความพึงพอใจ การทำงานเป็น และความจงรักภักดีต่อองค์การ การใช้นำทฤษฎีวงกลม 3 วง วงกลมที่ 1 การใช้ระบบเทคโนโลยี วงกลมที่ 2 เพิ่มศักยภาพผู้นำ กลมที่ 3 เป็นหลักที่ดี มองว่าทุกอย่างเป็นงานท้าทาย และทฤษฎี 8K’s ทุนมนุษย์ มาใช้ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับและเกิดความเชื่อมั่นในองค์กร การเรียนรู้จากผู้ที่มีประสบการณ์ องค์กรจะเติบโตประสบความสำเร็จอยู่ที่ คนในองค์กร ว่า เก่ง ดี การพัฒนาชาติ เมื่อสังคมมีการพัฒนาแข่งขันกันมากขึ้น การนำหลักการบริหาร HRM มาใช้เพื่อให้เป็นที่ยอมรับและเกิดประโยชน์ เกิดความเชื่อมั่นทำให้มุมมองเกี่ยวกับหารบริหารทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งที่ค่ามากที่สุด แม้ว่ายังต้องอาศัยปัจจัยหลาย ๆ ด้านก็ตาม เราควรจะพัฒนาประเทศด้วยการส่งเสริมด้านการศึกษา การวิจัย การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้กับการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจ ส่วนสาเหตุที่ทำให้ประเทศพัฒนาล่าช้าส่วนหนึ่งมาจากการใช้ทรัพยากรไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นเมื่อผู้บริหารมีความเชื่อมั่นและศรัทธาเข้าถึงคำว่า “คน” เมื่อนั้นประเทศก็จะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นและประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน
นายพิพัฒน์ อรรถเอี่ยม
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ยม นาคสุข จากการเรียนวิชาบริหารทรัพยากรมนุษย์เมื่อวันที่ 13 - 14 มกราคม 2550 กระผมเองขอยอมรับว่าที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นชีวิตด้านการศึกษาของกระผมและชีวิตการทำงานกระผมซึ่งประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัวยังไม่เคยรู้จักและสัมผัสแนวทางบริหารทรัพยากรมนุษย์ พันธุ์แท้ (HR Champion)แบบที่ท่าน ศ.ดร จีระ  หงส์ลดารมภ์ และท่าน พารณ อิศรเสนา  ณ อยุธยา ได้บรรยายไว้ในหนังสือของท่าน หลังที่ผมได้อ่านหนังสือของท่านทั้งสองจบแล้วผมก็มานึกย้อนถึงเมื่อวันที่ 13มกราคม 2550 ที่มีการเรียนการสอนวันแรกของท่าน ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์ ในช่วงเบลคทานกาแฟท่านอาจารย์ ได้กล่าวถึงชีวิตการทำงานและการศึกษาและความมุ่งมั่นในการพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณค่าเพื่อการพัฒนาองค์และประเทศไทยของเรา และท่านก็ได้เล่าชีวิตการทำงาน ของท่านในช่วงที่เป็นผู้อำนวยการสถาบันทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับสูดสุดทั้งหน่วยต่างๆภายประเทศและนานาประเทศ และที่ท่านอาจารย์ภาคภูมิใจที่สุดคือการได้ทำงานร่วมท่าน พารณ อิศรเสรนา ณ อยุธยา ซึ่งท่านก็เป็นบุคคล คนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในหน่วยงานของท่านคือ  บริษัท  ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)ที่สามารถทำกำไรเข้าประเทศชาติอย่างมหาศาลจากการที่ทำทรัพยากรมนุษย์ของท่านให้มีคุณค่าและรักองค์กร วันนั้นผมได้เปรียบท่านไว้เหมือนกล้วยสุกคาต้นไม่ได้สุกด้วยการบ่มแก็ส วันนั้นผมได้รับรอยยิ้มจากท่านอาจารย์ ผมมีความสูขมาก สิ่งที่ได้รับจากการอ่านหนังสือ HR Champion ของท่าน ศ.ดรจีระหงส์  หงส์ลดารมภ์ และท่าน พารณ  อิศรเสนา ณ อยุธยา ที่พอจะสรุปสาระได้ 3 ประเด็น  ได้แก่ 1. รู้ภาพรวมระบบและกระบวนการ HRM และ HRD ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ HRM และต้องพัฒนาตนเองก่อน 2. ได้รู้ทฤษฎี 6 ท. เทคนิคการสู่ความสำเร็จและก้าวหน้า - ท้าทาย ทำงานที่ยากท้าทาย - ท่าทีที่ดี ดิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี พฤติกรรมดี บุคลิกดี - เที่ยงธรรม มีคุณธรรม ธรรมาภิบาล มีธรรมทุกเรื่อง -  ซื่อสัตย์ สุจริต เสมอต้นเสมอปลาย - ทบทวน ค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา - ทำ ลงมือทำทุกข้อด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่น ต่อเนื่อง ไม่มีอะไรที่เราจะทำไม่ได้ถ้าตั้งใจจริง ทุกอย่างทำได้ 3.  ได้แนวทางการวิเคราะห์ตนเองเพื่อวางแผนและกำหนด เป้าหมายในชีวิตว่าจะทำอะไรดี ๆ ให้ตนเอง องค์กร และสังคมส่วนรวมได้ ประโยชน์ที่ภาครัฐจะได้รับจากการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ คือ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ ที่มีปัญหาอยู่คือ ข้อ 1. ต้องมีการวางแผนพัฒนาข้าราชการ ให้มีความรู้และสามารถนำความรู้มาปฏิบัติงานได้อย่างเต็มศักยภาพ 2. ต้องมีการประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างเป็นธรรม การพิจารณาความดีความชอบยกเลิกระบบอุปถัมภ์ ทำให้ผู้ที่ตั้งใจทำงานมีขวัญและกำลังใจ 3.ค่าตอบแทนควรต้องไม่ต่ำจนเกินไปเพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงาน และควรจะนำเอา นำทฤษฎี 4 L’s มาประยุกต์ใช้. นำหลักบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี ได้แก่ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม ถ้าสามารถปฎิบัติได้ตามหลักดังกล่าวจะทำให้ การทำงานของ ภาครัฐ ที่มีผลกระทบกับ สังคมและประชาชนลดน้อยลงแนวทางปรองและฉมานฉันท์ของคนในประเทศก็จะเกิดขึ้น    กระผมและเพื่อน รปม3 ทุกคนขอขอบพระคุณ ท่าน ศ.ดร จีระ หงสลดารมภ์ และท่านอาจารณ์ ยม  นาคสุข เป็นอย่างยิ่งที่ได้มาถ่ายทอด วิชาทรัพยากรมนุษย์ ที่ทำให้มนุษย์มีคุณภาพมากขึ้น ให้แก่พวกผม     ขอแสดงความนับถือ
นายพิพัฒน์  อรรถเอี่ยม รปม.รุ่น 3 รหัส 49038010026 พฤหัสบดี 18 ม.ค. 2550 Email:PiPAT4@ HOTMAIL.COM Mobile 081-6323439
เรียน  ท่าน ศ. ดร. จีระ  หงส์ลดารมภ์   อาจารย์ยม  นาคสุข ที่เคารพครับ  กระผมรู้สึกเป็นเกรียรติและภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสได้มา เป็นลูกศิษย์ของท่าน ศ. ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ซึ่งส่วนตัวผมเองแล้วได้ยินชื่อเสียงของท่านมานาน แล้วจากทางสื่อต่างๆแต่ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสมาเรียนกับท่านและได้มาเป็นลูกศิษย์ของท่าน สิ่งที่ผมประทับใจมากที่สุดคือบุคลิกของท่านเวลาที่ท่านสอนและมีสื่อการสอนทำให้เข้าใจง่ายแบบธรรมชาติมากที่สุดและการทำงานที่เป็นทีม  ซึ่งมีความจำเป็นมากในโลกปัจจุบันและในอนาคตซึ่ง สามารถนำไปเป็นตัวอย่าง กับการทำงานในโครงการต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชน   กระผมขอตอบการบ้านของท่านอาจารย์ ดร. จีระ  การบ้านสั่งเมื่อวันที่ 13มกราคม 50 ดังนี้คือ จาก การอ่านหนังสือ HR Champions เขียนโดย ท่าน ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์  และท่าน พารณ อิศรเสนา  ณ อยุธยา เพียงแค่เริ่มต้นการอ่านก็ไม่ธรรมดาแล้วครับจะเห็นได้จากประวัติการศึกษาของท่านแต่ละคนไม่เห็นเกี่ยวข้องอะไรกับ เนื้อหาของหนังสือ HR Champion ที่ท่านทั้งสองเขียนขึ้นมาเลยแต่ทำไมท่านทั้งสองจึงประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงและเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและระดับนานาชาติในบทความของท่าน ในหนังสือเล่ม นี้กระผมมีความประทับใจและโดนใจผมที่สุดคือคำว่า ความเชื่อเก่าๆ ที่ว่า คน  เป็นเพียงต้นทุน ในการผลิต คน ต่างหากคือผลกำไร  ที่แท้จริงขององค์กรหากได้รับการดูแลเอาใจใส่เพิ่มศักยภาพ  โดยการพัฒนาอย่างจริงจัง สม่ำเสมอและเป็นระบบ ใช่เลยครับถ้า  บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (มหาชน) จำกัด ขาดสิ่งนี้ก็คงไม่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ และอีกประการหนึ่งที่ท่านอาจารย์ทั้งสองได้เขียนไว้คือ จักรยานนานไปก็เสื่อมแต่คนถ้าทะนุบำรุง  พัฒนายิ่งนานยิ่งเก่งกล้าแต่ในทำนองเดียวกันคนถ้าไม่ดูแลพัฒนาก็เสื่อมกว่าวัตถุด้วย  ดังนั้นจะเห็นว่าสถาบันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ซึ่งเป็นองค์การที่มีความยิ่งใหญ่ในด้านงานทรัพยากรบุคคล  ข้อมูลทั้งหมดล้วนน่าสนใจและสามารถนำไปประยุกต์ได้ทุกองค์กร   แสดงให้เห็นว่า การที่องค์การใดจะประสบความสำเร็จอย่างสูงจะต้องมีผู้นำซึ่งเป็นผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล  มีความรู้ความสามารถในการวางระบบงาน ใช้คนเป็น  ต้องเป็นผู้ไม่หยุดนิ่งแต่ต้องสนใจใฝ่หาความรู้ใหม่ๆ เสมอ  ต้องเป็นคนทันสมัยทันโลก  เป็นผู้มีภาวะผู้นำสูงกล้าตัดสินใจและทุ่มเทการทำงานอย่างสุดตัว  ประโยชน์ที่กระผมคาดว่าจะได้หลังการหนังสือของท่าน ศ.ดร จีระ  หงส์ลดารมภ์ และท่านพารณ  อิศรเสนาณ อยุธยา คือสามารถนำเอาทฤษฎี 4 L ’s ของท่านไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาตนเอง ในส่วนที่ยังขาดอยู่  คือการใฝ่หาความรู้ใหม่ๆที่เกิดขึ้นในยุคโลกาภิวัฒน์ซึ่งมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาและจะเอาความรู้ที่เรียนมาไปปรับปรุงพัฒนาบุคลากรในองค์ของกระผมที่ผมเคยคิดว่า  คนเป็นเพียง ต้นทุนของการผลิต เท่านั้นและจะขอมุ่งมั่นขอ เป็นส่วนหนึ่งของกำไรที่ท่านอาจารย์ตั้งใจผลิตพวกกระผมเป็นทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ ประโยชน์ที่ประเทศชาติจะได้รับคือ บุคลากรและองค์กรต่างๆจะต้องถูกพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นซึ่งทุกคนจะต้องเข้าใจตนเองเข้าองค์กรเข้าใจสภาวะของประเทศชาติและเข้าใจสังคมโลกว่า ณ ปัจจุบันเป็นอย่างไรควรจะร่วมมือกันพัฒนาไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งเพื่อให้เกิดความสงบสุข และเป็นธรรมในสังคมทุกภาคส่วนหนังสือ HR Champion ท่านพารณ อิศรเสนา ณ อยธยา และท่าน ศ. ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ มีบทพิสูจน์ความสำเร็จ คือ การที่ บริษัท  ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)  ที่ทำกำไรสร้างรายได้ให้กับประเทศชาติจำนวนมากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สมควรที่จะได้รับการยกย่องว่าเป็ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้   กระผมและเพื่อนๆ MPA 3 ต้องขอบพระคุณท่าน ศ.ดร จีระ หงส์ลดารมภ์ ที่ได้ถ่ายทอดวิชาให้พวกกระผมด้วยความรักโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเป็นกันเองของท่าน  อาจารย์ที่มีต่อลูกศิษย์นับเป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับพวกกระผมทุกคน ด้วยความเคารพ นายประเชิญ   คำมีรหัส  49038010028โทร 081-8397396E-mail .  pracoen_2504 @ hotmail.Com  
กิตติศักดิ์ ดวงแก้ว
กราบสวัสดี ท่านอาจารย์ ยม นาคสุข

กระผมขออนุญาตส่งงานตามที่อาจารย์ ยมฯ ได้มอบหมายไว้ให้หลังจากที่ได้รับการศึกษาในวันที่ 14 ม.ค. 50 ตามหัวข้อดังต่อไปนี้

ประเด็นที่1)จากการเรียนในวันนี้จงหาประเด็นที่ตนเองสนใจมา 3 ประเด็น

1.1 หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดีประกอบด้วย 6 ประการ ดังนี้

  1. หลักนิติธรรม ได้แก่ การตรากฎหมาย กฎ ข้อบังคับต่างๆ ให้ทันสมัยและเป็นธรรม เป็นที่ยอมรับของสังคม
  2. หลักคุณธรรม ได้แก่ การยึดมั่นในความถูกต้องดีงาม โดยให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ยึดถือหลักนี้ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้คนไทยมีความซื่อสัตย์ จริงใจ ขยัน อดทน มีระเบียบวินัย ประกอบอาชีพสุจริต จนเป็นนิสัยประจำชาติ
  3. หลักความโปร่งใส ได้แก่ การสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันของคนในชาติ โดยการทำงานขององค์กรทุกวงการให้มีความโปร่งใส สามารถเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์อย่างตรงไปตรงมาประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้สะดวก และมีกระบวนการ ให้ประชาชนตรวจสอบความถูกต้องชัดเจนได้
  4. หลักความมีส่วนร่วม ได้แก่ การเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมและเสนอความเห็น ในการตัดสินปัญหาสำคัญของประเทศ
  5. หลักความรับผิดชอบ ได้แก่ การตระหนักในสิทธิหน้าที่ ความสำนึกในความรับผิดชอบ ต่อสังคม ตลอดจนการเคารพ ในความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และความกล้าที่จะยอมรับผลจากการกระทำของตน
  6. หลักความคุ้มค่า ได้แก่การบริหารจัดการและการใช้ทรัพยากรที่มีจำกัดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ส่วนรวม และรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์ยั่งยืน

1.2 ทฤษฎี PEST ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 4 ด้าน คือ

  1. Political การเมือง
  2. Economy เศรษฐกิจ
  3. Social สังคม วัฒนธรรม
  4. Technology เทคโนโลยี

1.3 สร้างอำนาจ 5 อย่าง คือ

1. การให้ 2. การติเตียน 3. เป็นผู้รู้มากกว่า 4. อำนาจอ้างอิง

 5. อำนาจทางนิติกรรม

ประเด็นที่2)การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของรัฐ ท่านคิดว่ามีปัญหาอะไรบ้าง 3 ข้อ

2.1) องค์กรภาครัฐมีแบบแผนในการทำงานที่ตายตัว ทำให้ไม่สามารถดึงศักยภาพของบุคลากรในองค์กรมาใช้ได้อย่างเต็มที่

2.2) เนื่องจากองค์กรภาครัฐมีการจัดสรรงบประมาณในการบริหารองค์กรมาอย่างจำกัด จึงทำให้การพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรมีข้อจำกัด

2.3) บุคลากรภาครัฐมักจะไม่ยอมปรับตัวให้รับกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เพราะว่ายังเคยชินกับระบบงานแบบเดิมๆทำให้ไม่เกิดการพัฒนาในองค์กร

 

 

ประเด็นที่3) ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาให้ภาครัฐ 3 ข้อ

จากการที่ได้เสนอประเด็นของปัญหาในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของรัฐมาแล้วนั้น กระผมขอเสนอแนวทางแก้ไขดังนี้

3.1) ควรจัดให้มีการประเมินผลการทำงานแล้วทำการหาจุดบกพร่องว่า ตรงไหนที่เป็นส่วนที่ทำให้งานล่าช้า หรือเกิดปัญหา จากนั้นให้ผู้บริหารองค์กรและ บุคลากรที่เป็นผู้ปฏิบัติงานมาร่วมกันประชุมเพื่อหาหนทางแก้ปัญหาซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้กับบุคลากรได้ใช้ความรู้ความสามารถในการจัดการกับปัญหาในองค์กรนั้นร่วมกัน

3.2) ควรจัดให้มีการทำแผนงบประมาณขององค์การในการจัดสรรคแก่ผู้บริหารระดับสูงเพื่อพิจารณาเพื่อที่จะนำเงินมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรอย่างแท้จริง

3.3) กรณีบุคลากรมักไม่ยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงต่อสิ่งใหม่ๆนั้น ควรมีการสร้างแรงจูงใจให้กับคนในองค์กร เพื่อให้เกิดความตื่นตัวที่จะปรับตนให้เข้ากับยุคสมัยพร้อมทั้ง ผู้บริหารควรมีการกระตุ้นโดยให้บุคลากรทุกระดับชั้นมีส่วนร่วมในการดำเนินงานกิจกรรมที่จะนำพาให้องค์กรบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ เช่นการให้รางวัลหรือการเลื่อนตำแหน่งให้กับผู้ที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับของทุกคนในองค์กร

 

สุดท้ายนี้กระผมขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ยม นาคสุข ที่ได้ให้เกียรติมาบรรยายและให้แนวทางในการพัฒนาตนเองแก่นักศึกษาในครั้งนี้เพื่อใช้ความรู้ที่ได้นำไปปรับปรุงและพัฒนาตนเองต่อไป ขอขอบพระคุณครับ

 

สมธนิษฐ์ มงคลชาติ
ขอให้อาจารย์ยม....ช่วยวิจารณ์และให้คำแนะนำในการเขียนของลูกศิษย์ด้วยค่ะ   เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสอบ  ขอบคุณค่ะ....@#&
วรวรรณ ส่องพลาย รปม.3 รหัส 4903010035 (แก้ไข)
วรวรรณ ส่องพลาย รปม.3 รหัส 49038010035 เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 01:02 (139896) (แก้ไข)
เรียน ศ ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ยม  นาคสุข             บทเรียนของอาจารย์เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2550 เรื่องHR นั้นเป็นบทเรียนครั้งแรกที่เวลาเรียนรู้สึกตื่นเต้น และต้อง  active อยู่ตลอดเวลา เป็นการใช้พลังงานมากที่สุดวันหนึ่งในการเรียนรู้ อาจารย์จะสอนบทเรียนควบคู่ไปกับประสบการณ์จริงของอาจารย์ มีการแลกเปลี่ยนกันทางความคิด  รู้สึกดีใจ และภูมิใจที่ได้เรียนกับอาจารย์  ความรู้สึกเรื่องการเรียนรู้ก็ยังตามมาในทุกๆวัน คือเราต้องหาความรู้ใหม่ ความคิดใหม่ๆ เพิ่มต่อยอดทุกวัน คนเราจะพัฒนาได้ตลอดเวลา เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเราเอง สำหรับ HR เป็นสิ่งสำคัญที่สุดขององค์กร องค์กรจะดีหรือเจริญเติบโตได้ก็ต่อเมื่อคนในองค์กร เป็นคนเก่ง คนดีมีจริยธรรม และมีการร่วมมือร่วมใจปฏิบัติงานให้องค์กรของตนสู่ความเป็นเลิศ              ในส่วนงานที่อาจารย์มอบหมายให้ทุกคนไปอ่านหนังสือเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ นั้นจะเป็นประสบการณ์การทำงานด้าน HR ของบุคคลซึ่งเป็นนักคิดและนักปฏิบัติ 2 ท่านซึ่งมาจากต่างสายอาชีพ แต่กลับมีความคิดในเรื่อง คนเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญที่สุด มีค่ามากกว่าทรัพย์สินอื่นใด เหมือนกัน คืออาจารย์จิระ หงส์ลดารมภ์ และคุณพารณ  อิศรเสนา ณ อยุธยา ซึ่งถือเป็น พันธุ์แท้ และเป็น  HR CHAMPIONS ซึ่งมีวิธีทำ 3 อย่างคือ                1.ต้องทำให้สำเร็จ               2.ต้องมีบารมี               3.ต้องยั่งยืนโดยในการทำสิ่งใดจะต้องเชื่อในสิ่งที่ทำ เชื่อว่าต้องทำได้และต้องสำเร็จซึ่งจะเป็นผลให้เกิด 2 ข้อตามมา ทั้ง 2 ท่านเป็นผู้มีความจริงใจ และหวังดีต่อส่วนรวม               ประโยชน์ที่ผู้อ่านได้รับ               1.ได้เห็นถึงความพยายามมุ่งมั่นของทั้ง 2 ท่าน และขอนำไปเป็นแบบอย่างแม้ว่าจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวเพียงน้อยนิของท่าน ก็จะพยายามและอดทนให้ดีที่สุด เพราะคาดว่าจะเกิดผลดีและจะทำให้ตัวเองมีมูลค่าเพิ่มขึ้น              2.คนเราเรียนรู้ได้ตลอดเวลาเพื่อปรับเปลี่ยนตัวเองให้ทันกับยุคโลกาภิวัฒน์ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด และต้องเรียนรู้ตาม ทฤษฎี 4 L’ S  ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นคนดีมีจริยธรรม คนเก่ง มีความสามารถ ที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่ดีได้ ในการเป็นคนเก่ง(เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด เก่งเรียน) คนดี (ประพฤติดี มีนำใจ ใฝ่ความรู้ คู่คุณธรรม)               3. ในการทำงานต้องทำอย่างเป็นระบบ มีระเบียบวินัย มีความซื่อสัตย์ ยึดหลักจริยธรรมในการดำเนินชีวิต ต้องทำงานเพื่องาน เพื่อความสุขจาการทำงาน(ไม่คิดว่างานคือเงิน) มีความมุ่งมั่น เชื่อว่าเราทำได้ ต้องเอาจริงเอาจัง ทำงานให้จบครบถ้วนเรียบร้อย              4. ต้องมีวิสัยทัศน์ มองไกล มองกว้างและลึก เมื่อมีวิสัยทัศน์ สมองก็จะคิดริเริ่ม สิ่งใหม่ๆ และทันเหตุการณ์                ประโยชน์ที่องค์กรได้รับและสามารถนำมาใช้ได้                                1.การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เริ่มจากการคัดเลือกคนเข้าทำงาน เลือกที่มีความสามารถ รับมาตามระบบคุณธรรม ซึ่งต่อมาจะถูกสอนให้ทำงานจริงจัง มีระเบียบวินัย และความจงรักภักดี                2.ทฤษฎี 3 วงกลม                   วงกลมที่ 1 context การใช้ระบบ IT มีการทำงานเป็นกระบวนการ PROCESS และจัดองค์กรที่เหมาะสม PROCESS IMPROVEMENT                       วงกลมที่ 2 ภาวะผู้นำ เพิ่มศักยภาพผู้นำ ธุรกิจจะเข็มแข็งได้ต้องบริหารผู้นำด้วย                    วงกลมที่ 3 เป็นหลักที่ดี คนเราจะสำเร็จในงานได้ต้องมองว่าทุกอย่างเป็นงานท้าทาย               3.การทำงานเป็นทีม ทุกคนในองค์กรต้องมีส่วนรวมในการทำงาน ให้ทุกคนทำงานเสมือนหนึ่งว่าเป็นเจ้าของ ต้องสร้างความเข้าใจที่ดีต่อกัน เวลามีปัญหาก็จะสามารถช่วยกันแก้ไขได้ ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำ              4.การฝึกอบรม ทุกคนทุกระดับต้องได้รับการฝึกอบรมเท่าเทียมกัน ไม่มองว่าเป็นการลงทุน เพราะผลที่ได้จะเป็นกำไรขององค์กร หากผู้ไดรับการอบรมนำมาพัฒนาองค์กร ให้ก้าวหน้าได้ทั้งนี้ต้องรวมถึงการสร้างความพึงพอใจในการทำงาน ให้โอกาสในความก้าวหน้าสำหรับงานที่ท้าทาย              5.การบริหารคนแบบ Management by walking around เพื่อเยี่ยมเยียนดูแล ทุกข์สุขของลูกน้อง เพื่อให้เกิดความอบอุ่น              6.การพัฒนาศักยภาพคนภายในองค์กรตาม ทฤษฎี 8 k’ s              7.การสร้างมืออาชีพ  การเรียนรู้จากงาน คือ Coaching และ On the job training และ job rotation จากผู้มีประสบการณ์ และถ่ายทอดความรู้สู่คนรุ่นใหม่ เป็นการพัฒนาให้คนมีความสามารถยิ่งขึ้น             8.การ Rotate สร้าง Multi skill เสริมประสบการณ์ เพื่อเพิ่มความสามารถการทำงานกับผู้ร่วมงานหลายๆ ฝ่าย ซึ่งเป็นการพัฒนาการเรียนรู้             9.ใช้ระบบ P D C A  ต้องมีการวางแผนและติดตามผล               10.การสร้างความจงรักภักดี ต้องให้องค์กร และพนักงานอยู่ในฐานะ WIN-WIN สร้างความผูกพันเพื่อให้เกิดความจงรักภักดี เข้าใจในจิตวิญญาณลูกน้อง ไม่ใช่มีแต่เงินเดือนและโบนัส  การจ้างงานแบบ long term employment ไม่จ้างแบบพันธสัญญา เพราะจะทำให้เกิดสมองไหล                       ประโยชน์ต่อประเทศ            1.ถ้ามี HRD และ  HRM ที่ดี องค์กรจะสามารถพัฒนาเพิ่มผลผลิตภายในประเทศได้ดี ประเทศก็จะเจริญก้าวหน้า สามารถที่จะแข็งขันกับนานาประเทศได้            2.คุณพารณ และอาจารย์จิระ สร้างคุณภาพด้านการศึกษาซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญ เมื่อคนมีการพัฒนาด้านการศึกษา คุณภาพของทรัพยากรมนุษย์ก็จะพัฒนาตามไปด้วย ตามหลัก Constructionism การเรียนรู้จากการปฏิบัติ ซึ่งจะต้องเริ่มจากเด็กๆ เพราะเด็กเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดสำหรับประเทศ   เด็กจะเป็นอนาคตของประเทศ ถ้าขาดการศึกษา ก็จะทำให้ขาดทรัพยากรมนุษย์ที่มีทักษะในทุกๆด้าน ถ้าเราขาดคนที่มีความสามารถทาง R&D จะทำให้ประเทศขาดแคลนบุคลากรที่จะมาส่งเสริมคนในชาติ ต้องใช้ชาวต่างประเทศ มาสอน จะทำให้ประเทศเสียดุลการค้า          3.ในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ที่มีการแข่งขัน มีการเปลี่ยนแปลง จะต้องมีการพัฒนาคนและระบบอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันเหตุการณ์ ระบบ INTERNET จะช่วยในเรื่องการสื่อสารหาข้อมูล และแลกเปลียนความคิดเห็นกัน                    สรุป จากการอ่านหนังสือทรัพยากรพันธุ์แท้ แม้มีเวลาเพียงไม่กี่วันที่อ่าน ผู้อ่านได้รับประโยชน์มากมายในเรื่องของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งสามารถนำมาปรับ ประยุกต์ใช้กับชีวิตส่วนตัว และด้านการงานได้เพื่อให้ตัวเราเกิดคุณค่า และเป็นมูลค่าเพิ่มขององค์กร สามารถทำให้องค์กรเจริญก้าวหน้าได้ ส่งผลต่อความเจริญของประเทศ ขอบคุณสำหรับโอกาสดีๆทีอาจารย์หยิบยื่นให้เราได้รู้จักเรียนรู้ในรูปแบบของอาจารย์ คือ ทฤษฎี 4 L’s และสัญญาว่าผู้อ่านจะสานฝันของอาจารย์ได้บ้างในองค์กรเล็กๆของผู้อ่าน                                                  ขอแสดงความเคารพรัก                                                    วรวรรณ  ส่องพลาย                                               รปม.3 รหัส 49038010035 [email protected]
กิตติศักดิ์ ดวงแก้ว

กราบสวัสดีอาจารย์   ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์   ที่เคารพ

ขอส่งงาน เสนอ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

1.คุณได้อะไรจากการอ่านหนังสือเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้

ตอบ หากอย่ากที่จะประสบความสำเร็จจะต้องทำตนเองให้เป็นคนใฝ่รู้อยู่ตลอดเวลาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ชีวิต เห็นวิธีการใช้ชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานอย่างมีความสุข และมีทัศนคติที่กว้างไกล มีความรู้หลาย ๆ ด้านอยู่ในตัวและนำมาบูรณาการได้ และมองโลกในทางสร้างสรรค์ มองไกลถึงอนาคต ต้องคิดเป็น วิเคราะห์เป็น และต้องมีความเชื่อมั่นในตนเอง ร่วมถึงการมีระเบียบวินัยในการทำงาน ทำให้ทราบว่าการเป็น “คนดี” คืออะไร การเป็น “คนเก่ง” คืออะไร
คนดี คือ ประพฤติดี มีน้ำใจ ใฝ่ความรู้ คู่คุณธรรม , คนเก่ง คือ เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด และเก่งเรียน และ เราต้องมีความเชื่อมั่น 3 ประการ คือ 1.ความเชื่อมั่นในคุณค่าของพนักงาน 2.ความรู้สึกว่าพนักงานคือคนในครอบครัวของเรา 3.ความรับผิดชอบที่จะทำให้ทรัพยากรบุคคลของบริษัทมีราคาและมีคุณค่าที่สอดคล้องกัน เป็นบุคคลที่ใฝ่เรียนรู้อยู่เสมอจะทำให้เราประสบผลสำเร็จได้ในที่สุด

2.องค์กรได้อะไรจากการอ่านหนังสือเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้

ตอบ
องค์กรที่ดีและประสบผลสำเร็จ จะต้องมีการเพิ่มผลผลิตขององค์กรอยู่ตลอดเวลา และสร้างความจงรักภักดี ความเทียงธรรม ความมีวินัยของคนในองค์กรให้เกิดขึ้นจนกลายเป็นวัฒนธรรมภายในองค์การ การนำเอากิจกรรมต่างๆมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน เช่น กิจกรรม 5ส ระบบความปลอดภัย ระบบข้อเสนอแนะ และ กิจกรรม QCC ในหนังสือยังให้ข้อคิดและกระตุ้นให้คนในองค์การมีความรักและทุ่มเทต่อองค์การอย่างเต็มที่ การมีผู้บริหารที่ดีภายองค์การนั้นก็จะทำให้องค์กรเดินหน้าไปสู่แนวทางที่ดีและมีความเจริญก้าวหน้า และทำให้ทราบว่าการบริหารถ้าทำให้บุคคลพึงพอใจในการทำงาน (Job Satisfaction)

จะทำให้ผลงานออกมาดีและงานมีประสิทธิภาพ ทำให้องค์กรได้ทราบว่า คน คือ ทรัพยากรที่มีคุณค่ามากที่สุด The most valvable asset ที่สำคัญที่สุดและเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาองค์กรในอนาคต

3.ชาติได้อะไรจากการอ่านหนังสือเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้

ตอบ ทำให้นานาประเทศได้ทราบถึงความสามารถของคนไทยได้ดีขึ้นว่าไม่เพียงแต่มีดีเพียงมีทรัพยากรทางธรรมชาติ แต่ยังมีคนมีคุณภาพอย่าง ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อยู่ในประเทศของเรานี้เพื่อสร้างคนที่มีคุณภาพเพื่อมาช่วยในการพัฒนาประเทศในอนาคตต่อไป และทำให้รัฐบาลตระหนักถึง การเพิ่มมูลค่าในระยะยาวของเศรษฐกิจ การกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในการพัฒนาฝีมือแรงงาน ประชากรทุกคนคือทรัพยากรที่มีคุณค่าของชาติ การมีทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าจะสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติรวมถึงการพัฒนาและปฏิรูปการบริหารให้มีประสิทธิภาพส่งผลให้ประเทศเกิดความเจริญทางด้านการทำธุรกิจและภาระการลงทุนและสร้างมรดกชิ้นสำคัญ คือ สร้างความตระหนักในการรับรู้ของทุกคนในสังคมให้หันมาสนใจในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ในด้านการศึกษาเพิมมากขึ้นซึ่งเป็นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป

ส่วนความเหมื่อนของท่านทั้งสองที่เหมื่อนกันคือ

1. เป็นผู้ที่มีความใฝ่รู้ในความรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

2. เป็นผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับการพัฒนามนุษย์มาอย่างยาวนาน

3. มีความคิดที่เหมือนกันในการที่จะสร้างให้คนและสังคมเป็นแหล่งแห่งการเรียน

สุดท้ายนี้กระผมขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ ศ.ดร. จีระ  หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์ยม  นาคสุข ที่ได้ให้เกียรติมาบรรยายและแนะแนวทางในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งต่อตนเอง แก่องค์กรและประเทศชาติต่อไป

กิตติ เพลินจิตต์ รหัส 49038020004
สวัสดีครับ ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ บทสนทนาในหนังสือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ จุดประกายความคิดทางปัญญา เป็นแบบอย่างและแนวทางในด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ทำให้หลังจากอ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้แล้ว จะเป็นประโยชน์และนำไปใช้กับตนเอง  องค์กร และประเทศชาติการที่ได้อ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ สิ่งที่ได้รับคือ  การสร้างเครือข่ายมนุษย์ ให้ความสำคัญกับคนทุกระดับ และการไม่หยุดนิ่งที่จะเรียนรู้ และยังได้นำความรู้ ประสบการณ์มาถ่ายทอดสื่อสารทางรูปแบบตัวอักษรให้กับคนอื่นๆ ที่อ่านให้คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น และกล้าที่จะแสดงออก ซึ่งบทสนทนาทำให้ทราบเนื้อหาสาระสำคัญในหลากหลายด้าน เช่น   เรื่องของสองแชมป์ เป็นการกล่าวถึงความเชื่อและศรัทธาและความมุ่งมั่นในเรื่องคนที่ตรงกันของทั้งสองท่าน โดยเฉพาะเรื่องประวัติ ผลงานทำงานเรื่องเกี่ยวกับคน ตลอดจนแนวทางในการทำงาน  ****  รื่องคัมภีร์คนพันธุ์แท้ เพื่อให้ทราบแนวทางในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ตั้งแต่เรื่องปรัชญาของทรัพยากรมนุษย์ที่ว่าคน ถือเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดขององค์กรการพัฒนามนุษย์ต้องเน้นการเรียนรู้ **** เรื่องของสองแชมป์ กล่าวถึงประวัติของคุณพารณฯ และ ศ.ดร.จิระฯ ซึ่งมีเส้นทางไม่เหมือนกันแต่มีเป้าหมายเหมือนกัน คนหนึ่งเป็นนักวิชาการ อีกคนหนึ่งเป็นนักปฏิบัติ ****เรื่องคัมภีร์คนพันธ์แท้ เป็นเรื่องของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพราะคนถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์กรมุ่งเน้นเรื่องการเรียนรู้จากประสบการณ์การทำงานบริหารงานโดยเน้นคนเป็นสำคัญต้องมีวิสัยทัศน์ในการวางแผนมีการพัฒนาคนทุกระดับตั้งแต่ผู้นำจนถึงผู้ปฏิบัติงานสร้างบรรยากาศที่ดีต่อการเรียนรู้คนต้องได้รับแรงจูงใจในการทำงานไม่เพียงแต่ค่าตอบแทนเพียงอย่างเดียวและจะต้องมีสุขภาพทั้งกายและใจที่ดีมีคุณภาพชีวิตที่ดีต้องสร้างคนให้เข้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องภาษาอังกฤษ และความสามารถในการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาผสมผสานในการทำงาน**** เรื่องจักรวาลแห่งการเรียนรู้ คือเป็นผู้เรียนรู้ที่ดีไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนแปลงไปก็สามารถเรียนรู้และรับมือกับมันได้ตามสภาวะการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเมื่อเรียนรู้แล้วก็สามารถที่จะนำไปปฏิบัติได้จริงเพราะการเรียนรู้ต้องเรียนรู้ไปตลอดชีวิต ***ประโยชน์และนำไปใช้กับตนเอง  นำมาใช้เป็นแนวทางสร้างสรรค์ด้านความคิดเห็นของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ต่อการปฏิบัติงานในชีวิตจริงแบ่งเป็น 2 ด้าน คือด้านผลสำเร็จของงาน และด้านพฤติกรรมของคน คนที่จะทำงานสำเร็จได้จะต้องเป็นคนที่มีทักษะ ความรู้ และทัศนคติหลายๆอย่างอยู่ในตัว ต้องรู้ว่า ต้องทำอะไร ทำอย่างไร ทำเพื่อใคร และทำแล้วได้อะไร ประโยชน์และนำไปใช้กับองค์กร  องค์กร มีความสำคัญต่อการบริหารงานในองค์กร ด้วยเหตุว่าคนเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ที่จะบริหารและพัฒนาให้องค์กรประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยหากองค์กรใดมีคนที่มีความรู้ ความสามารถ มีทักษะในการทำงานที่ดี ก็ย่อมทำให้องค์กรมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน มีศักยภาพในการแข่งขันและพัฒนา ซึ่งจะส่งผลให้องค์กรประสบความสำเร็จในการดำเนินงานขององค์กรในระยะยาว  ส่วนของผู้บริหารจึงต้องอาศัยเครื่องมือทางการบริหารต่างๆ ที่มีอยู่หลากหลาย เพื่อธำรงรักษาคนที่มีประสิทธิภาพเหล่านั้นให้อยู่กับองค์กรนานที่สุด รวมทั้งการปฏิบัติเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้นำ ผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่ายิ่งต้องมองลงมาข้างล่าง เพื่อดูแลคนที่อยู่ข้างล่าง ต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี มีการบริหารงานที่โปร่งใส มีคุณธรรม มีความเชื่อมั่นในความสามารถของลูกน้อง ให้โอกาสในการร่วมงาน และให้อิสระในการทำงาน ประโยชน์และนำไปใช้กับประเทศ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของประเทศผู้บริหารควรให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ ผู้บริหารจะต้องมีวิสัยทัศน์กว้างไกลมองจากที่สูงลงมาสู่ที่ต่ำเพื่อจะได้มองเห็นภาพรวมของประเทศและจะได้รู้ปัญหา เข้าถึงปัญหาและสามารถแก้ไขปัญหาได้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการที่จะพัฒนาประเทศชาติและสังคมให้ประสบความสำเร็จ อยู่ได้อย่างยั่งยืนนั้นต้องอาศัยปัจจัยหลายๆอย่างเป็นส่วนประกอบแต่ที่สำคัญที่สุดคือ "คน" ที่มีคุณค่าและมีคุณภาพ เพื่อให้เกิดการพัฒนาและแข่งขันในระดับสากล เช่น  บริษัทปูนซีเมนต์ไทย  ผู้บริหารให้ความสำคัญกับคนทุกระดับ โดยผู้บริหารมีนโยบาย1.    สร้างคนให้มีคุณธรรม2.    ให้มีความชอบธรรม3.    ให้มองการพัฒนาคนเป็นการลงทุนระยะยาว 4   ปลูกฝังส่งเสริมให้พนักงานพัฒนาตนเองให้มีความรู้ความชำนาญให้สมกับคำว่าคนเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่าที่สุดขององค์กรจริง     โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันโลกได้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา  นายกิตติ เพลินจิตต์    รหัส 49038020004     [email protected]    084-655-5553
 เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์  ที่เคารพ จากที่อาจารย์สอนเมื่อวันที่ 13  มกราคม  2550  ก่อนอื่นดิฉันต้องกราบขอโทษ ศ.ดร.จีระ ฯ  เนื่องจากวันนั้นดิฉันไม่ได้เข้าเรียนเพราะว่าติดภารกิจวันเด็กของเทศบาลฯ  ซึ่งดิฉันรู้สึกเสียดายมาก  เพราะเพื่อนๆ บอกว่า ศ.ดร.จีระ ฯ  สอนดีมาก  และได้ยินหลายๆ คนพูดว่าอาจารย์คือมือหนึ่งของประเทศในด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์  และเพื่อนๆ ก็ได้บอกอีกว่าอาจารย์ได้สั่งให้อ่านหนังสือเรื่อง  ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้  และสรุปประเด็นสำคัญหลักๆ มา 3 หัวข้อคือ  การอ่านหนังสือเล่มนี้ได้ประโยชน์อะไรกับตัวเอง   ได้ประโยชน์อะไรกับองค์กรและได้ประโยชน์อะไรกับประเทศชาติ  จากการที่ได้กลับไปอ่านทบทวนหนังสือ ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้  ทำให้ได้สามารถได้รับความรู้  และแนวคิดในการพัฒนา คน  โดยคุณพารณ  อิศรเสนา    อยุธยา  ได้กล่าวว่า  คน  เป็นเพียง  ต้นทุน การผลิต  คน  ต่างหาก  คือ กำไร  ที่แท้จริงขององค์กร  หากได้รับการดูแลเอาใจใส่เพิ่มศักยภาพ  โดยการพัฒนาอย่างจริงจัง  สม่ำเสมอและเป็นระบบ  คือท่านให้ความสนใจแก่คน  ตั้งแต่เดินเขาเดินเข้ามาทำงานกับบริษัทของเรา  เขาจะได้รับการฝึกอบรม  เอาใจใส่ดูแลจนกระทั้งวันที่เขาเกษียณอายุออกไป  และอีกประการหนึ่งที่น่าสนใจที่คุณพารณ ฯ  ได้กล่าวไว้คือ  องค์กรจะดีเพราะเพราะมีคนเก่งและดี   องค์กรจะแย่เพราะมีคนไม่เก่งและไม่ดี  เช่น คนเก่งอย่างเดียวแต่ไม่ดีก็สามารถทำให้องค์กรเสียหายได้  เพราะคนเก่งอาจจะเข้ามาโกงกินบริษัท  แต่ถ้าคนเก่งและดีด้วยองค์กรก็จะประสบความสำเร็จ  และอีกเรื่องหนึ่งที่คุณพารณ ฯ  ได้ริเริ่มนำวิธีในการบริหารองค์กร  คือ  การทำกิจกรรม 5 ส.  และการทำกิจกรรม QCC  มาปรับใช้กับองค์กรด้วย  ทางด้าน ศ.ดร. จีระ  ก็เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์  โดยการทุ่มเทกำลังและความสามารถในการก่อตั้งสถาบันทรัพยากรมนุษย์  เพื่อใช้เป็นที่ศึกษาและวิจัยด้านการทรัพยากรมนุษย์โดยเฉพาะ  และเป็นผู้สร้างกระแสให้เห็นว่าคนมีความสำคัญเท่าๆ กับเงินและวัตถุ  และทั้งสองท่านยังได้เสนอแนวคิดทฤษฎี 4 L’s  ที่แตกต่างกันบนเป้าหมายเดี่ยวกัน  และยังมีอีกหลายทฤษฎีน่าสนใจ เช่น ทฤษฎี  3 วงกลม  และทฤษฎี  8 K’s   ซึ่งแต่ละทฤษฎีนั้นมีประโยชน์ต่อการพัฒนาคนและองค์กรเพื่อให้องค์กรนั้นประสบผลสำเร็จ   ซึ่งนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์คือประโยชน์ต่อตนเองจากที่ได้อ่านหนังสือ ทรัพยากำรมนุษย์พันธุ์แท้  ทำให้ตนเองได้อะไรหลายๆอย่างจากหนังสือเล่มนี้  เพราะสามารถนำมาปรับใช้ได้จริงกับองค์กร  โดยจะเน้นให้คนรู้จักพัฒนาตนเองเพื่อก้าวให้ทันต่อเทคโนโลยี่ที่ทันสมัย  และก็ได้รู้ถึงการที่จะก้าวขึ้นไปเป็นผู้บริหารระดับสูง  คุณจะต้องทำอย่างไรจึงจะพัฒนาคนและองค์กรให้ประสบความสำเร็จ   ประโยชน์ต่อองค์กรองค์กรควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  เพราะทรัพยากรมนุษย์เป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดขององค์กร  โดยองค์กรควรจะมีการจัดการฝึกอบรมพนักงาน  และมีสวัสดิการที่ดีเพื่อให้พนักงานมีขวัญและกำลังใจในการที่จะปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นประโยชน์ต่อประเทศชาติการที่ประเทศชาติและสังคมจะพัฒนาได้จะต้องอาศัย  คน  ที่มีคุณภาพ  ดังนั้นคนจะมีคุณภาพได้จะต้องได้รับส่งเสริมและพัฒนา  โดยรัฐบาลควรจะกำหนดนโยบายด้านแรงงานที่เอื้อประโยชน์ต่อคนชั้นแรงงาน  เพื่อเป็นแรงจูงใจให้คนเหล่านั้นตั้งใจทำงาน  และอีกด้านหนึ่งคือด้านการศึกษา  โดยควรจะมีการปฎิรูปการศึกษา  เพื่อให้ทันกับยุคโลกาภิวัฒน์  เพราะเยาวชนคือสมบัติที่มีค่าต่อประเทศชาติสรุปคือ  ประโยชน์ทั้งหมดทั้งมวลจะเกิดประโยนช์ขึ้นไม่ได้ถ้าตัวเรา และองค์กร  และประเทศชาติไม่ให้ความสนใจและสนับสนุนและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างจริงจัง------------------------------------------ อรณา   ยี่เข่งหอมรปม.รุ่น 3  รหัสประจำตัว  49038020002[email protected]
ยม "MPA ที่สวนสุนันทาฯ วันอาทิตย์ที่ 14 ม.ค. 2549 : ส่ง Blog แล้ว 41 คน"

สวัสดี ครับ ศ.ดร.จีระ /นักศึกษา MPA สวนสุนันทาฯ 

  

ผมติดตามอ่าน ข้อมความที่ น.ศ. ส่งมา  บางท่านขอให้ผมวิจารณ์ และให้คำแนะนำ เพื่อประโยชน์ในการเขียนสอบ   ผมแนะนำอย่างนี้ ครับ  ให้คิด ว่าคำแนะนำที่ให้ จะนำไปใช้พัฒนาการเขียนของ นักศึกษา ในอนาคต เช่นเขียนรายงาน เขียนบทความ เขียนโครงการ ใช้ประกอบอาชีพการงาน จะดูมีพลังมากกว่าแค่ ศึกษาไว้เตรียมสอบ  น๊ะครับ  จะทำอะไรก็ตาม ให้คิดการณ์ใหญ่ การณ์ไกล เพื่อเรื่องใหญ่ๆ  เพื่อสังคม เพื่อชาติ มันจะทำให้มีพลัง  จำได้ไม๊ครับ  ผมให้พวกเราคิดความหมายของคำว่า ลูก  ว่าหมายถึงอะไร ในความเข้าใจของพวกเรา  ความเข้าใจ มีผลต่อการนำไปสู่ยุทธศาสตร์การปฏิบัติ 

  

คนที่คิดว่า ลูก คือ ผลงานปฏิสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ หรือคือสายเลือดของเรา มันก็ถูก  แต่ถ้าเราตีความหมายว่า ลูก หมายถึง มรดกที่เราสร้างไว้ให้แผ่นดิน ให้ชาติบ้านเมือง  วิธีการปฏิบัติ ยุทธศาสตร์การจัดการ จะไปอีกแบบหนึ่งที่เหนือชั้นกว่า OK ไม๊ครับ  สิ่งที่ผมพูด เล็ก ๆ น้อย เหล่านี้ เป็นยุทธศาสตร์นอกกรอบ ข้ามศาสตร์ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ที่อยากให้นักศึกษาคิด สรุปด้วยก็จะดี

  กลับมาถึงเรื่องการเขียนงานของนักศึกษา ขณะนี้เท่าที่ตรวจหน้าจอตอนนี้ นักศึกษาส่งมาแล้ว จำนวน 41 คน  คนที่ส่งมา Top Ten ผมทำสีน้ำเงินไว้  ถือว่า เป็นคนที่มาแรงด้วยความเร็ว พยากรณ์ได้ว่า เป็นผู้มีไฟแรง ตื่นตัว จำนวน 41 คน มีรายชื่อดังนี้   
  1. ร้อยตรีหญิง ผลึกพร อนันตพงษ์ รหัสนักศึกษา 49038010018 เมื่อ อ. 14 ม.ค. 2550 @ 23:15 (137632)
  2. ศรีปัญญา วัชนาค รปม. รุ่นุ 3 รหัสนักศึกษา 49038010022 เมื่อ จ. 15 ม.ค. 2550 @ 13:43 (138044)
  3. วิไลวรรณ วิไลเลิศ รปม.รุ่น 3 รหัส 49038020016 เมื่อ จ. 15 ม.ค. 2550 @ 21:16 (138320)  
  4. นันทพร สิงห์ตุ่ย MPA รุ่น 3 ม.สวนสุนันทา เมื่อ อ. 16 ม.ค. 2550 @ 08:09 (138536)
  5. นุชรี อรรถีโภค รปม.3 รหัส 49038010001 เมื่อ อ. 16 ม.ค. 2550 @ 08:30 (138547)
  6. วรวรรณ ส่องพลาย รปม.3 เมื่อ อ. 16 ม.ค. 2550 @ 09:25 (138569)
  7. นันทพร สิงห์ตุ่ย เมื่อ อ. 16 ม.ค. 2550 @ 16:00 (138827)
  8. สมธนิษฐ์ มงคลชาติ เมื่อ อ. 16 ม.ค. 2550 @ 16:31 (138846)
  9. นันทพร สิงห์ตุ่ย รหัส 49038010002 MPA รุ่น 3 ม.สวนสุนันทา เมื่อ อ. 16 ม.ค. 2550 @ 17:04 (138878)
  10. นางสาวละอองแก้ว จันทร์เทพ เมื่อ อ. 16 ม.ค. 2550 @ 17:41 (138913)
  11. นายจิรพัฒน์ ศรีจั่น รปม.03 รหัส 49038020013 เมื่อ 16/01/2007 เมื่อ อ. 16 ม.ค. 2550 @ 18:20 (138939)
  12. กัลย์สุดา พันธเสน รหัส 49038020003 เมื่อ อ. 16 ม.ค. 2550 @ 19:57 (138988)
  13. นุชรี อรรถีโภค รปม.3 รหัส 49038010001 เมื่อ อ. 16 ม.ค. 2550 @ 20:06 (138995)
  14. สุภาภรณ์ สุขเกษม MPA.3 มรภ.สวนสุนันทา รหัส 49038010007 เมื่อ พ. 17 ม.ค. 2550 @ 01:23 (139215)
  15. พรกมล สมวงศ์ รปม.3 รหัส 49038010014 ม.สวนสุนันทา เมื่อ พ. 17 ม.ค. 2550 @ 08:25 (139321)
  16. เปรมหทัย พึ่งบุญ ณ อยุธยา เมื่อ พ. 17 ม.ค. 2550 @ 09:00 (139347)
  17. นายจิรพัฒน์ ศรีจั่น รปม.03 รหัส 49038020013 เมื่อ 17/01/2007 เมื่อ พ. 17 ม.ค. 2550 @ 09:32 (139358)
  18. สมธนิษฐ์ มงคลชาติ เมื่อ พ. 17 ม.ค. 2550 @ 09:36 (139362)
  19. เปรมหทัย พึ่งบุญ ณ อยุธยา เมื่อ พ. 17 ม.ค. 2550 @ 09:54 (139380)
  20. ส.ท.ต่อตระกูล ศรีลาภา ( 49038010005 ).......( *_* )...... เมื่อ พ. 17 ม.ค. 2550 @ 11:10 (139427)
  21. นางสาวละอองแก้ว จันทร์เทพ รหัส 49038010008 MPA. รุ่น 3 เมื่อ พ. 17 ม.ค. 2550 @ 13:43 (139545
  22. นางสาวอชิรญา ผูกมี เมื่อ พ. 17 ม.ค. 2550 @ 13:50 (139550)
  23. นางสาวอชิรญา ผูกมี รหัสประจำตัว 49038020007 เมื่อ พ. 17 ม.ค. 2550 @ 13:58 (139556)
  24. ส.ท.ต่อตระกูล ศรีลาภา ( 49038010005 ).......( *_* )...... เมื่อ พ. 17 ม.ค. 2550 @ 14:14 (139562)
  25. พรกมล สมวงศ์ รปม.3 รหัส 49038010014 ม.สวนสุนันทา เมื่อ พ. 17 ม.ค. 2550 @ 15:07 (139588)
  26. พ.ท.ธีรชัย ไชยมะโน เมื่อ พ. 17 ม.ค. 2550 @ 15:27 (139598)
  27. ปราณีต น่วมเปรม เมื่อ พ. 17 ม.ค. 2550 @ 16:44 (139627)
  28. ศรีปัญญา วัชนาค เมื่อ พ. 17 ม.ค. 2550 @ 17:58 (139666)
  29. นางเสาวรส แสนสุข เมื่อ พ. 17 ม.ค. 2550 @ 18:19 (139678)
  30. นายภานุพงษ์ พิศรูป เมื่อ พ. 17 ม.ค. 2550 @ 18:50 (139699)
  31. นายกิตติ เพลินจิตต์ 49038020004 เมื่อ พ. 17 ม.ค. 2550 @ 21:34 (139778)
  32. จ่าเอกสราวุฒิ นวมน้อย รหัสนักศึกษา49038010029 ม.สวนสุนันทา เมื่อ พ. 17 ม.ค. 2550 @ 21:39 (139786)
  33. นางมยุเรศ เชยปรีชา เมื่อ พ. 17 ม.ค. 2550 @ 23:23 (139847)
  34. ปริญญา รื่นเสือ รปม.รุ่นที่ 3 รหัสประจำตัว 49038010006 เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 00:29 (139883)
  35. ปริญญา รื่นเสือ รปม.รุ่นที่ 3 รหัสประจำตัว 49038010006 เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 01:23 (139904)
  36. นายมงคล กิจสมโภชน์ เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 07:38 (139956)
  37. นายประเชิญ คำมี เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 09:27 (140009)
  38. กิตติศักดิ์ ดวงแก้ว เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 10:38 (140057)
  39. สมธนิษฐ์ มงคลชาติ เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 11:29 (140087)
  40. วรวรรณ ส่องพลาย รปม.3 รหัส 4903010035 (แก้ไข) เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 11:35 (140090)
  41. กิตติศักดิ์ ดวงแก้ว เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 11:44 (140100)
 

ส่วนรายละเอียดที่ผมจะแนะนำ comment การเขียนของนักศึกษา ผมจะเขียนใน blog ถัดไป ครับ

 

 

ยม 081-9370144  

[email protected] 

 http://gotoknow.org/portal/yom-nark

 

กิตติพงษ์ รั้งท้วม
ชี้ให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำให้สำคัญเป็นที่หนึ่งถึงถูกต้องว่าเป็นไทยเป็นเลิศได้ใช่เป็นรองเป็นขุมทองที่มองข้ามมานานวันเป็นแรงขับเป็นแรงเคลื่อนความเป็นชาติเป็นอำนาจให้โอกาสของผู้นำให้ฝึกฝนจนริเริ่มคิดสร้างสรรค์ทรัพยากรที่สำคัญก็คือคน กิตติพงษ์ รั้งท้วม 49038020006 รปม.3 มรภ.สวนสุนันทา เรียนท่านอาจารย์จีระ หงส์ลดารมภ์        หลังจากที่ผมศึกษาหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้แล้ว รู้สึกชื่นชมอาจารย์มากที่อาจารย์จัดทำหนังสือชุดนี้ขึ้นมา เพราะหนังสือชุดนี้มีคุณค่าทางปัญญาอย่างยิ่ง ใครได้อ่านแล้วสามารถมองเห็นโลกในมุมที่กว้างขึ้น, เห็นคุณค่าของความเป็นคนเพราะคนเป็นทรัพยากรที่มีคุณประโยชน์เหนือสิ่งอื่นใด หนังสือชุดนี้มีหลักทฤษฎีในการบริหารคนที่หลากหลาย ให้แง่คิด, ให้ความรู้,  ให้คุณธรรม

หากความรู้ที่ได้รับการศึกษาในครั้งนี้ได้ผ่านการวิเคราะห์ สังเคราะห์แล้วมาประยุกต์ใช้ในองค์กรของตนเอง จะสามารถเพิ่มศักยภาพของคนในการทำงานได้มาก

แต่ทั้งนี้ ก็ต้องนำมาปรับใช้อย่างค่อยเป็นค่อยไป

เหตุผลที่ต้องค่อยเป็นค่อยไปก็เพราะคนในองค์กร  ไม่มีโอกาสที่จะได้ศึกษาความรู้จากหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้แบบผม

ที่สำคัญ การเปลี่ยนแปลงการทำงานในองค์กรนั้น ต้องสร้าง acceptability และต้องมี capability ด้วย ซึ่งตรงนี้คือสิ่งที่ใช้เวลาในการสั่งสมประสบการณ์ไม่ใช่ว่าใครมีความรู้แล้วก็ไปปรับเปลี่ยนอะไรได้ในทันที เราต้องเข้าใจและคำนึงถึงวัฒนธรรมในองค์กรด้วย

เราพัฒนาคน คนพัฒนาองค์กร ชาติต้องสร้างโอกาสให้คนเกิดการพัฒนาความรู้ด้วย หากผู้นำประเทศเห็นความสำคัญและจริงใจที่จะสนับสนุนส่วนนี้ให้เป็นรูปธรรมได้ อนาคตของประเทศเราจะมีทรัพยากรมนุษย์ที่เก่งจำนวนมาก มีความสามารถแข่งขันกับต่างชาติได้ อนาคตของประเทศเราก็สดใส

ความรู้คือสิ่งที่ต้องค้นหาและต้องศึกษาอย่างสม่ำเสมอ ยุคโลกไร้พรมแดนมีสิ่งที่ไม่คาดฝันตลอดเวลา คนจะเป็นทรัพยากรที่มีค่าได้ ต้องไม่ละเลยการฝนสมองตัวเอง ควรหมั่นศึกษา ใช้ความคิด และนำไปปฏิบัติให้เกิดผล จึงจะประสบความสำเร็จ

สวัสดี
กิตติพงษ์ รั้งท้วม

ชี้ให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำ

 

ให้สำคัญเป็นที่หนึ่งถึงถูกต้อง

 

ว่าเป็นไทยเป็นเลิศได้ใช่เป็นรอง

 

เป็นขุมทองที่มองข้ามมานานวัน

 

เป็นแรงขับเป็นแรงเคลื่อนความเป็นชาติ

 

เป็นอำนาจให้โอกาสของผู้นำ

 

ให้ฝึกฝนจนริเริ่มคิดสร้างสรรค์

 

ทรัพยากรที่สำคัญก็คือคน

  

กิตติพงษ์ รั้งท้วม

 

49038020006

 

รปม.3 มรภ.สวนสุนันทา

  

เรียนท่านอาจารย์จีระ หงส์ลดารมภ์

 

        หลังจากที่ผมศึกษาหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้แล้ว รู้สึกชื่นชมอาจารย์มากที่อาจารย์จัดทำหนังสือชุดนี้ขึ้นมา เพราะหนังสือชุดนี้มีคุณค่าทางปัญญาอย่างยิ่ง ใครได้อ่านแล้วสามารถมองเห็นโลกในมุมที่กว้างขึ้น, เห็นคุณค่าของความเป็นคนเพราะคนเป็นทรัพยากรที่มีคุณประโยชน์เหนือสิ่งอื่นใด หนังสือชุดนี้มีหลักทฤษฎีในการบริหารคนที่หลากหลาย ให้แง่คิด, ให้ความรู้,  ให้คุณธรรม

 

หากความรู้ที่ได้รับการศึกษาในครั้งนี้ได้ผ่านการวิเคราะห์ สังเคราะห์แล้วมาประยุกต์ใช้ในองค์กรของตนเอง จะสามารถเพิ่มศักยภาพของคนในการทำงานได้มาก

แต่ทั้งนี้ ก็ต้องนำมาปรับใช้อย่างค่อยเป็นค่อยไป

เหตุผลที่ต้องค่อยเป็นค่อยไปก็เพราะคนในองค์กร  ไม่มีโอกาสที่จะได้ศึกษาความรู้จากหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้แบบผม

ที่สำคัญ การเปลี่ยนแปลงการทำงานในองค์กรนั้น ต้องสร้าง acceptability และต้องมี capability ด้วย ซึ่งตรงนี้คือสิ่งที่ใช้เวลาในการสั่งสมประสบการณ์ไม่ใช่ว่าใครมีความรู้แล้วก็ไปปรับเปลี่ยนอะไรได้ในทันที เราต้องเข้าใจและคำนึงถึงวัฒนธรรมในองค์กรด้วย

 

เราพัฒนาคน คนพัฒนาองค์กร ชาติต้องสร้างโอกาสให้คนเกิดการพัฒนาความรู้ด้วย หากผู้นำประเทศเห็นความสำคัญและจริงใจที่จะสนับสนุนส่วนนี้ให้เป็นรูปธรรมได้ อนาคตของประเทศเราจะมีทรัพยากรมนุษย์ที่เก่งจำนวนมาก มีความสามารถแข่งขันกับต่างชาติได้ อนาคตของประเทศเราก็สดใส

ความรู้คือสิ่งที่ต้องค้นหาและต้องศึกษาอย่างสม่ำเสมอ ยุคโลกไร้พรมแดนมีสิ่งที่ไม่คาดฝันตลอดเวลา คนจะเป็นทรัพยากรที่มีค่าได้ ต้องไม่ละเลยการฝนสมองตัวเอง ควรหมั่นศึกษา ใช้ความคิด และนำไปปฏิบัติให้เกิดผล จึงจะประสบความสำเร็จ

 

สวัสดี
จากที่เข้าเรียนวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์กับท่านอาจารย์ยม  นาคสุขเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2550  ได้ประเด็๋นที่สนใจดังนี้ทฤษฎี 6 ท ที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต         1. มีงานอะไรที่ยาก งานที่ท้าทาย ต้องกล้าที่จะทำ ต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงตนเอง        2. มีท่าทีที่ดี ท่าทีที่่ดีมาจากความคิดที่ดี ความคิดที่ดีจะส่งให้พฤติกรรมดี มีบุคลิกภาพดี จนถึงมีอนาคตที่ดี         3. มีความเที่ยงธรรม โดยใช้หลักธรรมาภิบาล คือ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ หลักความคุ้มค่า        4. ความเป็นทองแท้ พูดอะไรต้องทำอย่างนั้น ไม่เป็นทองปลอม ต้องเสมอต้นเสมอปลาย        5. หมั่นทบทวน เช่น วันแรกทบทวน 8 ชม. วันที่สองทบทวน 16 ชม. วันที่สามทบทวน 24 ชม. และทบทวนทุกวันจะจำได้ตลอดชีวิต        6. ทั้ง 5 ข้อจะไม่เกิดถ้าไม่ได้ทำ        ถ้าเรานำทฤษฏีนี้มาใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตทั้งในเรื่องส่วนตัวและเรื่องการปฏิบัติงานจะนำไปสู่ความสำเร็จในการดำเนินชีวิตการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของรัฐที่มีปัญหา เกิดจากสาเหตุดังนี้        1. การบริหารงานโดยไม่ใช้หลักธรรมาภิบาล ใช้หลักการเมืองนำการปกครองจึงนำประเทศชาติไปสู่ความล่มสลาย        2. ความไม่เป็นทองแท้ บริหารงานแบบมุ่งเน้นผลประโยชน์ส่วนตน พรรคพวก มากกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติ        3. เมื่อเจอกับปัญหาที่ยาก ท้าทาย รัฐบาลก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึงประเด็นของปัญหาที่่ี่จะพบวิธีแก้ไขอันจะนำไปสู่ความสำเร็จได้ข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาของรัฐบาล มีดังนี้        1. ต้องบริหารงานโดยใช้หลักธรรมาภิบาล ใช้หลักคุณธรรมมาปกครองบ้านเมือง        2. ต้องเป็นทองแท้ คือบริหารงานแบบมุ่งเน้นผลประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน        3. เมื่อเจอปัญหาที่ยากและท้าทาย ต้องกล้าที่จะเผชิญและต่อสู้จนนำพาประเทศชาติไปสู่ความสำเร็จ นักศึกษา รปม.ุร่น 3ณัฐพร  บุญยะรหัส 49038020009   เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมย์ ที่เคารพจากที่เข้าเรียนกับท่านอาจารย์จีระ  หงส์ลดารมย์  ในวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2550  ทำให้ได้รับประโยชน์เป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาของวิชาที่นำมาถ่ายทอดให้แก่นักศึกษา  วิธีการเรียนการสอนที่แปลกใหม่ ที่ไม่มีอาจารย์ท่านใดสอน การจัดโต๊ะเรียนแบบกลุ่มที่เน้นให้นักศึกษาเรียนรู้ร่วมกัน โดยมีการสอนแล้วเปิดประเด็นให้นักศึกษาสอบถาม  ทำให้มีการตื่นตัวตลอดเวลา การจัดบรรยากาศที่ดีในห้องเรียน       ที่สำคัญท่านอาจารย์ยังได้ฝากให้อ่านวิเคราะห์หนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้  ซึ่งเป็นการถ่ายทอดความรู้ของท่านพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมย์ จากการที่ได้อ่านแล้วพบว่า  ท่านพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมย์ เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถมากในการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์มาก โดยท่านพารณฯ ได้นำประสบการณ์จากการทำงานที่บริษัทปูนซีเมนต์ไทยนำมาถ่ายทอดความรู้เพื่อนำมาใช้ประโยชน์  ประโยชน์ที่ได้กับตนเองคือนำวิธีการของท่านพารณฯ และ.ดร.จีระ มาใช้เป็นหลักในสถาบันครอบครัวและในองค์กรที่ปฏิบัติงานอยู่ เช่นนำทฤษฎี 4 L’s ของสองแชมป์ที่แตกต่างกันบนเป้าหมายเดียวกันอันนำไปสู่ความเป็นเลิศ,ทฤษฎี 2 R, ทฤษฎี 8 K’s และกลยุทธ์แบบ WIN WINหลักการบริหารงานทรัพยากรมนุษย์ทั้งของท่านพารณฯ และท่านอาจารย์จีระ  ยังสามารถนำมาเป็นหลักในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของประเทศได้  เช่น กรณีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยเน้น เรื่องการศึกษาเป็นอันดับแรก จะทำให้ประเทศของเราพัฒนาทัดเทียมกับนานาอารยประเทศได้        เป้าหมายในการเรียนวิชานี้  เพื่อจะนำเป็นหลักในการบริหารทรัพยากรมนุษย์  ในการพัฒนาตนเอง พัฒนาองค์กร สังคมและประเทศชาติต่อไปนักศึกษา รปม.ุร่น 3ณัฐพร  บุญยะรหัส 49038020009
นายธนู พุกชาญค้า MPA.3 รหัส 49038010010

เรียน อ.ยม  นาคสุข ขออนุญาติ ส่งงานวันอาทิตย์ ที่ 14 มกราคม 2550

    -  ประเด็นที่ 1 วันนี้เรียนรู้ประเด็นอะไรที่ตนเองสนใจ

        1. เรื่อง Good Governence เรื่อง หลักการบริหารที่ดี ประกอบด้วย

  -  หลักนิติธรรม การใช้กฏหมาย , กฏเกณฑ์ต่างๆ เกิดความเป็นธรรม

 -  หลักคุณธรรม คือ การยึดหมั่นความถูกต้องดีงาม , ความสุจริต

  -  หลักความโปร่งใส  กล่าวคือมีการทำงานที่ตรงไปตรงมา มีข้อมูลข้อท็จจริงที่สามารถตรวจสอบได้

  -  หลักการมีส่วนร่วม  คือการเปิดโอกาสแก่ประชาชนหรือบุคลากรในองค์การมีส่วนในการออกความคิดเห็นและมอบโอกาสด้านการเสนอแนะข้อคิดเห็นต่างๆ

  -  หลักความรับผิดชอบ  การเคารพในสิทธิ , การยอมรับการกระทำต่างๆที่เกิดขึ้นจากตนเองและส่วนรวม

  -  หลักความคุ้มค่า   คือ การใช้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด

1.2  รูปแบบของการเรียนรู้ 

  -  EDUCATION   เป็นการเรียนรู้ที่เน้นไปทางอนาคต 

  -  TRAINING  เป็นการเรียนรู้เรื่องงานปัจจุบันที่เน้นตัวผู้เรียน

  -  DEVELOPMENT  เป็นการเรียนรู้งานที่หลากหลาย

  -  LEARNING  เป็นการบูรณาการความรู้ทั้งหมด  ( Focus All  Longlife Learning)

1.3 แนวทางการสร้างอำนาจ  5  ประการ  1. การให้ 2. การติเตียน 3.เป็นผู้รู้มากกว่า 4. อำนาจอ้างอิง 5. อำนาจทางนิติกรรม

2. การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของรัฐท่านคิดว่ามีปัญหาอะไรบ้าง 3 ข้อ

    2.1  บุคลากรของรัฐไม่ใช้ศักภาพของตนเองอย่างเต็มความสามารถ  เนื่องจากประกอบด้วยหลายๆ ประเด็นดังนี้ 

   2.1.1 การทำงานภาครัฐมีความมั่นคงกว่าภาคเอกชนหากเข้าทำงานแล้วก็ยากที่จะได้ออก การแต่งตั้งหรือโยกย้ายตำแหน่งส่วนใหญ่ก็ตามอาวุฒิโสจึงไม่เกิดแรงจูงใจในการทำงาน

   2.1.2 ถึงทำงานดีแค่ในหากในองค์การยังมีระบบอุปถัมภ์ ก็เท่านั้น

   2.1.3  ข้าราชการขาดการ training ที่ดี ถูกปลูกถ่ายการทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม

   2.1.4   และอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน

2. ยึดติดกับรูปแบบหรือแบบแผนเก่า

 เนื่องจากการทำงาน ระบบราชการแทบทั้งหมดมีระบบการทำงานที่แน่นอน แบบแผนขององค์การ มีความชับซ้อนและล้าช้า ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย และการที่จะเปลียนแปลงก็ไม่สามารถทำได้ด้วยบุคลากรระดับล่างเนื่องจากการตัดสินใจอยู่ที่ผู้บริหารระดับบนทั้งหมด  การทำงานจึงเป็นแบบ TOP - DOWN  ขาดการทำงานแบบ BOTTON - UP  ทำให้บุคลากรขาดทักษะ ในการปฏิบัติหรือสร้างรูปแบบการทำงานใหม่ เนื่องจากไม่สามารถนำมาใช้ได้ หรือเกรงกลัวการถูกตำหนิ

3. ขาดการปฏิสัมพันธ์ที่ดีภายในองค์การ

เนื่องจากการทำงานในระบบราชการนั้นบุคลากรจะขึ้นตรงกับหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งและมีผู้บังคับบัญชาเพียงหนึ่งหรือสองคนเท่านั้น และองค์การราชการเป็นองค์การที่มีขนาดใหญ่ และจำเป็นต้องมีการติดต่อสื่อสารกันตลอดเวลาเพราะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการบริการสาธารณะ หากงานเกิดปัญหาหรือเป็นงานที่ต้องทำร่วมกันก็จะติดขัด เนื่องจากไม่มีการพูดคุยหรือขาดการปฎิสัมพันธ์ที่ดีในองค์การ

3. ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา

  3.1  การแก้ไขเรื่องการใช้ศักยภาพบุคลากรของรัฐ

  3.1.1 สร้างและส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดแรงจูงใจในการทำงาน   เช่น คำชื่มชมของหัวหน้างาน

การตอบแทนผลการทำงานเช่นการมอบประกาศนียบัตรชื่นชมการทำงานที่ดี มอบรางวัลการอุทิศตัวแก่การทำงาน ยกย่องบุคลากรคนนั้นให้แก่ผู้ร่วมงานฟังและให้ประพฤติปฎิบัติเป็นตัวอย่าง  อาจดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ แต่การชื่มชมก็ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่เป็นปัจจัยให้เกิดแรงจูงใจในการทำงานงานเช่นกันแต่ควรชื่นชมให้พองาม  และ การลดการตำหนิที่รุนแรง ควรเปลี่ยนมาให้กำลังใจแทน

  3.1.2. เปิดโอกาสทางความคิดเห็น และโอกาสในการตัดสินใจ 

    เนื่องจากระบบราชการตีกรอบแนวคิด และผู้บริหารไม่เห็นความสำคํญของบุคลากรในปกครอง  จึงทำให้บุคลากรที่มีความสามารถไม่ใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่และไม่เกิดความกระตือรือร้นในการทำงานเพราะต้องคอยแต่ทำตามคำสั่งเพียงอย่างเดียวเป็นเหตุให้ระบบทรัพยากรมนุษย์ในหน่วยงานราชการไม่เกิดการพัฒนา

3.2 การแก้ไขการยึดติดกับรูปแบบดั้งเดิมรูปแบบเก่า

3.2.1 ส่งเสริมและสนับสนุน ให้องค์กรมีการจัดการทรัพยากรมนุษย์ จัดการฝึกอบรม และดูงานให้เกิดการพัฒนาแนวคิดและนำมาประยุกต์ใช้ในองค์กรให้เกิดประโยชน์

3.2.2  เปลี่ยนรูปแบบการทำงานที่คอยแต่ฟังคำสั่งจากข้างบน เพียงอย่างเดียว เป็นให้อำนาจในการตัดสินใจบางเรื่องที่ต้องใช้ความรวดเร็วในการทำงานให้แก่บุคลากรระดับกลางและล่าง

3.2.3   สร้างองค์การเป็นแบบระดมความรู้ความสามารถ ไม่มีคนเก่งเพียงหนึ่งหรือสองคนในองค์กร แต่บุคลากรทุกคนเป็นคนมีความสามารถ

และสร้างประโยชน์แก่องค์การได้ทุกคน

3.3 การแก้ไขปัญหาการขาดปฎิสัมพันธ์ในองค์การ

3.3.1 จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ในองค์การ 

   -   หากจะให้เกิดปฏิสัมพันธ์ที่ดีในองค์การต้องสร้างกิจกรรมที่บุคลากรได้มีการทำงานร่วมกันได้แลกเปลียนทัศนคติที่มี พูดคุยกันในเรื่องที่กว้างขึ้น   ร่วมกันสร้างกรอบแนวทางการทำงาน

                                ขอบพระคุณครับ

             ด้วยความเคารพอย่างหาที่เปรียบมิได้

                    นายธนู   พุกชาญค้า    MPA / 3

.

 

พรยุพา คัมภีรญาณนนท์
เรียน      ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์                  จากบทเรียนและการสอนของอาจารย์ที่สอนในห้องเรียนแล้ว    อีกสิ่งหนึ่งที่อาจารย์ได้ให้แก่นักศึกษาก็คือการเก็บเกี่ยวความรู้ที่ได้อ่านหนังสือ  ทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้  แล้วสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน  และในอนาคต   เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนร่วม  และส่วนตนให้ได้มากที่สุด   และสิ่งที่ได้รับจากการหนังสือเล่มนี้   หากสรุปผิดพลาด   หรือก่อให้เกิดความเสียหายต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้   แต่ถ้าการนำเสนอต่อไปนี้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณชน   ความดีทั้งหมดขอยกให้กับท่าน  ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์    จะได้นำไปพัฒนาระบบ  เปลี่ยนแปลง  เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร ต่อไป                หลังจากอ่านหนังสือ ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้  แล้วได้บทสรุปออกมาของ อาจารย์พารณ  อิศรเสนา ณ อยุธยา   และ  ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์  ซึ่งท่านทั้ง 2  ได้กล่าวถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  โดยเฉพาะเรื่องของคน  ซึ่งรวบรวมประสบการณ์  วิธีการคิด   การทำงาน  รวมถึงทักษะต่าง ๆ   ที่เกิดจากการสะสมประสบการณ์จากการทำงาน   และนำมาพัฒนาทรัพย์กรมนุษย์ เช่น  คน ซึ่งถือว่าเป็นทรัพย์กรที่สำคัญที่สุดขององค์กร หรือเรื่องคัมภีร์คนพันธุ์แท้  จักวาลแห่งการเรียนรู้  คือไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไป  แต่มีอย่างหนึ่งที่สามารถเรียนรู้  และรับมือได้ตามสถานะการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา   แต่ก็มีสูตรเพิ่มผลผลิตซึ่งเป็นแนวคิดในการเรียนรู้ได้ตลอดเวลาและเป็นการต่อยอด  และเป็นการพัฒนาความรู้ให้เพิ่มพูนยิ่งขึ้น  เมื่ออ่านแล้วได้ประโยชน์ต่อตัวเอง  ต่อองค์กรและต่อประเทศชาติ  ดังนี้                1.  ประโยชน์ต่อตัวเอง   ได้มองเห็นภาพรวมที่กล่าวถึงการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ของบริษัทปูนซิเมนฯ  เช่น   มีการวางแผนงานก่อนการดำเนินงานในแต่ละขั้นตอนก่อนลงมือปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งลงไป  การคัดเลือกบุคคลเข้าทำงาน  การพัฒนาคนในการสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงานของพนักงาน  โดยให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าจนก่อให้เกิดความสำเร็จสูงสุดของบริษัท   ซึ่งสามารถนำมาปรับกระบวนการต่าง ๆ เข้ามาสู่ระบบราชการที่ตนเองได้ปฏิบัติอยู่ในปัจจุบัน  ซึ่งมุมมองหลากหลายเหล่านี้  นับว่าเป็นแนวการสอนให้เราเดินทางไปสู่อนาคตได้อย่างมั่นใจเพราะอดีตจะสอนให้คนเดินทางไปข้างหน้าอย่างมีอนาคต                2.  ประโยชน์ต่อองค์กร  จากแนวความคิด  ซึ่งถือว่ามนุษย์เป็นสินทรัพย์ที่สำคัญขององค์กร และสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีการสร้างทีมงานที่ดี  เพื่อก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน   ซึ่งการพัฒนาคน  และการรักษาไว้ซึ่งความดี  ซึ่งเป็นหลักการในการนำพาให้องค์กรเดินหน้าอย่างมีคุณภาพ  โดยการสร้างทีมงาน  การสร้างทีมผู้นำ  ความริเริ่มสร้าง การมีคุณธรรม  จริยธรรม โดยนำมาเป็นแบบอย่างหรือปรับใช้ภายในภาครัฐต่อไป                3.  ประโยชน์ต่อประเทศชาติ   เมื่อประเทศชาติพัฒนาก้าวเข้าสู่ระดับสากล  เป็นที่ยอมรับของต่างประเทศแล้วสิ่งที่ทำให้ประเทศชาติก้าวหน้าไปอีกระดับหนึ่งคือ  คนในชาติต้องมีความรู้รักสามัคคี  มีความจงรักภักดี  มีระเบียบวินัย  การบริหารแบบมีส่วนร่วม  การทำงานเป็นทีม  การพัฒนาการศึกษารูปแบบใหม่ ๆ  Contructionism  การสร้างเด็กไทยก้าวสู่ระดับโลก  ในองค์กรแห่งการเรียนรู้  School that Learn  โรงเรียนแห่งการเรียนรู้ Industry That Learn  อุตสาหกรรมแห่งการเรียนรู้  Nation that Learn  และชาติแห่งการเรียนรู้  พร้อมทั้งเปิดใจยอมรับเรื่องทุกเรื่องเป็นต้น  

                ดังนั้นทรัพยากรมนุษย์จึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุด   เพราะความสามารถของคนที่มีความมุ่งมั่นไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง  ไม่ว่าจะเกิดปัญหา  อุปสรรค  หรือการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ผ่านพ้นไปและประสบความสำเร็จสูงสุด  ส่วนหนึ่งมาจากการเรียนรู้มาจากประสบการณ์ที่สะสมมา  พร้อมพัฒนาใฝ่หาความรู้เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา  และสร้างบรรยากาศในการทำงาน  สอนให้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล  มองไปข้างหน้า   มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ  และมีหลักธรรมาภิบาลเข้ามาเป็นองค์ประกอบในการช่วยตัดสินแก้ไขปัญหาที่สำคัญ ๆ   ได้อย่างไม่ลังเล  ดังนั้นหนังสือ HR   Champions  เปรียบเสมือนคลังสมอง  โดยเฉพาะทฤษฎี 4 L’s   8K’s   และ 2 R’s   ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย

            พรยุพา  คัมภีรญาณนนท์  

รหัสนักศึกษา  49038010034  รปม.3    

Pornyupa_tew @ yahoo.co.th
รักษิณา อิ้วสวัสดิ์
สวัสดีค่ะ ท่าน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ดิฉันรักษิณา อิ้วสวัสดิ์ MPA รุ่นที่ 3 ค่ะ เป็นครั้งแรกที่ดิฉันได้เข้ามาในเว็บไซด์ของอาจารย์ค่ะ ที่ไม่ธรรมดาก็คือ การเข้ามาใน Blog เพื่อส่งงานของอาจารย์ อาจเป็นเพราะไม่เคยส่งงานที่เป็น blog เป็นอะไรที่แปลกใหม่มาก เป็นวิธีการเรียนรู้อีกแบบหนึ่งที่ทันสมัย คือนักศึกษาสามารถเข้ามาแชร์ความรู้ที่ได้จากการเรียน นอกเหนือจากในตำราเหมือนที่เคยเรียนกันมา เป็นการพัฒนาตนเอง เหมือนกับหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ ที่พูดถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ซึ่งเป็นการลงทุนไม่ใช่ต้นทุนขององค์กร จากการอ่านหนังสือที่อาจารย์ได้ถ่ายทอดไว้ สามารถนำไปใช้ได้คือ ประโยชน์กับตัวเอง ประโยคที่ว่า คนเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดในองค์กรเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญสูงสุด นั่นก็คือต้องมีการดูแลเอาใจใส่ ต้องเพิ่มพูนความรู้อยู่ตลอดเวลา การส่งไปอบรม การฝึกทักษะ ทำให้รู้สึกว่า องค์กรดูแลเอาใจใส่ที่จะพัฒนาและให้ความสำคัญกับพนักงาน มากกว่าที่จะเห็นความสำคัญในเรื่องของเงิน หรือผลกำไรของบริษัท เหมือนกับที่คุณพารณได้แสดงออกกับพนักงานผู้น้อยอยู่ตลอดเวลา การซักถามปัญหา การเชิญทานข้าว การไปเยี่ยมครอบครัวของพนักงานว่ามีการกินอยู่กันอย่างไร ซึ่งน้อยมากที่ผู้บริหารจะทำกัน นอกจากทักทายปกติกันในองค์กร และยังได้ทราบถึงวิสัยทัศน์ท่านในการพัฒนาบุคลากรของบริษัทปูนซีเมนต์ ทั้งนี้สามารถนำมาเป็นต้นแบบในการพัฒนาตัวเองได้อีกด้วย ประโยชน์ที่ได้กับองค์กร บริษัทปูนซีเมนต์ไทยเป็นองค์กรที่เห็นความสำคัญของบุคลากรตนเอง เน้นการทำงานเป็นทีม มีการสร้างความผูกพันต่อองค์กร การสร้างแรงจูงใจ และเชื่อมั่นในคุณค่าของคน คนนับวันมีแต่จะเพิ่มคุณค่า แต่เครื่องจักรที่ใช้งานมีแต่จะเสื่อมค่า เสื่อมราคาลงทุกวัน ซึ่งงานทั้งหลายนั้นสำเร็จได้ด้วยคน หากบุคลากรไม่มีความสามารถหรือความจงรักภักดี โอกาสที่จะนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จทำได้ยาก สามารถนำแบบอย่างของบริษัทปูนฯ ไปประยุกต์ใช้กับองค์กรของตนเองได้ ประโยชน์ต่อประเทศชาติ การจะพัฒนาประเทศชาติจะต้องพัฒนาที่คน ซึ่งเป็นหน่วยย่อยขององค์กรก่อน ประเทศชาติไม่ได้ต้องการคนเก่งเพียงอย่างเดียวแต่ต้องการคนที่มีคุณภาพอีกด้วย เทคโนโลยีอย่างเดียวไม่สามารถนำประเทศชาติไปสู่ความเจริญได้ การลงทุนในเรื่องของคนผลตอบแทนอาจจะไม่เห็นได้ในทันที แต่เป็นการสะสมทีละเล็กละน้อย ถ้าบุคลากรในประเทศนั้นได้รับการศึกษาและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ย่อมจะได้เปรียบกว่าประเทศที่ไม่เน้นความสำคัญของคน หากเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นเป้าหมายหลัก ก็เหมือนประเทศได้รับการพัฒนาไปสู่ความเจริญเช่นกัน สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นความรู้ที่ได้รับจากหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ ซึ่งสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเองได้ เป็นการนำร่องก่อนค่ะ และดีใจที่ได้รู้จักคุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา แม้จะรู้จักจากตัวอักษรที่ถ่ายทอดให้อ่าน จากหนังสือเล่มนี้ เป็นปูชนียบุคคลที่น่านับถือและเอาเป็นแบบอย่างค่ะ และขอขอบพระคุณท่านอาจารย์จีระที่ถ่ายทอดความรู้ให้พวกเรา โดยเฉพาะที่อาจารย์มุ่งมั่นสร้าง ชาวราชภัฎ ให้แข็งแกร่ง แม้ว่าชื่อของสถาบันจะไม่อยู่ในอันดับการแข่งขันทางด้านการศึกษาระดับเอเชีย โดยเฉพาะคำว่า ไม่ใช่การต่อยอด แต่เป็น การพลิกพิระมิด รู้สึกภูมิใจที่เป็นศิษย์ชาวราชภัฎค่ะ
เรียน  อาจารย์ ยม   นาคสุข และสวัสดี เพื่อน MPA 3 และชาว Blog ทุกท่าน            

     สำหรับการบ้านอาจารย์ยม  ดิฉันขอแสดงความคิดเห็น ดังนี้   จากบทเรียนของอาจารย์ยมซึ่งท่านเป็นศิษย์ของ ศ.ดร. จีระ ในข้อมูลการสอนของท่านตลอดจนการแสดงความคิดเห็นของท่านผ่าน Blog  

 โดยมีประเด็น 3  ประเด็นคือประเด็นที่ 1  วันนี้  เรียนได้ประเด็นอะไร ที่น่าสนใจ  (ตอบมา  3  ข้อ) 1.หลักบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี Good  Govemance) ด้แก่  หลักนิติธรรม  หลักคุณธรรม  หลักความโปร่งใส   หลักการมีส่วนร่วม  หลักความรับผิดชอบ  และหลักความคุ้มค่า   2 การสร้างอำนาจ 5 อย่าง คือ                         1.      อำนาจสร้างได้โดยการให้  ได้แก่  การให้โอกาส ให้อภัย ให้ความรู้ ให้ความรัก ให้ความเป็นกันเอง ให้เกียรติ ฯลฯ          2.      อำนาจสร้างได้โดยการติเตียน แต่ต้องทำให้ถูกเวลา ถูกสถานที่ และถูกบุคล การติเตียนลูกน้องต้องทำไม่เกิน 3 ครั้ง          3.      อำนาจสร้างได้โดยเป็นผู้รู้มากกว่า เช่นลูกน้องทำงานผิดพลาด ต้องแนะนำในทางที่ถูกทันที เพื่อแสดงให้เขาเห็นว่าเรารู้มากกว่าเขาและควรรู้มากกว่าเขาในหลายๆเรื่อง         4.      อำนาจอ้างอิง  เช่น การที่เราจัดกิจกรรมงานหนึ่งขึ้นมา เราจะต้องเชิญผู้ผู้ว่าราชการของจัดหวัดนั้นมาเป็นประธาน  เพื่อให้ผู้ร่วมงานสนใจและอยากเข้าร่วมงาน                    5.      อำนาจทางนิติกรรม คือการที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่างๆในสายผู้บริหาร ต้องติดประกาศให้ผู้ร่วมงานทราบโดยทั่วกัน3. ความแตกต่างระหว่าง HRD , HRM  คือ  HRD  เป็นส่วนหนึ่งของ  HRMประเด็นที่ 2  การบริหารทรัพยากรของภาครัฐมีปัญญาอะไรบ้าน (ตอบมา 3 ข้อ)1       ระบบการศึกษาของไทยยังไม่มีประสิทธิภาพดี2       ปัจจุบันเยาวชนในประเทศไทยของจริยธรรมในการดำเนินชีวิตที่ดี3       รัฐบาลไม่มีความเข้มแข็งและเด็ดขาดในการบริการจัดการประเทศให้ดีขึ้นประเด็นที่  3  ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาภาครัฐ  (ตอบมา 3 ข้อ)       1.  ควรจะมีการจัดทำนโยบายการปฎิรูปการศึกษา  ให้ทันกับยุคสมัย  โดยการนำเทคโนโลยี่ไปปรับใช้ในการเรียนการสอน  และควรจะให้เด็กได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง  ได้ลองทำและปฎิบัติงานจริงด้วยตนเอง   ไม่ควรจำกัดการเรียนรู้ให้อยู่แต่ในห้องเรียน      2.  ควรจะมีการปลูกฝังจิตสำนึกและจริยธรรมอันดีตั้งแต่เด็กยังไม่ได้เข้ารับการศึกษาโดยเริ่มจากคนในครอบครัวสั่งสอนและเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เด็ก เช่น วันหยุดเปลี่ยนจากการพาเด็กไปห้างให้พาเด็กเหล่านั้นไปทำบุญที่วัด  เด็กจะได้มีจิตใจที่โอบอ้อมอารี  ไม่โตขึ้นไปสร้างปัญหาให้กับคนในสังคม  เพราะว่าไม้อ่อนยังดัดง่ายอยู่      3.  ผู้นำประเทศยุดนี้ควรจะมีความเข้มแข็งและเด็ดขาด และโอบอ้อมอารีมีจิตใจดีอยู่ในคนเดียวกัน เพราะประเทศไทยในยุคปัจจุบันกำลังประสบกับปัญหาความแตกแยกของประชาชนในสังคมและปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ  ผู้นำยุคนี้จะต้องกล้าคิดกล้าตัดสินใจ  แต่ไม่ใช่เผด็จการ  คือประเทศมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นจะต้องรีบคิดและรีบแก้ไขและสั่งการลงมาว่าควรทำอย่างไร  และก็ต้องคิดด้วยว่าถ้าสั่งไปแล้วจะส่งผลกระทบต่อประชาชนมากน้อยแค่ไหน

                                                     

------------------------------------อรณา   ยี่เข่งหอม    รปม.รุ่น 3  รหัสประจำตัว  49038020002[email protected]
นลินธร สื่อเศรษฐสิทธิ์

เรียน  อาจารย์ ยม  นาคสุข

จากที่ได้เรียนในวันที่ 14 มกราคม 2550  อาจารย์ได้มอบหมายงานให้ส่งงานทาง Blog  ดังนี้

ประเด็นที่ 1  วันนี้ เรียนรู้ ได้ประเด็นอะไร ที่ตนเองสนใจ  3  ประเด็น           1.  การสร้างอำนาจ  5  อย่าง

               1.  อำนาจสร้างได้ด้วยการให้

               2.  อำนาจสร้างได้ด้วยการติเตียน  สอนสั่ง

               3.  อำนาจสร้างได้ด้วยการเป็นผู้รู้มากกว่า

               4.  อำนาจสร้างได้ด้วยการอ้างอิง

               5.  อำนาจสร้างได้โดยทางนิติกรรม

           2.  ได้เรียนรู้การประเมินตัวเอง  และการวางแผนชีวิต  ประเมินว่าจะทำอย่างไรกับเวลาที่เหลืออยู่

               1.  การวางแผนในการดำเนินชีวิตให้รัดกุมขึ้น

               2.  การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า

               3.  ชีวิตต้องไม่ประมาท

               ดำเนินชีวิตโดยใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง  สมดุล  และมีเหตุมีผล

           3.  Human  Resource  Management  HRM  การจัดการทรัพยากรมนุษย์ 

               กระบวนการ  HRM

               INPUT  สรรหา  คัดเลือก  บรรจุแต่งตั้ง

               PROCESS  พัฒนา  บำรุงรักษา  ให้ออกจากงาน

               OUTPUT  ประสิทธิภาพ  ความจงรักภักดีประเด็นที่ 2  การบริหารทรัพยากรมนุษย์  ของรัฐ  ท่านคิดว่ามีปัญหาอะไรบ้าง  3  ข้อ

           1.  เรื่องคน  ขาดคุณธรรม  จริยธรรม

           2.  ระบบบริหารจัดการภาครัฐ  ขาดการวางแผน  และติดตามประเมินผล

           3.  การศึกษาที่ล้าหลัง

ประเด็นที่ 3  ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาให้ภาครัฐ  3  ข้อ

           1.  เรื่องทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการส่งเสริมคุณธรรม  จริยธรรม  ทั้งภาครัฐและเอกชน

           2.  ต้องควบคุมและติดตามอย่างต่อเนื่อง

           3.  หลักสูตรของการศึกษา  ต้องปรับปรุงให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก  และมีเป้าหมายที่ชัดเจน

นลินธร  สื่อเศรษฐสิทธิ์  รหัส 49038020015  รปม. รุ่น 3 

 

รักษิณา อิ้วสวัสดิ์
สวัสดีค่ะอาจารย์ยม นาคสุข  ดิฉันรักษิณา อิ้วสวัสดิ์ ดิฉันประทับใจในการสอนของอาจารย์ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเอกสารเกี่ยวกับการวางแผนชีวิต หรือการเล่าเรื่องที่อาจารย์ปฏิบัติเกี่ยวกับผู้ใต้บังคับบัญชา โดยเฉพาะการให้คำแนะนำผู้ใต้บังคับบัญชาเมื่อมีปัญหาแม้ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว เสียดายค่ะที่อาจารย์มาสอนแค่ครั้งเดียว สำหรับงานที่นำเสนออาจารย์มีดังนี้คือ ประเด็นที่ 1 จากการเรียนที่ดิฉันสนใจคือ
  1. การสร้างอำนาจ 5 อย่าง ประกอบไปด้วย อำนาจสร้างได้ด้วยการให้, อำนาจสร้างได้วยการติ ซึ่งจะต้องให้ถูกเวลา สถานที่ และบุคคล, อำนาจสร้างได้ด้วยการเป็นผู้รู้มากกว่า คือ ติแล้วต้องสอนด้วยความรู้ที่เราทราบหรือมีมากกว่า, อำนาจสร้างด้วยการอ้างอิง, อำนาจทางนิติกรรม
ซึ่งอำนาจทั้ง 5 ต้องสร้าง ต้องรักษาและใช้อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง จะทำให้เกิดความศรัทธาและบารมีต่อมา
  1. หลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี ซึ่งเป็นหลักบริหารที่ภาครัฐใช้อยู่ ได้แก่ หลักนิติธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า
    3. รื่องกิจกรรมการวางแผนชีวิต  ทำให้รู้จักการวางแผนการดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมทั้งยังเตือนสติไม่ให้ตั้งตนอยู่ในความประมาท  ประเด็นที่ 2 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐมีปัญหาอะไรบ้าง 1. เนื่องจากภาครัฐยังยึดติดการบริหารในรูปแบบเดิม เป็น   ระบบอุปถัมภ์ ยึดติดอยู่กับตำแหน่ง มีขั้นตอนการทำงานที่ยุ่งยาก มีระเบียบและกฎเกณฑ์มากเกินไป2.    ไม่ได้ส่งเสริมให้บุคลากรพัฒนาตนเองให้ทันกับเทคโนโลยี คือมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยแต่บุคลากรใช้ไม่เป็น หรือ ขาดแคลนบุคลากรในสายวิชาชีพ เช่น แพทย์ นักวิชาการคอมพิวเตอร์ วิศวกร ฯลฯ3.    ไม่ทำงานกันเป็นทีม เกี่ยงกันทำงาน หรือถ้าทำก็มีลักษณะแย่งกันทำงานแบบเอาหน้า ความคิดเห็นไม่สอดคล้องกันประเด็นที่ 3 ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาในภาครัฐ1.    ลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน ไม่กุมอำนาจไว้ที่ผู้บังคับบัญชาเพียงผู้เดียว มีการกระจายอำนาจให้รับผิดชอบการปฏิบัติหน้าที่2.    มีการพัฒนาบุคลากรส่งไปอบรม พัฒนาทักษะ ให้เหมาะสมกับตำแหน่ง และให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย3.     เปิดใจยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น มีสร้างทีมงาน มีการติดตามงานและประเมินผล และใช้หลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการแก้ปัญหาสรุปก็คือ รัฐบาลจะต้องมีนโยบายที่ชัดเจน ไม่ยึดติดกับรูปแบบเก่าโดยเฉพาะการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เป็นการสร้างรากฐานเป็นอันดับแรกเพราะ คน คือ ทรัพยากรที่มีคุณค่ามากที่สุดและปัจจัยสำคัญในการพัฒนาองค์กรในอนาคต สุดท้ายนี้ดิฉันขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ยม  นาคสุข ที่ได้ให้เกียรติมาบรรยายและแนะแนวทางทั้งในเรื่องปฏิบัติงาน และการพัฒนาตนเอง และจะนำความรู้ที่ได้ไปปรับปรุงตนเองต่อไปในอนาคต ขอขอบพระคุณค่ะ
ยม "MPA ที่สวนสุนันทาฯ ตามที่ขอมา คำแนะนำในการเขียน Blog"
สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ /นักศึกษา MPA สวนสุนันทาฯ ทุกท่าน  

โดยรวม นักศึกษาตั้งใจเขียนข้อความลง blog ได้ดี  แต่ถ้าปรารถนาจะปรับปรุงให้ดีขึ้น หรือหาความรู้จากคำแนะนำของผม ไว้พัฒนาการเขียนของตนเองในอนาคต ผมจะแชร์ความรู้ให้ดังนี้ ครับ

  

จากการอ่านบทความจาก 41 ท่าน อย่างคร่าว ๆ 1 รอบ พบว่า นักศึกษาบางท่านอาจจะเป็นเป็นกังวล  เพราะเป็นการเขียนครั้งแรกในชีวิต 

บางท่าน อาจจะไม่ได้เลือกหัวข้อที่จะเขียน  ในสิ่งที่ตัวเองมีพื้นความรู้ อาจจะเขียนตาม ๆ กัน หลายท่านอาจจะไม่ได้วางแผนการเขียน คือต้องการเขียนแบบรวดเดียวให้จบ หมดภาระกันไป  ทำให้บทความบางท่านขาดสาระสำคัญ ขาดการเชื่อมโยงความคิดต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ยังกระโดดไปกระโดดมา เขียนซ้ำความหมายแต่ใช้คำต่างกัน  

และเนื่องจากยังมีประสบการณ์น้อยในเรื่องการเขียน Blog จึงทำให้ข้อความของแต่ละย่อหน้ายาวเกินไป  มีหลายท่านที่ไม่มีการขีดเส้นใต้หรือเน้นสีสรรข้อความที่ต้องการจะเน้น  ใช้ประโยคยาว ไม่กระชับ บางประโยคยังกำกวม  

บางท่านอาจจะรีบ จึงอาจจะไม่ได้ตรวจบทความ ทั้งสามกระบวนการ คือการเปิดประเด็น การเดินเรื่อง และการสรุป ว่าดำเนินได้ดีหรือไม่ สำนวนจึงไม่ได้แก้ให้กระชับ   การเขียนคำสรุป  เสนอแนะจึงควรต้องปรับปรุง   แต่ก็มีหลายท่านครับ เขียนมาได้น่าสนใจ  เช่น

วรวรรณ  ส่องพลาย ศรีปัญญา วัชนาค  นันทพร สิงห์ตุ่ย  สุภาภรณ์ สุขเกษม  พรกมล สมวงศ์  เปรมหทัย พึ่งบุญ ณ อยุธยา  สมธนิษฐ์ มงคลชาติ  วอชิรญา ผูกมี  ส.ท.ต่อตระกูล ศรีลาภา  พรกมล สมวงศ์ พ.ท.ธีรชัย ไชยมะโน ปราณีต น่วมเปรม  นางเสาวรส แสนสุข  จ่าเอกสราวุฒิ นวมน้อย   มยุเรศ เชยปรีชา  วิไลวรรณ วิไลเลิศ  ปริญญา รื่นเสือ  นายพิพัฒน์ อรรถเอี่ยม  นายประเชิญ คำมี  กิตติศักดิ์ ดวงแก้ว  อรณา ยี่เข่งหอม และอีกหลายท่าน ที่ไม่อาจไม่ได้ใส่ชื่อ ในนี้ เนื่องจาก ยังอ่านไม่หมด

   

อย่างไรก็ตาม หากนักศึกษาต้องการพัฒนาฝีมือการเขียนให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น ผมแนะนำ แชร์ประสบการณ์เรื่องการเขียน ข้อความลงใน blog ดังนี้ 

  

การเขียนข้อความลงใน blog คล้าย ๆ กับเราเขียนบทความ  สั้น ๆ  เป็นความเรียงที่มีลักษณะพิเศษ เป็นความเรียงที่เขียนขึ้นโดยมีพื้นฐานข้อเท็จจริง ที่เราเรียนรู้ มีมูลเหตุมาจากเรื่องราวในห้องเรียน ประสบการณ์  ความรู้ ศาสตร์อื่น ๆ ที่ผู้เขียนสามารถสอดแทรกข้อเสนอแนะเชิงวิจารณ์ หรือเชิงสร้างสรรค์ไว้ตอนท้ายได้  

  คนที่จะเขียนบทความ ข้อความลงบล็อก ได้ดี มักมีคุณสมบัติดังนี้
  1. ต้องมีความตั้งใจ และกล้าที่จะเขียน
  2. ต้องเต็มใจ และยินดีที่จะทำงานหนัก
  3. ต้องรู้และปฏิบัติตามแนวทางบางอย่าง
  ประโยชน์ของการเขียน blog
  1. ช่วยบุคคลอื่นที่มีความสนใจคล้ายคลึงกัน หรือเพื่อนร่วมอาชีพ ให้มีความรู้มากยิ่งขึ้น หรือให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
  2. ช่วยสร้างภาพพจน์ที่ดีให้กับหน่วยงาน สถาบัน หรือบริษัทที่ตนสังกัดอยู่
  3. ยกระดับฐานะทางอาชีพ และ
  4. สร้างความก้าวหน้าให้แก่ตนเอง
  5. เพิ่มพูนความรู้ของตนให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น (ในกรณีที่เขียนบทความที่ต้องมีการค้นคว้าเพิ่มเติมมากๆ)
  6. สามารถบูรณาการเพิ่มรายได้ ได้จากการเขียนด้วย
  จุดมุ่งหมายในการเขียน

  1. เพื่ออธิบายหรือให้ความรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่ง
  2. เพื่อพรรณา ทำให้ผู้อ่้าน อ่านได้เข้าใจ เป็นประโยชน์ หรือให้ผู้อ่านเห็นภาพของสิ่งของ สถานที่หรือความเป็นอยู่
  3.  เพื่อ ชักชวน ให้ผู้อ่านคล้อยตามความคิดของผู้อื่น
  4. เพื่ออธิบายในข้อปัญหาต่างๆ และชักนำให้ผู้อ่านเห็นด้วยและปฏิบัติตาม

ลักษณะของ การเขียนข้อความ ลงใน blog ที่ดี
  1. น่าสนใจ มีเนื้อหา สาระ ยกตัวอย่างสอดคล้องกับเหตุการณ์ใหม่กำลังเป็นที่น่าสนใจของคนทั่วไป
  2. มีหลักฐานอ้างอิง พิสูจน์ได้
  3. มีขนาดกะทัดรัด สั้นกระชับ ใช้ภาษาง่ายๆถูกต้องตามหลัดภาษา
  4. ผู้เขียนเข้าใจปัญหาที่มาของเรื่องอย่างละเอียดชัดเจนโดยตลอด
  5. มีวิธีการเขียนน่าสนใจ น่าติดตาม ไม่หนักเชิงวิชาการหรือเบาจนไร้สาระจนเกินไป  กล่าวชมผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้กำลังใจ เอ่ยถึงบุคคลสำคัญ เพื่อน ๆ เป็นต้น
 9 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จ ในการเขียนบทความลง Blog 
  1. อย่าเป็นกังวล คนทุกคนเขียนบทความกันได้ทั้งนั้นหากจะไม่ไปกังวลกับมันมากเกินไปนัก
  2. ลือกหัวข้อที่จะเขียน บทความที่ดีก็คือ บทความที่สามารถอธิบายบางสิ่งบางอย่างที่ให้ประโยชน์ในแง่ใดแง่หนึ่งแก่ผู้อ่าน เช่น ให้ความรู้รอบตัว ให้ความรู้ที่นำไปใช้งานได้ ให้แนวความคิดที่น่าสนใจ เป็นต้น
  3. วางแผนก่อน จุดนี้สำคัญมากสำหรับนักเขียนมือใหม่ การเขียนบทความนั้นไม่ยากนัก แต่มักจะมายากเอาตรงที่ไม่รู้จะเริ่มต้นเขียนอย่างไร เพราะใจมัวแต่กังวล                                           ในแต่ละหัวข้อย่อยอาจจะมีใจความสำคัญที่ต้องการใส่ลงไป อาจเขียนออกมาเป็นท่อนๆ ก็ได้ คือ นึกจุดสำคัญหรือประโยคสำคัญอะไรได้ก็จับใส่ลงไปก่อน                                                จากนั้นจึงค่อยมาจัดเรียงลำดับหัวข้อย่อยเหล่านั้น (ลำดับแผ่นกระดาษ) และประโยคสำคัญเหล่านั้นตามลำดับความต่อเนื่องที่ควรจะเป็น เช่น หัวข้อไหนควรอยู่ก่อนจึงจะอ่านเข้าใจง่าย                                           ข้อสำคัญคือ ไม่ควรเอาส่วนปลีกย่อยขึ้นก่อน เพราะผู้อ่านจะเบื่อเร็ว ควรจะเอาหัวข้อที่กล่าวรวมๆ ขึ้นมาก่อน แล้วเก็บหัวข้อที่เน้นรายละเอียดเอาไว้ทีหลัง อย่าลืมว่าเนื้อเรื่องต้องเรียงลำดับต่อเนื่องกัน เพื่อให้ผู้อ่านลำดับความคิดและติดตามเรื่องได้ง่ายขึ้น               ถึงขั้นนี้ก็เหลือเพียงแต่ใส่รายละเอียดลงไปในแต่ละหัวข้อ และเพิ่มคำนำในตอนต้นเรื่องสักหน่อยก็เรียบร้อยแล้ว
  4. ไม่ต้องเขียนรวดเดียวจบ ถ้าไม่ใช่นักเขียนอาชีพจริงๆ แล้ว ยากที่จะเขียนให้จบรวดเดียวได้ ควรเขียนเพียงครั้งละ 1 หรือ 2 หัวข้อที่สำคัญก็พอ            อาจเขียนแต่ละหัวข้อแยกกระดาษกันคนละแผ่นเลยก็ได้ แล้วขยายแนวความคิดของแต่ละหัวข้อย่อยลงไปบนกระดาษ ไม่จำเป็นต้องเขียนเรียงตามลำดับหัวข้อ หัวข้อไหนที่ยากหรือยังนึกไม่ออกว่าจะเขียนอย่างไรก็เก็บไว้ก่อน
  5. เชื่อมโยงความคิดต่าง ๆ เข้าด้วยกัน หลังจากเขียนเนื้อความของหัวข้อสำคัญๆไปแล้ว ให้จัดเรียงกระดาษตามลำดับหัวข้อที่ได้วางแผนมาก่อน ลองอ่านทานดูว่ายังขาดข้อความอะไรมาเชื่อมโยง                                   แต่ละหัวข้อเข้าด้วยกันหรือไม่ ถ้ายังขาดอยู่ก็อาจเพิ่มข้อความหรือเพิ่มหัวข้อเข้ามาอีก ให้ข้อความของแต่ละหัวข้อสัมพันธ์กัน ไม่ใช่ไปกันคนละเรื่อง ในการนี้อาจจะต้องเพิ่มหรือเปลี่ยนแปลงประโยคในตอนต้นหรือตอนท้ายของแต่ละหัวข้อไปบ้าง
  6. ไม่ควรให้ข้อความของแต่ละย่อหน้ายาวเกินไป ถ้ายาวมากไป สายตาผู้อ่านจะล้าเร็ว ยิ่งถ้ายาวมากๆ กว่าผู้อ่านจะกลั้นลมหายใจอ่านจนจบได้ก็แทบหน้ามืดตาลาย โดยทั่วไปอาจถือเป็นเกณฑ์หยาบๆ ได้ว่าแต่ละย่อหน้าไม่ควรยาวเกินกว่า 5 บรรทัด                    ถ้าเขียนบทความเสร็จแล้วพบว่ามีท่อนใดที่ยาวเกินไปลองอ่านทานดูซิว่ามีช่วงใดที่พอจะตัดตอนให้ขึ้นย่อหน้าใหม่ได้หรือไม่
  7. ขีดเส้นใต้หรือข้อความที่ต้องการจะเน้น แต่ไม่ควรเน้นมากเกินกว่าที่จำเป็นจริงๆ มิฉะนั้นผู้อ่านจะรำคาญ
  8. ใช้ประโยคกระชับ ไม่กำกวม พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ประโยคยาวๆ ที่ดูยืดยาด และประโยคซ้อนประโยคที่อาจทำให้เข้าใจความหมายผิดไป ตัวอย่างเช่น “....นักเรียนส่วนใหญ่รู้สึกว่าไม่อยากเรียนหนังสือที่ยุ่งยากซับซ้อนจนทำให้เขาต้องตกชั้น....” ประโยคนี้ผู้อ่านอาจตีความหมายได้ 2 อย่างคือ นักเรียนส่วนใหญ่ตกชั้นเพราะรู้สึกไม่อยากเรียนหนังสือที่ยุ่งยากซับซ้อน หรือ นักเรียนรู้สึกว่าไม่อยากเรียนหนังสือที่ยุ่งยากซับซ้อนซึ่งอาจทำให้เขาตกชั้น ดังนั้น เมื่อพบว่ามีประโยคกำกวมเช่นนี้ ก็จะต้องทำให้ชัดเจนขึ้น 
  9. ตรวจชื่อบทความและข้อความนำเรื่อง ถ้ายังตั้งชื่อบทความและเขียนข้อความในช่วงต้นๆเรื่องยังไม่เรียบร้อยดี ก็ให้ย้อนกลับไปใหม่ ผู้เขียนบางท่านอาจเขียนส่วนนี้ก่อน แต่บางท่านก็สะดวกที่จะเขียนทีหลังสุด
  10. แก้สำนวน ในขั้นนี้ต้องทำใจเป็นผู้อ่านให้ได้ ลองอ่านทบทวนบทความของท่านให้ตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ ดูว่าเนื้อหาพุ่งเข้าหาเป้าหมายตรงจุดหรือไม่ มีสำนวนที่อ่านแล้วกำกวมหรือไม่       มีศัพท์บางคำหรืออักษรย่อบางตัวที่ผู้อ่านจะไม่เข้าใจบ้างหรือไม่ ซักตัวเองไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแก้ไขได้บทความที่คิดว่าคลุมเครือน้อยที่สุด ถ้าไม่แน่ใจตัวเอง ลองขอให้เพื่อนสักคนหนึ่งซึ่งรู้เรื่องนั้นน้อยกว่ามาลองอ่านดู ดูซิว่าเขาสามารถเข้าใจได้ตลอดทั้งเรื่องหรือไม่ ถ้าไม่ ก็ลองหาทางแก้ไขให้ดีขึ้น
  11. เขียนคำสรุป เสนอแนะ ไม่จำเป็นต้องขึ้นหัวข้อย่อยอีกอันว่าสรุปหรอก เมื่อใดที่เนื้อหาหมดแล้วก็นั่นแหละที่สิ้นสุดบทความแล้ว อันที่จริงข้อความที่คุณคิดจะสรุปนั้นควรจะใส่ในข้อความนำตอนต้นเรื่องไปหมดแล้ว

หวังว่าข้อมูลที่ให้ไป จะเป็นประโยชน์กับนักศึกษาทุกคน

โชคดีครับ

ยม

081-9370144  

[email protected] 

 http://gotoknow.org/portal/yom-nark

 
     สวัสดีค่ะ  ท่านอาจารย์จีระ  หงส์ลดารมภ์  จากการอ่านหนังสือเรื่องทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้  ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการที่จะพัฒนาตนเองให้มีความรู้ความสามารถและเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา  เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงานให้ตนเอง  และมีส่วนร่วมในการพัฒนาองค์กรและประเทศต่อไป  เนื่องจากความรู้ที่ได้จากการศึกษาประสบการณ์การทำงานของ  คุณพารณ  อิศรเสนา ณ อยุธยา  และท่านอาจารย์จีระ  หงส์ลดารมภ์  (ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้)  ที่ท่านททั้งสองต่างมุ่งมั่นเรื่องการบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  เพราะเห็นว่าทรัพยากรมนุษย์ไม่เพียงแต่เป็นทรัพย์สินของประเทศและองค์กร  แต่เป็นคุณภาพความเป็นเลิศที่จะทำให้ลูกค้าพึงพอใจ  ย่อมต้องขึ้นอยู่กับยุทธศาสตร์  การเตรียมทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ  และการพยายามใช้ศักยภาพของคนเหล่านั้นให้มากที่สุด  ปัจจุบันโลกได้เปลี่ยนแปลงจากระบบการการผลิตจากภาคเกษตรสู่ภาคอุตสาหกรรม  และภาคบริการ  จึงต้องมุ่งเน้นการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในเชิงการแข่งขัน  มีคุณภาพและเป็นสากลมากขึ้น  โดยจะต้องมองเรื่องทรัพยากรมนุษย์เป็นยุทธศาสตร์มากขึ้น  แทนที่จะเป็นงานบริหารบุคคลแบบเดิม  ซึ่งจะต้องดำเนินการในเชิงกลยุทธ์  ดังนี้        1.  องค์กรและผู้นำจะต้องมีปรัชญาในการบริหาร  โดยเน้นคนเป็น  สำคัญ  หรือหาวิธีปลูกฝังปรัชญานี้ให้เกิดขึ้น      2.  จะต้องมีวิสัยทัศน์   วางแผนคนให้สอดคล้องกับอนาคตของธุรกิจอีก 10 ปี  หรือยาวกว่านั้นว่าจะเป็นอย่างไร  จะมีแนวโน้มอย่างไร  จะเตรียมบุคลากรอย่างไร  จะดูแลหรือสร้างทรัพยากรมนุษย์  และเก็บรักษาอย่างไร      3.  การลงทุนในการสร้างศักยภาพของคน  น่าจะสร้างองค์กรเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้  คือ  ให้การพัฒนาคนทุกระดับอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน  ทั้งในด้านวิธีการการบริหารจัดการ  การสร้างค่านิยม  งบประมาณและเวลาที่เพียงพอโดยให้ความรู้ที่ทันสมัย  รวมทั้งต้องมีการสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยกับการเรียนรู้      4.  การเพิ่มผลิตผลที่มีคุณภาพให้องค์กร  คนจะต้องได้รับแรงจูงใจให้มีอิสรภาพในการทำงาน  ให้ความพอใจระบบเศรษฐกิจเสรี   ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นค่าตอบแทนอย่างเดียวเท่านั้น      5.  ต้องตอบคำถามว่าจะมีการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาสนับสนุนการทำงานหรือไม่      6.  เรื่องของคุณภาพชีวิต  จะต้องให้คนมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี  มีครอบครัวที่อบอุ่น  มีคุณภาพชีวิตที่ดี  การทำงานและการดำรงชีวิตจะต้องไปด้วยกัน      7.  ต้องสร้างบุคลากรให้เข้าไปสู่สังคมโลกาภิวัฒน์ให้ได้ด้วยการสร้างความรู้เกี่ยวกับภาษาต่างประเทศ  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ภาษาอังกฤษ  การวิเคราะห์วิจัย  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ       ทั้งนี้  ความสำเร็จของทรัพยากรมนุษย์น่าจะวัดได้จากผลลัพธ์  ว่าธุรกิจขยายตัวได้ดีอย่างยั่งยืน  มีมูลค่าเพิ่มขึ้น  พนักงานมีความสามรถบนพื้นฐานของการมีคุณภาพชีวิตที่ดีและสังคมประเทศชาติได้ประโยชน์จริง ๆ จากภาคธุรกิจ  ดังตัวอย่างความสำเร็จของเครือซิเมนต์ไทย  ที่สามารถขยายกิจการเพิ่มขึ้นหลายสิบบริษัท  โดยที่แทบจะไม่ได้จ้างพนักงานระดับสูงจากภายนอกเลย       การศึกษาการบริหารทรัพยากรมนุษย์จากประสบการณ์การทำงานของคุณพารณ   อิศรเสนา ณ อยุธยา  และท่านอาจารย์จีระ  หงส์ลดารมภ์  (ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้)  ทำให้ได้เรียนรู้ว่าการบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในระดับประเทศหรือภาครัฐ  และในระดับองค์กรหรือภาคเอกชนให้ประสบผลสำเร็จนั้น   องค์กรจะต้องมุ่งมั่น  ซึ่งปัจจัยที่จะไปสู่ความสำเร็จมีความสลับซับซ้อน  และบางครั้งอาจจะต้องปรึกษาผู้รู้ข้างนอกหรือแสวงหาความคิดใหม่ ๆ แปลก ๆ ตลอดเวลา 
     สวัสดีค่ะ  ท่านอาจารย์จีระ  หงส์ลดารมภ์  และท่านอาจารย์ยม  นาคสุข  จากการเรียนเมื่อวันที่  14  มกราคม  2550  วิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์  มีประเด็นสำคัญในการเรียนมากมาย  ซึ่งสรุปได้ดังนี้      ประเด็นที่น่าสนใจ  มี  3  ประเด็น  คือ     1.  แนวความคิดเกี่ยวกับ  HRM  ซึ่งในยุคดั้งเดิม  การบริหารทรัพยากรมนุษย์นั้นจะเปรียบคนเป็นเครื่องจักร  ในยุคต่อมาคนเป็นทรัพยากร  และในยุคใหม่คนเป็นทรัพย์สินขององค์กร  เพราะคนมีทุนด้านปัญญา  ความรู้  ความสุข      2.  ความหมายของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ  หมายถึง  การพัฒนาระบบราชการไทยให้มีความเป็นเลิศ  สามารถรองรับกับการพัฒนาประเทศในยุคโลกาภิวัตน์  โดยยึดหลักธรรมาภิบาลและประโยชน์สุขของประชาชน  และปัญหาขององค์กร  มี  2  เรื่อง  คือ  เรื่องระบบ  และเรื่องคน ( HRM )  การแก้ไขปัญหาจึงต้องทำ  2  เรื่องดังกล่าวให้สมดุลกัน    3.  กระบวนการ  HRM  คือ  สรรหา  พัฒนา  บำรุงรักษา  และให้ออกจาก  กล่าวคือ           สรรหา  คือ  การคัดเลือกและบรรจุแต่งตั้งบุคคลเข้าทำงาน  ตลอดจนการกำหนดค่าตอบแทนด้วย          พัฒนา  คือ  การฝึกอบรม  หรือเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงาน         บำรุงรักษา  คือ  การสร้างขวัญและกำลังใจ  และการให้สวัสดิการ           ให้ออกจาก  คือ  ประสิทธิภาพ  และความจงรักภักดีต่อองค์กร     ปัญหาของรัฐ   ปัจจุบันระบบราชการหรือข้าราชการประสบปัญหา  โดยมีสาเหตุ  ดังนี้           1.  ขาดความพร้อม  ในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน    2.  ขาดความรู้  ในการทำงานตามระบบการบริหารจัดการแนวใหม่    3.  มีวัฒนธรรมองค์กรแบบเดิม  ไม่บูรณาการ    4.  การพัฒนาข้าราชการ  ไม่สนองความเปลี่ยนแปลง     ข้อเสนอแนะ  การแก้ไขและป้องกันปัญหาของรัฐนั้นต้องใช้หลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี  โดยยึดหลักดังนี้    1.  หลักนิติธรรม   คือ  การใช้กฎระเบียบ  กฎหมาย    2.  หลักคุณธรรม  คือ  ความถูกต้องเป็นธรรม    3.  ความโปร่งใส  คือ  ตรวจสอบได้    4.  การมีส่วนร่วมในการบริหารองค์กร  เช่น  การกำหนดจริยธรรมในองค์กรร่วมกัน    5.  ความรับผิดชอบร่วมกัน    6.  ความคุ้มค่า  หรือการได้รับผลตอบรับที่ดีต่อองค์กรและได้ประโยชน์ต่อส่วนรวม
     สวัสดีค่ะ  ท่านอาจารย์จีระ  หงส์ลดารมภ์  และท่านอาจารย์ยม  นาคสุข  จากการเรียนเมื่อวันที่  14  มกราคม  2550  วิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์  มีประเด็นสำคัญในการเรียนมากมาย  ซึ่งสรุปได้ดังนี้      ประเด็นที่น่าสนใจ  มี  3  ประเด็น  คือ     1.  แนวความคิดเกี่ยวกับ  HRM  ซึ่งในยุคดั้งเดิม  การบริหารทรัพยากรมนุษย์นั้นจะเปรียบคนเป็นเครื่องจักร  ในยุคต่อมาคนเป็นทรัพยากร  และในยุคใหม่คนเป็นทรัพย์สินขององค์กร  เพราะคนมีทุนด้านปัญญา  ความรู้  ความสุข      2.  ความหมายของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ  หมายถึง  การพัฒนาระบบราชการไทยให้มีความเป็นเลิศ  สามารถรองรับกับการพัฒนาประเทศในยุคโลกาภิวัตน์  โดยยึดหลักธรรมาภิบาลและประโยชน์สุขของประชาชน  และปัญหาขององค์กร  มี  2  เรื่อง  คือ  เรื่องระบบ  และเรื่องคน ( HRM )  การแก้ไขปัญหาจึงต้องทำ  2  เรื่องดังกล่าวให้สมดุลกัน    3.  กระบวนการ  HRM  คือ  สรรหา  พัฒนา  บำรุงรักษา  และให้ออกจาก  กล่าวคือ           สรรหา  คือ  การคัดเลือกและบรรจุแต่งตั้งบุคคลเข้าทำงาน  ตลอดจนการกำหนดค่าตอบแทนด้วย          พัฒนา  คือ  การฝึกอบรม  หรือเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงาน         บำรุงรักษา  คือ  การสร้างขวัญและกำลังใจ  และการให้สวัสดิการ           ให้ออกจาก  คือ  ประสิทธิภาพ  และความจงรักภักดีต่อองค์กร     ปัญหาของรัฐ   ปัจจุบันระบบราชการหรือข้าราชการประสบปัญหา  โดยมีสาเหตุ  ดังนี้           1.  ขาดความพร้อม  ในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน    2.  ขาดความรู้  ในการทำงานตามระบบการบริหารจัดการแนวใหม่    3.  มีวัฒนธรรมองค์กรแบบเดิม  ไม่บูรณาการ    4.  การพัฒนาข้าราชการ  ไม่สนองความเปลี่ยนแปลง     ข้อเสนอแนะ  การแก้ไขและป้องกันปัญหาของรัฐนั้นต้องใช้หลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี  โดยยึดหลักดังนี้    1.  หลักนิติธรรม   คือ  การใช้กฎระเบียบ  กฎหมาย    2.  หลักคุณธรรม  คือ  ความถูกต้องเป็นธรรม    3.  ความโปร่งใส  คือ  ตรวจสอบได้    4.  การมีส่วนร่วมในการบริหารองค์กร  เช่น  การกำหนดจริยธรรมในองค์กรร่วมกัน    5.  ความรับผิดชอบร่วมกัน    6.  ความคุ้มค่า  หรือการได้รับผลตอบรับที่ดีต่อองค์กรและได้ประโยชน์ต่อส่วนรวม
นายพิพัฒน์ อรรถเอี่ยม

รายงานอาจารย์ ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมณ์ 

        สวัสดี อาจารย์ จีระ หงส์ดารมณ์  สวัสดีอาจารย์ยม  นาคสุข  กระผมนายพิพัฒน์  อรรถเอี่ยม  นักศึกษา MPA มหาวิทยาลัยราชัฏสวนสุนันทา รหัส 49038010026  นับว่ากระผมและเพื่อนนักศึกษาทุกคน โชคดีมากที่มีโอกาสได้เรียนกับอาจารย์ทั้งสองท่าน  ซึ่งเป็นการปฏิวัติการเรียนในรูปแบบใหม่  โดยนำเอาทฤษฎี 4Ls มาใช้ซึ่งกระผมและเพื่อนบางคนไม่เคยสัมผัสมาก่อน  ตอนแรกรู้สึกแปลก ๆ แต่พอปรับตัวเข้าได้ก็รู้สึกดี  ทำให้มีการตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาทำให้ฝึกสมองให้สามารถคิดได้เร็วยิ่งขึ้น  ส่วนอาจารย์ยมนั้นสไตล์การสอนก็ได้ลอกเรียนแบบมาจากรอาจารย์ จีระเลย นั้นแสดงถึงความศรัทธาที่มีต่ออาจารย์ อันเป็นคุณสมบัติที่ดีของคนไทยอยู่แล้ว  คือมีความกตัญญูรู้คุณต่ออาจารย์  ผู้ที่ปฏิบัติเช่นนี้ย่อมมีความเจริญรุ่งเรืองในทุกๆสิ่งทุกๆ อย่าง  ผมขอถือโอกาสนี้อวยพรวันครู  แด่อาจารย์ทั้งสองท่าน  เลยครับ ขอความเป็นมหามงคลอันสูงสุด  จงสำเร็จแด่ อาจารย์ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมณ์  อาจารย์ยม  นาคสุข และครอบครัววงษ์ตระกูลทุกท่านด้วยเทอญ  ขอความเป็นมหามงคลอันสูงสุด  จงสำเร็จแด่ อาจารย์ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมณ์  อาจารย์ยม  นาคสุข และครอบครัววงษ์ตระกูลทุกท่านด้วยเทอญ   ขอความเป็นมหามงคลอันสูงสุด  จงสำเร็จแด่ อาจารย์ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมณ์  อาจารย์ยม  นาคสุข และครอบครัววงษ์ตระกูลทุกท่านด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมธามิ        จากบทเรียนที่ได้เรียนในวันที่ 14 มกราคม 2550 นั้น อาจารย์ยม นาคสุข ได้รับมอบหมายให้มาสอนนักศึกษา MPA มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ในเรื่องการบริหารทรัพยากรมนุษย์พันธ์ใหม่ ซึ่งผมสนใจในวิชานี้มาก  เนื่องจากทำธุรกิจส่วนตัวรับเหมาก่อสร้าง  ซึ่งต้องใช้คนในการดำเนินธุรกิจเป็นส่วนใหญ่คือต้องใช้แรงงาน  ปัจจุบันแรงงานก่อสร้างขาดการฝึกอบรม  ขาดการเอาใจใส่จากภาครัฐ  ทำกันแบบพอผ่าน คุณภาพของงานออกมาไม่ดี  ทำให้งานล่าช้า  เกิดความเสียหาย  แรงงานมีการเปลี่ยนที่ทำงานบ่อย  การอบรมก็ได้แต่สอนเรื่องการทำงานอย่างเดียว  ไม่มีโอกาสได้อบรมเป็นกลุ่มใหญ่  สอนกันตัวต่อตัวเหมือนเด็กหัดใหม่  พอเปลี่ยนคนใหม่ก็กลับมาสอนกันใหม่ เป็นอย่างนี้ตลอดประกอบกับผมขาดความรู้  ประสบการณ์ที่จะไปอบรมเขาเหล่านั้นได้  เมื่อมีโอกาสได้มาเรียนวิชานี้ก็จะเอาความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอด  อบรม ให้กับแรงงานเหล่านี้เพื่อให้เป็นแรงงานที่มีคุณภาพเท่าที่กระผมจะทำได้ต่อไป        สิ่งที่ได้เรียนรู้มาและประเด็นที่สนใจดังนี้ประเดนที่ 1 สิ่งที่ได้เรียนรู้และสนใจใน 3 เรื่อง1.  ทุกอย่างในโลกล้วนมีการเปลี่ยนแปลง  ต้องปรับเปลี่ยนให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปดังนี้   สัตว์ในโลกที่ไม่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของโลกได้สูญพันธ์ไปแล้ว  เช่นไดโนเสาร์ , สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ เช่นการเมือง  เศรษฐกิจ  สังคม  เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว , ความต้องการ  ของลูกค้า  เปลี่ยนแปลงทั้งปริมาณและคุณภาพ ถ้าเราไม่ปรับเปลี่ยนลูกค้าจะเปลี่ยนไปซื้อรายอื่น2.  การสร้างอำนาจ 5 อย่าง จะต้องสร้าง  รักษา ใช้ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง  จะทำให้เกิดศรัทธาและบารมี , อำนาจสร้างด้วยการให้ , อำนาจสร้างด้วยการติ , อำนาจสร้างด้วยการเป็นผู้รู้มากกว่า , อำนาจสร้างด้วยการต่อรอง , อำนาจสร้างด้วยทางนิติกรรม3.  หลักธรรมมาภิบาล 6 ข้อ Good  Covernance  นิติธรรม , คุณธรรม ,ความโปร่งใส , มีส่วนร่วม , ความรับผิดชอบ  , ความคุ้มค่า

ประเดนที่ 2 ปัญหาการบริหารทรัพยากรมนุษย์  ภาครัฐ 3 เรื่อง

1.  ปัญหาด้านกระบวนการวางแผน  นโยบาย  โครงสร้าง  และการกำหนดวิธีการบริหารจัดการบุคลากรในการปฏิบัติหน้าที่ตามความรู้ความสามารถที่มีอยู่2.  ปัญหาด้านการกำหนดผลประโยชน์  ผลตอบแทนบนพื้นฐานของความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงาน3.  ปัญหาด้านการกำหนดทิศทางในการพัฒนาที่ชัดเจน  เพื่อให้ผู้ปฏิบัติสามารถปฏิบัติงานไปในทิศทางเดียวกัน ( ความชัดเจนในการปฏิบัติงาน )สรุปข้อเสนอแนะ 1.  วางแผนการปฏิบัติงาน  จัดโครงสร้างและจัดบุคลากรให้ปฏิบัติหน้าที่ตามความรู้ความสามารถที่มี2.    กำหนดค่าตอบแทนให้เหมาะสมกับความรู้ความสามารถ  และหน้าที่การงานที่ปฏิบัติ3.    กำหนดทิศทางการพัฒนาที่ชัดเจนและแจ้งให้ผู้ปฏิบัติงานได้ทราบโดยทั่วกัน ประเทศไทยไนฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของบริบทโลกดังกล่าวได้ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างรวดเร็วมาเป็นลำดับ  ได้กำหนดแนวทางหลักในการบริหารกิจการบ้านเมืองโดยมุ่งไปที่การบริหารราชการที่เกิดประโยชน์สุขของประชาชน  เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ  มีประสิทธิ์ภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐตอบสนองความต้องการของประชาชน  ประชาชนได้รับความสะดวก  ทั้งนี้หน่วยงานภาครัฐจะต้องไม่มีขั้นตอนการปฏิบัติงานเกินความจำเป็นและต้องมีการปรับปรุงภารกิจของสวนราชการให้ทันต่อสถานการณ์รวมทั้งมีการประเมินผลการปฏิบัติราชการอย่างสม่ำเสมอ
พรพรรณ นฤมิตเศรษฐกุล
เรียน ศ ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์         จากวิธีการบรรยาย เรื่อง HR และการกระตุ้นให้ทุกคนในชั้นเรียนตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาของอาจารย์เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2550 รวมทั้งการได้อ่านหนังสือเรื่อง HR.CHAMPIONS ทำให้รู้สึกว่าชีวิตคนเรา ไม่อาจจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ได้ จะต้องศึกษาหาความรู้้ใหม่ ที่มีอยู้ให้ค้นหาในหลาย ๆ แหล่งความรู้ เพื่อที่จะได้ทำชีวิตให้ อยู่ในกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงและไม่หยุดนิ่งได้อย่างมีความสุข  และจากการบ้านของท่านอาจารย์ที่ให้ไว้ นั้น สรุปได้ดังนี้ประโยชน์กับตนเอง เกิดการเรียนรู้ว่า ตัวเราก็เป็น คน ๆ หนึ่ง ที่สามารถจะเรียนรู้และพัฒนาให้เกิดมูลค่าเพิ่มทั้งต่อตนเอง องค์กรและประเทศชาติได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าน HR.CHAMPIONS ทั้ง 2 ท่าน เป็นตัวอย่างที่ดีในการที่จะนำมาเป็นแบบอย่าง ว่า การเรียนรู้นั้นสามารถทำได้ตลอดชีวิต ประโยชน์ที่ได้กับองค์กร  สิ่งที่สามารถนำมาปรับใช้กับองค์กร ได้มีอยู่หลายทฤษฎีที่ท่านทั้งสองได้สร้างจากประสบการณ์การทำงาน ได้แก่ ทฤษฏี 4 L’s 8K’s  3 วงกลม โดยเฉพาะ Global Citizen ถ้าองค์กรใดมีคนที่มีคุณสมบัติ ครบทั้ง 3 ประการ ได้แก่ 1) ความแคล่วคล่องในภาษาไทย และภาษาอังกฤษ 2) เทคโนโลยี และ 3) คุณธรรม จะทำให้องค์กรนั้นเป็นองค์กรที่มีความสง่างามและสามารถแข่งกับองค์กรอื่น ๆ ได้อย่างสมความภาคภูมิประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ  ถ้าหากผู้นำของประเทศ เป็นผู้ที่มีแนวคิดเฉกเช่นเดียวกัน HR.CHAMPIONS  ทั้งสองท่าน สังคมและประเทศชาติจะไม่อ่อนแออย่างเช่นในปััจจุบัน เนื่องจากเราจะมีคนที่เป็น คนเก่ง คนดี จาก 1 องค์กร เป็นหลาย ๆ องค์กร จนขยายไปทั่วประเทศ ก็จะทำให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ที่ก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และสามารถแข่งขันกับประเทศต่าง ๆ ได้  ดังนั้นถ้าผู้นำของประเทศได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และได้กำหนดเป็นยุทธ์ศาสตร์ชาติ และกำหนดให้มีการปฏิบัติจริง รวมทั้งมีการติดตามประเมินผลอย่างจริงจัง ประเทศชาติจะพัฒนาได้ทันหรือก้าวนำหน้าประเทศอื่นอย่างน้อยในอาเซียนก็ยังดี สรุป  องค์กรหรือประเทศชาติ ถ้ามีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ในประเทศนั้นอย่างจริงจัง เช่นเดียวกับ บริษัทปูนซีเมนต์ไทย รับรองได้ว่าคำว่า ธรรมาภิบาล จะไม่เป็นเพียงตัวอักษรเท่านั้น                      ขอแสดงความเคารพ
พรพรรณ นฤมิตเศรษฐกุล
เรียนอาจารย์ยม  นาคสุข   ตามที่อาจารย์ได้ให้สรุปประเด็นที่ได้เรียนเมื่อวันที่อาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2550 นั้นมีดังนี้ประเด็นที่ 1 วันนี้ เรียนรู้ ได้ประเด็นอะไร ที่ตนเองได้ และสนใจ อย่างน้อย 3 ประเด็นประเด็น 1  เรื่องปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ได้แก่     ทฤษฎี PEST ประกอบด้วย 4 ด้าน คือ 1) Political การเมือง 2) Economy เศรษฐกิจ 3) Social สังคม วัฒนธรรม และ 4)Technology เทคโนโลยีประเด็น 2  เรื่องหลักธรรมาภิบาล มี 6 ประการ คือ 1) หลักนิติธรรม 2) หลักคุณธรรม  3) หลักความโปร่งใส 4)หลักความมีส่วนร่วม 5) หลักความรับผิดชอบ  6)หลักความคุ้มค่า ประเด็น 3  เรื่องสร้างอำนาจ 5 อย่าง คือ 1) อำนาจที่ได้จากการให้ 2) อำนาจที่ได้จากการติติงสั่งสอน 3). อำนาจที่ได้จาการเป็นผู้รู้มากกว่า 4) อำนาจที่ได้จากการอ้างอิง  5) อำนาจทางนิติกรรมประเด็นที่2)การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของรัฐ ท่านคิดว่ามีปัญหาอะไรบ้าง 3 ข้อ1) การแต่งตั้งโยกย้ายเป็นระบบอุถัมป์ ทำให้ระบบราชการอ่อนแอ2) การอบรมหรือพัฒนาไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง เช่น IT3) ภาครัฐยังมีบุคลากรที่เรียกว่า “dead wood” จึงทำให้มีปัญหาในการพัฒนา    ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ประเด็นที่3) ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาให้ภาครัฐ 3 ข้อ จากประเด็นปัญหาที่ 2 จึงขอเสนอแนวทางแก้ไขดังนี้1) ควรจะนำหลักธรรมาภิบาล เป็นหลักเกณฑ์ในการสรรหาบุคลากร โดยกำหนดเป็นนโยบายที่ชัดเจน2) ควรจัดให้มีการอบรมหรือพัฒนาคน ในขณะที่มีปรับเปลี่ยนระบบการทำงาน เพื่อจะได้สอดรับการเปลี่ยนแปลง3) ใช้หลักการมีส่วนร่วมในการพิจารณา ความดีความชอบ หรือการประเมินผลการปฏิบัติงานแบบ 360 องศา เพื่อเป็นการกระตุ้นการทำงาน ท้ายนี้ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ยม นาคสุข ที่ได้สละเวลาและให้เกียรติมาบรรยายในหัวข้อการบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รวมทั้งเกร็ดความต่าง ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์และสามารถไปปฏิบัติได้

ต้องฝึกฝนต้องร่ำเรียนเพียรศึกษา

 

คือวิชาคู่ความคิดใช้สร้างสรรค์

 

จะติดตัวเป็นนิสัยไปทุกวัน

 

ให้บากบั่นให้ต่อสู้สร้างสังคม

 

กล้าท้าทายท่าทางดีมีเที่ยงธรรม

 

มุ่งมั่นทำหมั่นทบทวนเป็นทองแท้

 

คือสมบัติของผู้นำไม่ผันแปร

 

จำแน่วแน่ดังคำสอนอาจารย์ยม

 

กิตติพงษ์ รั้งท้วม

 

49038020006 

 

รปม.3 มรภ.สวนสุนันทา

   เรียนอาจารย์ ยม นาคสุขที่เคารพ                  จากที่เราพบกันวันที่ 14 ม.ค.50 นั้น อาจารย์ยมได้ฝากไว้เรียนรู้ได้ประเด็นอะไรที่สนใจ, อะไรเป็นปัญหาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของภาครัฐ และข้อเสนอแนะ ประเด็นที่สนใจผมพบว่า1.ต้องพัฒนาตนเองก่อนที่จะพัฒนาผู้อื่น หมายถึง เราต้องหมั่นฝึกตนให้เป็นคนรอบรู้ เพื่อให้เป็น capability และ acceptability ถึงจะให้ความรู้ผู้อื่นได้2.หลักธรรมาภิบาล หมายถึง การทำงานงานที่ดีต้องมีจรรยาบรรณ มีจริยธรรมและความโปร่งใส3.ปัจจัยภายนอกที่กระทบ หมายถึง เราต้องมีการวางแผนในการทำงานตลอดเวลาควรที่จะมีแผน 1 2 3...ไว้ในใจเสมอ เพื่อรองรับกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง เช่น การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลของภาคการเมือง, ระบบเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน, สภาพสังคมที่หลงลืมวัฒนธรรมความเป็นไทย การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ของรัฐที่มีปัญหา1.บุคลากร/ทรัพยากรมนุษย์  หมายถึง เรายังยึดติดอยู่กับระบบอุปถัมป์ ที่ญาติพี่น้องต้องมาก่อน คนมีความสามารถสอดแทรกเข้าไปในองค์กรภาครัฐได้น้อย จึงเป็นปัญหาของการทำงานที่ล่าช้า2.ระบบงาน หมายถึง การทำงานของภาครับที่มีสายการบังคับบัญชาที่ยาว กว่าจะผ่านการพิจารณาในแต่ละเรื่องก็ล้าสมัยไปแล้ว 3.ขาดจริยธรรม หมายถึง ยังมีคอรัปชั่นอยู่ในสังคมที่เป็นปัญหาไม่สามารถแก้ไขได้ ข้อเสนอแนะ1.ผู้นำต้องเปิดใจให้กว้าง หมายถึง ต้องพึงระลึกเสมอว่าลูกน้องเปรียบเหมือนญาติของเรา ให้ความรัก ให้ความรู้ ให้อภัย แล้วเขาจะปฏิบัติกับเราดังเช่นเราปฏิบัติกับเขา2.รัฐต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้สอดคล้องกับยุคโลกาภิวัฒน์ หมายถึง โลกปัจจุบันเทคโนโลยีไปไกลมากแต่คนไทยน้อยคนที่จะมีความรู้เท่าทันกับโลกาภิวัฒน์ รัฐต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้3.เน้นหลักธรรมาภิบาล มีคุณธรรม หมายถึง งานทุกอย่างต้องมีอุปสรรค หากเราไตร่ตรองให้ดีปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้ด้วยสติ มีจริยธรรม ดังนั้น การบริหารทรัพยากรมนุษย์ต้องพัฒนาให้คนได้รักที่จะเรียนรู้ควบคู่กับรักดีมีคุณธรรม 

 

นางสาววิภาวี ชมะโชติ
สวัสดีค่ะอาจารย์จีระ หงส์ลดารมภ์ ดิฉันเป็นนักศึกษา รปม. รุ่น 3 ค่ะ ดิฉันได้เรียนวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์กับอาจารย์แล้วรู้สึกว่าได้รับประโยชน์อย่างมากและเมื่อได้อ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้แล้วก็รู้สึกว่าได้รับแนวความคิดที่เป็นประโยชน์อีกมากมายค่ะ หนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ทำให้เห็นความสำคัญในด้านทรัพยากรมนุษย์ว่าเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญที่สุดในองค์กร ซึ่งจากการศึกษาแนวคิดของคุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา เกี่ยวกับการบริหารบริษัทปูนซีเมนต์ไทย ทำให้เข้าใจว่าในการบริหารองค์กรให้ประสบความสำเร็จจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญในเรื่องทรัพยากรมนุษย์โดยเน้นความมีส่วนร่วมของพนักงานให้เกิดความผูกพันกับบริษัท และจะต้องมีการวางระบบเรื่องการพัฒนาบุคลากร ภายใต้แนวคิด การพัฒนาบุคลากรเป็นการลงทุนของบริษัท ที่ไม่ใช่ต้นทุน แต่คนเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญสูงสุดที่ต้องมีการเอาใจใส่ดูแลหมั่นพัฒนาให้เพิ่มพูนความรู้ความสามารถอยู่ตลอดเวลา โดยกำหนดบทบาทของผู้บริหารไว้ว่าจะต้องเป็นผู้ที่ต้องขับพลังและอัจฉริยภาพของบุคลากรในทุกระดับองค์กร โดยมีหลักการในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ขององค์กร ดังนี้         1 เรื่องของ คนเก่ง-คนดี ที่เชื่อว่าคนที่สามารถพาองค์กรให้ประสบความสำเร็จจะต้องทั้งเก่ง ทั้งดี ซึ่งจะมีหลัก เก่ง 4 ดี 4 เก่ง 4 ได้แก่ เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด และเก่งเรียน สำหรับ ดี 4 คือ ประพฤติดี มีน้ำใจ ใฝ่ความรู้ คู่คุณธรรม         2 ความเชื่อในเรื่องคุณค่าของคน ซึ่งต้องมีการพัฒนาคนให้ดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ต้องรักษาไว้ให้ดีที่สุด         3 การดูแลทุกข์สุขของคนอย่างใกล้ชิด โดยมีความเชื่อว่า คนไม่ได้ต้องการผลตอบแทนที่เป็นเงินทองอย่างเดียว แต่ยังต้องการผลตอบแทนทางใจด้วย         4 การทำงานเป็นทีม         ในการพัฒนาประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องพัฒนาคนไทยให้เป็นทั้งคนเก่ง คนดี และมีความสุข ซึ่งจะต้องกำหนดเป็นวาระแห่งชาติที่ทุกคนต้องช่วยกันทำ นับแต่นี้จำเป็นต้องพัฒนาคุณภาพของคนในทุกๆด้าน ซึ่งต้องการผู้ทรงคุณภาพที่สามารถเรียนรู้กระบวนการชี้นำตัวเองและผู้อื่นให้เป็นมนุษย์ที่พัฒนาแล้ว เป็นมนุษย์ที่เรียนรู้วิธีการที่จะเป็นทั้งคนเก่ง คนดี มีความสุข ด้วยตนเองด้วย        กล่าวโดยสรุปก็คือศึกษาหนังสือเรื่องทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ทำให้สามารถนำประโยชน์ที่ได้จากประสบการณ์การทำงานและแนวคิดของคุณพารณ และอาจารย์จีระไปใช้ในชีวิตประจำวัน และนำไปปรับใช้กับองค์กรโดยจะให้ความสำคัญในเรื่องทรัพยากรมนุษย์มากขึ้น ซึ่งการพัฒนาตนเองและองค์กรก็นำไปสู่การพัฒนาประเทศชาติในที่สุด                 
นางสาววิภาวี ชมะโชติ
        สวัสดีค่ะอาจารย์ยม นาคสุข ดิฉันเป็นนักศึกษา รปม. รุ่น 3 ค่ะ จากการเรียนวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2550 ทำให้ได้ประเด็นจากการเรียน ดังนี้        1. เข้าใจว่าชีวิตมีคุณค่า เราควรใช้เวลาที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าที่สุด และควรวางแผนชีวิต        2. เข้าใจการสร้างอำนาจ 5 อย่าง คือ                2.1 อำนาจสร้างด้วยการให้                2.2 อำนาจสร้างด้วยการติ                2.3 อำนาจสร้างด้วยการเป็นผู้รู้มากกว่า                2.4 อำนาจด้วยการอ้างอิง                2.5 อำนาจนิติกรรม        3. เข้าใจกระบวนการ HRM คือ input process และ output                Input ได้แก่ การสรรหา การคัดเลือก การบรรจุแต่งตั้ง และการกำหนดค่าตอบแทน                Process ได้แก่ การพัฒนาหรือการฝึกอบรม การบำรุงรักษาหรือการสร้างขวัญและกำลังใจ การให้สวัสดิการ                Output ได้แก่ ประสิทธิภาพ ความจงรักภักดีต่อองค์กร                สำหรับปัญหาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของภาครัฐ ได้แก่1.    ปัญด้านการศึกษา2.    ปัญหาด้านคุณธรรมและจริยธรรม3.    ปัญหาการไม่ให้ความสำคัญด้านทรัพยากรมนุษย์สำหรับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว  คือ ภาครัฐจะต้องให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์มากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาด้านการศึกษาซึ่งจะต้องส่งเสริมให้มีการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน และมีมาตรฐาน โดยการกำหนดแผนระยะยาวด้านการศึกษา นอกจากนี้ ภาครัฐต้องให้ความสำคัญเรื่องคุณธรรมและจริยธรรม โดยการส่งเสริมให้สถาบันที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นสถาบันครอบครัวและโรงเรียนมีส่วนฟส่งเสริมด้านคุณธรรมและจริยธรรมให้กับเยาวชน  
พระมหาอรุณ เฮียงฮม
เจริญพร    ศาสตราจารย์ ดร.จีระ หงส์ลดารมย์   และอาจารย์ยม                  อาตมาขอประมวลและอ้างถึงหนังสือเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้เป็นผลผลิตจากความสำเร็จในการทำงาน   และนำประสบการณ์จากการทำงานด้าน HR ของบุคคลซึ่งเป็นนักคิดและนักปฏิบัติ 2 ท่าน คือ อาจารย์พารน  อิศรเสนา    อยุธยา  และ  .ดร.จีระ   หงส์ลดารมภ์  มาถ่ายทอดเพื่อเป็นองค์ความรู้สำหรับผู้ที่มีปัญญาพร้อมที่จะเรียนรู้  และนำไปปรับใช้ตามสภาพแวดล้อม  และจากการอ่านงานที่เพื่อนนักศึกษาเขียนมา   ก็รู้ว่าทุกคนเกิดความประทับใจ   ในตัวอาจารย์จีระ  และอาจารย์ยม   ที่เป็นผู้กระตุ้นให้ทุกคนเกิดความเชื่อมั่นในความเป็นมนุษย์    นับว่าเป็นโอกาสที่ดีทีทำให้เริ่มมีการตื่นตัวที่จะเรียนรู้อย่างจริงจังกันเสียที    เพราะที่ผ่านมาคนส่วนมากชอบสบาย  ไม่ค่อยรับผิดชอบ  สุกเอาเผากิน   คิดถึงแต่ตนเองจะได้อะไร  ไม่คิดว่าตัวเองจะให้อะไรกับใคร   ไม่คิดถึงผู้อื่นทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ  ตามมามากมายปัจจุบันสังคมไทยนับถือวัตถุมากกว่าคุณธรรมจริยธรรม                                    หนังสือเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้  มีความรู้มากมายซึ่งแต่ละคนจะเก็บเกี่ยวได้ไม่เท่ากัน  ขึ้นอยู่กับปัญญาของแต่ละคนเชื่อว่า   หากใช้วิจารณญาณและอ่านด้วยสติ ดี ๆ  แล้ว  ก็จะได้ประโยชน์จากตัวหนังสือเหล่านั้นมากมาย    ได้เห็นว่า  ผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต   ถึงแม้จะมีวิถีชีวิต  วิถีการทำงานที่ ต่างกัน   แต่หากมีเป้าหมายเหมือนกัน  คือ  วิธีการคิดที่เหมือนกัน  วิธีการทำงานที่เป็นระบบมีขั้นตอนชัดเจนคือมุ่งมั่นพัฒนาทรัพยากรมนุษย์   มีความศรัทธาและเชื่อมั่นว่า  คนเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด   ที่จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จได้     อาจารย์พารน  เป็นวิศวกร   อาจารย์จีระ  เป็นนักเศรษฐศาสตร์   แต่เห็นคุณค่าของคนเหมือนกัน    มีวิธีการคิดที่กว้างไกล   คาดการณ์อนาคตว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น   หากไม่สร้างคนไว้รองรับให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง   จะพัฒนาประเทศไม่ทัน     และสิ่งที่ได้เห็นอย่างชัดเจนว่าองค์กรจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด  ปัจจัยที่สำคัญอันดับหนึ่งคือ  ผู้บริหาร   ยกตัวอย่างเช่น  บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย   สถาบันทรัพยากรมนุษย์   เป็นต้น                      องค์ความรู้ที่ได้รับจากการอ่านหนังสือ ที่เห็นว่ามีประโยชน์ที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้แก่    วิธีการคิด    การหาความรู้ใหม่ ความคิดใหม่   เพิ่มต่อยอดทุกวัน   คนเราจะพัฒนาได้ตลอดเวลา เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเราเอง     ทฤษฎี  4 L’s   8 K’s   2  R’s   3  วงกลม  เป็นต้น  ประโยชน์ที่ได้กับตนเอง    ได้แนวความคิด   คิดดี   ทำดี   พฤติกรรมดีผลงานออกมาดี     สร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ได้ตลอดเวลา  การปรับเปลี่ยนตัวเองให้ทันกับกับการเปลี่ยนแปลงของโลก   และต้องเรียนรู้ตาม ทฤษฎี 4 L’ S    ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นคนดีมีจริยธรรม คนเก่ง มีความสามารถ ที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่ดีได้   การเป็นคนเก่ง   จะต้อง  เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด  เก่งเรียน    การเป็นคนดี    จะต้องประพฤติดี    มีน้ำใจ ใฝ่ความรู้ คู่คุณธรรม      การทำงานต้องทำอย่างเป็นระบบ มีระเบียบวินัย มีความซื่อสัตย์ ยึดหลักจริยธรรมในการดำเนินชีวิต ต้องทำงานเพื่องาน เพื่อความสุขจาการทำงาน     มีความมุ่งมั่น เชื่อว่าเราทำได้ ต้องเอาจริงเอาจัง ทำงานให้จบครบถ้วนเรียบร้อย     ประโยชน์ที่องค์กร   ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์     จากการคัดเลือกคนเข้าทำงานต้องโปร่งใส   เลือกที่มีความสามารถและเป็นคนดี     พัฒนาและสร้างภาวะผู้นำ เพิ่มศักยภาพผู้นำ สร้างวัฒนธรรมองค์กรให้ทำงานเป็นทีม ทุกคนในองค์กรต้องมีส่วนรวมในการทำงาน ให้ทุกคนทำงานเสมือนหนึ่งว่าเป็นเจ้าของ ต้องสร้างความเข้าใจที่ดีต่อกัน     การพัฒนาศักยภาพคนภายในองค์กรตาม ทฤษฎี 8 k’ s การสร้างมืออาชีพ การเรียนรู้จากงาน คือ Coaching และ On the job training     และ job rotation   จากผู้มีประสบการณ์ และถ่ายทอดความรู้สู่คนรุ่นใหม่ เป็นการพัฒนาให้คนมีความสามารถยิ่งขึ้น    ใช้ระบบ P D C A ต้องมีการวางแผนและติดตามผล       การสร้างความจงรักภักดี ต้องให้องค์กร และพนักงานอยู่ในฐานะ WIN-WIN    ประโยชน์ต่อประเทศ 1.    วางแผนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในระยะยางอย่างมีเป้าหมายชัดเจน   นำ ทฤษฎี   4L’s  มาใช้กับระบบการศึกษาของประเทศทุกระดับ      สร้างคุณภาพด้านการศึกษาซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญ เมื่อคนมีการพัฒนาด้านการศึกษา คุณภาพของทรัพยากรมนุษย์ก็จะพัฒนาตามไปด้วย ตามหลัก Constructionism   การเรียนรู้จากการปฏิบัติ ซึ่งจะต้องเริ่มจากเด็กๆ เพราะเด็กเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดสำหรับประเทศ เด็กจะเป็นอนาคตของประเทศ ถ้าขาดการศึกษา ก็จะทำให้ขาดทรัพยากรมนุษย์ที่มีทักษะในทุกๆด้าน ถ้าเราขาดคนที่มีความสามารถทาง R&D จะทำให้ประเทศขาดแคลนบุคลากรที่จะมาส่งเสริมคนในชาติ ต้องใช้ชาวต่างประเทศ มาสอน จะทำให้ประเทศเสียดุลการค้า             สรุป   ในปัจจุบันเป็นยุคของการแข่งขัน เป็นยุคของข้อมูลข่าวสาร ใครมีข้อมูลข่าวสารมากเท่าใด เท่ากับว่าได้เปรียบผู้อื่น(ทางข่าวสาร)มากเท่านั้น ดังนั้น หนังสือทุกตัวมีคุณค่ามากน้อยแต่ไหนขึ้นอยู่กับ  สติปัญญาของแต่ละคน   ที่สำคัญจะได้นำไปใช้ประโยชน์มากน้อยเพียงใด   ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องอ่านหนังสือให้มาก     เพื่อสร้างความรู้เพื่อพัฒนาตนเอง  ครอบครัว   องค์กร  สังคม  และประเทศชาติ  อนึ่ง สำหรับหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้    เปรียบเสมือนผู้ชี้ทางให้มนุษย์ได้เรียนรู้ทางออกของปัญหา ถึงแม้มิได้มีลมหายใจเช่นเดียวกับมนุษย์ทั่วไป แต่จากลายตัวหนังสือที่ได้อ่านในเล่มแล้ว จะเรียกว่าเป็นศาสดาทางการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ก็ว่าได้  พระมหาอรุณ   เฮียงฮม  081-2988-060 [email protected]
เจริญพร  .ดร.จีระ   หงส์ลดารมภ์   และอาจารย์ยม  นาคสุข           ผลที่ได้รับจากการเรียนและติดตามผลการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่องในวิชาบริหารทรัพยากรมนุษย์ เมื่อวันที่ 13 -  14  มกราคม  2550  กับ  ศาสตราจารย์ดร.จีระ   ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรมนุษย์ ได้รับความรู้และประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมาก  ทั้งเทคนิควิธีการถ่ายทอด  การดึงนักศึกษาให้มีส่วนร่วมในการสร้างบรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปในทางที่ดี   อาจารย์ยม  ได้ให้การบ้านส่งทาง Blog  เป็นวิธีการกระตุ้นให้เกิดความใฝ่รู้วิธีหนึ่ง ขอสรุปความรู้ ที่ได้รับและมีประโยชน์  จำนวน  3  เรื่อง   ดังนี้1.  ความรู้ที่ได้รับและนำไปใช้ประโยชน์ได้  3  เรื่อง ได้แก่         1.1   ปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ จำนวน  4  ด้าน   -   Political        การเมือง                       -   Economy      เศรษฐกิจ                       -   Social           สังคม                       -   Tecnology     เทคโนโลยี         1.2  ได้แนวคิดหลักในการออกแบบระบบบริหารทรัพยากรมนุษย์                   คนที่มีคุณธรรม  ใน    งานที่เหมาะสม                   กับ     ความรู้ / ทักษะ / สมรรถนะที่ต้องการ                    และ     ค่าตอบแทนที่เหมาะสม 1.3              ได้ความรู้เรื่องกรอบมาตรฐานความสำเร็จด้าน  HR  5  ด้าน-         ความสอดคล้องเชิงยุทธศาสตร์-         ประสิทธิภาพในการบริหารทรัพยากรมนุษย์-         ประสิทธิผลในการบริหารทรัพยากรมนุษย์-         ความพร้อมรับผิดด้านการบริหาร-         คุณภาพชีวิตและความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน                 2.   ปัญหาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ  ที่พบจำนวน  3  ข้อ2.1           ข้าราชการทำงานไม่เต็มศักยภาพ  ขาดขวัญกำลังใจ2.2           ขั้นตอนการสั่งการเป็นระบบ  Top  Down  ขาดการมีส่วนร่วม2.3           ไม่มีการประเมินผลและตรวจสอบการทำงานตามนโยบายที่ประกาศไว้ว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบทำสำเร็จหรือไม่มีปัญหาอุปสรรคอย่างไร  มีแต่เดินหน้าไม่มองหลัง      3.   ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา          3.1   สร้างระบบและแรงจูงใจให้ข้าราชการมีขวัญกำลังใจ  และทำงานให้เต็มศักยภาพ โดยใช้ ทฤษฎีทุน  8  ประเภทมาปรับใช้          3.2  สร้างวัฒนธรรมการทำงานเป็นทีม   เน้นการมีส่วนร่วม  เพื่อประสิทธิภาพ  มีความสุขกับการทำงาน  โดยนำกรอบมาตรฐานในการบริหารทรัพยากรมนุษย์  5  มิติ 3.3           นำเทคโนโลยีมาใช้ในการประเมินผลและติดตามงานสรุป   ปัญหาภายในองค์กร  เกิดจาก  2  เรื่อง คือ  ระบบงานและคนไม่มีคุณภาพ    หากองค์กรทุกแห่งหันมาให้ความสนใจกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  เป็นสิ่งแรก  เชื่อว่าปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะแก้ไขได้ พระมหาอรุณ  เฮียงฮม     081 2988060  [email protected]  
กัลย์สุดา พันธเสน รหัส 49038020003 รปม.รุ่น 3
เรียน ท่านอาจารย์ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อาจารย์ยม นาคสุข ดิฉัน กัลย์สุดา พันธเสน รปม. รุ่น 3 รู้สึกยินดีและโชคดีมากที่ได้มีโอกาสเรียนกับท่านอาจารย์ ศ.ดร. จีระ และอาจารย์ยม ท่านอาจารย์ทั้งสองท่านมีวิธีการสอนที่ น่าติดตามและน่าสนใจมาก ท่านสอนให้รู้ให้คิด ให้ทำ และท่านยังเปิดโอกาสให้สอบถามแสดงความคิดเห็น วิเคราะห์ หนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ของท่านอาจารย์ ดิฉันได้อ่านหนังสือของท่านอาจารย์แล้วได้ความรู้ เรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดผลสำเร็จในองค์กรไม่ใช่เพียงแค่เราคิดว่าจะทำนั้น มันคงไม่สำเร็จถ้าเราไม่ทำแต่อย่างไรก็ตามถ้าเราทำคนเดียวโดยผู้อื่นไม่ให้ความร่วมมือเราก็ไม่สามารถทำให้องค์กรสำเร็จได้ เมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วเราสามารถได้รู้และได้ทราบถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ไม่ใช้เน้นที่ตัวพนักงานระดับใดระดับหนึ่งเท่านั้นแต่ต้องรวมถึงการพัฒนาทุกระดับชั้น และต่อเนื่อง และทำอย่างไรจะให้การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เกิดผลในองค์กรอย่างจริงจัง ในหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้เป็นบทสนทนาว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ของนักคิดและนักปฏิบัติแห่งยุคหลายท่านทำให้เราได้รู้ถึงการบริหารการจัดการการพัฒนาขององค์กรใหญ่ 2 แห่ง คือ ปูนซิเมนต์ไทย (มหาชน) จำกัด และสถาบันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ข้อมูลในหนังสือน่าสนใจมากแสดงให้เห็นว่าการที่องค์กรจะประสบผลสำเร็จได้ต้องมีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีความรู้ ความสามารถในการวางระบบการงาน การใช้คนให้เป็น การหาความรู้อยู่ตลอด นำแนวคิดใหม่ ๆ มาปรับปรุง ต้องเป็นคนทันสมัยทันโลก เป็นผู้นำต้องกล้าตัดสินใจ การอ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ทำให้รู้ถึงความสามารถของ ท่านพารณ อิศรเสนา และท่านอาจารย์ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เป็นนักวิชาการที่มีบทบาทดีเด่นในด้านทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ ประโยชน์ที่ผู้อ่านได้รับ ได้รับรู้ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ การนำทฤษฎี 4 L’s ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นคนดีมีจริยธรรมคนเก่ง มีความสามารถ ที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่ดีได้ ในการเป็นคนเก่ง(เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด เก่งเรียน) คนดี (ประพฤติดี มีนำใจ ใฝ่ความรู้ คู่คุณธรรม) 8 K’s 2 R’s ทฤษฎีวงกลมการนำทฤษฎีเหล่านี้มาใช้สามารถนำมาประยุกต์ให้เป็นประโยชน์ได้จุดประกายเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเองและองค์กรและยังสามารถเอาคำกล่าวของท่านภารณมาประยุกต์ใช้ได้อีกที่ว่า กี่พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีความสมดุลจึงให้มีการฝึกอบรมใน 3 ทักษะ ดังนี้ 1. ทักษะในเชิงปฏิบัติ (Functional Skill) ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับงานของแต่ละคน 2. ทักษะในเชิงแนวคิด (Conceptual Skill) ซึ่งเกี่ยวกับการศึกษาทฤษฎีและการเพิ่มพูนความสามารถของแต่ละคนในการสร้างแนวทางความคิดที่เป็นตรรกะ (Logical) และ 3. ทักษะเกี่ยวกับบุคลิกภาพและการทำงานร่วมกับผู้อื่น (Personal Skill) เราสามารถใช้ทักษะในเชิงปฏิบัติการและเชิงแนวคิดจะทำให้พนักงานเป็นคนเก่งในขณะที่ทักษะส่วนบุคคลจะเน้นพัฒนาให้เป็น คนดี คือ มีทัศนคติการสร้างเสริมความสามารถในการสร้างทีมงาน และก็ยังรวมไปถึงศีลธรรมจรรยาในการใช้ชีวิตการทำงานและชีวิตประจำวันอีกด้วย ประโยชน์ต่อประเทศคือ ท่านพารณ และอาจารย์จีระ สร้างคุณภาพด้านการศึกษาซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญ เมื่อคนมีการพัฒนาด้านการศึกษา คุณภาพของทรัพยากรมนุษย์ก็จะพัฒนาตามไปด้วย ตามหลัก Constructionism การเรียนรู้จากการปฏิบัติ ซึ่งจะต้องเริ่มจากเด็กๆ เพราะเด็กเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดสำหรับประเทศ ประเทศก็จะเจริญก้าวหน้า สามารถที่จะแข็งขันกับนานาประเทศได้ เด็กจะเป็นอนาคตของประเทศ ถ้าขาดการศึกษา ก็จะทำให้ขาดทรัพยากรมนุษย์ที่มีทักษะในทุกๆด้าน ถ้าเราขาดคนที่มีความสามารถทาง R&D จะทำให้ประเทศขาดแคลนบุคลากรที่จะมาส่งเสริมคนในชาติ ต้องใช้ชาวต่างประเทศ มาสอน จะทำให้ประเทศเสียดุลการค้าปัจจุบันประเทศมีการแข่งขันกันมากและมีการเปลี่ยนแปลง อยู่ตลอดดังนั้นจะต้องมีการพัฒนาคนและระบบอย่างต่อเนื่อง ถ้าผู้นำประเทศเข้าใจปรัชญาของศาสตร์ด้าน HR ย่อมสามารถนำพาประเทศไปสู่ชันชนะของทุกๆ ด้าน สรุป เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2550 ดิฉันไม่ได้เข้าเรียนเพราะต้องเข้าร่วมกิจกรรมวันเด็กที่องค์กรจัดขึ้นจึงไม่รู้ว่าอาจารย์สอนอะไรบ้างแต่ได้รู้จากคำบอกเล่าของเพื่อนในห้องเรียนว่าอาจารย์สอนดีมากและได้รู้ว่าอาจารย์ให้วิเคราะห์หนังสือ โดยการอ่านหนังสือของท่านอาจารย์ พอได้อ่านแล้วได้รับความรู้อย่างมากอ่านหนังสือทรัพยากรพันธุ์แท้ ซึ่งความรู้ที่ได้จากการอ่านไม่ใช้แค่ให้เราวิเคราะห์เท่านั้นเราสามารถนำมาปรับ ประยุกต์ใช้กับชีวิตส่วนตัว และด้านการงานได้เพื่อให้ตัวเราเกิดคุณค่า และเป็นใช้กับขององค์กร สามารถนำทฤษฎีต่าง ๆ มาใช้ทำให้องค์กรเจริญก้าวหน้าได้ [email protected]
พระมหาอรุณ เฮียงฮม
เจริญพร  .ดร.จีระ   หงส์ลดารมภ์   และอาจารย์ยม  นาคสุข           ผลที่ได้รับจากการเรียนวิชาบริหารทรัพยากรมนุษย์ เมื่อวันที่ 13 -  14  มกราคม  2550  กับ  ศาสตราจารย์ดร.จีระ   ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรมนุษย์ ได้รับความรู้และประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมาก  ทั้งเทคนิควิธีการถ่ายทอด  การดึงนักศึกษาให้มีส่วนร่วมในการสร้างบรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปในทางที่ดี   อาจารย์ยม  ได้ให้การบ้านส่งทาง Blog  เป็นวิธีการกระตุ้นให้เกิดความใฝ่รู้วิธีหนึ่ง ขอสรุปความรู้ ที่ได้รับและมีประโยชน์  จำนวน  3  เรื่อง   ดังนี้1.  ความรู้ที่ได้รับและนำไปใช้ประโยชน์ได้  3  เรื่อง ได้แก่         1.1   ปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ จำนวน  4  ด้าน   -   Political        การเมือง                       -   Economy      เศรษฐกิจ                       -   Social           สังคม                       -   Tecnology     เทคโนโลยี         1.2  ได้แนวคิดหลักในการออกแบบระบบบริหารทรัพยากรมนุษย์                   คนที่มีคุณธรรม  ใน    งานที่เหมาะสม                   กับ     ความรู้ / ทักษะ / สมรรถนะที่ต้องการ                    และ     ค่าตอบแทนที่เหมาะสม 1.3                ได้ความรู้เรื่องกรอบมาตรฐานความสำเร็จด้าน  HR  5  ด้าน-          ความสอดคล้องเชิงยุทธศาสตร์-          ประสิทธิภาพในการบริหารทรัพยากรมนุษย์-          ประสิทธิผลในการบริหารทรัพยากรมนุษย์-          ความพร้อมรับผิดด้านการบริหาร-          คุณภาพชีวิตและความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน                 2.   ปัญหาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ  ที่พบจำนวน  3  ข้อ2.1             ข้าราชการทำงานไม่เต็มศักยภาพ  ขาดขวัญกำลังใจ2.2             ขั้นตอนการสั่งการเป็นระบบ  Top  Down  ขาดการมีส่วนร่วม2.3             ไม่มีการประเมินผลและตรวจสอบการทำงานตามนโยบายที่ประกาศไว้ว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบทำสำเร็จหรือไม่มีปัญหาอุปสรรคอย่างไร  มีแต่เดินหน้าไม่มองหลัง      3.   ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา          3.1   สร้างระบบและแรงจูงใจให้ข้าราชการมีขวัญกำลังใจ  และทำงานให้เต็มศักยภาพ โดยใช้ ทฤษฎีทุน  8  ประเภทมาปรับใช้          3.2  สร้างวัฒนธรรมการทำงานเป็นทีม   เน้นการมีส่วนร่วม  เพื่อประสิทธิภาพ  มีความสุขกับการทำงาน  โดยนำกรอบมาตรฐานในการบริหารทรัพยากรมนุษย์  5  มิติ 3.3             นำเทคโนโลยีมาใช้ในการประเมินผลและติดตามงานสรุป   ปัญหาภายในองค์กร  เกิดจาก  2  เรื่อง คือ  ระบบงานและคนไม่มีคุณภาพ    หากองค์กรทุกแห่งหันมาให้ความสนใจกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  เป็นสิ่งแรก  เชื่อว่าปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะแก้ไขได้ พระมหาอรุณ  เฮียงฮม     081 2988060  [email protected]  
เรียน อาจารย์ ยม นาคสุข จากการเรียนวันที่ 14 มกราคม 2550 ตอนท้ายชั่วโมง มีกิจกรรมกลุ่ม แลกแปลี่ยนความคิดเห็นของการอภิปราย ได้มีประเด็นที่น่าสนใจอยู่หลายประเด็น แต่ประเด็นหลักๆ ที่สนใจมี 3 ประเด็น คือ 1. หลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี good governance ประกอบด้วย หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ หลักความคุ่มค่า 2. หลักการสร้างอำนาจให้ตัวเอง 5 อย่าง 1) อำนาจสร้างได้ด้วยการให้ 2) อำนาจสร้างได้ด้วยการติเตือน สอนสั่ง 3) อำนาจสร้างได้ด้วยการเป็นผู้รู้มากกว่า 4) อำนาจสร้างได้ด้วยการอ้างอิง 5) อำนาจสร้างได้ด้วยนิติกรรม 3. วิสัยทัศน์ใหม่ของการพัฒนาระบบราชการไทย พัฒนาระบบราชการไทยให้มีความเป็นเลิศสามารถรองรับกับการพัฒนา ประเทศไทย ในยุคโลกาภิวัฒน์ โดยยึดหลักธรรมมาภิบาล และประโยชน์สูงของประชาชน จากสภาพปัญหาและข้อเท็จจริงของรัฐซึงมีประเด่นดังนี้ 1) ราชการคือผู้นำนโยบายไปสู่ประชาชน 2) ปัจจุบันข้าราชการประสบ ปัญหา - ขาดความพร้อมในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน - ขาดความรู้ ความเข้าใจในการทำงานตามระบบบริหารจัดการแนวใหม่ - มีวัฒนธรรมการทำงานแบบเดิม ไม่บูรณาการยังขาดเอกภาพที่ชัดเจน - การพัฒนาราชการยังไม่ตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลง แนวทางแก่ไขและเป้าประเด็นหลักของการพัฒนาระบบราชการไทย 1 พัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชนที่ดีขึ้น 2 ปรับบทบาท ภารกิจ และขนาดให้มีความเหมาะสม 3 ยกระดับขีดความสามารถและมาตรฐานการทำงานให้อยู่ในระดับสูงและเทียบเท่าเกณฑ์สากล 4 ต้องสนองต่อการบริหารปกครองในระบบประชาธิปไตย รุ้ง โลนุช รหัส 49038010033
เรียน ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ จากการเรียนวันที่ 13มกราคม 2550 กระผมได้อ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้แล้วว่าเป็นหนังสือที่มีประโยชน์และมีคุณค่าเล่มหนึ่งมากทีเดียว ซึ่งจะเป็นประสบการณ์การเรียนรู้แนวคิดถ่ายทอดลงหนังสือ HR. CHAMPIONS ผู้ได้รับความรู้และแนวคิดใหม่ๆเป็นวิธีการเรียนรู้ ที่ถือว่าดีสุดยอดเลยทีเดียว เหมือนเป็นการจุดประกายทางปัญญาอย่างดีเยี่ยมที่ไม่อาจซื้อได้ด้วยเงิน ถ้าทุกคนที่ได้อ่านเรื่องราวและวิธีคิดของ “สองปราชญ์ทรัพยากรมนุษย์” ระหว่างผู้ชายวัยเกษียณที่ชื่อ “ พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา” วิศวกรนักบริหารกับผู้ชายที่เกษียณตัวเองก่อนกำหนด ชื่อ “ จีระ หงส์ลดารมภ์” นักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งทั้งสองต่างดูเหมือนเป็น “นายของตัวเอง” มีอิสระในการใช้ชีวิตทั้งคู่ แต่การณ์กลับเป็นว่าตารางชีวิต ของทั้งสองแน่นเอี๊ยดไปด้วยกิจกรรม ที่มีเนื้อหางานแทบไม่ต่างไปจากเส้นทางชีวิตในอดีต นั้นคือ การเดินทางต่อเนื่องในสิ่งที่พวกเขาเชื่อและศรัทธา “แปลกไหมที่ทั้งสองแม้ต่างมีทางเดินของตัวเอง แต่กลับมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ การมุ่งมั่นในเรื่องทรัพยากรมนุษย์” ดังเหมือนที่ว่า “จุดเปลี่ยน”ในชีวิตอาจไม่มีความหมายมากไปกว่าการเป็น “บันไดขั้นแรก”ถ้าหากทั้งจีระและพารณไม่ได้มุ่งมันเอาจริงเอาจัง ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้วยจิตวิญญาณ สมกับที่ว่าเป็น “ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้”อย่างแท้จริง จากแนวคิดทฤษฎีและความประทับใจ คิดว่าน่าจะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากท่านมาถ่ายทอด ให้แก่ผู้ที่สนใจเพราะแนวคิดหากนำไปคิดวิเคราะห์ต่อก็จะสามารถนำมาปรับใช้กับองค์กรได้มากทีเดียว จากแนวคิด“(Concept ) Change is fast and unpredictable” คือในโลกเราจะต้องเตรียมตัวพัฒนาปรับปรุงอยู่ตลอดเวลาแล้ว การที่เราพัฒนาระบบของเราไม่ได้แปลว่าทำแค่ครั้งเดียวเหมือนกับองค์กรหนึ่งที่ได้ปรับตัวแล้ว ก็จะต้องมีการปรับอีก คือ องค์กรจะต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ในโลกมักจะเลือกหัวข้อที่สำคัญและมีคุณค่าต่อความเป็นจริง ในโลกจึงนึกถึง ทฤษฏี 2R’S คือ มักจะค้นพบแนวความคิดจากการศึกษาและวิเคราะห์จากความเป็นจริงที่เกิดขึ้น( Reality)และเกี่ยวข้องกับสัมพันธ์ตรงประเด็น (Relevanee) กับสิ่งที่อยู่รอบๆตัว มันไม่มีเหตุผลอะไรมากไปกว่าจะบอกว่า ถ้าตะลุยเรียนรู้ร่วมกันจนถึงขณะนี้คุณก็คือ “คนพันธุ์แท้” คนหนึ่งที่พร้อมจะรับมรดกความคิดของสองปราชญ์ทรัพยากรมนุษย์ทั้งสองท่านนี้ เพื่อสร้างชาติไทยให้แกร่งพร้อมยืนหยัดอยู่บนโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างมีชัยชนะ!! รุ้ง โลนุช รหัส 49038010033
นายนัฐพงษ์ นิลศิริ
เรียน อาจารย์ ยม นาคสุข จากการเข้าเรียนเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2550 ที่ผ่านมา ซึ่งอาจารย์ ได้ให้เกียรติมาบรรยายให้นักศึกษารปม.3 ซึ่งเนื้อหาที่ได้รับสามารถนำไปใช้ได้จริงในองค์กร และบางประเด็นก็มีส่วนช่วยในการวิเคราะห์และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้เป็นอย่างดีประเด็นที่อาจารย์ให้สรุปจากการบรรยาย มีดังนี้ ประเด็นที่1) วันนี้เรียนรู้ประเด็นอะไรที่ตนเองสนใจ  1. เรื่อง Good Governance เรื่อง หลักการบริหารที่ดี ประกอบด้วย    หลักนิติธรรม การใช้กฎหมาย, กฎเกณฑ์ต่างๆ เกิดความเป็นธรรม -    หลักคุณธรรม คือ การยึดหมั่นความถูกต้องดีงาม, ความสุจริต  -   หลักความโปร่งใส กล่าวคือมีการทำงานที่ตรงไปตรงมา มีข้อมูลข้อเท็จจริงที่สามารถตรวจสอบได้  -   หลักการมีส่วนร่วม คือการเปิดโอกาสแก่ประชาชนหรือบุคลากรในองค์การมีส่วนในการออกความคิดเห็นและมอบโอกาสด้านการเสนอแนะข้อคิดเห็นต่างๆ  -  หลักความรับผิดชอบ การเคารพในสิทธิของตนเองและส่วนรวม, การยอมรับการกระทำต่างๆที่เกิดขึ้นจากตนเองและส่วนรวมเช่นกัน  -  หลักความคุ้มค่า   คือ การใช้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด และส่งผลกระทบต่อส่วนรวมให้น้อยที่สุด1.2 รูปแบบของการเรียนรู้    -  EDUCATION   เป็นการเรียนรู้ที่เน้นไปทางอนาคต   -  TRAINING เป็นการเรียนรู้เรื่องงานปัจจุบันที่เน้นตัวผู้เรียน   -  DEVELOPMENT เป็นการเรียนรู้งานที่หลากหลาย   -  LEARNING เป็นการบูรณการความรู้ทั้งหมด  (Focus All Long life Learning)1.3 แนวทางการสร้างอำนาจ  5  ประการ    1.  อำนาจสร้างได้ด้วยการให้  2.  อำนาจสร้างได้ด้วยการติเตียน  สอนสั่ง  3.  อำนาจสร้างได้ด้วยการเป็นผู้รู้มากกว่า  4.  อำนาจสร้างได้ด้วยการอ้างอิง  5.  อำนาจสร้างได้โดยทางนิติกรรมประเด็นที่2)การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของรัฐ ท่านคิดว่ามีปัญหาอะไรบ้าง 4 ข้อ2.1) องค์กรภาครัฐมีแบบแผนในการทำงานที่ตายตัว ซับซ้อนจึงเกินความล่าช้า และทำให้ไม่สามารถดึงศักยภาพของบุคลากรในองค์กรมาใช้ได้อย่างเต็มที่2.2) เนื่องจากองค์กรภาครัฐมีการจัดสรรงบประมาณในการบริหารองค์กรมาอย่างจำกัด จึงทำให้การพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรมีข้อจำกัด2.3) บุคลากรภาครัฐมักจะยึดติดกับระบบเก่าๆและไม่ยอมปรับตัวให้รับกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เพราะว่ายังเคยชินกับระบบงานแบบเดิมๆทำให้องค์กร พัฒนาได้อย่างยากลำบาก 2.4) ขาดการปฏิสัมพันธ์ที่ดีภายในองค์การเนื่องจากการทำงานในระบบราชการนั้นบุคลากรจะขึ้นตรงกับหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งและมีผู้บังคับบัญชาเพียงไม่กี่คนและระบบราชการเป็นระบบที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนซึ่งการติดต่อสื่อสารกันภายในหน่วยงานจึงเป็นเรื่องที่สำคัญประเด็นที่3) ข้อเสนอแนะในการปัญหา  อันเนื่องจากการวิเคราะห์ถึงปัญหาในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของรัฐ3.1  พัฒนากระบวนการการบริหารงานให้มีความกระชับ  เปลี่ยนแปลงระบบและลดขั้นตอน พิธีการในการเสนองานให้มีช่องทางที่สั้นลง ซึ่งจะมีผลในเรื่องการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรในระดับต่างๆ ได้ติดต่อสื่อสารกันง่ายขึ้น 3.2     ปลูกฝังทัศนคติ จิตสำนึก และจริยธรรม รวมไปถึงการอบรมพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งควรเริ่มตั้งแต่ระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน และในขณะที่เข้าทำงานแล้ว ก็ควรที่มีการให้การอบรมไม่เฉพาะแต่ให้เก่งในงานเท่านั้น ควรสอดแทรกเรื่องคุณธรรมและจริยธรรมอยู่ตลอดเวลา3.3     สนับสนุนความคิด และเปิดโอกาสให้บุคลากรเข้ามามีส่วนหนึ่งในการบริหาร ไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะก็ตาม แม้ว่าบุคลากรเหล่านั้นจะไม่ได้อยู่ในระดับสูง3.4     จัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อนำมาพัฒนาบุคลากร ให้มีความรู้ ความทันสมัย ทั้งในด้านเทคโนโลยี การศึกษา และแผนงานในองค์กรนายนัฐพงษ์  นิลศิริรหัส 49038010015รปม. 3โทร. 086-562-3494

 

พระธวัชชัย ละครคิด
เจริญพร ศ. ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ อาตมาพระนักศึก MPA ม.ราชภัฏสวนสุนันทาซึ่งในเทอมนี้ได้มีโอกาสได้ศึกษาในรายวิชา การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งอาจารย์จีระ เป็นผู้บรรยายเองและได้ เรียนรู้ถึงแนวความคิดในการบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ หลังจากการบรรยายในวันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2550 ที่ผ่านซึ่งมีหลายประเด่นที่น่าสนใจโดยเฉพาะหลักแนวคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ท่านได้ตรัสถึงปรัชญาของการบริหารของพระองค์ท่าน ซึ่งท่านได้ให้แนวคิดในการทำงานคือ 1) ทำอะไร 2) ทำอย่างไร 3) ทำเพื่อใคร 4) ทำแล้วได้อะไร และยังได้เรียนรู้แนวความคิดของอาจารย์ในทฤษฎี 4 L’s ได้แก่ การเข้าใจวิธีการเรียนรู้ (Learning Methodology) การสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ (Learning Environment) การสร้างโอกาสในการเรียนรู้ (Learning Opportunity) การสร้างชุมชนการเรียนรู้ (Learning Community) และยังมี ทฤษฏี 2 R’s คือ Reality ความเป็นจริง และ Relevance คือ ตรงประเด็น ซึ่งเป็นประเด่นที่น่าสนใจอย่างยิ่งหลังจากนั้นอาตมาได้ไปอ่านหนังสือ ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ ของอาจารย์และท่านพารณถึงเข้าใจถึงแนวความคิดในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มากยิ่งขึ้นจากประสบการณ์ทั้ง 2 ท่านที่ได้ทำงานเกี่ยวกับ คน มาตลอดเกือบทั้งชีวิตโดยเฉพาะทฤษฎี 4 L’s ของท่านพารณและอาจารย์จีระ ซึ่งเป็นความแตกต่างที่เหมือนกัน กล่าวคือท่านทั้งสองมีความคิดเกี่ยวกับคนให้คนมุ้งเน้นสู่การเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาและสร้างสังคมให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามเมื่อรู้แล้วแต่ไม่ได้ใช้ก็ไม่เกิดประโยชน์เพราะฉะนั้นเราชาว MPA ทุกท่านต้องนำแนวความคิดนี้มาช่วยกันสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดจนพัฒนาให้เป็นประเทศแห่งการเรียนรู้ให้ได้ เจริญพร พระธวัชชัย ละครคิด
นส.ศุลีพร ม้าไว รหัส 49038010019
 เรียน  ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์               จากการที่เรียนวิชาบริหารทรัพยากรมนุษย์ในวันที่ 13 มกราคม 2550  และจากการที่อาจารย์ได้ให้หนังสือ ทรัพยกรมนุษย์พันธุ์แท้ ซึ่งเป็นการสนทนาระหว่างคุณพารณ  อิศรเสนา ณ อยุธยา กับ ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์  ได้สรุป ดังนี้แนวคิดทฤษฎี  4  L’s   ของคุณพารณ  อิศรเสนา ณ อยุธยา-       Village that Learn              หมู่บ้านแห่งการเรียนรู้ -       School that Learn                 โรงเรียนแห่งการเรียนรู้-       Industry  that Learn      อุตสาหกรรมแห่งการเรียนรู้ -       Nation that Learn                  ชาติแห่งการเรียนรู้         แนวคิดทฤษฎี  4  L’sของ ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์  - Learning Methodology       เข้าใจวิธีการเรียนรู้  - Learning Envitonmenty     สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ - Learning Opportunity        สร้างโอกาสในการเรียนรู้ - Learning Community         สร้างชุมชนการเรียนรู้   สามารถนำไปการพัฒนาตนเองให้มีประสิทธิภาพ การฝึกอบรม การหาความรู้เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา ให้วิสัยทัศน์ที่ดีขึ้น การบริหารองค์กรด้วยการนำกิจกรรม 5 ส ระบบข้อเสนอแนะ ระบบความปลอดภัย และการทำกิจกรรม QCC เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนมีส่วนร่วมในแนวความคิด การทำงาน ให้เกิดความรักในองค์กร  การพัฒนาการศึกษารูปแบบใหม่ Instructionism เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ต้องลงมือทำด้วยตนเอง โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เชื่อมโยงกับสถาบันการเรียนรู้ เพื่อให้ได้ประสบการณ์การเรียนรู้จากทั่วโลก   ทฤษฎี 3 วงกลม  วงกลมที่ 1 context การใช้ระบบ การใช้เทคโนโลยีในการทำงานเป็นกระบวนการ PROCESS และจัดองค์กรที่เหมาะสม PROCESS IMPROVEMENT   วงกลมที่ 2 ภาวะผู้นำ เพิ่มศักยภาพผู้นำ ธุรกิจจะเข็มแข็งได้ต้องบริหารผู้นำ   วงกลมที่ 3 เป็นหลักที่ดี คนเราจะสำเร็จในงานได้ต้องมองว่าทุกอย่างเป็นงานท้าทาย               การเป็น ผู้เรียนที่ดี หรือ “Good Learner”  สามารถแก้ปัญหา วางแผน การสร้างวิสัยทัศน์ โดยนึกถึงเป้าหมายของการทำงานเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในระดับประเทศผู้บริหารต้องเป็นแบบอย่างที่ดี มีการบริหารงานทีโปร่งใส มีคุณธรรม มีความเชื่อในความสามารถของพนักงาน ให้โอกาสและอิสระในการทำงาน แก้ปัญา และเสนอแนะสร้างความเชื่อความศรัทธาและปัจจัยต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้ประสบความสำเร็จ ประกอบด้วย 4 ปัจจัยหลัก คุณภาพคน ต้องเป็น เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด เก่งเรียน และ คนดี ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ต้องบริหารงานจริงจังให้พนักงานเกิดความเชื่อถือและยอมรับทัศนคติของฝ่ายจัดการผู้นำองค์กรที่เป็นผู้กำหนดนโยบายในการพัฒนาประเทศ นำทฤษฎี 4 L’s และ 8 K’s มาใช้ การบริหารแบบเน้นคน จะต้องมีวิสัยทัศน์วางแผนคนให้สอดคล้องกับอนาคตของประเทศว่าประเทศจะพัฒนาไปในทิศทางใด  ต้องมีการจัดฝึกอบรม เป็นการลงทุนระยะยาว หรือ Long Term Investment  ไม่จำเป็นต้องเห็นผลตอบแทนในทันที แต่จะเป็นการสะสมทักษะ เมื่อเขาเห็นบริษัทดูแลเอาใจใส่ เขาก็จะมีจิตใจที่จะทำงานเพื่อบริษัท ให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกันการปลูกฝังให้พนักงานพัฒนาตนเอง แม้การฝึกอบรมจะเป็นหน้าที่ขององค์การ ผู้บริหาร และตัวพนักงานเอง ซึ่งตัวพนักงานก็ต้องมีหน้าที่เอาใจใส่ต่อการพัฒนาตนเองหาความรู้ หาประสบการณ์ จากการพัฒนานั้นให้มากที่สุดดังนั้นทรัพยากรมนุษย์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและก็เป็นสิ่งที่มีปัญหามากที่สุดของประเทศ  เพื่อให้สังคมพัฒนาสู่ระดับสากลในยุคโลกาภิวัฒน์ เราจะต้องยอมรับในเรื่องของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้มากขึ้น การจะให้สังคมประสบความสำเร็จ ต้องอาศัยปัจจัยหลายเรื่องมาเป็นส่วนประกอบ กระตุ้นให้เกิดการลงทุนทางด้านเศรษฐกิจ การมีทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าและคุณภาพ จะเป็นกำลังสำคัญส่งผลให้ประเทศชาติประสบผลสำเร็จ                                      
นางมยุเรศ เชยปรีชา

มยุเรศ   เชยปรีชา   รปม.3   

 รหัส  49038010003 เรียนท่านอาจารย์ ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์และอาจารย์ ยม  นาคสุข

             วันที่ 13 ม.ค.2550  นักศึกษา รปม.รุ่น 3 ได้เรียนวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ กับท่านอาจารย์ จีระ  ในช่วงเช้ารู้สึกเครียดและมึนมากกับการสอนของอาจารย์ จีระ ที่ดูเหมือนจะกดดัน ทำให้ทุกคนตื่นเต้นและตื่นตัว จนไม่กล้าหลับ แต่ที่จริงแล้วท่านเป็นคนใจดี  รักลูกศิษย์ มีความตั้งใจที่จะสอนและฝึกให้ลูกศิษย์ของท่านเป็นคนเก่ง ได้รับความรู้  รู้ในสิ่งที่ตรงประเด็น และเรียนรู้จากประสบการณ์ของท่าน  ซึ่งเห็นตัวอย่างบุคคลที่ได้รับความรักจากท่านคืออาจารย์ยม  นาคสุข ลูกศิษย์ปริญญาเอกของท่านที่ทั้งเก่งและมีความสามารถเป็นเลิศ  ในวันนี้ท่านอารมย์ดี ที่เห็นลูกศิษย์ รปม.เข้าใจในเรื่องที่ท่านอยากให้รู้  และที่ท่านรู้ว่าเข้าใจ

ก็เพราะการโต้ตอบคำถามของอาจารย์ได้ดี  อาจารย์สอน ให้คิดเป็น ให้มีความคิดตลอดเวลา คิดจากข้อมูลที่อาจารย์สอน  และสอนให้ควรคิดสร้างสรรค์ต่อยอดแนวคิดของอาจารย์อาจารย์ได้ใช้ ทฤษฎี 4L’s  มาปฏิบัติในการเรียนการสอน ในวันนี้เพื่อ  ให้นักศึกษา เห็นภาพจริง เป็นแบบอย่าง และให้นักศึกษาลองเอาไปปฏิบัติในที่ทำงาน  เช่น
  • Learning Methodology  เข้าใจวิธีการเรียนรู้        
       ใช้วิธีการเรียนแบบเป็นทีม โดยจัดโต๊ะเป็น กลุ่มละ 8 คน และกระตุ้นที่ให้นักศึกษาใช้ความคิดตลอดเวลา ซึ่งรู้สึกตื่นเต้นมาก
  • Learning Environment    สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้       
       โดยการปรับเปลี่ยนห้องเรียนเป็นรูปแบบใหม่ เพื่อสร้างบรรยากาศที่สดชื่น และรู้สึกไม่เครียดเวลาเรียน
  • Learning Opportunity   สร้างโอกาสแห่งการเรียนรู้       
      โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษาทุกคนแสดงความคิดเห็น มีการถามตอบกับอาจารย์และเพื่อนในห้องเรียน  ให้ปรึกษากันในกลุ่มเพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
  • Learning Community   สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้         
       ได้นำหนังสือที่ดี ๆ มาจัดให้เป็นห้องสมุด และอนุญาตให้นักศึกษายืมอ่าน และได้บอกว่า เมื่อนักศึกษาเรียนกับอาจารย์แล้วควรนำไปต่อยอด ในการสร้างคนอื่น ๆ ให้เป็นสังคมการเรียนรู้ตามด้วย  และจากการเรียนในวันนั้นจบลงท่านอาจารย์ได้มีการบ้านให้นักศึกษา รปม. รุ่น 3 ทุกคนทำคือ อ่านหนังสือเรื่องทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้ และให้แสดงความคิดเห็นตอบใน Blog ว่าหลังจากอ่านแล้ว นักศึกษาคิดว่าจะเป็นประโยชน์และนำไปใช้กับตนเอง  องค์กร และประเทศชาติอย่างไร    จากการได้อ่านหนังสือเรื่องทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้แล้วสิ่งแรกคือได้รู้จักท่านพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ มากยิ่งขึ้น  ท่านพารน เป็นวิศวกร แต่มุ่งมั่นตั้งใจในการพัฒนาองค์กรด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ก่อน ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง บริษัทปูนชีเมนต์ไทย เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในระดับโลกท่านกำลังสร้างเด็กไทยสู่การเป็น Global Citizenผ่านระบบการเรียนแบบ ทฤษฎี Constructionism ในขณะที่ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ที่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ เป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพราะมองว่าประเทศชาติจ ะพัฒนาได้ ทรัพยากรที่สำคัญคือสมองมนุษย์ ซึ่งต้องใช้เวลาสร้าง เหมือนปลูกต้นสักต้องใช้เวลา แต่หากโตเต็มที่ จะมีความแข็งแกร่ง แม้แต่ตัวปลวกยังกัดกินไม้สักไม่ได้ ท่านได้สร้างทฤษฎีแห่งการเรียนรู้ 4 L’s ที่สามารถนำมาใช้ในการพัฒนาองค์กรและประเทศชาติได้ หากนำมาประยุกต์ใช้ให้ตรงประเด็น นอกจากนี้ยังมีทฤษฎี 8K’s ทฤษฎี 3 วงกลม 2 R’s 2 I’sและอื่น ๆ สามารถนำความรู้และประสบการณ์การทำงานของอาจารย์ทั้งสองที่ถ่ายทอดไว้ในหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ไปใช้ได้ประโยชน์กับตนเอง คือ ทำให้มีแรงกระตุ้นในการหาความรู้เพิ่มเติม รู้สึกมีแรงจูงใจในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง และต้องทำอย่างต่อเนื่อง ตามอย่างทฤษฏี 3 ต ของ อ.จีระ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ชีวิต และนำความรู้หลาย ๆ ด้านมาบูรณาการ ในการใช้ชีวิตส่วนตัวและการทำงานได้  การมีทัศนคติ  มีวิสัยทัศน์ ที่กว้างและมองโลกในทางสร้างสรรค์  ก็อาจจะนำไปสู่การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง  ประโยชน์ที่ได้กับองค์กร คือ  สามารถนำทฤษฎีที่ได้เรียนรู้จาก ท่านทั้งสองที่สร้างจากประสบการณ์การทำงานจริง เช่น 4 L’s 8K’s 3 วงกลม มาปรับใช้ ในองค์กร  เพราะผู้นำองค์กรจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ก่อน มีการสื่อสารที่ดี มีการทำงานเป็นทีม สร้างการมีส่วนร่วม สร้างวัฒนธรรม ทำให้องค์กรมีความมั่นคงและประสบความสำเร็จได้ประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ ผู้นำหน่วยงานราชการ ทุกระดับ ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นนโยบายหลัก และเป็นวาระแห่งชาติ เป็นยุทธศาสตร์ ที่ต้องถือปฏิบัติ และมีการติดตาม  ประเมินผล อย่างจริงจัง ต้องพัฒนาคนก่อน และทำให้ต่อเนื่อง สังคมและประเทศชาติ ก็จะพัฒนาได้ทันหรือล้ำหน้าประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกันได้   สรุป  คนมีความสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร องค์กรจะดี เพราะมีคนเก่งและคนดี ใช้แนวคิดการบริหาร ทรัพยากรมนุษย์ ของท่านพารณ และวิธีการทำงาน ของ ศ.ดร.จีระ มาปรับใช้ในองค์กร เช่นให้คนในองค์มีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายขององค์กร  พัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างต่อเนื่อง องค์กรก็จะประสบความสำเร็จและพัฒนาได้อย่างยั่งยืน และควรมีแผนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นเป้าหมายหลักในการพัฒนาประเทศ เพราะประเทศจะพัฒนาได้ด้วยคนดีมีคุณภาพ        
เรียน ศ. ดร. จีระ หงส์ลดาลมภ์ จากการเรียนวันที่ 13 มกราคม 2550 ผมได้อ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้แล้วว่าเป็นหนังสือที่มีประโยชน์ ได้รับความรู้และแนวคิดใหม่ๆ เป็นวิธีการเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ดีมาก ซึ่งถ้าผู้สนใจได้อ่านแล้วจะสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง และสามารถนำหลักการและทฤษฎีไปปรับใช้กับตนเองและองค์กรได้ จากแนวคิดและทฤษฎี ผมคิดว่าน่าจะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของท่านทั้ง 2 มาถ่ายทอดไห้กับชุมชนและผู้ที่สนใจ แนะนำไปคิดวิเคราะห์ต่อ ก็จะสามารถมาปรับใช้กับเพื่อให้เกิดประโยชน์เพื่อสร้างชุมชนให้เป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ ดัง ทฤษฎี 4 L’s คือ การเข้าใจวิธีการเรียนรู้ (Learning Methodology) การสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ (Learning Environment) การสร้างโอกาสในการเรียนรู้ (Learning Opportunity) การสร้างชุมชนการเรียนรู้ (Learning Community) ประเวช ลักขไทย รหัส 49038020010
นางสาวสกัลวลี กลิ่นนุช
สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์ ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ และท่านอาจารย์ยม  นาคสุขการบ้านวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์วันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2550 ผู้ส่ง นางสาวสกัลวลี   กลิ่นนุช  รหัสประจำตัว 49038020008นักศึกษา MPA รุ่น 3   มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา------------------------------------------                     เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2550 ได้เรียนกับอาจารย์จีระ  รู้สึกแปลกๆกับการสอนของอาจารย์รู้สึกค่อนข้างเครียด ไม่กล้าหลับทั้งๆที่ง่วง และก็ค่อยๆเริ่มเข้าใจในที่สุด อาจารย์สอนแบบทุกคนต้องมีส่วนร่วมมีการทำงานเป็นทีม สอนให้มีความคิดตลอดเวลา สอนให้คิดเป็น ทำให้สมองต้องได้ใช้งานตลอด  คิดจากข้อมูลที่อาจารย์สอน มาเป็นความรู้และ สร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อรู้ปัญหาและแก้ไขได้ ทำให้รู้สึกว่าต้องพัฒนาตนเอง และจากการเรียนในวันนั้นจบลงท่านอาจารย์ได้มีการบ้านให้นักศึกษา รปม. รุ่น 3 ทุกคนทำคือ อ่านหนังสือเรื่องทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้ และให้แสดงความคิดเห็นตอบใน Blog ว่าหลังจากอ่านแล้ว นักศึกษาคิดว่าจะเป็นประโยชน์และนำไปใช้กับตนเอง  องค์กร และประเทศชาติอย่างไร        ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ บทสนทนาว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ได้รวบรวมจากประสบการณ์ที่ได้กลั่นกรองสะสมมาอย่างมากมาย เท่าที่อ่านถือว่าเป็นโอกาสที่ได้เรียนรู้วิธีคิด วิธีการทำงาน ในการพัฒนาทักษะสำหรับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และเป็นความโชคดีสำหรับผู้เรียนที่มีหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ ให้ได้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม จากผู้รู้ 2 ท่านคือคุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และอาจารย์จีระ หงส์ลดาลดารมภ์ บุคคลที่ควรเป็นแบบอย่าง สำหรับแฟนพันธุ์แท้ทุกคน        เรื่องของสองแชมป์ เป็นการกล่าวถึงความเชื่อและศรัทธาและความมุ่งมั่นในเรื่องคนที่ตรงกันของทั้งสองท่าน โดยเฉพาะเรื่องประวัติ ผลงานทำงานเรื่องเกี่ยวกับคน ตลอดจนแนวทางในการทำงานของผู้รู้ทั้งสองท่าน        เรื่องคัมภีร์คนพันธุ์แท้ เพื่อให้ทราบแนวทางในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ตั้งแต่เรื่องปรัชญาของทรัพยากรมนุษย์ที่ว่า คน ถือเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดขององค์กรการพัฒนามนุษย์ต้องเน้นการเรียนรู้        เรื่องจักรวาลแห่งการเรียนรู้ โดยการพัฒนาจากที่ผ่านมา ซึ่งต่อไปนี้จะเป็นช่วงของการขยายการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สู่ภาคประชาชน ประชาชนเรียนรู้และสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต        เรื่องสูตรเพิ่มผลผลิต แสดงมุมมองของภาพรวมด้านการแข่งขันระดับประเทศ โดยมีการประสานความร่วมมือขององค์กรทั้งสี่ คือ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคนักวิชาการ ภาคแรงงาน        เรื่อง คือ นิยาม ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นจากการทำงานที่มุ่งมั่นพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ประโยชน์กับตนเอง คือ ทำให้มีแรงกระตุ้นในการหาความรู้เพิ่มเติม รู้สึกมีแรงจูงใจในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง และต้องทำอย่างต่อเนื่อง ตามอย่างทฤษฏี 3 ต ของ อ.จีระ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ชีวิต และนำความรู้หลาย ๆ ด้านมาบูรณาการ ในการใช้ชีวิตส่วนตัวและการทำงานได้  การมีทัศนคติ  มีวิสัยทัศน์ ที่กว้างและมองโลกในทางสร้างสรรค์  ก็อาจจะนำไปสู่การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง  ประโยชน์ที่ได้กับองค์กร คือ  สามารถนำทฤษฎีที่ได้เรียนรู้จาก ท่านทั้งสองที่สร้างจากประสบการณ์การทำงานจริง เช่น 4 L’s 8K’s 3 วงกลม มาปรับใช้ ในองค์กร  เพราะผู้นำองค์กรจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ก่อน มีการสื่อสารที่ดี มีการทำงานเป็นทีม สร้างการมีส่วนร่วม สร้างวัฒนธรรม ทำให้องค์กรมีความมั่นคงและประสบความสำเร็จได้ประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ  ผู้นำหน่วยงานราชการ ทุกระดับ ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นนโยบายหลัก และเป็นวาระแห่งชาติ เป็นยุทธศาสตร์ ที่ต้องถือปฏิบัติ และมีการติดตาม  ประเมินผล อย่างจริงจัง ต้องพัฒนาคนก่อน และทำให้ต่อเนื่อง สังคมและประเทศชาติ ก็จะพัฒนาได้ทันหรือล้ำหน้าประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกันได้          บทสรุป เมื่อใดก็ตามที่ผู้บริหารมีความเชื่อและศรัทธาเข้าถึงปรัชญาของคำว่า คน  คนคือ หัวใจของงานบริหารบุคคล ผู้บริหารจะได้รับการยอมรับและบรรลุวัตถุประสงค์ของการบริหารทรัพยากรมนุษย์และความสำเร็จขององค์กรและประเทศชาติตามเป็นลำดับ------------------------------------------------------
จ่าเอกสราวุฒิ นวมน้อย รหัสนักศึกษา49038010029 ม.สวนสุนันทา
เรียน อาจารย์ยม  นาคสุข ที่เคารพอย่างสูง กระผมจ่าเอกสราวุฒิ  นวมน้อย นักศึกษาปริญญาโท(รปม.) สาขาการบริหารจัดการ รุ่นที่ 3 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2550กระผมมีโอกาสได้รับฟังความรู้จากท่านอาจารย์ในหัวข้อเรื่อง ภาพรวมการบริหารทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่  ซึ่งประเด็นที่ได้รับ คือ 1. ความรู้ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในภาพรวมของระบบราชการและเอกชน 2. ความแตกต่างและเปลี่ยนแปลงใน ด้านโครงสร้างระบบและวัฒนธรรมขององค์การในศตวรรษที่ 20 และ 21  ซึ่งในศตวรรษที่ 21 นี้เน้นเรื่องภาวะผู้นำ( leadership) ของผู้บริหาร การกระจายข้อมูลข่าวสาร  การกระจายอำนาจ (Empowerment)  การลดขั้นตอนการทำงาน เพื่อสะดวกรวดเร็วและเพิ่มให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด  3. แนวทางการบริหารองค์การในศตวรรษที่ 21 มีการดำเนินงานอย่างมีทิศทางที่ชัดเจนด้วยการใช้เครื่องมือการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ทันสมัยต่างๆ  เช่น   3.1 การกำหนดสมรรถนะหรือคุณสมบัติเชิงพฤติกรรม (Competency) ของบุคลากรที่องค์การต้องการ โดยมีสมรรถนะหลัก (Core Competency) เป็นคุณสมบัติหลัก ทุกคนในองค์การต้องมีเพื่อให้การดำเนินงานขององค์การประสบความสำเร็จ 3.2  การบริหารผลการทำงาน (Performance Management) โดยใช้เครื่องมือสมัยใหม่ เช่น Balanced Scorecard และการกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ KPI เพื่อให้ทุกคนในองค์การทำงานในทิศทางเดียวกัน  มีเป้าหมายการทำงานที่ชัดเจนและเชื่อมโยงต่อกลยุทธ์ขององค์การ 3.3  การใช้หลักการ 7 Habits เพื่อพัฒนาตนเอง 3.4  การสร้างองค์การแห่งการเรียนรู้       ประเด็นแรก  จากการเรียนเรื่อง ภาพรวมการบริหารทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่  เรื่องที่ข้าพเจ้าให้ความสนใจคือ   หลักการบริหารงานทรัพยากรมนุษย์แนวใหม่  ได้แก่  การยึดหลักระบบคุณธรรม การใช้หลักความโปร่งใส ทำอะไรต้องตรวจสอบได้  การยึดหลักมุ่งผลสัมฤทธิ์  การยึดหลักสมรรถนะ  หลักความรับผิดชอบ ต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน  การยึดหลักสรรหาระบบเปิด  การยึดหลักการบริหารจัดการแนวใหม่   ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์  4 ด้าน  คือ การเมือง (Political) เศรษฐกิจ (Economy)  สังคม วัฒนธรรม (Social)  เทคโนโลยี (Technology)  ทั้งในระดับประเทศและระดับโลกเนื่องจากในภาวะนี้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ย่อมส่งผลกระทบต่อเราไม่ทางตรงก็ทางอ้อม การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้การดำเนินนโยบายของรัฐบาล  และกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ชุมชน องค์กร ดังนั้นหากเรารู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ย่อมทำให้เราปรับตัว และเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างยั่งยืนในยุคแห่งโลกาภิวัตน์ เรื่องวิธีการสร้างอำนาจ 5 ประการ คือ 1. อำนาจสร้างได้ด้วยการให้ 2. อำนาจสร้างได้ด้วยการติ 3. อำนาจสร้างได้ด้วยการเป็นผู้รู้มากกว่า 4. อำนาจสร้างได้ด้วยการอ้างอิง 5. อำนาจสร้างทางนิติกรรม ( อำนาจต้องสร้าง ต้องรักษา ต้องใช้ อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ )  สำหรับปัญหาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของภาครัฐ   ตามความเห็นของข้าพเจ้า คือ ปัญหาระบบอุปถัมภ์ (Patronage System) การบริหารที่ไม่ได้ยึดหลักผู้มีความรู้ความสามารถของบุคลากรเป็นหลัก แต่มุ่งเน้นการให้ประโยชน์แก่พรรคพวกเพื่อนพ้อง ทำให้ผู้มีความรู้ความสามารถไม่ประสงค์ประกอบเลือกอาชีพรับราชการ และผู้ที่เป็นข้าราชการขาดขวัญและกำลังใจในการทำงาน 2. ปัญหาการคอรัปชั่น ระบบอุปถัมภ์ทำให้ข้าราชการขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่มุ่งแต่หวังผลประโยชน์หรือสิ่งตอบแทนที่ตนจะได้รับ การปฏิบัติงานขาดความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีผลงานที่ดี ทำให้ประเทศไม่เจริญก้าวหน้าช้า 3. ปัญหาระบบการฝึกอบรมและพัฒนาข้าราชการ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลจะเกิดขึ้นไม่ได้   ถ้าภาครัฐยังใช้ระบบการบริหารราชการแผ่นดินรูปแบบเดิมๆ  โดยมีขั้นตอนมากเกินจำเป็น และมีกฎระเบียบและกฎเกณฑ์มากมาย  การแก้ไขปัญหาล่าช้า   ทำให้มาตรฐานการบริการของภาครัฐที่มีต่อประชาชนขาดมาตรฐานที่ดี  ใช้การฝึกอบรมแบบให้ความรู้ทั่วไปไม่พอเพียง และไม่สอดคล้องต่อเป้าหมายและพันธกิจขององค์การ ประเด็นที่  3  ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาในภาครัฐ         1. ผู้บริหารประเทศควรเร่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้สอดคล้องกับความก้าวหน้า  ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วต้องมีการเตรียมพร้อมให้ประชาชนได้เรียนรู้วัฒนธรรมสากล มีความรู้ความเข้าใจทางการเมืองการปกครอง ส่งเสริมให้ประชาชนมีความคิดเชิงสร้างสรรค์ คิดเชิงระบบ และคิดเชิงรุก สร้างความตระหนักให้ประชาชนเห็นว่าทรัพยากรมนุษย์เป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญ
         2. ผู้บริหารประเทศจะต้องเป็นผู้นำที่มีความรู้ความสามารถจริงๆ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ไม่ควรมาจากระบบอุปถัมภ์และควรจะมีความรับผิดและชอบต่อสิ่งที่ได้กระทำ โดยยึดหลักธรรมมาภิบาล และให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ
3. กำหนดและปรับเปลี่ยนระบบนโยบายด้านการศึกษาทั้งระบบการเรียนการสอนและผลตอบแทนของครูให้เหมาะสมกับสภาวะเป็นจริงทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน  เพื่อต้องการให้ผู้สอนได้ใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ในความเป็นครูที่ดี เพราะครูซึ่งเป็นบุคลากรที่มีหน้าที่สร้างและพัฒนาคน ให้มีความรู้ มีคุณธรรมจริยธรรม การกระทำของครูส่งผลให้ผู้เรียนมีความประพฤติและการปฏิบัติตนเป็นคนดี ทั้งในชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงาน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของสังคมและประเทศชาติ                              ทั้งหมดนี้ก็เพื่อหวังที่จะให้ประชาชนและประเทศชาติในอนาคตสามารถดำรงอยู่ได้ การสร้างทรัพยากรมนุษย์ให้เป็นทั้งคนเก่ง  ทั้งคนดีและมีความสุขมีมุมมองเชิงรุกสู่อนาคต  สามารถแข่งขัน  และร่วมมือ  อีกทั้งสามารถบำเพ็ญประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไปจ่าเอกสราวุฒิ  นวมน้อย http://[email protected]
สุภาภรณ์ สุขเกษม PA.3รหัส 49038010007
 

สวัสดีค่ะ อาจารย์จีระ และอาจารย์ ยม

         ก่อนอื่นขอขอบพระคุณที่อาจารย์จีระได้กรุณาส่งบทความได้พวกเรา MPA.3 ได้อ่านเพื่อเพิ่มพูนความรู้  ดิฉันขอเรียนให้อาจารย์ทราบว่าสนุกกับการเรียนและการส่งการบ้านในรูปแบบใหม่ ของท่านอาจารย์ทั้งสองเป็นอย่างมาก และได้อ่านการบ้านของเพื่อนๆเห็นแนวการเขียนวิเคราะห์ของเพื่อนแล้วรู้สึกทึ่งในความคิดของเพื่อนๆ เป็นอย่างมาก การสอนของอาจารย์ทำให้พวกเรากล้าที่จะคิดและพูดมากขึ้นกว่าเดิม  ทุกคนFocus อยู่ที่อาจารย์ และตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลาว่าอาจารย์จะให้ทำอะไร  ถามอะไร เราจะตอบได้ไหม ซึ่งต้องคอยคิดตามอยู่ตลอดเวลา การบ้านที่อาจารย์สั่งไว้ ทำให้ดิฉันรู้จักบริหารเวลาได้ดีกว่าเดิม ดิฉันขอส่งการบ้านที่อาจารย์จีระ ฝากเอาไว้ คือ สรุป สิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือ ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ซึ่งเป็นหนังสือที่มีคุณค่ากับผู้อ่านทุกท่าน ดิฉันคิดว่าทุกท่านที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ต้องได้รับความรู้อย่างมากมายและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการทำงานทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้เป็นหนังสือเชิงสัมภาษณ์ประวัติการทำงานของมือหนึ่งในการบริหารทรัพยากรของไทย คืออาจารย์พารณ และอาจารย์จีระ(ขอเรียกคุณพารณว่าอาจารย์นะคะเพราะถึงแม้ท่านจะไม่เคยรู้จักและสอนดิฉัน แต่ท่านก็สอนผ่านหนังสือทรัพยากรพันธ์แท้ไงค่ะ )  ซึ่งเป็นชีวิตการทำงานที่น่าทึ่ง และน่านิยมชมชอบ เพราะท่านทั้งสองประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างสูงสุด เพราะการพัฒนาตน การเสาะแสวงหาความรู้ใหม่ๆของอาจารย์พารณอย่างการนำระบบ 5 ส.และTQC (Totai Quality Control) จากญี่ปุ่นมาใช้เป็นคนแรกจนได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน และ การคิดค้นทฤษฎี 4 L’s ของทั้งสองท่าน  ดิฉันคิดว่า บริษัทปูนซีเมนต์ไทย เป็นหนึ่งในหลายๆบริษัทในฝันของคนที่อยู่ในวัยทำงาน หและหนึ่งในนั้นก็คือดิฉัน แต่ก็แค่ใฝ่ฝันเพราะ ปูนเป็นแหล่งรวมของคนมีกึ๋นจริงเพราะมีผู้บริหารที่เก่งอย่างอาจารย์พารณนี่เอง  ซึ่ง ดิฉันสรุปได้คือ         ประโยชน์ต่อตนเองและคาดว่าต้องนำไปใช้คือ การพัฒนาตนเองให้เก่งกล้า เพื่อไม่ให้เสื่อมค่าเหมือนจักรยานที่ขาดการบำรุง ดังที่อาจารย์พารณกล่าว  และความรู้ในเรื่อง บันไดแห่งความเป็นเลิศ 4 ขั้น ที่อาจารย์จีระสอนให้ขึ้นคือ 1. ลองทำอะไรที่เริ่มจาก Good ideas  Action  สู่ผลสำเร็จ ก็คือ  Plan Do Check Act   2. อย่าทำอะไรโดยไม่มี Priority  ลำดับความสำคัญเริ่มก่อนและมุ่งมั่น 3. ทำโดยให้มี participation ของทุกคน ทุกระดับ คือการสร้างวัฒนธรรมการทำงานเป็นทีม ปกติคนไทยในอดีตไม่ค่อยคุ้นกับการทำงานเป็นทีม ส่วนมากจะ one man show มากกว่า จริงๆเหมาะสมกับบางโอกาสเท่านั้น 4. ทุกโครงการต้องมีผู้เป็นเจ้าของ คือ มี Ownership   โดยทั่วไปการขึ้นบันไดเราจะต้องก้าวที่ละหนึ่งขั้น ดังนั้นการที่เราจะประสบความสำเร็จในเรื่องใดเรื่องหนึ่งนั้นย่อมทำตามวิธีและขั้นตอนของมัน เราอาจก้าวกระโดดได้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้เมื่อแข่งกับคนอื่นย่อมไม่มีประสิทธิภาพ อีกสิ่งหนึ่งที่ดิฉันได้รับจากการอ่านหนังสือเล่มนี้คือแรงจูงใจในการมุ่งมั่นที่จะแสวงหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่า และ คุณค่า (Value) ให้กับตนเอง ไม่หยุดอยู่กับที่และเป็นความรู้ที่สด เพื่อนำไปช่วยพัฒนาประเทศ  เราไม่ต้องรอให้ใครมาพัฒนาเรา        ประโยชน์ที่ได้ต่อองค์กร   จะได้เรื่องของการทำงานเป็นทีมเพื่อให้พนักงานทุกคนได้แสดงศักยภาพของตนเองออกมา เพื่อฝึกฝนทักษะที่เขามีอยู่ ซึ่งในอดีตเขาอาจจะไม่กล้าแสดงความคิดเห็นหรือวิสัยทัศน์ออกมาก็ได้ เนื่องจากแต่ก่อนไม่อยู่ในส่วนที่ต้องรับผิดชอบเขาจึงไม่แสดงความเห็นอะไรแต่ถ้าเขามีส่วนร่วมเขาก็จะรับผิดชอบและทำจนสุดความสาม   การสร้างวัฒนธรรมในองค์กรเพื่อความเป็นอยู่ที่สงบ อยู่ภายใต้ข้อตกลงขององค์กร ไม่ทะเละเบาะแว้งกัน  และได้แนวทางการฝึกอบรมพัฒนาพนักงานและการสร้างความจงรักภักดีต่อองค์กร ในส่วนของประโยชน์ที่ประเทศชาติได้รับจากหนังสือทรัพยากรฯ  คือได้รู้จุดด้อยในด้านการบริหารและพัฒนาประเทศ ดิฉันเชื่อว่าถ้าผู้นำประเทศ(ไม่เจาะจงว่าใคร) ได้อ่านหนังสือเล่มนี้จะได้แนวคิดหลายๆด้านซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการบริหารประเทศ เช่น แนวคิดการปรับองค์กร อาจนำมาประยุกต์ใช้กับการบริหารข้าราชการในแต่ละกรม กอง การจัดเกรดข้าราชการ เพื่อให้ได้ข้าราชการที่ทำงานดี  ให้รู้ว่าข้าราชการคนไหนต้องเก็บ หรือต้องปล่อย เพราะระบบข้าราชการไทยมีจุดด้อยอย่างหนึ่งคือเมื่อบรรจุแต่งตั้งแล้วไม่สามารถที่จะให้ออกได้นอกจากจะมีโทษทางวินัยร้ายแรง แม้จะทำงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพก็ตาม แต่ถ้ามีการแบ่งเกรด และให้ค่าตอบแทนตามเกรด จะมีแรงจูงใจในการทำงานและทำให้มีการปรับปรุงตัวให้ดีกว่าเดิม  เราต้องค่อยๆปรับเปลี่ยนทีละนิดทีละหน่อย เพื่อให้ได้มาซึ่งการยอมและกระทำตามของข้าราชการ  หรือแนวคิดในการพัฒนาบุคลากรที่อยู่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ให้เป็นทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้อย่างอาจารย์พารณ และอาจารย์จีระ  เช่น บุคลากรในกระทรวงศึกษาธิการ  ทบวงมหาวิทยาลัย กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพราะหน่วยงานทั้งสี่นี้มีความเกี่ยวข้องกับมนุษย์ทั้งสิ้น รัฐสามารถพัฒนาให้บุคลากรเหล่านี้เป็น มืออาชีพเพื่อบริหารทรัพยากรมนุษย์อื่นๆให้มีคุณภาพต่อไป    สรุป ทรัพยากรมนุษย์เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาประเทศ ถ้าภาครัฐยังไม่ตระหนักถึงความสำคัญ ประเทศจะเจริญได้อย่างไร   เช่นเดียวกันถ้าภาครัฐทำแต่เพียงผู้เดียวก็คงใช้เวลานานที่จะประสบความสำเร็จ ดังนั้นคนไทยทุกคนมีหน้าที่ช่วยเหลือให้การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ประสบความสำเร็จในเวลาอันใกล้ ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อประเทศไทยจะได้ก้าวขึ้นเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
นางเสาวรส แสนสุข รหัส 49038010009
สวัสดีค่ะ   อาจารย์ยม   นาคสุข         

           ได้เรียนกับอาจารย์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2550 อาจารย์ได้อธิบายเรื่องการบริหารทรัพยากรมนุษย์   ที่จะสามารถนำไปใช้ในการปฏิบัติงาน การวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การจัดสภาพแวดล้อมการทำงาน ที่เกิดขึ้นในองค์กรได้จริงหลังจากที่ฟังอาจารย์แล้ว พอที่จะสรุปได้ว่าตนเองได้ประโยชน์อะไรบ้างจากการฟังในครั้งนี้ คือ

ประเด็นที่ 1  ได้อะไรจากการเรียนวันนี้1.     การสร้างอำนาจ 5 อย่างในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ -        อำนาจสร้างด้วยการให้  คือ การให้โอกาส ให้ความรู้ ให้อภัย ให้ทาน และให้ความรัก-        อำนาจสร้างด้วยการติ เตือน สอน สั่ง แต่ต้องถูกต้องตามเวลาสถานที่และบุคคล-        อำนาจสร้างด้วยการเป็นผู้รู้มากกว่า เมื่อมีโอกาสก็ต้องแสดงให้เต็มที่-        อำนาจสร้างด้วยการอ้างอิง  คือ การอ้างอิงถึงคำสั่ง อ้างอิงถึงงานที่เกี่ยวข้อง และบุคคล-        อำนาจสร้างด้วยนิติกรรม การประกาศ อำนาจต้อง สร้าง รักษา และใช้ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ทำเป็นประจำ จะทำให้เกิดความศรัทธาและบารมีก็จะตามมา2.     การใช้ทฤษฎี 6ท เข้ามาใช้-        ท้าทาย เมื่อมีง่ายส่วนที่ยากก็พร้อมที่จะทำ-        ท่าที    คิดดี พฤติกรรมดี และนิสัยดี-        เที่ยงธรรม  ต้องมีธรรมะ คุณความดี ธรรมาภิบาล-        ทองแท้   มีความซื่อสัตย์ รักษาคำพูด-        ทบทวน    ต้องมั่นปรับปรุง หาความรู้ตลอดเวลา-        ทำ    ต้องทำด้วยความอดทน เต็มใจ และมุ่งมั่น3.     การใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหาร-        หลักนิติธรรม  การใช้กฎหมายต่าง ๆ ให้เกิดความเป็นธรรม-        หลักคุณธรรม  ความสุจริต ยึดถือความถูกต้อง-        หลักความโปร่งใส   มีความซื่อสัตย์ สามารถตรวจสอบได้-        หลักการมีส่วนร่วม    ให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็น -        หลักความรับผิดชอบ   ให้ทุกคนยอมรับในการมีส่วนร่วมในกระทำ เคารพในสิทธิของตนเองและผู้เอง-        หลักความคุ้มค่า   การใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์ เพื่อให้ได้ผลตอบรับกลับมาดี4.     ปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อการเตรียมความพร้อม-        การเมือง  Political-        เศรษฐกิจ   Economy-        สังคม     Social-        เทคโนโลยี    Technologyประเด็นที่ 2   ปัญหาที่เกิดขึ้นในภาครัฐ

1.     การพัฒนาทรัพยากร

มนุษย์ยังไม่เป็นระบบ  ยังติดกับระบบเดิม ๆ ที่เคยใช้ แม้ว่าจะมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในระบบ

แล้วก็ตามการซับซ้อนของเอกสาร

2.     ระบบอุปถัมภ์  เป็นการบริหารที่ไม่ได้ยึดเอาความรู้ความสามารถของคนเป็นหลัก แต่เน้นการเอื้ออำนวยผลประโยชน์ให้กับพวกพ้อง ทำให้พวกที่มีความรู้ความสามารถไม่อยากเข้ามาทำงาน 3.     การคอรัปชั่น  ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาสำคัญ เพราะเมื่อเกิดมีระบบอุปถัมภ์ก็ทำให้คนขาดความรับผิดชอบ มุ่งแต่ที่จะทำงานหวังผลประโยชน์ ให้กับตนเอง โดยไม่มีสนใจถึงความเสียหายที่จะตามมา ประเด็นที่ 3   ข้อเสอนแนะ1.ต้องสร้างทัศนคติที่ดี ในการใช้เทคโนโลยีของบุคลากร เพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานในปัจจุบัน รวมทั้งการลดขั้นตอนการปฏิบัติงานบางอย่างให้กระชับขึ้น  ไม่เรื่องมากเกี่ยวกับการซับซ้อนของเอกสาร2. แก้ไขระบบอุปถัมภ์  ผู้บริหารควรนำหลักธรรมาภิบาลเข้ามาใช้ใน

การบริหาร เพื่อให้เกิดความมีคุณธรรม ความโปร่งใส ทำให้เกิดการยอมรับของบุคคลทั่วไป อยากที่จะเข้ามาทำงานด้วย ด้วยความเชื่อมั่น  และศรัทธา

3.     ผู้นำต้องเปิดใจให้กว้าง  ต้องรักลูก+น้อง เปรียบเสมือนว่าเขาญาติของเราคนหนึ่ง ที่เราจะต้องให้ความรัก ความรู้  และให้อภัย  ท้ายสุดเขาก็จะปฏิบัติตอบเราเหมือนเช่นที่เราปฏิบัติกับเขา       

 

นส.สกัลวลี กลิ่นนุช

สวัสดีค่ะ  อาจารย์ยม   นาคสุข                 

จากที่อาจารย์ได้บรรยายเรื่องการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เมื่อวันที่ 14  มกราคม 2550  และได้ให้สรุปว่าเราได้อะไรจากการเรียนในวันนี้บ้าง ซึ่งดิฉันจะขอตอบอาจารย์ดังนี้

                ประเด็นที่ 1

1.อำนาจ  5  อย่าง     

    1.1  อำนาจจากการให้  เมื่อเรารู้จักให้จะทำให้เรามีอำนาจขึ้นได้โดยบางครั้งอำนาจอาจไม่รู้ตัว  

       1.2  อำนาจจากการติ  คือการติในเรื่องต่างๆ    

     1.3  อำนาจจากการรู้กว่า  คือการที่เรามีความรู้มากกว่า 

        1.4  อำนาจจากการอ้างอิง  คืออำนาจที่อ้างถึงบุคคลที่มีอำนาจในการใช้กับบุคคลอื่น      

   1.5  อำนาจจากนิติกรรม  คืออำนาจที่ได้มาจากการแต่งตั้งเมื่อเรานำอำนาจจากการที่เราได้เรียนจากท่าน  อาจารย์ยม  นาคสุข  มาประยุกต์ใช้จะทำให้เรามีแนวคิดในการทำงานได้จริง

2.  การเรียนรู้การวางแผนชีวิตจากการที่ได้เรียนรู้แบบข้อมูลการวางแผนชีวิตทำให้ได้คิดว่า ตอนนี้อายุ 30 ปี แล้ว ซึ่งได้กำหนดวันตายไว้ 70 ปี เวลาที่เหลืออยู่อีก 40 ปี ข้างหน้าเราจะใช้ชีวิตอย่างไรให้มีคุณค่ามีสมดุลและมีเหตุผลให้มากที่สุดเท่าที่เวลาของชีวิตที่เหลืออยู่เราจะทำได้ 

3. กระบวนการ  HRM         ภาพรวมการบริหารทรัพยากรมนุษย์-        การเปลี่ยนแปลง + ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อ HRM-        การบริหาร HRM  บริบทการเปลี่ยนแปลงของประเทศ-        ความหมาย HRM  ภาพรวมกระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ภ่ครัฐและเอกชน-        หลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์แนวใหม่ ก.พ.ร.-        แนวงโน้มการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ในปัจจุบันและอนาคตยุทธศาสตร์การบริหารทรัพยากรมนุษย์-        การจัดการเชิงยุทธศาสตร์  กระบวนการ-        ยุทธศาสตร์การบริหารทรัพยากรมนุษย์  ขั้นตอนการจัดทำ

ประเด็นที่ 2

1.    ระบบการอุปถัมภ์  เป็นการให้ผลประโยชน์กับพวกพ้องมากกว่าให้ส่วนรวม

2.    อำนาจการตัดสินอยู่ที่ผู้นำเพียงคนเดียว

3.    การพัฒนาระบบทรัพยากรมนุษย์ยังไม่เป็นระบบ

4.    การไม่ใช้เทคโนโลยีให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงาน

   ประเด็นที่   3

1.     ผู้บริหารต้องเปิดใจให้กว้างรักลูกน้อง

2.     ผู้บริหารต้องนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารเพื่อความโปร่งใส3.     มีระบบการคัดเลือกผู้นำที่มีความโปร่งใส ยุติธรรม 

จากที่อาจารย์ยมได้ถามหนูว่าการมีลูกคืออะไรนั้น หนูยังไม่ได้ตอบแต่หนูขอตอบอาจารย์ว่า การมีลูกสำหรับหนู คือ การไม่คาดหวังซึ่งจะให้ทุกอย่างที่แม่คนหนึ่งจะให้ได้โดยไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนค่ะ 

นายมงคล กิจสมโภชน์ รหัส 49038010032
เรียน  อาจารย์ยม  นาคสุข       ตามที่ผมได้ฟังที่อาจารย์บรรยายเรื่องภาพรวมของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในวันที่ 14 มกราคม 2550  มีประโยชน์มากสามารถนำไปใช้ในชีวิตการทำงานได้เป็นอย่างดี  และที่อาจารย์ให้สรุปเป็นประเด็นว่าวันนี้จากที่ฟังแล้วรับอะไรไปบ้าง ซึ่งผมขอสรุป ดังนี้ 

ประเด็นที่ 1 ได้ประโยชน์จากเรียน

 

1.     แนวความคิดเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์  เริ่มตั้งแต่

ยุคดั้งเดิม  เปรียบคนเป็นเครื่องจักร 

ยุคต่อมา เปรียบคนเป็นทรัพยากร   

ยุคใหม่  เปรียบคนเป็นทรัพย์สินขององค์การ

 

2.     การสร้างอำนาจ 5 อย่างในการบริหารทรัพยากรมนุษย์

-การให้         

-การติ ตักเตือน

-การเป็นผู้รู้มากกว่า

-การอ้างอิง 

-นิติกรรม

(อำนาจเริ่มต้น และตามด้วยบารมี)

 

3.     การใช้ทฤษฎี 3 คิง ของญี่ปุ่น  คือ

-คนที่มีคุณภาพ 

-องค์กรที่มีคุณภา

-ผลผลิตที่มีคุณภาพ

 

4.     การกำหนดยุทธศาสตร์ในองค์กร สามารถขจัดปัญหาได้

 

5.  การวางแผนการดำเนินชีวิตจากแบบข้อมูลการวางแผนชีวิตของอาจารย์ ทำให้คิดได้ว่า ชีวิตข้างหน้าของเราที่เหลืออยู่นั้น เราจะใช้ชีวิตอย่างไรให้มีคุณค่า และไม่ประมาท

ประเด็นที่ 2  ปัญหาภาครัฐ

1.    มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในองค์กร  แต่ไม่ฝึกคนให้เก่งที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ขาดความรู้ความเข้าใจในระบบ

 

2.    การบริหารราชการในระบบเดิมๆ  มีขั้นตอนซับซ้อนมากเกินความจำเป็น  มีกฎระเบียบที่มากมาย  ทำให้มาตรฐานการบริการของ    ที่มีต่อประชาชนขาดการเอาใจใส่ที่ดี 

 

3.    การมีระบบอุปถัมภ์ มีการแทรกแซงการทำงานมุ่งหวังกำไรมากกว่า  หวังพัฒนาองค์กรให้เจริญก้าวหน้า เห็นกว่าประโยชน์ส่วนมากกว่าส่วนรวม

 4.    การคอรัปชั่น ความไม่โปร่งใส  ปัญหาสำคัญ ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ถ้ายังมีระบบ อุปถัมภ์พวกพ้อง  

ประเด็นที่ 3 แนวทางพัฒนา

1.    ภาครัฐต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้สอดคล้องการบริหารองค์กร การนำเทคโนโลยีมาใช้ในเหมาะสมกับงานและคน ส่งเสริมการฝึกอบรม หารความรู้ ประสบการณ์ อยู่ตลอดเวลา

 

2.    ส่งเสริมให้มีการศึกษาอย่างมีมาตรฐาน และเท่าเทียมกันทุกที่

 

3.    การนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งที่ดี ให้มีนิติธรรม คุณธรรม ความโปร่งใส การมีส่วนรวม ความรับผิดชอบ และความคุ้มค่า

 

      4.  ผู้นำควรเปิดใจให้กว้างมี

           ความรักให้กับลูกน้อง               
ยม "การเขียนหลัง ๆ มานี้ เห็นได้ชัดว่ามีการเรียนรู้และพัฒนาดีขึ้นมาก คนแรก ๆ จะเป็นครูให้ได้ดี"

สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ / นักศึกษา MPA 3 สวนสุนันทาฯ

  

ผมได้ทยอยอ่าน บทความของ น.ศ. และทำตามที่ น.ศ.ได้โทรมาขอให้ช่วยวิจารณ์ หรือ Comment สิ่งที่เขียน เพื่อจะได้พัฒนาตนเอง ต่อไป 

  

ตรงนี้ ผมแนะให้มองในจุดดีของแต่ละคน ว่าบทความของแต่ละคนมีอะไรดี  เหมือนการมองผู้คน ทั่วไป มองให้เห็นความดี  สิ่งไม่ดีเห็นได้แต่อย่าเอามาเครียด  เอาสิ่งที่ดี ๆ ของแต่ละคนมาต่อเนื่อง เป็นเนื้อหาในเรื่องเดียวกัน คือ เรื่องการพัฒนาตนเอง ด้านการเขียน นำไปสู่ด้านการคิด การพูด และการกระทำ

  ผม Comment เท่าที่อ่านมาได้ดังนี้ ครับ ใครยังไม่มีในนี้ และต้องการให้ ช่วย comment  แนะนำเพิ่มเติม ก็แจ้งชื่อมาได้ จะทยอยทำให้ รายละเอียดโดยย่อมีดังนี้ 
  • กิตติพงษ์ รั้งท้วม เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 14:06 (140195)  มีบทกลอน สอดแทรก ได้น่าสนใจ
  • ณัฐพร บุญยะ เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 14:22 (140204)  ดำเนินเรื่องได้กระชับ
  • นายธนู พุกชาญค้า MPA.3 รหัส 49038010010 เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 14:40 (140217)   สรุปตอนท้าย และปิดประเด็นได้ดี
  • พรยุพา คัมภีรญาณนนท์ เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 15:23 (140244)  เขียนได้ครบถ้วนกระบวนการ เปิดประเด็นได้สวยดำเนินเรื่องได้ดี ปิดประเด็นได้ OK
  • รักษิณา อิ้วสวัสดิ์ เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 15:27 (140246) เขียนได้ดี แต่ตัวอักษรเล็กมาก
  • อรณา ยี่เข่งหอม เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 15:43 (140258)  สั้น กระชับดี มีสีสัน
  • นลินธร สื่อเศรษฐสิทธิ์ เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 16:36 (140287) ตัวอย่างของความกระชับในประเด็น ถ้ามีเสนอแนะได้จะดีมาก
  • รักษิณา อิ้วสวัสดิ์ เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 16:38 (140288) เปิดประเด็นได้อบอุ่น ดำเนินเรื่องได้ดี และปิดประเด็นครบถ้วน หากมีเสนอแนะให้กระชับจะยิ่งดีมาก
  • ธิติกา ชมะโชติ เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 16:46 (140296) จับประเด็นได้หลากหลาย น่าสนใจ
  • ธิติกา ชมะโชติ เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 16:55 (140305) จับประเด็นได้ดี กระชับ เขียนครบทุกขั้นตอน
  • นายพิพัฒน์ อรรถเอี่ยม เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 17:12 (140322) เปิดประเด็นได้อบอุ่น และอนุรักษ์ความเป็นไทยไว้ได้ดี สอดแทรกข้อคิดตั้งแต่ตอนเปิดประเด็น ขอให้รักษารูปแบบนี้ไว้ การดำเนินเรื่องก็ทำได้ดี
  • พรพรรณ นฤมิตเศรษฐกุล เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 17:22 (140334) เขียนได้กระชับดี มีสีสันพอดี  แยกแยะบทความของอาจารย์สองท่าน
  • กิตติพงษ์ รั้งท้วม เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 18:11 (140371)  เปิดประเด็นด้วยบทกลอน สอนใจ  เวลาพูดก็ขอให้ทำเช่นนี้ด้วย จะดีมาก ทำตอนเปิดและตอนปิด และเป็นบทกลอนที่สอดคล้องกับเรื่องที่พูด ครับ
  • นางสาววิภาวี ชมะโชติ เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 18:31 (140384)  สั้น กระชับ ได้ใจความ
  • พระมหาอรุณ เฮียงฮม เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 18:53 (140393)  ท่านมีความขยัน อดทน เพียร พยายาม และดำเนินเรื่องได้ดี
  • กัลย์สุดา พันธเสน รหัส 49038020003 รปม.รุ่น 3 เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 19:00 (140399)  เขียนได้ดี ครบถ้วนกระบวนการ เสียดายตัวอักษร เล็กไป
  • รุ้ง โลนุช เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 19:31 (140419) สั้น กระชับ เปิดประเด็นได้ดี แยกแยะระหว่างสองอาจารย์ เสียดายตัวอักษร เล็กไป หากมีสรุปเสนอแนะ ก็จะยิ่งดี
  • นายนัฐพงษ์ นิลศิริ เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 20:07 (140435) ครบถ้วนประเด็นที่ให้ไว้
  • นส.ศุลีพร ม้าไว รหัส 49038010019 เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 21:21 (140490) ผสานและบูรณาการได้น่าสนใจ
  • นางมยุเรศ เชยปรีชา เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 21:28 (140494) จับประเด็นและสรุปได้ดี
  • ประเวช ลักขไทย รหัส 49038020010 เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 22:03 (140516)  สั้นที่สุด หากสั้นแบบนี้ ก็ควรมีการต่อยอดจะดีมาก เวลาสอบอย่าสั่นแบบนี้น๊ะครับ
  • นางสาวสกัลป์วลี กลิ่นนุช เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 22:12 (140530) ไม่สั้นไม่ยาว กระชับ ได้ใจความ
  • จ่าเอกสราวุฒิ นวมน้อย รหัสนักศึกษา49038010029 ม.สวนสุนันทา เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 22:14 (140532) มาแปลก หลากหลายสี เขียนได้ดี ครอบคลุม มีอุดมการณ์
  • สุภาภรณ์ สุขเกษม PA.3รหัส 49038010007 เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 23:02 (140567) ม้ามืด หมายถึงมืดมาเลยครับ เพราะทำแถบสี สดุดตา เขียนได้กระชับดี ไม่สั้น ไม่ยาวเกินไป มีสรุป OK
  • นางเสาวรส แสนสุข รหัส 49038010009 เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 23:36 (140611) เห็นความตั้งใจ มีตัวหนาตัวเอียง เน้นข้อความได้ดี
  • นส.สกัลวลี กลิ่นนุช เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 23:56 (140633)จับประเด็นปลีกย่อยมาถ่ายทอดได้ดี ทั้งที่ไม่มีในสไลด์ เป็นตัวอย่างที่ดีของความสนใจ เช่น อธิบายเรื่อง ลูก แต่ควรอธิบายเพิ่มเติมอีกนิดก็จะดี น๊ะครับ นี่ถ้าเป็นภาพยนตร์ก็ชวนให้ติดตามภาค 2 ครับ
  • นายมงคล กิจสมโภชน์ รหัส 49038010032 เมื่อ ศ. 19 ม.ค. 2550 @ 01:27 (140683) เปิดประเด็นได้ดี ดำเนินเรื่องได้กระชับ ต่อไปควรฝึกเรื่องการต่อยอด จะเป็นนักเขียนที่ดี ได้ไม่ยากครับ
 

สิ่งที่ Comment มา อาจจะยังไม่ละเอียด เพียงเป็นการอ่านบทความของแต่ละคนครั้งเดียว อย่างรวดเร็ว จึงยังมีอีกหลายจุดที่สามารถ comment ได้ ขอให้ศึกษาแนวทาง และนำไปพัฒนาตนเอง ครับ

  

ขอให้ทุกคนโชคดี

  

สวัสดี

 

ยม

 

081-9370144  

[email protected] 

 http://gotoknow.org/portal/yom-nark

นลินธร สื่อเศรษฐสิทธิ์

สวัสดีค่ะ  ศ.ดร. จีระ  หงส์ลดารมภ์ / อาจารย์ ยม  นาคสุข

จากการที่ได้อ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้  รู้สึกได้ว่าตัวเองโชคดีที่ได้มีโอกาสได้เรียนรู้วิธีคิด  วิธีการทำงาน  ในการปมเพาะทักษะสำหรับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จากปราชญ์มือหนึ่งคู่เดียวที่ได้พิสูจน์แล้วด้วยชีวิตของท่าน  สิ่งที่ได้รับคือความประทับใจ  และได้เปิดโลกทัศน์ของตนเองหลังจากที่ได้มีโอกาสได้อ่านหนังสือฯ และได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ จากการที่ได้เรียนกับท่านอาจารย์ฯ  ประโยชน์ที่ตนเองได้รับ  ได้เรียนรู้ปรัชญาชีวิตว่าเราเกิดมาเพื่อที่จะเรียนรู้ (Born to learn)  และเรียนรู้ (learn)  อย่างสนุก  นำมาใช้เพื่อสร้างสรรค์ เช่น เรื่องสองแชมป์กับทฤษฎี 4L's ที่แตกต่างกันบนเป้าหมายเดียวกัน  และได้แนวคิดเรื่องของ "คนเก่ง-คนดี" คือ "เก่ง 4 ดี 4" เก่ง 4  ได้แก่  เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด และเก่งเรียน สำคัญที่จะต้องเก่งคิด คิดเป็น ก้าวเป็น  ดี 4  คือ  ประพฤติดี  มีน้ำใจ ใฝ่ความรู้ คู่คุณธรรม และจะขอนำสูตรนี้ไปแปะไว้ที่ข้างฝาบ้างนะค่ะ  ประโยชน์ต่อองค์กร  ได้ความคิด-ความเชื่อที่ว่า "คนทุกคนเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากกว่าทรัพย์สินอื่นใดในองค์กร"  ต้องได้รับการพัฒนา ขัดมันให้ดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ต้องรักษาไว้ให้ดีที่สุด  "การทำงานที่ดีคือการทำงานที่เอาความสามารถของคน  แต่ละคนมารวมกัน"  การพัฒนามนุษย์โดยมุ่งเน้นการเรียนรู้ พร้อมทั้งกลยุทธ์ในการสร้างความเป็นเลิศให้องค์กรจากแรงจูงใจ  วิธีการบริหารองค์กร  ด้วยการทำกิจกรรม 5ส,  ระบบข้อเสนอแนะ  ระบบความปลอดภัย  และกิจกรรม  QCC  การวางระบบเรื่องการพัฒนาบุคลากรภายใต้แนวคิด  การพัฒนาบุคลากรเป็นการลงทุน (Investment) ของบริษัท  ที่ไม่ใช่ต้นทุน (Cost)  ประโยชน์ต่อประเทศ  การก้าวไปสู่การเป็นพลเมืองโลก  หรือ Global Citizen  จะต้องคล่องแคล่วใน 3 เรื่อง  ได้แก่  ภาษาไทย  ภาษาอังกฤษ  และเทคโนโลยี  การเพิ่มผลผลิต  การสร้างศักยภาพการแข่งขันระดับประเทศ  ด้วยการพัฒนาทรัพยากรโดยต้องการความร่วมมือ  จาก 4 องค์กรใหญ่  คือ  ภาครัฐ  ภาคเอกชน  ภาคนักวิชาการ  และแรงงาน

สรุป  การที่คนจะพัฒนาเพื่อที่จะก้าวต่อไปได้  สิ่งที่สำคัญคือจะต้องพัฒนาคนให้มีความรู้  ให้คิดเป็น  ก้าวเป็น  และอีกสิ่งหนึ่งคือการเรียนรู้ตลอดชีวิต

หมายเหตุ  ต้องขอโทษท่านอาจารย์ที่ตนเองได้ส่งงานล่าช้า  เพราะว่าคุณยายเสียชีวิตเมื่อวันจันทร์  และต้องดำเนินการเรื่องงานศพให้คุณยาย  ทำให้ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ 

นลินธร  สื่อเศรษฐสิทธิ์  รหัส 49038020015  รปม. รุ่น 3

เจริญพร ศ.ดร.จีระ และอาจารย์ยม จากที่อาตมาได้ฟังการบรรยายจากอาจารย์ยมเรื่องของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ใน วันอาทิตย์ที่ 14 ที่ผ่านมานั้น ซึ่งมีประเด่นที่น่าสนใจหลายประเด่นอาตมาขอสรุป 3 ประเด็นที่อาตมาสนใจดังนี้คือ เรื่องของการสร้างอำนาจ 5 อย่าง ได้แก่1. การสร้างอำนาจด้วยการให้ 2. อำนาจสร้างด้วยการติเตือน 3. อำนาจสร้างด้วยเป็นผู้รู้มากกว่า 4. อำนาจสร้างด้วยการอ้างอิง และ 5. อำนาจสร้างด้วยนิติกรรม นี่คือประเด่นที่หนึ่ง และประเด็นที่สองต่อเนื่องจากประเด็นที่หนึ่งคือนอกจาการสร้างอำนาจจากที่กล่าวมาแล้วนั้นผู้ใช้อำนาจนั้นจะต้องใช้อำนาจให้ถูกต้องและเป็นธรรมและควรจะทำควบคู่กันกับทฤษฎี 6 ท. คือ 1. ท้าทายที่จะทำ 2. ท่าทีดี 3. เที่ยงทำ 4. ท้องแท้ คือเมื่อพูดแล้วต้องทำ 5. ทบทวน 6. ทำ ทำอย่างเป็นระบบ และประเด็นที่สามคือ ทฤษฎี 3 ต. คือ ต่อเนื่อง ต่อเนื่อง และก็ต่อเนื่อง ประเด็นนี้สำคัญการที่เราจะทำอะไรนั้นถ้าขาดความต่อเนื่องนั้นก็คงจะทำให้งานนั้นไม่สำเร็จไม่บรรลุเป้าหมายผลสุดท้ายก็ต้องเลิกทำแล้วยังมีประโยคที่กินใจอยู่ประโยคหนึ่งคือ ลูกเป็นมรดกของแผ่นดิน ท่านผู้อ่านครับประโยคนี้น่าคิดนะครับถ้าเราจะฝากมรดกให้กับแผ่นดินเราต้องช่วยกันสร้างมรดกนี้ให้มีคุณค่าและล้ำค่าโดยเฉพาะท่านที่มีลูกทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นลูกพี่ ลูกน้อง และลูกศิษย์อันนี้ก็ขอฝากไว้นะครับ ส่วนปัญหาที่เกิดกับภาครัฐ นั้นคือ 1. เรื่องของการศึกษากล่าวคือการศึกษาของไทยค่อนข้างที่จะล้าหลังและไม่เป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณ ครูผู้สอน ตลอดจนหลักสูตรของการเรียนการสอน รัฐบาลไม่กล้าที่จะลงทุนเรื่องของการศึกษาอย่างจริงจังอย่าลืมว่าการศึกษาเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศถ้าเราไม่มีการพัฒนาคนในประเทศแล้วจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศจะทำให้ประเทศพัฒนาไปได้ช้า 2. เรื่องของการกระจายรายได้และงบประมาณที่ไม่เป็นธรรม ทำไมกรุงเทพจึงได้เจริญกว่าจังหวัดอื่นๆมีเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆเช่นไฟฟ้า น้ำประปา ทำไมต้องมีรถไฟฟ้า ตั้ง 5 สาย แล้วคนจังหวัดอื่นใช้ไม่เป็นหรืออย่างไรรัฐบาลขาดการดูแลเอาใจใส่ต่อประชาชนถ้าเราเปรียบประเทศเราเป็นร่างกายของคนเราบำรุงดูแลเอาใจใส่ส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายเราได้หรือไม่จะปล่อยให้หัวโต แขนขารีบไม่มีแรงแล้วเราจะทำอะไรได้ประเทศเราก็เหมือนกันเราจะให้ประเทศเราเป็นอย่างนั้นหรือ 3. เรื่องของคุณธรรมจริยธรรมของคน เรื่องนี้สำคัญครับต่อให้เป็นประเทศที่พัฒนาขนาดไหนก็ตามถ้าคนเราขาดคุณธรรมจริยธรรม ขาดกฎระเบียบแล้วสังคมนั้นก็อยู่ไม่ได้อยู่อย่างไม่มีความสุขแต่ก่อนนี้สังคมบ้านเราเป็นสังคมที่ดีมีความสุขแต่ปัจจุบันมีการพัฒนาทางด้านวัตถุให้มีความเจริญก้าวหน้า แต่การพัฒนาทางด้านจิตใจกลับลดลงซึ่งเราจะเป็นได้ตามสื่อต่างหรือข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์มีการฆ่ากัน ข่มขื่น แทบทุกวันซึ่งบ่งบอกถึงความคิดและความรู้สึกทางด้านจิตใจมันต่ำลงซึ่งมันขัดแย้งกันกับศิลธรรมและสังคมบ้านเราที่ควรจะเป็น ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา 1.รัฐบาลต้องมีการพัฒนาบุคลากรทางด้านการศึกษาไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาคารสถานที่ ครูผู้สอนตลอดจนหลักสูตรให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลกและสังคมทุ่มเทและจริงจังกับการปฏิรูปการศึกษาอย่างต่อเนื่องระดมสมองจากผู้รู้นักวิชาการทุกภาคส่วนร่วมกันออกแบบอนาคตของประเทศอย่างจริงจัง 2. รัฐควรกระจายรายได้และงบประมาณให้เป็นธรรม ร่วมกันพัฒนาส่วนที่ยังด้อยการพัฒนาให้เสมอภาคกันทั่วภูมิภาคไม่ให้เกิดความเลื่อมล้ำกันพัฒนาไปพร้อมๆกันทำให้สังคมเกิดความสมดุล 3. รัฐบาลควรกระตุ้นให้สังคมทุกภาคส่วนร่วมกันปลูกฝังค่านิยมที่ดีให้กับสังคมตลอดจนส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมให้เกิดขึ้นในครอบครัวและสังคมอย่างจริงจัง พระธวัชชัย ละครคิด [email protected]
พรยุพา คัมภีรญาณนนท์
เรียน      อาจารย์ยม  นาคสุข

     ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ยม  นาคสุข  ไว้ ณ ที่นี้  ที่ได้ให้คำติชม และให้กำลังใจแก่ลูกศิษย์ทุกคนในการเขียน  และทำให้เกิดพลัง   กำลังใจในการเขียนงาน  และจะพัฒนาการเขียนให้ดียิ่งขึ้นต่อไปอีก

     จากประเด็นที่เรียนรู้ได้ประเด็นที่น่าสนใจออกมาได้ 3  ประเด็น    ได้เรียนรู้การประเมินตัวเอง  และการวางแผนชีวิต  ประเมินว่าจะทำอย่างไรกับเวลาที่เหลืออยู่     1.  การวางแผนในการดำเนินชีวิตให้รัดกุมขึ้น  มีเป้าหมายในการดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่ว่าควรจะเริ่มอะไรก่อนหลัง  วางแผนอนาคตที่เหลืออยู่     2.  การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า  ด้วยการทำสิ่งดี ๆ  คืนสู่ครอบครัว  สังคม คิดดีทำดีนั่นเอง

     3.  ชีวิตต้องไม่ประมาทดำเนินชีวิตโดยใช้หลัก

เศรษฐกิจพอเพียง  สมดุล  และมีเหตุมีผล  ทำทุกอย่างที่เหลืออยู่อย่างมีขั้นตอน  สามารถกำหนดเวลาออกมาเป็นตารางในแต่วัน  เดือน  ปี   จนถึงเวลาสุดท้ายที่เหลือ

โดยใช้หลักง่าย ๆ

     การสร้างอำนาจ   5  อย่าง และควรเก็บไว้เป็นข้อควรจำ  หรือนำไปปฏิบัติต่อคือ

    1.  อำนาจสร้างได้ด้วยการให้  ถ้าเราเป็นผู้ให้ก่อน  สิ่งที่ได้รับตอบแทนกลับคืนมาก็การได้รับสิ่งดี ๆ กลับคืนมานั่นเอง     2.  อำนาจสร้างได้ด้วยการติเตียน  สอนสั่ง  เป็นการติเพื่อก่อต้องยอมรับในสิ่งที่เขาติเตียน  เพื่อนำมาเป็นบทเรียนในครั้งต่อไปเพื่อไม่ให้เกิดการผิดพลาดได้อีก

     3.  อำนาจสร้างได้ด้วยการเป็นผู้รู้มากกว่า  

ถ้าไม่หลงตัวเองมากเกินไป  สิ่งที่ผู้อื่นแนะนำ  ชี้แนะ 

นำเสนอ  และตัวเรายินดีน้อมรับกลับมาเป็นข้อคิด  ข้อควรระวัง  หรือใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้     4.  อำนาจสร้างได้ด้วยการอ้างอิง   สิ่งที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้เพื่อให้ลูกหลานได้ใช้ประโยชน์  หรือให้ไว้ต่อยอดในปัจจุบัน  สิ่งที่ควรสร้างเป็นอนุสรณ์สถาน  และอ้างอิงเหตุการณ์ดี ๆ  ที่ผ่านมาของท่านจะเป็นตัวอย่างเพราะอดีตสอนให้คนปัจจุบันเดินทางอย่างมีระบบ  ระเบียบ  และมั่นใจในการตัดสินใจ     5.  อำนาจสร้างได้โดยทางนิติกรรม  อำนาจที่เกิดจากกฎหมาย  ประกาศ  คำสั่ง  หรือข้อตกลงที่เป็นลายลักษณ์อักษร  คำสั่งแต่งตั้ง  หรือโฉนดต่าง    เช่น  อย่างไปหยึดติดกับสิ่งเหล่านี้เพราะจะทำให้เกิดทุกข์ทั้งสิ้น    Human  Resource  Management  HRM  การจัดการทรัพยากรมนุษย์            เป็นกระบวนการ  HRM  INPUT  สรรหา  คัดเลือก  บรรจุแต่งตั้ง  ส่วน  PROCESS  นั้นสามารถนำมาพัฒนา  บำรุงรักษา  เพื่อให้งาน  OUTPUT  ออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ  และสิ่งที่ตามมาคือผลกำไรนั่นเอง   ประเด็นที่ 2  การบริหารทรัพยากรมนุษย์  ของรัฐ  มีปัญหาอะไรบ้าง      1.  เรื่องคน  ขาดคุณธรรม  จริยธรรม  ขาดความรักสามัคคีเกิดการแตกแยก    2.  ระบบบริหารจัดการภาครัฐ  ขาดการวางแผน  และติดตามประเมินผล  ไม่ว่าจะเป็นโครงการเล็กหรือใหญ่เมื่อทำขึ้นมาแล้วไม่มีการติดตามผลงาน  ว่าได้ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว    3.  การศึกษาที่ล้าหลัง  เนื่องจากการศึกษาเป็นพื้นฐานสำคัญของประเทศที่ส่งผลให้ประเทศก้าวหน้าและก้าวไกลถ้าคนในประเทศมีวุฒิภาวะทางด้านการศึกษาอยู่ในระดับดี   ประเด็นที่ 3  ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาให้ภาครัฐ       1.  เรื่องของทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการส่งเสริมคุณธรรม  จริยธรรม  ทั้งภาครัฐและเอกชน       2.  ต้องควบคุมและติดตามอย่างต่อเนื่อง  ต้องใช้ระบบ PDCA  ต้องมีการวางแผนและติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่องและจริงจัง      3.  หลักสูตรของการศึกษา  ต้องปรับปรุงให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก  และมีเป้าหมายที่ชัดเจนต่อเนื่อง       จากการเสนอประเด็นไปทั้งหมดนั้น  ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์  องค์กรจะประสบความสำเร็จ  จะต้องเพิ่มพูนความรู้  กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยใส่ใจ  ดูแล  และสร้างขวัญและกำลังใจ  เพื่อพัฒนาองค์กร  โดยเฉพาะคนในองค์กรให้ดำเนินไปสู่จุดหมายเดียวกัน  คือผลสำเร็จของเป้าหมายที่ได้วางไว้  เป็นการบูรณาการขั้นพื้นฐานเพื่อต่อยอดไปสู่อนาคตต่อไป พรยุพา  คัมภีรญาณนนท์   49038010034  รปม.3    Pornyupa_tew @ yahoo.co.th 
ยม "นมัสการพระคุณเจ้า นักศึกษา MPA 3 สวนสุนันทาฯ

นมัสการพระคุณเจ้า นักศึกษา MPA 3 สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ และท่านผู้อ่านทุกท่าน 

 

 

ผมได้อ่าน บทความของท่านทุกบล็อก ของพระ  ท่านทำได้ดี และพัฒนาขึ้นเห็นได้ชัด

  

มีประเด็นที่ผมคิดว่า ขอให้ท่านช่วยอธิบายขยายความ ในเรื่องที่ผมให้ทำกิจกรรม การบริหารพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ในเรื่องของกิจกรรมการวางแผนชีวิต  การกำหนดอายุปัจจุบัน กับการสมมติกำหนดจุดสุดท้ายไว้ในแผน แผ่นกระดาษที่มีตัวเลขอายุ  กิจกรรม นี้  

 

 

ในความเห็นหรือทัศนของท่าน  นักศึกษาได้ประโยชน์อะไร ได้ข้อคิดอะไร และคิดว่าจะนำไปปฏิบัติตนอย่างไร  เพื่อให้ข้อคิดแก่ฆราวาส เพื่อนนักศึกษา และท่านผู้สนใจ ได้ข้อคิด ท่านอาจจะใส่ข้อคิดหลักธรรมที่เกี่ยวข้อง ไว้ตอนท้าย 

  ผมจะช่วย Comment ให้ เป็นการแนะให้ท่านเป็นการทำบุญ ทางปัญญา ผ่านทาง บล็อก นี้ ครับ  
เรียน   ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมย์   และอาจารย์ยม   นาคสุข  ที่เคารพ                  การได้เป็นลูกศิษย์ ศ.ดร. จีระ และอาจารย์ ยม นอกจากได้รับความรู้และสิ่งดี ๆ  แล้ว ทำให้มีโอกาสได้เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ เช่น การส่งงานทาง Blog   ซึ่งทำให้เห็นว่าทุกคนมีศักยภาพที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้เสมอ  เพื่อน ๆ หลายคนมี ข้อคิดเห็นดี ๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อน                   ที่สำคัญอาจารย์ได้กรุณา  มาให้คำแนะนำ  วิธีการเขียน เป็นระยะ ๆ  ทำให้รู้สึกมีกำลังใจที่จะพัฒนาตนเองและพยายามเรียนรู้ต่อไปขออนุญาตเป็นตัวแทนเพื่อน ๆ ขอบพระคุณอาจารย์มา ณ โอกาสนี้ด้วยขอส่งงานที่ได้รับจากการเรียนเมื่อวันที่  14 มกราคม  2550  ประเด็นที่ 1  ความรู้ที่ได้จากการเรียนที่สนใจ  3  เรื่อง  คือ  1. การสร้างอำนาจ   5 อย่าง ประกอบด้วย     - อำนาจสร้างได้ด้วยการให้ เช่น ให้โอกาส ให้ความรู้ ให้ความรัก ให้อภัย       - อำนาจสร้างได้ด้วยการติเตียน  และสอนสั่งให้ถูกเวลาสถานที่     - อำนาจสร้างได้ด้วยการเป็นผู้รู้มากกว่าเมื่อมีโอกาสต้องแสดงความรู้และสอน    - อำนาจสร้างด้วยการอ้างอิง    -  อำนาจทางนิติกรรม  ทางกฎหมายอำนาจมีความสัมพันธ์กับความสำเร็จ และความสุข   อำนาจต้องสร้าง  ต้องรักษา   และใช้อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง จะทำให้เกิดศรัทธาและบารมี 2.  ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์  4 ด้าน  คือ        การเมือง (Political)                      เศรษฐกิจ   (Economy)        สังคม วัฒนธรรม (Social)               เทคโนโลยี (Technology)  ชอบเพราะว่าทำให้เรามองและคิดกว้างขึ้น มองอะไรต้องมองหลาย ๆ ด้าน 3.   เทคนิคการสู่ความก้าวหน้า  6  ท.  ได้แก่     -   ท้าทาย     อยากที่จะทำงานยาก  งานที่ไม่มีคนทำมาก่อน     -   ท่าทีที่ดี    มาจากคิดดี  พฤติกรรมดี  นิสัยดี  บุลลิกดี  อนาคตดี      -   เที่ยงธรรม  มาจากหลายธรรม   ธรรมาภิบาล   คุณธรรม  จริยธรรม     -   ทองแท้    ซื่อสัตย์สุจริต    เสมอต้นเสมอปลาย     -   ทบทวน    ค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมเสมอ     -   ทำ          ทำด้วยความมุ่งมั่น  อดทน  ต่อเนื่อง  ตั้งใจชอบเพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน  ที่สำคัญสามารถเริ่มทำกับตนเองได้ทันที  ประเด็นที่ 2  การบริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐมีปัญหาอะไรบ้าง1.  บุคลากรภาครัฐส่วนใหญ่ทำงานไม่เต็มศักยภาพ  ทำให้ผลงานไม่ประสิทธิภาพ  วัฒนธรรมองค์กรยังเป็นแบบเดิมทำงานเน้นกระบวนการและขั้นตอน  ทำให้งานล่าช้า  ไม่เน้นผลลัพธ์ (Outcome)  2.   ขาดแรงจูงใจในการเรียนรู้  และแสวงหาความรู้   เพื่อพัฒนาตนเอง  พัฒนาองค์กร   และพัฒนาประเทศชาติ  3)   ปัญหาระบบการศึกษาของประเทศ ไม่สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศ  ไม่มีการวางแผนระยะยาว  หลักสูตร  วิธีการสอนไม่ทันสมัย  ไม่เอื้อต่อการเรียนรู้และพัฒนา     ประเด็นที่ 3  ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา   1.    ผู้นำองค์กรต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาข้าราชการเป็นอันดับแรกส่งเสริมสนับสนุนสร้างสังคมและวัฒนธรรมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและเรียนรู้ตลอดชีวิต     หาวิธีดึงศักยภาพของคนที่มีอยู่มาใช้พัฒนาองค์กรให้ได้   ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี    ปรับเปลี่ยนทัศคนติ กระบวนทัศน์ และวิธีการทำงานใหม่ โดยมีเป้าหมายอยู่ประโยชน์สุขของประชาชน 2.  ผู้บริหารต้องกำหนดนโยบายด้านการศึกษาของประเทศใหม่  ทั้งระบบเริ่มตั้งแต่การกำหนดหลักสูตร  วิธีการเรียนการสอน  กระจายโอกาสทางการศึกษาให้ทั่วถึง   รวมถึงการผลิตครูอาจารย์สาขาที่สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศ     3.   รณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง เลือก ส.ส. หรือ ส.ว. หรือ  ผู้บริหารองค์กรส่วนท้องถิ่น  จากผู้ที่มีความรู้ความสามารถ  มีคุณธรรม  ดูประวัติและผลงาน  เนื่องจากจะเป็นผู้ที่มากำหนดนโยบายในการบริหารประเทศ    หากเลือกจากผู้ที่ซื้อเสียงก็จะมาคอรัปชั่น เอาคืน   หากเกิดมาก ๆ  จะทำให้เกิดรัฐประหารซึ่งเป็นวงจรอุบาทว์ เป็นสาเหตุให้ประเทศชาติพัฒนาล่าช้า                                       ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะเริ่มต้นด้วยการพัฒนาตนเองก่อน และร่วมด้วยช่วยกัน  สร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้  โดยมีเป้าหมายเดียวกัน คือพัฒนาประเทศชาติ ให้เจริญก้าวหน้า    ถึงเวลาหรือยังที่ผู้บริหารประเทศจะหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างจริงจังเสียที  สิ่งสำคัญที่สุดคือประชาชนทุกคนต้องพร้อมที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของภาครัฐและการเมืองอย่างจริงจัง เพื่อให้การคอรัปชั่นค่อย ๆ หายไป     ศรีปัญญา   วัชนาค [email protected]

สวัสดี ครับ ท่าน  อาจารย์ยม   นาคสุข                 

จากการบรรยายของอาจารย์เรื่องการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เมื่อวันที่ 14  มกราคม 2550  กระผมขอตอบอาจารย์ดังนี้ประเด็นที่ 1

1.วิธิสร้างอำนาจ  5  อย่าง ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์   

    1) อำนาจสร้างได้โดยการให้  ได้แก่  การให้โอกาส ให้อภัย ให้ความรู้ ให้ความรัก ให้ความเป็นกันเอง ให้เกียรติ ฯลฯ ในวันหนึ่งๆต้องทำอย่างนี้กับลูกอาจจะทำไม่ทั่วถึงทุกคนแต่ต้องทำทุกวัน                                 2) อำนาจสร้างได้โดยการติเตียน แต่ต้องทำให้ถูกเวลา ถูกสถานที่ และถูกบุคล การติเตียนลูกน้องต้องทำไม่เกิน 3 ครั้ง                                    3) อำนาจสร้างได้โดยเป็นผู้รู้มากกว่า เช่นลูกน้องทำงานผิดพลาด ต้องแนะนำในทางที่ถูกทันที เพื่อแสดงให้เขาเห็นว่าเรารู้มากกว่าเขาและควรรู้มากกว่าเขาในหลายๆเรื่อง เช่น อาจรู้เรื่องกฎหมาย รู้เรื่องการบริหารฯลฯ            4)  อำนาจอ้างอิง  เช่นเราได้รับเกียรติให้ติดตามเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ไปในที่ต่างๆ เมื่อมีคนมาเห็นเราบ่อยๆ ก็จะทำให้เรามีอำนาจ                   

   5)  อำนาจทางนิติกรรม คือการที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่างๆในสายผู้บริหาร ต้องติดประกาศให้ทุกคนทราบ                                       

   2. หลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี โดยใช้หลักธรรมมาภิบาล( Good Governance)ได้แก่       - การใช้หลักนิติกรรม                                                 - การใช้หลักคุณธรรม               - การใช้หลักความโปร่งใส จะทำอะไรต้องตรวจสอบได้               - ใช้หลักการมีส่วนร่วม โดยให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม               - ใช้หลักความรับผิดชอบ ต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน               - ใช้หลักความคุ่มค่า ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าในการใช้ทรัพยากรและผลตอบแทนที่จะได้รับ 3.  ทฤษฏี 6 ท ได้แก่                   1)  ท้าท้าย เมื่อมีงานทียากที่คนอื่นไม่ทำเราต้องกล้าที่จะทำ                2)     ท่าที  ต้องมีท่าที่ดี มาจากคิดดี ทำดี พฤติกรรมดี นิสัยดี บุคลิกภาพดี อนาคตที่ดีก็จะตามมา                3)  เที่ยงธรรม ประกอบด้วยธรรมะ คุณธรรม  หลักธรรมมาบาล               4)     ทองแท้ เมื่อพูดอะไรต้องทำอย่างนั้น ต้องมีความซื่อสัตย์ ซื่อตรง ตรวจสอบได้เสมอต้นเสมอปลาย                 5)    ทบทวน ต้องทบทวนเพื่อจะได้รู้ว่าเราได้ทำอะไรไปและจะต้องทำอะไร การทบทวนจะทำให้จำได้มากขึ้น                 6)    ทำ ต้องทำด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่น อดทน ถ้าเรามี 6 ทอเราจะเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่า โลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง ลูกค้าจะต้องก็จะต้องเปลี่ยนเราเอง        ประเด็นที่  2   ปัญหาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ พอสรุปได้ดังนี้ี                                           1. คนไทยมีการศึกษาน้อย รัฐควรยกระดับการศึกษาของข้าราชสูงขึ้น              2. ปัญหาผลกระทบทางสังคมและวัฒนธรรม เนื่องจากปัจจุบันโลกได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากทำให้วัฒนธรรมจากโลกตะวันตก เข้ามามีอิทธิพลต่อเด็กและเยาวชนเป็นอย่างมาก                3.  ปัญหาเกี่ยวกับตัวผู้นำ ซึ่งผู้บริหารส่วนใหญ่จะบริหารแบบเก่าๆ ไม่ค่อยพัฒนา และผู้บริหารส่วนมากมาจากระบบอุปถัมภ์จึงต้องทำงานเพื่อสนองความต้องการของพรรคพวก โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ  ข้อเสนอแนะวิธีแก้ปัญหา                     1.  ต้องพัฒนาการศึกษาของไทยให้มีความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน                   2.  ต้องช่วยกันรณรงค์และปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนรู้สึกรักและหวงแหนวัฒนธรรมที่ดีงามของไทยโดยจะต้องช่วยกันทุกฝ่าย เริ่มตั้งแต่ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และคนในสังคมทุกคนช่วยกัน                  3. ผู้นำจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถจริงๆ มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ไม่ควรมาจากระบบอุปถัมภ์และควรจะมีความรับผิดและชอบต่อสิ่งที่ได้กระทำควรมีหลักธรรมมาภิบาลและให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก                                       

ประเด็นที่ 2

1.    ระบบการอุปถัมภ์  เป็นการให้ผลประโยชน์กับพวกพ้องมากกว่าให้ส่วนรวม

2.    อำนาจการตัดสินอยู่ที่ผู้นำเพียงคนเดียว

3.    การพัฒนาระบบทรัพยากรมนุษย์ยังไม่เป็นระบบ

4.    การไม่ใช้เทคโนโลยีให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงาน

   ประเด็นที่   3

1.     ผู้บริหารต้องเปิดใจให้กว้างรักลูกน้อง

2.     ผู้บริหารต้องนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารเพื่อความโปร่งใส3.     มีระบบการคัดเลือกผู้นำที่มีความโปร่งใส ยุติธรรม 

อาจารย์ครับผมต้องขออภัยด้วยครับถ้าผมสรุปคำตอบวิชาที่อาจารย์ที่สอนได้ไม่ค่อยดีเนื่องจากวันที่ 14  มกราคม 2550 ผมไม่ได้มาเรียนผมมีความจำเป็นต้องไปทำธุระต่างจังหวัด ขอแสดงความนับถือ นายประเชิญ  คำมีร.ป.ม.3 รหัส  49038010027
นส.ศุลีพร ม้าไว รหัส 49038010019

เรียน อาจารย์ยม  นาคสุข

               ก่อนอื่นต้องขอโทษอาจารย์ด้วยนะค่ะที่สรุปประเด็นช้า การเรียนกับอาจารย์ในวันที่ 14 มกราคม 2550 มีประโยชน์มากเลยค่ะเพราะเป็นงานที่ดิฉันรับผิดชอบอยู่ (งานบุคคล)  จึงขอสรุปประเด็นที่ได้เรียนในวันนี้ดังนี้นะค่ะ

         ประเด็นที่  1  

1.     การบริหารทรัพยากรมนุษย์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการวางแผน การกำหนดคุณลักษณะ  การเปลี่ยนนิสัยคนเมื่อเข้ามาอยู่ในองค์กร

2.     หลักในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ทำให้เกิดความเป็นธรรมในการจ้างงาน  การมีสภาพการทำงานที่ดี  ให้พนักงานมีส่วนรวม  การยอมรับและเชื่อมั่นในความสามารถของพนักงาน และการให้ความสำคัญต่อพนักงาน

3.     การวางแผนชีวิต จากเอกสารการกำหนดเปอร์เซ็น ทำให้ได้ตัวเลข ให้ทราบถึงระยะเวลาอายุที่เหลือ ทำให้เราสามารถที่จะวางแผนการดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่ให้มีความสุข ตั้งอยู่บนความไม่ประมาท

4.     การพัฒนาตนเอง ให้รู้จักสำรวจตนเอง การวิเคราะห์ตนเอง การวางแผนชีวิตตนเอง          ประเด็นที่ 2

1.     ระบบบริหารจัดการภาครัฐ  ขาดการวางแผน  และติดตามประเมินผล 

2.     ระบบอุปถัมภ์ เรื่องบุคลากร มีการแทรกแซง

3.       อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ผู้นำเพียงคนเดียว

4.       การบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ไม่เป็นระบบ 

ประเด็นที่ 3

1.               รัฐบาลต้องมีการพัฒนาบุคลากรทางด้านการศึกษา หลักสูตร ผู้สอน ให้มีมาตราฐานก้าวทันโลกปัจจุบัน

2.             การกระจายรายได้ออกไปตามส่วนภูมิภาคให้ทั่วถึง ให้เกิดการพัฒนา และปลูกจิตสำนึกให้รักบ้านเกิด

3.               การนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์        4.   ให้มีระบบการคัดเลือกผู้บริหารที่โปร่งใสชัดเจน 
นายภานุพงษ์ พิศรูป รหัส 49038020005
สวัสดีครับ อาจารย์ยม  นาคสุข การเรียนกับอาจารย์ในวันที่ 14 มกราคม 2550 มีประโยชน์มากครับผมขอสรุปดังนี้

        

ประเด็นที่  1   การเรียนในวันนี้ได้อะไร

1.     ปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบ

-        การเมือง

-        เศรษฐกิจ

-        สังคม

-        เทคโนโลยี

2.     การสร้างอำนาจ 5 อย่างในการบริหารทรัพยากรมนุษย์

- การให้

- ติ เตือน สอน

- เป็นผู้รู้มากกว่า

- อ้างอิง

- นิติกรรม

3.     หลักในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ทำให้เกิดความเป็นธรรมในการจ้างงาน  การมีสภาพการทำงานที่ดี  ให้พนักงานมีส่วนรวม  การยอมรับและเชื่อมั่นในความสามารถของพนักงาน และการให้ความสำคัญต่อพนักงาน

4.     การพัฒนาตนเอง ให้รู้จักสำรวจตนเอง การวิเคราะห์ตนเอง การวางแผนชีวิตตนเอง

 

5.     กลยุทธ์องค์กรที่ทันสมัย  เช่น การให้บริการที่ดี ถูกต้องตามความต้องการ การมอบอำนาจ การเรียนรู้ ประเด็นที่ 2

1.    มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในองค์กร  แต่ไม่ฝึกคนให้เก่งที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ขาดความรู้ความเข้าใจในระบบ

2.    การบริหารราชการในระบบเดิมๆ  มีขั้นตอนซับซ้อนมากเกินความจำเป็น  มีกฎระเบียบที่มากมาย  ทำให้มาตรฐานการบริการของ    ที่มีต่อประชาชนขาดการเอาใจใส่ที่ดี 

 

ประเด็นที่ 3

1. การกำหนดกรอบจริยธรรมการดำเนินการโดยใช้หลักธรรมาภิบาลคุณธรรม ความโปร่งใส การมีส่วนรวม ความรับผิดชอบ และความคุ้มค่า

 

2.    รัฐบาลต้องมีการพัฒนาทางด้านการศึกษา  ให้กำหนดกรอบการศึกษาให้มีมาตรฐาน เท่าเทียมกับต่างประเทศ

 

3. ผู้บริหารจะต้องเปิดใจให้กว้าง มีความรักให้กับลูกน้องอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

 
นายประเวช ลิกขไชย
เรียน อ.ยม นาคสุข จากการเรียนวันที่ 14 มกราคม 2550 ได้มีกิจกรรมกลุ่มและอภิปราย กระผมได้สนใจประเด็นหลักอยู่ 3 ประเด็น ดังนี้ คือ 1. หลักทฤษฎี 6 ทฤษฎี ถ้าทำได้จะเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า - ท้าทาย กล้าท้าทาย ทำงาน - ท่าทีที่ดี คิดดี ทำดี บุคลิกภาพดี - เที่ยงธรรม หลักธรรมมาภิบาล - ทองแท้ ซึ่งสัตย์ ซื่อตรง โปร่งใส - ทบทวน หมั่นทบทวน - ทำ มุ่งมั่นขยันอดทน 2. หลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี - หลักนิติธรรม - หลักคุณธรรม - หลักความโปร่งใส - หลักการมีส่วนรวม - หลักการรับผิดชอบ - หลักความคุ้มค่า 3. องค์การในอนาคตจะมีลักษณะดังนี้ - มีเป้าหมายและวิจัยทัศน์ร่วมกันเน้นการวิจัยและการพัฒนา - กิจกรรมต่างๆ ขององค์การที่รวมกันปฏิบัติ จงมุ่งตอบสนองต่อสมรรถนะหลัก - เน้นการทำงานเป็นทีมที่เป็นระบบ เป็นอิสระเอกเทศ และเรียนรู้ได้เร็ว - มีการดำเนินงานในรูปของเครือข่ายที่มีฐานข้อมูลสนับสนุน ปัญหาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของภาครัฐ 1. ขาดเป้าหมายในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในประเทศ คือ รัฐบาลไม่มีการวางแผนและกำหนดเป้าหมายของคนในประเทศที่ชัดเจนว่าระยะเวลาเท่านี้เราควรจะพัฒนาบุคลากรส่วนไหนของประเทศ เช่น ครู แพทย์ นักวิทยาศาสตร์ จำนวนกี่คนถึงจะเพียงพอกับความต้องการในประเทศของเราเป็นต้น 2.ขาด มาตรฐานในการดำรงชีพของคนในประเทศ คือ ปัจจุบันนี้สังคมบ้านเรายังขาดการดูแลเอาใจใส่จากภาครัฐไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่อยู่อาศัย การดูแลรักษาพยาบาล ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำดงชีพของคนเราในสังคมบ้านเราซึ่งมีคนจำนวนไม่น้อยในสังคมที่รัฐบาลควรจะเข้าไปดูแล 3. เรื่องของค่านิยมในสังคม เรื่องนี้เป็นปัญหาสังคม ที่สำคัญปัจจุบันเรารับค่านิยมที่ผิดๆมาจากต่างชาติไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษา การแต่งกาย และวัฒนธรรม ซึ่งมันทำให้สังคมไทยเปลี่ยนไปจากอดีตคุณค่าที่เคยมีเริ่มลดน้อยถอยลงทุกวัน อันนนี้เราทุกคนจะต้องร่วมกันดูแลและรักษาไว้ ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา คือ 1. รัฐบาลต้องกำหนดเป้าหมายในการผลิตบุคลากรของประเทศให้ชัดเจนโดยอาศัยหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีหน้าที่ผลิตทรัพยากรมนุษย์โดยตรงและสำคัญที่สุดในการพัฒนาประเทศต่อไป 2. รัฐบาลควรจัดสรรดูแลประชาชนให้ได้รับการดำรงชีพขั้นพื้นฐานคือปัจจัย 4 อย่างทั่วถึงและจริงจัง 3. รัฐบาลและสังคมต้องช่วยกันส่งเสริมค่านิยมที่ถูกต้องและช่วยกันรักษาประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงานของไทยไม่ให้หายไปจากสังคมไทย นายประเวช ลิกขะไชย รหัส 49038020010
พระธวัชชัย ละครคิด
เจริญพร อาจารย์จีระ และอาจารย์ยม อาตมาต้องขอบคุณอาจารย์จีระที่ได้ส่งบทความแบ่งปันปัญญาสร้างสังคมนี้ให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ และคำติชมจากอาจารย์ยมสำหรับกิจกรรมที่อาจารย์ยมจะให้อาตมาช่วยอธิบาย การวางแผนชีวิต การกำหนดอายุปัจจุบัน กับการสมมติกำหนดจุดสุดท้ายของชีวิตนั้นอาตมายินดีและจะได้อธิบายในวันต่อไป ต้องขอเจริญพรขอบคุณอาจารย์ทั้งสองท่านที่ให้คำปรึกษาและข้อแนะนำต่างๆครับ เจริญพร พระธวัชชัย ละครคิด
พ.ท.ธีรชัย ไชยมะโน
เรียนท่านอาจารย์ยม  นาคสุข  ที่เคารพ     จากการเรียนเมื่อวันที่  14  ม.ค.50     ท่านอาจารย์ให้สรุปเนื้อหาที่ตนเองสนใจมา  3  ประเด็น     และตอบปัญหาพร้อมทั้งวิธีการแก้ไขในเรื่องของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของภาครัฐ    กระผมขออนุญาตสรุปแยกประเด็นดังนี้ครับ1.       ประเด็นที่สนใจ  3   ข้อ                     1.1   ปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อบริหารทรัพยากรมนุษย์ (ทฤษฎี  PEST) ได้แก่                     Political  การเมือง                      Economy เศรษฐกิจ                      Social สังคม วัฒนธรรม                     Technology เทคโนโลยี1.2    หลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ดี (Good  Governane)  หรือหลักธรรมาภิบาล มี  6  ข้อ   ได้แก่ หลักนิติธรรม  หลักคุณธรรม  หลักความโปร่งใส  หลักการมีส่วนร่วม  หลักความรับผิดชอบ  และหลักการคุ้มค่า1.3    การสร้างอำนาจ  5  ประการ คือ                        1.3.1. อำนาจที่สร้างด้วยการให้ (ให้โอกาส  ให้อภัย  ให้ความรู้   ให้ความรัก  )1.3.2 อำนาจที่สร้างด้วยการติเตียนสอนสั่ง(ต้องให้ถูกเวลาสถานที่ และบุคคลด้วย)1.3.3 อำนาจที่ได้มาด้วยการเป็นผู้รู้มากกว่า1.3.4  อำนาจได้มาด้วยการอ้างอิง  (การอ้างอิงบุคคลที่มีชื่อเสียง/สำคัญ)1.3.5   อำนาจได้มาด้วยการทำนิติกรรม (คำสั่ง )              2. ปัญหาทรัพยากรมนุษย์ของภาครัฐ  มีปัญหาดังนี้                2.1  ไม่มีการวางแผนการพัฒนาบุคคลากร  เนื่องจากมองไม่เห็นความสำคัญและเป็นเรื่องไกลตัว   มองคนเป็นเหมือนเครื่องจักรทำงานตามคำสั่ง(Order)  ไม่รู้จักคิด    คิดไม่เป็น   ไม่รู้จักพัฒนาความคิด   คอยลอกแต่ของเก่า ๆ  ไม่พัฒนา     รัฐมองเน้นให้ความสำคัญเรื่องเทคโนโลยีมากกว่าคน   แล้วคิดพัฒนาคนทีหลังให้ทันกับเทคโนโลยีทีหลัง   ซึ่งไม่ถูกต้อง              2.2  คนขาดคุณธรรม    จริยธรรม   จริยธรรมคือการรู้ว่าอะไรควร/ไม่ควร   หลงใหลในวัตถุนิยม    ขาดสติจะเอาแต่สินบน   มองสบช่องทางในการทุจริตมากขึ้นเนื่องจากมีผลประโยชน์  คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประเทศชาติ (ทักษิณฯ  ขายหุ้น, การจัดซื้อเครื่อง  CTX , โครงการกล้ายาง ฯลฯ)              2.3 การยึดติดอำนาจของผู้บริหาร   ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของสังคม    ผู้บริหารมีมุมมอง (VISION)  แบบเก่า  มองแต่ของเดิม ๆ ไม่เปลี่ยนแปลงระบบเนื่องจากเป็นการบั่นทอนอำนาจตนเอง            2.4  ไม่มีการประเมินผลอย่างมีประสิทธิภาพ  ขาดการ QC   การพิจารณาความดีความชอบยังใช้ระบบอุปถัมภ์  ไม่ใช้คุณธรรม     ไม่มีความยุติธรรม            3. วิธีแก้ไขปัญหา            3.1  ต้องปรับปรุงการศึกษา  โดยวางแผนให้การศึกษาแก่เด็กนักเรียนระดับประถมศึกษาปลุกจิตสำนึกให้แก่เยาวชนรู้ถึงคุณค่าของความเป็นมนุษย์     สิทธิ และเสรีภาพของมนุษย์  (การลงทุนมนุษย์ต้องอาศัยเวลาอาจทั้งชีวิตแต่ก็คุ้มกับการลงทุน)            3.2 รัฐบาลต้องปรับโครงสร้างระบบการศึกษา   เทคโนโลยีสารสนเทศ   ระบบสื่อสารมวลชน  ให้สอดคล้องกับเหมาะสมกับความเป็นไทย  ไม่ยึดติดกับวัตถุนิยม  ความฟุ้งเฟ้อแฟชั่น  หรือตามกระแสโลกาภิวัฒน์   ยึดหลักเศรษฐกิจแบบพอเพียงตามแนวพระราชดำริ     มีพออยู่พอกินใช้ความคิดในการพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยต้องคำนึงถึงทรัพยากรธรรมชาติ            3.3  ปรับย้ายผู้บริหารระบบเก่าที่มีความคิดแบบเก่า ๆ  เอาผู้บริหารแนวใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์มาปฏิบัติงาน   นำเอาทฤษฎีบริหารจัดการสมัยใหม่มาใช้  ต้องพัฒนาคนให้เหมาะกับงานเพื่อปรับปรุงวิธีการทำงานหรือเพิ่มผลผลิต    หรือปรับปรุงการให้บริการแก่ประชาชนซึ่งเป็นผู้รับบริการ(ลูกค้า)  อย่างดีที่สุด            3.4 วางระบบประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ  เพื่อวัดผลงานอย่างแท้จริง   นำระบบ  QC  มาใช้ในภาครัฐอย่างต่อเนื่องหรือนำหลักการ  นำทฤษฎี  4L’s  มาประยุกต์ใช้กับองค์กร  นำหลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์มาใช้ตามหลักการข้างต้นดังที่กล่าวมา            จากทั้งหมดนี้เป็นการรวบรวมสติปัญญา(เท่าที่มีตอนนี้)  มาเพื่อนำเสนอต่ออาจารย์และเพื่อน ๆ เป็นแนวทางศึกษาในวิชานี้     อาจไม่หวือหวาหรือโดนใจใคร(บางคน)   ส่วนใครจะฉีกแนวคำตอบหรือคิดนอกกรอบนอกเหนือจากนี้ก็สุดแล้วแต่ครับ ขออาจารย์ช่วยวิจารณ์ด้วยครับ...... พ.ท.ธีรชัย  ไชยมะโน  รปม.3 หมายเลขประจำตัว  49038010028    โทร.086-970-9945
ยม "ใครจะอาสา แสดงทัศน เพิ่มเติมเกี่ยวกับ กิจกรรม แผนชีวิต หนึ่งในเครือ่งมือพัฒนาทรัพยากรมนุษย์"
 

สวัสดี ครับ ศ.ดร.จีระ /นักศึกษา MPA 3 สวนสุนันทา และท่านผู้อ่านทุกท่าน

  

จากที่ได้ขอให้พระนักศึกษา MPA 3 แสดงทัศนเกี่ยวกับการกำหนดจุดเริ่มต้น และการวางแผนจุดสุดท้าย ในอนาคต ซึ่งเป็นการวางแผนพัฒนาตนเอง อันจะไปสู่การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

  

ในประเด็นที่ขอให้พระนักศึกษา แสดงทัศนความเห็นนั้น หากนักศึกษา ท่านอื่น จะอาสาร่วมแสดงความเห็นก็จะยิ่งดีต่อตัวท่านเอง ต่อท่านผู้สนใจ ในสังคมการเรียนรู้แห่งนี้ ก็ขอเชิญนักศึกษาท่านอื่น ร่วมอาสาแสดงทัศนเกี่ยวกับแผนชีวิต

  

ก็ไม่ต้องยาวมาก พยายามเขียนโฟกัส ไปที่ ว่า กิจกรรมแผนชีวิตนี้ ท่านเคยได้ทำมาก่อนหรือไม่ ทำมากี่ครั้งแล้ว เมื่อได้ทำครั้งที่เรียนกับผมรู้สึกอย่างไร ความรู้สึกเมื่อได้เห็นภาพชีวิตของเราเอง ณ จุดที่เราอยู่กับจุดที่เราจะพบในอนาคต รู้สึกอย่างไร 

  

ต่อมา ได้ข้อคิดอะไร สะกิดใจบ้างและจะนำไปทำประโยชน์กับตนเอง กับสังคม กับ HR รอบข้างได้อย่างไร  เท่าที่ให้แนวไปดูจะกว้าง แต่เป็นเรื่องท้าทายที่จะให้ท่านได้เขียน

  ท้าทายให้มองภาพกว้างแล้วมาเขียนให้แคบ คม ชัด ลึก เข้าใจง่าย ได้สาระ   นี่เป็นสิ่งท้าทายให้พวกเรา ได้ทบทวนชีวิตตนเอง  ดำเนินชีวิตตามหลักธรรม เที่ยงธรรม และทำอะไรให้จริง มองการณ์ไกล ยั่งยืน    หลังจากที่ผมได้ขอให้พระนักศึกษา แสดงทัศนในเรื่องดังกล่าวแล้ว ผมได้อ่านบทความของนักศึกษาเพิ่มเติม ได้แก่ 
  • ศรีปัญญา วัชนาค เมื่อ ศ. 19 ม.ค. 2550 @ 20:28 (141203) เขียนได้ครอบคลุมประเด็น ข้อเสนอแนะน่าสนใจ ขยันเขียนครับ
  • นายประเชิญ คำมี เมื่อ ศ. 19 ม.ค. 2550 @ 20:32 (141207) สำหรับท่านนี้ ถึงแม้ไม่ได้มาเรียน สรุปได้แค่นั้นผมก็คิดว่า OK  ที่ชื่นชมคือถึงไม่ได้มา แต่ก็สนใจศึกษา และส่งงานมา ขอชื่นชมต่อความรับผิดชอบ ควรขอสไลด์จากเพื่อนๆ ไปศึกษาเพิ่มเติม ครับ
  • นส.ศุลีพร ม้าไว รหัส 49038010019 เมื่อ ศ. 19 ม.ค. 2550 @ 20:33 (141210) ทำงานด้านบุคคล รัฐหรือเอกชนครับ  เขียนได้กระชับ ครบประเด็น ในอนาคตถ้าต่อยอดได้จะดีมาก ควรศึกษาอย่างต่อเนื่อง ถ้าทำงานด้าน บุคคล ผมแนะนำให้ศึกษาองค์ความรู้ ด้าน HR ให้บ่อยและมากขึ้น ในเว็ปของ ศ.ดร.จีระ มีข้อมุลเยอะ ของผมก็ทยอยเขียน ลองศึกษาดูครับ
  • นายภานุพงษ์ พิศรูป รหัส 49038020005 เมื่อ ศ. 19 ม.ค. 2550 @ 21:02 (141232)   เขียนได้กระชับ ครบประเด็น ในอนาคตถ้าต่อยอดได้จะดีมาก ควรศึกษาอย่างต่อเนื่อง ครับ
  • นายประเวช ลิกขไชย เมื่อ ศ. 19 ม.ค. 2550 @ 22:19 (141298) เขียนได้ดี มีสาระน่าสนใจ เสียดายตัวอักษรเล็กไป พยายามหมั่นฝึกฝนการเขียน บ่อย ๆ จะพัฒนาได้ดียิ่งขึ้น
  • พระธวัชชัย ละครคิด เมื่อ ศ. 19 ม.ค. 2550 @ 22:35 (141317) สำหรับท่าน ผมสนใจที่จะเข้าไปช่วยท่านในเรื่องการเผยแพร่ศาสนา และการบริหารกิจของสงฆ์  ผมเป็นนักบริหาร อยากเห็นพระมีการบริหารเชิงยุทธศาตร์ มีตัวชี้วัดความสำเร็จ และมีการประชุม Management Review มีการวิจัยทัศนคติ ความสุขของผู้คนที่มาใช้บริการที่วัด  วัดควรมีการทำสถิติ จำนวนคนที่มาที่วัด เทียบเป็นต่อสัปดาห์ ต่อเดือน ต่อปี และวัดควรมีเป้าหมายว่า คนน่าจะเข้าวัด ต่อเดือนกี่ราย และจะให้เขามาวัดอะไร และเกิดอะไร วัดท่านน่าจะเป็นวัด ยุทธศาสตร์ดีเด่นด้านพุทธศาสตร์ ครับ เพราะเดี๋ยวนี้ มารพัฒนาขึ้นมา ถ้าพระไม่มียุทธศาสตร์ที่ชัด บ้านเราคงมีคนไปทำบุญน้อยลง จริงไม๊ครับ
  • พ.ท.ธีรชัย ไชยมะโน เมื่อ ศ. 19 ม.ค. 2550 @ 23:00 (141345)  เขียนได้ดีแล้ว พยายามรักษาความถี่ และต่อยอดให้ได้ การเขียนก็จะยิ่งพัฒนาขึ้น ให้ตั้งแนวคิดไว้ว่า การเขียนครั้งนี้ต้องดีกว่าครั้งที่ผ่านมา  นาทีนี้ต้องดีกว่านาที ที่แล้วมา ครับ
  

ขอชื่นชม นักศึกษาบางท่านขยัน เขียน เหมือนผมตอนเขียนบล็อกใหม่ ๆ สนุกตื่นเต้น และได้ความรู้  ที่สำคัญ ทำอย่างไร ที่จะให้ติดเป็นนิสัย สำหรับผม ตั้ง KPI คือตัวชี้วัดความสำเร็จไว้ ว่า จะเขียน บล็อกใน ChiraAcademy.com ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามอย่างน้อย 1 สัปดาห์ต่อครั้ง

  

การเขียนทำให้ผมเกิดทักษะ  ผมสะสมความรู้ไว้มาก และต่อเนื่อง การเขียนช่วยทำให้ทบทวน และสอดคล้องกับการศึกษาระดับ ป.โท ป.เอก ที่ต้องศึกษาเชิงรุก นอกกรอบ ข้ามศาสตร์ บูรณาการ ซึ่งเป็นอุดมการณ์ ที่นิด้า ปลูกฝังให้ รวมทั้งได้ข้อคิดหลายประการจากการเรียน ป.เอก กับอาจารย์หลายท่าน รวมทั้ง ที่ ศ.ดร.จีระ ถ่ายทอดประสบการณ์ให้ นั้นมีสาระได้ทุนทางปัญญา มาก

  

ผมได้เรียนรู้กับ ศ.ดร.จีระ ตลอดเวลา แม้กระทั่งเวลาท่านนั่งเฉย ๆ ผมก็เห็น ผมก็ได้เรียนรู้ ได้เกิดปัญญา เวลาท่านบริหารลูกน้อง ผมก็เห็น เกิดปัญญาและได้ฝึกตนเอง ตามแนวพุทธศาสตร์และศาสตร์อื่น ๆ ที่ผมสะสมไว้ มาบูรณาการและสามารถ

  

ผมเขียนตอนท้ายนี้ ไม่ประสงค์ที่จะเอาสถาบันมาเปรียบ  ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ ไม่มีสถาบัน ไม่มีห้องเรียน ที่หรูเหมือนพวกเรา ทุกอย่างอยู่ที่สติ ปัญญา ความเพียร ของท่าน 

  

ครั้งหนึ่งในชีวิต เมื่อสมัยวัยรุ่น ได้มีโอกาสเข้าฉากละครภาพยนตร์ ประวัติศาสตร์ ได้รับบทเป็นทหารข้างแม่ทัพใหญ่ที่เป็นพระเอก ต้องติดตามไปรบเคียงบ่าเคียงไหล่ ในฉากผู้กำกับให้ผมพูดแค่ ขอรับ ๆ ๆ ทุกครั้งที่พระเอก(ขณะนั้นคือ นพพล โกมาลชุน) พูด และหันหน้ามาที่ผม ผมจะต้องพูดคำว่า ขอรับ ๆ ๆ และในฉาก ต้องรับแรงระเบิดตายแทนท่านแม่ทัพ 

  

เมื่อจบฉาก ระหว่างทางกลับบ้าน มันได้ข้อคิด สติปัญญามันเกิดว่า ชีวิตคือละคร  แท้ที่จริงเราต้องกำกับบทชีวิตของเราเอง  เราไม่ควรปล่อยให้คนอื่น มากำกับตัวเราแล้วพูดได้แค่ ขอรับ ๆ ๆ  เราควรต้องเป็นผู้กำกับบทชีวิตของเรา และเมื่อเรามีโอกาสกำกับบทชีวิตเรา ซึ่งในชีวิตจริงมีหลายบท เช่นผมรับบทเป็นครู อาจารย์พวกเรา รับบทเป็นนักศึกษา ป.เอก รับบทเป็นผู้นำ เป็นนักบริหาร ใยเล่าจะไม่กำกับบทให้เป็นคนดี เป็นพระเอกให้คนรอบข้าง  เหมือนกับพระเอกในละคร

  

ที่เขียนมานี้ ก็อยากจะให้สติ ให้ข้อคิด ให้ปัญญา แก่ นักศึกษา MPA ทุกคน ทุกย่างก้าว ขอให้ดำเนินอย่างมีคุณภาพ และคิดเพื่อสังคม เพื่อส่วนรวม ด้วย

  

ท้ายนี้ หากนักศึกษาท่านใด จะอาสาเขียนแสดงทัศน เกี่ยวกับแผนชีวิต ที่ผมให้ทำกิจกรรมในห้องเรียน ก็เชิญเขียนมา

  

และในสัปดาห์หน้า ผมจะสมมติตัวเองว่าเป็นนักศึกษา แล้วเขียน paper แรกที่ให้พวกเราทำ ให้ดูเป็นตัวอย่าง

  

ขอให้ทุกท่านโชคดี

  สวัสดีครับ
ยม "ใครจะอาสา แสดงทัศน เพิ่มเติมเกี่ยวกับ กิจกรรม แผนชีวิต หนึ่งในเครือ่งมือพัฒนาทรัพยากรมนุษย์"

สวัสดี ครับ ศ.ดร.จีระ /นักศึกษา MPA 3 สวนสุนันทา และท่านผู้อ่านทุกท่าน

  

จากที่ได้ขอให้พระนักศึกษา MPA 3 แสดงทัศนเกี่ยวกับการกำหนดจุดเริ่มต้น และการวางแผนจุดสุดท้าย ในอนาคต ซึ่งเป็นการวางแผนพัฒนาตนเอง อันจะไปสู่การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

  

ในประเด็นที่ขอให้พระนักศึกษา แสดงทัศนความเห็นนั้น หากนักศึกษา ท่านอื่น จะอาสาร่วมแสดงความเห็นก็จะยิ่งดีต่อตัวท่านเอง ต่อท่านผู้สนใจ ในสังคมการเรียนรู้แห่งนี้ ก็ขอเชิญนักศึกษาท่านอื่น ร่วมอาสาแสดงทัศนเกี่ยวกับแผนชีวิต

  

ก็ไม่ต้องยาวมาก พยายามเขียนโฟกัส ไปที่ ว่า กิจกรรมแผนชีวิตนี้ ท่านเคยได้ทำมาก่อนหรือไม่ ทำมากี่ครั้งแล้ว เมื่อได้ทำครั้งที่เรียนกับผมรู้สึกอย่างไร ความรู้สึกเมื่อได้เห็นภาพชีวิตของเราเอง ณ จุดที่เราอยู่กับจุดที่เราจะพบในอนาคต รู้สึกอย่างไร 

  

ต่อมา ได้ข้อคิดอะไร สะกิดใจบ้างและจะนำไปทำประโยชน์กับตนเอง กับสังคม กับ HR รอบข้างได้อย่างไร  เท่าที่ให้แนวไปดูจะกว้าง แต่เป็นเรื่องท้าทายที่จะให้ท่านได้เขียน

  ท้าทายให้มองภาพกว้างแล้วมาเขียนให้แคบ คม ชัด ลึก เข้าใจง่าย ได้สาระ   นี่เป็นสิ่งท้าทายให้พวกเรา ได้ทบทวนชีวิตตนเอง  ดำเนินชีวิตตามหลักธรรม เที่ยงธรรม และทำอะไรให้จริง มองการณ์ไกล ยั่งยืน    หลังจากที่ผมได้ขอให้พระนักศึกษา แสดงทัศนในเรื่องดังกล่าวแล้ว ผมได้อ่านบทความของนักศึกษาเพิ่มเติม ได้แก่ 
  • ศรีปัญญา วัชนาค เมื่อ ศ. 19 ม.ค. 2550 @ 20:28 (141203) เขียนได้ครอบคลุมประเด็น ข้อเสนอแนะน่าสนใจ ขยันเขียนครับ
  • นายประเชิญ คำมี เมื่อ ศ. 19 ม.ค. 2550 @ 20:32 (141207) สำหรับท่านนี้ ถึงแม้ไม่ได้มาเรียน สรุปได้แค่นั้นผมก็คิดว่า OK  ที่ชื่นชมคือถึงไม่ได้มา แต่ก็สนใจศึกษา และส่งงานมา ขอชื่นชมต่อความรับผิดชอบ ควรขอสไลด์จากเพื่อนๆ ไปศึกษาเพิ่มเติม ครับ
  • นส.ศุลีพร ม้าไว รหัส 49038010019 เมื่อ ศ. 19 ม.ค. 2550 @ 20:33 (141210) ทำงานด้านบุคคล รัฐหรือเอกชนครับ  เขียนได้กระชับ ครบประเด็น ในอนาคตถ้าต่อยอดได้จะดีมาก ควรศึกษาอย่างต่อเนื่อง ถ้าทำงานด้าน บุคคล ผมแนะนำให้ศึกษาองค์ความรู้ ด้าน HR ให้บ่อยและมากขึ้น ในเว็ปของ ศ.ดร.จีระ มีข้อมุลเยอะ ของผมก็ทยอยเขียน ลองศึกษาดูครับ
  • นายภานุพงษ์ พิศรูป รหัส 49038020005 เมื่อ ศ. 19 ม.ค. 2550 @ 21:02 (141232)   เขียนได้กระชับ ครบประเด็น ในอนาคตถ้าต่อยอดได้จะดีมาก ควรศึกษาอย่างต่อเนื่อง ครับ
  • นายประเวช ลิกขไชย เมื่อ ศ. 19 ม.ค. 2550 @ 22:19 (141298) เขียนได้ดี มีสาระน่าสนใจ เสียดายตัวอักษรเล็กไป พยายามหมั่นฝึกฝนการเขียน บ่อย ๆ จะพัฒนาได้ดียิ่งขึ้น
  • พระธวัชชัย ละครคิด เมื่อ ศ. 19 ม.ค. 2550 @ 22:35 (141317) สำหรับท่าน ผมสนใจที่จะเข้าไปช่วยท่านในเรื่องการเผยแพร่ศาสนา และการบริหารกิจของสงฆ์  ผมเป็นนักบริหาร อยากเห็นพระมีการบริหารเชิงยุทธศาตร์ มีตัวชี้วัดความสำเร็จ และมีการประชุม Management Review มีการวิจัยทัศนคติ ความสุขของผู้คนที่มาใช้บริการที่วัด  วัดควรมีการทำสถิติ จำนวนคนที่มาที่วัด เทียบเป็นต่อสัปดาห์ ต่อเดือน ต่อปี และวัดควรมีเป้าหมายว่า คนน่าจะเข้าวัด ต่อเดือนกี่ราย และจะให้เขามาวัดอะไร และเกิดอะไร วัดท่านน่าจะเป็นวัด ยุทธศาสตร์ดีเด่นด้านพุทธศาสตร์ ครับ เพราะเดี๋ยวนี้ มารพัฒนาขึ้นมา ถ้าพระไม่มียุทธศาสตร์ที่ชัด บ้านเราคงมีคนไปทำบุญน้อยลง จริงไม๊ครับ
  • พ.ท.ธีรชัย ไชยมะโน เมื่อ ศ. 19 ม.ค. 2550 @ 23:00 (141345)  เขียนได้ดีแล้ว พยายามรักษาความถี่ และต่อยอดให้ได้ การเขียนก็จะยิ่งพัฒนาขึ้น ให้ตั้งแนวคิดไว้ว่า การเขียนครั้งนี้ต้องดีกว่าครั้งที่ผ่านมา  นาทีนี้ต้องดีกว่านาที ที่แล้วมา ครับ
  

ขอชื่นชม นักศึกษาบางท่านขยัน เขียน เหมือนผมตอนเขียนบล็อกใหม่ ๆ สนุกตื่นเต้น และได้ความรู้  ที่สำคัญ ทำอย่างไร ที่จะให้ติดเป็นนิสัย สำหรับผม ตั้ง KPI คือตัวชี้วัดความสำเร็จไว้ ว่า จะเขียน บล็อกใน ChiraAcademy.com ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามอย่างน้อย 1 สัปดาห์ต่อครั้ง

  

การเขียนทำให้ผมเกิดทักษะ  ผมสะสมความรู้ไว้มาก และต่อเนื่อง การเขียนช่วยทำให้ทบทวน และสอดคล้องกับการศึกษาระดับ ป.โท ป.เอก ที่ต้องศึกษาเชิงรุก นอกกรอบ ข้ามศาสตร์ บูรณาการ ซึ่งเป็นอุดมการณ์ ที่นิด้า ปลูกฝังให้ รวมทั้งได้ข้อคิดหลายประการจากการเรียน ป.เอก กับอาจารย์หลายท่าน รวมทั้ง ที่ ศ.ดร.จีระ ถ่ายทอดประสบการณ์ให้ นั้นมีสาระได้ทุนทางปัญญา มาก

  

ผมได้เรียนรู้กับ ศ.ดร.จีระ ตลอดเวลา แม้กระทั่งเวลาท่านนั่งเฉย ๆ ผมก็เห็น ผมก็ได้เรียนรู้ ได้เกิดปัญญา เวลาท่านบริหารลูกน้อง ผมก็เห็น เกิดปัญญาและได้ฝึกตนเอง ตามแนวพุทธศาสตร์และศาสตร์อื่น ๆ ที่ผมสะสมไว้ มาบูรณาการและสามารถ

  

ผมเขียนตอนท้ายนี้ ไม่ประสงค์ที่จะเอาสถาบันมาเปรียบ  ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ ไม่มีสถาบัน ไม่มีห้องเรียน ที่หรูเหมือนพวกเรา ทุกอย่างอยู่ที่สติ ปัญญา ความเพียร ของท่าน 

  

ครั้งหนึ่งในชีวิต เมื่อสมัยวัยรุ่น ได้มีโอกาสเข้าฉากละครภาพยนตร์ ประวัติศาสตร์ ได้รับบทเป็นทหารข้างแม่ทัพใหญ่ที่เป็นพระเอก ต้องติดตามไปรบเคียงบ่าเคียงไหล่ ในฉากผู้กำกับให้ผมพูดแค่ ขอรับ ๆ ๆ ทุกครั้งที่พระเอก(ขณะนั้นคือ นพพล โกมาลชุน) พูด และหันหน้ามาที่ผม ผมจะต้องพูดคำว่า ขอรับ ๆ ๆ และในฉาก ต้องรับแรงระเบิดตายแทนท่านแม่ทัพ 

  

เมื่อจบฉาก ระหว่างทางกลับบ้าน มันได้ข้อคิด สติปัญญามันเกิดว่า ชีวิตคือละคร  แท้ที่จริงเราต้องกำกับบทชีวิตของเราเอง  เราไม่ควรปล่อยให้คนอื่น มากำกับตัวเราแล้วพูดได้แค่ ขอรับ ๆ ๆ  เราควรต้องเป็นผู้กำกับบทชีวิตของเรา และเมื่อเรามีโอกาสกำกับบทชีวิตเรา ซึ่งในชีวิตจริงมีหลายบท เช่นผมรับบทเป็นครู อาจารย์พวกเรา รับบทเป็นนักศึกษา ป.เอก รับบทเป็นผู้นำ เป็นนักบริหาร ใยเล่าจะไม่กำกับบทให้เป็นคนดี เป็นพระเอกให้คนรอบข้าง  เหมือนกับพระเอกในละคร อย่าเผลอไปเล่นบทคนโกง คนเห็นแก่ตนเป็นหลัก แบบนี้ คงไม่ดี

  

ที่เขียนมานี้ ก็อยากจะให้สติ ให้ข้อคิด ให้ปัญญา แก่ นักศึกษา MPA ทุกคน ทุกย่างก้าว ขอให้ดำเนินอย่างมีคุณภาพ และคิดเพื่อสังคม เพื่อส่วนรวม ด้วย

  

ท้ายนี้ หากนักศึกษาท่านใด จะอาสาเขียนแสดงทัศน เกี่ยวกับแผนชีวิต ที่ผมให้ทำกิจกรรมในห้องเรียน ก็เชิญเขียนมา

  

และในสัปดาห์หน้า ผมจะสมมติตัวเองว่าเป็นนักศึกษา แล้วเขียน paper แรกที่ให้พวกเราทำ ให้ดูเป็นตัวอย่าง

  

ขอให้ทุกท่านโชคดี

สวัสดีครับ

ยม

 

081-9370144  

[email protected] 

http://gotoknow.org/portal/yom-nark

สรุปวันนี้ได้อะไรจากการเรียนกลุ่ม 1 แนวคิดของดร.อำนวย วีรวรรณ เช่น การเป็นผู้บริหารที่ดี ควรคิดเร็ว ทำเร็ว กล้าตัดสินใจ ไม่ลังเลในสิ่งที่ถูกต้อง เข้าใจบทบาทหน้าที่ของตนเอง ทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมมองระยะยาว ยั่งยืน เป็นต้นกลุ่ม 2 การเรียนวันนี้ ทำให้เกิดโลกทัศน์ที่กว้าง การคำนึงถึงการทำให้ได้ตามเป้าหมาย ความกระหายที่จะเรียนรู้ แสวงหาความรู้ที่แปลกใหม่ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่แปลกใหม่กลุ่ม 3 การติดอาวุธทางปัญญา ที่ต่อยอดขึ้นไป ติดอาวุธให้กับตัวเองและสังคม ใฝ่รู้ให้เป็นวัฒนธรรม เป็นนิสัย ควบคู่คุณธรรม ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน กลุ่ม 4 การนำเสนอแนวคิดใหม่ จะทำให้ประสบความสำเร็จ มีประโยชน์ต่อส่วนรวม ต้องกล้าแสดงความเห็น ไม่ต้องกลัวการเปลี่ยนแปลงหรือต่อต้าน โดยต้องเลือกเสนอต่อคนที่มีแนวคิดคล้ายกับเราก่อน เพื่อจะได้มีแนวร่วมในการผลักดันกลุ่ม 5 การเรียนรู้จากประสบการณ์ ความเชื่อมั่น  เมื่อมีโอกาส เราต้องใช้โอกาสนั้นให้เป็น ต้องกล้าที่จะทำ โดยทำอย่างเต็มที่กลุ่ม 6 การนำทฤษฎี HRDS ไปใช้ประโยชน์ โดยใช้ปัญญาเป็นตัวนำให้เราอยู่อย่างยั่งยืน เช่น คุณอำนวย ที่สามารถยืนหยัดได้ในสังคมปัจจุบัน และเป็นที่ยอมรับ
นายกอบกิติ กวีสุนทรกุล รหัส 49038010038

เรียน  ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์

              ก่อนอื่นผมต้องกราบขอโทษอาจารย์ที่ส่งงานอาจารย์ช้ากว่าเพื่อคนอื่น เนื่องจากผมมีภารกิจที่ต้องปฏิบัติที่ต่างจังหวัด และเมื่อกลับมาผมก็ได้รีบนำเสนออาจารย์ จากการที่เรียนในวันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2550 ซึ่งอาจารย์ให้อ่านหนังสือเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้  เป็นการสนทนาระหว่าง ศ.ดรจีระ  หงส์ลดารมภ์  กับ  คุณพารณ  อิศรเสนา ณ อยุธยา  เป็นหนังสือที่ดีมาก ว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ของนักคิดและนักปฏิบัติแห่งยุค   ซึ่งผมขอสรุปผลที่ได้จากการอ่าน ดังนี้แนวคิดทฤษฎี  4  L’s   ของคุณพารณ  อิศรเสนา ณ อยุธยา-        Village that Learn        หมู่บ้านแห่งการเรียนรู้    -        School that Learn  โรงเรียนแห่งการเรียนรู้-        Industry  that Learn     อุตสาหกรรมแห่งการเรียนรู้

-        Nation that Learn   

     ชาติแห่งการเรียนรู้

         แนวคิดทฤษฎี  4  L’sของ

ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์  - Learning Methodology       เข้าใจวิธีการเรียนรู้ 

- Learning Envitonmenty  

  สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้

- Learning Opportunity 

 สร้างโอกาสในการเรียนรู้

- Learning Community 

  สร้างชุมชนการเรียนรู้ 

 นอกจากนี้ยังมีทฤษฎี 8K’s ทฤษฎี 3 วงกลม 2 R’s 2 I’s ทำให้มีแรงกระตุ้น เกิดแรงจูงใจในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง เช่นการไปดูงาน การฝึกอบรม และต้องทำอย่างต่อเนื่อง   เรื่องวงกลม 3 วง คือ วงกลมที่1 context การใช้ระบบ การใช้เทคโนโลยีในการทำงานเป็นกระบวนการ PROCESS และจัดองค์กรที่เหมาะสม PROCESS IMPROVEMENT   วงกลมที่ 2 ภาวะผู้นำ เพิ่มศักยภาพผู้นำ ธุรกิจจะเข็มแข็งได้ต้องบริหารผู้นำ   วงกลมที่ 3 เป็นหลักที่ดี คนเราจะสำเร็จในงานได้ต้องมองว่าทุกอย่างเป็นงานท้าทายการให้โอกาสและอิสระในการทำงาน การแก้ปัญญา และเสนอแนะสร้างความเชื่อความศรัทธาและปัจจัยต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้ประสบความสำเร็จ   การส่งเสริมให้คนในองค์กรมีความจงรักภักดี และมีวินัย ก็เป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มผลผลิตให้องค์กรประสบความสำเร็จได้  การสร้าง KNOWLEDGE เพื่อให้คนเกิดความใฝ่รู้  การนำแนวความคิดเรื่องคนที่มีค่าที่สุดในองค์กรมาใช้พัฒนาและปรับปรุงองค์กร ซึ่งแต่ละองค์กรจะมีรูปแบบและวัฒนธรรมไม่เหมือนกัน จึงต้องมีการสร้างระบบเพื่อรองรับการพัฒนาเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเปล่าดังนั้นในการบริหารจัดการต้องยึดหลักความคุ้มค่า เพื่อให้ไปถึงจุดมุ่งหมายเราควรจะพัฒนาประเทศด้วยการส่งเสริมด้านการศึกษา การวิจัย การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้กับการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจ ทั้งหมดที่กล่าวมาผมคิดว่าถ้าเราสามารถนำมาปรับ ประยุกต์ใช้กับชีวิตส่วนตัว และด้านการงานได้เพื่อให้ตัวเราเกิดคุณค่า และเป็นมูลค่าเพิ่มขององค์กร สามารถทำให้องค์กรเจริญก้าวหน้าได้   
นายกอบกิติ กวีสุนทรกุล รหัส รหัส 49038010038
เรียน    อาจารย์ยม   นาคสุข               ก่อนอื่นผมต้องกราบขอโทษอาจารย์ที่ส่งงานอาจารย์ช้ากว่าเพื่อนคนอื่น เนื่องจากผมมีภารกิจที่ต้องปฏิบัติที่ต่างจังหวัด และเมื่อกลับมาผมก็ได้รีบนำเสนออาจารย์ จากการที่เรียนในวันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2550 ว่าด้วยเรื่องภาพรวมของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  ซึ่งผมขอสรุปผลที่ได้จากการเรียน ดังนี้   ประเด็นที่ 1  1.     การใช้ทฤษฎี 6ท เข้ามาใช้-        ท้าทาย -        ท่าที    -        เที่ยงธรรม  -        ทองแท้   -        ทบทวน    -        ทำ    2.     การใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหาร-        หลักนิติธรรม  -        หลักคุณธรรม -        หลักความโปร่งใส -        หลักการมีส่วนร่วม  -        หลักความรับผิดชอบ -        หลักความคุ้มค่า  3.     การวางแผนชีวิตที่เหลืออยู่ว่าควรจะอยู่อย่างไร4.     การที่จะพัฒนาคนอื่นนั้นเราจะต้องเริ่มพัฒนาที่ตัวเราก่อน5.     ปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อการเตรียมความพร้อม-        การเมือง  -        เศรษฐกิจ -        สังคม    

-        เทคโนโลยี   

 ประเด็นที่ 2   1.ระบบอุปถัมภ์  เป็นการบริหารที่ไม่ได้ยึดเอาความรู้ความสามารถของคนเป็นหลัก แต่เน้นการเอื้ออำนวยผลประโยชน์ให้กับพวกพ้อง 2. คอรัปชั่น  คนขาดความรับผิดชอบ มุ่งแต่ที่จะทำงานหวังผลประโยชน์ ให้กับตนเอง โดยไม่มีสนใจถึงความเสียหายที่จะตามมา ประเด็นที่ 3   1.  ผู้บริหารควรนำหลักธรรมาภิบาลเข้ามาใช้ในการบริหาร 2.     ผู้บริหารเปิดใจให้กว้างรักลูกน้อง3.    การนำระบบการคัดเลือกผู้นำที่โปร่งใส4.    รัฐต้องพัฒนาระบบเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับทรัพยากรมนุษย์ 
นางสาวอชิรญา ผูกมี รหัสประจำตัว 49038020007

          สวัสดีค่ะ อาจารย์ จีระ หงส์ลดารมภ์  และอาจารย์ ยม นาคสุข  เมื่อวันเสาร์ที่ 20 มกราคม 2550  ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์  ได้มอบมรดกทางความคิดนักศึกษา MPA รุ่น 3   สวนสุนันทา  ในเรื่อง  การเป็นผู้ใฝ่รู้ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศ  และการมอบหมายการบ้านให้พวกเราไปค้นคว้าเพิ่มเติมเพื่อเปิดโลกทรรศน์ของนักศึกษาให้กว้างขึ้นนั้น ดิฉันขอแสดงความคิดเห็นว่า หากทำอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ก็จะเป็นการปลูกฝังอุปนิสัยการเป็นผู้ใฝ่รู้ให้กับตัวเราเอง  สำหรับการบ้าน  3 ข้อ ดิฉันขอแสดงความคิดเห็น ดังนี้

          ข้อ 1.  องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี  ได้กำหนดวิสัยทัศน์ขององค์กรเอาไว้ว่า เมืองน่าอยู่  การศึกษาก้าวหน้า  สิ่งแวดล้อมดี  ประเพณีดั้งเดิม  เศรษฐกิจพัฒนา ประชาร่วมใจ มุ่งเน้นบริการ  สร้างงานโปร่งใส  ซึ่งมาจากพันธกิจในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ได้มาตรฐาน  และเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน  การพัฒนาด้านการศึกษา  ที่เน้นเทคโนโลยีสารสนเทศ  ศาสนา การกีฬา  วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น  การเสริมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี  การพัฒนาอาชีพ  ฟื้นฟูทุเรียนนนทบุรี  ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เพื่อสร้างเสริมรายได้ให้แก่ประชาชน  และสงเคราะห์ประชาชนผู้ยากไร้ด้อยโอกาสให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ความโปร่งใส  และการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพื่อบริหารและบริการให้มีประสิทธิภาพ  

          ในหน่วยงานย่อยหรือกองที่ดิฉันสังกัดนั้น  ยังไม่ได้มีการกำหนดวิสัยทัศน์ขององค์กรเอาไว้  และเมื่อนึกถึงคำของ ดร.จิระ  ที่กล่าวไว้ว่า อย่าทำตัวกระจอก รอให้นายมากำหนดวิสัยทัศน์  เราต้องกำหนดวิสัยทัศน์ของตัวเอง   ดิฉันจึงนำทฤษฎี 2 R ที่เน้นความจริงและตรงประเด็นมาเป็นกรอบในการกำหนดวิสัยขององค์กร  โดยการพิจารณาถึงความจำเป็นในการตั้งกองนี้ขึ้นมาเพื่อดำเนินงานให้คำปรึกษา  จัดฝึกอบรม  การสงเคราะห์ ฯลฯ เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตแก่ เด็ก สตรี และคนชรา และกำหนดวิสัยทัศน์ในการทำงานของตนเองว่า ความเป็นเลิศ ในการให้บริการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกระดับ  โดยกำหนดกลยุทธในการทำงาน  คือ  ทำให้ประชาชนที่รับบริการรู้สึกพึงพอใจ  โดยการนำ BALANCEED SCORECARD มาปรับใช้ในด้านลูกค้า คือ  ทำให้ประชาชนรู้สึกพึงพอใจและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นภายใต้การบริหารจัดการงบประมาณที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า  ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมและการเรียนรู้ของประชาชน พร้อมทั้งการพัฒนาทักษะการทำงาน  ให้เข้าถึงจิตใจของประชาชนผู้รับบริการ 

          2.  การแสดงความคิดเห็นในเรื่องการเป็นสมาชิก WTO ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรหรือภาคราชการของประเทศไทยนั้น ดิฉันขอแสดงความคิดเห็นว่า การที่ไทยไปเข้าร่วมเป็นสมาชิก WTO และสนับสนุนแนวทางการค้าเสรี ทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่เวทีการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น  ดังนั้น การทำงานของระบบราชการ และธุรกิจของไทยจึงเข้าไปอยู่ในรูปแบบของการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น และต้องมีการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรหรือภาคราชการ เพื่อพัฒนาศักยภาพของประเทศให้พร้อมที่จะก้าวไปสู่เวทีการค้าระหว่างประเทศ ได้อย่างรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงและมีประสิทธิภาพ

          ประเทศไทยต้องมีการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรหรือภาคราชการ ดังนี้  (1) การเปิดการค้าเสรีทำให้โลกมีการแข่งขันกันกันมากขึ้น มีสินค้าหลากหลายมากขึ้น มีราคาต่ำลง ผู้ประกอบการต้องพัฒนาคุณภาพสินค้าเพื่อสนองความต้องการผู้บริโภค  ธุรกิจที่ไม่สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้จะล้ม ดังนั้น ต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทั้งในองค์กรภาคราชการและภาคเอกชนให้เป็นผู้มีทักษะ 3 ด้าน ได้แก่  ความคล่องแคล่วในภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เพื่อให้ได้ รัฐต้องดำเนินนโยบายเพื่อส่งเสริมให้มีการพัฒนาทักษะและฝีมือแรงงาน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และความได้เปรียบเชิงการแข่งขันของประเทศ  (2) ปรับระบบการบริหารราชการให้พร้อมรองรับความทันสมัย การปรับวัฒนธรรมในการทำงานของภาคราชการ  พัฒนาวินัยของราชการ และวินัยทางด้านการเมือง การทำงานที่โปร่งใส และมีการปฏิบัติที่ดี และมีประสิทธิภาพ  มีความเป็นเอกภาพ ทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ ของราชการ และการประสานงานกับเอกชนซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับผลโดยตรง  (3) การปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าของประเทศที่นำเข้าทำให้ราคาสินค้าลดลง  ประเทศไทยส่งสินค้าเข้าไปขายในประเทศอื่นได้มากขึ้น  แต่ในขณะเดียวกัน  สินค้านำเข้าจากต่างประเทศจะมีราคาถูกลง  คนไทยจะหันไปบริโภคสินค้าและบริการจากต่างประเทศมากขึ้น  ทำให้ไทยขาดดุลการค้า นำเข้าสินค้าต่างประเทศมากขึ้นและส่งออกได้น้อยลง  ธุรกิจที่ไม่สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้จะล้ม มีการปลดคนงานออก และเกิดปัญหาต่าง ได้แก่ ปัญหาความยากจน  ปัญหาสังคม  ปัญหาด้านการศึกษา  ฯลฯ  ตามมา รัฐบาลต้องมีนโยบายพัฒนาความรู้ให้แก่ภาคครัวเรือน  ส่งเสริมการออมและการทำบัญชีในครัวเรือน แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง การรณรงค์ให้ใช้สินค้าไทย  และปรับระบบการศึกษาให้ทันสมัย สอนเด็กและเยาวชนให้คิดเป็น เพื่อให้เกิดปัญญาพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของโลก

          3. การแสดงความคิดเห็นในเรื่องวัฒนธรรมขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี โดยการมองวัฒนธรรมองค์กรแบบเหรียญสองด้าน คือ มองในด้านบวก และด้านลบ  วัฒนธรรมขององค์การบริหารส่วนจังหวัด ได้แก่  วัฒนธรรมการทำงานเป็นทีม  ข้อดี  คือ  ทำให้มีการประสานงานช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เนื่องจากแต่ละคนมีความถนัดและความสามารถแตกต่างกัน  ข้อเสีย  คือ  อาจเกิดความความล่าช้าในการปฏิบัติงาน และอาจเกิดความขัดแย้งกันภายในทีมงาน  วัฒนธรรมการมีส่วนร่วม  ข้อดี  คือ  ทำให้ทุกคนในองค์กรเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรร่วมกัน  และทำให้เกิดความคิดที่หลากหลาย  ข้อเสีย  คือ  ความคิดที่หลากหลายอาจทำให้เกิดความแตกแยก   วิธีการแก้ปัญหาดังกล่าว  คือ  ต้องบริหารจัดการผสมผลานความคิดที่แตกต่าง  โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนร่วมเป็นหลัก  วัฒนธรรมการทำงานที่ยึดถือระเบียบ วิธีการปฏิบัติที่เคร่งครัด   ข้อดี   คือ  มีแนวทางการปฏิบัติงานที่มีความชัดเจน เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ช่วยลดความผิดพลาดในการปฏิบัติงาน   ข้อเสีย  คือ  ความล่าช้า  อาจไม่ทันต่อการตอบสนองความต้องการของประชาชน

          ดิฉันยอมรับว่า การทำการบ้านของ ดร.จิระ  ทั้ง 3 ข้อ ทำให้ดิฉันมีความรู้เพิ่มขึ้นและจากความรู้ที่เพิ่มขึ้นทำให้ดิฉันตระหนักถึงบทบาทของประเทศไทยในเวทีโลกว่าจะสามารถอยู่รอดได้ในความเปลี่ยนแปลง ก็ต่อเมื่อคนซึ่งเป็นเซลล์ที่เล็กที่สุดของประเทศมีการพัฒนาศักยภาพของตนเองเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของตนเอง  องค์กร  และประเทศในเวทีโลก โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นตัวตั้ง  และเพื่อพัฒนาทักษะในการสรุปประเด็น  การเรียบเรียงความคิด เนื้อหาที่ควรศึกษาเพิ่มเติม  และการเขียนบทความ ดิฉันใคร่ขอความกรุณาอาจารย์ผู้สอนช่วยวิจารณ์การเขียน BLOG ของดิฉัน ทั้งในครั้งนี้และการเขียน BLOG เมื่อวันพุธที่ 17 ที่ผ่านมาดัวย ขอขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะ
นางสาวอชิรญา ผูกมี รหัสประจำตัว 49038020007
          สวัสดีค่ะ อาจารย์จีระ หงส์ลดารมภ์,  อาจารย์ยม  นาคสุข   และอาจารย์พจนารถ ซีบังเกิด   ดิฉันได้มีโอกาสรับฟังการบรรยายเรื่อง BALANCE SCORECARD และ EMPLOYEES ENGAGEMENT ของอาจารย์ พจนารถ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม2550   และประทับใจในความเป็นผู้หญิงเก่งที่มีการคิดแบบ POSITIVE THINKING เป็นอย่างมาก  ดิฉันตั้งใจจะนำ BSC ไปปรับใช้กับชีวิตและการทำงาน เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธที่วางไว้ให้บรรลุเป้าหมายในชีวิตและเป้าหมายขององค์กร และจะนำ EMPLOYEES ENGAGEMENT ไปปรับวัฒนธรรมการทำงานของตนให้สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร พัฒนาความสัมพันธ์กับลูกน้อง-หัวหน้า-ลูกค้า พัฒนาความเป็นผู้นำ  ทำชีวิตให้ WORK / LIFT BALANCE  พัฒนาความสามารถการในการทำงาน  สร้างโอกาสในการพัฒนาและความก้าวหน้าในอนาคตต่อไปค่ะ 
นันทพร สิงห์ตุ่ย รหัส 49038010002 MPA รุ่น 3 ม.สวนสุนันทา
*** สวัสดีค่ะ ศ.ดร. จีระ  หงส์ลดารมภ์ อาจารย์ยม  นาคสุข และอาจารย์พจนารถ  ซีบังเกิด ทีมงาน เพื่อนนักศึกษา MPA รุ่น 3 และชาว Blog ทุกท่าน *** เมื่อวันเสาร์ที่ 20 มกราคม 2550 ท่านอาจารย์จีระ ได้ดำเนินการสอนในกระบวนวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ โดยการนำบทเรียนจากบทความเรื่องดนัย มอบความสุขให้คนไทย และวิเคราะห์กันในห้องเรียนในเรื่องดังกล่าวได้นำเสนอการปรับปรุงพฤติกรรมของมนุษย์ที่ปรับปรุงพัฒนาได้ชี้ประเด็นข้อดี-ข้อเสีย จากการประสบการณ์ในการเล่นกีฬาของคุณดนัย ขั้นตอนการวางแผน วิธีการใช้เทคนิค ส่วนเสนอแนะเปรียบเทียบภาพรวมในสังคมชาว W และสังคมชาว E มีความแตกต่างหลายด้าน เช่น ชาว W ไม่ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวในการทำงาน จะแข่งขันตลอดเวลา ใฝ่รู้และเน้นความสามารถ ส่วนชาว E เน้นความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัว ระบบอุปถัมภ์ ให้ความสัมพันธ์ที่ตัวบุคคล สังคม และความจงรักภักดี การดู VDOเทป  เปิดอก...อำนวย วีรวรรณ ได้ข้อคิดจากประสบการณ์ในการทำงาน สังคมการเรียนรู้ต้องฟังความคิดเห็น กล้าแสดงความคิด กล้าริเริ่ม กล้าฝ่าฟันอุปสรรค กล้าที่จะนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ และทฤษฎี 3 วงกลม ซึ่ง ทั้ง 3 วงกลมต้องมีความสัมพันธ์กัน ทฤษฎี HRDS ซึ่งประกอบด้วย 1. Happiness การอยู่อย่างมีความสุข 2. Respect  3. Dignity  4. Sustainabitity คนในสังคมต้องอยู่อย่างยั่งยืน และ paper จากบทเรียน 3 หัวข้อ คือข้อ 1 วิสัยทัศน์ขององค์กรแต่ละองค์กรเป็นอย่างไร ทำไมจึงต้องกำหนดวิสัยทัศน์วิสัยทัศน์  หมายถึง การมองภาพอนาคตของผู้นำและสมาชิกในองค์กร  และกำหนดจุดหมายปลายทางที่เชื่อมโยงกับภารกิจ ค่านิยม และความเชื่อเข้าด้วยกัน แล้วมุ่งสู่จุดหมายปลายทางที่ต้องการจุดหมายปลายทางที่ต้องการ จุดหมายปลายทางดังกล่าวต้องชัดเจน ท้าทาย มีพลังและมีความเป็นไปได้

การกำหนำวิสัยทัศน์ของแต่ละองค์กรแตกต่างกัน สาเหตุที่ว่าทำไมสำนักงานเลขาธิการ

สภาผู้แทนราษฎร ต้องกำหนดวิสัยทัศน์ก็คือ สำนักงานฯ ต้องการให้การปฏิบัติราชการเป็นไปอย่างมีประสิทธิ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อสมาชิกรัฐสภา และบุคลากรในวงงานรัฐสภา และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจึงได้กำหนดวิสัยทัศน์ไว้ว่า

            วิสัยทัศน์คือ เป็นองค์กรที่เป็นเลิศในการให้บริการเพื่อส่งเสริมงานของสถาบันนิติบัญญัติให้ก้าวหน้า ทันสมัย โปร่งใส และเป็นธรรม โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของปวงชน

การวิเคราะห์สภาพของสำนักงานฯ ซึ่งการวิเคราะห์สภาพองค์กรในสภาวะปัจจุบัน เพื่อค้นหาจุดแข็ง-จุดอ่อน-โอกาส-อุปสรรคและภาวะคุกคาม เพื่อให้รู้องค์กรตัวเอง รู้เรา รู้จักสภาพแวดล้อม รู้เขาอย่างชัดเจนและวิเคราะห์โอกาส อุปสรรคเพื่อประโยชน์ในการกำหนดวิสัยทัศน์ การวิเคราะห์ผลกระทบต้องวิเคราะห์ปัจจัย SWOT Analysisได้แก่ 1. strengths จุดแข็งหรือข้อได้เปรียบ  2. weaknesses จุดอ่อนหรือข้อเสียเปรียบ  3. opportunities โอกาสที่จะดำเนินการได้  4. threats อุปสรรคหรือภาวะคุกคามการดำเนินงานขององค์กร  การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน ศึกษาและตรวจสอบทรัพยากรหลักที่สำนักงานฯ มีอยู่เช่น บุคลากร ความพร้อม ปัจจัยภายในที่เป็นจุดแข็ง เช่น สำนักงานฯเป็นส่วนราชการที่มีความมั่นคง มีกฎหมายที่เอื้อต่อการปรับปรุงโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ให้การปฏิบัติงานเกิดความคล่องตัวและปัจจัยภายในที่เป็นจุดออ่นคือ ระบบการจัดเก็บข้อมูลนิติบัญญัติยังกระจัดกระจาย ไม่เป็นระบบทำให้ยากต่อการค้นหา การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก มาจากนโยบาลของรัฐบาล ด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจและด้านสังคม ปัจจัยที่เป็นภัยคุกคามคือ การแทรกแซงการบริหารราชการจากกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง ทำให้การปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ และขัดหลักธรรมาภิบาล

ข้อ 2 องค์การการค้าโลก (WTO) มีผลกระทบต่อการบริหารระบบราชการอย่างไรองค์การค้าโลก หรือ WTO นั้น เป็นหนึ่งในเครื่องมือ ที่ประเทศทางตะวันตกได้วางกรอบเอาไว้ เพื่อที่จะบังคับ หรือว่าสร้างกติกาให้โลกทั้งโลกนั้น เข้ามาค้าขายในรูปแบบกติกาเดียวกัน เริ่มด้วยการเปิดธุรกรรมทางการเงินอย่างเสรีมีการเปิดตลาดทุนให้เสรี และในขบวนการช่วยเหลือนั้นก็จะสร้างเงื่อนไข เช่น คุณต้องลดภาษี คุณต้องแก้กฏหมาย หากการดำเนินการจัดทำกฎเกณฑ์ พหุภาคีเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดสินค้าสำเร็จแล้ว ประเทศสมาชิก WTO รวมทั้งไทย จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกฎที่ได้ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการของไทยทั้งในแง่บวกและลบ  ผลดี  กฎที่ได้จะช่วยลดการกีดกันทางการค้าที่ประเทศต่างๆ มีต่อสินค้าไทย โดยประเทศต่างๆ จะไม่สามารถกำหนดกฎของตนเพื่อกีดกันสินค้าจากประเทศอื่นๆ ได้ แต่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกฎภายใต้ WTO เช่น สหรัฐฯ จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกฎแหล่งกำเนิดสินค้าสำหรับสิ่งทอตามอำเภอใจได้อีกต่อไปช่วยลดความเสี่ยงและความสับสนของผู้ประกอบการในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศสมาชิก WTO เนื่องจากประเทศสมาชิกจะใช้กฎเดียวกัน ในการพิจารณาแหล่งกำเนิด ทำให้ผู้ประกอบการของไทยมีความมั่นใจมากขึ้นและสามารถวางแผนการผลิตได้ ช่วยป้องกันมิให้มีการนำสินค้าจากประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิก WTO เข้ามาแปรรูปเพียงเล็กน้อยในประเทศสมาชิก WTO เพื่อให้ได้แหล่งกำเนิด ซึ่งจะได้รับสิทธิทางภาษีเช่นเดียวกับสมาชิก WTO ช่วยในการพิสูจน์หาประเทศแหล่งกำเนิดสินค้าในกรณีที่มีการทุ่มตลาด และประเทศไทยต้องการเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดจากประเทศที่ก่อความเสียหายผลเสีย    อาจมีผลให้สินค้าหลายชนิดที่ไทยเคยนำเข้าวัตถุดิบมาผ่านกระบวนการผลิตเพื่อส่งออก ต้องสูญเสียแหล่งทรัพยากรที่สำคัญและสูญเสียสิทธิประโยชน์ที่ได้รับ

ข้อ 3 วัฒนธรรมในองค์กร (ข้อดี-ข้อเสีย) วัฒนธรรมองค์การมีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานอะไรที่เราต้องการ อะไรที่เราต้องการเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นยากที่จะบรรลุเป้าหมายเพราะวัฒนธรรมในองค์กรที่เกิดขึ้นมาจากการสะสมที่ยาวนานมีทั้งข้อดีและข้อเสีย การนำไปปฏิบัติขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคล รู้จักวิธีดึงสิ่งที่ดีๆมาใช้ และปฏิเสธสิ่งที่ไม่ดี ข้อดีคือ มีแนวทางการปฏิบัติงานที่มีความชัดเจน เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ช่วยลดความผิดพลาดในการปฏิบัติงาน  ด้านวัฒนธรรม / ค่านิยม / วิธีการบริหารจัดการที่ดีต้องมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์หรือ ผลการปฏิบัติงานเป็นหลักการที่ดี โดยมีการวัดผลการปฏิบัติงาน ด้วยตัวชี้วัดอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ผลของวัฒนธรรมองค์กร ความรวดเร็วในการปรับตัวขององค์กร  กำหนดทิศทางขององค์กรต้องเริ่มต้นที่ผู้นำ ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี  แสดงให้เห็นจุดเน้นขององค์กร  แสดงให้เห็นคุณค่าขององค์กรข้อเสียคือทำงานล่าช้า ทำงานซ้ำแล้วซ้ำอีก งานขาดความแม่นยำ งานไม่มีคุณภาพ ใช้ทรัพยากรฟุ่มเฟือย ไม่คุ้มค่า-------------------------

ต่อมาการเรียนในวันอาทิย์ที่ 21 มกราคม 2550 เรื่อง Balanced Scorecard Workshop และEMPLOYEES ENGAGEMENT กับ อาจารย์พจนารถ ซีบังเกิด  โดยผ่านเครื่องมือต่างๆ อาทิ KPIs (Key Performance Indicators) และการทำแบบทดสอบ BSC (Balance Scorecard) ก่อนทำ BSC ต้องมี Vision , Mission, Corporate Values มีเป้าหมาย และ Strategies ขององค์กร และBSC ต้องทำ 4 เรื่องพร้อมกันคือ Financial, Customer, Internal, Learning and Growth ช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จ ในชั้นเรียนเรียนรู้วิธีการวางแผนชีวิต จัดระเบียบชีวิต My Life’s Scorecard ซึ่งจะกระทบต่อผลลัพธ์ในอนาคต รวมทั้งการบริหารจัดการความเสี่ยง อาจารย์พจนารถ ซีบังเกิด ซึ่งอยู่ในธุรกิจการเงิน จับประเด็นไปที่คุณสมบัติของภาวะผู้นำด้านการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ที่พบว่ามีส่วนอย่างมากในการสร้างบรรยากาศการทำงาน กระตุ้นให้ทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด------ท้ายที่สุดนี้ จากการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเป็นการเพื่อนำเสนอต่ออาจารย์และเพื่อน ๆ เป็นแนวทางในการเขียนและเสนอแนะในวิชานี้ อาจไม่โดนใจใคร ส่วนการคิดนอกกรอบก็สุดแล้วแต่ และขอให้อาจารย์ช่วยวิจารณ์ด้วยจะได้นำไปใช้ประโยชน์กับตนเอง กับเพื่อนร่วมสังคมบุคลทั่วไปที่ให้แนวคิดไว้ดูกว้างกว้า

 ---------จบ---------

นางสาวนัทพร สิงห์ตุ่ย MPA รุ่น 3 ม. สวนสุนันทา รหัส 49038010002 มือถือ 081-9012543

[email protected]
นายธนู พุกชาญค้า 49038010010
นายธนู   พุกชาญค้า   รหัสนักศึกษา  49038010010  MPA / 3 ส่งงานอาจารย์  จีระ   หงส์ลดารมภ์  เมื่อวันที่  20  มกราคม  2550อาจารย์ได้ให้เสนอความคิดเห็นพร้อมกับวิเคราะห์เกี่ยวกับองค์กรของตนเอง   ด้านเป้าหมายองค์กรและวัฒนธรรมองค์กร  กระผมขอเลือกตอบใน  2  ประเด็นนี้ก่อน  -   วิสัยทัศน์ขององค์กรคืออะไร   องค์กรที่กระผมทำงานมีลักษณะเป็นองค์กรขนาดกลาง มีบุคลากรประมาณ  40  คน พนักงานประมาณ  25 คน  และลูกจ้างประมาณ  15  คน ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการรับเหมาเดินระบบต่างๆ ในอาคาร  การทำงานมีกรอบวิสัยทัศน์เพื่อกำหนดจุดหมายในการหาจุดยืนเพื่อให้เกิด การทำงานร่วมกันของทรัพยากรในองค์กรให้เกิดประสิทธ์ผลและเป็นไปในทิศทางเดี่ยวกันวิสัยทัศน์  คือ  ซื่อตรง  ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ    ตามเวลา    รับผิดชอบ   กล่าวคือ  การทำงานขององค์กรบุคลากรทุกคนต้องซื่อสัตย์ต่อองค์กรและลูกค้า  ทำงานแบบเห็นผลประโยชน์ขององค์กรเป็นหลัก-          ทำงานอย่างมีประสิทธิ์ภาพ  ก็คือ การทำงานแบบมืออาชีพ  ทำงานแบบเป็น  TEAM  WORK  ร่วมกันสร้างรูปแบบของการทำงาน  กำหนดขั้นตอน  และ ดำเนินงานให้เกิดประสิทธิ์ภาพสูงสุด  -          ตามเวลา  องค์กรของเราเป็นบริษัทฯรับเหมา เรื่องเวลาสำคัญมากเรื่องหนึ่งการทำงานที่มี่ประสิทธิ์ภาพ และเสร็จตรงตามเวลา เป็นสิ่งที่สร้างให้องค์กรได้รับการยอมรับและมีชื่อเสียง-          รับผิดชอบ  กล่าวคือ การทำงานไม่ว่าจะเสร็จหรือยังไม่เสร็จก็ตาม  เราต้องรับผิดชอบในส่วนที่เราเป็นผู้ดำเนินการ  ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเช็คผลงานทุกๆปี หรือแก้ไขในส่วนที่บกพร่องจากการทำงานอย่างเร่งด่วน -  วัฒนธรรมขององค์กร      วัฒนธรรมในองค์กรคือสิ่งที่องค์กรประพฤติปฎิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลานาน  ก่อให้เกิดผลปฎิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง        วัฒนธรรมองค์กรของข้าพเจ้าคือ    การปฏิบัติงาน ตามส่วนที่ตนเองรับผิดชอบเท่านั้น     -  ข้อดี       1.  การทำงานสามารถวัดความผิดพลาดได้ง่าย  และแก้ไขได้ถูกจุดแน่นอน                      2.  การทำงานรวดเร็ว  มีความชำนาญเฉพาะทางสูง  สามรถพัฒนาตัวเองได้เร็ว    -  ข้อเสีย    1.  ขาดการติดต่อสื่อสารที่ดี  การทำงานมีโอกาสผิดพลาดสูง                      2.  ไม่เกิดการเรียนรู้งานด้านอื่น  ไม่เกิดทักษะในการแก้ไขปัญหาในการทำงาน    -  WTO  มีผลกระทบต่อทรัพยากรมนุษย์ของระบบราชการไทยอย่างไร                            WTO  ( WORLD  TRADE   ORGANIZATION )   เป็นองค์การระหว่างประเทศ  ที่ทำการตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากร และการค้าเกตต์  WTO เจรจากับนานาประเทศเพื่อให้เกิดเสรีทางการค้าระหว่างประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้  ยังสร้างกฎระเบียบการค้า   เช่นสร้างมาตรฐานสุขอนามัย  และ สุขอนามัยพืช  กำหนดกติกา มาตรฐานสินค้านำเข้า  ฯลฯ     ไทยก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของ WTO ในจำนวน 150 ประเทศ   ดั้งนั้น หากมองให้กว้างขึ้น ไทยได้ไปสู่การเป็นสากลมากยิ่งขึ้น ต้องแข่งขันกับต่างประเทศในการนำสินค้าอุปโภคบริโภคของไทยแข่งขันกับตลาดสากล ตัวอย่างเช่น  ข้าว  ซึ่งสมัยก่อนในโลก ไทยส่งออกข้าวสารได้มากที่สุดและได้รับการยอมรับจากตลาดสากลมาก  แต่ในปัจจุบัน  หลายประเทศสามารถปลูกข้าวเองได้และส่งออกมากไม่แพ้ไทย  เพราะเนื่องจาก เขาสามารถพัฒนาพันธุ์ข้าว  และจดสิทธ์บัตรก่อนเรา เช่น  USA  หรือ  ญี่ปุ่น  ที่นำพันธุ์ข้าวไทยไปพัฒนาแล้วจดสิทธ์บัตร  กว่าไทยจะรู้ก็เสียผลประโยชน์ทางการค้า เนื่อง จาก WTO ยอมรับใน สิทธิ์บัตร   จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันมีองค์กรที่ตั้งขึ้นต่างๆ  เพื่อกำหนดกรอบธรุกรรมระหว่างประเทศ  หาก ไทย ต้องการจะแข่งขัน ต้องมีการพัฒนา  สิ่งแรกที่ข้าพเจ้าคิดคือ บุคลากรของรัฐ        บุคลากรของรัฐ ต้องทำหน้าที่ในการสำคัญในการดูแลผลประโยชน์ของประเทศชาติ  บุคลากรหรือ  ทรัพยากรมนุษย์  ของรัฐต้องมีความรู้ความสามารถในการมองเห็นอนาคต มองให้ไกลกว่านานาประเทศ สามารถนำพาให้ไทยก้าวไปยืนข้างหน้าในโลกได้       สรุปได้ว่า   หากจะพัฒนาประเทศ  ต้องเริ่มต้นจากการพัฒนาบุคลากรของรัฐให้มีความรู้ ความสามารถ เป็นทรัพยากรมนุษย์ของรัฐ ที่ทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ  และรู้จักที่จะมองให้ไกลขึ้นเพื่อประโยชน์ของประเทศ                                                                                                    ดัวยความเคารพ                                                                                  ธนู   พุกชาญค้า    49038010010    MPA / 3
เปรมหทัย พึ่งบุญ ณ อยุธยา
เรียน  . ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์  อาจารย์ยม  อาจารย์พจนารถ  และสวัสดีชาว Blog MPA 3 ทุกคน      การเรียนในสัปดาห์ที่ผ่านมามีหัวข้อที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์มากหลายเรื่อง  ซึ่งสามารถนำไปใช้กับการทำงานและปรับใช้กับชีวิตส่วนตัวได้ทั้งสิ้น  สัปดาห์นี้ เพื่อนๆ เขียน blog กันยังไม่หนาตา  คาดว่า เป็นผลจากข่าวร้ายที่พวกเราต้องสูญเสียเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งในชีวิตของพวกเราไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา  คือ  คุณโอ๋ จ... สราวุฒิ  ถึงแม้ช่วงการรู้จักกันระหว่างเรายังไม่ยาวนานมาก แต่ทุกคนต้องยอมรับว่าคุณโอ๋เป็นคนที่นิสัยดีมาก มีน้ำใจต่อเพื่อนๆ  เป็นคนติดดินแต่มีไอเดียดีๆ เสมอเวลาออกความเห็นในเรื่องต่างๆ   ดิฉันเองได้มีโอกาสคุยกับคุณโอ๋หลายเรื่องทั้งเรื่องการเรียนและเรื่องอื่นๆ พบว่า คุณโอ๋เป็นคนที่ศึกษาข้อมูลในเรื่องที่เกี่ยวข้องดีมาก  มีความคิดเป็นของตนเองที่น่าสนใจ  เสียดายเวลาที่ได้คบเป็นพื่อนกันน้อยเกินไป  ขอให้ผลบุญและความดีที่คุณโอ๋ได้สร้างไว้เมื่อมีชีวิตอยู่ จงนำให้คุณโอ๋ไปสู่สุคติสู่สัมปรายภพ ดิฉันและเพื่อนๆ ทุกคนจะจดจำคุณโอ๋เพื่อนของเราตลอดไป       สำหรับการบ้านของอาจารย์ที่ให้ไว้สัปดาห์นี้ มีหลายประเด็น จึงขอตอบดังนี้  1.  ปัญหาในองค์กรที่ดิฉันทำงานอยู่ คือ ปัญหาเรื่องอัตราการลาออกสูงของพนักงานในระดับปฏิบัติการ ซึ่งเกิดจากการแข่งขันและการขยายตัวของธุรกิจอาหารทำให้เกิดการขาดแคลนบุคลากรและมีการแย่งชิงพนักงานระดับล่างกัน  สิ่งที่เราดำเนินการเพื่อแก้ปัญหา คือ 1.  ตรวจสอบอัตราค่าจ้างกับตลาดภายนอกอยู่เสมอและรักษาให้อัตราการจ้างของเราแข่งขันกับตลาดได้  2  จัดทำเส้นทางอาชีพของพนักงาน (Career Path) เพื่อให้พนักงานเห็นเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพการงานหากทำงานกับบริษัทในระยะยาวเพื่อช่วยลดการลาออก   3.  จัดการฝึกอบรมพัฒนาพนักงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้พนักงานปฏิบัติงานได้ประสบความสำเร็จ สามารถเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และสร้างความภาคภูมิใจในการทำงาน  4.  จัดทำแผนสืบทอดตำแหน่ง (Succession Plan) เพื่อให้พนักงานภายในมีโอกาสเติบโตเร็วขึ้น ขณะเดียวกันเพื่อสร้างความมั่นใจแก่บริษัทว่า หากมีการลาออกในตำแหน่งงานที่สำคัญ บริษัทจะมีผู้สืบทอดตำแหน่ง เข้าทำงานในตำแหน่งที่ว่างได้ทันที  5.  จัดกิจกรรมแรงงานสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อสร้างความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร (Employee Engagement)    สำหรับเรื่อง  การบริหารองค์กรให้ประสบความสำเร็จ  บริษัทได้กำหนดวิสัยทัศน์ว่า เราจะเป็นผู้นำในธุรกิจอาหารด้วยผลิตภัณฑ์และการบริการที่ได้มาตรฐานสูง เพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าและเป็นบริษัทที่พึงปรารถนาของพนักงาน  และได้กำหนดภารกิจ (Mission) ไว้ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อให้ไปให้ถึงวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้  นอกจากนี้ ได้กำหนดเป้าหมายการทำงาน (Objectives)  และกำหนดกลยุทธ (Strategy) การทำงานของแต่ละฝ่ายงานที่สำคัญๆ ได้แก่  กลยุทธของฝ่ายขายและการตลาด  กลยุทธของฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  กลยุทธของฝ่ายทรัพยากรบุคคล เป็นต้น   2.  WTO คือ องค์การระหว่างประเทศทำหน้าที่เป็นเวทีเจรจาการค้าและระงับข้อพิพาทของประเทศสมาชิกเป็นองค์กรที่นำโดยสมาชิก (member driven organization)  ดูแลรับผิดชอบด้านกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศซึ่งจัดทำในรูปแบบของความตกลงระดับพหุภาคี (Multilateral Agreements)  ประเทศไทยเป็นสมาชิกตั้งแต่ 28 ธันวาคม 2537 เป็นสมาชิกอันดับที่ 59  การเป็นสมาชิก WTO มีผลต่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของภาครัฐและภาคเอกชน คือ  1.  ภาคราชการต้องจัดให้มีระบบการทำงานที่ทันสมัย ใช้เทคโนโลยีการสื่อสารและการรวบรวมข้อมูลเพื่อให้มีศูนย์รวมข้อมูลทางการค้าที่สำคัญเพื่อใช้ประโยชน์ในการเจรจาการค้าต่างๆ   2. ทำให้เกิดความจำเป็นต้องพัฒนาบุคลากรภาคราชการและเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ  ให้มีภูมิปัญญา ศักยภาพ เพื่อให้สามารถเจรจาต่อรองและทำการแข่งขันทางการค้าได้  มีผลให้เกิดความตื่นตัวในการพัฒนาการเรียนการศึกษาของประเทศ เพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้  3. ทำให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนต้องปรับมาตรฐานสินค้าเพื่อให้เข้าสู่ตลาดโลก โดยเฉพาะสินค้าภาคการเกษตรซึ่งอยู่ภายใต้มาตรการสุขอนามัยพืชปลอดภัย ทำให้ภาคการเกษตรของไทยตระหนักในเรื่องความปลอดภัยของสินค้าและมีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคมากขึ้น   4.  เป็นการสร้างจิตสำนึกในการรักษาสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นกฎเกณฑ์สำคัญของ WTO มีผลทางอ้อมทำให้คนไทยทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเกิดการอนุรักษ์และรักษาสภาพแวดล้อมในประเทศไทย   5.  การเปิดตลาดเสรีและลดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมทำให้ประเทศไทยสามารถขยายตลาดการค้าเข้าสู่ตลาดโลกได้อย่างกว้างขวาง  เป็นการสร้างงานและรายได้แก่ประชาชน  ช่วยให้คนไทยมีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้น สังคมโดยรวมดีขึ้นเมื่อเทียบกับอดีต            ด้านการบ้านอาจารย์พจนารถ  ขอแสดงความเห็นดังนี้  Balanced Scorecard เป็นเครื่องมือการทำงานที่สำคัญ ซึ่งเป็นที่นิยมขององค์กรต่างๆ ในปัจจุบันเพื่อใช้ตรวจสอบและติดตามผลการทำงานขององค์กรว่า ได้ดำเนินงานไปในทิศทางที่ถูกต้องเพื่อบรรลุเป้าหมายที่องค์กรตั้งไว้หรือไม่  ซึ่งองค์กรที่ดิฉันทำงานอยู่ก็ได้มีการนำ Balanced Scorecard มาใช้ในการทำงานเช่นเดียวกัน  เราได้กำหนดการทำงานตามมุมมองด้านต่างๆ ของ BSC  คือ ด้านการเงิน (Finance)  ด้านลูกค้า (Customer)    ด้านกระบวนการทำงาน  (Internal Process)  และด้านการเรียนรู้และเติบโต (Learning and Growth)  มีการจัดทำแผนกลยุทธองค์กร (Strategic Map)  เพื่อให้เห็นเป้าหมายการทำงาน จัดเชื่อมโยง 4 มุมมองของ  BSC  ลงในแผนกลยุทธ  และมีการกำหนด KPI  ในทุกๆ เดือนผู้บริหารจะมีการประชุมติดตามผลงานกัน    ส่วนในเรื่อง Employee Engagement ในองค์กรที่ดิฉันทำงานอยู่ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก  เรามีการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี สร้างแรงจูงใจให้พนักงานมีความผูกพันต่อองค์กร เพื่อเป็นกำลังใจให้เกิดผลงานที่ดี  ซึ่งเป็นผลต่อองค์กรและตัวพนักงานเอง                                ท้ายนี้ขอขอบคุณอาจารย์ทุกท่านสำหรับความรู้และประสบการณ์ต่างๆ ที่มอบให้นักศึกษา MPA 3     ด้วยความเคารพ    เปรมหทัย พึ่งบุญ ณ อยุธยา รหัส 49038010039
สมธนิษฐ์ มงคลชาติ

เรียน  อาจารย์จีระและอาจารย์ทุกท่าน

ก่อนอื่นต้องขออนุญาตใช้ Blog ของอาจารย์แจ้งข่าวการเสียชีวิตของนักศึก MPA รุ่น 3  สวนสุนันทา ชื่อ  จ่าเอกสราวุธ  นวมน้อย  ท่ถึงแก่กรรมด้วยอบุติเหตุไปเมื่อวันอาทิตย์ท่  21 มค.นี้  ตามท่หนังสือพิมพ์ได้ลงข่าว......ด้วยรักและอาลัยเพื่อนท่มีความตั้งใจในการเรียนเพื่อความก้าวหน้าในชีวิตราชการ.....ได้ส่งการบ้านให้อาจารย์เรียบร้อยแล้ว....ได้รับคำชมจากอาจารย์.....  สำหรับการบ้านในครั้งต่อไป.....เพื่อนๆทุกคนจะตั้งใจทำและตั้งใจเรียนทุกวันเพื่อเพื่อน...ขอให้เพื่อนรับรู้ไว้ ณ ท่นี้   ........จากเพื่อนทุกคน    ขอบคุณอาจารย์มากค่ะท่กรุณา.......

 

พรกมล สมวงศ์ MPA 3 รหัส 49038010014
เรียน ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์ อาจารย์ยม  นาคสุข  และสวัสดีเพื่อน ๆ ทุกคน ก่อนอื่นต้องบอกความในใจก่อนที่จะออกจากบ้านไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเมื่อวันเสาร์ที่ 20 มกราคม รู้สึกเครียดว่าวันนี้อาจารย์จะสอนวิธีไหน จะให้นักศึกษาทำอะไร ติเตียนอะไรหรือเปล่า  แต่พอถึงเวลาเรียนอาจารย์เดินเข้าไปในห้องเรียนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แจ่มใส ทักทายนักศึกษาด้วยไมตรีจิต ชื่นชมบรรยากาศในห้องเรียน แต่ติเรื่องดอกไม้ที่ประดับแจกันน้อยไปหน่อย ก็รู้สึกทำให้สบายใจขึ้นมาก ก่อนที่อาจารย์จะทำการสอนในวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ต่อจากวันเสาร์ที่ 13 มกราคม อาจารย์ได้นำบทความที่อาจารย์เขียนเรื่อง ดนัย มอบความสุขให้คนไทย แล้วให้เวลา 10 นาที สำหรับให้นักศึกษาอ่านแล้ววิเคราะห์บทความ อันนี้ก็แสดงให้เห็นว่าอาจารย์ต้องการให้นักศึกษาใช้เวลาที่จำกัดฝึกความรวดเร็วในการอ่านและจับใจความหรือประเด็นที่สำคัญ ๆ แล้วให้ตัวแทนของแต่ละกลุ่มสรุปให้อาจารย์ฟ้ง ซึ่งอันนี้ก็ได้สร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นภายในกลุ่ม และระหว่างกลุ่มที่เรียนด้วยกัน การที่อาจารย์สอนแบบนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ด้วยเหมือนกัน และที่สำคัญเมื่ออ่านบทความของอาจารย์แล้วได้ประโยชน์หลาย ๆ อย่างที่จะนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตต่อไป นอกจากนี้อาจารย์ยังให้ดู VDO เทป เปิดอก อำนวย  วีรวรรณ ซึ่งก็ได้นำเอาข้อคิดและประสบการณ์ของคุณอำนวย  วีรวรรณ ในด้านที่จะกล้าริเริ่ม กล้าแสดงความคิดเห็น กล้าที่จะฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ และกล้าที่จะนำความรู้ของตัวเองที่มีอยู่ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคมต่อไป และยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับทฤษฎี 3 วงกลมว่าเราจะทำอะไรที่จะให้ประสบความสำเร็จได้จะต้องมีส่วนประกอบอย่างอื่นด้วยที่จะต้องสัมพันธ์กัน  ทฤษฎี HRDS ที่ต้องการให้สังคมอยู่อย่างยั่งยืนและมีความสุข  และที่สำคัญที่สุด อาจารย์ยมได้แวะมาเยี่ยมอาจารย์ และนักศึกษา ได้พูดคุยสร้างบรรยากาศในห้องเรียนได้ดีระดับหนึ่ง สำหรับการบ้านของอาจารย์ 3 ข้อนั้น ดิฉันจะขอตอบดังนี้       1. องค์กรที่ดิฉันทำงานคือ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีภาระหน้าที่ในการทำนุบำรุง ส่งเสริมกิจการพระพุทธศาสนา ให้การอุปถัมภ์คุ้มครองและส่งเสริมพัฒนางานด้านพระพุทธศาสนา ดูแลรักษาจัดการศาสนสมบัติ พัฒนาพุทธมณฑลให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ทางพระพุทธศาสนาในระดับสากล รวมทั้งให้การสนับสนุนพัฒนาบุคลากรทางศาสนา หน่วยงานเครือข่าย นอกจากจะมีสำนักงานใหญ่แล้วยังมีหน่วยงานระดับภูมิภาค คือสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด 75 จังหวัด เพื่อให้งานด้านพระพุทธศาสนากว้างขวางและหยั่งลึกไปในระดับรากหญ้า นอกจากนี้ ก็มีวัดไทยที่ตั้งอยู่ในประเทศต่าง ๆ ประมาณ 20 กว่าประเทศ มากกว่า 200 แห่งทั่วโลก เพื่อเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในระดับสากล โดยได้กำหนดวิสัยทัศน์ไว้ว่า พระพุทธศาสนามีความเจริญมั่นคง พุทธศาสนิกชนเข็มแข็ง มีความสุขด้วยหลักพุทธธรรม ส่งเสริมศีลธรรมค้ำจุนสังคม  ส่วนด้านพันธกิจนั้น ให้การอุปถัมภ์คุ้มครองพระพุทธศาสนา ส่งเสริมการเผยแผ่หลักธรรม ให้ประชาชนนำไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ได้จริง            2. วัฒนธรรมขององค์กร เป็นการแบ่งสายการปกครองออกเป็นสำนัก กอง ฝ่าย และงานต่าง ๆ ซึ่งแต่ละหน่วยงานจะมีผู้บังคับบัญชาแยกตามลำดับตั้งแต่ ระดับผู้อำนวยการสำนัก/กอง  หัวหน้าฝ่าย หัวหน้างาน และระดับผู้ปฏิบัติงาน แต่ทั้งหมดก็ต้องอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้อำนวยการ และรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งการบริหารงานภายในองค์กรจะมีทั้งปัญหา และอุปสรรค มีทั้งข้อดีและข้อเสีย สรุปได้คือ ปัจจุบันเป็นยุคโลกาภิวัตน์ มีการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ มากมายและชัดเจนมาก เทคโนโลยีการสื่อสารไร้พรมแดน วัฒนธรรมการเรียนรู้ใหม่ ๆ หลั่งไหลสู่ประเทศไทย ทำให้สังคมเปลี่ยนไป สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจึงต้องมีหน้าที่ที่สำคัญนอกจากการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแล้ว ก็คือการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม สร้างจิตสำนึกให้คนเป็นคนดี มีความรู้คู่คุณธรรม พัฒนาจิตใจ เพื่อให้ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตทีดี ดำรงชีพแบบเศรษฐกิจพอเพียงให้เยาวชนตระหนักถึงภัยคุกคามทั้งทางตรงและทางอ้อม ปรับตัวให้ทันกับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลง รู้จักการใช้เทคโนโลยีอย่างเลือกสรร จึงต้องดำเนินกิจกรรมให้การศึกษาอบรมโดยร่วมกับคณะสงฆ์ให้การถ่ายทอดหลักธรรมไปสู่การปฏิบัติ แต่เนื่องจากการปฏิบัติงานของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นงานที่เน้นผลทางด้านจิตใจ เป็นนามธรรม มองเห็นผลได้ในระยะยาว  นี่จึงเป็นปัญหาและอุปสรรค เพราะเมื่อกล่าวถึงการเข้าวัด ฟังธรรม ปฏิบัติธรรมแล้ว มักจะมองว่าเป็นเรื่องของคนแก่ คนที่เกษียณอายุราชการแล้ว แต่ตามข้อเท็จจริงผู้ที่เข้าวัดปฏิบัติธรรมน่าจะเป็นเยาวชนและประชาชนทั่ว ๆ ไป  ข้าราชการ นักการเมือง ผู้บริหารในหน่วยงานต่าง ๆ เป็นต้น บุคคลเหล่านี้ล้วนแต่มีผลต่อความเจริญ  ความเสื่อมโทรมของสังคม และของประเทศเป็นอย่างยิ่ง  นอกจากปัญหาและอุปสรรค์แล้ว  วัฒนธรรมภายในองค์กรของสำนักงานพระพุทธศาสนายังมีข้อดี เช่น 1. การปฏิบัติงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน 2. ปฏิบัติงานตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา 3. ปฏิบัติงานกันเป็นทีม ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 4. ให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น และให้ความเสมอภาคแก่ทุกคน ข้อเสีย 1. การปฏิบัติงานตามระเบียบมากเกินไปก็ทำให้ผู้รับบริการรู้สึกไม่พอใจ 2. การมอบหมายงานให้ในส่วนที่ตนเองไม่ถนัดทำให้การปฏิบัติงานล่าช้ากว่ากำหนด 3. พนักงานได้รับการพัฒนาในด้านเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ น้อยมาก        3. WTO หรือองค์การค้าโลกมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรหรือราชการอย่างไร  WTO หรือองค์การค้าโลก เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ประเทศทางทิศตะวันตกวางเอาไว้เพื่อที่จะให้ทุกประเทศในโลกเข้าร่วมการเป็นสมาชิก เพื่อที่จะได้ทำการค้าขายในรูปแบบและกติกาเดียวกัน และประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในหลายประเทศที่เข้าร่วมเป็นสมาชิก WTO และสนับสนุนแนวทางการค้าเสรี จึงทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่เวทีการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น การทำงานในระบบราชการของประเทศไทยจึงต้องพัฒนาศักยภาพให้มากขึ้นเพื่อที่จะได้ก้าวขึ้นสู่เวทีโลกได้อย่างเท่าเทียมกับประเทศสมาชิกอื่น ๆ  โดยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทั้งในภาคราชการ และภาคเอกชนให้เป็นผู้มีความรู้ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ความคล่องแคล่วในภาษาไทย  ภาษาอังกฤษ ส่งเสริมให้มีการพัฒนาทักษะและฝีมือแรงงาน เพื่อความได้เปรียบในการแข่งขันของประเทศ  การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์กร หรือภาคราชการ มีส่วนเกี่ยวข้องกับ WTO  และมีประโยชน์ต่อประเทศไทยเพราะ 1. เป็นการเปิดการค้าเสรี ทำให้โลกมีการแข่งขันกันมากขึ้น มีสินค้าหลากหลาย ทำให้ราคาสินค้าต่ำลง ผู้ประกอบการจะต้องพัฒนาคุณภาพสินค้าให้มากขึ้น 2. ต้องปรับระบบการบริหารราชการ ปรับวัฒนธรรมในการทำงานของระบบราชการ ให้พร้อมรองรับความทันสมัยในยุคโลกาภิวัตน์ และการพัฒนาวินัยของราชการ วินัยทางการเมือง การทำงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีการปฏิบัติที่ดี และมีประสิทธิภาพ 3. การปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าของประเทศที่นำเข้ามาทำให้ราคาสินค้าลดลง ประเทศไทยส่งออกสินค้าเข้าไปขายในประเทศอื่นได้มากขึ้น แต่ในทางกลับกัน สินค้านำเข้าจากต่างประเทศจะมีราคาถูกลง คนไทยจะหันไปซื้อสินค้าและบริการจากต่างประเทศมากขึ้น ทำให้ประเทศไทยขาดดุลการค้า คือนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมากขึ้น ส่งออกไปขายต่างประเทศน้อยลง ทำให้ธุรกิจที่ไม่สามารถแข่งขันกับต่างประเทศไทยล้มกิจการ เกิดปัญหาการว่างงาน เพราะต้องปลดคนงานออก ทำให้เกิดปัญหาความยากจนตามมา เกิดปัญหาทางสังคม ส่งผลกระทบถึงการศึกษาด้วย รัฐบาลต้องหาแนวทางวิธีการแก้ไขปัญหาด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนรู้จักการออมและการทำบัญชีค่าใช้จ่ายในครัวเรือน แนวคิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง รณรงค์ให้ใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศไทย ปรับระบบการศึกษาให้ทันสมัย เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงต่อไป  สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณอาจารย์ทุก ๆ ท่าน มาก ๆ ที่ได้นำความรู้ และได้ถ่ายทอดประสบการณ์ด้านต่าง ๆ มาเล่าให้กับนักศึกษา รปม.3 ได้ทราบ ขอบคุณค่ะ  

 

ยม" ขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของ ศิษย์ จ.อ.สราวุฒิ นวมน้อย

สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ / นักศึกษา MPA 3 สวนสุนันทาฯ 

ผมขอแสดงความเสียใจ และอาลัยกับการจากไปของ จ.อ.สราวุฒิ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น MPA 3 ศิษย์คนหนึ่งของผม  เพื่อเป็นการแสดงความระลึกถึง ผมได้นำบทความที่ จ.อ.สราวุฒิ เขียนถึงผมเมื่อวันที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา ดังปรากฎอยู่ในตอนท้ายนี้  

ส่วนสมาชิก MPA 3 ที่เขียนมาขอให้ผมช่วย comment การเขียนให้ ขอเวลาศึกษาอีกนิด  แล้วจะส่งตาม ผมเชิญชวนพวกเรา ร่วมแสดงความไว้อาลัยแก่ จ.อ.สราวุฒิ ด้วยการตั้งใจอ่านบทความของเขา และมองให้เห็นส่วนดี และร่วมจิตส่งความปราถนาดีไปให้เขาร่วมกันหลังจากอ่าน ข้อความจบแล้ว

จ่าเอกสราวุฒิ นวมน้อย รหัสนักศึกษา49038010029 ม.สวนสุนันทา เมื่อ พฤ. 18 ม.ค. 2550 @ 22:14 (140532)
เรียน อาจารย์ยม  นาคสุข ที่เคารพอย่างสูง 
ระผมจ่าเอกสราวุฒิ  นวมน้อย นักศึกษาปริญญาโท(รปม.) สาขาการบริหารจัดการ รุ่นที่ 3 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา 
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2550กระผมมีโอกาสได้รับฟังความรู้จากท่านอาจารย์ในหัวข้อเรื่อง ภาพรวมการบริหารทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่  ซึ่งประเด็นที่ได้รับ คือ 
  1. ความรู้ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในภาพรวมของระบบราชการและเอกชน
  2. ความแตกต่างและเปลี่ยนแปลงใน ด้านโครงสร้างระบบและวัฒนธรรมขององค์การในศตวรรษที่ 20 และ 21  ซึ่งในศตวรรษที่ 21 นี้เน้นเรื่องภาวะผู้นำ( leadership) ของผู้บริหาร การกระจายข้อมูลข่าวสาร  การกระจายอำนาจ (Empowerment)  การลดขั้นตอนการทำงาน เพื่อสะดวกรวดเร็วและเพิ่มให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด 
  3. แนวทางการบริหารองค์การในศตวรรษที่ 21 มีการดำเนินงานอย่างมีทิศทางที่ชัดเจนด้วยการใช้เครื่องมือการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ทันสมัยต่างๆ  เช่น   
  • การกำหนดสมรรถนะหรือคุณสมบัติเชิงพฤติกรรม (Competency) ของบุคลากรที่องค์การต้องการ โดยมีสมรรถนะหลัก (Core Competency) เป็นคุณสมบัติหลัก ทุกคนในองค์การต้องมีเพื่อให้การดำเนินงานขององค์การประสบความสำเร็จ
  •  การบริหารผลการทำงาน (Performance Management) โดยใช้เครื่องมือสมัยใหม่ เช่น Balanced Scorecard และการกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ KPI เพื่อให้ทุกคนในองค์การทำงานในทิศทางเดียวกัน  มีเป้าหมายการทำงานที่ชัดเจนและเชื่อมโยงต่อกลยุทธ์ขององค์การ 
  • การใช้หลักการ 7 Habits เพื่อพัฒนาตนเอง
  • การสร้างองค์การแห่งการเรียรู้       
ประเด็นแรก  จากการเรียนเรื่อง ภาพรวมการบริหารทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่  เรื่องที่ข้าพเจ้าให้ความสนใจคือ   หลักการบริหารงานทรัพยากรมนุษย์แนวใหม่  ได้แก่ 
  • การยึดหลักระบบคุณธรรม
  • การใช้หลักความโปร่งใส ทำอะไรต้องตรวจสอบได้ 
  • ารยึดหลักมุ่งผลสัมฤทธิ์ 
  • การยึดหลักสมรรถนะ  หลักความรับผิดชอบ ต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน 
  • การยึดหลักสรรหาระบบเปิด 
  • การยึดหลักการบริหารจัดการแนวใหม่  

ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์  4 ด้าน  คือ

  • การเมือง (Political) 
  • เศรษฐกิจ (Economy) 
  • สังคม วัฒนธรรม (Social) 
  • เทคโนโลยี (Technology) 

ทั้งในระดับประเทศและระดับโลกเนื่องจากในภาวะนี้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ย่อมส่งผลกระทบต่อเราไม่ทางตรงก็ทางอ้อม การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้การดำเนินนโยบายของรัฐบาล  และกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ชุมชน องค์กร

 ดังนั้นหากเรารู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ย่อมทำให้เราปรับตัว และเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างยั่งยืนในยุคแห่งโลกาภิวัตน์ เรื่องวิธีการสร้างอำนาจ 5 ประการ คือ

  1. อำนาจสร้างได้ด้วยการให้
  2. อำนาจสร้างได้ด้วยการติ
  3. อำนาจสร้างได้ด้วยการเป็นผู้รู้มากกว่า
  4. อำนาจสร้างได้ด้วยการอ้างอิง
  5. อำนาจสร้างทางนิติกรรม ( อำนาจต้องสร้าง ต้องรักษา ต้องใช้ อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ )  

 

สำหรับปัญหาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของภาครัฐ  ตามความเห็นของข้าพเจ้า คือ

  1. ปัญหาระบบอุปถัมภ์ (Patronage System) การบริหารที่ไม่ได้ยึดหลักผู้มีความรู้ความสามารถของบุคลากรเป็นหลัก แต่มุ่งเน้นการให้ประโยชน์แก่พรรคพวกเพื่อนพ้อง ทำให้ผู้มีความรู้ความสามารถไม่ประสงค์ประกอบเลือกอาชีพรับราชการ และผู้ที่เป็นข้าราชการขาดขวัญและกำลังใจในการทำงาน
  2. ปัญหาการคอรัปชั่น ระบบอุปถัมภ์ทำให้ข้าราชการขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่มุ่งแต่หวังผลประโยชน์หรือสิ่งตอบแทนที่ตนจะได้รับ การปฏิบัติงานขาดความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีผลงานที่ดี ทำให้ประเทศไม่เจริญก้าวหน้าช้า
  3. ปัญหาระบบการฝึกอบรมและพัฒนาข้าราชการ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลจะเกิดขึ้นไม่ได้   ถ้าภาครัฐยังใช้ระบบการบริหารราชการแผ่นดินรูปแบบเดิมๆ  โดยมีขั้นตอนมากเกินจำเป็น และมีกฎระเบียบและกฎเกณฑ์มากมาย  การแก้ไขปัญหาล่าช้า   ทำให้มาตรฐานการบริการของภาครัฐที่มีต่อประชาชนขาดมาตรฐานที่ดี  ใช้การฝึกอบรมแบบให้ความรู้ทั่วไปไม่พอเพียง และไม่สอดคล้องต่อเป้าหมายและพันธกิจขององค์การ

ประเด็นที่  3  ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาในภาครัฐ        

  1. ผู้บริหารประเทศควรเร่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้สอดคล้องกับความก้าวหน้า  ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วต้องมีการเตรียมพร้อมให้ประชาชนได้เรียนรู้วัฒนธรรมสากล มีความรู้ความเข้าใจทางการเมืองการปกครอง ส่งเสริมให้ประชาชนมีความคิดเชิงสร้างสรรค์ คิดเชิงระบบ และคิดเชิงรุก สร้างความตระหนักให้ประชาชนเห็นว่าทรัพยากรมนุษย์เป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญ
  2. ผู้บริหารประเทศจะต้องเป็นผู้นำที่มีความรู้ความสามารถจริงๆ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ไม่ควรมาจากระบบอุปถัมภ์และควรจะมีความรับผิดและชอบต่อสิ่งที่ได้กระทำ โดยยึดหลักธรรมมาภิบาล และให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ
  3. กำหนดและปรับเปลี่ยนระบบนโยบายด้านการศึกษาทั้งระบบการเรียนการสอนและผลตอบแทนของครูให้เหมาะสมกับสภาวะเป็นจริงทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน  เพื่อต้องการให้ผู้สอนได้ใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ในความเป็นครูที่ดี เพราะครูซึ่งเป็นบุคลากรที่มีหน้าที่สร้างและพัฒนาคน ให้มีความรู้ มีคุณธรรมจริยธรรม การกระทำของครูส่งผลให้ผู้เรียนมีความประพฤติและการปฏิบัติตนเป็นคนดี ทั้งในชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงาน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของสังคมและประเทศชาติ       

                       

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อหวังที่จะให้ประชาชนและประเทศชาติในอนาคตสามารถดำรงอยู่ได้ การสร้างทรัพยากรมนุษย์ให้เป็นทั้งคนเก่ง  ทั้งคนดีและมีความสุขมีมุมมองเชิงรุกสู่อนาคต  สามารถแข่งขัน  และร่วมมือ  อีกทั้งสามารถบำเพ็ญประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไป

จ่าเอกสราวุฒิ  นวมน้อย http://[email protected]

  ผมขอชื่นชมการเขียนของ จ่าเอกสราวุฒิ เป็นการเขียนที่ดี ครอบคลุมประเด็นการนำเสนอ การดำเนินเรื่อง และการปิดประเด็น

 

เนื้อหาดำเนินเรื่อง จับประเด็นได้มาก แสดงให้เห็นถึงการศึกษา ทบทวนสิ่งที่ได้สอน แนะนำไปเป็นอย่างดี

จ.อ.สราวุฒิ เป็นครูผู้เสียสละ ให้พวกเราทุกคน ได้ตระหนักถึงการวางแผนชีวิตให้รัดกุมยิ่งขึ้น และไม่ประมาท มีสติอยู่เสมอ

 

คุณความดีที่ข้าพเจ้าเคยทำมา ขออุทิศให้แก่ จ.อ.สราวุฒิ ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลาย อำนวยพรให้ จ.อ. สราวุฒิ นวมน้อย จงไปสู่ความสงบสุข ด้วยเทอญ

ยม"MPA 3 ให้เขียนต่อใน MPA สวนสุนันทา(HR/2)

นักศึกษาที่ตัองการเขียนแสดงความคิดเห็น ต่อจาก blog นี้ ขอให้ย้ายไปเขียนใน MPA สวนสุนันทา(HR/2)

เนื่องจาก หากมีข้อมูลเกิน 100 บทความ จะทำให้การเขียนข้อมูลช้า ครับ

ร้อยตรีหญิง ผลึกพร อนันตพงษ์ รหัสนักศึกษา 49038010018
ข้อ1 วิสัยทัศน์ขององค์กรแต่ละองค์กรเป็นอย่างไร แล้วทำไมถึงกำหนดวิสัยทัศน์นั้นขึ้นมาตอบ วิสัยทัศน์  ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Vision พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 บัญญัติว่า วิสัย เป็นคำนามมาจากภาษาบาลี แปลว่า ขอบ เขต แดน ลักษณะที่เป็นอยู่ ส่วนคำว่า ทัศน์ มาจากภาษาสันสกฤต แปลว่า ความเห็น การเห็น เครื่องรู้เห็น สิ่งที่เห็น เมื่อนำมารวมกัน แปลความได้ว่า ความเห็นเกี่ยวกับลักษณะที่เป็นอยู่ หรืออาจรวมถึง ภาพทางความคิดที่แสดงถึงสิ่งที่เราต้องการจะสร้างขึ้นมาให้เป็นผลสำเร็จในอนาคต เพื่อตอบคำถามที่ว่าในท้ายที่สุด อะไรคือสิ่งที่เราต้องการ ?”  โดยพื้นฐานในทุกองค์กรจะมีความต้องการ ความคาดหวัง และเป้าหมายสุดท้ายเพื่อกำหนดวิธีการทำงานของผู้บริหารและพนักงานทุกคนให้รับทราบและปฏิบัติตาม และต้องการจะบรรลุถึงเป้าหมายนั้นอย่างชัดเจนด้วย วิสัยทัศน์จึงเป็นเสมือน "กลไก" ที่ชี้นำสถานภาพขององค์กรในปัจจุบันและความเป็นไปในอนาคต วิสัยทัศน์องค์กรที่มีการกำหนดไว้อย่างชัดเจน เป็นลายลักษณ์อักษรและเป็นที่เข้าใจยอมรับกัน ตลอดจนทั้งองค์การจะเป็นจุดเริ่มต้นของกิจกรรมสำคัญ ๆ เช่น การจัดทำแผนงานประจำปี ทั้งที่เป็นแผนกลยุทธ์ (Strategic Plan) และแผนปฏิบัติการ (Operation plan), โครงการพัฒนาระบบการบริหาร ระบบโครงสร้าง หรือระบบองค์กรเรียนรู้ เป็นต้น ตัวอย่าง วิสัยทัศน์ของกระทรวงกลาโหม กระทรวงกลาโหม เป็นองค์กรหลักที่มีศักยภาพในการพิทักษ์รักษาเอกราชความมั่นคงของรัฐ สถาบันพระมหากษัตริย์ ผลประโยชน์ของชาติ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยใช้กลไกการปฏิบัติการทางทหาร และการปฏิบัติการทางทหารที่ไม่ใช่สงครามที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสามารถเผชิญกับกระแสการเปลี่ยนแปลงด้านความมั่นคงในมิติใหม่ และสามารถสนับสนุนการพัฒนาประเทศให้เกิดความมั่นคงที่ยั่งยืนวิสัยทัศน์จะได้มาการผสมผสานจินตนาการและดุลยพินิจในด้านศักยภาพและความสามารถ ตลอดจนทักษะและประสบการณ์ในการเรียนรู้ขององค์กร และจากการสื่อสารระหว่างบุคคลระดับต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กรในด้าน องค์ความรู้ (Knowledge) รวมทั้งความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ อันจะทำให้ได้สิ่งใหม่ๆ ซึ่งบางครั้งเป็นสิ่งที่นำประโยชน์มาสู่องค์กรได้ ความสำคัญของวิสัยทัศน์ 1.มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนเพื่อช่วยกำหนดทิศทางที่จะดำเนินชีวิตหรือกิจกรรมองค์กร
2. ทำให้ให้สมาชิกทุกคนรู้บทบาทหน้าที่ของตนเองว่า แต่ละคนมีความสำคัญอย่างไรต่อการมุ่งไปสู่จุดหมายปลายทาง
3. ช่วยให้สมาชิกทุกคนรู้สึกมีความผูกพันและมุ่งมั่นปฏิบัติตามด้วยความเต็มใจ และทุ่มเทเพื่อคุณภาพของผลงานที่ปฏิบัติ
 ลักษณะของวิสัยทัศน์ที่ดี       1. มีมุมมองแห่งอนาคต (Future perspective) สอดคล้องเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม และค่านิยมขององค์กร รวมทั้งวัตถุประสงค์และภารกิจขององค์กรนั้นๆ
2. ริเริ่มโดยผู้นำและสมาชิกมีส่วนร่วมคิดและให้การสนับสนุน (Share and Supported) มีความน่าเชื่อถือ ทุกคนเต็มใจที่จะปฏิบัติตาม การมีส่วนร่วมของสมาชิกจะก่อให้เกิดความผูกพัน (Commitment) ร่วมกัน และทุกคนพร้อมที่จะให้การสนับสนุน
3. มีสาระครบถ้วนและชัดเจน (Comprehensive & Clear) สะท้อนให้เห็นถึงจุดหมายปลายทางและทิศทางที่จะก้าวไปในอนาคตที่ทุกคนเข้าใจง่าย สามารถทำให้สำเร็จได้ตรงตามเป้าหมาย สาระต่างๆ จะช่วยกระตุ้น ท้าทายความสามารถและความรู้สึกนึกคิดของบุคลากรที่จะปฏิบัติงาน
4. ให้ความฝันและพลังดลใจ (Positive & Inspiring) ท้าท้าย ทะเยอทะยาน สามารถ ปลุกเร้า และสร้างความคาดหวังที่เป็นสิ่งพึงปรารถนาที่มองเห็นได้ นั่นคือ มีเส้นทางที่ท้าท้ายความสามารถ
5. มีแผนปฏิบัติที่แสดงให้เห็นวิธีการที่มุ่งสู่จุดหมายชัดเจน    และเมื่อปฏิบัติตามแล้วจะให้ผลคุ้มค่า ในอนาคต ทั้งในด้านบุคคลและองค์กร    ทั้งนี้ จะต้องมีความสอดคล้องกับจุดหมายปลายทางที่กำหนดเป็นวิสัยทัศน์  
 ข้อ 2 เป้าหมายขององค์กรของตัวเองคืออะไรตอบ กองทัพบกเป็นกลไกทางด้านความมั่นคงของรัฐที่สำคัญและมีศักยภาพในอันที่จะพิทักษ์ รักษาเอกราช และความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประชาชน และผลประโยชน์ของชาติ รวมทั้งการพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคงยั่งยืน และเป็นกองทัพที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีเป็นที่ยอมรับ เชื่อมั่น ศรัทธา ตลอดจนสามารถเป็นที่พึ่งพาของประชาชนได้เสมอเป้าประสงค์ คือ-         สามารถปกป้องและพิทักษ์รักษา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งการสนับสนุนพระราชกรณียกิจได้อย่างสมบูรณ์-         สามารถผนึกกำลัง/สนธิทรัพยากรทั้งสิ้นของชาติ ให้มีความพร้อมตั้งแต่ยามปกติ และสามารถใช้กำลังในการป้องกัน ปราบปราม เพื่อพิทักษ์รักษาความมั่นคงของรัฐจากภัยคุกคามในและภายนอกประเทศ โดยสอดคล้องกับแนวความคิดทางยุทธศาสตร์ การป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหม และแนวทางการใช้กำลังของกองทัพบก รวมทั้งการปฏิบัติการรบร่วมของกองทัพไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ-         สามารถดำเนินงานการทูตโดยฝ่ายทหาร รวมทั้งการเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงกับมิตรประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านในการส่งเสริมสันติภาพ และการรักษาผลประโยชน์ของชาติได้สำเร็จยั่งยืน-         สามารถส่งเสริมและดำรงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้อย่างยั่งยืน -         สามารถสนับสนุน และช่วยการพัฒนาประเทศภายใต้ศักยภาพที่กองทัพบกมีอยู่ โดยเฉพาะโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริอย่างเต็มขีดความสามารถ-         สามารถใช้กำลังเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ รวมทั้งสนับสนุนรัฐบาลและประชาชนในการแก้ไขปัญหาของชาติได้สำเร็จ-         การบริหารจัดการของกองทัพบกในด้านต่างๆมีประสิทธิภาพสูงขึ้นข้อ3 WTO มีผลกระทบต่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในระบบราชการอย่างไรตอบ  WTO (World Trade Organization) เป็นองค์กรการค้าระหว่างประเทศที่ทำการส่งเสริมการแข่งขันทางด้านการค้าระหว่างประเทศโดยเสรี รวมทั้งข้อตกลงเกี่ยวกับภาษีการนำเข้าการส่งออก รวมทั้งเป็นตัวกลางในการช่วยลดความเสียเปรียบของการค้าขายระหว่างประเทศ ดังนั้น หากประเทศไทยต้องการแข่งขันกับต่างประเทศในด้านการค้าขาย ระบบราชการไทยจำเป็นต้องศึกษากฎระเบียบข้อบังคับ รวมทั้ง สร้างความเข้าใจกับภาคเอกชนเพื่อช่วยส่งเสริมยกระดับการผลิตสินค้าเพื่อให้ได้มาตรฐานตามที่ WTO หรือประเทศคู่ค้าได้กำหนดกฎเกณฑ์ร่วมกันข้อ 4 CASE STUDY ปัญหาในองค์กรมีอะไรบ้างตอบ การจัดการบริหารองค์กรขนาดใหญ่ เนื่องด้วยกองทัพบกมีโครงสร้างองค์กรขนาดใหญ่มีระบบสายการบังคับบัญชา มีกฎระเบียบวิธีการแบบแผน มีวัฒนธรรมในองค์กร ปัจจัยต่างๆเหล่านี้ทำให้รูปแบบโครงสร้างกองทัพบกมีลักษณะที่ใหญ่ใช้คนเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก แต่ผลผลิตขององค์กรที่ได้ไม่สามารถประเมินผลได้ เนื่องจากวัตถุประสงค์คือ การรักษาความมั่นคงให้กับประเทศซึ่งเป็นเป้าหมายที่เป็นลักษณะ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่มีนิยามขอบเขตที่กว้างมากกว่าองค์กรอื่นๆ ซึ่งมีเป้าหมายเพียงเพื่อผลกำไรหรือมุ่งเน้นการบริการให้กับประชาชน        การบริหารปรับปรุงโครงสร้างองค์กรของกองทัพบกประสบปัญหาเนื่องจากถ้าลดขนาดกองทัพทำให้ต้องลดจำนวนบุคคลากรซึ่งก็จะมีผลกระทบโดยตรงกับการบริหารงานทันที เนื่องจากกองทัพมีส่วนประกอบย่อยๆตั้งแต่หน่วยส่วนกลาง ไปจนถึงหน่วยส่วนภูมิภาคด้วยรูปแบบของการบรรจุคนในลักษณะผูกพันกับงานเป็นเวลานาน เช่น บรรจุคนอายุ 24 ปีเข้ารับราชการจนเกษียณอายุที่ 60 ปี ทำให้มีงบภาระผูกพันธ์กับรายจ่ายของคนเหล่านั้น โดยไม่สามารถหยุดหรืองดจ่ายเงินเดือนเหมือนบริษัทเอกชนได้ข้อ 5 วัฒนธรรม 3 เรื่อง มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง
ข้อดี ข้อเสีย
1.    วัฒนธรรมทางการควบคุมบังคับบัญชา ในกองทัพบกเป็นองค์กรที่มีขนาดใหญ่ มีผู้บังคับบัญชารับผิดชอบงานในแต่ละด้าน ยึดถือตามกฎระเบียบข้อบังคับ และคำสั่งต่างๆมีแบบแผนที่มีมาอย่างยาวนาน จึงทำให้งานในด้านต่างๆมีผู้รับผิดชอบอย่างเด่นชัดและมีเอกภาพในการควบคุมบังคับบัญชา และมีกรอบการปฏิบัติงานไปในแนวทางเดียวกัน                                                      เนื่องจากเป็นองค์กรขนาดใหญ่และมีกฎระเบียบแบบแผนมีรายการบังคับบัญชาตามลำดับขั้นจึงทำให้เกิดความล่าช้าและเสียเวลากับการดำเนินงานเพื่อรออนุมัติ สั่งการหรือตัดสินใจจากผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจสูงสุดเพียงคนเดียว งานบางอย่างต้องการความรวดเร็วถ้ารอการอนุมัติ การตัดสินใจ จากผู้บังคับบัญชา จะทำให้ไม่ทันเวลา
2.    วัฒนธรรมการเลื่อนยศปลดย้ายในกองทัพการเปลี่ยนแปลงกำลังพลเกษียณอายุราชการ เปลี่ยนหรือเลื่อนตำแหน่ง ทำให้บุคคลากรเกิดการหมุนเวียน ซึ่งจะช่วยให้คนที่มีความรู้ความสามารถได้รับการพิจารณาเข้ามาทำงานเพื่อเกิดขวัญและกำลังใจที่ดีสร้างแรงจูงใจ 3.    วัฒนธรรมเรื่องการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาทหารต้องปฏิบัติงานตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัดจะใช้ยศเป็นตัวกำหนดฐานะของแต่ละบุคคล ผู้บังคับบัญชาจะมีสิทธิอย่างถูกต้องในการชี้ความดีความชอบ หรือความคิดของผู้ใต้บังคับบัญชาทำให้เกิดความมีระเบียบเรียบร้อย และความเด็ดขาดในการปกครอง                                                  เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ทำให้ขาดความต่อเนื่องในนโยบายการบริหารระดับสูงซึ่งเกิดจากนโยบายของแต่ละบุคคลที่พยายามจะนำเสนอแนวทางการบริหารงานตามที่ตัวเองเห็นสมควร ซึ่งจะมีผลกระทบกับแนวทางการพัฒนากองทัพในระยะยาว       เนื่องจากผู้บังคับบัญชามีอำนาจเด็ดขาด ดังนั้นถ้าผู้บังคับบัญชาไม่มีจิตสำนึกหรือการมีภาวะผู้นำที่ดี ก็อาจจะส่งผลต่อการปฏิบัติงาน และวางตัวในบทบาทหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ ผู้ใต้บังคับบัญชาอาจไม่นำเสนอแนวความคิดหรือตัดสินใจในแนวทางที่คิดว่าตัวเองถูกในสถานการณ์ขณะนั้น รวมทั้งไม่สามารถแนะนำความถูกต้องในกรณีที่ผู้บังคับบัญชากระทำหน้าที่โดยบกพร่อง                                                                          
 การบ้านอาจารย์พจนารถ เรียนเมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2550ตอบ       1. Balanced Scorecard    เป็นเครื่องมือทางด้านการจัดการที่ช่วยในการนำกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติ (Strategic Implementation)  และเป็นเครื่องมือในการวัดและประเมินผลองค์กร โดยอาศัยการวัดหรือประเมิน (Measurement) ที่จะช่วยทำให้องค์กรเกิดความสอดคล้อง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  และมุ่งเน้นในสิ่งที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร (Alignment and focused)            2. Balanced Scorecard ในฐานะเครื่องมือที่ช่วยในการนำกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติ          แนวคิดด้าน Balanced Scorecard ได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจากเครื่องมือในการประเมินผลเพียงอย่างเดียว เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการนำกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งในปัจจุบันพบว่าจุดอ่อนที่สำคัญของผู้บริหารส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ที่การวางแผน หรือการจัดทำกลยุทธ์ แต่อยู่ที่ความสามารถในการนำกลยุทธ์ที่ได้กำหนดขึ้นไปสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล          การจัดทำ BSC  ต้องเริ่มต้นด้วยกระบวนการทางด้านกลยุทธ์ก่อน คือ การวิเคราะห์ทางด้านกลยุทธ์ และการจัดทำกลยุทธ์ขององค์กรเพื่อให้ได้กลยุทธ์หลักขององค์กร (Strategic Themes) ซึ่งหลังจากที่ได้กลยุทธ์หลักขององค์กรแล้ว  จะถึงขั้นตอนที่สำคัญอีกประการหนึ่งของการจัดทำ BSC ซึ่งก็คือการจัดทำแผนที่ทางกลยุทธ์ (Strategy Map) ซึ่งแผนที่ทางกลยุทธ์นี้จะแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ในเชิงเหตุและผลของวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ภายใต้มุมมองของ BSC โดยสอดคล้องและสนับสนุนต่อวิสัยทัศน์และกลยุทธ์หลักขององค์กร  ขั้นตอนต่อไปจึงจะถึงการกำหนดตัวชี้วัด  เป้าหมาย  และสิ่งที่จะทำ  (Initiatives) ของวัตถุประสงค์แต่ละประการ  จึงจะถือว่าเสร็จสิ้นกระบวนการในการพัฒนา BSC ในระดับองค์กร (Corporate Scorecard) ในการนำ BSC ไปใช้ในการปฏิบัติมากขึ้นการจัดทำ Balanced Scorecard ของ ทบ.                      คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบราชการของ ทบ. เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนกระบวนการและวิธีการทำงาน  ปรับปรุงระบบการเงินและการงบประมาณ และการเสริมสร้างระบบราชการให้ทันสมัย ได้พิจารณากำหนดแนวทางในการจัดทำ BSC ของ ทบ. เป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้1.   การจัดทำแผนกลยุทธ์ ทบ. กำหนดให้ ยก.ทบ. รับผิดชอบจัดทำร่างแผนกลยุทธ์ ทบ. และคณะอนุกรรมการ ฯ ร่วมพิจารณาให้ความเห็นชอบ    แผนกลยุทธ์กองทัพบก  ประกอบด้วย วิสัยทัศน์ พันธกิจจุดมุ่งหมาย และกลยุทธ์                   2. การแปลงแผนกลยุทธ์ไปสู่แผนปฏิบัติการ กรมฝ่ายเสนาธิการร่วมพิจารณาจัดทำ โดยกำหนดมุมมองเป็น  4 มุมมอง ได้แก่ ด้านงบประมาณและทรัพยากร ด้านการเรียนรู้และพัฒนา  ด้านกระบวนการภายใน และด้านผู้รับบริการและผลผลิต และกำหนดวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ในแต่ละมุมมอง จากนั้นคณะอนุกรรมการ ฯ พิจารณานำวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ดังกล่าว มาจัดทำแผนที่ทางกลยุทธ์ (Strategy Map)      3. การจัดทำ BSC เพื่อเป็นเครื่องมือในการประเมินผล  หรือจัดทำตารางการวัดผลการดำเนินงาน (KPI Scorecard) ประกอบด้วย วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์, ตัวชี้วัด, ข้อมูลพื้นฐาน, เป้าหมายและสิ่งที่จะทำ (Strategic Initiatives)  ตารางการวัดผลการดำเนินงานที่จัดทำขึ้นนั้น จะเป็นการวัดผลในภาพรวมของ ทบ.  ซึ่ง นขต.ทบ. จะต้องนำวัตถุประสงค์และตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการต่อไป
นายมงคล กิจสมโภชน์ รหัส 49038010032
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมณ์ อาจารย์ยม นาคสุข อาจารย์พจนารถ ซีบังเกิด การเรียนในวันที่ 20-21 มกราคม 2550 เริ่มมีบรรยากาศที่ดีขึ้น ความเครียดน้อยลง อาจารย์นำเทป “เปิดอก ดร. อำนวย วีระวรรณ” ซึ่งได้ความรู้มุมมองใหม่ ๆ อย่างเช่น กล้าที่คิด และทำให้เกิดประโยชน์ แม้รู้ว่าจะไม่ได้ประโยชน์ในระยะสั้นก็ตาม การเรียนรู้จากประสบการณ์ และอาจารย์พจนารถ สอนให้รู้หลักการใช้ Balanced Scorecard การวางแผน มาปรับเปลี่ยนการทำงานเพื่อให้เกิดคุณภาพที่ดีขึ้น และการเรียนในวันนี้อาจาย์ได้ให้อธิบาย ดังนี้ 1.วิสัยทัศน์ขององค์กร คือ การกำหนดจุดหมายปลายทางที่เชื่อมโยงกับภารกิจ การวิเคราะห์ จุดแข็งจุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคองค์กรของผมเป็นองค์กรอิสระ (ก่อสร้าง) ซึ่งมีการกำหนดโครงสร้างของงานที่ชัดเจน แต่จะมีเป้าหมายเดียวกันกับระบบราชการ คือ ความเป็นเลิศ การนำพาองค์กรให้ประสบความสำเร็จ มีการนำหลักการจัดการบริหารทรัพยากรมนุษย์ Balance Scorecard การวางแผน การใช้ทฤษฎี 2 R และ 3 วงกลม การเปิดโอกาสให้ทุกคนมีการเรียนรู้ พัฒนาตนเอง และนำกลับมาพัฒนาองค์กรต่อไป 2. วัฒนธรรมในองค์กร ปัจจุบันเรากำลังเข้าสู่สังคมเห็นการเรียนรู้ สังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นเราต้องมีวัฒนธรรมในการชนะอุปสรรค เพราะการเปลี่ยนพฤติกรรมคนในองค์กรต้องใช้เวลา อย่ารู้ทุกเรื่อง แต่เมื่อรู้แล้ว ต้องนำออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ข้อดี ให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการทำงาน มีการปฏิบัติงานในทิศทางเดียวกันมีการแสดงความคิดเห็น การทำงานที่เป็นทีม เพื่อให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย ข้อเสีย การปฏิบัติงานล่าช้า มีบุคลากรจำนวนมาก ยังไม่มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้เท่าที่ควร บ้างครั้งไม่เป็ฯที่พอใจของลูกค้าผู้ใช้บริการ 3.WTO ที่มีผลกระทบต่อระบบราชการ เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ประเทศทางทิศตะวันตกวางเอาไว้เพื่อที่จะให้ทุกประเทศในโลกเข้าร่วมการเป็นสมาชิก ประเทศไทยเป็นสมาชิกอันดับที่ 59 จากสมาชิกทั้งหมด 150 ประเทศ ทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่เวทีการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น การทำงานในระบบราชการของประเทศไทยจึงต้องพัฒนาศักยภาพให้มากขึ้นเพื่อที่จะได้ก้าวขึ้นสู่เวทีโลกได้อย่างเท่า
นายจิรพัฒน์ ศรีจั่น รปม.03 รหัส 49038020013 เมื่อ 20/01/2007
นาย จิรพัฒน์ ศรีจั่น รหัสนักศึกษา 49038020013 MPA.03 ส่งงาน อาจารย์จีระ หงส์ลดารมภ์ เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2550 ก่อนอื่นข้าพเจ้าต้องขอไว้อาลัยให้กับ จ.อ.สราวุฒิ (พี่โอ๋) ที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างกะทันหัน ขอให้พี่จงหลับให้สบาย และไปสู่สุขติครับ พี่จะอยู่ในใจของนักศึกษารัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิตตลอดไป        ส่วนงานข้อ 1 เป้าหมายขององค์กรคุณคืออะไรตอบ  ข้าพเจ้าเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีมายังไม่มีงานทำจึงขอยกการทำงานของบุคคลที่ข้าพเจ้าสนิทที่สุดมา ซึ่งทำงานอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าCENTRALสาขาชิดลม ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกผักและผลไม้ใน CENTRAL FOOD HALLเป้าหมาย        เป็นผู้นำทางด้าน SUPER MARKET ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในด้านสินค้า ด้านการบริการ มีสินค้าที่สดสะอาดและใหม่อยู่เสมอ คือ เป็น SUPER MARKET ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและมีสาขาจำนวนมาก การให้บริการเป็นกันเองให้ความสำคัญกับลูกค้าทุกคนทุกระดับที่มาใช้บริการ สินค้าทุกประเภทต้อง สด สะอาด และปลอดภัย คุณภาพ 100% มีทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการไม่ว่าจะเป็นสินค้าไทยหรือสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ เมื่อลูกค้ามาใช้บริการที่  SUPER MARKET ของเราแล้วต้องกลับมาใช้บริการอีกครั้งและตลอดไป        ข้อที่ 2 WTO มีผลกระทบต่อทรัพยากรมนุษย์ของระบบราชการอย่างไรตอบ  องค์การการค้าโลก(WTO) เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการค้าเสรีระหว่างประเทศ กำกับการดำเนินการของประเทศสมาชิกให้เป็นไปตามการตกลงทางการค้า และยุติกรณีพิพาททางการค้าระหว่างประเทศสมาชิก และเป็นเวทีเจรจาของประเทศสมาชิก โดยมีหน้าที่ 1.บริหารความตกลงและบันทึกความเข้าใจที่เป็นผลจากการเจรจา 2.เป็นเวทีเพื่อเจรจาลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศสมาชิก 3.เป็นเวทีสำหรับแก้ไขข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศสมาชิก 4.ติดตามสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ 5.ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศกำลังพัฒนาในด้านข้อมูล ข้อแนะนำ และทำการศึกษาประเด็นการค้าที่สำคัญ 6.ประสานงานกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) และธนาคารโลกเพื่อให้นโยบายเศรษฐกิจโลกสอดคล้องกับยิ่งขึ้น ความตกลงที่สำคัญภายใต้ WTO มี 3 กลุ่ม คือ มีผลกระทบต่อระบบราชการคือ 1.การเปิดตลาด 1.1.การลดภาษีศุลกากร สินค้าอุตสาหกรรม(รวมสินค้าประมง) เช่น ลดภาษีลงเฉลี่ยร้อยละ 33 ภายใน 5 ปี(เริ่ม 1 มกราคม 2538)และห้ามเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ ถ้าไม่เคยมีการเก็บอยู่ก่อนและไม่ได้แจ้งไว้ในตารางข้อผูกพัน ในส่วนของสินค้าเกษตรทุกประเทศต้องยกเลิกมาตรการห้ามนำเข้า โดยให้ปรับเปลี่ยนมาใช้มาตรการภาษีศุลกากรแทนผลกระทบ องค์กรที่จะสนับสนุนทางด้านการเกษตรกรรมในประเทศให้เจริญก้าวหน้าไปในทางที่ดีเพราะ เป็นองค์กรที่ดำเนินการตกลงในการทำการค้าและการลงทุนกับประเทศต่างๆและช่วยเหลือประเทศที่ด้อยพัฒนา เช่นในด้านเทคโนโลยีต่างๆ ในการพัฒนางานด้านอุตสาหกรรมและเป็นตัวประสานงานกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) และธนาคารโลกที่จะนำเงินมาพัฒนาระบบข้าราชการในประเทศไทย การนำเทคโนโลยีต่างๆมาใช้ในการทำงาน        ข้อที่ 3 วัฒนธรรมองค์กรตอบ  วัฒนธรรมในองค์กรคือสิ่งที่องค์กรประพฤติปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลายาวนาน ก่อให้เกิดผลปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง วัฒนธรรมในองค์กรของข้าพเจ้าคือ การแต่งกายในชุดยูนิฟอร์ม        ข้อดี 1.ความสวยงาม 2.ความเป็นระเบียบเรียบร้อย 3.บ่งบอกถึงสังกัดที่ทำงาน         ข้อเสีย 1.ชุดมีราคาแพงจึงทำให้พนักงานมีชุดใส่สับเปลี่ยนในการทำงานแต่ละสัปดาห์ได้น้อย 2.บางคนแต่งการไม่เรียบร้อย 
นายจิรพัฒน์ ศรีจั่น รปม.03 รหัส 49038020013 เมื่อ 21/01/2007
นาย จิรพัฒน์ ศรีจั่น รหัสนักศึกษา 49038020013 MPA.03 ส่งงาน อาจารย์พจนารถ ซีบังเกิด เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2550 ก่อนอื่นข้าพเจ้าต้องขอไว้อาลัยให้กับ จ.อ.สราวุฒิ (พี่โอ๋) ที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างกะทันหัน ขอให้พี่จงหลับให้สบาย และไปสู่สุขติครับ พี่จะอยู่ในใจของนักศึกษารัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต รุ่น 3 ตลอดไป เรียนเรื่องอะไร เรียนแล้วได้อะไร เรียนแล้วจะเอาไปใช้ในงานอย่างไรตอบ  เรียนเรื่อง -Balanced Scorecard        เรียนแล้วได้อะไร -ได้ความรู้ในเรื่องการนำเครื่องมือในการบริหารงานที่ช่วยในการสื่อสารและเป็นการวัดผลทางด้านการเงิน การวัดผลงานทางการปฏิบัติการ เช่น ด้านความพึงพอใจของลูกค้า กระบวนการภายใน การบริหาร และการเรียนรู้และการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้นในองค์กร        เรียนแล้วจะเอาไปใช้ในงานอย่างไร ความสามารถในการเรียนรู้และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน นำมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน
สวัสดีค่ะอาจารย์จีระ  อาจารย์ยม  และอาจารย์พจนารถ        จากที่ได้เรียนกับอาจารย์จีระเมื่อวันที่  20  มกราคม  2550  อาจารย์ได้ให้งานไว้  3  เรื่องด้วยกัน  คือ 1.  เรื่องวิสัยทัศน์ขององค์กร วิสัยทัศน์ของ  บมจ.อุตสาหกรรมทำเครื่องแก้วไทย  คือ  เป็นผู้นำในการผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วในประเทศไทย  และพันธกิจ  ของเราคือ ·          ผลิตบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีที่สุดด้วยการใช้เทคโนโลยีอันทันสมัย·        เป็นผู้ผลิตที่มีต้นทุนต่ำ·        ให้การบริการดีที่สุดในเชิงรุกกับลูกค้าของเรา
  1. วัฒนธรรมองค์กร  3  เรื่อง  คือ
    • พนักงานจะเลิกปฏิบัติงานก่อนเวลาประมาณ  30  นาทีเพื่อทำความสะอาดร่างกาย
    • จะทำงานแบบตัวใครตัวมันไม่ค่อยช่วยเหลือกัน
    • ไม่มีการสนับสนุนพนักงานในองค์กรในเรื่องการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งงาน
ข้อดีก็คือ
  • พนักงานจะชำนาญงานเฉพาะด้าน  ไม่มีการเกร่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน
ข้อเสียคือ
  • พนักงานขาดแรงจูงใจในการทำงาน  ไม่มีความรักความผูกพันกับองค์กร
  1. WTO  ส่งผลกระทบต่อการบริหารองค์กรภาครัฐ  คือ  ภาครัฐต้องจัดให้มีระบบการทำงานให้ทันสมัยมากขึ้นและต้องพัฒนาคนในองค์กรให้สามารถใช้งานกับอุปกรณ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ด้วย  โดยเฉพาะหน่วยงานไม่ว่าภาครัฐหรือภาคเอกชนของไทยเราที่ต้องมีการติดต่อกับต่างประเทศต้องพัฒนาด้านเทคโนโลยีให้มากประเทศไทยเราจะได้ไม่เป็นรองชาติอื่นๆ  เขาและจะเป็นการปูพื้นฐานที่ดีให้กับลูกหลานไทยในอนาคตด้วย
ส่วนในวันที่  21  มกราคม  2550  ที่ได้เรียนกับอาจารย์พจนารถ  อาจารย์ท่านได้สอนเกี่ยวกับเรื่อง  Balanced  Scorecard  เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการทำงานที่นิยมใช้ในองค์กรต่างๆ  เพื่อใช้ตรวจสอบและติดตามผลการทำงานขององค์กรว่าดำเนินการได้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่และอีกเรื่องหนึ่งก็คือ Employee  Emgagement  คือ  กิจกรรมต่างๆที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานให้มีความรักและผูกพันกับองค์กรมากขึ้น
นุชรี อรรถีโภค รปม.3 รหัส 49038010001
สวัสดีค่ะ ท่าน ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารม อาจารย์ยม  นาคสุข และ อาจารย์พจนาถ  ซีบังเกิดจากที่เรียนเมื่อวันที่ 20 ม.ค.50 มีความรู้สึกว่าไม่ค่อยเครียดเหมือนชั่วโมงแรกเท่าไหร่ อาจารย์จีระ ได้นำบทความที่อาจารย์เขียนจากความจริง เรื่อง ดนัย : มอบความสุขให้คนไทย มาให้นักศึกษาวิเคราะห์ว่าได้อะไรจากการอ่านบทความนี้ ได้ความจริงที่เกิดขึ้นและต้องการให้นักศึกษาจับใจความได้อย่างรวดเร็ว ภายในกลุ่มช่วยกันวิเคราะห์ส่วนตัวชื่นชมในความสามารถของดนัย เพราะเขาชนะใจคนไทยทั้งประเทศ และ ได้รับความรู้เพิ่มเติมในเรื่องของระบบราชการต้องผสมผสานกันระหว่างตะวันตกตะวันออก ในเรื่องของการไม่เก่งเรื่องเทคนิคแต่สามารถทดแทนด้วยประสบการได้ และสภาพการแข่งขันเกิดขึ้นจากการใช้ความรู้ ดูเทป เปิดอก อำนวย  วีรวรรณมีข้อคิดดีๆ ที่ประทับใจมากคือ การเรียนรู้จากประสบการณ์ความเชื่อ ถ้ามีโอกาสเราก็ควรจะใช้โอกาสนั้น ต้องกล้าและทำอย่างเต็มที่ ทฤษฎี HRDS จะเป็นเรื่องของ Happiness Respect Dignity Sustainability ทฤษฎีวงกลม วงกลมทั้ง 3 วง ต้องมีความสัมพันธ์กัน คือ Context Competencies Motivation ส่วนประเด็นที่อาจารย์ให้คิดเป็นการบ้านคือ 1. วิสัยทัศน์ขององค์กร ดิฉันทำงานอยู่ที่กรมราชองครักษ์  กรมราชองครักษ์เป็นหน่วยขึ้นตรงกับกระทรวงกลาโหมมีหน้าที่จัดราชองครักษ์ปฎิบัติหน้าที่ ถวายพระเกียรติ ถวายความปลอดภัย และถวายงานตามพระราชประสงค์ วิสัยทัศน์ของกรมราชองครักษ์ คือ เป็นองค์กรหลักที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการถวายความปลอดภัยสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยใช้ระบบการถวายความปลอดภัย ที่มีประสิทธิภาพบุคลากรที่มีศักยภาพระบบการบริหารจัดการที่ดี และมีเทคโนโลยีทันสมัย พันธกิจ คือ การถวายความปลอดภัย การถวายพระเกียรติ การปฏิบัติตามพระราชประสงค์ การบริหารจัดการที่ดี ในความรู้สึกส่วนตัวรู้สึกว่าวิสัยทัศน์ขององค์กรดูออกจะเกินความเป็นจริงไปสักนิด แต่นั่นก็คือวิสัยทัศน์ส่วนในการปฏิบัติงานตามความเป็นจริงแล้วเป็นการยากมากที่จะทำตามวิสัยทัศน์อันนี้2. ปัญหาที่เกิดในองค์กร จากที่ทำงานอยู่ในกองการเงิน กรมราชองครักษ์ มีปัญหาเป็นอย่างมาก ในเรื่องของระบบการทำงานทำงานไม่เป็นไปตามระบบ ปัญหาของผู้ที่ปฏิบัติงานในระดับที่เป็นหัวหน้าไม่มีความรู้ความสามารถพอที่จะเป็นหัวหน้าเท่าไหร่นักอะไรก็ต้องถามลูกน้องเพราะในความเป็นจริงแล้วคนที่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าควรที่จะมีความรอบรู้แล้ว คือรู้ไม่จริง ถามอะไรตอบไม่ได้ ได้แต่ออกคำสั่งอย่างเดียวถ้าเป็นหัวหน้าแบบนี้ใครๆก็เป็นได้ดีแต่สั่ง แต่ก็เป็นบางแผนกเท่านั้นนะคะ อาจจะเรียกได้ว่าระบบงานของแผนกดิฉันล้มเหลวก็ว่าได้ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพราะไม่ได้เป็นหัวหน้าเพราะเขาไม่ได้ให้โอกาสเราที่จะแสดงความคิดอะไร ข้อดีของระบบราชการก็มีอยู่บ้างคือ บางคนมุ่งมั่นมีจิตวิญญาณมีอุดมการณ์ในการทำงานดีมาก ข้อด้อยคือ มีระบบอุปถัมภ์มากทำให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถไม่มีโอกาสที่จะเจริญก้าวหน้าและใช้ความรู้ที่มีอยู่อย่างเต็มความสามารถ3.วัฒนธรรมองค์กร เป็นสิ่งที่ประพฤติปฏิบัติสืบต่อกันมา ภายในกรมราชองครักษ์ ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยเคร่งครัดนายเป็นผู้ถูกต้องเสมอ ข้อดีคือ ทำงานด้วยความสบายใจเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ข้อด้อยคือ คนของใครคนนั้นก็เจริญ4.วิเคราะห์ WTO มีผลกระทบต่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในระบบราชการอย่างไร องค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) เป็นเวทีในการเจรจาลดอุปสรรคและข้อกีดกันทางการค้าและจัดทำกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศ เพื่อสนับสนุนให้การค้าโลกมีความเสรียิ่งขึ้น บนพื้นฐานของการแข่งขันที่เท่าเทียมกัน เป็นเวทีในการยุติข้อพิพาททางการค้าระหว่างประเทศสมาชิก และเป็นกลไกตรวจสอบทบทวนนโยบายการค้าของประเทศสมาชิก  WTO มีผลกระทบในเรื่องของการแข่งขันที่สูงมากประเทศต้องแข่งขันกับนานาประเทศทั่วโลกบุคลากรขององค์กรต่างๆต้องมีความรู้ในเรื่องเทคโนโลยีที่ทันสมัยต้องมีศักยภาพในการที่จะพัฒนาตนเองให้เป็นผู้รู้ในเรื่องภาษาเพื่อที่จะสามารถเจรจาต่อรองการแข่งขันทางการค้าได้เข้าใจ ต้องมีการทดลองและวิจัยสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอเพื่อความเป็นหนึ่ง ซึ่งจะนำมาซึ่งรายได้ให้กับประเทศ ในวันที่ 21 ม.ค.50 อาจารย์พจนารถ  ซีบังเกิด ได้เข้ามาให้ความรู้แก่นักศึกษา รปม.3 ฟังอาจารย์เล่าถึงประสบการณ์ของอาจารย์แล้วรู้สึกทึ่งกับอาจารย์มากเลยค่ะภาษาต้องเก่งมากเลยนะคะเพราะไปทำงานต่างประเทศตั้งหลายปีทำให้สนใจมากค่ะ อาจารย์ทำให้เข้าใจในเรื่อง Balanced Scorecard มากค่ะสอนแบบไม่รีบร้อนค่ะใจเย็นดีค่ะถามอะไรก็สามารถตอบได้อย่างเข้าใจดีค่ะ BSC เป็นเครื่องมือที่ทำให้กลยุทธ์ถูกปฏิบัติ เป็นเครื่องมือทางกลยุทธ์ที่จะทำให้องค์กรมีตัววัดที่ชัดเจน ช่วยทำให้องค์กรไปในทางเดียวกันตั้งแต่ต้นจนจบ และสามารถอธิบายเหตุผลได้ และเรื่องของ Employees Engagement เป็นกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีสร้างแรงจูงใจเพื่อให้เกิดความผูกพันกับองค์กร  

เรียน ศ.ดร.จีระ   หงส์ดารม  อาจารย์ยม  นาคสุข

          อาจารย์พจนารถ   ซีบังเกิดและเพื่อนๆ รปม.3

          พวกเรา รปม.3 ได้สูญเสียเพื่อนร่วมรุ่นที่แสนดีคนหนึ่งไปอย่างน่าเสียดาย  น่าใจหาย " โอ๋ "

จ.อ.สราวุฒิ เป็นเพื่อนที่น่ารัก  เป็นคนร่าเริง  พูดคุยเก่ง เป็นเพื่อนที่มีน้ำใจดี  ตั้งใจเรียน และมีความตั้งใจที่จะเรียนให้จบภายใน 2  ปี แต่ก็น่าเสียดายจริงๆที่ต้องมาด่วนจบชีวิตลง โดยที่ยังไม่ทำความฝันให้เป็นความจริง  ถ้าดวงวิญญาณมีจริง ขอให้โอ๋ได้รับรู้ไว้ว่าพวกเรา รัก และจะไม่ลืม โอ๋ เพื่อนที่แสนดีคนนี้เลย และขอให้โอ๋ ไปสู่สุขคติ  พวกเราขอไว้อาลัยและขอจดจำเพื่อนไว้ไม่มีวันลืม

ขอให้เพื่อนๆดูรูปถ่ายรูปสุดท้ายของโอ๋ ในห้องเรียนได้ใน Blog นี้ รูปแรกแต่ก็เป็นรูปสุดท้ายของเพื่อน

ไม่อยากจะเชื่อเลย

      ดิฉันขออนุญาตใช้ Blog นี้แจ้งกำหนดการฌาปนกิจศพของ โอ๋ ค่ะ

      จะทำการฌาปนกิจศพในวันที่  25  มกราคม 2550 (วันพรุ่งนี้) เวลา 16.00 น. ณ วัดเขาน้อย

อ.ปราณบุรี  จ.ประจวบคีรีขันธ์  ถ้าเพื่อนๆคนไหนสะดวก  ก็ขอเชิญไปร่วมกันส่งดวงวิญญานของ โอ๋

เป็นครั้งสุดท้ายด้วย 

                             ด้วยรักและอาลัย

        เรียนท่าน ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์  ที่เคารพ  เป็นสัปดาห์ที่ 2 แล้วที่กระผมได้มีโอกาสมาเรียนกับท่านอาจารย์  ผมมีความประทับใจในวีธีการสอนของอาจารย์มาก   อาจารย์มีวิธีการสอนที่ดี  มีการทำงานเป็นทีม  ทำให้ผมเข้าใจง่าย  ซึ่งทำให้กระผมตื่นตัว  และมีความเข้าใจในเนื้อหาเป็นอย่างดี  และยังสามารถนำวิธีการต่าง ๆ ของอาจารย์ไปใช้ในหน่วยงานของผมทำให้กระผมและเพื่อน ๆ ร่วมงานได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  กระผมขอกราบขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงมา ณ ที่นี้ด้วย  ขอขอบคุณครับ1.  วิสัยทัศน์  ขององค์กรวิสัยทัศน์ หมายถึง มาจากคำภาษาอังกฤษ คำว่า “Vision” แปลว่า ความคาดหมายที่จะกระทำในอนาคต หรือ การมองเป็นสร้างระบบให้เพื่อให้เพื่อรองรับแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หรือเพื่อการพัฒนาแนวโน้มที่เกิดขึ้นในอนาคต ส่วนคำว่า Visionary หมายถึง คนที่จะทำให้ Vision ประสบผลสำเร็จการสร้างภาพอนาคต หรือการมองอนาคตซึ่งจะเป็นเป้าหมายในการเดินไปสู่อนาคต โดยวิธีการนำเอาระบบการวางแผนมาใช้ หรือหมายถึงสิ่งที่อยากเห็นในอนาคตและเป็นสิ่งที่ดีกว่าเดิม วิสัยทัศน์ จะเกิดจากการรู้จักคิดโดยใช้ปัญญา และมุ่งมั่นให้เกิดขึ้นจริง ซึ่งวิสัยทัศน์ที่ดีนั้นมีคุณสมบัติเฉพาะ 8 ประการ ดังนี้
1. มุ่งเน้นอนาคต (Future Oriented)
2. เต็มไปด้วยความสุข (Utopian)
3. ความเหมาะสม (Appropriate)
4. สะท้อนความฝันสูงสุด (Reflect High Ideals)
5. อธิบายจุดมุ่งหมาย (Clarify Purpose)
6. ดลบันดาลความกระตือรือร้น (Inspire Ethusiansm)
7. สะท้อนความเป็นหนึ่งเดียว (Reflect the Uniqueness)
8. ความมักใหญ่ใฝ่สูง (Ambition)
ทำไมองค์กรต้องมีวิสัยทัศน์1. วิสัยทัศน์สร้างพลังให้กับองค์กร การจะทำให้องค์กรมีการรวมพลังมุ่งไปในทิศทางเดี่ยวกันได้ต้องอาศัยองค์ประกอบหลายอย่าง ที่สำคัญประการหนึ่ง คือ ภาวะผู้นำที่จะนำคนทั้งองค์กรได้ และวิสัยทัศน์ของหน่วยงานหรือองค์กร
2. วิสัยทัศน์ทำให้ได้เปรียบในแข่งขัน ในโลกของการแข่งขันผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ย่อมได้เปรียบเสมอ เพราะสามารถคะเนเหตุการณ์ในอนาคตได้ และวิสัยทัศน์ทำให้เกิดความทะเยอทะยานหาญกล้าที่จะเป็นหนึ่ง
              วิสัยทัศน์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์อาจจะเขียนในรูปของร้อยแก้วแบบใดก็ได้ แต่ควรประกอบด้วยคุณลักษณะ 3 ประการ คือ
1.    ท่านต้องการทำอะไรให้สำเร็จ (ภารกิจ) 2.    ทำไมท่านจึงต้องการทำให้สำเร็จ (วัตถุประสงค์) 3.    ท่านคาดหวังผล (Results) เช่นไร วิสัยทัศน์ขององค์กร คือ  เป็นองค์กรที่มีความเป็นเลิศด้านการก่อสร้าง  ควบคุมดูแลการก่อสร้างอย่างมืออาชีพ  และพัฒนาบุคลากรในงานก่อสร้างให้เข้มแข็งและยั่งยืน2.   องค์การค้าโลก WTO   องค์การการค้าโลก(WTO) เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการค้าเสรีระหว่างประเทศ กำกับการดำเนินการของประเทศสมาชิกให้เป็นไปตามการตกลงทางการค้า และยุติกรณีพิพาททางการค้าระหว่างประเทศสมาชิก และเป็นเวทีเจรจาของประเทศสมาชิก โดยมีหน้าที่ 1.บริหารความตกลงและบันทึกความเข้าใจที่เป็นผลจากการเจรจา 2.เป็นเวทีเพื่อเจรจาลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศสมาชิก 3.เป็นเวทีสำหรับแก้ไขข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศสมาชิก 4.ติดตามสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ 5.ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศกำลังพัฒนาในด้านข้อมูล ข้อแนะนำ และทำการศึกษาประเด็นการค้าที่สำคัญ    6.ประสานงานกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) และธนาคารโลกเพื่อให้นโยบายเศรษฐกิจโลกสอดคล้องกับยิ่งขึ้น  องค์การการค้าโลก(WTO) เป็นองค์การระหว่างประเทศทำหน้าที่เป็นเวทีเจรจาการค้าและระงับข้อพิพาทของประเทศสมาชิกเป็นองค์กรที่นำโดยสมาชิก (member driven organization)  ดูแลรับผิดชอบด้านกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศซึ่งจัดทำในรูปแบบของความตกลงระดับพหุภาคี (Multilateral Agreements)  ประเทศไทยเป็นสมาชิกตั้งแต่ 28 ธันวาคม 2537 เป็นสมาชิกอันดับที่ 59          ผลกระทบ องค์กรที่จะสนับสนุนทางด้านการเกษตรกรรมในประเทศให้เจริญก้าวหน้าไปในทางที่ดีเพราะ เป็นองค์กรที่ดำเนินการตกลงในการทำการค้าและการลงทุนกับประเทศต่างๆและช่วยเหลือประเทศที่ด้อยพัฒนา เช่นในด้านเทคโนโลยีต่างๆ ในการพัฒนางานด้านอุตสาหกรรมและเป็นตัวประสานงานกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) และธนาคารโลกที่จะนำเงินมาพัฒนาระบบข้าราชการในประเทศไทย การนำเทคโนโลยีต่างๆมาใช้ในการทำงาน 3.   วัฒนธรรมองค์กรวัฒนธรรมองค์กร...คืออะไร  จากความหมายของคำว่า วัฒนธรรม ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 ให้ความหมายว่าหมายถึง พฤติกรรมและสิ่งที่คนในหมู่ผลิต สร้างขึ้นด้วยกัน เรียนรู้จากกันและกัน และร่วมใช้อยู่ในหมู่พวกของตนดังนั้นวัฒนธรรมองค์กรก็คือ พฤติกรรมที่สร้างขึ้นจากคนในองค์กรโดยมีการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และยึดถือปฏิบัติกันมาจนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในองค์กรนั้น ๆ                                      ข้อดี  1. มีแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนไปในทางเดียวกัน  2.  มีการทำงานเป็นทีม  ช่วยเหลื่อซึ่งกันและกัน  3.  บุคลากรมีความผูกพัน  รักองค์กร  ข้อเสีย 1.ขาดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ไม่คิดที่จะพัฒนาสินค้าหรือบริการใหม่ ๆ ออกมาเพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ารอให้ เบื้องบนสั่งมาเพียงอย่างเดียว คอยแต่จะปฏิบัติตามคำสั่ง (Reactive) ไม่เคยคิดที่จะพัฒนางานในแบบเชิงรุก (Proactive) 2. ผู้นำในองค์กรเชื่องช้า และเสียเวลามากกับการจ้ำจี้จ้ำไชบุคลากรที่ขาดคุณภาพ หรือบุคลากรที่ทำงานไม่ดี ทำให้ไม่มีเวลาไปใส่ใจกับบุคลากรที่ทำงานดี เพราะคิดว่าเขาทำงานดีอยู่แล้ว 3. ผู้นำในองค์กรไม่เข้าใจ และไม่สามารถนำการเปลี่ยนแปลงให้เกิดเป็นรูปธรรมขึ้นในองค์กรได้ โดยมักจะงุนงง สงสัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ รอบตัว โดยไม่สามารถวางแผนเพื่อปรับตัวให้รับการการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ได้        จากการศึกษาค้นคว้าความรู้ทั้ง 3 ข้อ ทำให้กระผมได้มีความรู้เกี่ยวกับการการสร้างวิสัยทัศน์ในองค์กร   การพัฒนาธุรกิจในปัจจุบัน  และทราบถึงวัฒนธรรมขององค์กร  ซึ่งกระผมสามารถที่จะนำความรู้เหล่านี้ไปพัฒนาตัวกระผม และองค์กรให้ดียิ่งขึ้น 
เพื่อนๆ รป.ม. รุ่น 3

                                               อาลัยรัก

                                       สราวุฒิ  นวมน้อย (โอ๋)

  

อนิจจัง

วันนี้รุ่งพรุ่งนี้ร่วงดวงไม่แน่              วันนี้แย่พรุ่งนี้ยังกลับดังได้

วันนี้ดังพรุ่งนี้ดับกลับเปลี่ยนไป             จงรู้ไว้ทุกชีวิตอนิจจัง   

ความตาย

เช้า         เห็นหน้ากันอยู่                 สายตาย

สาย        อยู่สุขสนุกสบาย                 บ่ายม้วย

             บ่าย        รื่นชื่นรวยราย                 เย็นดับ ชีพนา           

เย็น         เล่นลูกอยู่ด้วย                  ค่ำม้วยอาสัญ

 รักและอาลัยเพื่อนๆ รป.ม รุ่นที่ 3

โอ้ดอกไม้วันนี้สีสลด               กลีบก็หดใบก็เหี่ยวเสียวหนักหนา

คิดถึงเธอเท่าไรเธอไม่มา         ทำไมหนาทำไมเธอไม่มี    อาลัยรักจากแม่และพ่อ เมื่อได้รู้ว่าต้องพรากจากไกลลูก         ความชื่นสุขที่เคยมีพลอยหนีหาย

มีแต่เศร้าเช้าเย็นไม่เว้นวาย             ทุกข์ไม่คลายแม้จะผ่านนานเป็นเดือน

เห็นลูกเขาเศร้าใจได้แต่คิด           ด้วยดวงจิตปวดใจคล้ายถูกเฉือน

ภาพความหลังครั้งใดไม่เคยเลือน          ได้แต่เตือนตอกใจให้ต้องตรม

ฝากความรักมากมายไว้กับลูก            ความพันผูกมีมากจริงยิ่งขืนขม

อุ้มท้องมาหวังว่าจะชื่นชม                แต่ต้องล้มเลิกไปเมื่อไกลกัน

ตะวันคล้อยลาลับหลับหรือตื่น              ยามค่ำคืนทุกข์ในได้แต่ฝัน

ชอกช้ำใจคิดถึงลูกทุกวี่วัน            แล้ววันนั้นวันไหนหนอได้คลอเคลีย 

 

สู่สุคติสัมปรายภพเถิด โอ๋

...สราวุฒิ  นวมน้อย... ด้วยรักและอาลัยยิ่ง

คณาจารย์และเพื่อนๆ

รป.ม.รุ่นที่ 3 สวนสุนันทา

 

เรียนท่านอาจารย์ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์และอาจารย์ พจนารถ ซี    บังเกิด ที่เคารพ ผมขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ทั้งสองที่ได้สละเวลาอันมีค่ามาให้ความรู้กับผมและเพื่อนๆ ผมจะนำความรู้ที่ได้รับจากอาจารย์ทั้งสองไปพัฒนาพนักงานของผมเพื่อให้มีความรู้ความสามารถต่อสืบไป           รายงานที่อาจารย์พจนารถให้ทำเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 50 ดังนี้        สิ่งที่ได้เรียนรู้   อาจารย์ได้สอนให้รู้จักวิธีทำ   Balanced Scorcecard   และได้เรียนรู้เรื่อง   Employees Engagement        ความรู้สึก   ได้รับความรู้จากอาจารย์ผู้มีประสบการณ์โดยตรงสามารถถ่ายทอดความรู้ได้เป็นอย่างดี        เอาไปทำอะไร   สามารถนำมาบริหารงานในหน่วยงานและทำให้กำหนดอนาคตของหน่วยงานของกระผมได้        เอาไปใช้อะไรกับมัน   เอาไปออกแบบการทำงานเพื่อให้งานนั้นประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์        สิ่งที่ได้เรียนรู้มาทั้งหมดนี้นอกจากจะเกิดประโยชน์กับนักศึกษาแล้วยังเป็นการสร้างเครือข่ายความรู้ต่อไปอีกเพราะผมเองก็จะนำไปถ่ายทอดให้กับองค์กรของผมต่อไปด้วย
ร.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยุ่นสมาน รหัส 49038020001
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ , อาจารย์ยม นาคสุข จากการที่เรียนวิชาบริหารทรัพยากรมนุษย์ในวันที่ 13 มกราคม 2550 และจากการที่ท่านได้ให้หนังสือ “ทรัพยกรมนุษย์พันธุ์แท้” ซึ่งเป็นการสนทนาระหว่างคุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา กับ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ทำให้ทราบแนวคิดสาระสำคัญ คือ 1. แนวคิดของคุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา คือ การจัดระเบียบองค์กรให้เป็นระบบ เช่นมี Personnel Manual , Accounting manual , Authority manual เน้นเรื่องคนในระดับ ผู้บริหาร ระดับกลาง ระดับล่าง การบริหารงานแบบมีส่วนร่วม การทำงานเป็นทีม การพัฒนาบุคลากรถือเป็นการลงทุนไม่ใช่ต้นทุน การพัฒนาการศึกษารูปแบบใหม่ Contructionism การสร้างเด็กไทยสู่การเป็น Global Gitizen ก้าวสู่ระดับโลก ในแบบขององค์กรแห่งการเรียนรู้ Learning Organization และแนวคิดทฤษฎี 4 L’s คือ - Village that Learn หมู่บ้านแห่งการเรียนรู้ - School that Learn โรงเรียนแห่งการเรียนรู้ - Industry that Learn อุตสาหกรรมแห่งการเรียนรู้ - Nation that Learn ชาติแห่งการเรียนรู้ 2. แนวคิดของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ คือ การให้ความสำคัญ กับคน การจัดประชุมทั้งในระดับต่างประเทศและในประเทศ เน้นถึงความสำคัญของการบริหารทรัพยากรมนุษย์เป็นสำคัญ การปฏิบัติงาน แนวคิดทฤษฎี 4 L’s คือ - Learning Methodology เข้าใจวิธีการเรียนรู้ - Learning Envitonmenty สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ - Learning Opportunity สร้างโอกาสในการเรียนรู้ - Learning Community สร้างชุมชนการเรียนรู้ การพัฒนาตนเอง จากแนวคิดของท่านทั้งสอง สามารถนำไปพัฒนาตนเอง ให้มีความรู้เพิ่มเติมในเรื่องของการบริหารทรัพยากรมนุษย์จากที่รู้นิดหน่อย ทำให้ได้รู้หลักและแนวคิดที่หลากหลาย และนำไปใช้ในการปฏิบัติงานได้จริง รวมทั้งการนำไปปรับปรุงพฤติกรรม ทักษะ ความคิด ของตนเองให้กว้างขวางขึ้น สามารถที่จะแก้ปัญหาได้ และพร้อมที่พัฒนาฝึกอบรมหาความรู้ ประสบการณ์ เพิ่มเติมตลอดเวลา การพัฒนาองค์กร ปัจจุบันการบริหารทรัพยากรมนุษย์ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดและเป็นปัญหามากที่สุด เพราะถ้าการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์กร จะมีทั้งคนเก่ง คนดีองค์กรก็จะประสบผลสำเร็จ ถ้ามีคนไม่เก่ง และคนไม่ดี องค์กรก็จะแย่ ดังนี้ผู้บริหารจึงต้องหากระบวนการบริหารอยู่ตลอดเวลา เช่น เริ่มจากการคัดเลือกคนที่ดีสุด และให้เหมาะกับงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ผู้บริหารต้องใช้หลักธรรมภิบาล เป็นแบบอย่างที่ดี มีการบริหารงานทีโปร่งใส มีคุณธรรม มีความเชื่อในความสามารถของพนักงาน ให้โอกาสและอิสระในการทำงาน แก้ปัญหา และเสนอแนะ สร้างบรรยากาศภายในองค์กร การนำเอาทฤษฎีวงกลม3 วงกลมมาใช้ การจัดองค์กรที่เหมาะสม การเพิ่มศักยภาพคน ต้องมีแรงจูงใจ เพื่อเขาเกิดความจงรักภักดีต่อองค์กร เป้าหมายที่ตั้งไว้ การพัฒนาประเทศ ผู้บริหารจึงต้องมีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ คือ คนที่มีคุณภาพ องค์กรที่มีคุณภาพ และผลผลิตที่มีคุณภาพ เพราะ “คน” เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ทรงคุณค่าที่สุด เพราะคนเป็นผู้สร้างสรรค์สังคม วัฒนธรรมให้ยิ่งใหญ่ได้ในระดับประเทศ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท