การประชุมวิชาการระดับชาติ เครือข่ายความรู้สุขภาวะทางปัญญา ครั้งที่ ๒ จัดระหว่างวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ - ๒ มีนาคม ๒๕๖๘ ที่สามย่านมิตรทาวน์ ดูรายละเอียดได้ที่ (๑)
๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
ผมไปร่วมในฐานะประธานจัดการประชุม และพบว่าเป็นพิธีเปิดที่มีกล้องถ่ายรูปและถ่ายวิดีทัศน์มากที่สุดที่ผมเคยประสบ และเป็น “การประชุมวิชาการ” ที่แปลกสำหรับผม คือมีมิติของการโชว์ มากกว่าเนื้อหาสาระ ผมบอกตัวเองว่า ผมแก่เกินไปสำหรับการประชุมแบบนี้
ในวันแรก ผมไม่ได้อยู่จนจบการประชุมเวลา ๒๐.๐๐ น. แต่ก็คิดว่าเพียงพอสำหรับทำความเข้าใจสังคมของคนหนุ่มสาว เมื่อคุยกันเรื่อง spiritual health ที่คิดว่า ผมยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี
เริ่มจากพิธีเปิด ด้วยเพลงที่แต่งเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ตามด้วยการกล่าวนำโดยประธานจัดการประชุม และการกล่าวเปิดโดยผู้จัดการ สสส. การถ่ายรูปที่สุดเอิกเกริก ตามด้วยการเสวนาเรื่องพื้นที่พักใจโดยดารา ๓ คน ที่ให้ข้อคิดดีทีเดียว แล้วลงไปชมนิทรรศการ Cocoon of Your Soul หรือการเดินทางของหนอนสู่ยอดเขา ที่ชั้น G กิจกรรมทั้งหมดนั้นเอิกเกริก ที่คน introvert อย่างผมรู้สึกไม่สดชื่นในสภาพนั้น สสส. รายงานไว้ที่ (๑)
ตอนกินอาหารเที่ยง ได้มีโอกาสคุยกับ อ. ชัยวัฒน์ ถิระพันธ์ นักปรัชญาใหญ่ของไทย ที่คุยเรื่อง force, energy และนักปรัชญาต่างประเทศอีกหลายท่าน ที่เป็นเรื่องทางจิตวิญญาณในมิติที่ลึก
ช่วงบ่ายผมเลือกเข้าฟังห้อง คนรุ่นถัดไปบนโลกใบนี้ ที่จัดโดยทีมคนรุ่นหนุ่มสาว ที่มีการชักชวนมาจากหลากหลายพื้นที่ ไปจัด workshop สามวันที่อาศรมวงศ์สนิท สำหรับมาจัดกิจกรรมสองชั่วโมงในบ่ายวันนี้ ที่กิจกรรมหลักคือแบ่งเป็น ๘ กลุ่ม คุยกันเรื่องที่เป็นประเด็นของวัยรุ่นและหนุ่มสาว พบว่ากลุ่มที่สมาชิกล้นหลามคือเรื่องสุขภาวะทางจิต ผมเข้ากลุ่มที่คนน้อยที่สุดคือเรื่อง บุลลี่ในโรงเรียน ที่พบว่าครูมีส่วนเป็นต้นเหตุไม่น้อย วิทยากรหลักเป็นสาวอ้วน ที่บอกว่าตนอ้วนมาแต่เด็ก และถูกล้อเลียนมาตลอด เสนอหลักการว่า การล้อเลียนเป็นเรื่องอำนาจเหนือ แก้โดยอำนาจร่วม กับ อำนาจภายใน
กลับมาที่บ้านผมลองถาม DeepSeek R1 ว่า การล้อเลียน (bully) กับมิติด้านอำนาจ เกี่ยวข้องกันอย่างไรแก้ปัญหาถูกล้อเลียนด้วยอำนาจอะไร เมื่อได้รับคำตอบ ผมถามต่อด้วยคำถาม อำนาจภายใน ช่วยได้อย่างไร ได้รับคำตอบที่เป็นประโยชน์มาก
ช่วงพัก ๑๕.๐๐ - ๑๕.๑๕ น. ไปดูลาดเลาที่ห้อง workshop ที่มีหลากหลายมาก พบว่าห้อง workshop ได้รับความนิยมมากกว่าห้องวิชาการ
ช่วง ๑๕.๑๕ - ๑๗.๐๐ น. ผมเข้า วงสนทนาระหว่างศาสนา แก่นแท้ของศาสนาที่เชื่อมั่นด้านสว่างของความเป็นมนุษย์ ที่ให้ปัญญามาก ชื่อของวงสนทนาบอกสาระหลักไว้อย่างดีแล้ว ผมฟังพอได้แนวความคิดอยู่เกือบชั่วโมงก็กลับบ้าน มาลองใช้ชื่อหัวข้อนี้ตั้งคำถามให้ DeepSeek R1 ตอบ ได้ความรู้มากในเวลาสั้นๆ
๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
วันนี้ผมเข้าร่วมช่วงบ่าย เพราะช่วงเช้าติดการประชุมอื่นทางด้านการศึกษา ได้เข้าร่วม ๒ กิจกรรมคือ
เสวนา จิตศึกษากับปัญญาภายใน
จัดโดยทีมโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา และโรงเรียนเครือข่าย ครูใหญ่วิเชียร ไชยบัง นำทีมมาเอง เป็นการเสนอรูปแบบการศึกษาหรือการจัดการโรงเรียนที่แตกต่างจากรูปแบบที่ใช้กันโดยทั่วไปในประเทศไทย โรงเรียนนี้ตั้งมา ๒๒ ปี ด้วยเป้าหมายพิสูจน์ว่าช่วแนวทางใหม่นี้สร้างมนุษย์ที่มีทั้งปัญญาภายนอกและปัญญาภายใน ซึ่งเมื่อมีทีมต่างประเทศมาประเมินหลังดำเนินการได้ ๕ ปี ก็เป็นที่ยอมรับ
แต่ก็ยังมีการพัฒนาวิธีการมาอย่างต่อเนื่อง วิธีการที่ใช้คือ จิตศึกษา PBL และ PLC ซึ่งต่อมาครูใหญ่วิเชียรก็ใช้คำว่า สนามพลังบวก ที่ช่วยลดการกดทับต่อตัวนักเรียน เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนพัฒนามิติของความเป็นมนุษย์ของตนเอง และของเพื่อนๆ
เสวนา “จิตตปัญญาศึกษา: การเปลี่ยนแปลงจากภายในครูสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงระบบในระดับพื้นที่”
จัดโดย ศูนย์จิตตปัญญาศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล เสวนา “จิตตปัญญาศึกษา: การเปลี่ยนแปลงจากภายในครูสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ ในระดับพื้นที่” โดย ศูนย์จิตตปัญญาศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นเรื่องกิจกรรมของวิทยาเขต นครสวรรค์ ที่นำเรื่องจิตตปัญญาศึกษาเข้าสู่โรงเรียนและครูในพื้นที่นครสวรรค์
๒ มีนาคม ๒๕๖๘
วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๘ ผมมีนัดไปจังหวัดนครพนม ไปร่วมการประชุมวิชาการระดับชาติด้านคณิตศาสตรศึกษา ครั้งที่ 11 ที่มหาวิทยาลัยนครพนม จึงพลาดโอกาสร่วมงานประชุมเครือข่ายสุขภาวะทางปัญญา
ที่พักพิงยามสิ้นหวัง
ปาฐกถานำ “ที่พักพิงยามสิ้นหวัง: การปลอบประโลมใจจากพระพุทธองค์ และเดวิด ฮิว์ม” โดย ศ.กิตติคุณ ดร.สุวรรณา สถาอานันท์ อาจารย์พิเศษภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นการบรรยายที่สุดแสนจะประเทืองปัญญาสำหรับผม ที่แปลกคือ บรรยายโดยปราชญ์ผู้นับถือศาสนาคริสต์ ที่ครองชีวิตคู่กับปราชญ์ผู้นับถือศาสนามุสลิม (ศ. ดร. ชัยวัฒน์ สถาอานันท์)
เป็นการนำเสนอเรื่อง (๑) การปลอบประโลมใจ (consolation) และ (๒) มิติจิตวิญญาณ ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า ที่ลึกซึ้งยิ่ง โดยนำเรื่องพระพุทธเจ้ากับนางกีสาโคตมี ที่พระพุทธเจ้าออกกุศโลบายให้นางไปหาบ้านที่ไม่มีคนตายให้พบ แล้วพระพุทธเจ้าจะช่วยชุบชีวิตลูกน้อยของนาง ที่ผมตีความว่า ที่พักพิงยามสิ้นหวังคือสติและปัญญาของตนเอง ที่มองเห็นความเป็นจริงของธรรมชาติ และสติและปัญญานั้น ได้จากการเรียนรู้จากประสบการณ์ (experiential learning) ซึ่งในกรณีนี้ คือ การค้นพบว่า ไม่มีบ้านใดที่ไม่เคยมีคนตายเลย เพราะความตายเป็นเรื่องของธรรมชาติ
การตีความเหตุการณ์เมื่อกว่า ๒.๕ พันปีมาแล้วที่อินเดีย โยงสู่วิธีปลอบประโลมใจของพระพุทธเจ้า ที่บรรยายโดยปราชญ์สุวรรณา สถาอานันท์ ประเทืองปัญญายิ่งนัก ผมหวังว่าท่านผู้อ่านบันทึกนี้จะค้นหาปาฐกถาพิเศษนี้มาฟังเองได้
David Hume นักปรัชญาประสบการณ์นิยม สมัยศตวรรษที่ ๑๘ ไม่เชื่อว่าเหตุผลควบคุมอารมณ์ได้ อารมณ์ต่างหากที่ควบคุมเหตุผล ที่ผมคิดต่อว่า ในศตวรรษที่ ๒๐ เรารู้เรื่อง EF – Executive Functions ที่ใช้ฝึกสมองส่วนหน้าให้ใช้เหตุผลควบคุมอารมณ์ได้ แต่ในศตวรรษที่ ๒๑ เราเรียนรู้ว่า ในกระบวนการเรียนรู้บูรณาการ เราต้องรู้จักรับรู้เหตุการณ์หรือเรื่องราวภายนอกผ่านอารมณ์ความรู้สึก เพื่อรับรู้เรื่องราวเชิงลึก ที่รับรู้ได้ไม่หมดผ่านการรับรู้เชิงเหตุผล หรือการตัดสิน
อ้าว! ผมเผลอตีความเรื่องราวแทน ศ. ดร. สุวรรณาเสียแล้ว ศ. สุวรรณา บอกว่า David Hume เสนอว่า คนเราใช้เหตุผลรับใช้อารมณ์ และเป็นคนไม่เชื่อพระเจ้า รวมทั้งเคยเป็นโรคซึมเศร้า หลักการสำคัญของ คือ การเรียนรู้จากประสบการณ์ ไม่ใช่จากการเชื่อพระเจ้าหรือศาสนา โประอ่านวิกิพีเดียเรื่องเดวิด โฮม นะครับ จะได้เรียนรู้ว่าสมัยสามร้อยปีก่อน คนเข้ามหาวิทยาลัยที่อายุเฉลี่ย ๑๔ ปี และเดวิดโฮมเข้าก่อนหลายปี อาจตอนอายุ ๑๐ ขวบ
สู่การสร้างองค์กรรมณีย์
เสวนา “สู่การสร้างองค์กรรมณีย์: องค์กรแห่งสติและสมดุล Mindfulness Organization” โดย สวนโมกข์กรุงเทพ ให้ภาพการนำการพัฒนาสติ (mindfulness) สู่การสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดี ที่มีความสุข ภายในองค์กร เป็นกิจกรรมที่ ดร. วิรไท สันติประภพ ประธานคณะกรรมการบริหารหอจดหมายเหตุพุทธทาสฯ ริเริ่มขึ้น (๒) วันนี้มีวิทยากร ชั้นเซียน ๓ ท่านมาเสวนากัน ได้แก่ ดร. วรภัทร ภู่เจริญ, โค้ชจิมมี่ พจนารถ ชีบังเกิด และครูดล ที่ผมตีความว่า เน้นเรื่อการสร้างบรรยากาศเชิงบวก และการจัดการความสัมพันธ์ ที่ส่วนยากที่สุดน่าจะเป็นการจัดการความสัมพันธ์กับตนเอง
สร้างสุขของชุมชน
ผมไปเข้าห้องย่อยฟังเรื่องราวของชุมชนชนบทสองหนอง คือบ้านหนองสาหร่าย กาญจนบุรี กับบ้านหนองกลางดง ประจวบคีรีขันธ์ ที่บ้านหนองสาหร่ายดำเนินการธนาคารความดี ได้ผลสำเร็จน่าชื่นใจ ส่วนบ้านหนองกลางดง เมื่อซักไซ้กันหนักๆ ก็พบว่า ผู้ใหญ่โชคชัย ลิ้มประดิษฐ์ที่เกษียณมากว่าสิบปีแล้ว ที่ท่านเริ่มเป็นผู้ใหญ่บ้านปี ๒๕๓๙ เปลี่ยนหมู่บ้านจาก ซอยหมาหลง ดงยาเสพติดและการพนัน เป็นหมู่บ้านตัวอย่างที่คนไปดูงานจากทั่วทุกสารทิศ ด้วยกลไกสภาหมู่บ้าน และระบบข้อมูลชุมชน ผมไปกับคณะดูงานเมื่อ และบันทึกไว้ที่ (๓) โดยสมัยท่านยังดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ได้มีโอกาสเผชิญความท้าทายต่อความมั่นคงในคุณธรรมคือบริษัทเหมืองแร่เสนอค่าปิดปาก ๒๐ ล้านบาท และต่อมาขึ้นเป็น ๓๐ ล้านบาท เพื่อขอให้ไม่คัดค้านการทำเหมืองแร่เหล็กที่ต้นน้ำ ที่เสี่ยงต่อการส่งสารพิษลงมาตามลำน้ำทำร้ายสุขภาพของประชาชนในแนวลำน้ำ เมื่อข้อเสนอของบริษัทไม่เป็นผล ก็มีผู้ใหญ่ระดับพลเรือโท นามสกุลใหญ่ (ท่านเอ่ยชื่อและนามสกุลในที่ประชุม) มาขอร้อง ซึ่งผู้ใหญ่โชคชัยไม่ได้ทำตามที่ขอ
การสร้างสุขของชุมชน เป็นงานที่ซับซ้อน มีหลากหลายปัจจัยเกี่ยวข้อง มีเรื่องผลประโยชน์ รวมทั้งปัจจัยเชิงคุณธรรม
วิจารณ์ พานิช
๒๘ มี.ค. ๖๘
บนเครื่องบิน TG 623 บินกลับจากสนามบินคันไซ กลับกรุงเทพ