ชีวิตที่พอเพียง  4882. Inquisitive Mind


 

สมัยนี้สังคมต้องการคนขี้สงสัย ที่เรียกว่ามี inquisitive mind (จิตใจใคร่รู้)    สมัยผมเป็นเด็กผู้ใหญ่ไม่ชอบ รำคาญเด็กที่ช่างซัก    และบางครั้งไม่พอใจ ว่าไม่เคารพเชื่อฟัง เพราะบางครั้งก็ซักแบบเถียงไปในตัว   ครูก็ไม่ชอบ  ชอบเด็กที่เชื่อฟังครู ครูบอกอะไรก็เชื่อหมดและจำไว้  เอาไว้ตอบข้อสอบ 

จึงเกิดคำถาม ว่านโยบายของประเทศไทย ต้องการส่งเสริมให้คนไทยเป็นขี้สงสัย ไม่เชื่อง่ายหรือไม่    ผมตอบตัวเองว่า มองจากพฤติกรรมของนักการเมืองที่ครองอำนาจอยู่ น่าจะไม่    เขาน่าจะต้องการพลเมืองที่เชื่อการโฆษณาชวนเชื่อของเขามากกว่า    แต่หากไปถามเขาตรงๆ เขาน่าจะตอบว่าใช่   

ดังนั้น การศึกษาไทยต้องมีนโยบายและมาตรการพัฒนาครูและพ่อแม่ผู้ปกครอง รวมทั้งชุมชน ให้มีทักษะหนุนนำให้เด็กพัฒนาความช่างสงสัยช่างซักถาม   รวมทั้งช่วยกันสร้างระบบนิเวศที่หนุนให้ด็กพัฒนาคุณลักษณะดังกล่าว    โดยผมเชื่อว่า คุณสมบัตินี้มีอยู่แล้วในความเป็นมนุษย์   แต่วัฒนธรรมของเราไปปิดกั้นโดยไม่ตั้งใจ ไม่รู้ตัว 

ผมจึงถาม Generative AI หลายสำนักด้วยคำถาม  กรุณาให้คำแนะนำว่า สังคมไทย การศึกษาไทย ควรดำเนินการอย่างไรบ้างเพื่อสร้าง inquisitive mind ขึ้นในเด็กไทย เพื่อให้พลเมืองไทยเป็นคนช่างสงสัย มีความริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นนักค้นคว้า 

ได้รับคำตอบจาก Gemini ดังนี้

สร้าง "จิตวิญญาณแห่งการตั้งคำถาม" ในเด็กไทย: ก้าวสำคัญสู่สังคมแห่งการเรียนรู้

การปลูกฝังให้เด็กไทยมีความอยากรู้อยากเห็น หรือ inquisitive mind เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นรากฐานของการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ การเรียนรู้ตลอดชีวิต และการเป็นพลเมืองที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ ดังนั้น สังคมไทยและระบบการศึกษาไทยจึงควรมีการปรับเปลี่ยนและพัฒนาในหลายด้าน ดังนี้

1. ปรับเปลี่ยนทัศนคติและบทบาทของครู

  • จากผู้ถ่ายทอดความรู้ สู่ผู้กระตุ้นการคิด: ครูควรเป็นผู้ที่คอยถามคำถาม กระตุ้นให้เด็กคิดวิเคราะห์ และค้นหาคำตอบด้วยตนเอง ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ที่ถ่ายทอดความรู้
  • สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เปิดกว้าง: สร้างห้องเรียนที่ปลอดภัยสำหรับเด็กที่จะกล้าถาม กล้าแสดงความคิดเห็น และไม่กลัวที่จะผิดพลาด
  • พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง: ครูควรหมั่นศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ เพื่อนำมาปรับใช้ในการสอน และพัฒนาทักษะในการถามคำถามที่กระตุ้นการคิด

2. ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษา

  • เน้นกระบวนการมากกว่าเนื้อหา: หลักสูตรควรเน้นการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การสื่อสาร และการทำงานร่วมกัน มากกว่าการท่องจำเนื้อหา
  • บูรณาการศาสตร์ต่างๆ: เชื่อมโยงความรู้ในแต่ละวิชากับชีวิตจริง เพื่อให้เด็กเห็นประโยชน์ของการเรียนรู้
  • ส่งเสริมการเรียนรู้แบบ  Active Learning: จัดกิจกรรมที่ให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติจริง เช่น การทดลอง การอภิปราย และการนำเสนอผลงาน

3. สร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้

  • จัดหาสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย: สื่อการเรียนรู้ควรมีความทันสมัย น่าสนใจ และกระตุ้นให้เด็กอยากเรียนรู้
  • ส่งเสริมการอ่าน: สร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมให้เด็กชอบอ่านหนังสือ และมีห้องสมุดที่จัดการได้ดี
  • สนับสนุนกิจกรรมนอกห้องเรียน: จัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (STEM) เพื่อกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น

4. ส่งเสริมบทบาทของผู้ปกครอง

  • เป็นแบบอย่างที่ดี: ผู้ปกครองควรเป็นแบบอย่างที่ดีในการอ่านหนังสือ การตั้งคำถาม และการเรียนรู้ตลอดชีวิต
  • สนับสนุนการเรียนรู้ของลูก: สร้างบรรยากาศในบ้านที่เอื้อต่อการเรียนรู้ และให้กำลังใจลูกเสมอ
  • ทำงานร่วมกับโรงเรียน: ร่วมมือกับโรงเรียนในการส่งเสริมการเรียนรู้ของลูก

5. สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้

  • ส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้: สร้างสังคมที่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต และให้เกียรติผู้ที่ใฝ่หาความรู้
  • สนับสนุนการวิจัย: สร้างเครือข่ายนักวิจัย และสนับสนุนการวิจัยในทุกระดับ
  • เผยแพร่ความรู้: สร้างสื่อที่น่าสนใจเพื่อเผยแพร่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม

สิ่งสำคัญที่สุดคือการเริ่มต้นตั้งแต่เด็กเล็ก การปลูกฝังให้เด็กตั้งคำถามตั้งแต่ยังเล็ก จะทำให้เด็กเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างกิจกรรมที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ในเด็ก:

  • การทดลองทางวิทยาศาสตร์ง่ายๆ: เช่น การปลูกต้นไม้ การสังเกตแมลง การผสมสี
  • เกมกระดานที่ต้องใช้ตรรกะ: เช่น เกมหมากรุก เกมต่อภาพ
  • การอ่านหนังสือและการอภิปราย: เลือกหนังสือที่น่าสนใจและกระตุ้นให้เด็กอยากรู้
  • การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ วิทยาศาสตร์ หรือสวนสัตว์: เพื่อเปิดโลกทัศน์และกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น

การสร้าง "จิตวิญญาณแห่งการตั้งคำถาม" ในเด็กไทย เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นครู ผู้ปกครอง สังคม และรัฐบาล หากเราทุกคนร่วมมือกันสร้างสรรค์สังคมแห่งการเรียนรู้ เราก็จะสามารถพัฒนาเด็กไทยให้เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวหน้าต่อไปได้

ส่วน perplexity ให้คำตอบดังนี้ 

 เพื่อสร้าง inquisitive mind หรือจิตใจใคร่รู้ในเด็กไทยและส่งเสริมให้พลเมืองไทยเป็นคนช่างสงสัย มีความริเริ่มสร้างสรรค์และเป็นนักค้นคว้า สังคมไทยและระบบการศึกษาควรดำเนินการตามแนวทางต่อไปนี้:

แนวทางในการสร้าง inquisitive mind

1. เปลี่ยนแปลงวิธีการสอน

  • การเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง: สอนให้เด็กมีส่วนร่วมในการตั้งคำถามและค้นหาคำตอบด้วยตนเอง แทนที่จะเป็นการบรรยายจากครูเพียงอย่างเดียว
  • การใช้กิจกรรมที่กระตุ้นความสนใจ: ใช้โครงการหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับชีวิตจริง เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ เช่น การทำโครงการวิจัยเล็กๆ หรือการทดลองทางวิทยาศาสตร์

 

2. ส่งเสริมการคิดเชิงวิพากษ์

  • ฝึกฝนการตั้งคำถาม: สอนเด็กให้สามารถตั้งคำถามที่มีความหมายและสำคัญ เช่น การตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่เรียนรู้ในห้องเรียน และการอภิปรายร่วมกันกับเพื่อน
  • การสะท้อนความคิด: ให้โอกาสเด็กได้สะท้อนความคิดและความคิดเห็นของตนเองผ่านการพูดคุยหรือเขียนบันทึก เพื่อพัฒนาทักษะในการวิเคราะห์และวิจารณ์

 

3. สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต

  • เปิดโอกาสในการเรียนรู้จากแหล่งต่างๆ: ส่งเสริมให้เด็กค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น หนังสือ อินเทอร์เน็ต หรือกิจกรรมในชุมชน เพื่อขยายขอบเขตความรู้
  • สร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้: สร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้เด็กมีความสนใจในการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์

 

4. สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์

  • ส่งเสริมกิจกรรมศิลปะและวรรณกรรม: ให้เด็กได้มีโอกาสแสดงออกทางศิลปะ เช่น การวาดภาพ ดนตรี หรือเขียนเรื่องราว ซึ่งช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์
  • การแข่งขันและโครงการสร้างสรรค์: จัดการแข่งขันหรือโครงการที่กระตุ้นให้เด็กคิดค้นสิ่งใหม่ๆ เช่น การแข่งขันวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยี

 

5. การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชน

  • สร้างความร่วมมือระหว่างโรงเรียนและผู้ปกครอง: ผู้ปกครองควรมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กที่บ้าน โดยช่วยกระตุ้นความสนใจในเรื่องต่างๆ
  • เชื่อมโยงกับชุมชน: โรงเรียนควรเชื่อมโยงกับชุมชนเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงในชีวิตประจำวัน เช่น การเข้าร่วมกิจกรรมชุมชนหรือการทำงานอาสาสมัคร

สรุป

การสร้าง inquisitive mind ในเด็กไทยต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงทั้งในระบบการศึกษา วิธีการสอน และการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชน การส่งเสริมให้เด็กมีจิตใจใคร่รู้จะช่วยให้พวกเขาเติบโตเป็นพลเมืองที่มีความริเริ่มสร้างสรรค์ และสามารถตอบสนองต่อความท้าทายของโลกในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Generative AI ตัวอื่นๆ ก็ให้คำตอบใกล้เคียงกัน

สรุปได้ว่า สังคมไทยต้องเปลี่ยนแปลงมาก และจริงจัง ตามแนวทางดังกล่าว   จึงจะสร้างพลเมืองคุณภาพสูงยุคใหม่ได้  

วิจารณ์ พานิช

๒๔ พ.ย. ๖๗

ห้อง ๑๐๐๑  โรงแรมแชงกรีลา   เชียงใหม่

 

หมายเลขบันทึก: 720335เขียนเมื่อ 23 ธันวาคม 2024 13:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 ธันวาคม 2024 13:50 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่าน


ความเห็น

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท
ภาษาปิยะธอน (Piyathon)
เขียนโค้ดไพทอนได้ด้วยภาษาไทย