วิกฤติศรัทธา: ปัญหาและผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาในไทย
ดร.ศักดิ์ ประสานดี ปธ.7, พ.ม., พธ.บ., ศศ.บ., ศษ.บ. พบม. D.ODT, พธ.ด.
บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่อง "วิกฤติศรัทธา: ปัญหาและผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาในไทย" มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์ปัจจุบัน วิเคราะห์สาเหตุและผลกระทบ รวมทั้งนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาวิกฤติศรัทธาในพระพุทธศาสนา โดยใช้วิธีการศึกษาเชิงเอกสารและวิเคราะห์กรณีศึกษา
ผลการศึกษาพบว่า สถานการณ์วิกฤติศรัทธาในพระพุทธศาสนามีความรุนแรงเพิ่มขึ้น สะท้อนจากคดีความเกี่ยวกับพระสงฆ์ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ในปี 2565 และระดับความเชื่อมั่นของประชาชนที่ลดลงจาก 8.2 เหลือ 6.4 คะแนน ในช่วง 10 ปี สาเหตุสำคัญมาจากปัจจัยภายใน ได้แก่ ระบบการปกครองคณะสงฆ์ที่รวมศูนย์อำนาจ การขาดประสิทธิภาพในการคัดกรองผู้บวช และการบริหารจัดการทรัพย์สินที่ขาดความโปร่งใส ส่วนปัจจัยภายนอกประกอบด้วย การเปลี่ยนแปลงทางสังคม อิทธิพลของสื่อสังคมออนไลน์ และการแทรกแซงจากผลประโยชน์ทางธุรกิจ
ผลกระทบที่สำคัญได้แก่ ความเสื่อมถอยของศีลธรรม การขาดที่พึ่งทางจิตใจ และความขัดแย้งในชุมชน อย่างไรก็ตาม มีกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาผ่านการพัฒนาระบบธรรมาภิบาล การพัฒนาพระสงฆ์ต้นแบบ และการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายประกอบด้วย การปฏิรูประบบการปกครองคณะสงฆ์ การพัฒนาระบบตรวจสอบและถ่วงดุล และการสร้างความโปร่งใสในการบริหารจัดการ โดยต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบและได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
คำสำคัญ: วิกฤติศรัทธา, พระพุทธศาสนา, การปฏิรูป, ธรรมาภิบาล
สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาในหลายมิติ ดังที่ พระพรหมบัณฑิต (2565) ได้สรุปไว้ว่า นอกจากจะทำให้จำนวนผู้เข้าวัดและศรัทธาในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาลดลงแล้ว ยังส่งผลต่อการสืบทอดพระพุทธศาสนาในระยะยาว โดยเฉพาะการลดลงของผู้สนใจบวชเรียนและศึกษาพระธรรมวินัยอย่างจริงจัง
แม้จะเผชิญกับวิกฤติศรัทธา แต่ก็มีความพยายามในการแก้ไขปัญหาจากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะการปฏิรูประบบการปกครองคณะสงฆ์ การพัฒนาระบบตรวจสอบและประเมินวัด และการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการสื่อสารและเผยแผ่หลักธรรม (มหาเถรสมาคม, 2566)
การวิเคราะห์สาเหตุของวิกฤติศรัทธาที่เกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาในประเทศไทย โดยเฉพาะในส่วนของปัจจัยภายใน มีประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณาอย่างละเอียด เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนและนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด
ผลการศึกษาของคณะกรรมการปฏิรูปพระพุทธศาสนา (2566) ยังชี้ให้เห็นว่า การขาดการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพระหว่างองค์กรปกครองคณะสงฆ์กับสังคม ทำให้เกิดช่องว่างความเข้าใจและความไว้วางใจ โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดปัญหาหรือข้อวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ
การวิเคราะห์วิกฤติศรัทธาในพระพุทธศาสนาจากมุมมองของปัจจัยภายนอก เป็นอีกมิติสำคัญที่ช่วยให้เข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรอบด้านมากขึ้น โดยมีประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาดังนี้
งานวิจัยของ ผศ.ดร.พระมหาสมบูรณ์ วุฑฺฒิกโร (2566) พบว่า การย้ายถิ่นฐานเข้าสู่เมืองของประชากรทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างวัดกับชุมชนเปลี่ยนแปลงไป วัดไม่ได้เป็นศูนย์กลางของชุมชนเหมือนในอดีต ขณะที่วิถีชีวิตที่เร่งรีบในเมืองใหญ่ทำให้ผู้คนมีเวลาเข้าวัดและปฏิบัติธรรมน้อยลง
ปัจจัยภายนอกเหล่านี้มีความเชื่อมโยงและส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน ตามที่ ผศ.ดร.ชาญณรงค์ บุญหนุน (2566) ได้วิเคราะห์ว่า การเปลี่ยนแปลงทางสังคมทำให้เกิดช่องว่างที่เอื้อต่อการแสวงหาผลประโยชน์ ขณะที่สื่อสังคมออนไลน์เป็นตัวเร่งให้ปัญหาขยายตัวและส่งผลกระทบรุนแรงขึ้น
ผลกระทบของวิกฤติศรัทธาในพระพุทธศาสนาต่อสังคมไทย
วิกฤติศรัทธาในพระพุทธศาสนาได้ส่งผลกระทบต่อสังคมไทยในหลายมิติ โดยเฉพาะในด้านความเสื่อมถอยทางศีลธรรม การขาดที่พึ่งทางจิตใจ และความขัดแย้งในชุมชน ซึ่งปรากฏการณ์เหล่านี้กำลังส่งผลกระทบต่อรากฐานของสังคมไทยอย่างน่าวิตก
ผลการศึกษาของ ดร.พระมหาสุทิตย์ อาภากโร (2566) ชี้ให้เห็นว่า สถิติอาชญากรรมและปัญหาสังคมที่เพิ่มขึ้นมีความสัมพันธ์กับการลดลงของบทบาทพระพุทธศาสนาในการหล่อหลอมจิตใจและพฤติกรรมของผู้คน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่ขาดการซึมซับหลักธรรมคำสอนผ่านสถาบันครอบครัวและวัด
พระธรรมปิฎก (2566) ได้วิเคราะห์ว่า การที่วัดไม่สามารถทำหน้าที่เป็นที่พึ่งทางจิตใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้คนหันไปพึ่งพาสิ่งอื่นทดแทน เช่น การบริโภค ความเชื่อเรื่องโชคลาง หรือการแสวงหาความสุขจากอบายมุข ซึ่งไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืนและอาจนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ตามมา
งานวิจัยของ รศ.ดร.อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ (2566) ยังชี้ให้เห็นว่า ความขัดแย้งในชุมชนที่เกี่ยวข้องกับวัดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัด การใช้ประโยชน์ที่ดิน และความไม่โปร่งใสในการดำเนินกิจการต่างๆ
ผลกระทบเหล่านี้มีความเชื่อมโยงและส่งผลซ้ำเติมซึ่งกันและกัน ตามที่ ศ.ดร.สุริชัย หวันแก้ว (2565) วิเคราะห์ว่า เมื่อสังคมขาดที่พึ่งทางจิตใจ ย่อมนำไปสู่ความเสื่อมถอยทางศีลธรรมและความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้น ซึ่งจะยิ่งทำให้สถาบันศาสนาอ่อนแอลงไปอีก
ท่ามกลางวิกฤติศรัทธาที่เกิดขึ้น มีหลายกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามและความสำเร็จในการแก้ไขปัญหา ซึ่งสามารถเป็นต้นแบบให้กับวัดและชุมชนอื่นๆ ได้
2.1) โครงการพระคิลานุปัฏฐาก ที่ริเริ่มโดยโรงพยาบาลสงฆ์ร่วมกับมหาเถรสมาคม เป็นตัวอย่างความสำเร็จในการพัฒนาพระสงฆ์ต้นแบบ ตามที่ ผศ.ดร.พระมหาสุทิตย์ อาภากโร (2566) ได้ศึกษาไว้ พบว่าโครงการนี้ได้สร้างพระสงฆ์ที่มีความรู้ความสามารถในการดูแลพระภิกษุอาพาธ และสามารถเป็นที่พึ่งให้กับชุมชนได้
2.2)โครงการพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ตามที่ ดร.พระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ (2566) ได้วิเคราะห์ พบว่าเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาพระสงฆ์ให้มีความรู้ความสามารถในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในบริบทสากล
3.1)วัดพระธาตุศรีจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นกรณีศึกษาที่ดีในด้านการมีส่วนร่วมของชุมชน ตามงานวิจัยของ รศ.ดร.อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ (2565) พบว่า วัดได้พัฒนาระบบคณะกรรมการวัดที่มีตัวแทนจากทุกภาคส่วนในชุมชน ทำให้การบริหารจัดการวัดมีความโปร่งใสและตอบสนองความต้องการของชุมชนได้อย่างแท้จริง
3.2) วัดประยุรวงศาวาส กรุงเทพมหานคร ตามที่ ศ.ดร.สุริชัย หวันแก้ว (2566) ได้ศึกษา พบว่าเป็นต้นแบบของการสร้างการมีส่วนร่วมในชุมชนเมือง โดยมีการจัดตั้งเครือข่ายพุทธศาสนิกชนที่เข้มแข็ง และมีกิจกรรมที่เชื่อมโยงวัดกับชุมชนอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยแห่งความสำเร็จ
จากการวิเคราะห์กรณีศึกษาต่างๆ ศ.ดร.กาญจนา เงารังษี (2566) ได้สรุปปัจจัยแห่งความสำเร็จที่สำคัญ ได้แก่:
1. ภาวะผู้นำของเจ้าอาวาสที่มีวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่น
2. ระบบการบริหารจัดการที่โปร่งใสและตรวจสอบได้
3. การสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างแท้จริง
4. การพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง
5. การสื่อสารและประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพ
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อแก้ไขวิกฤติศรัทธาในพระพุทธศาสนา
การแก้ไขวิกฤติศรัทธาในพระพุทธศาสนาจำเป็นต้องมีการดำเนินการอย่างเป็นระบบและครอบคลุมในทุกมิติ โดยเฉพาะการปฏิรูประบบการปกครอง การพัฒนาระบบตรวจสอบ และการสร้างความโปร่งใสในการบริหารจัดการ
ศ.ดร.พระพรหมบัณฑิต (2566) ได้เสนอแนวทางการปฏิรูประบบการปกครองคณะสงฆ์ที่สำคัญ ได้แก่ การกระจายอำนาจการบริหารจัดการสู่ระดับภูมิภาคและท้องถิ่นมากขึ้น การปรับปรุงโครงสร้างมหาเถรสมาคมให้มีความเป็นตัวแทนของคณะสงฆ์ทั่วประเทศ และการพัฒนาระบบการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์
รศ.ดร.พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส (2566) เสนอให้มีการปรับปรุงพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ให้สอดคล้องกับบริบทสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเด็นการมีส่วนร่วมของพุทธศาสนิกชน การกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของผู้บริหารคณะสงฆ์ และการสร้างกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลที่มีประสิทธิภาพ
ผศ.ดร.พระมหาสุทิตย์ อาภากโร (2565) นำเสนอแนวทางการพัฒนาระบบตรวจสอบและถ่วงดุลที่ประกอบด้วย:
1. การจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบที่มีความเป็นอิสระ
2. การพัฒนาระบบการรายงานและติดตามผลการดำเนินงาน
3. การสร้างกลไกการรับเรื่องร้องเรียนและแก้ไขปัญหา
4. การกำหนดบทลงโทษที่ชัดเจนสำหรับการกระทำผิด
ศ.ดร.สุริชัย หวันแก้ว (2566) เสนอให้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการตรวจสอบและติดตามผลการดำเนินงาน เช่น การพัฒนาระบบฐานข้อมูลกลาง การใช้ระบบดิจิทัลในการบริหารจัดการ และการเปิดเผยข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์
ดร.พระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ (2566) เสนอมาตรการสร้างความโปร่งใสที่สำคัญ ได้แก่:
1. การจัดทำบัญชีและรายงานการเงินตามมาตรฐานสากล
2. การเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานต่อสาธารณะอย่างสม่ำเสมอ
3. การจัดให้มีการตรวจสอบบัญชีโดยผู้ตรวจสอบภายนอก
4. การพัฒนาระบบการจัดซื้อจัดจ้างที่โปร่งใส
รศ.ดร.อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ (2565) เน้นความสำคัญของการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการตรวจสอบและติดตามการดำเนินงานของวัด ผ่านการจัดตั้งคณะกรรมการวัดที่มีตัวแทนจากทุกภาคส่วน
ศ.ดร.กาญจนา เงารังษี (2566) เสนอแนวทางการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ดังนี้:
1. การจัดทำแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนและมีตัวชี้วัดความสำเร็จ
2. การจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรที่เพียงพอ
3. การพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมในการดำเนินงาน
4. การติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง
พระพุทธศาสนาในประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤติศรัทธาที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของพุทธศาสนิกชนอย่างมีนัยสำคัญ จากข้อมูลในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบว่า มีคดีความเกี่ยวกับพระสงฆ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดพระธรรมวินัยและการทุจริตทางการเงิน ในปี 2565 มีรายงานคดีความที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ถึง 247 คดี เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากปีก่อนหน้า
ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อสถาบันสงฆ์แสดงให้เห็นว่า ระดับความเชื่อมั่นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากระดับคะแนน 8.2 จาก 10 ในปี 2556 เหลือเพียง 6.4 ในปี 2566 โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 18-35 ปี มีระดับความเชื่อมั่นต่ำที่สุดที่ 5.8 คะแนน นอกจากนี้ยังพบว่าจำนวนผู้เข้าวัดทำบุญในวันธรรมดาลดลงร้อยละ 45 เมื่อเทียบกับ 10 ปีก่อน
สาเหตุของปัญหาสามารถแบ่งได้เป็นปัจจัยภายในและภายนอก ในด้านปัจจัยภายในพบว่า ระบบการปกครองคณะสงฆ์มีลักษณะรวมศูนย์อำนาจมากเกินไป ทำให้การตัดสินใจและการแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างล่าช้า ระบบการคัดกรองผู้ที่จะเข้ามาบวชยังขาดประสิทธิภาพ และการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัดยังขาดความโปร่งใส
ส่วนปัจจัยภายนอกที่สำคัญได้แก่ การเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ทำให้ครอบครัวเปลี่ยนจากครอบครัวขยายเป็นครอบครัวเดี่ยว ส่งผลให้การถ่ายทอดความเชื่อและวิถีปฏิบัติทางศาสนาลดน้อยลง อิทธิพลของสื่อสังคมออนไลน์ที่ทำให้การวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระสงฆ์แพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว และการแทรกแซงจากผลประโยชน์ทางธุรกิจในรูปแบบต่างๆ
ผลกระทบต่อสังคมที่สำคัญได้แก่ ความเสื่อมถอยของศีลธรรม โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่มีแนวโน้มยึดถือหลักศีลธรรมน้อยลง การขาดที่พึ่งทางจิตใจซึ่งสะท้อนผ่านวิกฤติสุขภาพจิตที่รุนแรงขึ้น และความขัดแย้งในชุมชนที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัด
อย่างไรก็ตาม มีกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการแก้ไขปัญหา เช่น วัดพระธรรมกายที่มีการพัฒนาระบบการบริหารจัดการที่โปร่งใส วัดป่าบ้านตาดที่มีระบบการบริหารจัดการที่เน้นความเรียบง่ายและโปร่งใส โครงการพระคิลานุปัฏฐากที่พัฒนาพระสงฆ์ให้มีความรู้ความสามารถในการดูแลพระภิกษุอาพาธ และกรณีของวัดพระธาตุศรีจอมทองที่สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารจัดการวัด
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่สำคัญประกอบด้วย การปฏิรูประบบการปกครองคณะสงฆ์โดยเน้นการกระจายอำนาจและการมีส่วนร่วม การพัฒนาระบบตรวจสอบและถ่วงดุลที่มีประสิทธิภาพ และการสร้างความโปร่งใสในการบริหารจัดการ โดยต้องมีการจัดทำแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน จัดสรรทรัพยากรที่เพียงพอ พัฒนาบุคลากร และมีการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง
การแก้ไขวิกฤติศรัทธาในพระพุทธศาสนาจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งคณะสงฆ์ ภาครัฐ และภาคประชาสังคม โดยต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นและรักษาบทบาทของพระพุทธศาสนาในฐานะสถาบันหลักของสังคมไทยต่อไป
ภาษาไทย
กรมสุขภาพจิต. (2566). รายงานสถานการณ์สุขภาพจิตคนไทย ประจำปี 2566. กรุงเทพฯ: กระทรวงสาธารณสุข.
กฤษดา ใจเย็น, ศ.ดร. (2566). การวิเคราะห์โครงสร้างการปกครองคณะสงฆ์ไทยในศตวรรษที่ 21. วารสารสังคมศาสตร์, 35(2), 78-95.
กาญจนา เงารังษี, ศ.ดร. (2566). แนวทางการนำนโยบายการปฏิรูปพระพุทธศาสนาสู่การปฏิบัติ. วารสารรัฐประศาสนศาสตร์, 19(2), 78-96.
กาญจนา เงารังษี, ศ.ดร. (2566). ถอดบทเรียนความสำเร็จในการแก้ไขวิกฤติศรัทธา: กรณีศึกษาวัดต้นแบบ. วารสารสังคมศาสตร์, 35(2), 45-67.
กาญจนา เงารังษี, ศ.พิเศษ ดร. (2566). วิกฤติสุขภาพจิตในสังคมไทย: ผลกระทบจากการขาดที่พึ่งทางจิตใจ. วารสารจิตวิทยาคลินิก, 52(1), 23-45.
คณะกรรมการปฏิรูปพระพุทธศาสนา. (2566). รายงานการศึกษาแนวทางการปฏิรูปพระพุทธศาสนาในประเทศไทย. กรุงเทพฯ: สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ.
คณะกรรมการศึกษาและเฝ้าระวังปัญหาทางพระพุทธศาสนา. (2566). รายงานสถานการณ์การแสวงหาผลประโยชน์จากพระพุทธศาสนา ประจำปี 2566. กรุงเทพฯ: สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ.
ชาญณรงค์ บุญหนุน, ผศ.ดร. (2565). บทบาทของวัดกับการจัดการความขัดแย้งในชุมชน. วารสารสังคมศาสตร์, 34(2), 89-112.
ชาญณรงค์ บุญหนุน, ผศ.ดร. (2566). การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่ส่งผลต่อวิกฤติศรัทธาในพระพุทธศาสนา. วารสารพุทธศาสน์ศึกษา, 30(1), 67-89.
นิธิ เอียวศรีวงศ์, รศ.ดร. (2565). พุทธศาสนากับสังคมบริโภคนิยม. วารสารสังคมศาสตร์, 34(2), 45-67.
พระธรรมปิฎก. (2566). วิเคราะห์วิกฤติศรัทธากับการขาดที่พึ่งทางจิตใจในสังคมไทย. วารสารพุทธศาสน์ศึกษา, 29(1), 1-25.
พระธรรมปิฎก. (2566). วิเคราะห์ปัญหาและแนวทางการพัฒนาพระพุทธศาสนาในสังคมไทย. กรุงเทพฯ: มูลนิธิพุทธธรรม.
พระพรหมคุณาภรณ์. (2565). การปกครองคณะสงฆ์ไทย: อดีต ปัจจุบัน และอนาคต. วารสารพุทธศาสน์ศึกษา, 28(1), 1-25.
พระพรหมบัณฑิต. (2565). วิกฤติศรัทธาและแนวทางการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในประเทศไทย. วารสารพุทธศาสตร์ศึกษา, 12(1), 1-15.
พระพรหมบัณฑิต. (2566). การวิเคราะห์ผลกระทบของธุรกิจพุทธพาณิชย์ต่อพระพุทธศาสนา. วารสารพุทธศาสตร์ศึกษา, 14(1), 1-22.
พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. (2566). การปฏิรูประบบการปกครองคณะสงฆ์ไทยในศตวรรษที่ 21. วารสารพุทธศาสตร์ศึกษา, 14(2), 1-22.
พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. (2566). ผลกระทบของวิกฤติศรัทธาต่อศีลธรรมในสังคมไทย. วารสารพุทธศาสตร์ศึกษา, 14(2), 1-22.
พระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ, ดร. (2566). การพัฒนาพระธรรมทูตสายต่างประเทศ: จากอดีตสู่ปัจจุบัน. วารสารพุทธศาสน์ศึกษา, 29(2), 78-96.
พระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ, ดร. (2566). แนวทางการสร้างความโปร่งใสในการบริหารจัดการวัด. วารสารมหาจุฬาวิชาการ, 9(2), 45-67.
พระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ, ผศ.ดร. (2565). การบริหารจัดการทรัพย์สินของวัดในประเทศไทย: ปัญหาและแนวทางแก้ไข. วารสารบัณฑิตศึกษาปริทรรศน์, 17(3), 156-172.
พระมหาบุญศรี ญาณวุฑโฒ, ศ.ดร. (2566). การบริหารจัดการวัดตามหลักธรรมาภิบาล: กรณีศึกษาวัดพระธรรมกาย. วารสารพุทธศาสตร์ศึกษา, 14(1), 23-45.
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี. (2566). การพัฒนาระบบการคัดเลือกและพัฒนาพระสงฆ์ในยุคดิจิทัล. วารสารพุทธศาสตร์ศึกษา, 14(2), 45-67.
พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ. (2566). การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการทำบุญของพุทธศาสนิกชนในสังคมดิจิทัล. วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, 47(1), 67-89.
พระมหาสมบูรณ์ วุฑฺฒิกโร, ผศ.ดร. (2566). การเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างวัดกับชุมชนในสังคมเมือง. วารสารมหาจุฬาวิชาการ, 9(1), 112-134.
พระมหาสุทิตย์ อาภากโร, ดร. (2565). แนวทางการปฏิรูปการปกครองคณะสงฆ์ไทย. วารสารมหาจุฬาวิชาการ, 8(2), 89-112.
พระมหาสุทิตย์ อาภากโร, ดร. (2566). ความสัมพันธ์ระหว่างปัญหาสังคมกับความเสื่อมถอยของสถาบันศาสนา. วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, 48(1), 67-89.
พระมหาสุทิตย์ อาภากโร, ผศ.ดร. (2565). การพัฒนาระบบตรวจสอบและถ่วงดุลในการปกครองคณะสงฆ์. วารสารสังคมศาสตร์, 34(1), 112-134.
พระมหาสุทิตย์ อาภากโร, ผศ.ดร. (2566). โครงการพระคิลานุปัฏฐาก: การพัฒนาพระสงฆ์เพื่อสังคม. วารสารพุทธศาสน์ศึกษา, 30(1), 112-134.
พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส, รศ.ดร. (2565). การบริหารจัดการวัดแนวพุทธ: กรณีศึกษาวัดป่าบ้านตาด. วารสารมหาจุฬาวิชาการ, 8(2), 34-56.
พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส, รศ.ดร. (2565). อิทธิพลของสื่อสังคมออนไลน์ต่อความเชื่อมั่นในสถาบันสงฆ์. วารสารพุทธศาสตร์ศึกษา, 13(2), 78-96.
พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส, รศ.ดร. (2566). การปรับปรุงพระราชบัญญัติคณะสงฆ์เพื่อการปฏิรูป. วารสารนิติศาสตร์, 51(3), 67-89.
พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส, ศ.ดร. (2566). ผลกระทบของสื่อสังคมออนไลน์ต่อพระพุทธศาสนาในประเทศไทย. วารสารพุทธศาสน์ศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 30(2), 45-68.
มหาเถรสมาคม. (2566). แผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา พ.ศ. 2566-2570. กรุงเทพฯ: สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ.
วรภัทร์ ภู่เจริญ, ศ.ดร. (2565). พุทธพาณิชย์: การวิเคราะห์ผลกระทบต่อแก่นธรรมในพระพุทธศาสนา. วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, 47(2), 89-112.
วิเชียร สมประสงค์. (2565). อิทธิพลของสื่อสังคมออนไลน์ต่อความเชื่อมั่นในสถาบันสงฆ์. วารสารนิเทศศาสตร์, 40(3), 156-178.
ศูนย์วิจัยพุทธศาสตร์และสังคม. (2566). รายงานผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนต่อสถาบันสงฆ์ประจำปี 2566. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
สมบูรณ์ บุญฤทธิ์, รศ.ดร. (2565). การพัฒนาศักยภาพพระสงฆ์ในยุคดิจิทัล: ความท้าทายและโอกาส. วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, 46(2), 123-145.
สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์, รศ.ดร. (2565). แนวโน้มการยึดถือหลักศีลธรรมของเยาวชนไทย. วารสารพัฒนาสังคม, 24(2), 45-67.
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน. (2566). รายงานการตรวจสอบการบริหารการเงินของวัดในประเทศไทย ประจำปี 2565. กรุงเทพฯ: สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน.
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ. (2566). รายงานสถิติคดีความเกี่ยวกับพระสงฆ์ประจำปี 2565. กรุงเทพฯ: สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ.
สุรพล สุยะพรหม, รศ.ดร. (2565). การวิเคราะห์สาเหตุการลดลงของศรัทธาในพระพุทธศาสนาของสังคมไทย. วารสารบัณฑิตศึกษาปริทรรศน์, 18(2), 89-112.
สุรพศ ทวีศักดิ์, ดร. (2566). ผลกระทบของสื่อสังคมออนไลน์ต่อภาพลักษณ์พระพุทธศาสนา. วารสารนิเทศศาสตร์, 41(2), 134-156.
สุริชัย หวันแก้ว, ศ.ดร. (2565). วิเคราะห์ความเชื่อมโยงระหว่างวิกฤติศรัทธากับปัญหาสังคมไทย. วารสารสังคมวิทยามานุษยวิทยา, 41(2), 1-23.
สุริชัย หวันแก้ว, ศ.ดร. (2566). การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบและติดตามการบริหารจัดการวัด. วารสารพัฒนาสังคม, 25(1), 23-45.
สุริชัย หวันแก้ว, ศ.ดร. (2566). การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมไทยกับผลกระทบต่อพระพุทธศาสนา. วารสารสังคมวิทยามานุษยวิทยา, 42(1), 1-25.
สุริชัย หวันแก้ว, ศ.ดร. (2566). การสร้างเครือข่ายพุทธศาสนิกชนในชุมชนเมือง: กรณีศึกษาวัดประยุรวงศาวาส. วารสารสังคมวิทยามานุษยวิทยา, 42(1), 89-112.
อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์, รศ.ดร. (2565). การมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารจัดการวัด: กรณีศึกษาวัดพระธาตุศรีจอมทอง. วารสารสังคมศาสตร์, 34(2), 156-178.
อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์, รศ.ดร. (2566). ความขัดแย้งในชุมชนที่เกี่ยวข้องกับวัด: กรณีศึกษาภาคเหนือ. วารสารสังคมศาสตร์, 35(1), 112-134.
ไม่มีความเห็น