เรื่องจริง 3 บ้านผีสิง เฮี้ยนที่สุดในอเมริกา จาก  ซีรีส์ 28 Days Haunted: หลอน 28 วัน (2022 Netflix)


เรื่องจริง 3 บ้านผีสิง เฮี้ยนที่สุดในอเมริกา จาก  ซีรีส์ 28 Days Haunted: หลอน 28 วัน (2022 Netflix)

28 Days Haunted (2022) จาก Netflix เป็นซีรีส์เลียนสารคดี แนว foundfootage สยองขวัญ เล่าเรื่องราวการพิสูจน์ทฤษฎีผีของเอ็ด กับ ลอร์เรน วอร์เรน นักปีศาจวิทยาและนักวิจัยเรื่องเหนือธรรมชาติชื่อดังที่สุดในสหรัฐอเมริกา ที่กล่าวว่า ต้องใช้เวลาถึง 28 วันในการอยู่กับสถานที่ที่เชื่อว่ามีวิญญาณซ่อนอยู่จึงจะสามารถเจาะผ่านกำแพงที่กั้นระหว่างโลกของคนเป็นกับคนตายได้ ว่าทฤษฎีนี้ว่า The 28-day cycle (วัฏจักร 28 วัน)

ดูคลิปที่นี่

 

#28DayCycle
ทฤษฎี 28-Day Cycle  ถูกพัฒนาขึ้นจากการศึกษาของเอ็ด กับ ลอร์เรน วอร์เรนเกี่ยวกับพลังงานเหนือธรรมชาติและการกระทำของวิญญาณในสถานที่ที่มีความเชื่อเกี่ยวกับความลึกลับหรือเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ

ทฤษฎีอิงจากความเชื่อที่ว่าพลังงานของวิญญาณหรือพลังงานเหนือธรรมชาติที่อยู่ในสถานที่ต่าง ๆ จะเข้มข้นและแสดงออกมาอย่างชัดเจนมากขึ้นหลังจากระยะเวลา 28 วัน การวิเคราะห์นี้ถูกตั้งขึ้นบนพื้นฐานของวงจรทางชีววิทยาและวงจรดวงจันทร์ที่มีระยะเวลา 28 วัน ซึ่งเชื่อว่าสามารถส่งผลต่อพลังงานและพฤติกรรมของวิญญาณได้

ตามทฤษฎีของเอ็ด กับ ลอร์เรน วอร์เรน กล่าวว่าการสำรวจพลังงานเหนือธรรมชาติในช่วงเวลา 28 วันจะช่วยให้สามารถเปิดเผยความลึกลับที่แฝงอยู่ในสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่

ทีมงานของพวกเขามักจะใช้ระยะเวลานี้เพื่ออาศัยอยู่ในสถานที่ที่มีชื่อเสียงว่ามีการเผชิญกับปรากฏการณ์ลึกลับ เพื่อที่จะสามารถบันทึกและสังเกตการณ์การเปลี่ยนแปลงของพลังงานและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างละเอียด การสำรวจนี้มักจะใช้การบันทึกข้อมูลทั้งในด้านเสียง ภาพถ่าย และประสบการณ์ตรงจากผู้เข้าร่วมการสำรวจ

แม้ว่าทฤษฎี 28-Day Cycle จะได้รับความสนใจและการทดลองจากทีมงานของ เอ็ด กับ ลอร์เรน วอร์เรน แต่ทฤษฎีนี้ก็ได้รับการวิจารณ์ในแง่ของการขาดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้ ยังคงเป็นที่ถกเถียงในวงการวิทยาศาสตร์และการศึกษาปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ บางคนเชื่อว่าการสัมผัสกับพลังงานเหนือธรรมชาติในช่วงเวลา 28 วันอาจเป็นผลจากความคาดหวังและจินตนาการของผู้ที่มีความเชื่อเองมากกว่า

ดังนั้นทีมวิจัยสามทีมจาก 28 Days Haunted (2022) จึงถูกส่งไปยังบ้านผีสิงสามแห่งที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา โดยพวกเขาต้องอาศัยอยู่ในสถานที่เหล่านั้นเป็นเวลา 28 วันโดยไม่มีการติดต่อกับโลกภายนอก โดยที่มีความเชื่อว่าเมื่อเราได้อยู่กับวิญญาณในระยะเวลา 28 วันนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ดวงวิญญาณนั้นเผยตัวตนออกมาได้ โดยเลือกจากบ้านผีสิงสามหลังที่ว่ากันว่าเฮี้ยนที่สุดในสหรัฐอเมริกาดังนี้

#บ้านผีเฮี้ยนสามหลัง
1. Lumber Baron Inn: บ้านผีสิงสุดหลอนแห่งเดนเวอร์

Lumber Baron Inn ตั้งอยู่ในเมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด เป็นอาคารเก่าแก่ที่มีความเป็นมายาวนานตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 อาคารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1890 โดย จอห์น มูอาต์ (John Mouat) หนึ่งในนักธุรกิจผู้มั่งคั่งและทรงอิทธิพลในยุคนั้น ซึ่งมีอาชีพหลักในอุตสาหกรรมป่าไม้ โดยเขาเป็นเจ้าของโรงเลื่อยหลายแห่งในโคโลราโด

การสร้างบ้านหลังนี้เป็นการสะท้อนถึงความมั่งคั่งและความมีอิทธิพลของ มูอาต์ ในยุคที่การขยายตัวของเมืองเดนเวอร์กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

บ้านมีรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์วิคตอเรียนที่งดงาม ซึ่งมีรายละเอียดทางศิลปะที่พิถีพิถัน โดยใช้วัสดุที่หรูหราและงานฝีมือชั้นสูง

เดิมทีบ้านนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักอาศัยส่วนตัวของครอบครัว จอห์น มูอาต์โดยมีการออกแบบอย่างหรูหราและมีห้องหลากหลายที่สะท้อนถึงความเป็นชนชั้นสูงของเจ้าของบ้าน

หลังจากครอบครัว มูอาต์ ย้ายออกจากบ้านนี้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 อาคารก็ได้รับการปรับเปลี่ยนการใช้งานหลายครั้ง บางครั้งถูกใช้เป็นบ้านเช่า ห้องเช่ารายวัน และในบางช่วงก็ถูกทิ้งร้าง ซึ่งทำให้บ้านแห่งนี้ตกอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรมลงอย่างมากในเวลาต่อมา
  
แม้ว่า Lumber Baron Inn จะเป็นที่รู้จักในฐานะอาคารประวัติศาสตร์ที่มีความงดงาม แต่ความน่ากลัวของก็มีที่มาจากเหตุการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นในช่วงปี 1970 ซึ่งเป็นช่วงที่อาคารถูกปรับเปลี่ยนเป็นห้องเช่าราคาถูก

หนึ่งในคดีฆาตกรรมที่ทำให้บ้านหลังนี้เป็นที่รู้จักในฐานะ บ้านผีสิง ก็คือ การฆาตกรรมสองสาว ที่เกิดขึ้นในปี 1970 เหยื่อทั้งสองคือ คาร่า คนอเช่ (Kara Knoche) อายุ 18 ปี และ มาเรียนน์ วีเวอร์ (Marianne Weaver) อายุ 17 ปี ทั้งคู่ถูกพบว่าเสียชีวิตภายในบ้าน โดย คาร่า ถูกยิงเสียชีวิตในห้องใต้หลังคา ส่วน มาเรียนน์ ถูกล่วงละเมิดและถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมในห้องข้างเคียง

การสืบสวนคดีฆาตกรรมใช้เวลานานหลายปี แต่ก็ไม่สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ ทำให้คดีนี้ยังคงเป็นปริศนาที่น่ากลัวและหลอนใจผู้คนจนถึงทุกวันนี้

เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความเชื่อเกี่ยวกับการมีวิญญาณของเหยื่อทั้งสองที่ยังคงวนเวียนอยู่ในบ้าน

นอกจากนี้ ยังมีตำนานว่า วิญญาณของหญิงสาวที่เสียชีวิตได้ปรากฏตัวขึ้นในหลายโอกาส โดยมีพยานหลายคนอ้างว่าเคยเห็นร่างเงาของหญิงสาวเดินอยู่ในห้องใต้หลังคาหรือในโถงทางเดินกลางดึก
  
หลังจากเกิดเหตุฆาตกรรม บ้านแห่งนี้ก็ได้รับการเล่าขานว่าเป็น บ้านผีสิง ที่มีพลังงานลึกลับและเหนือธรรมชาติ ผู้คนที่เคยเข้ามาพักในบ้านหลังนี้หลายคนรายงานว่ามีประสบการณ์แปลกประหลาดและน่ากลัว ตัวอย่างเช่น มีคนกล่าวว่าได้ยินเสียงฝีเท้าที่ไม่ทราบที่มา เสียงหัวเราะของเด็กสาว หรือรู้สึกได้ถึงลมเย็นที่พัดผ่านทั้ง ๆ ที่หน้าต่างทุกบานปิดอยู่ บางคนเคยเห็นประตูที่เปิดปิดเองโดยไม่มีใครสัมผัส หรือรู้สึกเหมือนมีใครบางคนจ้องมองอยู่ตลอดเวลา

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่มักจะถูกเล่าขานคือการพบเห็นเงาของหญิงสาวที่เชื่อว่าเป็นวิญญาณคาร่า คนอเช่ และ มาเรียนน์ วีเวอร์  เหยื่อของคดีฆาตกรรม บางคนบอกว่าเคยเห็นเงาผู้หญิงยืนอยู่ในมุมห้องหรือเดินผ่านโถงทางเดิน เงาที่ปรากฏมักจะมีลักษณะสวมชุดที่เหมือนกับยุคสมัยในช่วงที่เกิดเหตุฆาตกรรม ซึ่งทำให้ผู้คนที่พบเห็นเกิดความกลัวและหลอนมากยิ่งขึ้น

ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 บ้านหลังนี้ถูกซื้อโดย วอลเตอร์ เคลเลอร์ (Walter Keller) และได้รับการบูรณะซ่อมแซมอย่างละเอียดเพื่อคืนความงดงามของสถาปัตยกรรมวิคตอเรียนที่มีเสน่ห์

หลังจากการบูรณะเสร็จสิ้น Lumber Baron Inn ถูกเปลี่ยนเป็นโรงแรมขนาดเล็กและสถานที่จัดงานเลี้ยง รวมถึงเป็นบ้านพักแบบ Bed & Breakfast ซึ่งมีห้องพักหลากหลายที่ตกแต่งอย่างหรูหราและยังคงเอกลักษณ์ทางประวัติศาสตร์

แม้ว่าจะได้รับการบูรณะใหม่ แต่บ้านหลังนี้ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวผีสิงและปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ

ปัจจุบัน Lumber Baron Inn จัดทัวร์ผีสิงสำหรับผู้ที่สนใจเข้ามาสัมผัสบรรยากาศลึกลับและน่ากลัวของบ้าน รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเล่าและตำนานการหลอนของบ้าน นอกจากนี้ ยังมีการจัดงานแต่งงานและงานเลี้ยงต่าง ๆ ในบ้านหลังนี้ ซึ่งสร้างความท้าทายให้กับผู้ที่มาเข้าร่วม เพราะพวกเขาต้องเผชิญกับความกลัวจากเรื่องเล่าและประสบการณ์ที่เล่าต่อกันมา

ในปัจจุบัน Lumber Baron Inn ยังคงเปิดให้บริการในฐานะโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยว โดยมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์และตำนานการหลอนที่ทำให้สถานที่นี้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่ากลัวที่สุดในเมืองเดนเวอร์ ผู้เข้าพักยังคงเล่าถึงประสบการณ์การเห็นหรือได้ยินสิ่งลึกลับที่เกิดขึ้นในบ้าน แม้ว่าจะไม่มีเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวเช่นในอดีตเกิดขึ้นอีก แต่บ้านหลังนี้ก็ยังคงมีพลังงานลึกลับที่ไม่สามารถอธิบายได้และเป็นแหล่งดึงดูดนักสืบสวนเหนือธรรมชาติ รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวผีสิงจากทั่วทุกมุมโลก

2. Captain Grant's Inn: บ้านผีสิงแห่งความลึกลับและประวัติศาสตร์ในรัฐคอนเนตทิคัต

Captain Grant’s Innตั้งอยู่ในเมืองพราสตัน รัฐคอนเนตทิคัต เป็นอาคารเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานย้อนกลับไปถึงช่วงปลายศตวรรษที่ 18 บ้านนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1754 โดย กัปตันวิลเลียม แกรนท์ นายทหารเรือผู้มีชื่อเสียงในยุคอาณานิคมของอเมริกา เขาเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในสงครามปฏิวัติอเมริกา และเป็นผู้นำที่ได้รับการยอมรับในชุมชนแห่งนี้

บ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงเวลาที่สหรัฐอเมริกายังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ และเป็นที่พักของ กัปตันวิลเลียม แกรนท์ และครอบครัวของเขา ตัวบ้านถูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบอาณานิคม (Colonial Architecture) ซึ่งเป็นสไตล์ที่นิยมในยุคนั้น ตัวอาคารมีลักษณะเรียบง่าย แต่ทนทาน โดยมีห้องหลายห้องที่ออกแบบให้เหมาะสมกับสภาพอากาศและชีวิตประจำวันของชาวเมืองในยุคอาณานิคม

ในช่วงสงครามปฏิวัติอเมริกา กัปตันแกรนท์ ต้องออกไปทำสงคราม แต่บ้านหลังนี้ยังคงเป็นที่พักพิงของครอบครัวของเขา รวมถึงเป็นที่หลบภัยของทหารอเมริกันที่หนีจากการไล่ล่าของทหารอังกฤษ บ้านนี้เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่เคยถูกใช้ในช่วงสงคราม

นอกจากนี้ บ้านของ กัปตัน แกรนท์ ยังเป็นที่พักพิงสำหรับผู้คนในท้องถิ่นที่ต้องการความช่วยเหลือในช่วงเวลาที่เมืองพราสตันเผชิญกับความขาดแคลนอาหารและการต่อสู้
หลังจากสงครามสิ้นสุดลง

กัปตันแกรนท์ และครอบครัวก็ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้จนกระทั่งเขาเสียชีวิต แต่ความสงบสุขของบ้านไม่ได้ดำเนินต่อไปตลอดกาล เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บ้านหลังนี้เริ่มมีข่าวลือเกี่ยวกับการพบเห็นวิญญาณและพลังงานลึกลับที่วนเวียนอยู่ในอาคาร

หนึ่งในเรื่องราวที่น่ากลัวและมีการกล่าวถึงบ่อยที่สุดเกี่ยวกับ Captain Grant’s Inn ก็คือการปรากฏตัวของวิญญาณที่เชื่อว่าเป็น เมอร์ซี่ แอดิเลด ภรรยาของ กัปตัน แกรนท์ ที่เสียชีวิตในบ้านหลังนี้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19

หลายคนเชื่อว่าเธอยังคงอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องบ้านของครอบครัวและดูแลผู้มาเยือน มีผู้เข้าพักจำนวนมากที่รายงานว่าได้เห็นวิญญาณของหญิงสาวสวมชุดแบบโบราณ เดินอยู่ในบ้านและบางครั้งก็ปรากฏตัวอยู่ในกระจก นอกจากนี้ ยังมีผู้ที่เล่าว่ารู้สึกถึงการสัมผัสของสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ หรือได้ยินเสียงคนเดินในห้องทั้งที่ไม่มีใครอยู่

นอกจากวิญญาณของ เมอร์ซี่ แล้ว ยังมีการพบเห็นวิญญาณของทหารที่เคยหลบภัยในบ้านสมัยสงครามปฏิวัติอเมริกา โดยเฉพาะในห้องที่เคยถูกใช้เป็นที่พักของทหาร มีพยานหลายคนอ้างว่าเคยเห็นทหารสวมชุดเครื่องแบบเต็มยศ เดินอยู่ในห้องหรือที่บันได เสียงฝีเท้าดังก้องในเวลากลางคืนโดยไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่ามาจากไหน บางครั้งผู้เข้าพักยังรู้สึกถึงความเย็นจัดผิดปกติแม้ว่าสภาพอากาศภายนอกจะอบอุ่น

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 บ้านหลังนี้เคยถูกทิ้งร้างในบางช่วงเวลาและประสบปัญหาทางการเงิน แต่ในปี 1994 แครอลและเท็ด บาร์เน็ตต์ (Carol and Ted Barnett) คู่สามีภรรยาได้ซื้อบ้านนี้มาและเริ่มทำการบูรณะซ่อมแซมเพื่อเปลี่ยนให้บ้านแห่งนี้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง หลังจากที่ใช้เวลาหลายปีในการบูรณะ Captain Grant’s Inn ก็ได้กลายมาเป็นโรงแรมและที่พักแบบ Bed & Breakfast ที่มีชื่อเสียงของเมือง

แม้ว่าบ้านจะได้รับการปรับปรุงใหม่ แต่ แครอล เจ้าของคนปัจจุบันยังคงรายงานว่าเธอและผู้เข้าพักหลายคนยังคงพบเห็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติและวิญญาณที่อาศัยอยู่ในบ้าน แครอล ได้เล่าถึงประสบการณ์ส่วนตัวของเธอหลายครั้งในการพบเห็นวิญญาณของ เมอร์ซี่ แอดิเลด เธออ้างว่า เป็นวิญญาณที่เป็นมิตรและไม่เป็นอันตราย เธอเชื่อว่าการมีอยู่ของวิญญาณนี้เป็นการปกป้องบ้านและครอบครัวมากกว่าจะเป็นการคุกคาม

นอกจากวิญญาณของ เมอร์ซี่ แอดิเลด แล้ว ยังมีเรื่องเล่าจากผู้เข้าพักที่บอกว่าพวกเขาได้พบเห็นวิญญาณอื่น ๆ รวมถึงเสียงแปลก ๆ เช่น เสียงคนหัวเราะ เสียงก๊อกแก๊กของสิ่งของ และเสียงของสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถอธิบายได้ บางคนยังเล่าว่าพวกเขารู้สึกเหมือนมีคนกำลังมองพวกเขาอยู่ตลอดเวลาในขณะที่เดินอยู่ในห้องต่าง ๆ ของบ้าน

ในปัจจุบัน Captain Grant’s Inn ยังคงเปิดให้บริการในฐานะโรงแรมและที่พัก Bed & Breakfast โดยมีห้องพักหลากหลายที่ตกแต่งในสไตล์โบราณเพื่อรักษาเอกลักษณ์และความเก่าแก่ของสถานที่ นอกจากจะเป็นที่พักที่มีบรรยากาศสงบเงียบและสวยงามแล้ว บ้านหลังนี้ยังเป็นจุดหมายปลายทางของผู้ที่สนใจในเรื่องผีสิงและปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ

Captain Grant’s Inn จัดทัวร์ผีสิงและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของวิญญาณและประสบการณ์หลอนภายในบ้าน สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความท้าทายและต้องการสัมผัสบรรยากาศลึกลับของบ้านที่มีประวัติยาวนาน การเข้าพักที่นี่ถือเป็นโอกาสพิเศษที่จะได้สัมผัสถึงพลังงานลึกลับที่ผู้คนเล่าขานกันมาหลายชั่วอายุคน

แม้ว่าในปัจจุบันจะไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น แต่ Captain Grant’s Inn ยังคงมีชื่อเสียงในฐานะบ้านที่มีวิญญาณและตำนานที่น่าหวาดกลัว ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่าจดจำและหลอนที่สุดในรัฐคอนเนตทิคัต

3. Madison Dry Goods Store: จากห้างสรรพสินค้าเก่าแก่สู่ห้างผีสิงแห่งรัฐนอร์ทแคโรไลนา

Madison Dry Goods Store ตั้งอยู่ในเมืองเมดิสัน รัฐนอร์ทแคโรไลนา เป็นอาคารเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนาน อาคารนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1900 เดิมเป็นโรงแรมที่ให้บริการนักเดินทางและพ่อค้าจากทั่วทั้งรัฐ ด้วยความที่เมืองเมดิสันเป็นศูนย์กลางการค้าสำคัญในยุคนั้น อาคารนี้จึงเป็นศูนย์รวมของชาวเมือง นักเดินทาง และพ่อค้าที่เดินทางผ่านเมือง

ภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในยุคต้นศตวรรษที่ 20 อาคารโรงแรมได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นร้านขายของทั่วไป (General Store) และสุดท้ายกลายเป็น Madison Dry Goods Store ที่เราเห็นในปัจจุบัน ร้านแห่งนี้ขายสินค้าหลากหลายประเภท ตั้งแต่เสื้อผ้า ไปจนถึงของใช้ประจำวัน จนถึงปัจจุบัน Madison Dry Goods Store ยังคงเป็นสถานที่สำคัญในชุมชน ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายประวัติศาสตร์และเรื่องราวในอดีต

แต่สิ่งที่ทำให้ที่นี่มีชื่อเสียงไปทั่ว ไม่ใช่เพียงแค่ประวัติศาสตร์ของอาคารและการค้าที่เคยรุ่งเรืองเท่านั้น เพราะเบื้องหลังของอาคารเก่าแก่แห่งนี้มีตำนานและเรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์รุนแรงที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งเกิดขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20

เรื่องราวผีสิงที่เกี่ยวข้องกับ Madison Dry Goods Store เริ่มต้นขึ้นในช่วงที่อาคารนี้เคยเป็นโรงเก็บศพ (Funeral Parlor) ในยุคต้นศตวรรษที่ 20 เนื่องจากเป็นจุดที่ใช้ในการจัดการศพของผู้เสียชีวิต อาคารนี้จึงมีพลังงานและความรู้สึกถึงความตายที่แฝงอยู่ในทุกมุมมอง มีการกล่าวถึงการเก็บศพไว้ในชั้นบนของอาคาร และเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความตายที่เกิดขึ้นในสถานที่นี้ยังคงทิ้งร่องรอยของความลึกลับไว้จนถึงปัจจุบัน

หนึ่งในตำนานที่น่ากลัวที่สุดคือวิญญาณของผู้ที่เคยเสียชีวิตในระหว่างการจัดงานศพ หลายคนเชื่อว่าพลังงานเหล่านี้ไม่เคยจากไป แต่ยังคงวนเวียนอยู่ในอาคาร มีรายงานจากผู้ที่เคยเข้ามาในร้านว่าได้ยินเสียงฝีเท้าในชั้นบนของอาคาร ทั้งที่ไม่มีใครอยู่ หรือได้ยินเสียงคนพูดคุยกันโดยไม่สามารถระบุได้ว่าเสียงนั้นมาจากที่ใด

มีการเล่าถึงการพบเห็นเงาของคนที่ปรากฏขึ้นในชั้นบน ซึ่งเคยเป็นที่จัดเก็บศพในอดีต นอกจากนี้ ผู้เข้ามาในร้านบางรายยังรู้สึกถึงความหนาวเย็นผิดปกติ หรือรู้สึกถึงการถูกจับตัวหรือสัมผัสโดยสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ มีการรายงานถึงความรู้สึกหนักอึ้งในอากาศและความรู้สึกไม่สบายใจอย่างฉับพลันเมื่อเดินผ่านบางพื้นที่ในอาคาร

แม้ว่า Madison Dry Goods Store จะเป็นที่รู้จักในฐานะร้านค้าเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ แต่ความลึกลับและพลังงานเหนือธรรมชาติที่มีอยู่ในอาคารนี้ยังคงดึงดูดผู้คนที่สนใจในเรื่องราวผีสิงและการล่าท้าผี นักท่องเที่ยวและผู้ชื่นชอบการสำรวจสถานที่ลึกลับมักจะเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อสัมผัสถึงบรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัวที่แฝงอยู่

ในปัจจุบัน Madison Dry Goods Store ยังคงเปิดให้บริการในฐานะร้านค้าปลีกที่ขายสินค้าหลากหลาย แต่ภายในอาคารยังคงมีเรื่องราวลึกลับที่ไม่เคยจางหาย ผู้ที่ทำงานในร้านและผู้มาเยือนหลายคนยังคงรายงานถึงปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่พวกเขาพบเจอ บางคนเชื่อว่าวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในอดีตยังคงติดอยู่ในสถานที่นี้ และไม่สามารถจากไปได้

Madison Dry Goods Store ไม่เพียงแต่เป็นอาคารเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน แต่ยังเต็มไปด้วยเรื่องเล่าและตำนานผีสิงที่น่าสะพรึงกลัว  แม้ในปัจจุบันอาคารนี้จะยังคงเปิดให้บริการในฐานะร้านค้า แต่เรื่องราวผีสิงและปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติยังคงเป็นสิ่งที่ดึงดูดผู้คนที่ต้องการสัมผัสถึงความลึกลับและความน่ากลัวที่ไม่เคยจางหายไปจาก Madison Dry Goods Store

ด้วยความเลื่องลือจากประวัติศาสตร์ที่มีอย่างยาวนาน มีความสัมพันธ์ต่อวิถีชีวิตของผู้คนมาหลายศตวรรษ มีผู้คนมากมายหลายชีวิตผ่านไปผ่านมาเข้าออกสืบต่อกันนับร้อยปี จึงทำให้ Lumber Baron Inn, Captain Grant's Inn และ Madison Dry Goods Store มีประวัติความหลอนที่แตกต่างกันและเป็นจุดสนใจในซีรีส์เลียนสารคดี 28 Days Haunted (2022) จาก Netflix สำหรับการทดลองทฤษฎี "28 วัน" ของการสืบสวนเหนือธรรมชาติ

#บทสรุป
28 Days Haunted (2022) เป็นสารคดีที่นำเสนอการทดลองทางจิตวิญญาณตามทฤษฎีของ เอ็ด กับ ลอร์เรน วอร์เรน เชื่อว่าต้องใช้เวลา 28 วันในการสำรวจพลังงานเหนือธรรมชาติอย่างเต็มที่ ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติถูกส่งไปยัง Lumber Baron Inn, Captain Grant's Inn และ Madison Dry Goods Store โดยพวกเขาจะอาศัยอยู่ในสถานที่เหล่านี้ตลอด 28 วัน เพื่อสืบหาพลังงานและความลึกลับที่แฝงอยู่

ตลอดการสำรวจ ทีมงานเผชิญกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติหลายรูปแบบ ตั้งแต่การได้ยินเสียงแปลกๆ การพบเงาลึกลับ ไปจนถึงการถูกสัมผัสโดยสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ หลายครั้งพวกเขารู้สึกถึงพลังงานที่แรงขึ้นตามช่วงเวลาที่อยู่ในบ้านเหล่านี้ ความรู้สึกถึงการถูกจ้องมองและความไม่สบายใจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ภายในสถานที่ที่เชื่อว่ามีวิญญาณสิงอยู่

เมื่อจบการทดลอง ทฤษฎีของ เอ็ด กับ ลอร์เรน วอร์เรน ถูกนำมาพิจารณาในเชิงลึก ทีมงานพบว่าพลังงานในแต่ละบ้านเริ่มปรากฏเด่นชัดขึ้นตามที่ทฤษฎีระบุไว้ แม้ว่าจะไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่าทุกปรากฏการณ์นั้นเกี่ยวข้องกับสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่การสำรวจครั้งนี้ทำให้เกิดความเชื่อว่าพลังงานและเหตุการณ์ลึกลับในสถานที่เหล่านี้อาจเป็นจริง

สำหรับซีรีส์เลียนสารคดีเรื่อง 28 Days Haunted ได้รับทั้งคำชื่นชมและเสียงวิจารณ์ในแง่ความเป็นจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสารคดีนี้ หลายคนเชื่อว่าปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่ทีมงานพบเจอนั้นเป็นหลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีของทฤษฎีวัฐจักร 28 วัน ขณะที่บางกลุ่มกลับมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจถูกสร้างขึ้นเพื่อความบันเทิง โดยเฉพาะปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ บางคนตั้งข้อสังเกตว่าความรู้สึกที่ทีมงานพบอาจเกิดจากการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีประวัติอันน่าสะพรึงกลัว ซึ่งส่งผลต่อจิตใจของพวกเขาเอง

ท้ายที่สุด การชม 28 Days Haunted อาจจะบอกกับเราว่าทุกสถานที่นั้นมีประวัติศาสตร์ความเป็นมา และเคยมีชีวิตชีวาอยู่ในสถานที่แห่งนั้น การเข้าไปเยือนสถานที่แต่ละแห่งต้องให้ความเคารพในฐานะเป็นโบราณสถานทางประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแตกต่างรักษาและจดจำ มากกว่าจะเป็นบ้านผีสิงที่หลอกหลอนจนทำให้มองในแง่ลบนั่นเอง

@วาทิน ศานติ์ สันติ

#SuperReviewChannel
#ซีรีส์28DaysHauntedNetflix
#สารคดีบ้านผีสิงในNetflix 
#บ้านผีสิงใน28DaysHaunted
#โรงแรมผีสิงLumberBaronInn
#โรงแรมผีสิงCaptainGrantsInn
#ร้านผีสิงMadisonDryGoodsStore



ความเห็น

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท