ชีวิตที่พอเพียง 4815. เดินทางไปดูงานการศึกษาเดนมาร์ก ๒๕๖๗ ๔. วันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๗

เตรียมไปค้าง ๑ คืน ที่เมือง Billund เช้าเดินทาง ๒ ๑/๒ ชั่วโมง ไปเมือง Odense ผ่านสะพานข้ามทะเลที่ยาวมาก ไปกินอาหารเที่ยงที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเวียดนาม ชื่อบะหมี่หรือบ้านหมี่ ในเมือง Odense บ่ายไปชม Andersen Museum ดูงานศูนย์ชุมชน Billund แล้วไปชมศิลาจารึกปฐมกษัตริย์ไวกิ้ง ที่เมือง Jelling กินอาหารเย็นที่นั่น แล้วไปนอนค้างที่ B&B กลางทุ่ง Billund

CoC Playful Minds (1)

ค่ำวันที่ ๙ สิงหาคม ผมให้ Gemini ช่วยหาข้อมูลให้ แล้วเข้าไปชมเว็บไซต์ (1) ของ Capital of Children (CoC) ได้รู้ว่าเป็นนวัตกรรมด้านการเรียนรู้เพื่อให้เด็กเป็นศูนย์กลาง อยู่ที่เมือง Billund เราไม่ได้ไปชม

Hans Christian Andersen Museum

เราไปชมตามเว็บไซต์ (๑) ซึ่งเป็นสถานที่บ้านเกิดของ H.C. Andersen กวีและนักเล่าเทพนิยาย เป็นสถานที่กว้างขวาง และออกแบบแปลกตา ดอกไม้งามมาก ให้ความรู้สึกที่ตื่นตัว อยู่ในส่วนของเมืองที่ยากจนที่สุดเมื่อสองร้อยปีก่อน ติดกับตึกใหญ่สร้างใหม่ที่มีการจัดแสดงและข้อความเรื่องราวในชีวิตของ H.C. Andersen เป็นบ้านเล็กๆ สถานที่กำเนิดของ H.C. Andersen เมื่อปี 1805 ที่ยังคงเป็นอาคารเดิมเมื่อสองร้อยปีก่อน มีห้องเล็กๆ ๖ ห้อง สมัยนั้นมีคนอยู่ครอบครัวละ ๑ ห้อง

เราต้องซื้อตั๋วเข้าชมภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงชีวิตและงานของ H.C. Andersen ที่จัดอย่างดีเยี่ยม ผมถ่ายรูปคำอธิบายเอามาอ่านที่บ้าน ได้วรรคทองที่ H.C. Andersen เล่าเมื่ออายุ ๕๐ ปี ว่าเมื่ออายุ ๑๔ ปี เขาพูดขออนุญาตแม่ (เขาเป็นลูกคนเดียว พ่อตายตั้งแต่เขาอายุ ๑๑ ปี แม่เป็นพนักงานโรงพยาบาล) ไปแสวงโชคที่โคเปนเฮเกน โดยแม่ต้องการให้เข้าเป็นพนักงานฝึกหัดตัดเย็บเสื้อผ้า แต่ H.C. Andersen ต้องการไปหางานที่โคเปนเฮเกน แม่ถามว่าจะไปทำอะไร เขาตอบว่า “I will become famous” เขาอธิบายให้แม่ฟังว่า อ่านจากหนังสือที่แนะนำว่า “First, you have a terrible amount of adversity to go through, and then you become famous” โดยเขาเชื่อตามคำทำนายของหมอดูที่โรงพยาบาลที่ทำนายจากไพ่และลูกแก้ว และบอกแม่ว่า “Your son will become a great man, and in his honour all Odense shall one day be illuminated.” … อยู่ในหนังสือ The Fairy Tale of My Life

ผมสนใจชีวิตและนำมาเล่าย่อๆ ข้างบน ใครอยากได้รายละเอียดก็หาอ่านได้จากหนังสือ ส่วนที่เป็นผลงานของ H.C. Andersen เป็นเกือบทั้งหมดของการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ และเป็นส่วนที่มีภาพ แสงสีเสียง และการเล่น ที่ให้ความสนุกและเพลิดเพลิน เดาว่าเขาคงต้องการให้คล้ายได้สัมผัส H.C. Andersen หรือสัมผัสจินตนาการของเขาโดยตรง

ชมอาคารใหญ่จบแล้วเจ้าหน้าที่แนะนำว่ามีบ้านที่ อยู่ตอนโต อยู่ห่างออกไป ๗๐๐ เมตร เป็นบ้านที่มีสวนอยู่ด้านหลัง ที่เพิ่งมีการต่อเติมเมื่อ ๑๕๐ ปีที่แล้ว ตอนที่ H.C. Andersen เป็นเด็ก (เขาย้ายมาอยู่บ้านนี้ตอนอายุ ๒ ขวบ) ด้านหลังบ้านเป็นกำแพง แต่ H.C. Andersen ฝันหรือจินตนาการให้เป็นสวน

กลับมาที่บ้าน ผม ดาวน์โหลดตัวอย่างหนังสือ The Fairy Tale of My Life มาอ่าน อ่านแล้ววางไม่ลง จนเมื่ออ่านตัวอย่างจบต้องยอมควัก ๒๐ เหรียญซื้อมาอ่าน ได้สัมผัสความเป็นอัจฉริยะของท่าน และความมี character skills ที่ช่วยให้ได้รับการอุปถัมภ์จากคนชั้นสูงให้ได้เข้าโรงเรียน ปูทางสู่ความมีชื่อเสียงตามที่หมอดูทำนาย

ศูนย์ชุมชน Billund

เราไปชมส่วนที่เป็นห้องสมุด เป็นอาคารชั้นเดียว ที่สร้างง่ายๆ ระหว่างนั้นเห็นคนเดินมาที่นั่นเป็นกลุ่มๆ ยิ่งเห็นภาพสังคมเดนมาร์กที่ทุกชุมชนมีพื้นที่ที่สมาชิกในชุมชนมาร่วมกิจกรรมกัน และมีบริการห้องสมุดอยู่ในทุกชุมชน เราไปเห็นห้องสมุดที่มีชีวิต

มานึกเสียดายทีหลัง ว่าไม่ได้ขอเขาดูส่วนอื่นๆ ของศูนย์ชุมชน เพื่อเปรียบเทียบกับที่เห็นในโคเปนเฮเกน

ศิลาจารึกกษัตริย์ไวกิ้ง

อยู่ที่เมือง Jelling นั่งรถจากศูนย์ชุมชนไปราวๆ ครึ่งชั่วโมง คนที่อยากไปชมคือครูวิน ซึ่งเมื่อไปชมแล้วก็เห็นชัดว่า เป็นที่น่าไปชมอย่างยิ่ง เป็น UNESCO Heritage Site มีรายละเอียดที่ Jelling Stones มีศิลาจารึก ๒ ก้อน (๑) Gorm’s Stone จารึกปี ค.ศ. 950 โดยกษัตริย์ Gorm ถึงมเหสี เป็นครั้งแรกที่ชื่อ Denmark ปรากฎเป็นลายลักษณ์อักษร (๒) Herald’s Stone ปี 965 บอกว่าศาสนาคริสต์เข้ามาในประเทศในยุคนั้น มีป้ายบอกว่ากษัตริย์ไวกิ้งท่านต่อๆ มาไปครองหลายประเทศ รวมทั้งอังกฤษ

เรากินอาหารเย็นที่ศูนย์ชุมชน Jelling นั่นเอง รอช้าหน่อย แต่บรรยากาศดีมาก เขามีเครื่องกลั่นเบียร์เอง อาหารก็อร่อยมาก

นอนค้างที่ B&B กลางทุ่งที่เมือง Billund

วิจารณ์ พานิช

๑๕ ส.ค. ๖๗ ปรับปรุง ๓ ก.ย. ๖๗