ทุทททชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๑๐. ทุทททชาดก (จากพระไตรปิฎก ลำดับเรื่องที่ ๑๘๐)
ว่าด้วยสัตบุรุษให้ทานที่ให้ได้ยาก
(ฤๅษีโพธิสัตว์กล่าวสรรเสริญทานที่ทายกถวายด้วยจิตเลื่อมใสมีผลมากแล้ว จึงอนุโมทนาว่า)
[๕๙] อสัตบุรุษทั้งหลายเมื่อจะให้ทานชื่อว่าให้ได้ยาก เมื่อจะกระทำกรรมก็ชื่อว่าทำได้ยาก ธรรมของสัตบุรุษทั้งหลายพวกอสัตบุรุษรู้ได้ยาก และพวกอสัตบุรุษก็ทำตามได้ยาก
[๖๐] เพราะฉะนั้น สัตบุรุษและอสัตบุรุษ จึงมีคติที่ไปจากโลกนี้ต่างกัน คือ พวกอสัตบุรุษย่อมไปสู่นรก พวกสัตบุรุษย่อมไปสู่สวรรค์
ทุทททชาดกที่ ๑๐ จบ
กัลยาณวรรคที่ ๓ จบ
-----------------------------
คำอธิบายเพิ่มเติมนำมาจากบางส่วนของอรรถกถา
ทุทททชาดก
ว่าด้วย คติของคนดีคนชั่ว
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภการถวายทานเป็นคณะ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ได้ยินว่า ในกรุงสาวัตถี บุตรกุฎุมพีสองสหาย ร่วมกันจัดแจงทานมีเครื่องบริขารครบ นิมนต์ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ถวายมหาทานตลอด ๗ วัน ในวันที่ ๗ ได้ถวายบริขารทุกชนิด. ในคนเหล่านั้น คนที่เป็นหัวหน้าคณะ ถวายบังคมพระศาสดา นั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่ง แล้วมอบถวายทานว่า ข้าแต่พระองค์ ในการถวายทานนี้มีทั้งผู้ถวายน้อย ขอการถวายนี้จงมีผลมากแก่ชนเหล่านั้นทั่วกันเถิด พระเจ้าข้า.
พระศาสดาตรัสว่า อุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย พวกท่านถวายทานแก่ภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข แล้วมอบให้อย่างนี้ เป็นการทำที่ยิ่งใหญ่แล้ว แม้โบราณกบัณฑิตทั้งหลาย ก็ถวายทานมอบให้อย่างนี้เหมือนกัน
เมื่อเขาทูลอาราธนา จึงทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ ณ กรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์อุบัติในตระกูลพราหมณ์ แคว้นกาสี ครั้นเจริญวัยได้เรียนศิลปะทุกอย่าง สำเร็จแล้ว ละฆราวาส บวชเป็นฤๅษี เป็นครูประจำคณะอยู่ในหิมวันตประเทศเป็นเวลานาน เที่ยวจาริกไปยังชนบท เพื่อเสพของเค็มและของเปรี้ยว ได้ไปถึงกรุงพาราณสี พักอยู่ ณ พระราชอุทยาน รุ่งขึ้นจึงออกบิณฑบาตพร้อมด้วยบริษัทตามประตูบ้าน พวกมนุษย์พากันถวายภิกษา.
วันรุ่งขึ้นออกบิณฑบาต ณ กรุงพาราณสี พวกมนุษย์พากันรักใคร่ ครั้นถวายภิกษาแล้วจึงร่วมใจกันเป็นคณะเตรียมทาน ถวายมหาทานแก่คณะฤๅษี เมื่อเสร็จการถวาย ผู้เป็นหัวหน้าคณะกล่าวอย่างนี้แล้วถวายทานโดยทำนองนี้.
พระโพธิสัตว์กล่าวว่า พวกท่านทั้งหลาย เมื่อมีจิตเลื่อมใส ทานชื่อว่าเล็กน้อยไม่มี เมื่อจะทำอนุโมทนา ได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า :-
เมื่อสัตบุรุษทั้งหลายให้สิ่งที่ให้ยาก ทำกรรมที่ทำได้ยาก อสัตบุรุษทั้งหลายย่อมทำตามไม่ได้ ธรรมของสัตบุรุษรู้ได้ยาก.
เพราะเหตุนั้น คติจากโลกนี้ของสัตบุรุษ และอสัตบุรุษจึงต่างกัน อสัตบุรุษย่อมไปสู่นรก สัตบุรุษย่อมมีสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า.
พระโพธิสัตว์ ครั้นกระทำอนุโมทนาอย่างนี้แล้ว พักอยู่ ณ ที่นั้นตลอดฤดูฝน เมื่อพ้นฤดูฝนก็ไปป่าหิมพานต์ ยังฌานให้เกิด ไม่เสื่อมฌาน ก็ได้เข้าถึงพรหมโลก.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดก.
หมู่ฤๅษีในครั้งนั้น ได้เป็นพุทธบริษัทในครั้งนี้
ส่วนครูประจำคณะ คือ เราตถาคต นี้แล.
จบอรรถกถาทุทททชาดกที่ ๑๐.
จบ กัลยาณธรรมวรรคที่ ๓.
-----------------------------------------------------
ไม่มีความเห็น