เมื่อสุนัขจิ้งจอกมาเลียมือคุณ”


เมื่อสุนัขจิ้งจอกมาเลียมือคุณ”

..........”ขจรศักดิ์”

มีคนส่งต่อๆ กันมา เห็นว่าสอนใจดี   ในลักษณะ experiential learning และ transformative learning  จึงนำมาเล่าต่อ

 

ลูกชายของเพื่อนเรียนจบมหาวิทยาลัยมาครึ่งค่อนปีแล้ว ไม่ยอมหางานทำ ขลุกอยู่แต่ในบ้าน กลางวันนอน กลางคืนท่องเน็ต เร็วๆนี้แบมือขอเงินพ่อเขา อยากไปอเมริกากึ่งเรียนกึ่งทำงาน เพื่อนเลยมาขอคำปรึกษาผม ควรจะสนับสนุนให้ลูกไปหรือเปล่า

 

ผมมองดูเพื่อนซึ่งบัดนี้มีผมหงอกเต็มหัว "ถ้าต้องการให้ลูกแกร่ง ก็ปล่อยเขาไป แต่ไม่ต้องไปสนับสนุนเรื่องเงินทองให้เขา"

 

ผมหวนคิดถึงเรื่องราวของน้องเขยผม เขาเป็นคนอเมริกัน ตั้งใจอยากจะออกไปท่องโลกก่อนที่จะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย โดยจะทำงานเพื่อเก็บเงินสักปีสองปี เมื่อได้เงินเพียงพอแล้วก็ออกเที่ยวรอบโลก แล้วค่อยกลับมาเริ่มเรียนภาคอุดมศึกษาให้จบ พ่อเขาเป็นหมอ ฐานะที่บ้านถือว่าดี แต่พ่อแม่เขาก็ไม่ได้ให้เงินเขาเพื่อเป็นการสนับสนุน ตัวเขาเองก็ไม่เคยเอ่ยปากขอเงินทางบ้าน พอเรียนจบมัธยมปลาย ก็ตรงไปทำงานตัดไม้ในโรงงานไม้แปรรูปที่อลาสก้า

 

เขาตั้งใจทำงานอย่างหนัก แค่ปีเดียวก็สามารถเก็บเงินไปเที่ยวรอบโลกได้แล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมสองปีในการท่องเที่ยวตามความใฝ่ฝัน ก็กลับมาเรียนต่อ อาจจะเพราะมีเวลาได้ตรึกตรองและสัมผัสอย่างรอบคอบมาแล้ว จึงรู้ว่าตนชื่นชอบคณะอะไร ใช้เวลาแค่สามปีก็เรียนจบ พอออกไปทำงาน รู้สึกเหมือนทุกอย่างราบรื่นไปหมด ในที่สุดก็ได้เลื่อนขึ้นไปเป็นหัวหน้าฝ่ายวิศวกรคุมงาน

 

น้องเขยเล่าเรื่องราวของเขาให้ผมฟังอยู่เรื่องหนึ่ง เขายอมรับว่าด้วยเหตุการณ์ในครั้งนั้น มันมีอิทธิพลต่อการวางตัวของเขาไปตลอดชั่วชีวิตเลยทีเดียว

ตอนทำงานที่อลาสก้า มีอยู่วันหนึ่งเขาต้องขึ้นไปทำงานบนภูเขาพร้อมกับเพื่อนอีกคน ระหว่างนั้นพวกเขาได้ยินเสียงร้องโหยหวนของสุนัขจิ้งจอก หลังจากค้นหาไปตามต้นเสียง ก็พบสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งถูกหนีบจับไว้ที่เครื่องดักจับสัตว์ 

 

เขารู้ว่าเครื่องดักจับสัตว์เครื่องนั้นเป็นของคนงานแก่ๆอีกคนในบริษัท เขามักจับสัตว์เป็นอาชีพเสริม โดยนำเอาหนังสัตว์พวกนั้นไปขายเป็นเงินมาจุนเจือครอบครัว แต่ตอนนั้นเขาถูกส่งไปโรงพยาบาลพอดี เพราะโรคหัวใจกำเริบกะทันหัน

 

สุนัขจิ้งจอกตัวนั้นต้องอดตายแน่ถ้าไม่ช่วยมันออกมา เขาพยายามจะเข้าไปช่วย แต่ด้วยแววตาที่ดุดัน ส่งเสียงคำรามขู่อยู่ในคอ มันดุร้ายเกินกว่าที่จะเข้าใกล้มันได้ เขาสังเกตเห็นว่ามีคราบน้ำนมไหลเป็นทางออกจากหัวนมของมัน นั่นแสดงว่าในละแวกใกล้เคียงต้องมีลูกของมันอาศัยอยู่

สุดท้ายพวกเขาก็พบรังของมันอยู่ในบริเวณถ้ำที่อยู่ละแวกนั้น พวกเขารีบลำเลียงลูกๆสุนัขจิ้งจอกทั้งสี่ตัวไปกินนมแม่ แล้วพวกเขาก็แบ่งเอาอาหารของตนไปให้สุนัขจิ้งจอกตัวแม่กิน เพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดไปก่อน

 

ตกกลางคืน พวกเขาต้องมากางเต้นท์นอนบริเวณนั้น เพื่อเป็นการปกป้องพวกมันจากสัตว์ร้ายชนิดอื่น

 

จนกระทั่งเข้าสู่วันที่ห้า ตอนเขาเข้าไปป้อนอาหาร เขาสังเกตว่าสุนัขจิ้งจอกเริ่มกระดิกหาง เขารู้ว่าเขากำลังได้รับความไว้วางใจจากมัน ต่อจากนั้นอีกสามวัน สุนัขจิ้งจอกจึงยอมให้เขาเข้าใกล้เพื่อจะไปงัดเอาที่หนีบให้เปิดอ้าออก ช่วยมันหลุดออกมาจนได้ หลังจากได้รับอิสรภาพ สุนัขจิ้งจอกเลียมือน้องเขยผม ยอมให้เขาใส่ยาที่แผลให้ แล้วจึงนำพาลูกสุนัขจิ้งจอกน้อยๆทั้งสี่ตัวเดินจากไป ระหว่างที่เดินจากไป มันหันกลับมามองน้องเขยผมด้วยแววตาที่อ่อนโยน พร้อมชูคอขึ้นส่งเสียงร้องยาวๆเบาๆ เหมือนเป็นการแสดงความขอบคุณและกล่าวอำลา น้องเขยผมบอกว่า มันเป็นภาพที่น่าประทับใจที่สุดที่ถูกตราตรึงอยู่ในใจเขามาตลอดจนทุกวันนี้ 

 

เขานั่งคิดตรึกตรองอยู่บนโขดหินคนเดียว หากมนุษย์สามารถทำให้สัตว์ที่ดุร้ายมาเลียมือเราเพื่อแสดงความเป็นมิตร แล้วทำไมเราจะไม่สามารถทำให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกันวางอาวุธลง แล้วหันหน้ามาเป็นมิตรกัน เขาตั้งใจไว้ว่า จากนี้ไปเขาจะพยายามแสดงความจริงใจต่อคนอื่นก่อนเมื่อมีโอกาส เพราะสังเกตได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้ การแสดงความจริงใจออกไปก่อน จึงได้รับความจริงใจตอบกลับมา เขาคิดของเขาเล่นๆว่า หากผลตอบรับไม่ได้ออกมาตามคาด นั่นแสดงว่าคนคนนั้นยังแย่ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก

 

หลังจากวันนั้น การวางตัวของเขาเปลี่ยนไป เขามักแสดงความจริงใจต่อทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ด้วยการสมมุติว่าทุกๆคนเป็นคนดี แล้วค่อยศึกษาพฤติกรรมเป็นรายบุคคลไป คงเป็นเพราะเขาชอบช่วยเหลือคนอื่นด้วยความจริงใจ ไม่จุกจิกหยุมหยิม จึงเป็นที่รักใคร่ของผู้คนส่วนใหญ่ที่ได้รู้จักเขา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือคนรอบข้าง 

 

ที่สำคัญที่สุดคือ เขารู้ซึ้งว่าชีวิตเขามีความความสุขมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาบอกว่า คนที่สามารถช่วยเหลือคนอื่น จะมีความสุขมากกว่าคนที่ได้รับการช่วยเหลือเสียอีก น้องเขยบอกผมว่า เขารู้สึกขอบคุณประสบการณ์ครั้งสำคัญครั้งนั้นในชีวิต มันเป็นบทเรียนที่ล้ำค่าที่เขาสามารถนำไปใช้ได้ทั้งชีวิต แน่นอนที่สุด ลูกพลับบนต้นต้องผ่านการชะล้างของหิมะจึงจะเพิ่มทวีรสหวานของมัน คนก็ต้องผ่านการฝึกฝน ผ่านการทดสอบจึงจะประสบความสำเร็จได้ และจะทำให้เรารู้ซึ้งว่าชีวิตนี้เราควรจะหวงแหนอะไรเป็นที่สุด

 

เพราะฉะนั้น หากคนเรายังไม่รู้ว่าตัวเราเองต้องการอะไร ก็สมควรที่จะออกไปฝึกฝนหาประสบการณ์เพื่อคลำหาเป้าหมายชีวิตให้เจอ หัดยืนหยัดอยู่บนแข้งขาของตัวเอง ที่สำคัญอีกอย่างก็คือ คนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องทำใจให้ได้ ต้องรู้ว่า

"วิธีการที่จะปกป้องลูกที่ดีที่สุด 

คือการไม่ไปปกป้องลูก" 

 

ให้โอกาสเขาไปพิสูจน์ตัวเอง ค้นหาตัวเขาเองให้เจอ เชื่อแน่ว่าพวกเขาจะได้ประสบการณ์ที่ล้ำค่า อันจะสามารถนำไปใช้อย่างทรงคุณค่าตลอดชีวิตไม่มีวันสิ้นสุด 

 

ห้องสมุดฟลิ้นท์

"ขจรศักดิ์"

 

แปลและเรียบเรียง

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 717748เขียนเมื่อ 26 มีนาคม 2024 19:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม 2024 19:18 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท