สันถวชาดก


ความสนิทสนมกับสัตบุรุษเป็นความประเสริฐ

สันถวชาดก

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]

ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑

๒. สันถวชาดก (จากพระไตรปิฎก ลำดับเรื่องที่ ๑๖๒)

ว่าด้วยการสนิทสนม

             (พราหมณ์โพธิสัตว์ตกใจกลัวที่บรรณศาลาถูกไฟไหม้กล่าวว่า)

             [๒๓] สิ่งอื่นที่จะชั่วช้าไปกว่าความสนิทสนมกับคนชั่วไม่มี เพราะไฟนี้อันเราให้อิ่มหนำด้วยเนยใสและข้าวปายาสแล้ว ก็ยังเผาบรรณศาลาที่เรากระทำได้แสนยาก

             (พระโพธิสัตว์ดำริว่าความสนิทสนมกับสัตบุรุษเป็นสิ่งประเสริฐ จึงกล่าวว่า)

             [๒๔] สิ่งอื่นที่จะประเสริฐไปกว่าความสนิทสนมกับสัตบุรุษไม่มี แม่เนื้อสามายังเลียปากราชสีห์ เสือโคร่ง และเสือเหลืองได้เพราะความสนิทสนม

สันถวชาดกที่ ๒ จบ

--------------------------

คำอธิบายเพิ่มเติมนำมาจากบางส่วนของอรรถกถา 

สันถวชาดก

ว่าด้วย ความสนิทสนม

               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภการบูชาไฟ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
               เรื่องราวเหมือนกับที่กล่าวไว้แล้วใน นังคุฏฐชาดก นั้นแล.
               ภิกษุทั้งหลายเห็นชฏิลเหล่านั้นบูชาไฟ จึงทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ชฏิลทั้งหลายประพฤติตบะผิดมีประการต่างๆ ความเจริญในการนี้มีอยู่หรือหนอ. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไม่มีความเจริญไรๆ ในการนี้เลย แม้โบราณบัณฑิตก็สำคัญว่ามีความเจริญ เพราะการบูชาไฟ จึงบูชาไฟเป็นเวลานาน ครั้นเห็นไม่มีความเจริญในกรรมนั้น จึงเอาน้ำดับไฟ เอากิ่งไม้เป็นต้นฟาด มิได้กลับมาดูอีกต่อไป แล้วทรงนำเรื่องในอดีตมาตรัสเล่า.
               ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในเมืองพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ มารดาบิดาเก็บไฟวันเกิดของพระโพธิสัตว์ไว้แล้ว กล่าวกะพระโพธิสัตว์ เมื่อมีอายุได้ ๑๖ ปีว่า ลูกรัก ลูกจะรับเอาไฟวันเกิดไปบำเรอไฟในป่า หรือจักเรียนไตรเพท เพราะปกครองสมบัติอยู่เป็นฆราวาส. พระโพธิสัตว์ตอบว่า ลูกไม่ต้องการอยู่เป็นฆราวาส ลูกจักบำเรอไฟในป่า มุ่งหน้าต่อพรหมโลก แล้วจึงรับเอาไฟวันเกิด ไหว้มารดาบิดา เข้าไปในป่า อาศัยอยู่ในบรรณศาลา บำเรอไฟ.
               วันหนึ่ง พระโพธิสัตว์นั้นไปยังที่เชิญเลี้ยง ได้ข้าวปายาสกับสัปปิมา คิดว่า เราจักถวายข้าวปายาสนี้แก่มหาพรหม จึงนำข้าวปายาสนั้นมา ตั้งใจว่าเราจะบูชาไฟ ให้พระเพลิงผู้เป็นเจ้าดื่มข้าวปายาสผสมด้วยสัปปิก่อน แล้วสาดข้าวปายาสลงไปในไฟ. ข้าวปายาสมียางมากพอใส่เข้าไปในไฟ ไฟก็ลุกมีเปลวพุ่งขึ้นไหม้บรรณศาลา. พราหมณ์ทั้งกลัวทั้งตกใจ ก็หนีออกไปยืนอยู่ภายนอกบ่นว่า ไม่ควรทำความสนิทสนมกับคนชั่ว บัดนี้ บรรณศาลาของเราซึ่งทำแสนยากถูกไฟเผาเสียแล้ว.
               จึงกล่าวคาถาแรกว่า :-
               สิ่งอื่นที่จะชั่วช้ายิ่งขึ้นไปกว่าความสนิทสนมเป็นไม่มี ความสนิทสนมกับบุรุษเลวทรามเป็นความชั่วช้า เพราะไฟนี้เราให้อิ่มหนำแล้วด้วยสัปปิและข้าวปายาส ยังไหม้บรรณศาลาที่เราทำได้ยากให้พินาศ.
               ความว่า ไม่มีความสนิทสนมอื่นที่เลวทรามกว่า ความสนิทสนมสองอย่างนี้กับคนชั่วช้าเลวทราม.
               ถามว่า เพราะเหตุไร.
               ตอบว่า เพราะไฟที่เราเลี้ยงให้อิ่มหนำด้วยสัปปิและข้าวปายาส ได้เผาบรรณศาลาที่เราสร้างไว้โดยลำบาก.
               ครั้นพระโพธิสัตว์กล่าวอย่างนี้แล้ว ก็คิดว่าเราไม่ต้องการด้วยสิ่งที่ทำลายมิตร จึงเอาน้ำดับไฟนั้นเสียแล้ว เอากิ่งไม้ฟาด เข้าไปสู่ภายในป่าหิมพานต์ พบแม่เนื้อตัวหนึ่งชื่อสามา เลียปากราชสีห์ เสือโคร่ง และเสือเหลือง จึงดำริว่าไม่มีความประเสริฐอื่น นอกจากความสนิทสนมกับสัตบุรุษแล้ว
               จึงกล่าวคาถาที่สองว่า :-
               สิ่งอื่นที่จะประเสริฐยิ่งไปกว่าความสนิทสนมเป็นไม่มี ความสนิทสนมกับสัตบุรุษเป็นความประเสริฐ แม่สามามฤคีเลียปากราชสีห์ เสือโคร่ง และเสือเหลืองได้ ก็เพราะความรักใคร่สนิทสนมกัน.
               ครั้นพระโพธิสัตว์กล่าวอย่างนี้แล้ว จึงเข้าไปภายในป่าหิมพานต์ บรรพชาเป็นฤๅษี ยังอภิญญาและสมาบัติให้เกิด ครั้นสิ้นชีพก็เข้าถึงพรหมโลก.
               พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดก.
               เราได้เป็นดาบสในครั้งนั้น.

-------------------------



 

คำสำคัญ (Tags): #ดาบสโพธิสัตว์
หมายเลขบันทึก: 717645เขียนเมื่อ 20 มีนาคม 2024 04:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มีนาคม 2024 04:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท