หน้าแรก
สมาชิก
opgkm
สมุด
เวทีเรียนรู้ของที...
โครงการคลำคลำคลึง...
opgkm
กิติมาภรณ์ จิตราทร
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
โครงการคลำคลำคลึงคลึงเดือนละครั้งเพื่อหยุดยั้งมะเร็งเต้านม
เป้าหมาย: ดึงกลุ่มเป้าหมายซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงได้มีส่วนร่วมดูแลรักษาสุขภาพในการป้องกันโรคมะเร็งเต้านม โดยการรณรงค์เพื่อสร้างกระแส และให้ความรู้รวมทั้งฝึกทักษะในกลุ่มเป้าหมายให้มีความสามารถตรวจหามะเร็งเต้านมด้วยตนเอง ตลอดจนเข้ารับการตรวจมะเร็งปากมดลูกซึ่งถือเป็นโรคที่รณรงค์ควบคู่กับโรคมะเร็งเต้านมจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
โครงการคลำคลำคลึงคลึงเดือนละครั้งเพื่อหยุดยั้งมะเร็งเต้านม
1
.คำสำคัญ
:
การรณรงค์ การมีส่วนร่วม
จัดกระบวนการให้ความรู้
2
.จังหวัด
:
น่าน
3
.กลุ่มเป้าหมาย
:
กลุ่มหญิงวัยเจริญพันธุ์อายุ
15-60
ปี ในตำบลสวด และตำบลป่าคาหลวง
4
.เป้าหมาย
:
ดึงกลุ่มเป้าหมายซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงได้มีส่วนร่วมดูแลรักษาสุขภาพในการป้องกันโรคมะเร็งเต้านม โดยการรณรงค์เพื่อสร้างกระแส และให้ความรู้รวมทั้งฝึกทักษะในกลุ่มเป้าหมายให้มีความสามารถตรวจหามะเร็งเต้านมด้วยตนเอง ตลอดจนเข้ารับการตรวจมะเร็งปากมดลูกซึ่งถือเป็นโรคที่รณรงค์ควบคู่กับโรคมะเร็งเต้านมจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละ
1
ครั้ง
5
.สาระสำคัญของโครงการ
:
ประมาณ ปี พ.ศ.2545 รัฐบาลประกาศนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินงานทางด้านสาธารณสุขในการคัดกรองตรวจหามะเร็งปากมดลูก และมะเร็งเต้านมให้กับประชาชนทั่วประเทศ โดยให้บรรจุอยู่ในแผนงานประจำปีของหน่วยงานทางด้านสาธารณสุขที่จะต้องดูแลประชาชนในพื้นที่เขตรับผิดชอบ
เมื่อโรงพยาบาลบ้านหลวงดำเนินแผนงานตามนโยบายไปได้ในระยะแรกพบว่า ทุกครั้งที่ร.พ.บ้านหลวง กำหนดวันเพื่อให้บริการตรวจแก่ประชาชนในเขตพื้นที่มีประชาชนให้ความสนใจเข้ามารับบริการน้อยมาก สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งเกิดจากความอาย ขณะเดียวกันก็พบสถิติที่น่าสนใจของร.พ.บ้านหลวง จากการตรวจแปบเสมียร์ และการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม ช่วงปี พ.ศ.
2545-2546
ในกลุ่มหญิงวัยเจริญพันธุ์คู่ จำนวน
1
,
180
คน ที่อาศัยอยู่ใน
2
ตำบล คือ ตำบลสวด และตำบลป่าคาหลวง พบว่า มีหญิงวัยเจริญพันธุ์คู่มารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมเพียง 270 คน คิดเป็นร้อยละ 23 ของประชากรหญิงวัยเจริญพันธุ์ และในจำนวนนี้พบด้วยว่า เป็นโรคมะเร็งเต้านม 5 คน ผ่าตัดมดลูก
1
คน และพบปัญหาอักเสบเป็นจำนวนถึง
62
คน
6
.เครื่องมือที่ใช้
:
จัดกิจกรรม
2
ส่วนหลักๆ คือ
(1
.
1)
จัดกระบวนการให้ความรู้โดยการจัดอบรมให้กับแกนนำแม่บ้าน อาสาสมัครสาธารณสุข และหญิงวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายได้มีทักษะในการคัดกรองเต้านม (และมะเร็งปากมดลูก) และเพื่อเป็นตัวแทนของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการส่งเสริมป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านม (และมะเร็งปากมดลูก) (
1
.
2)
การรณรงค์สร้างกระแสโดยการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องในช่วง
2
เดือนแรกของการดำเนินโครงการ ผ่านหอกระจายข่าวของหมู่บ้าน วิทยุชุมชน การจัดงานของดีบ้านหลวง และการติดป้ายผ้าประชาสัมพันธ์ตามสถานที่สำคัญๆ เช่น ศูนย์สาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และตามสถานที่ราชการต่างๆ
แต่ละกิจกรรมสามารถกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามามีส่วนร่วมในการเพิ่มเติมทักษะในการคัดกรองเต้านมได้เป็นจำนวนมาก รวมทั้งได้รับการฝึกฝนเพื่อเป็นตัวแทนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการให้ความรู้ในการคัดกรองเต้านมในกลุ่มเป้าหมายด้วยกัน อีกทั้งเพื่อสร้างเครือข่ายกลุ่มแกนนำเดิม และเกิดเครือข่ายใหม่เพิ่มขึ้นอีก
7
.การจัดระบบ โครงสร้าง กระบวนการทำงาน
:
เป็นโครงการฯ ที่คิดและนำเสนอต่อสสส.โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข กลุ่มงานเวชปฏิบัติและชุมชน ร.พ.บ้านหลวง รวมทั้งให้คำแนะนำแก่กลุ่มแม่บ้านตำบลสวด และตำบลป่าคาหลวงตั้งแต่การเขียนโครงการฯ การจัดทำเอกสาร การสรุปโครงการฯ
และการให้ความรู้ ขณะที่กลุ่มแม่บ้านทั้ง
2
หมู่บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาสาสมัครหมู่บ้านจะลงมือปฏิบัติเพื่อให้โครงการไปสู่เป้าหมาย ตั้งแต่การลงพื้นที่เพื่อเผยแพร่โครงการฯ และเชิญชวนกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรม และการบริหารจัดการด้านงบประมาณที่ได้รับจากสสส.
8
.ขอบเขตและระยะเวลาดำเนินโครงการ
:
ดำเนินการกับกลุ่มแม่บ้านซึ่งเป็นหญิงวัยเจริญพันธุ์ ครอบคลุม
13
หมู่บ้าน ใน
2
ตำบล คือ กลุ่มแม่บ้านตำบลสวด และกลุ่มแม่บ้านตำบลป่าคาหลวง ระยะเวลาดำเนินการระหว่างเดือนมกราคม
–
มิถุนายน
2548
9
.การประเมินผลและผลกระทบ
:
ไม่มีการประเมินผลตามหลังเสร็จสิ้นโครงการฯ แต่มองเห็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างกัน คือ มีการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันระหว่างเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกับชาวบ้านมากขึ้น โดยทุกครั้งที่ร.พ.หรือสถานีอนามัยจัดกิจกรรมรณรงค์ตรวจเต้านม มักได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านเป็นอย่างดี โดยมีแกนนำหมู่บ้านคอยเป็นลูกมือช่วยเหลืองาน
ไม่ว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะไหว้วานให้ช่วยเหลืออะไรก็มักจะได้รับการเอื้อเฟื้อจากชาวบ้าน และแกนนำชาวบ้านเป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังพบกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของตัวแทนชาวบ้านซึ่งทำหน้าที่เป็นวิทยากรให้คำแนะนำในการตรวจมะเร็งเต้านม ตัวแทนเหล่านี้มีความกล้าที่จะทำหน้าที่ให้คำแนะนำกับชาวบ้านแทนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้มากขึ้น ส่วนชาวบ้านจากเดิมที่ขาดความไว้วางใจในตัวแทนของตน กลับให้ความไว้วางใจมากขึ้น
10
.ความยั่งยืน
:
ความยั่งยืนของโครงการจะบรรลุผลสำเร็จมากขึ้น จำเป็นต้องขยายพื้นที่ไปสู่ตำบลอื่นๆ เนื่องจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมองเห็นข้อเปรียบเทียบระหว่างชาวบ้านที่เข้าร่วมโครงการฯ กับชาวบ้านที่ไม่เข้าร่วมโครงการในวันที่ร.พ.เปิดบริการตรวจหามะเร็งเต้านมจะพบว่า ชาวบ้านที่เข้าร่วมโครงการใน
2
ตำบล มีความคล่องตัวในการตรวจมะเร็งเต้านมมากกว่า ประกอบกับการจะให้ชาวบ้านในพื้นที่อื่นๆ ได้รับความรู้และทักษะต่างๆ จำเป็นต้องจัดทำกระบวนการเหมือนกับที่ทำกับ
2
ตำบลแรก
11
.จุดแข็งและอุปสรรค
:
ชาวบ้านมองเห็นความสำคัญของการป้องกันโรคมะเร็งเต้านม ซึ่งวัดได้จากตัวเลขของชาวบ้านที่เข้าร่วมกิจกรรม ในเวทีให้ความรู้มะเร็งเต้านมซึ่งจัดขึ้นตามหมู่บ้านต่างๆ รวม
13
หมู่บ้าน จำนวนประชากรกลุ่มเป้าหมาย (หญิงเจริญพันธุ์)มีทั้งหมด
1
,
144
คน มีชาวบ้านมาร่วมรับฟังทั้งสิ้น
985
คน รวมทั้งในวันนัดตรวจของหมู่บ้านต่างๆ มีผู้มารับการตรวจมะเร็งเต้านมทั้งหมด
650
คน โดยมีเจ้าหน้าที่เวชปฏิบัติฯ ของร.พ.บ้านหลวง เปิดโอกาสให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมดำเนินโครงการฯ กันเอง รวมทั้งการเลือกวันและเวลาตรวจที่สอดคล้องกับความสะดวกของชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านมีเวลามาตรวจรับบริการ คือช่วงค่ำหลังเสร็จจากงานในไร่นา
ขณะเดียวแกนนำชาวบ้านซึ่งทำหน้าที่ในการลงพื้นที่เผยแพร่โครงการฯ และเชิญชวนชาวบ้านเข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครหมู่บ้าน ยังถือเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญที่ต้องใช้ความพยายามและความอดทนเป็นอย่างมากในการทำความเข้าใจกับชาวบ้าน และเชิญชวนชาวบ้านเข้าร่วมโครงการฯ
สำหรับอุปสรรคที่พบคือ แกนนำชาวบ้านซึ่งทำหน้าที่เป็นวิทยากรแทนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้รับความรู้จากการอบรมในด้านทักษะน้อยเกินไปทำให้ชาวบ้านขาดความศรัทธาในตัววิทยากร เนื่องจากหลักสูตรในการอบรมใช้ระยะเวลาเพียง
3
วัน ขณะที่อุปกรณ์ช่วยสอนมีเพียงวีดีโอ ซึ่งกรณีดังกล่าวจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการจัดซื้อสื่อการสอน ขณะที่งบสสส.ไม่อนุมัติสำหรับการจัดซื้ออุปกรณ์ นอกจากนี้ประชาชนยังขาดความตระหนักในการดูแลสุขภาพของตนเองอย่างสม่ำเสมอ จำเป็นต้องได้รับการกระตุ้นจากกลุ่มแกนนำอยู่ตลอดเวลา
12
.ที่ติดต่อ
:
กลุ่มแม่บ้านตำบลป่าคาหลวง/กลุ่มแม่บ้านตำบลสวด อ.บ้านหลวง จ.น่าน
เขียนใน
GotoKnow
โดย
opgkm
ใน
เวทีเรียนรู้ของทีมOpg KM
คำสำคัญ (Tags):
#จัดกระบวนการให้ความรู้
#การมีส่วนร่วม
#การรณรงค์
หมายเลขบันทึก: 71606
เขียนเมื่อ 9 มกราคม 2007 11:43 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม 2012 13:05 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (1)
น้องแมว
เขียนเมื่อ 17 ตุลาคม 2008 16:01 น. (
)
อยากทราบว่าการถอดเสื้อชั้นในนอนเวลากลางคืนนั้นจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเต้านมหรือไม่
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
opgkm
สมุด
เวทีเรียนรู้ของที...
โครงการคลำคลำคลึง...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท