ความแข็งแกร่งของรัฐ กับนโยบายความเป็นกลาง
งาน Defense & Security 2023 ปีนี้มีขึ้นระหว่างวันที่ 6-9 พฤศจิกายน ที่อิมแพค เมืองทองธานี สำหรับงาน Defense & Security นี้เป็นงานที่แสดงเกี่ยวกับอาวุธสงคราม และอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ ซึ่งเขามีจัดขึ้นในประเทศไทยเป็นประจำทุกปี ซึ่งเป็นงานระดับสากล มีบริษัทผลิตอาวุธสงครามจากหลายประเทศเข้าร่วมแสดง (พร้อมเสนอเงื่อนไขดีๆ) เท่าที่ผมเดินเห็นก็มีจาก สาธารณรัฐเช็ค เยอรมัน อังกฤษ อินเดีย อินโดนิเชีย มาเลเชีย จีน สำหรับประเทศจีน ปีนี้มาหลายบริษัทเป็นพิเศษ เท่าที่ผมนับดูก็น่าจะ 5 หรือ 6 บริษัท คาดว่า จีนจะเข้ามาเป็นผู้เล่นรายใหญ่ รายใหม่ในตลาดอุตสาหกรรมนี้ เพื่อแชร์ส่วนแบ่งจากตะวันตกและอเมริกา แต่ยังไงก็ต้องยอมรับว่า แม้เทคโนโลยีจีนจะทันสมัยแต่ยังห่างชั้นกับอเมริกาอย่างมากครับ นอกนั้นก็มี ประเทศไทยนำเสนอจรวดนำวิถีระยะ 150-300 กม. และการพัฒนาโดรนช่วยรบสมัยใหม่ ส่วนเกาหลีใต้ก็มาเสนอเครื่องบินขับไล่ และยังมีบริษัทแอร์บัสจากฝรั่งเศส ประเทศที่เหลือจำไม่ค่อยได้ครับเพราะสนใจแต่สินค้า อ๋อ!!..ที่ขาดไม่ได้คือ ล็อกฮีดมาร์ติน จากสหรัฐอเมริกา ผมคิดอยากจะเข้าไม่ถามว่า ทำไมไม่ขาย F35 ให้เรามีปัญหาอะไร.....ก็กลัวจะไม่ได้คำตอบ หรือเอาที่จริงมันไม่ใช่หน้าที่เรา อย่ากะนั้นเลยยิ้มๆให้ แล้วก็เดินผ่านดีกว่า..
งานแสดงสินค้าประเทภนี้ จะจำกัดผู้เข้าร่วมชมในประเทศค่อนข้างมาก เกือบทั้งหมดเป็นคนในเครื่องแบบ รวมทั้งที่มาจากต่างชาติก็จะเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของรัฐนั้นๆ ...สำหรับผมมีโอกาสมาเดินเล่นดูงานเป็นปีที่ 3 แล้ว แต่ละครั้งที่มาก็จะได้เห็นความก้าวหน้าของการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ของแต่ละประเทศที่เข้ามาแสดง เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับการพัฒนา การวิจัยค้นคว้าของประเทศไทยแล้ว ผมถือว่าเรายังพัฒนาได้ช้า ในความเป็นจริงของอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ มีความสำคัญอย่างมาก เพราะนั้นหมานถึงศักยภาพในการป้องกันตนเอง การลดทอนอิทธิพลจากมหาอำนาจโดยเฉพาะการพึ่งพาภายนอก การสร้างสมดุลทางทหารในภูมิภาค และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศยังช่วยพัฒนาเศรษฐกิจประเทศด้วยเพราะรายได้จากการส่งออกที่มีมูลค่ามหาศาล เมื่อมนุษย์ทำสงครามระหว่างกัน ตั้งแต่ 2 พันปีก่อนคริสตกาล จนมาถึงปัจจุบันและยังจะมีต่อไปไม่สิ้นสุด นี้คือสัจธรรมของมนุษย์ หากเราไม่มองโลกสวยเกินความจริง และคัดค้านการสร้างอำนาจทางทหารเราจะเข้าใจ
ในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ การบริหารความเป็นกลางของรัฐใดรัฐหนึ่ง ภายใต้เงื่อนไขความขัดแย้งทั้งในภูมิภาค และนอกภูมิภาค รัฐจำเป็นต้องมีอำนาจทางการรบ และประสิทธิภาพในการทำสงคราม กองทัพจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญ เพราะอำนาจกองทัพที่แข็งแก่รง (แต่ไม่จำเป็นที่ต้องแข็งแก่รงที่สุด) จะทำให้เป็นผู้มีอำนาจการเจรจามากกว่าในขัดแย้ง.... อำนาจที่แข็งแก่รงจะทำให้เกิดความชอบธรรม.... ดังนั้นหากรัฐไทยต้องการรักษาความเป็นกลางท่ามกลางความขัดแย้งใดๆ จำเป็นต้องมีกองทัพที่แข็งแก่รงและมีประสิทธิภาพในการทำสงคราม... ใน 20 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย มีการพัฒนาหลายอย่างและต่อเนื่อง แต่หากเมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศในภูมิภาค ยังถือได้ว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของเรา อยู่ในระดับช้ามาก
หากรัฐไทยต้องการพัฒนากองทัพพัฒนากำลังรบ ให้ทันสมัยมีขีดความสามารถ และรักษาความเป็นกลางของประเทศตามนโยบายได้อย่างสมดุล รัฐไทยจำเป็นต้องมีความชัดเจน ในนโยบายที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ โดยเฉพาะส่งเสริมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศสมัยใหม่ หากเราเข้าใจความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และสงครามที่เกิดขึ้น เช่น สงครามรัสเซียยูเครน หรือ อิสราเอลกับกลุ่มฮามัส จะเห็นว่ารูปแบบยุทธวิธีของสงคราม แตกต่างและพัฒนาออกไปอย่างมาก
หากวันนี้ประเทศไทยมีภัยคุกคามจากภายนอก เราจะมีศักยภาพในการป้องกันตัวเองได้ขนาดไหน นี่คือคำตอบว่า รัฐไทยจำเป็นต้องมีนโยบายที่ชัดเจนต่อการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ไม่ปล่อยให้ภาคเอกชน หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่พัฒนา ทำกันไปแบบตามมีตามเกิด... เช่นนั้นแล้วอย่างคิดเลยครับเรื่อง ..ความเป็นกลาง..
ภาสกร อรรถสิษฐ
#ทหารมีไว้ทำไม #ความมั่นคงแห่งรัฐ #อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
ไม่มีความเห็น