สัปเหร่อ
วันนี้มีความรู้สึกถึงความทันยุคทันสมัยอยู่บ้างพอสมควร ใช้โอกาสในยามว่างเพื่อเข้าไปอยู่ในกระแสของความนิยมชมชอบหนังไทย ผมเต็มใจที่จะหลุดเข้าไปในโลกของความบันเทิงอย่างมีสาระ
แค่ชื่อหนังก็ชวนติดตามแล้ว จากคำบอกเล่าของหลายๆคน ที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ใช่หนังผี ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ แต่มันก็ไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้ผมอยากไปดู
ปกติผมก็ไม่ได้เป็นคนกลัวผีมากมายนัก แต่ก็ไม่เคยลองของหรือท้าทายแต่ประการใด
ความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องผี มีอยู่ในจินตนาการเพียงเล็กน้อย ตอนนั้นยังเป็นนักเรียนชั้นป. ๖ - ๗ จำได้ติดตา เกี่ยวกับเมรุเผาศพที่อยู่คู่ป่าช้า ผมนั่งมองทุกวัน วันละหลายรอบ ทำให้ผมวาดภาพว่าเห็นผีอยู่เนืองๆ
ผมเรียนอยู่ชั้นที่ ๒ ของอาคารเรียน มองจากหน้าต่างก็จะเห็นเมรุเผาศพของวัดท่าเกวียน ได้ชัดถนัดตายิ่งนัก ไม่ใช่เมรุชั่วคราว เพราะผมเห็นเขาเผาปีละหลายๆศพ
ตัวเมรุก่อด้วยปูนฉาบแบบหยาบๆ ทำเป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่คล้ายเตาเผาถ่าน ทำปล่องควันขึ้นไป สูงราวๆ ๓ เมตร เวลาเผาศพทั้งกลิ่นและควันจะฟุ้งกระจายไปทั่วสารทิศ
ป่าช้าที่รกทึบ มีต้นไม้ใหญ่ๆขึ้นเรียงราย เข้ากันได้ดีกับเมรุเผาศพ มองดูครั้งใดให้รู้สึกเย็นเฉียบเงียบและวังเวงในหัวใจ ผมจึงอดที่ชำเลืองแลไม่ได้เลย แล้วจินตนาการก็พรั่งพรูออกมาว่าเห็นโน่น นี่ นั่น
สิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าผมไม่ใช่คนกลัวผีก็คือ การเดินทางไกล ๒ - ๓ กม.ไปดูหนังกลางแปลงที่วัด โดยเฉพาะงานศพของเจ้าภาพฐานะดีก็มักจะมีหนังหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นก็มักจะเป็นหนังผี
ตอนขาไปก็ดูเหมือนจะกระชุ่มกระชวย รู้สึกคึกคักในอารมณ์ดีเหลือเกิน ใช้เวลาไม่นานก็ได้นั่งเสนอหน้าอยู่ตรงจอหนังขนาดใหญ่ แต่พอหนังผีจบเท่านั้น การเดินกลับบ้านช่างโหดร้ายและยาวนานเสียนี่กระไร
ความรู้สึกเหมือนเส้นทางยาวไกลกว่าเดิม ไม่มีการมองข้างทางแต่ประการใด พยายามเดินเกาะกลุ่ม มิให้โดดเดี่ยวเป็นอันขาด และรู้สึกเสียวสันหลังยังไงชอบกล เหมือนคำโบราณที่เขาพูดไว้ ..ตอนไปยังกับไก่จะบิน ตอนกลับเหมือนห่าจะกิน...ยังไงยังงั้นเลย
พักเรื่องผีไว้ก่อน ขอพูดถึงเรื่องคนบ้าง ทุกวันนี้..ที่ไปงานศพ เพื่อมิให้รู้สึกเบื่อหน่ายกับพิธีการ ผมจะสังเกตท่าทางและบุคลิกของ”สัปเหร่อ” รู้สึกชื่นชมในความรู้ความสามารถและความกล้าหาญชาญชัยของเขา
ผมรู้ว่าเขามีตำรา แต่มันไม่มีสถาบันไหนเปิดสอน เขาเรียนรู้และถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ด้วยความสมัครใจ มันเป็นมากกว่าจิตอาสา เป็นวิชาชีพชั้นสูง ที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางจริงๆ
ผมจึงชื่นชอบและเห็นด้วย ที่สัปเหร่อทุกวันนี้ จะแต่งหน้าแต่งตา ผูกไทค์ใส่สูท ...โคตรหล่อเลย
จึงไม่แปลกใจ ว่าทำไมหนังไทยอย่าง”สัปเหร่อ” ถึงมีรายได้ทะยานเข้าสู่ ๘๐๐ ล้านบาท อย่างที่ไม่ยากเย็นนัก เพราะค่ายหนังจักรวาลไทบ้าน เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนาขีดความสามารถของการทำหนังได้ดีขึ้น
จากหนังซีรีส์แบบบ้านๆ ที่ผมไม่เคยดูจบเรื่อง เพราะไปติดอยู่กับหนังอลังการงานสร้าง แต่พอดูสัปเหร่อในช่วงท้ายๆที่ใกล้จะลาโรง แต่คนดูยังเยอะอยู่เลย ผมได้พิสูจน์กับตัวเองมาแล้วว่า..หนังเขาดีจริงๆ
ผู้กำกับเข้าใจถ่ายทอดเรื่องราวที่เรารู้แต่ไม่เคยเห็น ที่เราใกล้ชิดแต่ไม่เคยสัมผัสรับรู้ความเป็นมาเป็นไป สอดแทรกคติสอนใจและอารมณ์ขัน ที่เป็นธรรมชาติและกลิ่นไอของชนบท ไม่เสแสร้งหรือยัดเยียดให้คนดู
ทิ้งท้ายตอนจบได้อย่างอิ่มเอม หนังจบแต่คนไม่จบ..ค้นพบสัจธรรม ที่จะอยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
ครับ น่าไปดูนะครับ ไม่ผิดหวังครับ