ย้อนไป ประมาณ ๓ปี งานทำบุญ ๑๐๐ วันพ่อ เป็นจุดเริ่มต้น การขายสินค้าแปลกๆ ในมุมมองของลูกค้า เริ่มจาก ๑,๒ …,๑๐…๑๐๐ ถึง ๑๐๐๐ รายการขึ้นไป ผู้เขียนรู้จากบันทึก แต่เมื่อโดนทักถาม ก็ไม่ได้ระุบุชัดเจน ร้านค้าฯจึงอยู่ในความสะดุดสนใจ ของผู้คนฯ ตลอดมา “ร้านสวย… ร้านที่มีของแปลกๆ… ร้านที่มีสินค้าที่ลูกค้าถามหาต้องการใช้…" กลายเป็นคำนิยามฯ กล่าวถึง
แน่นอน ในสังคมไทย การลอกเลียนแบบ ก็ได้เริ่มต้นขึ้น นั่น… กลายเป็นความสนุกของผู้เขียน รอคอยให้ เกิดร้านค้าฯแบบผู้เขียน อยากรู้ว่า ใช้ระยะเวลาเท่าไร? พวกเขาจะลอกเลียนแบบการขายทั้งดุ้นนี้ แต่พบว่า เกิดสิ่งที่ดีงาม ในบางแง่มุม เช่น ร้านค้าเดิมที่ปิดประตูมืดทึบ ก็พากันปรับปรุงร้านเปิดโล่ง ปรับจัดวางสินค้าดูไม่อับเฉา ร้านค้าที่พยายามเพิ่มสินค้าชนิดเดียวกับผู้เขียนจนกลายเป็นโทษกับตนเองจากการสูญเสียเอกลักษณ์ก็มี ลอกเลียนแบบสินค้าบางรายการก็มี หลากหลายฯลฯ ตราบจนบัดนี้ ไม่มีร้านไหนที่ลอกเลียนแบบได้… กลับต้องหันไปหาวิธีอยู่ให้รอดก่อน
ปีที่ ๓ นี้ มุมมองของลูกค้า คือ ผู้เขียนหาของเก่ง… จากชิ้น ไม่กี่ชิ้น กลายเป็นมากมาย
ในบรรดาผู้ใหญ่ทั้งหลาย ไม่เคยมีใครมาถามผู้เขียน ก่อนลงมือ ลอกเลียนแบบ จนกระทั่งผู้เขียน ได้ขายสินค้าในตลาดถนนคนเดินฯ กลายเป็นที่ฮือฮา ในกลุ่มชาวต่างชาติ โพสต์สื่อสังคมออนไลน์ ว่า “ชอบร้านนี้ สวย และแปลก จะต้องมาแวะอีก…” อันนี้ เป็นเรื่องเหนือความคาดหวังของผู้เขียน ที่ตลาดแห่งนี้ ผู้เขียนได้รู้จักลูกค้า ของเด็กเล่น…
เด็กชั้นประถม๒ คนหนึ่ง เป็นผู้ตั้งคำถามผู้เขียนว่า “ทำไมป้าขายของหลากหลายรายการแบบนี้ ทำไมไม่ขายขนมทอด ขายน้ำแบบยาย จำสินค้าได้หมดไหม? แล้วเธอก็ทดสอบผู้เขียน เหล่านี้ ผู้เขียนย่อมสบายใจว่า เด็กในอนาคต ถ้าเลือกเฟ้นให้ดีแล้ว ย่อมสรรหา ผู้ที่จะช่วยพัฒนา สร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับสังคมไทยต่อไป…
ไม่มีความเห็น