หนี้ค้างหนี้เสียและสูญ
เป็นสิ่งที่สหกรณ์และสมาชิกควรรู้
...
ถ้าเกิดขึ้นในสหกรณ์แล้วทั้ง 2 ฝ่าย
ก็ละเหี่ยใจ เสมือนมีตราบาป
..
เมื่อพูดถึงสหกรณ์ในประเทศไทย
ต้องคิด พูด เขียน และทำให้ครอบคลุมทั้ง 2 ส่วน
ทั้งภาคราชการสหกรณ์ และภาคสหกรณ์
ที่เป็นของประชาชน เพราะทั้งสองเป็นตัวแปรตาม
กันและกันเสมอ
ภาคราชการสหกรณ์ต้อง คอยดูแล สนับสนุนส่งเสริม
ในส่วนที่สหกรณ์ภาคประชาชนดำเนินการ
และจำเป็นต้องให้การช่วยเหลือ เพื่อให้สหกรณ์นั้น
มีความเจริญก้าวหน้า ให้เป็นตามหลักการและ
ค่านิยมสหกรณ์นำไปเป้าหมายชีวิตของสมาชิก
ตามอุดมการณ์สหกรณ์ที่วางไว้
ในขณะเดียวกัน ภาคราชการสหกรณ์ ก็จำเป็นต้อง
มีอำนาจในการกำกับ ให้สหกรณ์ภาคประชาชน
ดำเนินการด้านต่าง ๆ ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.
สหกรณ์ ข้อบังคับ ระเบียบ รวมไปถึงคำสั่ง
นายทะเบียนสหกรณ์ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้สหกรณ์
ดำเนินการออกนอกแนวทางระบบของสหกรณ์
ที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสมาชิกและ
สหกรณ์เอง
...
ดังกรณี ที่หลายคนเป็นห่วงเรื่อง
การสำรองหนี้สูญก็ดี ถ้ามองทั่ว ๆ ไปก็ไม่น่า
จะน่ากลัวอะไร แต่สภาพความเป็นจริงแล้ว
หนี้ค้าง หนี้สูญ และหนี้เสีย เปรียบเสมือน
โรคติดเชื้อในกระแสโลหิต ที่มองไม่เห็น
แต่ร้ายแรงถึงขึ้นเสียชีวิต ในระบบสหกรณ์
หนี้หรือเงินที่ปล่อยให้สมาชิกกู้นั้น เสมือน
เลือดที่หล่อเลี้ยงสหกรณ์ ให้ดำรงอยู่ได้
เมื่อเลือดเสีย และไม่สามารถนำไปเลี้ยง
อวัยวะต่าง ๆ ได้ อาการต่อมาก็จะเกิด
การติดเชื้อในกระแสโลหิตแล้วอาการจะหนัก
เช่นเดียวกับการดำเนินงานสหกรณ์
แรก ๆ อาจจะมีสมาชิกมีหนี้ผิดนัดและกลายเป็น
หนี้เสีย เพียง 2-3 คน ก็ดูอาการแล้วก็ไม่หนักหนาสากรรจ์
และยังคงปรากฏอยู่ในงบการเงิน ถ้าสหกรณ์ไม่ให้สนใจ
ไม่เร่งรัดติดตาม ถือว่าอย่างไรสมาชิกก็ต้องเอามาคืน
ต่อไปก็จะรุกลามมีจำนวนมากขึ้น จะปรากฏให้เห็นชัด
ก็ต่อเมื่อสหกรณ์ขาดสภาพคล่องทางการเงิน
และต้องหาเลือดภายนอกเข้ามาเติม
โดยการไปกู้จากแหล่งภายนอก
ยิ่งถ้าเป็นสถาบันการเงินไหนที่มีนักวิเคราะห์เก่ง ๆ
ขอเพียงงบแสดงฐานะการเงิน ย้อนหลังของสหกรณ์
มาดูสัก 3-5 ปี แม้สหกรณ์จะมีการแปลงหนี้เป็นหนี้ใหม่
เขาก็มองออก และโอกาสที่จะไม่ได้รับความร่วมมือ
นอกจากสหกรณ์จะกู้กันเอง โดยไม่ค่อย
จะสนใจในเรื่องการวิเคราะห์ เรื่องหนี้เสีย นั้น
หนี้เสียก็จะการเป็นหนี้สูญเหมือน เลือดเสียแล้ว
ติดเชื้อในกระแสโลหิต ทำให้เราเสียชีวิตได้
ฉันใดก็ฉันนั้น โอกาสที่สหกรณ์จะล้มลง
หรือพากันล้มเหลวทั้งขบวนการสหกรณ์ก็เป็นได้
..
ผู้ที่มีหน้าที่บริหารจัดการสหกรณ์ ควรทำความเข้าใจ
กับสมาชิกที่มีหนี้ค้างให้เข้าใจ และหมั่นติดตามเร่งรัด
ต้องตระหนักอยู่เสมอว่า หากเราปล่อยให้หนี้ค้างจาก
รายสองรายแล้วไม่มีการติดตามไม่เคลื่อนไหว ต่อไป
จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นหนีเสีย และเกินกำลัง
จะส่งผลต่อความล้มเหลวของระบบสหกรณ์อย่างแน่นอน
และกระทบต่อการกำกับดูแลของภาคราชการสหกรณ์ด้วย
จึงหน้าเห็นใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ผู้รับผิดชอบสหกรณ์ทั้ง 2 ภาค ควรตระหนักรู้และ
ร่วมมือกันแก้ปัญหาหนี้ค้าง หนี้เสียและหนี้สูญ
อย่าให้เกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นน้อยที่สุดเป็นการดี
...
ติดตามหนี้กันทุกเดือน
เก็บและรายงานข้อมูล ความเคลื่อนไหวของ
หนี้ถึงกำหนดชำระหนี้ค้าง หนี้เสีย ทุกเดือน
มีแผนการทำงานออกเร่งรัดที่ชัดเจน
มีการรายงานทุกเดือน จำนวนลูกหนี้ยอดเงิน
ที่ได้รับจากหนี้พึงชำระ หนี้ค้าง หนี้เสียและหนี้สูญ
กำหนดตัวเลย จำนวนรายคนที่จะออกไปติดตาม
และรายงานถึงพฤติกรรมของลูกหนี้ประกอบ
เพื่อหายุทธวิธีติดตามอย่างต่อเนื่อง สำหรับ
ผู้กู้ถึงแก่กรรม ผู้กู้เจ็บป่วยชั่วคราว ผู้กู้ทุพลภาพ
ไม่สามารถชำระหนี้ได้ถาวร ผู้กู้ไม่ได้อาศัยในพื้นที่แล้ว
ผู้กู้ยังมีตัวตนแต่ไม่ยอมชำระหนี้
ผู้กู้ที่ตกปากรับคำว่าจะมาชำระหรือให้สหกรณ์ตามไปเก็บ
ที่บ้าน ก็ต้องรักษาวินัยติดตาม ถ้าไม่มาหรือไปแล้วไม่เจอตัว
ก็ให้ทำบันทึก และปรับยุทธวิธีตามที่เห็นสมควร
..
ส่วนหนี้ที่มีการยืมมือกู้ หรือหนี้ที่ทำสัญญาขึ้นเพื่อ
ปกปิดการทุจริตของ เจ้าหน้าที่คนก่อนที่ทำไว้
ถ้าตรวจเจอควรให้ ชำระให้เสร็จสิ้นทันที
เพราะผู้กระทำได้ออกไปอย่างลอยนวลแล้ว
ถ้าผิดสัญญาก็ควรดำเนินการขั้นเด็ดขาดครับ
ไม่ใช่ปล่อยไว้ให้เป็นหนี้สูญ
..
ส่วนค่าใช้จ่ายและเทคนิควิธีให้ขึ้นอยู่กับแต่ละสหกรณ์
...
ยังไงเสีย ต้องตระหนักรู้และให้ความสำคัญ
อย่าปล่อยปละละเลย ครับ
..
หมายเหตุ การลดหนี้เสียอีกประการหนึ่งถ้าทำได้
คือการเปลี่ยนค่านิยม
ไม่มีความเห็น