ชีวิตที่พอเพียง  4452. ประสบการร์ผ่าตัดหนังตาล่าง ที่ รพ. ศิริราช


 

หมอตาประจำตัว ศ. พญ. วณิชา ชื่นกองแก้ว (อ. วิม) นัดผ่าตัดหนังตาคนแก่   ที่ขนตาม้วนลงไปแยงตา ทำให้ตาแดงและน้ำตาไหล    มีคนทักเรื่องตาแดงมาสองสามปี    ได้ฤกษ์ (ว่าง) เช้าวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๖   

ก่อนหน้านั้น อ. วิมเอาใบนัด ใบลงนามยินยอมผ่าตัด และใบแนะนำการเตรียมตัว มาให้  ผมลงนามแล้วถ่ายรูปเก็บไว้     ในใบนัดบอกเพียงวันเวลา     โดยเขาระบุโทรศัพท์ ๒ หมายเลข   อันแรกเป็นของเก่าที่เวลานี้ลูกสาวคนโตใช้    เจ้าหน้าที่จึงโทรศัพท์ไปบอกที่ลูกสาวว่าให้ไปถึง ๗.๓๐ น.    โดยกินอาหารอ่อนไปก่อนได้    ไปแสดงสิทธิ์ข้าราชการ และไปแสดงตัวที่ห้องหมายเลข ๑๐๐ อาคารสยามินทร์   ลูกสาวจึงลางานไปเป็นเพื่อนโดยผมไม่ได้ขอร้อง     และช่วยให้ทุกสิ่งราบรื่น     

ผมไปถึงก่อน ๗ น.   ลูกสาวก็เช่นกัน   เขามีเพื่อนทันตแพทย์ทำงานที่แผนกทันตกรรมจึงไปรอที่นั่นและโทรศัพท์มาถามว่าผมอยู่ที่ไหนแล้ว    ผมตอบว่าไปนั่งรออยู่ที่ชั้นล่างของตึกสยามินทร์แล้ว     ใกล้ ๗.๓๐ น. เธอก็มา ผมเอาหลักฐานการแสดงตัวว่ามีสิทธิ์ข้าราชการที่ได้จากการเอาบัตรประชาชนไปสอดที่เครื่อง     แล้วเราก็ขึ้นลิฟท์ไปที่ห้องผ่าตัดจักษุ ชั้น ๓    เมื่อใกล้ ๘ น. ตามเวลานัด เราก็ไปแจ้งเจ้าหน้าที่     เขาถามหาแฟ้ม เราไม่รู้ว่าไปเอาที่ไหน    เขาบอกแบบหน้างอบอกบุญไม่รับว่า   ให้ลงลิฟท์ไปที่ชั้น ๑ ยื่นบัตรและหลักฐานการเป็นข้าราชการที่ช่อง ๔    ซึ่งเราก็ลงไปจัดการได้เรียบร้อย

ทำให้นึกว่า ในใบแจ้งควรระบุให้ชัดเจนไปเลย ว่าข้าราชการให้ไปยื่นอะไรที่ไหนบ้าง    และนึกว่า หัวหน้าไม่ควรเอาคนที่สีหน้าอารมณ์ไม่รับแขกมาประจำเคาน์เตอร์    เรื่องแบบนี้ ราชการไม่สนใจ แต่เอกชนเขาเก่งมาก

นั่งรอจนราวๆ ๘.๑๕ น. เขาก็มาเรียกให้เข้าไปในห้อง     โดยให้เอาของมีค่าฝากลูกไว้ทั้งหมด ให้เอาแมสก์ ใหม่ไปด้วย ๑ อัน  ไปถอดรองเท้าใส่ที่เก็บเบอร์ ๙ ที่เขาเขียนชื่อติดไว้ให้เป็นพิเศษ     ผมตระหนักทันทีว่า ชื่อคนไข้ที่เขียนว่า ศ. นพ. วิจารณ์ พานิช ออกฤทธิ์แล้ว   เขาให้สวมรองเท้าแตะ พร้อมกับยื่นเสื้อกางเกงโรงพยาบาลและหมวกคลุมผม ให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าผู้ชาย     โดยบอกว่าให้เอาเสื้อผ้าของผมเก็บที่ตู้เบอร์ ๙ ที่เขียนชื่อติดไว้แล้ว    เขาคงจะมีประสบการณ์ว่า คนแก่อายุเกิน ๘๐ อย่างผมมักหลงๆ ลืมๆ    จำตู้ที่เก็บเสื้อผ้าหรือรองเท้าไว้ไม่ได้   

เขาบอกว่าเมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จให้ไปล้างหน้าด้วยน้ำยาที่ห้องน้ำชายที่อยู่ติดกัน    ผมถือโอกาสถ่ายปัสสาวะด้วย     ออกมานั่งรอ ก็เอาผ้าขนหนูขนาดใหญ่และหนามากมาให้คลุมพร้อมกับบอกว่าในห้องอากาศเย็นมาก     มีเจ้าหน้าที่มาวัดความดันโลหิต ได้ ๑๔๙/๘๖   เขาจึงวัดใหม่ ได้ ๑๔๖/๘๔  เขาเอาเครื่องวัดอ็อกซิเจนในเลือดมาครอบนิ้วชี้ เมื่อได้ค่าแปดสิบกว่า พยาบาลจึงบอกให้วัดใหม่ และบอกให้ผมหายใจเข้าออกลึกๆ จึงได้ค่าปกติที่ร้อยละ ๙๘    พยาบาลอีกคนมาซักประวัติโรคประจำตัว  การแพ้ยา  ที่แสดงว่าเขาอ่านประวัติมาก่อนแล้ว     และถามว่าถ่ายปัสสาวะบ่อยไหม  ผมตอบว่าบ่อย   เขาแนะนำว่าก่อนเข้าผ่าตัดให้เข้าห้องน้ำเสียก่อน     แล้วให้กินยาพาราเซตามอล ๑ เม็ด  วาเลี่ยม ๑ เม็ด     แล้วพาไปนั่งรอที่เก้าอี้เอกเขนก LazBoy ที่แสนสบาย   ผมนอนฟังเสียงอึกทึกแบบครึ่งหลับครึ่งตื่น หรือผ่อนคลาย ในห้องรอผ่าตัดอยู่กว่าครึ่งชั่วโมง อ. วิมก็มาคุยด้วย   นอกจากเรื่องตาของผมที่ท่านสังเกตว่าตาซ้ายเป็นมากกว่าตาขวา    ท่านคุยเรื่องงานของ สบช. และของมูลนิธิพัฒนาการศึกษาวิชาชีพสุขภาพอยู่ราวๆ ๑๕ นาที   

เจ้าหน้าที่มาตามไปผ่าตัด   ผมขอเข้าห้องน้ำอีกครั้ง    แล้วเขาพาไปขึ้นรถเข็นนอน เพื่อเตรียมเข้าห้องผ่าตัด    ตอนเข้าห้องผ่าตัดผมนอนหลับตาอย่างสบาย    เวลาน่าจะราวๆ ๙.๓๐ น.    ต้องขยับตัวจากรถเข็นไปนอนที่เตียงผ่าตัด    ที่นอนไม่สบายเลย    สักครู่พยาบาลก็เอาผ้ามาหนุนขาพับตรงเข่า ทำให้สบายขึ้น    ตามด้วยเอาผ้ามาหนุนคอ ๒ ชั้น ช่วยให้สบายขึ้นอีก    เอาผ้าบางๆ มาคลุมตัว ตามด้วยผ้าหนา   และเอาผ้าคลุมบริเวณหน้า เขาถามว่าหายใจคล่องไหม  ตอบว่าไม่ค่อยสะดวก  เขาจึงจัดผ้าใหม่ ช่วยให้หายใจคล่องขึ้น    แต่พอจัดผ้าจนใกล้เสร็จ ผมก็บอกว่าหายใจไม่ค่อยออก    อ. วิมจึงบอกให้เขาเอาสายอ็อกซิเจนมาสอดรูจมูกช่วยการหายใจ    แล้วจัดผ้าคลุมใหม่ 

ผมสังเกตเห็นว่าบนเพดานมีรูปผีเสื้อสวยติดอยู่    จึงนึกได้ว่า ตอนผ่าตัดต้อกระจกก็เห็นเช่นนี้   จึงทักขึ้น ได้ความรู้ว่าเป็นห้องผ่าติดของ อ. วิม   ที่ท่านให้คนปีนเอาภาพผีเสื้อไปติด     อยู่นานกว่า ๒๐ ปีมาแล้ว    ห้องผ่าตัดนี้จึงเก่ามาก    เวลาลดระดับเตียงจึงมีเสียงดังโครกคราก   ภาพผีเสื้อมีประโยชน์เวลาหมอบอกให้ผู้ป่วยมองที่จุดหนึ่งนิ่งๆ        

การผ่าตัดใช้เวลาราวๆ ชั่วโมงครึ่ง   เริ่มจากมีเจ้าหน้าที่มาทายาฆ่าเชื้อที่ใบหน้า มีแพทย์ประจำบ้านผู้ชายคนหนึ่ง และพยาบาลอีก ๒ คน เป็นผู้ช่วย   เริ่มที่ตาซ้าย โดยหยอดยาชา  แล้วจึงฉีดยาชา ซึ่งเป็นตอนที่เจ็บที่สุด     ผมสังเกตว่าไม่ว่าผมจะลืมตาหรือหลับตา หมอก็ดำเนินการผ่าตัดได้โดยไม่ติดขัด    ตอนฉีดยาชาผมรู้สึกว่าฉีดที่เปลือกตาล่าง   แต่ไปชาที่เปลือกตาบนที่เป็นบริเวณผ่าตัดด้วย    ตอนกรีดผมไม่รู้สึกเลย    บอกไม่ได้ว่ากรีดตรงไหน    ได้ยินแต่ อ. วิม สอนแพทย์ประจำบ้านว่า เห็น ... (ลืมชื่อ) ไหม ให้ช่วยคีบออก   ที่ตาซ้ายทำอยู่นานกว่าครึ่งชั่วโมง    หลังกรีดแผลแล้ว เป็นการผ่าตัดโดยมีกล้องช่วย    ทำกัน ๓ คน    มีการจี้ห้ามเลือดสองครั้ง    ราดน้ำ และซับสองสามครั้ง    แล้วเย็บ ตอนเย็บช่วยกัน ๓ คน    อ. วิมบอกผมว่าเป็นไหมละลาย  แต่ตรงไหนไม่ละลายเองก็มาตัดออกได้   

แล้วจึงทำตาขวา ที่ อ. วิมบอกว่าจะใช้เวลาน้อยกว่า เพราะผิดปกติน้อยกว่ามาก   ซึ่งก็เป็นไปตามคาด   ไม่ต้องจี้ห้ามเลือด   

ผ่าตัดเสร็จ อ. วิมเอาแผ่นรองปิดเฉพาะตาขวา เพื่อป้องกันเลือดออก    และบอกให้เอาออกตอนบ่ายสามโมง     และเอาถุง cold pack ของโรงพยาบาลประคบตาทั้งสองข้างไว้    พร้อมทั้งสั่ง cold pack ให้ไปใช้ประคบตาที่บ้าน ๒ แพ็ค   แล้วบอกลากัน    ให้ผมออกไปนอนรอที่ห้องรอหลังผ่าตัด โดยมีถุงเย็นประคบตาอยู่ตลอด    นอนอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง เมื่อยแล้วเมื่อยอีก   ผมจึงบอกเจ้าหน้าที่ขอไปถ่ายปัสสาวะ เขาใจดีมากช่วยเข็นรถไปใกล้ห้องน้ำ    หลังจากนั้นผมขอไม่ขึ้นไปนอนบนรถเข็น ขอนั่งรอ    เขาก็พาไปนั่งอีกห้องหนึ่ง     นั่งกึ่งนอน เพราะมีถุงเย็นประคบตาอยู่     

รวมเวลานั่งรอหลังผ่าตัดค่อนชั่วโมง ระหว่างนั้นเขาให้ลูกสาวไปซื้อยา ชุดถุงเย็น และจ่ายเงิน    รวมค่าบริการ ๑๕,๔๘๔.๕๐ บาท    ใช้สิทธิ์ข้าราชการบำนาญได้เกือบทั้งหมด  ผมจ่ายเพียง ๔๙๔ บาท    ขอขอบคุณประชาชนไทยที่จ่ายภาษีเป็นเงินสวัสดิการบริการสุขภาพ    ช่วยให้คนแก่ยังมีสุขภาพดีรับใช้สังคมได้ 

ได้ยามา ๓ ชนิด คือ (๑) พาราเซตามอล แก้ปวด ๑๐ เม็ด  กิน ๑ เม็ด เวลาปวด    จนถึงเวลาที่เขียนบันทึก เกือบ ๑๗ น. ผมไม่ปวดเลย  (๒) Cravit Eye Drop 0.5%  5 ml  หยอดตาทั้งสองข้าง วันละ ๔ ครั้ง  เช้า  กลางวัน เย็น  และก่อนนอน   (๓) Chloramphenicol Eye Ointment  ป้ายแผลเปลือกตา วันละ ๒ ครั้ง   

กลับมาบ้าน ประคบเย็นต่ออีกราวๆ ๑๕ นาที ก็นอนพัก     ตื่นราวๆ บ่ายสามโมง  ประคบเย็นอีก ๑๕ นาที    และเปิดตาซ้าย    ไปส่องกระจกดูแผลผ่าตัดจึงรู้ว่าเข้าใจผิดเรื่องความผิดปกติของเปลือกตามาตลอด    จริงๆ แล้วปัญหาอยู่ที่เปลือกตาล่าง     แผลผ่าตัดยู่ที่เปลือกตาล่าง    ไม่ใช่เปลือกตาบน    การฉีดยาชาที่เปลือกตาล่างจึงถูกที่    ไม่มีการแตะต้องเปลือกตาบนเลย    โรคหรือความผิดปกติที่(ตา)ผมเป็นเรียกชื่อว่า ectropion    และสิ่งที่เมื่อกรีดแผลดึงออกทิ้งเรียกว่า tarsal plate               

ได้รับยาหยอดตา Cravit ophthalmic solution (Levofloxacin 0.5%) มาหยอดตาวันละ ๔ ครั้ง    และ ChlorOph (1% Chloramphenicol Eye Ointment) มาป้ายตา วันละ ๒ ครั้ง    ให้ประคบเย็นตาทุก ๔ ชั่วโมง ๓ วัน    ตามด้วยประคบอุ่นอีก ๒ สัปดาห์   

ผมพบว่า ศัตรูตัวร้ายคือมือของผมเอง    ที่ตอนนอนหลับมักขยี้ตาโดยไม่รู้ตัว   

ผมหมั่นประคบตามด้วยประคบร้อนจนถึงวันที่ ๒๐ เมษายน ก็ได้ฤกษ์นัด อ. วิมตัดไหมให้    ตัดแล้วหายเคืองตาเป็นปลิดทิ้ง    แสดงว่าตาผมมันไม่เก่ง ละลายไหมเย็บแผลได้ไม่หมด 

วิจารณ์ พานิช

๖ เม.ย. ๖๖  เพิ่มเติม ๒๑ เม.ย. ๖๖

 

หมายเลขบันทึก: 712510เขียนเมื่อ 26 เมษายน 2023 17:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 เมษายน 2023 17:08 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

Thank you for sharing your experience.

I’m on my way to an eye surgery soon and feeling quite anxious. I try to think about knocking over small things (due to visual precision), this must be done.

ขอบคุณที่อาจารย์เล่าประสบการณ์โดยละเอียดนะคะ

ตอนนี้แก้วเริ่มสูงวัย ปัญหาเรื่องตาที่จะเริ่มมีค่ะ ตาแห้ง แสบตา

ขอบคุณอาจารย์ค่ะที่เล่าเรื่องการผ่าตัดตาโดยละเอียด ทำให้รู้ว่าไม่น่ากลัวเกินเหตุ แต่กลัวนิดหน่อยตอนฉีดยาชาเพราะเจ็บ ทำฟันก็เจ็บที่สุดตอนฉีดยาชานะคะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท