การสื่อสาร ไม่ใช่มีแต่คำพูด หากครอบคลุมทุกเรื่อง ตั้งต่การปรากฏตัว ภาษากาย น้ำเสียง สีหน้า แววตา
พลังแห่งรักก็เหมือนกับแสงจันทร์
หากมีเมฆที่ขุ่นมัวของอารมณ์มาบดบัง แสงจันทร์อ่อนละมุน จะส่องกระทบผืนน้ำอย่างงดงามได้อย่างไร
cr. ภาพจาก https://pxhere.com/
ฉันใดก็ฉันนั้น จะสื่อสารให้มีพลังแห่งรัก ให้เริ่มที่จิตใจเราก่อน
ถ้าจิตใจยังมีความขุ่นมัวขุ่นข้องหรือมีความหมองหม่น ความรักที่มีอยู่ในตัวของเราทุกคนก็ยากที่จะปรากฏส่องแสงฉายออกไปสู่คนอื่น
การทำให้จิตใจผ่องใส เบิกบานทำได้หลากหลายวิธี เช่น การทำสมาธิ จะเป็นแบบนิ่งหรือแบบเคลื่อนไหวก็ได้
รวมทั้ง การฝึกให้อภัย ฝึกขอบคุณ โดยเริ่มจากร่างกายของตัวเราเอง ขยายออกไปในวงกว้างขึ้นๆ
ให้อภัย และขอบคุณอย่างเห็นความเชื่อมโยงในสิ่งต่างๆ นั่นคือ มีปัญญากำกับ
เมื่อใจพร้อมเชื่อมกับ “พลังแห่งรัก” ที่เหลือก็จะเป็นทักษะในการสื่อสารซึ่งบ่มเพาะต่อไปได้ไม่ยาก
ทั้งนี้ การสื่อสารด้วยพลังแห่งรัก ยังเชื่อมโยงกับระดับการสื่อสาร ซึ่งจากประสบการณ์บ้านๆของผม อาจแบ่งออกเป็นได้ 3 ระดับ
ระดับที่ 1 คือระดับที่ไม่รู้สึกตัวหรือไม่มีสติ โดยมักเป็นการสื่อสารโดยใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง อารมณ์ดีก็ดีไป ถ้าร้ายก็พัง
ระดับที่ 2 เป็นการสื่อสารที่มีสติ ตรงนี้คือ การอยู่เหนืออารมณ์ความรู้สึกของตนเอง หรืออาจจะมองเห็นอารมณ์ของตนเองที่อยู่ภายใต้การสื่อสารแต่ไม่เอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง พูดง่ายๆคือรู้เนื้อรู้ตัวว่ากำลังสื่อสารเรื่องอะไรอยู่ ไม่เพียงเท่านี้ยังรู้ถึงเหตุผลเนื้อหาต่างๆที่ตนเองกำลังสื่อสารอยู่
อย่างนี้เรียกว่าการสื่อสารระดับที่มีสติ
ระดับที่ 3 เป็นการสื่อสารแบบรู้สำนึก ตรงนี้เป็นขั้นสูงของการสื่อสาร คือไม่เพียงแต่ไม่ใช้อารมณ์ , มองเห็นความเคลื่อนไหวของอารมณ์ , ตลอดจนมองเห็นการใช้เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังของการสื่อสารแล้ว หากแต่การสื่อสารระดับนี้ยังมองว่าการสื่อสารของตน ไม่ได้มาจากตนเองทั้งหมด เป็นสิ่งที่ตนเองนั้นไม่ได้สามารถควบคุมไปได้ทุกอย่าง หาหแต่เป็นไปเพราะมีบางอย่างที่เข้ามามีส่วนในการกำหนด เช่น พลังธรรมชาติ พลังจักรวาล หรือบางคนอาจจะนิยามว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์ที่มนุษย์ไม่อาจเข้าใจได้ด้วยตาเปล่า
การจะเข้าถึงการสื่อสารแบบนี้ได้เราต้องมีสภาวะที่เชื่อมต่อกับพลังเหล่านั้น แล้วแปลงพลังเหล่านั้นลงมาเชื่อมกับการสื่อสารในระดับที่เรามีสติรู้เนื้อรู้ตัวอยู่
ซึ่งพลังธรรมชาติหรืออาจจะเรียกว่าเป็นพลังของจักรวาลที่รายล้อมรอบตัวเรา หากเราสัมผัสเชื่อมโยงเข้าถึงได้ก็จะรับรู้ได้ว่าเป็นพลังของความรักความเมตตา ความโอบอุ้มเกี่ยวโยงสัมพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้ง
ถ้าการสื่อสารของเราสามารถเชื่อมโยงเข้าสู่สภาวะระดับของพลังงานเหล่านี้ได้แล้วจะทำให้ข้ามพ้นตัวตนไปสู่การเป็นสนามพลัง ที่ก่อให้เกิดผลสั่นสะเทือนในวงกว้างได้มากกว่าการสื่อสารในระดับก่อนๆ
ทั้งหมดนี้เป็นการสกัดการเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ตนเองคิดว่าพอจะจัดจำแนกแยกแยะระดับของการสื่อสารด้วยความรักออกมาเป็นระดับต่างๆได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้หมายความว่าในวันหนึ่งหนึ่งเราใช้การสื่อสารระดับเดียว แต่เราอาจจะใช้การสื่อสารด้วยความรักในระดับที่แตกต่างกันออกไปตามกาลและเทศะ รวมถึงกลุ่มที่เราสื่อสารด้วย
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเนื้อหาที่คิดว่าเอาไว้เป็นต้นทุนในการสร้างการเรียนรู้เรื่องการสื่อสารด้วยความรักอย่างลึกซึ้ง เพื่อที่จะเอาไว้ทบทวน แบ่งปันออกไปยังผู้ที่สนใจต่อไปครับ
ไม่มีความเห็น