วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ ผมเข้าร่วมประชุมสะท้อนผลการอบรมเชิงปฏิบัติการ “การสอนแบบสานเสวนาหรือสอนเสวนา (Dialogic Teaching)” อาจารย์มหาวิทยาลัยและนักศึกษาโครงการครูรัก(ษ์)ถิ่น ทางซูม โดยเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังจบการอบรม คุณ Paul กับผมได้คุยกันว่า ต้องวางแผนให้ครูรัก(ษ์)ถิ่นเหล่านี้ ได้ทำหน้าที่ผู้นำการเปลี่ยนแปลงให้แก่ระบบการศึกษาไทย
อ่านสรุปผลการฝึกอบรมครั้งนี้ได้ที่ (๑)
โดยเตรียมให้ ครูรัก(ษ์)ถิ่น ทำหน้าที่ ณ โรงเรียนที่ตนไปทำหน้าที่ครู เวลานี้มีเครือข่าย Online PLC ในกลุ่ม นักศึกษาโครงการครูรัก(ษ์)ถิ่นอยู่แล้ว และเมื่อออกไปทำงานจริง ก็มี Online PLC ของกลุ่มครูรัก(ษ์)ถิ่น ที่มีทั้งส่วนที่เป็นเครือข่ายปิด คุยกันเฉพาะในกลุ่ม และเครือข่ายเปิด เพื่อให้ครูนอกโครงการได้เข้ามาร่วมเรียนรู้ วิธีจัดการเรียนรู้แนว Dialogic Teaching และ (Pro)active Learning และเกิดการขยายเครือข่ายออกไปทั่วประเทศ
เป็นการสร้างสรรค์สวนทาง คือสร้างสรรค์จากการดำเนินการในโรงเรียนในพื้นที่กันดารห่างไกล แล้วเผยแพร่สู่ส่วนกลาง และทุกภาคส่วนในประเทศ ช่วยให้ครูรัก(ษ์)ถิ่น ได้ทำงานทั้งสร้างสรรค์ศิษย์ และสร้างสรรค์ระบบการศึกษาของประเทศ
โดยผมมีความเห็นว่า นศ. ครูรัก(ษ์)ถิ่น ต้องได้รับการติดอาวุธ ทักษะการเป็น “ผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่อ่อนน้อมถ่อมตน” ซึ่งหมายความว่า ไม่ทำตัวเด่นเหนือคนอื่น ไม่สร้างการเปลี่ยนแปลงแบบก่อความขัดแย้ง แต่มุ่งทำงานระยะยาว อย่างมุ่งมั่น อย่างมุ่งสร้างผู้ร่วมอุดมการณ์ อย่างอดทนความแตกต่าง อย่างรู้จักวิธีใช้ความแตกต่างเป็นพลัง
จะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน และทำงานระยะยาวฟันฝ่าโดยไม่หมดไฟเสียก่อนได้ ต้องเข้าใจหลักการ Complex-Adaptive Systems, wicked problem, และ quantum management สถาบันผลิตครูรัก(ษ์)ถิ่น ควรพิจารณาทำความเข้าใจเรื่องทั้งสาม ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องเดียวกัน แล้วนำมาออกแบบกระบวนการหนุนให้ นศ. ครูรัก(ษ์)ถิ่น เข้าใจหลักการนี้ และเกิด VASK ในการใช้หลักการนี้
นศ. ครูรัก(ษ์)ถิ่น ควรได้เรียนรู้เรื่องการทำหน้าที่ผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Agent) รู้ทั้งหลักการ กลยุทธ และวิธีการ (พัฒนา VASK ด้านนี้ใส่ตน) โดยเน้นเตรียมตัวไปทำหน้าที่ ผู้นำการเปลี่ยนแปลง อย่างอ่อนน้อมถ่อมตน ระมัดระวังไม่ให้ผู้อาวุโสรู้สึกว่า เราแสดงท่าทียะโสโอหัง รู้จักกุศโลบายชักชวนผู้อาวุโส และผู้คิดต่าง มาเป็นแนวร่วม
จะยิ่งดี หาก นศ. ครูรัก(ษ์)ถิ่น ได้ฝึก VASK เรื่องนี้ ระหว่างออกไปฝึกงาน เพื่อจะได้สัมผัสชีวิตจริงของการทำหน้าที่ผู้นำการเปลี่ยนแปลงแบบไม่แสดงตัว หรือแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน โดยอาจารย์ของ นศ. ครูรัก(ษ์)ถิ่น เองก็ต้องศึกษาเรื่องนี้ และเตรียมค้นหาวิธีฝึกศิษย์ ให้พัฒนา VASK ด้านนี้ใส่ตน
ข้างบนนั้น เขียนก่อนการประชุม
ในการประชุม มีการให้ข้อมูลและความเห็นที่กว้างขวางหลากหลายมาก จากคนหลายกลุ่ม ที่นำสู่การเตรียมการณ์เพื่องานระยะที่ ๓ ของ CCE ที่จะดำเนินการต้นปีหน้า เน้นที่การสอนภาษา
มีการพูดถึงครูที่มาเข้าการประชุมปฏิบัติการ ว่ามี ๓ กลุ่ม คือ (๑) ไม่สนใจ มาเพราะโรงเรียนส่งมา (๒) สนใจ แต่ไม่มีความสามารถ ฝึกยาก (๓) มีทั้งความตั้งใจ และความสามารถ กลุ่มนี้มีน้อย สรุปได้ว่า โดยเฉลี่ยนักศึกษาครูรัก(ษ์)ถิ่นมีความสนใจและความสามารถมากกว่าครู ช่วยยืนยันแนวคิดการใช้ครูรัก(ษ์)ถิ่นเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงของวงการศึกษาไทย
ความท้าทายคือ เมื่อครูรัก(ษ์)ถิ่นไปทำงานในโรงเรียนเป้าหมายในภูมิลำเนาของตน จะถูกระบบกลืนหรือไม่ เป็นโจทย์ที่ระบบการผลิตครูรัก(ษ์)ถิ่นพูดกันมาตลอด การมีเครือข่ายออนไลน์ของครูรัก(ษ์)ถิ่นน่าจะช่วยได้ส่วนหนึ่ง และการมีมหกรรมครูและโรงเรียนพัฒนาตนเอง น่าจะเป็นอีกกลไกหนึ่งที่ช่วยได้
วิจารณ์ พานิช
๑๙ ธ.ค. ๖๕
ไม่มีความเห็น