ก่อนอ่านบทความนี้ ท่านต้องทราบก่อนว่า ไม่มีมนุษย์คนไหนที่สามารถบอกได้ว่า เหตุผลในการดำรงชีวิตของตนเองคืออะไร ณ วันที่ลืมตาดูโลกวันแรก
ภาพนี้แสดงให้เห็นว่า การที่เราจะค้นพบความสุขได้ มี 2 ปัจจัยที่เป็นตัวบ่งชี้ คือ 1) เวลา และ 2) ความสุข (ซึ่งขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในการรับรู้ของแต่ละคน) และความสุขแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ 1) Pleasure 2) Passion และ 3) Higher Purpose Meaning
อธิบายง่ายๆ ครับว่า การที่เราจะรู้สึกมีความสุขได้ ต้องเริ่มต้นจากการลงมือทำอะไรสักอย่าง เช่น ได้จูงมือคนพิการข้ามถนน ได้เดินทางไปท่องเที่ยว ได้กินของอร่อยๆ ได้ไปสอนหนังสือ ฯลฯ ความสุขเหล่านี้จะเรียกว่า Pleasure
แต่ถ้าเวลาผ่านไปเรื่อยๆ จากกิจกรรมทั้งหมดที่ลงมือทำ เรารู้สึกว่า การได้ช่วยเหลือคนพิการเป็นสิ่งที่อยากจะทำอย่างต่อเนื่อง จนต้องไปศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับคนพิการและเรียนรู้วิธีช่วยเหลือพวกเขาอย่างจริงจัง ความสุขแบบนี้จะเรียกว่า Passion คือมีความรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ในทางจิตวิทยาเชิงบวกเรียกสิ่งนี้ว่า FLOW (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ FLOW ได้ที่ https://www.gotoknow.org/posts/589031 และ https://www.ted.com/talks/mihaly_csikszentmihalyi_flow_the_secret_to_happiness?language=th)
ภาพตัวอย่างของคนที่มี FLOW
และถ้าการได้ช่วยเหลือคนพิการอย่างต่อเนื่อง ลงมือทำอย่างจริงจัง และมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น เช่น อยากจะทำให้คนพิการทั้งจังหวัด ทั้งประเทศ และทั้งโลกสามารถใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น (ด้วยผลิตภัณฑ์หรือบริการอะไรสักอย่าง) ความสุขแบบนี้จะเรียกว่า Higher Purpose Meaning
ดังนั้น สรุปได้ว่า การที่เราทุกคนจะค้นพบความสุข เราต้องเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ ต้องอาศัยเวลาในการเรียนรู้ และทบทวนตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ตั้งคำถาม จนสามารถค้นพบคำตอบนั้นได้ด้วยตนเอง
อ่านแล้วท่านมีมุมมองหรือความคิดเห็นอย่างไร…
อ้างอิง (2)
1) Tony Hsieh, ‘Delivering Happiness‘
2) Mihaly Csikszentmihalyi, ‘Flow: The Psychology of Optimal Experience‘
สามารถติดตามสาระความรู้และกิจกรรมต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่
1) Facebook: https://www.facebook.com/themovingforward
2) Twitter: https://twitter.com/tmfthailand
3) Instagram: https://www.instagram.com/tmfthailand/
4) YouTube: https://www.youtube.com/@themovingforward7905/videos
ไม่มีความเห็น