การเขียนบทความสั้นๆหรือบันทึกเล็กๆทุกวัน ช่วยกล่อมเกลาจิตใจมิให้เหงาเศร้าซึม และยังช่วยพัฒนาสมองให้ทบทวนไตร่ตรองความคิดคำนึงอยู่เสมอ
ขอบคุณพื้นที่ในโกทูโนแห่งนี้ ที่อนุญาตให้ผมสร้างบล็อกเป็นของตนเอง ด้วยเรื่องราวและภาพถ่ายมากมาย ตลอดระยะกว่า ๑๐ ปีที่ผ่านมา เป็นทั้งบันทึกและอนุทินที่ล้ำค่าสำหรับผม
ข้อดีของบันทึกแบบนี้ยังมีอีกมากมาย อย่างน้อยก็เป็นการแบ่งปันประสบการณ์ บางครั้งอาจเป็นเรื่องเล่าเร้าพลังสำหรับใครอีกหลายคน ซึ่งผู้เขียนจะไม่ทราบเลยว่า..ใครเป็นผู้อ่านบ้าง
ผมเขียนเกือบทุกวัน และมักจะส่งไปให้เพื่อนสนิทหรือบุคคลอันเป็นที่รักและคุ้นเคย ไม่เคยส่งเรื่อยเปื่อยโดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง เพราะการอ่าน...ยังต้องการคนที่รักและสนใจจริงๆเท่านั้น
หนึ่งในนั้น..มีพี่ชายที่ใช้นามปากกาว่า “ผีชรา” รวมอยู่ด้วย ผมรู้จักพี่เขาโดยบังเอิญในงานอุปสมบท จากการพูดคุยทำให้ทราบว่าพี่คนนี้มีอายุแก่กว่าผมไม่มาก แต่ประสบการณ์มากมาย
พี่ผีชรา..ต้องอ่านเรื่องของผมตลอด เพราะผมส่งให้อ่านไม่เคยขาดตอน ด้วยผมรอว่าเมื่อไหร่พี่ผีชราของผมจะเขียนมาให้ผมอ่านบ้าง จากการงานอาชีพก็น่าจะมีเรื่องเล่าอยู่มิใช่น้อย
เพราะเป็นถึงเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมเรือนจำ มีความใกล้ชิดแต่คงไม่ถึงกับสนิทสนมกับนักโทษ แต่ผมไม่ทราบว่าพี่เขาคิดอย่างไร ถึงได้ลาออกกลางคันก่อนเกษียณอายุราชการ
ที่น่าสนใจยิ่งนักก็คือ หลังจากออกจากคุกมาแล้ว ผีชราเริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวตามภูเขาลำเนาไพร ปลีกวิเวกได้อย่างสะใจ ซึ่งจากคำบอกเล่า..ทุกถ้อยคำทำให้ผมรู้สึกอยากทำแบบพี่เขาบ้าง..
ความรู้สึกนึกคิดของพี่ผีชราคนนี้ไม่ธรรมดาเลย ผมรู้สึกสนใจ จะขอแนะนำให้คุณผู้อ่านได้รู้จักบ้าง..นะครับ......
“ผมค้นพบตัวเองเมื่อวัยย่าง 40 หลังเลิกดื่มเด็ดขาด จึงเห็นตัวตนของผมอย่างแท้จริง ..ผมเลิกใส่นาฬิกาตั้งแต่วัยนั้น พยายามที่จะไม่ยอมให้เข็มนาฬิกามากำหนดชีวิตของผม”
“ผมชอบอยู่คนเดียว เดินทางย่ำไปเดียวดายคนเดียว..เข้าป่า..ย่ำสันเขาดงดอยตามลำพัง ยกเว้นเข้าดงลึก ป่าสูงดงดิบต้องรอนแรมหลายวัน อย่างนั้นต้องมีพรานนำทางและเพื่อนร่วมทีมสัก 3-4 คนพอแล้ว มากคนมากเรื่อง”
“ถ้าย่ำป่าคนเดียว ผมจะเข้าตอนเช้า ใกล้ๆค่ำจึงจะกลับ ทุกวันนี้เพื่อนๆหลายคน มันยังว่าผมบ้า กล้าเดินป่าคนเดียวได้ยังไง และก็ไปบ่อยๆหลายครั้งตามลำพังคนเดียว”
“หลังพ้นชีวิตราชการ เข็มนาฬิกามากำหนดชีวิตผมไม่ได้..การเดินทางของผมลำพังคนเดียวจึงไม่กำหนดจุดหมายที่แน่นอน แค่มุ่งไปในทิศทางที่ต้องการเพียงเท่านั้น”
“ค่ำไหนนอนนั่น..รีสอร์ทหรือโรงแรมที่พักเสียกะตังค์ ไม่มีทางได้จากผมแน่นอน..นอนในรถตามปั๊ม หรือหมู่บ้านริมสันเขาในเส้นทางที่ผมขับรถผ่าน..แม้ชายป่า ยอดดอย พอมีที่ซุกหัวนอนและปลอดภัย ก็พอแล้ว”
“ผมเดินทางคนเดียวเร่ร่อนไปเรื่อยๆ ๑๔ - ๑๕ วัน ขับรถรวมระยะทางกว่า สี่พัน กม.ไอ้พวกเพื่อนที่สนิทกับผม มันว่า."ไอ้นี่มันบ้าจริงๆ ใครอย่าเผลอไปกับมันนะ !!"
“ครับ ผมชอบอยู่คนเดียว ดำเนินชีวิต/เดินทางคนเดียว..แต่ยามมีกิจกรรมต้องรวมหมู่รวมเพื่อน ผมจะเป็นตัวอำ ตัวแสบให้หมู่เพื่อนหมั่นไส้และระเบิดเสียงหัวเราะได้เสมอ..”
“ เข้าสู่วัย 60 จวบจนวันนี้ ผมว่าผมมีประสบการณ์ดีๆและเป็นอิสระเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตได้ดั่งใจ..ดีกว่ายุคสมัยมีเข็มนาฬิกามากำหนดชีวิตผมมากมาย”
“ผมเลิกใส่นาฬิกาเมื่อวัยสี่สิบ แต่ไอ้ตัวเดินกระดิก ติ๊กๆเป็นวงกลมมันยังหลอกหลอนได้ วัยหกสิบ ผมเหลือบมองมัน แล้วยักไหล่อย่างไม่ยี่หระใยดี.เพราะมันไม่มีวันมากำหนดทางเดินของผมได้ตลอดกาล..ครับ ผอ.”
ครับ...คงมีสักวัน..ที่ผมจะมีอิสระและใช้ชีวิตได้แบบพี่ สักเสี้ยวหนึ่งของพี่ก็ถือว่างดงามและสมประสงค์แล้ว แต่เรื่องท่องไพรไปหลายวัน ค่ำไหนนอนนั้น คงไม่ไหวหรอกครับ ผมกลัวหนาว...
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๕
ไม่มีความเห็น