จากการเรียนนั้นในการให้คำปรึกษาสำหรับดิฉัน ก่อนการให้คำปรึกษาสิ่งที่ทำได้คือ ตั้งสติ มีสมาธิพร้อมที่จะรับฟังเพื่อนด้วยหัวใจ ซึ่งในระหว่างการให้คำปรึกษาจะนำเทคนิคมาใช้ คือ
สุจิปุริ + 7 type of listening skill
สุ :ตั้งใจฟังผู้พูดเล่าเรื่องอย่างเป็นกลาง
จิ :จิตนาการภาพตาม คิดตามผู้พูดอย่างเป็นเหตุเป็นผล แยกแยะข้อมูลว่าจริงหรือไม่
ปุ :ตั้งคำถามเพื่อที่จะให้ผู้พูดได้สะท้อนคิดความคิดหรือคำพูดของตนเอง
ริ :จดบันทึก เช่น อาจจะบันทึกสิ่งที่คิดว่าเป็รน key word ในเนื้อเรื่องจริงๆเพื่อที่จมีอารมณ์ร่วมในเรื่องของผู้พูดและะช่วยกันหาทางแก้ไขปัญหาอย่างเห็นอกเห็นใจ
สิ่งที่ได้จากการเรียนทักษะการรับฟังเพื่อการบำบัดทำให้ได้ฝึกเทคนิคต่าง ๆ ดังนี้
1.เทคนิคการฝึกทำสมาธิตั้งสติ จากการ Deep Breathing ด้วยตนเอง เช่น หายใจเข้าออก 5 ครั้ง ยาวๆ ให้สงบ และจากที่ทำสมาธิโดยอาจารย์ซึ่งเป็นผู้นำในการฝึกสมาธิโดยช่วยพูดในการทำสมาธิให้ที่ทำให้รู้สึกโล่ง ผ่อนคลาย ความคิดสงบนิ่ง มากยิ่งขึ้นทำให้พร้อมที่จะรับฟังผู้พูดอย่างเต็มที่โดยไม่คิดเรื่องอื่นๆในหัว
2.เทคนิคการจับใจความ หา Key word ที่เป็นปัญหาจริงๆ จากเรื้อเรื่องที่ผู้พูดเล่ายาวๆ เทคนิคนี้อาจไม่เรียกว่าเทคนิค เนื่องจากไม่มีเทคนิคที่ตายตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับดิฉัน แต่ในการเรียนในคาบและได้ฝึกไปเรื่อยๆ หลายๆคาบ ทำให้ดิฉันสามารถพอที่จะจับใจความได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต่อเนื่องมาจากการมีสมาธิในการฟัง หากในครั้งใดที่ไม่มีสมาธิ วอกแวกในการฟัง ก็จะรู้สึกว่าฟังแล้วจับใจความไม่ได้เลยฟังเรื่อยๆแบบไม่ได้คิดตาม
3.เทคนิคการฟังอย่างไม่ตัดสิน เป็นกลาง ฟังอย่างเห็นอกเห็นใจ และอยากที่จะช่วยเหลือ เทคนิคดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่ไม่มีเทคนิคตายตัวแต่ต้องฝึกเช่นกัน เป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุดใน 3 หัวข้อที่กล่าวไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ดิฉันเองทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ต้องฝึกเยอะๆ เช่นกันจึงจะสามารถเกิดเป็น skill โดยจากตัวดิฉันเองเมื่อฟังผู้พูดแล้วยังไม่สามารถ reflexion ออกไปได้อย่างดีมากนัก คือ เมื่อฟังอย่างเป็นกลางแล้ว ฟังอย่างไม่ตัดสินแล้ว เห็นอกเห็นใจผู้ฟังแล้ว ก็อยากที่จะช่วยเหลือ แต่ดิฉันเองยังไม่รู้ว่าตนเองจะพูดออกไปอย่างไร เนื่องจากเกรงว่า สิ่งที่พูดไปนั้นจะไปจี้จุดผู้พูดไหม คำพูดจะแรงไปไหม จึงทำให้ไม่กล้า reflexion ต่อผู้พูด หรือบางครั้ง reflexion ออกไปก็จะดูเกร็งๆ ทำให้สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ต้องฝึกและพัฒนาอย่างมากสำหรับตัวดิฉันเอง
สำหรับสิ่งที่ดิฉันสังเกตว่าพัฒนาได้ดีขึ้นคือ การมีสมาธิ จดจ่อกับปัจจุบัน โดยปกติแล้วตัวฉันเองจะเป็นคนที่ไม่มีสมาธิวอกแวกคิดไปเรื่อย ฟังใครก็ฟังไม่ได้นาน หรือฟังได้นานก็ฟังแบบไม่มีจุดมุ่งหมาย อย่างไม่นิ่งเลย แต่จบ class นี้ทำให้ดิฉันพัฒนาตัวเองในเรื่องนี้เป็นอย่างมากจนสามารถนำไปใช้ได้จริงในการเรียน การสอบ การฟังผู้อื่น ในชีวิตประจำวันทุกวัน เป็นสิ่งที่ทำให้ การเริ่มต้นการทำสิ่งใหม่ๆ ณ ปัจจุบันของเราดีขึ้นอย่างชัดเจน นอกจากนี้คงจะเป็นการจับใจความเหมือนเราได้ฝึกจริง เมื่อฟังเยอะๆ อย่าตั้งใจ ก็ทำให้รับฟังเรื่องของผู้พูดอย่างเต็มที่และใส่ใจจนรับรู้ถึงเรื่องที่ผู้พูดต้องการจะสื่อได้
จากทั้งหมดที่กล่าวไปข้างต้น สังเกตได้ว่าตนเองอยู่ในขั้นที่กำลังพัฒนาในการพูด reflexion ออกไปให้ผู้ฟังได้สะท้อนคิด ซึ่งยังเป็นสิ่งที่ดิฉันเองต้องพัฒนาอย่างมาก ทั้งบรรยากาศในการเรียน บรรยากาศระหว่างอาจารย์และนักศึกษา ตัวเนื้อหาที่เรียนในวิชานี้ สุดท้ายนี้การเรียนใน class นี้ คงจะเป็น class ที่ดีที่สุด รู้สึกโชคดีที่ดิฉันได้เรียน ซึ่งจะไปหาเรียนที่ไหนก็คงไม่มีโอกาสที่จะเจอ class เรียนแบบนี้ได้ง่ายๆ ขอขอบคุณอาจารย์และเพื่อนๆที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ดิฉันเองเกิดการพัฒนาค่ะ
…เรื่องราวดีๆที่น่าจดจำเกิดขึ้นมากมายในที่แห่งนี้ ดิฉันคงจะเกิดความคิดถึงทุกครั้งเมื่อนึกถึง บรรยากาศในชั้นเรียน เสียงหัวเราะ และน้ำตา ของทุกคนในทุกเช้าวันศุกร์…
6423008 พัชรพร ผ่องผล
ไม่มีความเห็น