"ศึกทุ่งไหหิน…นรกบนดิน"


“ศึกทุ่งไหหิน…นรกบนดิน”  คนนิรนาม #ศึกทุ่งไหหิน..นรกบนดิน - YouTube

ทหารเวียดนามอีก 71 คน เพิ่งกลับจากสมรภูมิทุ่งไหหิน
ดงต้นแปก-ทุ่งไหหิน พลิกโฉมเมืองพวน โพนสะหวัน

   -“ความพินาศ” ที่ถูกอำพรางมาแสนนาน… ณ ดินแดนตรงนี้ คือ พื้นที่เล็กๆ บนพื้นพิภพ ที่ถูกทิ้งระเบิดหนักที่สุดในโลก…

   -ทุ่งไหหิน เมืองเชียงขวาง พื้นที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนราว 400 ตร.กม. ล้อมไปด้วยเนินเขาสูง ตรงกลางเป็นพื้นราบ


  -พื้นราบอันสวยงาม โรแมนติกไม่น้อย ปรากฏ “ไหหิน” สีเทาขนาดใหญ่นับพันชิ้นที่กระจายอยู่ ส่วนใหญ่จะรวมกันเป็นกลุ่ม 2-3 ไห

  -ความสงบสุข ปนเปกับความลึกลับของไหหิน ยืนยันทฤษฎีว่าสถานที่แห่งนี้น่าจะเคยเป็นสุสาน เป็นที่เผาศพมนุษย์มีอายุมากกว่า 2 พันปี

ปี พ.ศ.2473 ฝรั่งเศสเจ้าอาณานิคม เคยทำวิจัยทางโบราณคดีพบลูกปัดแก้วภายในไห มีเศษกระดูกและฟันมนุษย์ที่ถูกไฟไหม้อยู่ภายใน …รอบๆ ไห มีแผ่นหินเป็นเครื่องหมายตำแหน่งของหลุมศพ

   -และแล้ววันหนึ่ง…ทุ่งไหหินกลายเป็นนรกบนดินที่นักรบไทยเคยไปสู้รบอย่างกล้าหาญ

   -ราว พ.ศ.2507 ทหารเวียดนามเหนือขนาดมหึมากรีฑาทัพ รุกเข้าสู่ดินแดนลาวอย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรรหมณ์

   -ซีไอเอ หน่วยข่าวกรองกลางของสหรัฐได้รับไฟเขียวจากวอชิงตัน ให้เข้ามาทำสงครามยับยั้งคอมมิวนิสต์เวียดนามเหนือในดินแดนลาว…

   -ซีไอเอ จัดตั้งชาวม้งลาวเป็นนักรบมากกว่า 3 หมื่นนาย แล้วยังมาพูดคุยกับรัฐบาลไทยให้ส่งทหารเสือพรานไปช่วยรบในลาวอีกราว 3 หมื่นนาย

   -สงครามจะดุเดือดในช่วงหน้าแล้ง ภูมิประเทศในลาว เป็นเขาสูง ไม่มีถนน อากาศยานของบริษัทเอกชนสหรัฐ คือ แอร์อเมริกา โดยเฉพาะเฮลิคอปเตอร์ คือ พระเจ้า ที่จะนำอาหาร กระสุน ขนส่งทหาร คนเจ็บ คนตาย บินไป-มา ภายในลาวและบินออกมาสนามบินอุดรธานี

   -การทำสงครามในยุคสมัยโน้น มุ่งเน้นการยึดพื้นที่สูงยึดภูมิประเทศสำคัญ (Key Terrain) เพื่อควบคุมสนามรบ เพื่อให้ได้เปรียบการรบ บังคับวิถีการรบ

   -ทุ่งไหหิน ตั้งอยู่บนแนวทางการเคลื่อนที่ของกองทัพเวียดมินห์ ภายใต้การบังคับบัญชาของ โฮจิมินห์ ที่กำลังโหมกระหน่ำ รุกสู่ภาคตะวันตกของลาวประสงค์ให้แผ่นดินลาวเป็นส่วนหนึ่งของระบอบคอมมิวนิสต์

    -พ.ศ.2512 นายพลวังเปา เคยสั่งทหารม้งนำกำลังยึดทุ่งไหหินมาครอบครอง ด้วยการสนับสนุนแบบเทหน้าตักจากกองทัพอากาศสหรัฐ

   -เมื่อหน่วยข่าวรายงานชัดเจนว่า “มันหวดเราแน่” ทหารเสือพราน…นักรบจากไทย ทหารราบ ทหารปืนใหญ่ ถูกโยกกำลังไปเตรียม “ต้อนรับ” การรุกใหญ่แบบ “อยู่หรือตาย” …

   -ทหารไทยวางกำลังกระจายกันไปตามยอดเขาที่โอบล้อมทุ่งไหหิน

ราชาแห่งสนามรบ (King of The Battle) ตัวจริง คือ ทหารปืนใหญ่ที่ทหารราบต้องซูฮกยกนิ้วให้ ฐานยิงปืนใหญ่ จะอยู่ห่างไกลออกไปนับ 10 กม. ขึ้นอยู่กับขีดความสามารถ ระยะยิง…

   -ราชาแห่งสนามรบ สามารถส่งกระสุนพญายมไปลง ณ ที่ใดก็ได้ แม้ห่างออกไปกว่า 20 กม. ก็ยิงให้ลงกลางหัวได้ตามที่ร้องขอ (อย่างถูกวิธี)

ทหารปืนใหญ่นักรบไทย สร้างชื่อเสียง รับประกันความพอใจ ยิงโคตรแม่น ยิงเร็ว ตอบสนอง “คำขอยิง” ได้ทั้งกลางวันกลางคืน ตัวปืน-กระสุน ทั้งหมด เจ้าสัวซีไอเอหิ้วมาให้ทางอากาศ…

   -ซีไอเอ รวยเละ ใจนักเลง บินส่งอาวุธ กระสุน ด้วยเฮลิคอปเตอร์แบบไม่อั้น ชีวิตของทหารราบนับพัน นับหมื่นที่กำลังรบติดพัน ทั้งกลางวัน กลางคืน ต้องพึ่งพา โหยหา ปืนใหญ่ให้ดูแลแนบชิดประดุจคนรัก

  -กองทัพอากาศสหรัฐ แอร์อเมริกา รวมทั้งนักบินของไทยที่ไปบินในลาว ทำหน้าที่ยอดเยี่ยมและกล้าหาญที่สุดในประวัติศาสตร์การรบในลาว ทุกชีวิตในสนามรบ ชาวม้งนับแสนคน ฝากชีวิตไว้กับเครื่องบินที่จะมาส่งเสบียง มาช่วยสาดกระสุนจากฟ้า…

   -เรื่องเฮฮาประสานักรบ… บางครั้ง แอร์อเมริกาบินมา “ทิ้งร่ม”ส่งข้าวปลาอาหารในป่าเขา ทุกฝ่ายจะแหงนมองบนฟ้า ทิศทางลมจะกำหนดโชคชะตาว่า ร่มจะลอยปลิวไปไหน ใครนำกำลังทหารเข้าไปแย่งมาได้ คนนั้นก็ได้ครอบครอง

   -หลายโอกาส ที่ทหารเวียดนามเหนือเอาเสบียงไปกินฉิบ…

ต้องขอเรียนกับท่านผู้อ่านนะครับว่า…สภาคองเกรสในวอชิงตันก็ไม่

ต้องขอเรียนกับท่านผู้อ่านนะครับว่า…สภาคองเกรสในวอชิงตันก็ไม่ค่อยทราบรายละเอียดของการทำสงครามในลาว ทุกอย่างเป็นความลับ ซีไอเอ คือหน่วยปฏิบัติการลับ มีเสรีในการทำงานแบบสุดขอบฟ้า…

    “17-20 ธันวาคม 2514 คือ การรบที่โลกต้องจารึก”

   *ก่อนหน้านั้น นานนับเดือน…กองทัพเวียดมินห์…ทำงานแบบ “งูเหลือม” …ค่อยๆ เลื้อยเงียบกริบเข้าหาเหยื่อ

  -ทุ่งไหหิน ประดุจสาวสวย เนื้อหอม…มีแต่ชายหนุ่มมารุมฉุด

กลางปี พ.ศ.2514 กองทัพเวียดมินห์ที่ห้าวหาญราว 2 หมื่นนายเตรียมการเข้าตีแตกหัก

  -เดือนธันวาคม โดยทั่วไปไร้พายุฝน หากแต่ช่วงเวลานั้นบริเวณทุ่งไหหิน เกิดพายุฝน ลมแรง ฟ้าชุ่มฉ่ำด้วยเมฆหมอก…แปลว่า…การใช้อากาศยานที่ซีไอเอมี “ศักย์สงคราม” เหนือกว่า เป็นเรื่องที่ลืมไปได้เลย…

  -“The Ravens” ซึ่งเป็นชื่อรหัสของนักบินสหรัฐที่ปฏิบัติการในลาว

เครื่องบินที่บินมาช่วยยิงโจมตีใส่ข้าศึก เรียกว่า การสนับสนุนทางอากาศใกล้ชิด (Close Air Support : CAS)

 - ขออ้างอิงจากหนังสือ สงครามลับในลาว ของ พลเอก สายหยุด เกิดผล (นายทหารรุ่นพ่อ) และหนังสือ คนไทยในกองทัพแห่งชาติลาว ของ พลตรี สัมพันธ์ แจ้งเจนเวทย์ (นายทหารรุ่นพี่)เพื่อเล่าเรื่องครับ…
.  -เวียดนามเหนือ ใช้ปืนใหญ่ขนาด 85 มม. 122 มม. 130 มม. จรวดยิงขนาด 107 มม. และ 122 มม. ที่ได้รับมาจากลูกพี่จีนและโซเวียต

  -“ไอ้ตัวแสบ” ที่สุด คือ ปืน 130 มม. ของโซเวียตที่ยิงได้ไกลราว 27 กม. ต้องยอมรับว่าเป็น “หมัดยาว” ที่น่าเกรงขามที่สุด

   -ในบางภารกิจ “ปืนใหญ่ฝ่ายเรา” ก็ต้องยิงใส่ที่ตั้ง “ปืนใหญ่ข้าศึก” หากแต่ถ้าของเรา “ช่วงชกสั้น” หมัดยาวไม่ถึง ก็มีหนาวครับ…

  -นักรบไทยทราบพิษสงของ ปืนใหญ่ 130 มม. ของเวียดนามเหนือ…มัน คือ หนามยอกอก ที่มึงยิงกูถึง แต่กูยิงมึงไม่ถึง…

   -บันทึกจากสนามรบระบุว่า… ในสมรภูมิลาว นักรบไทยใช้ปืนใหญ่ขนาด 105 และขนาด 155 มม. ซึ่งยิงได้ระยะสั้นกว่า

  -ราวตี 4 อากาศปิด ฟ้ามืดครึ้ม มีฝนปรอย ทหารรถถังเวียดนามเหนือ ติดเครื่องยนต์รถถังนับสิบคันที่ถูกช้างลากมาจอดซุ่มพร้อมกัน

  -ความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ อำนาจการยิง เกราะกำบังของรถถัง และเสียงคำรามอันทรงพลังของหน่วยรถถัง สร้างความหวาดกลัวต่อทหารราบในสนามรบได้ผลชะงัด

   -17 ธันวาคม 2514 ทหารเวียดนามเหนือราว 2 หมื่นนาย แยกกันเข้าตี 3 ที่หมายพร้อมกัน ทหารราบ ทหารปืนใหญ่ ทหารรถถัง ของเวียดนามเหนือ เคลื่อนกำลังเข้าบดขยี้ทหารม้ง ทหารเสือพรานของไทย

   -นักรบไทยตั้งฐานระดับกองพัน 3 แห่งรอบทุ่งไหหิน ภูเทิง (โดย ร้อยโท โรม ชัยมงคล) ภูห่วง และภูเก็ง

   -ที่ตั้ง 3 ฐาน เป็นภูมิประเทศสำคัญ (Key Terrain) ที่มีผลต่อการควบคุมทุ่งไหหิน

  -ฐานปืนใหญ่ของนักรบไทย คือ มัสแตง ไลอ้อน คิงคอง สติงเรย์ และแพนเธอร์ มีภารกิจยิงสนับสนุน

  -ภูเทิง โดนถล่มจากปืนใหญ่ทหารแกวแบบโงหัวไม่ขึ้น ไม่รู้ว่ามันเอากระสุนมาจากไหน บังเกอร์นักรบไทยกระจุย ถล่มเช้าจรดเย็น

   -แซปเปอร์กล้าตาย ทหารราบแกว รุกเข้าประชิด ตัดลวดหนาม รื้อสนามทุ่นระเบิดฝ่ายเรา เกาะติด ปิดล้อมฐานนักรบไทย กองร้อยรถถังทหารแกวเคลื่อนเข้าหาที่หมายระดมยิงใส่ภูเทิง

   -พระเจ้าไม่ช่วย… วันนั้น อากาศปิดขอกำลังทางอากาศไม่ได้ ทหารปืนใหญ่ของทหารไทยที่คุ้มกันทหารราบ ยิงสนับสนุนให้ฐานภูเทิงของผู้หมวด โรม แบบถวายหัว รบติดพันทั้งวันทั้งคืน

   -ส่วนฐานทหารราบของ ร้อยโท ชูเกียรติ สินค้าเจริญ คือ กองพัน BC 609 ถูกข้าศึกเกาะติด กระชับวงล้อม โดนปืนใหญ่เวียดนามถล่มเช่นกัน ทหารไทยเจ็บ ตาย รบติดพันแบบไม่มีใครช่วยใครได้….

   -บก. ควบคุม 333 หรือตึกขาว ในค่ายประจักษ์ศิลปาคม อุดรธานี ได้รับรายงานถึงทะเลแห่งสงครามเดือด ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก…

ฐานทหารราบ และฐานปืนใหญ่ของนักรบไทยถูกถล่ม ผ่านไป 2 วัน 2 คืน ต้องยอมรับว่าปืนใหญ่ของทหารแกวยิงได้ไม่อั้น กระสุนคงมีเหลือล้น

เช้ามืด 19 ธันวาคม 2514 ทหารแกวฝ่าดงระเบิด ตัดลวดหนามบุกเข้าไปในฐานได้บางส่วน

   -ร้อยโท โรม พูดวิทยุกับ ร้อยโท ไกรสีห์ โสภโณดร ผบ. ฐานยิงสติงเรย์เพื่อนร่วมรุ่นที่เป็น ผบ. ฐานยิงปืนใหญ่ห่างออกไปมากกว่า 10 กม. ให้เตรียมยิงแตกอากาศเหนือฐานตนเอง…

   -“การยิงแตกอากาศ” ของปืนใหญ่ คือ การขอให้ปืนใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปยิงกระสุนไประเบิดในอากาศเหนือพิกัดที่ตนเองอยู่ มันคือ การขอพลีชีพ ขอตายพร้อมข้าศึก เป็นการปฏิบัติการขั้นสุดท้ายที่ผู้บังคับหน่วยทหารพึงกระทำ เป็นวีรกรรมสุดขั้วของทหารกล้า “กูขอตายพร้อมกับข้าศึก”

“ทหารเวียดนามเหนือ บุกเข้าฐานสำเร็จ…ตะลุมบอนกันในฐาน”

  -ราว 17.00 น. ร้อยโท โรม ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ขอยิงแตกอากาศเหนือฐานตนเอง…ท่านขอตายพร้อมกับข้าศึกบนฐาน (ทั้งๆ ที่จะถอนตัวก็ได้)

  -จากการตรวจสอบภายหลัง ร้อยโท โรม ชัยมงคล และร้อยโท ชูเกียรติ สินค้าเจริญ และกำลังพลนักรบไทยอีก 6 นาย รวม 8 นาย เท่านั้นที่ปักหลักสู้ยิบตาจนนาทีสุดท้าย…เสียชีวิตทั้งหมด (ที่เหลือถอนตัวออกไปก่อนแล้ว )

ไปดูสถานการณ์ที่ “ภูเก็ง” ที่มีนักรบไทยตั้งฐานอยู่ทางตอนเหนือของทุ่งไหหิน ก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน ถูกปืนใหญ่ญวนถล่มแบบห่าฝน ทหารแกวเกาะติด ปิดล้อม….

   -เหนือฟ้าภูเก็ง อากาศขมุกขมัว มีอากาศยาน T-28 มายิงสนับสนุนให้ได้ 1 เที่ยวบิน …แต่ก็โดน ปตอ. ขนาด 12.7 มม. ของทหารแกวสอยร่วงในพื้นที่ เลยไม่มีอากาศยานหน้าไหนกล้าเข้ามายิงช่วยอีก…

  -ฐานยิงปืนใหญ่ ชื่อ แพนเธอร์ (Panther) มีภารกิจยิงสนับสนุนแก่ฐานนักรบไทยที่อยู่บนยอดภูเก็ง ก็ถูกทหารแกวตีแตก ทหารแกวบุกยึดฐานได้ ทหารญวนคึกคัก ดีใจยึดฐานทหารไทยได้

   -ฐานยิงปืนใหญ่ของนักรบไทย ชื่อ ฐานคิงคอง (KingKong) ที่อยู่ในระยะยิง ทราบว่าทหารญวนเข้าไปยึดฐานภูเก็ง ก็ถือโอกาส “จัดงานต้อนรับ” ผบ. ฐานยิงคิงคองสั่งยิงประเคนใส่ฐานที่ภูเก็งอย่างไม่ยั้ง มันเป็นการยิงที่แม่นยำ ได้ผล ทหารญวนเสียชีวิตจำนวนมากบนฐาน

   -เสือพรานไทย ก็มิใช่จะนอนรอให้แกวมาตี เมื่อข่าวกรองรายงานว่า “มันมาแน่” เสือพรานนำทุ่นระเบิดดักรถถังไปวางตามช่องทางเคลื่อนที่ของรถถัง ผลออกมาได้เฮสมใจนึก รถถัง T-34 ของทหารแกว 2 คัน เหยียบทุ่นระเบิดลุกไฟท่วมหงายเก๋ง รถถังที่เหลือถอยกลับ…

  “ซีไอเอ ชมเปาะว่า เสือพรานไทยเจ๋งจริงๆ” 

   -ช่วงเย็น 20 ธันวาคม 2514 กองทัพเวียดนามเหนือ ร่วมกับกองกำลังลาวฝ่ายคอมมิวนิสต์ ยึดทุ่งไหหินได้เบ็ดเสร็จ…

  -ใคร ใคร่รู้…ไปค้นข้อมูลเชิงลึกจาก หนังสือ Shadow War ของ Kenneth Conboy บันทึกเบื้องหลังไว้ว่า…

“…ก่อนทหารญวนเข้าตีทุ่งไหหิน ทหารม้ง ขวัญต่ำ เสียวินัย ขาดหนีไปจากฐานปฏิบัติการ ประการสำคัญ คือ วันที่ 16-21 ธันวาคม คือ วันหยุดปีใหม่ของชาวม้ง มีทหารม้งบางส่วนหนีไปเฉลิมฉลองในขณะที่เวียดนามจะเข้าตี วังเปา ทราบข่าวจึงบินไปตรวจหน่วยทหารม้ง ซึ่งก็ไม่มีผลอะไร…”

   -แปลว่า ทหารม้งแทบไม่เหลือ ปล่อยทหารไทยให้รบไปลำพัง

   -ช่วงเวลานั้น อะไรๆ มันเลวร้ายไปหมด สหรัฐเสียเครื่องบิน F-4 ไป 2 ลำ ลำแรกถูกเครื่อง Mig 21 สอยร่วง อีก 1 ถูกจรวดสอยร่วง

ขอเปลี่ยนฉากไปถึง “การถอนตัว” จากการรบ…

   -20 ธันวาคม 2514 เวลาค่ำ … “เวียงชัย” คือ ชื่อรหัสของ ร้อยโท คำรณ ธาราวุฒิ นำทหารเสือพราน 14 นาย รวมทั้งคนเจ็บตีฝ่าวงล้อม ออกมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เวียงชัย นำนักรบไทยหลบลงไปเดินในหุบ ใช้ความมืด ความเงียบ อพยพ มุ่งหน้าไปฐานปืนใหญ่แพนเธอร์ของทหารไทย

ขึ้นจากหุบ ทหารเสือพรานไปโผล่บนทุ่งหญ้าคาสูงท่วมหัว ใช้เวลาทั้งคืน เดินแหวกหญ้าพรางตัว

   -รุ่งสาง พอมีแสงเงินแสงทอง… พลลาดตระเวนนำ มองเห็นทหารบนฐานยิงแพนเธอร์จึงโบกมือแสดงตัว… ทหารบนฐานแพนเธอร์ก็มีน้ำใจ กวักมือเรียกให้เพื่อนรีบเดินเข้ามาได้เลย เสือพรานผู้อิดโรยดีใจสุดชีวิต…

   -พอเดินเข้าไปใกล้อีกหน่อย…กลุ่มทหารเสือพรานตื่นตะลึงสุดขีด…เฮ้ยนี่มันทหารญวนทั้งนั้น มีทหารญวนราว 50-60 นายมาล้อมจับ

   -นรกส่งมันมาเกิด…ทหารที่กวักมือเรียกอย่างอบอุ่น เสือกเป็นยมบาลทหารญวนที่เข้ามายึดฐานแพนเธอร์ไปได้ก่อนแล้ว

   -ทีมเสือพรานไทยของเวียงชัยทั้งหมด โดนจับเป็นเชลย…เมื่อถูกควบคุมตัวไปบนฐานพบว่ามีเพื่อนทหารเสือพรานไทยถูกจับเป็นเชลย ถูกมัดมือไว้อยู่แล้ว 13 คน รวมเป็นเชลยศึกไทย 27 นาย

  -ทหารญวนใช้เชือกของร่มชูชีพมามัดมือ มัดแบบจับคู่ แล้วพาเดินเพื่อจะนำตัวไปเข้าค่ายกักกันที่ห่างออกไปไกลโข เวียงชัยไม่แสดงตัวว่าเป็นนายทหาร มีคนเจ็บในขบวนเดิน ทหารญวน 6 นายเป็นผู้คุม

    -ทุกเวลานาที เสือพรานไทยจ้องหาโอกาสหลบหนี เมื่อหยุดพักในป่า มองซ้าย มองขวา มองพระอาทิตย์เพื่อหาทิศทาง ขบวนเดินต้องข้ามลำน้ำ ผ่านไป 1 วันยังไม่มีจังหวะหนี

  -22 ธันวาคม 2514 จังหวะที่ต้องข้ามลำน้ำ เชลยศึกและผู้คุมเชลยต่างใช้น้ำล้างหน้า เวียงชัยและพลทหาร ทองแดง สิงหา แอบแก้เชือกผูกมือในลำน้ำ แสร้งเดินขึ้นจากลำธารเป็นกลุ่มเหมือนโดนมัด เมื่อผ่านคันดินสูง วิญญาณนักรบเดนตาย 2 คนกระโดดแยกตัวออกจากกลุ่ม พุ่งตัวไปหลังคันดิน คลานไปตามร่องน้ำ ไปหลบเงียบในพงหญ้าสูง

   -ทหารญวนที่ควบคุมเชลยศึก กลับมากวาดสายตาไล่ล่า 2 เชลยเดนตาย กราดยิงแบบเดาสุ่ม ไปจุดนั้น จุดนี้ แล้วเดินจากไป…

   -นายทหารและพลทหารคู่หู ซ่อนตัวสงบอยู่จนมืดค่ำ จึงโผล่ตัวขึ้นมามุ่งหน้าไปทางเดิมที่ถูกจับมา เพื่อไปค้นหา แผ่นกระจกส่องแสงแดดเพื่อจะหาโอกาสเรียกอากาศยานฝ่ายเราที่บินผ่าน

   -นอนกลางวันในพงหญ้า เดินกลางคืนอีก 2 วัน ในที่สุด เวียงชัยและพลทหาร ทองแดง สิงหา พาร่างกายอันสะบักสะบอมไปถึงฝั่งน้ำงึม

   -เสี้ยววินาทีของชีวิตนักรบใจหายวาบ…เสียงเฮลิคอปเตอร์เว้ย… เวียงชัย รีบไปที่โล่ง นำกระจกส่องแสงแดดบิดไป-มา ทำแสงวิบวับกับอากาศยานแล้วถอดเสื้อผูกปลายไม้โบกไป-มา ขอความช่วยเหลือ

  -ฮ. ของพ่อพระ บินวนกลับมา 2 รอบ ไม่กล้าลงมาใกล้ ทิ้งร่มชูชีพลงมาให้ 2 เดนตาย…ไม่รู้ว่ามึงเป็นใคร… ร่มเจ้ากรรมลอยไปติดค้างต้นไม้

   -นักบินวนมาทิ้งร่มที่ 2 มีอาหาร ระเบิดขว้างและวิทยุสื่อสาร นักบินชื่อจัดตั้ง คือ เกษตร

   -เวียงชัย รีบวิ่งไปหยิบวิทยุสนามรุ่น HT-2 นักบินพูดทางวิทยุลงมา เช็กให้แน่ใจว่า มึงเป็นใคร…ในที่สุดเมื่อทราบว่า เวียงชัย คือ นายทหารรุ่นน้องที่เคยไปรบด้วยกันในเวียดนาม เวียงชัย คือ นายทหารที่เคยได้รับเหรียญกล้าหาญซิลเวอร์สตาร์ของสหรัฐ และ เกษตร คือ ร้อยเอก วิจิตร จุณณะภาต

พี่เกษตรพูดทางวิทยุว่า พรุ่งนี้พี่จะมารับเอ็งเว้ย… ให้ซ่อนตัวอีก 1 คืน

   “16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน เปิดโล่งเป็นทางสะดวกทะลุถึงกันหมด”…

   -รุ่งขึ้น… 25 ธันวาคม 2514 ฮ. ของ “พี่เกษตร” บินมาผ่านจุดนัดพบ แต่เพื่อความปลอดภัย เกรงถูกซ้อนแผน พี่เกษตรพูดทางวิทยุให้เวียงชัยเดินขึ้นไปทางเหนืออีก 2 กม. จะชัวร์กว่านี้….

  -ราวบ่าย 4 โมง เวียงชัยและพลทหาร ทองแดงเดินไปตามลำน้ำราวครึ่งทาง นักบินเกรงอากาศปิดเลยตัดสินใจนำเครื่องลงไปรับตัว

ฮ. S-58 T ของพี่เกษตรลงมารับตัว โดยมีเครื่องบิน T-28 บินคุ้มกันบนฟ้าอีก 2 ลำ นักรบเดนตายของไทย 2 นาย ถูกนำตัวไปสนามบินล่องแจ้ง มีการต้อนรับอย่างวีรบุรุษ

  -เชลยศึกเสือพรานที่เหลืออีก 25 คนถูกทหารญวนนำไปควบคุม ต่อมามีการเจรจายุติสงคราม เสือพรานไทยทั้ง 25 นายได้รับการปล่อยตัวแลกเปลี่ยนเชลยศึก ณ สนามบินโพนสวรรค์ ทุ่งไหหิน เมื่อ 19 กันยายน 2519 ทั้งหมดถูกจองจำอยู่ 2 ปี 9 เดือนเศษ

   -ผู้เขียนระลึกได้ว่า เมื่อเป็นนักเรียนนายร้อย จปร. ปี 3 พ.ศ.2518 นักเรียนนายร้อยทั้ง 5 ชั้นปี เข้าหอประชุมใหญ่ ได้รับฟังการบรรยายจาก ร้อยเอก คำรณ ธาราวุฒิ วีรบุรุษของกองทัพบกอย่างสุดปลื้ม….

   -ขอแถมท้ายครับ…“เงินชุม” คือ ชื่อจัดตั้งของ ร้อยเอก ศักดา ไชยรังสฤษฏ์ นายทหาร จปร.9 (เกษียณราชการยศ พลโท) ท่านเคยไปทำงานในสมรภูมิลาวด้านการข่าว พ.ศ.2515 ให้ข้อมูลเพิ่มเติมมาว่า คำว่า Task Force VP ย่อมาจาก Task Force Vang Pao (วังเปา) ท่านยังเก็บโล่ที่ระลึกไว้ ท่านที่มอบโล่ห์ให้ ชื่อจัดตั้ง คือ เต็ม นามจริง คือ พลเอก หาญ ลีนานนท์…

  “ขอยกย่อง สรรเสริญ ทหารกล้าทุกท่านด้วยความจริงใจ ผู้เขียนจะเสาะหาอดีตนักรบ มาเปิดเผย “วีรกรรม” ให้ทราบกันต่อไปนะครับ”

-*เรียบเรียงโดย  พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก"

ศึกทุ่งไหหิน..นรกบนดิน”

"อินทนิล" วีรบุรุษผู้ขอปืนใหญ่ยิงถล่มฐานตนเองที่ทุ่งไหหิน

 

คำสำคัญ (Tags): #"ทุ่งไหหิน"
หมายเลขบันทึก: 710619เขียนเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2022 07:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2022 20:24 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท