หนังสือ ใจคน ชุมชน การเปลี่ยนแปลง บทเรียนการนำร่วมจากผู้ขับเคลื่อนสังคม (๒๕๖๐) ที่มี อีบุ๊ก ให้ดาวนโหลดฟรีที่ (๑) จัดพิมพ์โดยโครงการผู้นำแห่งอนาคต นำโดย รศ. ดร. อนุชาติ พวงสำลี เล่าเรื่องราวของกลุ่มผู้นำ ๓ กลุ่มคือ (๑) มูลนิธิบ้านครูน้ำ จังหวัดเชียงราย (๒) ชุมชนโคกสลุง อ. พัฒนานิคม จ. ลพบุรี และ (๓) กลุ่ม ทราเวลล กรุงเทพมหานคร
อ่านแล้วผมสรุปว่า ใครๆ ก็เป็นผู้นำได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นบุคคลพิเศษ หรือเก่งเป็นพิเศษ จึงจะเป็นผู้นำได้
กระบี่อยู่ที่ใจ
จิตสาธารณะ เป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นผู้นำ
การศึกษา เป็นจุดบ่มเพาะความเป็นผู้นำ โดยต้องช่วยให้เยาวชนบ่มเพาะภาวะผู้นำให้แก่ตนเอง เป็นโจทย์ต่อผู้บริหารโรงเรียนและครู ว่าท่านมีแนวทางหนุนให้ศิษย์ของท่านบ่มเพาะภาวะผู้นำใส่ตัวอย่างไรบ้าง
หลักการข้อที่ ๑ คือ ต้องไม่เน้นสอนให้ท่องจำ ไม่เน้นสอนให้เชื่อ ให้เน้นสอนให้สงสัย ถาม พยายามหาคำตอบด้วยตนเอง ทั้งค้นคว้า และทดลองทำ ทำแล้วคิด ที่เรียกว่า “ใคร่ครวญสะท้อนคิด” (reflection) คือ ให้เขาได้ฝึกคิดเอง สร้างความรู้ใส่ตัวเอง เป็นสำคัญ การคัดลอก เลียน เรียน จากคนอื่น เป็นรอง เขาจะค่อยๆ พัฒนาความเป็นผู้นำขึ้นมาในตน
การเรียนรู้เชิงรุก (active learning) เป็นวิธีสร้างผู้นำ โดยไม่ต้องพูดถึงคำว่าผู้นำ
กลับมาที่หนังสือ หนังสือ ใจคน ชุมชน การเปลี่ยนแปลง บทเรียนการนำร่วมจากผู้ขับเคลื่อนสังคม ที่ผมคิดว่า น่าจะเป็นตัวอย่างแนวทางการทำงานวิชาการแนวหนุนเสริม (empowerment) ได้เป็นอย่างดี เป็นตัวอย่างงานวิชาการที่วงการขับเคลื่อน education transformation ควรพิจารณานำมาใช้
ในสถานการณ์ที่มีปัญหา มีความคับขัน จะมีผู้นำปรากฏตัวจำนวนมากเสมอ แต่ส่วนใหญ่จะดำเนินการอยู่เงียบๆ ตามบริบทของตน เป็นสภาพของวงการศึกษาไทยในขณะนี้ หากมีการวิจัย ทำความเข้าใจคุณค่าของการริเริ่มสร้างสรรค์เล็กๆ เหล่านี้ในมิติที่ลึก และหาทางขับเคลื่อนให้เชื่อมโยงกันเป็นขบวนการที่ใหญ่ขึ้น อาจนำสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่หรือ transformation ได้
วิจารณ์ พานิช
๒๖ ส.ค. ๖๕
ไม่มีความเห็น