ขาไป ๑๕ - ๑๖ พ.ค. ๖๕
เราเดินทางโดยสายการบิน Austrian Airline เที่ยวบินที่ OS 26 ไปเวียนนา ผมออกจากบ้านโดยรถแท็กซี่เวลา ๑๙.๑๕ น. ใช้เวลา ๑ ชั่วโมงก็ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ การเช็คอินที่เคาน์เตอร์ของสายการบินสะดวกสบาย กระเป๋าของผมหนักแค่ ๑๔ กก. แล้วไปเข้า Fast Lane ผ่าน security check และ immigration อย่างรวดเร็ว
ที่เสียเวลาคือ หาห้องรับรองของการบินไทย เพราะห้องรับรองที่เคยใช้เมื่อ ๓ ปีก่อนปิดหมด มีเปิดที่เดียวตรงใกล้ gate D4 กว่าจะหาพบผมก็ได้ก้าวเดิน ๑.๒ หมื่นก้าว มากกว่าที่ต้องการวันละ ๑ หมื่น ห้องรับรองใหญ่ มีคนมาก บริการดี สักครู่ ศ. นพ. ประสิทธิ์ วัฒนาภา ก็มานั่งคุยด้วย ตามมาด้วย ศ. นพ. ปิยะมิตร ศรีธรา ในภายหลัง การเดินทางช่วยให้ผมได้เปิดหูเปิดตา ได้รับรู้เรื่องราวภายนอก
เครื่องบินออกตรงเวลา ๒๓.๔๕ น. ผมนั่งที่นั่ง 4D คู่กับ อ. หมอประสิทธิ์ อาหารที่เสิร์ฟอร่อยมาก ผมเลือกปลาทั้งออเดิฟและอาหารหลัก ของหวานก็อร่อย ผมสั่งกาแฟที่แปลก คือ Einspanner เป็นกาแฟดำใส่วิปครีมและน้ำตาลแดง ไม่อร่อย ที่อร่อยมากคือไวน์แดงออสเตรีย Zweigelt neusiedlersee dac 2020 ผมดื่มเสีย ๒ แก้ว
ก่อนเครื่องลง ๒ ชม. เขาเสริฟอาหารเช้า เวลาบ้านเราคือ ๘.๓๐ น. เวลาของเขาคือ ๐๓.๓๐ น. ผมเลือกไข่เจียวใส่ผักโขม อร่อย (ไม่เลือกแพนเค้กเพราะมีแป้งมาก แสลงเบาหวาน) ที่ผมติดใจคือน้ำส้มคั้น ที่คั้นมีเนื้อส้มแขวนลอยอยู่ อร่อยมาก ไม่เคยกินน้ำส้มแบบนี้มาก่อน
เป็นครั้งแรกที่นอนสวมหน้ากากอนามัย แถมสวม N 95 เสียด้วย (ลูกสาวที่เป็นหมอฟันเอามาให้ เป็นครั้งแรกที่ผมสวม N 95) เพราะสายการบินระบุ (แต่เห็นผู้โดยสารบางคนสวมหน้ากากธรรมดา เขาก็ไม่ว่าอะไร) ทำให้นอนไม่หลับ ประกอบกับที่นอนแคบ นอนไม่สบาย จึงลุกมาอ่านหนังสือใน iPad ชื่อ There Are Places in the World Where Rules Are Less Important Than Kindness เขียนโดย Carlo Rovelli ประเทืองปัญญาสุดๆ จะเขียนบทสะท้อนคิดในบันทึกหลังชุด Annecy โลกสมัยนี้ชีวิตสะดวกจริงๆ ผมมีหนังสือใน iPad ให้เลือกอ่านมากมาย
เวลาตีสี่ฟ้าก็สางแล้ว ตอน ๔.๔๕ น. แดดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง และฟ้าสีทองสวยงาม
เครื่องบิน (Boeing 777-200) แตะพื้นอย่างนิ่มนวล เวลา ๕.๓๐ น. ตรงเวลาเป๊ะ การ transit วุ่นวายเอาเรื่อง เราต้องผ่าน safety check และ immigration check เข้า อียูที่นี่ (แถวยาว) แล้วเนื่องจากป้ายบอกทางโดนบัง กลุ่มเราจำนวนหนึ่งรวมทั้งผมเราจึงหลงไปเข้า safety check อีกครั้งหนึ่ง ดีที่ อ. หมอประสิทธิ์เฉลียวใจที่เห็นป้ายส่วนที่คนเข้าคิวยาวมากว่าเป็น economy class จึงไปถามเจ้าหน้าที่ว่ามีแถว business class ไหม เขาจึงจัดคิวลัดให้
ออกมาแล้วก็ยังต้องเดินไกล ไปที่ประตู F 22 ขี้นเครื่องเที่ยวบิน OS 0571 ไปเจนีวา ออกเวลา ๗.๓๐ น. ใช้เวลาบิน ๑ ชม. ๒๐ นาที เครื่องบินเป็น Embraer E95 น่าจะราวๆ ๘๐ ที่นั่ง ที่นั่งแถวละ ๒ + ๒ ชั้นธุรกิจเขาว่างที่ติดกันไว้ ให้เรานั่งครอง ๒ ที่นั่งคนเดียว และมีอาหารเช้าให้ด้วย ระหว่างทางได้วิวภูเขามีหิมะคลุม แดดจ้า เมฆขาวสวยงาม ก่อนถึงเจนีวาฟ้ากลับมัว และฝนตกปรอยๆ
ที่สนามบินเจนีวา รอกระเป๋าประมาณ ๒๐ นาที แล้วรวมขบวน ๑๘ คน นั่งรถตู้ ๓ คันไปยัง อ๊านซี ระหว่างทางบางช่วงวิวสวยมาก เป็นลาดเนินเขา ใช้เวลา ๔๐ นาที ถึงโรงแรม Imperial Palace
ขากลับ ๒๐ พ.ค. ๖๕
หลังเช็คอิน ที่ต้องแสดง Thailand Pass ไปนั่งกินอาหารเย็นที่ห้องรับรอง Swiss Air แล้วได้ข่าวว่าเครื่องบินออกช้า ชั่วโมงครึ่ง เพราะเขารู้ข่าวว่ามีไฟไหม้ใกล้สนามบินเจนีวา (๑) เครื่องบินลงไม่ได้ จึงมาถึงเจนีวาช้า หากดูตามกำหนดเวลาใหม่ เราจะต่อเครื่องบิน OS 0025 ที่เวียนนาไปกรุงเทพไม่ทัน
กำหนดเดิมเที่ยวบิน OS 576 (Airbus 320) ต้องออกเวลา ๑๙.๕๐ น. ออกจริง ๒๑.๔๐ น. (กัปตันอธิบายว่าสนามบินเจนีวาปิด ๒ ชั่วโมงเพราะควันไฟจากไฟไหม้ใกล้ๆ ทำให้เครื่องบินขึ้นลงไม่ได้ สนามบินเปิดเวลา ๑๙.๓๕ น. เขาบินออกจากเวียนนาก่อนสนามบินเจนีวาเปิด)
เครื่อง OS 576 ลงที่เวียนนา ๒๓ น. OS 25 (เวียนนา - กรุงเทพ) จึงต้องรอครึ่งชั่วโมง จากออก ๒๓.๒๐ เป็น ๒๓.๕๐ น. เพราะมีผู้โดยสารจาก OS 576 ไปกรุงเทพถึง ๓๐ คน ผู้โดยสารต้องวิ่งหรือจ้ำไปยัง Gate G 3 โดยต้องผ่าน immigration ออกจาก EU ก่อน
ที่สนามบินเวียนนา คนในคณะเราคนหนึ่งไม่มี Thailand Pass ทาง immigration ไม่ยอมให้ผ่านไปขึ้นเครื่อง ต้องหาทางกรอกข้อมูลจนได้ Thailand Pass และเดินทางเที่ยวบินอื่นกลับกรุงเทพ
เป็นประสบการณ์เครื่องบินดีเลย์ ที่ในที่สุดผลออกมาดี
ผมได้ที่นั่ง 3D คู่กับฝรั่ง ผมเลือกกินปลาแซมมอน สำหรับมื้อค่ำ เครื่องบินขึ้นเวลา ๐.๑๕ น. ใช้เวลาบิน ๙ ชั่วโมงครึ่ง กัปตันประกาศ ๓ ภาษาคือ เยอรมัน อังกฤษ และไทย เครื่องบินแตะพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิเวลา ๑๔.๔๐ น. วันที่ ๒๑ ช้ากว่ากำหนดเวลาเดิมเพียง ๒๐ นาที ที่สนามบินต้องแสดง Thailand Pass ซึ่งของผมอยู่ใน ไอแพ็ด แล้วเขาให้สติ๊กเกอร์ตรากระทรวงสาธารณสุข ติดเสื้อ เป็นเครื่องแสดงว่าผ่านได้
๑๖ น. เศษๆ ผมก็ถึงบ้าน กลับสู่สภาพอากาศร้อน เหงื่อตก
วิจารณ์ พานิช
๒๑ พ.ค. ๖๕