คำพูดที่ได้ผล


เหตุใดบางคนจึงทำได้ดีกว่าคนอื่นในการพูดเรื่องงานหรือเรื่องปัญหา? อะไรทำให้โฆษณาอยู่ในความทรงจำที่แออัดของเรา? อะไรอยู่เบื้องหลังคำขวัญของการหาเสียงและความผิดพลาดทางการเมือง? เหตุใดสุนทรพจน์บางคำจึงดังก้องและยืนยง ในขณะที่บางคำพูดถูกลืมหลังจากนั้นไม่นาน?

คำพูดที่ได้ผล

Words That Work

พลตรี มารวย  ส่งทานินทร์

[email protected]

4 พฤษภาคม 2565

          บทความเรื่อง คำพูดที่ได้ผล (Words That Work) ดัดแปลงมาจากหนังสือเรื่อง Words That Work - It's Not What You Say, It's What People Hear ประพันธ์โดย Dr. Frank Luntz จัดพิมพ์โดย Hyperion เมื่อ ค.ศ. 2007

            ผู้ที่ต้องการเอกสารนี้ในรูปแบบ PowerPoint (PDF file) สามารถ download ได้ที่ https://www.gotoknow.org/dashboard/media_files/1454859 

เกริ่นนำ

  • เหตุใดบางคนจึงทำได้ดีกว่าคนอื่นในการพูดเรื่องงานหรือเรื่องปัญหา? อะไรทำให้โฆษณาอยู่ในความทรงจำที่แออัดของเรา? อะไรอยู่เบื้องหลังคำขวัญของการหาเสียงและความผิดพลาดทางการเมือง? เหตุใดสุนทรพจน์บางคำจึงดังก้องและยืนยง ในขณะที่บางคำพูดถูกลืมหลังจากนั้นไม่นาน?
  • คำตอบอยู่ที่วิธีการใช้คำพูดเพื่อโน้มน้าวและจูงใจ และวิธีที่พวกเขาใช้เชื่อมโยงกับความคิดและอารมณ์

Dr. Frank Luntz

  • Luntz ดึงประสบการณ์ทางการเมืองมาใช้ และเขามีบทบาทในการอธิบายประเด็นต่างๆ ในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น เป็นผู้เปลี่ยนคำว่า "ภาษีอสังหาริมทรัพย์ (estate tax)" ในส่วนที่มีการเรียกเก็บเงินจากผู้รับมรดก เป็น "ภาษีผู้ถึงแก่กรรม (death tax)" ซึ่งดูเป็นทางการเมืองมากกว่า เพื่อยกเลิกการเก็บภาษีนี้จากทายาท (กรณีที่ผู้ตายไม่ได้จ้างทนายราคาแพงเขียนพินัยกรรมเพื่อรับการยกเว้นตามกฎหมาย) นอกจากนี้ เขายังเปลี่ยนคำ "การขุดเจาะน้ำมัน" เป็น "การสำรวจพลังงาน"
  • ในหนังสือของเขา Luntz อธิบายว่า การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในการใช้คำเหล่านี้ หมายถึงความแตกต่างระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลวได้อย่างไร

มันไม่ใช่สิ่งที่คุณพูด...

  • คุณสามารถมีข้อความที่ดีที่สุดในโลกได้ แต่คนที่อยู่ปลายทางจะเข้าใจข้อความนั้น ผ่านปริซึมของอารมณ์ ความรู้สึก อคติ มายา และความเชื่อที่มีอยู่ก่อนเสมอ
  • คำที่ถูกต้อง มีเหตุผล หรือแม้แต่ดูฉลาด จึงยังไม่พอเพียง
  • กุญแจสู่การสื่อสารที่ประสบความสำเร็จคือ การใช้จินตนาการให้ตัวเองเป็นผู้ฟัง เพื่อให้รู้ว่าพวกเขากำลังคิดและรู้สึกอย่างไร ในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจและหัวใจของพวกเขา 
  • ซึ่งทำให้คุณรับรู้สิ่งที่คุณพูดในเป็นความจริงมากกว่า อย่างน้อยก็ในทางปฏิบัติ
  • เมื่อคำพูดออกจากปากของคุณ คำพูดเหล่านั้นจะเป็นนายของคุณ (Once the words leave your lips, they no longer belong to you.)
  • เมื่อเราอ้าปากพูด เรากำลังแบ่งปันกับคนทั้งโลก และโลกก็ตีความความหมายของเรา ซึ่งบางครั้งอาจเปลี่ยนแปลงและบิดเบือนไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
  • ภารกิจที่สำคัญคือ การไปให้ไกลกว่าความเข้าใจ และมองโลกจากมุมมองของผู้ฟัง ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว "การรับรู้" ของพวกเขาสำคัญกว่า "วัตถุประสงค์" ของคำหรือวลีที่กำหนด
  • สิ่งที่สำคัญไม่ใช่สิ่งที่คุณพูด แต่คือสิ่งที่ผู้คนได้ยิน (What matters isn’t what you say, it’s what people hear.)

กฎ 10 ข้อ ของภาษาที่มีประสิทธิภาพ

  • กฎเกณฑ์ทางภาษามีความสำคัญเป็นพิเศษ เมื่อพิจารณาจากจำนวนการสื่อสารที่คนทั่วไปต้องเผชิญ 
  • เราถูกจู่โจมทางประสาทสัมผัสอย่างไม่หยุดยั้งเมื่อก้าวออกจากบ้านทุกเช้า จากโฆษณาและความบันเทิง เนื้อเพลง โทรศัพท์เชิงพาณิชย์ คลิปเสียงสนทนา และอีเมลแบบย่อ
  • เสียงรบกวนจำนวนมากยังมาจากภายในบ้านของเรา ตั้งแต่โทรทัศน์ ระบบเครื่องเสียง ไปจนถึงคอมพิวเตอร์และ iPod ของเรา
  • คุณจะทำให้คนอื่นได้ยินคำพูดของคุณ ท่ามกลางบทสนทนาทั้งหมดนี้ได้อย่างไร?

กฎข้อที่ 1. ความเรียบง่าย: ใช้คำเล็ก ๆ (Simplicity: Use Small Words)

  • หลีกเลี่ยงคำที่อาจบังคับให้ใครบางคนต้องเอื้อมมือไปหาพจนานุกรม เพราะคนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่ทำแบบนั้น 
  • คนอเมริกันโดยเฉลี่ยไม่ได้จบการศึกษาจากวิทยาลัย และไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่าง ผลกระทบและการมีผลต่อ (effect and affect)

กฎข้อที่ 2. ความกะทัดรัด: ใช้ประโยคสั้น ๆ (Brevity: Use Short Sentences)

  • จำกัดคำให้สั้นที่สุด
  • อย่าใช้ประโยคในเมื่อวลีใช้ได้ผล และอย่าใช้ถึงสี่คำในเมื่อสามคำก็สามารถใช้ได้แล้ว

กฎข้อที่ 3. ความน่าเชื่อถือมีความสำคัญพอ ๆ กับปรัชญา (Credibility Is as Important as Philosophy)

  • คนต้องเชื่อจึงซื้อ
  • หากคำพูดของคุณขาดความจริงใจหรือหากขัดแย้งกับข้อเท็จจริง สถานการณ์ หรือการรับรู้ที่ยอมรับ คำพูดเหล่านั้นก็จะขาดผลกระทบ

กฎข้อที่ 4. ความสม่ำเสมอ (Consistency Matters)

  • การกระทำซ้ำ ทำซ้ำ และทำซ้ำ
  • ภาษาที่ดีก็เหมือน Energizer Bunny มันดำเนินต่อไป … ต่อไป … และต่อไป

กฎข้อที่ 5. ความแปลกใหม่: เสนอสิ่งใหม่ (Novelty: Offer Something New)

  • ในภาษาอังกฤษ คำที่ใช้ได้ผลมักเกี่ยวข้องกับคำจำกัดความใหม่ของแนวคิดเก่า 
  • ในช่วงเวลาที่รถยนต์และการส่งเสริมการขายมีการขยายขนาด โฟล์คสวาเก้นใช้แนวทางตรงกันข้ามทั้งในด้านการออกแบบและในข้อความที่ชื่อว่า “คิดเล็ก (Think Small)” 
  • สั้นและเรียบง่าย แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดอ่อนแต่ทรงอิทธิพลในวิธีการขายผลิตภัณฑ์ มันได้ผลเพราะมันทำให้ผู้คนคิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่

กฎข้อที่ 6. เสียงและการจัดองค์ประกอบของคำ (Sound and Texture Matter)

  • เสียงและการจัดองค์ประกอบของคำ เป็นที่น่าจดจำพอๆ กับคำพูด
  • คำที่มีตัวอักษรตัวแรกเหมือนกัน เสียงเดียวกัน หรือจังหวะพยางค์เหมือนกันนั้น น่าจดจำมากกว่ามีการออกเสียงแบบสุ่ม

กฎข้อที่ 7. พูดอย่างทะเยอทะยาน (Speak Aspirationally)

  • พูดข้อความ ในสิ่งที่ผู้คนต้องการได้ยิน
  • กุญแจสู่ความสำเร็จของภาษา ที่สร้างแรงบันดาลใจสำหรับผลิตภัณฑ์หรือการเมืองคือ การปรับแต่งข้อความให้เป็นส่วนตัวและมีความเป็นมนุษย์ เพื่อกระตุ้นความทรงจำทางอารมณ์

กฎข้อที่ 8. เห็นภาพ (Visualize)

  • วาดภาพให้สดใส
  • ตั้งแต่เพลง "Melts in your mouth, not in your hand" ของ M&M เพลง "When it rains it pours" ของ Morton Salt’s ไปจนถึง "Must See TV" ของ NBC เป็นสโลแกนที่เราจำได้มาตลอดชีวิต มักจะมีองค์ประกอบภาพที่ชัดเจน ซึ่งเราสามารถเห็นได้ และแทบจะรู้สึกตามไปด้วย

กฎข้อที่ 9. ถามคำถาม (Ask a Question)

  • “Got Milk?” อาจเป็นแคมเปญโฆษณาสิ่งพิมพ์ที่น่าจดจำที่สุดในทศวรรษที่ผ่านมา
  • ถ้อยแถลง เมื่อใส่ในรูปแบบของคำถามเชิงโวหาร อาจมีผลกระทบมากกว่าการยืนยันธรรมดามาก

กฎข้อที่ 10. ระบุบริบทและอธิบายความเกี่ยวข้อง (Provide Context and Explain Relevance)

  • คุณต้องให้ "เหตุผล" ของข้อความแก่ผู้คน ก่อนที่คุณจะบอกพวกเขาว่า "ดังนั้น" และ "อย่างนั้น"
  • หากไม่มีบริบท คุณจะไม่สามารถสร้างคุณค่าของข้อความ ผลกระทบ หรือที่สำคัญที่สุดคือความเกี่ยวข้องของข้อความ

การป้องกันข้อผิดพลาดของข้อความ

  • อย่าละสายตาว่าคุณกำลังพูดกับใคร – และใครกำลังฟังอยู่
  • จำไว้ว่า ความหมายของคำพูดของคุณมักจะผันแปร มากกว่าที่จะได้รับการเข้าใจ
  • คำพูดของคุณนั้นได้รับอิทธิพลอย่างมาก จากประสบการณ์และอคติของผู้ฟัง

คุณถูกกำหนดด้วยวิธีการรับรู้

  • ให้วางตำแหน่งแนวคิดของภาษาศาสตร์ในบริบทของผู้ฟัง ซึ่งจะหมายถึงความแตกต่างระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลวของแนวคิดนั้น
  • ตัวอย่างเช่น 42 เปอร์เซ็นต์ชาวอเมริกันกล่าวว่า พวกเขาจ่าย เงินสวัสดิการ (welfare) มากเกินไป ขณะที่ 23 เปอร์เซ็นต์คิดว่าน้อยเกินไป ทว่าชาวอเมริกันจำนวน 68 เปอร์เซ็นต์คิดว่าพวกเขาใช้ เงินช่วยเหลือคนยากจน (assistance to the poor) น้อยเกินไป เทียบกับเพียง 7 เปอร์เซ็นต์ที่คิดว่าพวกเขาใช้จ่ายมากเกินไป 
  • ลองคิดดู: การช่วยเหลือคนยากจนคืออะไร? สวัสดิการ!

การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

  • การได้มาซึ่งภาษาที่ดีที่สุดไม่เพียงพอในตัวของมันเอง การสื่อสารของมนุษย์ส่วนใหญ่เป็นอวจนะ (ภาษาท่าทาง) ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์และจินตภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทัศนคติและบรรยากาศด้วย
  • ข้อความที่ทรงอิทธิพลที่สุดจะไม่ได้รับความสนใจ หากไม่ได้พูดโดยผู้ส่งสารที่น่าเชื่อถือ 
  • แต่ความน่าเชื่อถือและความเป็นจริงไม่ได้เกิดขึ้นเอง คุณต้องสร้างมันขึ้นมา (But credibility and authenticity don’t just happen. They are earned.)

คุณคือข้อความ

  • ความเป็นจริงคือสิ่งสำคัญ ไม่ว่าเวทีของคุณจะเป็นธุรกิจหรือการเมือง คุณต้องเป็นตัวของตัวเอง 
  • บางสิ่งในโลกนี้ที่เจ็บปวดคือ นักการเมืองหรือซีอีโอที่พยายามทำตัวให้ดูดี ซึ่งพนักงานและผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อาจมองเห็นความเป็นจริงที่ไม่สุจริตดังกล่าวในสักวัน
  • จงแสดงออกมาให้เห็น เปิดเผยบุคลิกภาพของคุณ เพราะมันเป็นข้อความเกินกว่าที่จะบรรยาย แต่เหนือสิ่งอื่นใด ขอให้เป็นของแท้

คำที่เราจำได้

  • ข้อความที่ประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพ คือ คำและภาษาที่นำเสนอในบริบทที่เหมาะสม ซึ่งล้วนมีบางอย่างที่เหมือนกัน พวกมันติดอยู่ในสมองของเราและไม่เคยจากไป เช่นเดียวกับการขี่จักรยาน หรือผูกเชือกรองเท้า
  • คำเหล่านั้นไม่เพียงแต่สื่อสาร ให้ความรู้ และแบ่งปันความคิดเท่านั้น แต่ยังขับเคลื่อนผู้คนให้ลงมือทำด้วย 
  • คำพูดที่ได้ผลเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา กระตุ้นให้เราลุกจากโซฟา ออกจากบ้าน ไปทำอะไรบางอย่าง

21 คำและวลีสำหรับศตวรรษที่ 21

  • คำต่อไปนี้ ไม่เป็นเพียงแค่ผิวเผิน ทันเวลา หรือขึ้นอยู่กับสถานการณ์ชั่วคราวในขณะนั้น 
  • คำเหล่านี้ คัดมาจากหัวใจของความเชื่อพื้นฐานของชาวอเมริกัน และตรงกับค่านิยมหลักที่ไม่เปลี่ยนแปลง

1. จินตนาการ (Imagine) 

  • คำนี้ ทำให้เกิดบางสิ่งที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นกับแต่ละคนที่ได้ยิน 
  • ไม่ว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทคุณจะเป็นอย่างไร คำว่า "จินตนาการ (imagine)" มีศักยภาพในการสร้างและปรับแต่งความน่าดึงดูดใจ ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ตามความฝันและความต้องการของผู้ที่ได้ยินหรืออ่าน

2. ไม่ยุ่งยาก (Hassle-free)

  • เมื่อพูดถึงวิธีที่เราโต้ตอบกับผลิตภัณฑ์ บริการ และผู้คน "ไม่ยุ่งยาก" ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

3. ไลฟ์สไตล์ (Lifestyle) 

  • คำนี้ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ เพราะเป็นการกำหนดตัวเองและความทะเยอทะยานในขณะเดียวกัน เพราะทุกคนอยากกำหนดและปรารถนาที่จะใช้ชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง

4. ความรับผิดชอบ (Accountability) 

  • ชาวอเมริกันโดยทั่วไป ต้องการให้บริษัทต่างๆ "รับผิดชอบ" สำหรับการกระทำและผลิตภัณฑ์ของตน และวิธีที่พวกเขาปฏิบัติต่อลูกค้า พนักงาน และผู้ถือหุ้น

5. ผลลัพธ์ และจิตวิญญาณการทำได้ (Results and the Can-do spirit)

  • เมื่อเราซื้อของบางอย่าง เราต้องการที่จะรู้ว่าสิ่งนั้นจะให้ประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสามารถมองเห็น ได้ยิน รู้สึก หรือหาปริมาณได้ 
  • และหากผลลัพธ์คือเป้าหมาย "จิตวิญญาณการทำได้" ก็คือความพยายาม

6. นวัตกรรม (Innovation)

  • คำนี้ทำให้นึกถึงภาพแห่งอนาคตทันที ซึ่งมันนำไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่เล็กกว่า เบากว่า เร็วกว่า ถูกกว่า ใหญ่กว่า ยืดหยุ่นกว่า แข็งแกร่งกว่า และใช้งานได้ยาวนานกว่า

7. นำกลับมาใช้ใหม่ (Renew, Revitalize, Rejuvenate, Restore, Rekindle, Reinvent)

  • เหล่านี้เป็นคำที่เรียกว่า "re" และมีพลังอย่างเหลือเชื่อ เพราะนำองค์ประกอบหรือแนวคิดที่ดีที่สุดจากอดีต มาประยุกต์ใช้กับปัจจุบันและอนาคต

8. ประสิทธิภาพและมีประสิทธิภาพ (Efficient and Efficiency) 

  • ในสภาพแวดล้อมของการต่อรองเรื่องราคา ประสิทธิภาพถือเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญของผลิตภัณฑ์

9. สิทธิในการ … (The right to … )

  • ชาวอเมริกันยึดมั่นในแนวคิดเรื่องสิทธิมาโดยตลอด

10. ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง (Patient-centered)

  • แนวคิดนี้ อธิบายสิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการจากการดูแลสุขภาพ เป็นคำศัพท์ครอบคลุมที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ที่เกี่ยวข้องกับดูแลรักษามนุษย์

11. การลงทุน (Investment)

  • “การใช้จ่าย (Spending)” บ่งบอกถึงขยะ “การลงทุน (Investment)” แสดงให้เห็นถึงการจัดการทรัพยากรอย่างรับผิดชอบ

12. ความสง่างามแบบสบาย ๆ (Casual elegance)

  • สำนวนนี้ กำหนดได้ดีที่สุดว่า คนอเมริกันต้องการอะไรเมื่อเดินทาง มากกว่าคุณลักษณะอื่นๆ

13. อิสระ (Independent)

  • คำนี้หมายถึงการมีความสัมพันธ์ที่ไม่ผูกรัด ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่มีอะไรต้องปิดบัง

14. ความสงบของจิตใจ (Peace of mind)

  • คำนี้เป็นการแสดงออกถึง "ความปลอดภัย" ที่อ่อนโยนกว่า นุ่มนวลกว่า เป็นการเมืองน้อยกว่า เอื้ออาทรมากกว่า และครอบคลุมทุกด้าน

15. ได้รับการรับรอง (Certified)

  • เราต้องการข้อตกลงที่รัดกุมว่า สิ่งที่เราซื้อจะไม่ล้มเหลวหลังจากการซื้อเป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายวัน

16. ชาตินิยมอเมริกัน (All-American)

  • ในอเมริกา มีสองเรื่องคือ ความก้าวหน้าและนวัตกรรม ที่ผู้จัดจำหน่ายเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่อันดับสามและผู้จัดจำหน่ายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 10 อันดับแรก ใช้ภาพลักษณ์ชาตินิยมคือ All American เพื่อเอาชนะในการแข่งขัน และกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม

17. ความเจริญรุ่งเรือง (Prosperity)

  • คำนี้ครอบคลุมแนวคิดเรื่องมีงานมากขึ้น อาชีพที่ดีขึ้น ความมั่นคงในการจ้างงาน ค่าตอบแทนที่มากขึ้น เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น และโอกาสที่ขยายออกไป

18. จิตวิญญาณ (Spirituality)

  • พื่อดึงดูดผู้ฟังในวงกว้าง การปลุกระดมของ "จิตวิญญาณ" จะครอบคลุมมากกว่า และมีผลทางการเมืองมากกว่าการอ้างอิงทั่วไปถึง "ศาสนา" หรือแม้แต่ "ศรัทธา"

19. ความมั่นคงทางการเงิน (Financial security)

  • น่าเศร้าที่ อิสระภาพทางการเงิน (financial freedom) เป็นสิ่งที่เกินกว่าที่พวกเราส่วนใหญ่คาดหวังไว้ในขณะนี้ แต่ความมั่นคงทางการเงินยังคงเป็นเรื่องที่บรรลุได้อยู่

20. แนวทางที่สมดุล (Balanced approach) 

  • การแสดงตนเป็นเอกเทศจากพรรคพวกและอุดมการณ์ จะทำให้คุณได้รับคะแนนความน่าเชื่อถือจากสาธารณชน เช่นเดียวกับการโต้เถียงเพื่อหาแนวทางที่สมดุลสำหรับปัญหาของประเทศ

21. วัฒนธรรมของ … (A culture of … )

  • โดยการกำหนดปัญหาหรือกลุ่มปัญหา ให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเชิงเปรียบเทียบ คุณสามารถให้น้ำหนักและความจริงจังใหม่ๆ แก่มันได้ 
  • ปัญหาสังคมถูกแทนที่ด้วยประเด็นทางวัฒนธรรม ซึ่งฟังดูเป็นการคุกคามและตัดสินน้อยกว่า

สิ่งที่คุณได้ยิน

  • สำหรับคนส่วนใหญ่ ภาษานั้นมีประโยชน์ในการใช้สอยมากกว่าจะเป็นจุดหมายปลายทาง ผู้คนคือจุดปลายทาง ภาษาเป็นเพียงเครื่องมือในการเข้าถึง เป็นหนทางไปสู่จุดหมายปลายทาง
  • แต่แค่ยืนเฉยๆ และประหลาดใจกับความงามของเครื่องมือนั้นไม่เพียงพอ คุณต้องตระหนักว่า มันเหมือนกับไฟ และผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับวิธีการใช้ ส่องทางหรือทำลาย
  • การจะประสบความสำเร็จกับคำศัพท์ที่ใช้ได้ผลในศตวรรษที่ 21 คุณจะต้องคุ้นเคยกับคำเหล่านั้น คุณต้องดำเนินชีวิตตามคำพูด เพราะมันจะกลายเป็นคุณ

3 บทเรียนจากหนังสือ

  • 1. การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับผู้ฟัง และใช้วลีที่เป็นระเบียบและชัดเจน (Effective communication is tailored to the audience and uses organized and clear phrases)
  • 2. นักสื่อสารที่ประสบความสำเร็จจะพูดถึงความรู้สึกของผู้คน และถ่ายทอดคำพูดที่สื่อถึงอารมณ์ (A successful communicator addresses people’s feelings and conveys words that carry emotions)
  • 3. การพูดให้ถูกต้องกับผู้ฟังจะช่วยคุณทั้งในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิต และในชีวิตประจำวัน (Addressing your audience right will help you both in life-changing situations and on a day-to-day basis)

บทเรียนที่ 1: ผู้สื่อสารที่ดีจะถ่ายทอดข้อความด้วยวิธีที่ชัดเจน รัดกุม โดยเน้นที่ผู้ฟังที่กำลังพูดถึง

  • ผู้ฟังแต่ละคนไม่เหมือนกัน และผู้สื่อสารที่ดีย่อมรู้ดี 
  • ในการถ่ายทอดข้อความอย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะต้องพิจารณาว่าคุณกำลังพูดถึงใคร ไม่ว่าคุณจะอยู่ในแวดวงคนธรรมดาๆ ในชีวิตประจำวัน เพื่อนและครอบครัวของคุณ หรือกลุ่มบุคคลที่เชี่ยวชาญในหัวข้อนั้นๆ ภาษาของคุณจะต้องแตกต่างกันออกไป
  • อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่เกี่ยวกับผู้ชมที่คุณกำลังพูดถึงเท่านั้น 
  • คำคล้ายกัน สามารถกระตุ้นปฏิกิริยาที่แตกต่างกันในผู้คน
  • การศึกษาแสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกันเมื่อถูกถามว่าพวกเขาคิดว่าควรจัดสรรเพิ่มเติมให้เงินทุนสวัสดิการ หรือควรเพิ่มเงินช่วยเหลือคนยากจน มีผู้รับตอบรับเชิงบวกแนวคิดหลังมากกว่าถึงสามเท่า ความจริงสองแนวคิดมีความหมายเหมือนกัน แต่การช่วยเหลือคนยากจนเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจ ในทางกลับกัน สวัสดิการมีความหมายทางการเมืองและเป็นช่องทางการใช้จ่ายเงินของรัฐบาล 
  • โดยสรุป นั่นคือเป็นพลังของคำพูด และบุคคลที่มีอิทธิพลทุกคนก็รู้ดี!
  • อีกสิ่งหนึ่งที่คุณควรจำไว้ หากคุณกำลังพยายามสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพคือ ทำให้ภาษาของคุณเรียบง่ายและรัดกุมที่สุด
  • ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและบุคคลสำคัญทางการเมืองทั่วโลก สูญเสียตำแหน่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิต เพราะพวกเขาใช้คำพูดที่ซับซ้อนเกินไปสำหรับผู้ฟัง
  • เมื่อคุณพูดกับผู้ฟังทั่วไปในวงกว้าง คุณควรทำให้มันเรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตามหลักการทั่วไป วลีสั้นๆ และคำง่ายๆ เหมาะที่สุดสำหรับการถ่ายทอดข้อมูลไปยังผู้ฟัง

บทเรียนที่ 2: ใช้รูปแบบส่วนตัวและความเป็นมนุษย์เพื่อดึงดูดผู้ฟัง

  • เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการกำหนดเป้าหมายผู้ชมอย่างถูกต้อง และใช้คำที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ
  • ถึงเวลาที่จะมุ่งเน้นไปที่ส่วนอารมณ์ของการสื่อสาร อริสโตเติล พูดถึงเรื่องนี้ในงานประพันธ์ของเขา โดยเขาแนะนำให้นักปราศรัยกำหนดเป้าหมายไม่เพียงแต่เหตุผลในสุนทรพจน์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความน่าสงสารหรือด้านอารมณ์ด้วย
  • คุณจะเพิ่มอารมณ์ให้กับคำพูดของคุณได้อย่างไร? มีสองวิธี! 
  • คุณสามารถค้นหาคำที่ใช้กับสถานการณ์ที่ทุกคนคุ้นเคยหรือที่เรียกว่าความเป็นมนุษย์ หรือลงรายละเอียดและเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ส่วนตัวของพวกเขาให้เป็นเรื่องส่วนตัวโดยเทคนิคของคุณ
  • สำหรับผู้ฟังกลุ่มใหญ่ที่คุณต้องการรวบรวมผู้คนสู่เป้าหมายร่วมกัน ควรสร้างความแตกแยกน้อยลงและอย่าปล่อยให้ผู้ฟังรู้สึกว่าถูกกีดกัน คุณจะต้องใช้พลังของความเป็นมนุษย์และความเป็นส่วนตัวในแบบของคุณ
  • ผู้นำการเคลื่อนไหว บุคคลทางการเมือง ผู้ให้การสนับสนุนสันติภาพ ผู้แทน และผู้บริหารทั่วโลกใช้เทคนิคเหล่านี้
  • คุณสามารถเชื่อมโยงข้อความและถ่ายทอดอารมณ์ผ่านการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นเทคนิคการโน้มน้าวใจที่ดี โดยถามคำถามและข้อกังวลของพวกเขา ที่นำพวกเขาไปสู่ข้อสรุปด้วยตนเอง 
  • Ronald Reagan ใช้มันในการรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกของเขา เขาถามผู้ฟังว่า “วันนี้คุณดีขึ้นกว่าเมื่อสี่ปีก่อนหรือไม่” ซึ่งหลังจากที่ผู้ฟังได้ข้อสรุปเองว่าReagan พูดถูก ทำให้เขาชนะ!

บทเรียนที่ 3: การรู้จักผู้ฟังของคุณจะช่วยให้คุณโน้มน้าวใจผู้คนได้ดีขึ้นแม้ในชีวิตประจำวันของคุณ

  • คุณคิดว่า การเรียนรู้เคล็ดลับเบื้องหลังการใช้คำพูดที่ถูกต้อง และวิธีที่ผู้นำระดับโลกเอาชนะใจผู้ฟังโดยใช้เทคนิคการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูง เป็นสิ่งที่คุณจะใช้เฉพาะเมื่อคุณกลายเป็นผู้นำ นักพูดในที่สาธารณะ หรือบุคคลที่มีอิทธิพลสูงเท่านั้นหรือไม่?
  • คิดดูอีกครั้ง! การสร้างทักษะทางสังคม คือสิ่งที่จะทำให้ชีวิตประจำวันของคุณง่ายขึ้นมาก ในขณะที่ช่วยให้คุณหลุดพ้นจากสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์
  • ไม่ว่าคุณจะถูกตำรวจหยุดเพราะขับรถเร็วเกินไป คุณมาประชุมสาย หรือลืมสิ่งสำคัญไว้ที่บ้าน การรู้วิธีจัดการกับสถานการณ์ จะทำให้ทุกอย่างราบรื่น
  • สำหรับการเริ่มต้น ให้แสดงความซาบซึ้งใจ กล่าวคำขอความกรุณา และขอบคุณ
  • จากนั้น สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าคุณกำลังพูดกับใคร ใช้ความเห็นอกเห็นใจเพื่อเชื่อมโยงกับพวกเขา เข้าใจความยุ่งยากใจของพวกเขา และใช้ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภูมิหลังของพวกเขา ทั้งในเชิงวัฒนธรรมหรือทางอาชีพ
  • อย่าลืมนำเสนอตัวเองว่าเป็นคนไว้ใจได้ น่าเชื่อถือ และทำให้พวกเขาเข้าใจสถานการณ์ของคุณด้วย
  • หากคุณต้องการขอความช่วยเหลือ คุณต้องเปิดใจ เป็นกันเอง และเห็นคุณค่า ให้พวกเขารู้ว่า คุณรับทราบว่าพวกเขาต้องใช้เวลาและพลังงานเพื่อช่วยเหลือคุณ และคุณรู้สึกขอบคุณอย่างสูงสำหรับสิ่งนั้น
  • ในท้ายที่สุด การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพคือการเคารพอีกฝ่ายหนึ่ง เข้าใจสถานการณ์ของพวกเขาและซาบซึ้งในความพยายามของพวกเขา ในขณะเดียวกัน ก็แสดงความเห็นอกเห็นใจ ในสถานการณ์ที่คุณเป็นคนช่วยเหลือ

สรุป

  • Words That Work สำรวจศิลปะแห่งการสื่อสารและวิธีสร้างทักษะทางสังคม ซึ่งจะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในชีวิตส่วนตัวและอาชีพ
  • แนวทางปฏิบัติเพียงไม่กี่อย่าง เช่น สิ่งที่เกี่ยวข้องกับคู่สนทนา การรู้จักผู้ฟังของคุณ หรือการใช้คำศัพท์ที่สั้นและกระชับ จะทำให้คุณสามารถเอาชนะฝูงชน และผู้คนในชีวิตของคุณได้ในชั่วพริบตา
  • หนังสือเล่มนี้ เผยให้เห็นข้อมูลเชิงลึกมากมายเกี่ยวกับเทคนิคการสื่อสารที่มีประสิทธิผล คุณจะได้เรียนรู้ เข้าใจประเด็น และวิธีกระชับความสัมพันธ์ได้ง่ายขึ้น

**********************************

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 702530เขียนเมื่อ 4 พฤษภาคม 2022 13:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 พฤษภาคม 2022 13:47 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท