ต่อเนื่องจากความพยายามตอบแทนคุณพ่อแม่ในระดับ ๓
เป็นอานิสงส์ช่วยให้การเดินทางธรรมรุดหน้าขึ้นอีกก้าวหนึ่ง ดังจะได้อรรถาธิบายต่อไปนี้
เมื่อคืนนี้เป็นวันพระ ได้โอกาสพิจารณาธรรมด้วยใจอย่างใคร่ครวญอย่างเต็มกำลังและต่อเนื่อง
จากวันครอบครัวมหาสงกรานต์ เมื่อมีข้อสงสัยธรรมก็เปิดฟังธรรมเทศนาของพ่อแม่ครูอาจารย์ทาง Youtube
จึงขอนำ 3 คำสำคัญ มาแลกเปลี่ยน ดังนี้
ธรรมก็ธรรมเดิม ดูอ่านผ่านตาแล้วหลายครั้ง
เปรียบเป็นเหมือนการมองลายมือในระยะ 10 เมตร 5 เมตร 1 เมตร และใช้แว่นขยายส่องดู
ธรรมเดียวกัน ระดับจิตต่างกัน ก็เหมือนเห็นลายมือในระยะที่ต่างกัน ก็จะเห็นชัดต่างกัน หนอ
เมื่อคืนนี้ ตัดสินใจบุกหนักทางปริยัติ
ด้วยการค้นคว้าอย่างจริงจังว่า “นิพพาน” คือ อะไร ?
ในช่วงแรก หลวงตาท่านเมตตาเทศน์
เกี่ยวกับ สติ สมาธิ และปัญญา
โดยท่านเน้นให้ความสำคัญกับ “ปัญญา” แต่ก็ต้องอาศัยขั้นตอนจากสติ สมาธิ เป็นพื้นฐานสำคัญผ่านมาก่อน แต่ตัวที่จะทำให้เบิกถางทางฆ่าเจ้ากิเลสได้นั้น ต้องอาศัย “ปัญญา”
คราวนี้ คำถามทำต่อมา คือ ใช้ปัญญาอย่างไร
ท่านก็เมตตาสอนว่า เพื่อเข้าถึงพระไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
โดยเฉพาะเจ้า “อนัตตา” ที่ต้องอาศัยปัญญาบุกเข้าไปให้เห็นและเพียรปล่อยวาง
การปล่อยวางมีกี่ขั้น? ปล่อยวางอย่างไร? ทำไม?
ท่านก็ชี้มาที่ “วิมุตติ” ..
วิมุตติ คือ ความหลุดพ้น เป็นวัตถุประสงค์มุ่งหมายของการปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา ดังพุทธภาษิตว่า
พรหมจรรย์นี้มิได้มีลาภสักการะสรรเสริญเป็นอานิสงส์ มิได้มีกามสุขในสวรรค์เป็นอานิสงส์ มิได้มีการเข้าถึงความเป็นอันเดียวกับพรหมในพรหมโลกเป็นอานิสงส์ แต่ว่ามีวิมุตติเป็นอานิสงส์ ดังนี้
เปรียบเทียบได้ว่า อย่างแรกนั้นอาศัยอำนาจของการประจวบเหมาะ อย่างที่ 2 หรืออย่างกลางนั้นอาศัยอำนาจของจิตที่ปฏิบัติถูกวิธี ส่วนอย่างที่ 3 หรืออย่างสูงนั้นอาศัยอำนาจของปัญญา
ไม่มีความเห็น