เมื่อวานไปงานเลี้ยง...มีอาหารแบบโต๊ะจีน...มีอาหารอยู่จานหนึ่งเป็นลาบ...ลาบเหนือ
อาจารย์หญิงท่านหนึ่ง พื้นเพเป็นคนทางภาคอีสาน..อุดรธานี บอกว่าลาบนี้ไม่อร่อย..สู้ลาบอีสานไม่ได้
ลาบโต๊ะผม...มีคนทานไปหน่อยเดียว
อาจารย์ชายอีกท่านหนึ่ง พื้นเพเป็นคนเหนือ..น่าน..ที่โต๊ะได้ทานลาบหมดไปหนึ่งจาน..เห็นโต๊ะนี้ลาบเหลือ..จึงมาขอไปเป็นกับแกล้มสุราของโต๊ะตัวเอง...บอกว่า "อร่อยมาก ลาบนี้ หมดไปหนึ่งจานแล้ว)
เรื่องนี้เป็นเรื่องพื้นๆ....แต่ผมได้ข้อสังเกตนะครับ...พื้นฐานในการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน ในวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน (อาจจะเกี่ยวกับเรื่องเพศด้วย) ทำให้เกิดการตัดสินที่แตกต่างกัน
ดังนั้น การตัดสินที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึก...จึงต้องใช้กรรมการหลายท่าน..และใช้เสียงข้างมากในการตัดสิน....
อย่างนี้...ต้องมีการจัดการความรู้สึก..เพื่อให้มีมาตรฐานแบบเดียวกัน..คงต้องไปใช้บริการที่มวล.ละครับ
BeeMan |
เรียนท่านอาจารย์ BeeMan
อร่อยหรือไม่ ขึ้นกับ "อารมณ์ ความหิว จิตใจ สภาพแวดล้อม ฯลฯ"
สวัสดีปีใหม่ ร่วมใจพัฒนา พาไทยเจริญ เพลิดเพลิม ลิขิต
เจริญพร จ้า
อ่านแล้วเห็นด้วยกับอาจารย์เลยครับ ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้อาตมามีข้อสรุปอย่างหนึ่งว่า "อร่อยไม่เหมือนกันก็มิใช่พวกเดียวกัน" ครับ...มีประสบการณ์ทำนองนี้หลายครั้ง ตอนที่ไปอยู่ภาคเหนือ แต่จะเล่าตอนที่ทำให้เกิดข้อสรุปนี้นะครับ
ช่วงหนึ่ง อาตมาไปพักกับวัดซึ่งท่านเจ้าอาวาสเป็นเพื่อนกับอาตมา เจ้าอาวาสให้ศิษย์ไปซื้อปลาตัวโตๆ (ปลาตะเพียนหรือไงนี้แหละ ไม่แน่ใจ) แล้วนำมาต้มฉันกับข้าวเหนียวตอนเพล อาตมาฉันได้๒-๓ คำก็เลิก เนื่องจากไม่ค่อยรู้สึกหิวและฉันไปก็ไม่ค่อยถูกปากถูกใจ ส่วนพระเณรที่เหลือ เค้าก็ฉันกันอย่างถูกปากถูกใจ 5 5 5
ท่านเจ้าอาวาสก็รู้สึกแปลกใจจึงถามว่า ไม่อร่อยหรือไง ? ทำให้เกิดช่องว่างในการอยู่ร่วมครับ...
อนึ่ง ความอร่อย นี้ เป็นเรื่องของอารมณ์ ความรู้สึก ดังนั้น พอที่จะใช้ทฤษฎีสุนทรียศาสตร์เข้าไปจับได้ครับ ...ถามว่า "ความอร่อยอยู่ที่ไหน ?" มีคำตอบอยู่ ๔ แนวคิด ครับ
๑. ความอร่อยอยู่ที่อาหาร เช่น ประเภทเชลล์ชวนชิม จะมีมาตรฐาน ซึ่งใครๆ ไปทานก็จะรู้สึกว่า อร่อย ..นี้เรียกว่า ลัทธิวัตถุนิยม
๓. ความอร่อยอยู่ที่ใจ นั่นคือ จะอร่อยหรือไม่อร่อยอยู่ที่คนกิน เช่น ลาบอีสาน หรือ ปลาต้มกับข้าวเหนียว เป็นต้น ครับ (5 5 5) ...นี้เรียกว่า ลัทธิจิตนิยม
๓. ความอร่อยต้องอาศัยอาหารและคนกินผสมผสานกัน นั่นคือ ถ้าไม่มีอาหารและคนกินแล้ว ความอร่อยก็เกิดขึ้นไม่ได้ จึงต้องมีสองอย่างประกอบกัน (5 5 5) ...นี้เรียกว่า ลัทธิผสมผสาน
๔. ความอร่อยมิได้อยู่ที่อาหาร และความอร่อยมิได้อยู่ที่คนกิน เป็นเพียงแต่ถ้าคนไปกินอาหาร มีกิจกรรมในการกินถูกต้องครบถ้วนแล้ว ความอร่อย ก็จะเกิดขึ้น (5 5 5) ...นี้เรียกว่า ลัทธิเกิดใหม่
เจริญพร