ก่อนอื่นสัปดาห์นี้ ขอนำเสนอเรื่องอื่นที่ไม่ใช่การบ้าน แต่เป็นกฎหมายกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์
จากเวปไซด์ผู้จัดการ http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9490000153769
เมื่อวันที่17 ธันวาคม 2549 มีหัวข้อข่าวเรื่อง 5 โน้ตบุ๊คดังถูกระงับจำหน่ายในจีน
เนื้อความว่า
ซินหัวเน็ต – สำนักงานอุตสาหกรรมและพาณิชย์มณฑลเจ้อเจียงได้แถลงเมื่อวานนี้(14 ธ.ค.49) ว่าทางสำนักงานได้ทำการตรวจสอบคุณภาพของคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค หลายรายการพบว่ามีโน้ตบุ๊ค 5 รุ่นจาก 4 ยี่ห้อที่ไม่ผ่านมาตรฐาน ได้แก่โน้ตบุ๊คโตชิบา รุ่น Satellite L100 กับรุ่น Satellite A80 โน้ตบุ๊คฟูจิสึ รุ่น LBP7120-AC011S0A1 โน้ตบุ๊คเอ็นอีซีรุ่น S3100 และโน้ตบุ๊คเอชพีรุ่น EX048PA#AB2 โดยสำนักงานอุตสาหกรรมและพาณิชย์มณฑลเจ้อเจียงได้แจ้งว่าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คในรุ่นดังกล่าวไม่ได้คุณภาพอาทิ การป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ หรือการป้องกันรังสี เป็นต้น ล่าสุดทางสำนักงานอุตสาหกรรมและพาณิชย์มณฑลเจ้อเจียงได้ส่งหนังสือให้หยุดการจำหน่ายสินค้ารุ่นดังกล่าว เพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติมต่อไป
ผมอ่านข่าวนี้แล้ว แสดงให้เห็นว่าอุปกรณ์เหล่านี้ไม่ได้มาตรฐานและอาจเป็นผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว จึงลองค้นหาว่าประเทศไทยมีกฎหมายที่ควบคุมมาตรฐานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ หรือไม่ ซึ่งจะช่วยป้องกันคุ้มครองผู้บริโภคได้ระดับหนึ่ง โดยเริ่มจากการหาข้อมูลที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จากหน้าเวปไซด์ http://w3.mict.go.th/news/microcomputer.aspx จึงทราบว่า
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้กำหนดเกณฑ์ราคาพื้นฐานของเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ พร้อมคุณลักษณะสำคัญไว้ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2548 เพื่อให้หน่วยงานราชการนำไปใช้ตรวจสอบและจัดซื้อ โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ชนิดพกพา (Notebook) กำหนดไว้ดังนี้
ชนิดแรก คุณลักษณะสำคัญ เครื่องคอมพิวเตอร์ชนิดพกพา (Notebook) ประมวลผลทั่วไป
- CPU สำหรับเครื่อง Note Book (Mobile) มีความเร็วสัญญาณนาฬิกา ไม่น้อยกว่า 1.5 GHz หรือเทียบเท่า
- หน่วยความจำหลักไม่น้อยกว่า 256 MB
- Hard Disk ความจุไม่น้อยกว่า 40 GB
- Combo Drive
- MODEM
- LAN Card
- USB ไม่น้อยกว่า 2.0
- โปรแกรมระบบปฏิบัติการ (Operating System)
ราคาไม่เกิน 45,000.-บาท
ชนิดที่สอง เครื่องคอมพิวเตอร์ชนิดพกพา (Notebook) ประมวลผลระดับสูง
- CPU สำหรับเครื่อง Notebook มีความเร็วสัญญาณนาฬิกาไม่น้อยกว่า 2.0 GHz หรือเทียบเท่า
- หน่วยความจำหลักไม่น้อยกว่า 512 MB
- Hard Disk ความจุไม่น้อยกว่า 60 GB
- DVD-RW Drive
- MODEM
- LAN Card
- USB ไม่น้อยกว่า 2.0
- โปรแกรมระบบปฏิบัติการ (Operating System)
ราคาไม่เกิน 60,000.-บาท
ข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงการกำหนดราคาตามคุณลักษณะที่ใช้ซื้อเท่านั้น ไม่ได้มีการเช็คมาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่มาประกอบกัน
จึงได้ลองค้นหาในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องมาตรฐาน นั่นคือ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานที่กำหนดมาตรฐาน และจากข้อมูลเวปไซด์ http://www.tisi.go.th/standard/comp_tha.html
ทราบว่า มีผลิตภัณฑ์ที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีผลิตภัณฑ์เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ และเมื่อค้นข้อมูลต่อในหน่วยงานแห่งนี้ พบว่าที่หน้าเวปไซด์ http://www.tisi.go.th/notices/announce.html
หน่วยงานได้พยายามดำเนินการแล้ว แต่ต้องชะลอออกไปเนื่องจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียคัดค้านการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและส่วนประกอบเชิงหน้าที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เริ่มจากประกาศ http://www.tisi.go.th/notices/2161-1.html
ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และส่วนประกอบเชิงหน้าที่ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจเกิดแก่ประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ คณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเห็นสมควรกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และส่วนประกอบเชิงหน้าที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และส่วนประกอบเชิงหน้าที่ : ขีดจำกัดสัญญาณรบกวนวิทยุ มาตรฐาน | |
|
และที่ http://www.tisi.go.th/notices/2161-3.html
ประกาศสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง คำวินิจฉัยคำคัดค้านการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและส่วนประกอบเชิงหน้าที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เห็นควรให้พิจารณาทบทวนมาตรฐานคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและส่วนประกอบเชิงหน้าที่ : ขีดจำกัดสัญญาณรบกวนวิทยุ มาตรฐานเลขที่ มอก ๒๑๖๑-๒๕๔๗ ให้สอดคล้องกับมาตรฐาน CISPR 22 ฉบับใหม่ก่อนการบังคับใช้ การแก้ไขปรับปรุงมาตรฐานดังกล่าวให้ครอบคลุมและสอดคล้องกับมาตรฐานสากลต้องใช้เวลาในการดำเนินการระยะหนึ่ง จึงเห็นควรชะลอการบังคับใช้มาตรฐานออกไปก่อนจนกว่าการแก้ไขปรับปรุงจะแล้วเสร็จ แล้วจึงดำเนินการกำหนดให้เป็นมาตรฐานบังคับต่อไป คณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จึงมีคำวินิจฉัยให้ชะลอการบังคับใช้มาตรฐานออกไปก่อนจนกว่าจะแก้ไขปรับปรุงมาตรฐานแล้วเสร็จ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกันหากผู้มีส่วนได้เสียประสงค์จะอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการ สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีได้ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ประกาศคำวินิจฉัย ทั้งนี้ เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ | |
|
เมื่อลองค้นว่ามีการดำเนินงานเรื่องนี้ต่อหรือไม่ พบว่าจนถึงปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
ไม่มีความเห็น