จากกรณีศึกษา
-พี่สาวคนโตมี OCPD ชอบคิดวางแผนสมบูรณ์แบบในการดูแลน้องชายคนเล็ก แต่ร่างกายก็ปวดเดินไม่ไหว ประกอบอาชีพ
นักบัญชี ไม่ยอมรับความผิดพลาด และมีอาการนอนไม่หลับ
-พี่ชายคนกลาง High Function Asperger’s จบโทแคนาดาและทํางานดีมีครอบครัว
-น้องชายคนเล็ก Chronic Depression with Low Function Asperger’s จบโทแคนาดาตามพี่ชายแต่ปัจจุบันอยากอยู่บ้านเฉย ๆ เล่นเกมส์ ทําอาหารบ้าง ชอบนวด ไม่ชอบออกกําลังกาย
ซึ่งดิฉันได้ทำการสัมภาษณ์พี่สาวคนโต ทำให้ทราบถึงข้อมูลมาพอสมควร และจะนำข้อมูลที่ได้นี้มาใช้ในการตอบโจทย์ค่ะ
โจทย์ข้อ 1 จงยกตัวอย่าง Conditional Reasoning ในเคสสามพี่น้องของวันนี้ เช่น Condition ที่ 1 OT มีบทบาทประเมินและออกแบบการฟื้นคืนสุขภาวะได้อย่างไร ตอบมาเพียง 3 ตัวอย่าง
Conditional Reasoning 1 : จากการสัมภาษณ์พี่สาวคนโต ทำให้ได้ทราบข้อมูลว่า เมื่อนั่งทำงานนาน จะเกิดอาการปวดร้าวลงที่ขา ซึ่งนักกิจกรรมบำบัดสามารถการประเมินได้โดยใช้แบบประเมิน ACl2 การทรงท่าทรงตัว (Postural action),static เพื่อทราบถึงการรักษาสมดุลของร่างกายของผู้รับบริการ เนื่องจากผู้รับบริการมีอาการปวดร้าวลงที่ขา ซึ่งสามารถช่วยฟื้นคืนสุขภาวะได้โดยการออกกำลังกาย เพื่อปรับสมดุลของร่างกาย เช่น โยคะ ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่เน้นสร้างสมดุลการทรงตัวและยืดเหยียดร่างกาย และควรอออกำลังกายที่เป็นท่ายืนด้วย เพื่อเปลี่ยนท่าทางไม่ให้เกิดอาการปวดร้าวลงที่ขา
Conditional Reasoning 2 : จากการสัมภาษณ์ พี่สาวคนโต ทำให้ทราบว่าพี่สาวคนโตมีความสัมพันธ์กับน้องชายคนเล็กที่ไม่ดี เนื่องจากพี่สาวชอบคิดวางแผนสมบูรณ์แบบในการดูแลน้องชายคนเล็ก โดยประเมิน social interaction skills ผ่านการทำกิจกรรมคู่หรือกิจกรรมกลุ่ม นักกิจกรรมบำบัดสามารถฟื้นฟูได้โดยการ ทำกิจกรรมสร้างสัมพันธภาพ ซึ่งอาจจะเป็นกิจกรรมระหว่างสองคนหรือกลุ่ม ชวนผู้รับบริการให้ทำกิจกรรมที่มีเป้าหมาย มีความหมายมีคุณค่าและมีความสุข โดยใช้เวลาไม่เกินสามสิบนาที ซึ่งระหว่างทำกิจกรรมก็ชวนผู้รับบริการ แสดงความคิดเห็น และสื่อสารทั้งภาษาพูดและท่าทาง เพื่อช่วยในการสร้างสัมพันธภาพ
Conditional Reasoning 3 : พี่สาวคนโต มีOPCD ชอบคิดวางแผนสมบูรณ์แบบ (perfectionism) ซึ่งทำให้เกิดความเครียด ภาวะซึมเศร้า และนอนไม่หลับ นักกิจกรรมบำบัดสามารถประเมินได้โดย แบบกึ่งโครงสร้าง เพื่อการเปลี่ยนแปลงจิตใต้สำนึก (semi structured assessment for subconscious change)โดยการ “เคาะอารมณ์” ซึ่งให้คะแนนตามความตึงของส่วนที่เคาะ ให้คะแนนในแต่ละส่วน 1-10 คะแนน เพื่อให้ทราบถึงระดับความเครียดในระดับจิตสำนึกและแนวทางที่จะพัฒนาจิตใต้ใต้สำนึก หลังจากนั้น นักกิจกรรมบำบัดจึงทำการบันทึกผลข้อมูลให้ชัดเจน และประเมิน PHQ-9 เพื่อให้ทราบถึงระดับของภาวะซึมเศร้า ซึ่งนักกิจกรรมบำบัดสามารถฟื้นฟูสุขภาพจิตของผู้รับบริการที่มความเครียดได้โดย ใช้หลักการ “เปลี่ยนเครียดลบ ให้เป็นเครียดบวก” อีกทั้งการออกกำลังกายตาม https://youtu.be/PpXRludeOqk ซึ่งช่วยให้ผู้รับบริการผ่อนคลายจากความเครียด และนอนหลับได้ง่ายขึ้น
โจทย์ข้อ 2 จงตั้งคำถามที่คมชัดด้วย Why จำนวน 5 คำถาม ที่เกี่ยวข้องกับเคสสามพี่น้อง แล้วตอบเป็น Procedural Reasoning ในแต่ละคำถาม
1. ทำไมพี่ชายคนโตถึงโยกตัวขณะสัมภาษณ์
- เนื่องจากผลกระทบของโรค High Function Asperger’s ซึ่งอาการของโรคนี้จะมีความบกพร่องในด้านทักษะทางสังคมไม่ค่อยดีร่วมกับมีพฤติกรรมหมกมุ่นทำซ้ำๆ จึงทำให้เกิดการโยกตัวซ้ำๆขณะสัมภาษณ์
2. ทำไมพี่สาวคนโตถึงไม่ยอมรับความผิดพลาด
- เนื่องจากพี่สาวมีอาการ OCPD ทำให้คิดวางแผนทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบ (perfectionism) เจ้าระเบียบ ไม่ยืดหยุ่น รู้สึกว่าทุกอย่างขาดตกบกพร่อง มีความระมัดระวังและความรอบคอบมากเกินไป จึงทำให้ไม่สามารถยอมรับความผิดพลาดได้
3. ทำไมพี่สาวคนโตถึงมีอาการปวดหลังและปวดร้าวลงที่ขา
- พี่สาวคนโตนั่งทำงานเป็นเวลานาน จึงกิดความเครียดเรื้อรัง (chronic stress)จนส่งผลกระทบต่อร่างกาย ซึ่งมีอาการปวดหลังและปวดร้าวลงที่ขาเมื่อนั่งเป็นเวลานาน ส่งผลทำให้มีสมดุลในการทรงตัวที่ไม่ดี
4. ทำไมพี่สาวคนโตจึงมีอาการนอนไม่หลับ
- พี่สาวคนโตมีอาการปวดหลัง มีความเครียดและวิตกกังวล เนื่องจากอยากให้น้องชายคนเล็กมีงานทำ ส่งผลทำให้ฮอร์โมนในร่างกาย ที่เรียกว่าสารเมลาโทนิน (melatonin) ซึ่งทำหน้าที่เกิดความรู้สึกง่วงในเวลาที่ไม่มีแสงหรือแสงน้อยนั้นทำงานผิดปกติ จึงเกิดอาการนอนไม่หลับในที่สุด
5.ทำไมพี่สาวคนโตถึงมีภาวะซึมเศร้า
- จากการสัมภาษณ์พี่สาวคนโตทำให้ทราบว่า พี่สาวคนโตดูแลน้องชายคนเล็กตั้งแต่เด็กมาโดยตลอด ซึ่งพี่สาวมีอาการ OCPD ทำให้คิดวางแผนทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบ (perfectionism) เมื่อน้องชายไม่เป็นไปตามที่ตนเองวางแผนไว้ จึงเกิดความเครียดสะสมเป็นเวลานาน และส่งผลทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า
โจทย์ข้อ 3 จงทบทวนว่าตัวเรามี Learn How to Learn เพื่อจะเรียนและทำงาน OT อย่างมีความสุขได้อย่างไร
การเรียนให้มีความสุขในแบบของดิฉัน คือ การเรียนแบบที่ตนเองมีสุขภาวะจิตที่ดี ไม่เครียดมากเกินไป และมีเวลาที่รู้สึกผ่อนคลาย โดยดิฉันจะพยายามตั้งใจเรียนและจดเนื้อหาที่คิดว่าสำคัญในห้องเรียน หากยังมีบทเรียนที่ไม่เข้าใจก็จะกลับมาดูคลิปวิดีโออีกครั้ง เพื่อทำความเข้าใจและจดจำเนื้อหาที่เรียนได้อย่างเข้าใจ เพื่อที่จะทำให้เราทราบถึงแนวทางการเป็น OT ที่ดี ว่าดิฉันต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่องใด อย่างไรบ้าง และหลังเลิกเรียน ดิฉันก็จะหากิจกรรมทำร่วมกับเพื่อนๆ เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายจากการเรียน เช่น เล่นกีฬาแบดมินตัน เล่นดนตรี หรือการไปหาของกินอร่อยๆร่วมกับเพื่อนๆเช่นกัน เพียงเท่านี้ก็ทำให้นี้ฉันเรียนอย่างมีความสุขแล้วค่ะ