กิจกรรมบำบัด
ชื่อ นางสาว เอ (นามสมมติ) อายุ 30 ปลาย ทำอาชีพ นักบัญชี DX: OCPD มีบุคลิกภาพ วิตกกังวลสูง Perfectionist และมีอาการกลัว อาการทางคลินิกของคนเป็น OCPD คือจะดื้อรั้น ทำงานหนัก ไม่อยากปรับตัว ย้ำคิดย้ำทำ ไม่ยืดหยุ่น ยึดมั่นในกฎ กลัวความผิดพลาด ขาดความมั่นใจ ชอบคิดและวางแผนสมบูรณ์แบบในการดูแลน้องชายคนเล็ก แต่ร่างกายก็ปวดเดินไม่ไหว
1.จงยกตัวอย่าง Conditional Reasoning ในเคสสามพี่น้อง
- Condition ที่ 1 ผู้รับบริการมีอาการปวดร่างกาย คอและหลังร้าวลงขา ยืนและเดินไม่ไหว นั่งสักพักจะเกิดอาการปวด จากการที่นั่งทำงานเป็นเวลานาน และไม่สามารถที่จะหยุดกิจกรรมการทำงานได้เมื่อต้องทำงานในรูปแบบออนไลน์ ต้องการที่จะทำจนกว่าจะแล้วเสร็จ – บทบาทของนักกิจกรรมบำบัด คือ ต้องทำการปรับเรื่องพฤติกรรมการทำงานของคุณเอ โดยอาจจะให้คุณมีการกำหนดเวลาชั่วโมงการทำงาน และการเวลาพัก เพื่อลดความเครียดและฟื้นฟูสภาพร่างกายของตนเอง
- Condition ที่ 2 ผู้รับบริการมี DX: OCPD และมีภาวะซึมเศร้า ที่มีสาเหตุมาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ตั้งแต่สมัยคุณเอยังเด็ก เนื่องจากพ่อและแม่ต้องคอยสนใจและพี่ชายและน้องชายที่เป็นโรค Asperger’s ในการพาไปพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ และคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ ส่งผลให้คุณเอไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับทั้งกับพ่อแม่และพี่น้องอย่างที่ควร วัยเรียนมหาลัยพี่และน้องต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ ส่วนคุณเอเรียนอยู่ที่ประเทศไทย แม้ตอนนี้เข้าสู่วัยทำงานแล้ว พ่อและแม่ของคุณเอเสียชีวิต พี่ชายคนโตแยกไปทำงานที่ต่างประเทศและมีครอบครัว และตัวเองต้องดูแลน้องชายที่อาศัยบ้านเดียวกัน จึงเกิดความกดดันทั้งจากการทำงานและเรื่องครอบครัว ไม่มีเพื่อนสนิทหรือคนที่ไว้ใจให้คำปรึกษาเวลามีปัญหา ไม่มีงานอดิเรกที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ – บทบาทของนักกิจกรรมบำบัด คือ ต้องทำการประเมินสุขภาพจิตเกี่ยวกับอาการซึมเศร้าของคุณเอ โดยจะใช้แบบประเมิน PHQ-9 และให้คำปรึกษาทางกิจกรรมบำบัดในการวางแผนเรื่องการลดความกดดันที่เกิดขึ้นจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว แนะนำการหาGoal หรืองานอดิเรกให้คุณเอ เพื่อสร้างแรงจูงใจและสร้างสุขภาพจิตที่ดีขึ้นทางจิตใจ
- Condition ที่ 3 ผู้รับบริการมีอาการวิตกกังวลสูง และมีความ Perfectionist กลัวความผิดพลาด ชอบคิดและวางแผนสมบูรณ์แบบในการดูแลน้องชายคนเล็ก เนื่องจากพ่อแม่ได้ฝากฝังให้ดูแลน้องชายถ้าพ่อแม่ได้เสียชีวิตลง จึงเกิดความวิตกกังวลสูง เพราะน้องชายไม่มีงานทำ ไม่ยอมทำอะไร เล่นแต่เกมอยู่ที่บ้านที่อาศัยอยู่ด้วยกันสองคน พี่ชายที่อยู่ต่างประเทศก็ไม่ค่อยได้คุยกันเนื่องจากรู้สึกว่าไม่สนิท พยายามที่จะพูดกับน้องชายเรื่องให้หางานทำแต่น้องชายไม่ยอมรับฟัง คุณเอจึงมีความกังวลว่าถ้าตนเองเกิดอุบัติเหตุหรือได้เสียชีวิตลงแล้วน้องชายจะอยู่ใช้ชีวิตอย่างไรต่อไป เนื่องจากไม่ยอมทำอะไรด้วยตนเอง และไม่มีงานทำ – บทบาทของนักกิจกรรมบำบัด คือ ให้คำปรึกษาเรื่องมุมองและแนวคิดเกี่ยวกับน้องชายของคุณเอ โดยอาจจะต้องแนะนำในการให้นำน้องชายมาประเมินพร้อมกันในการปรึกษาทางกิจกรรมบำบัดในครั้งหน้า เพื่อดูแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่คุณเอกังวลเรื่องน้องชาย
2.จงตั้งคำถามที่คมชัดด้วย Why จำนวน 5 คำถาม แล้วตอบเป็น Procedural Reasoning
1.) เพราะอะไรคุณเอถึงมีความวิตกกังวลเรื่องน้องชายเป็นพิเศษ
-เนื่องจากการที่คุณเอถูกพ่อแม่ฝากฝังให้ดูแลน้องชายตอนก่อนที่จะเสียชีวิต และภาวะโรคของน้องชายที่ป่วยเป็นซึมเศร้าและบกพร่องทางทักษะสังคม ไม่ยอมทำอะไร ไม่ยอมทำงาน อยู่บ้านเฉย ๆ เล่นแต่เกม คุณเอกังวลว่าถ้าตนเองเป็นอะไรขึ้นมาจะไม่มีคนดูแลน้องชาย
2.) เพราะปัจจัยlส่วนไหนจึงส่งผลให้คุณเอมีอาการปวดร่างกายจนไม่สามารถเดินไหว
-เนื่องจากการนั่งทำงานในท่านั่งแบบเดิม ๆ เป็นเวลานาน ไม่มีการหยุดพักเพื่อคลายความเมื่อยล้าของร่างกาย และภายหลังสถานการณ์โควิด ทำให้คุณเอต้องทำงานในรูปแบบออนไลน์ จากตอนแรกที่ต้องทำงานในที่ทำงานที่มีเวลาเข้างานและเวลาเลิกงานอย่างแน่นอน ทำให้ปัจจุบันคุณเอไม่มีปัจจัยในการบอกให้คุณเอได้หยุดพักการทำงานและทำให้คุณเอเป็นคนที่ทำงานหนักมากขึ้น ถ้าไม่เสร็จจะไม่ยอมหยุดพัก และอีกสาเหตุมาจากภาวะความเครียดที่เกิดขึ้นจากภาวะโรค ทำให้พักผ่อนได้ไม่เพียงพอ มีอาการหลับ ๆ ตื่น ๆ หลับไม่สนิท
3.) เพราะอะไรถึงทำให้คุณเอรู้สึกไม่สนิทกับพี่ชายคนโต
-เนื่องจากในวัยเด็ก พี่ชายและน้องชายต้องไปพบแพทย์บ่อย ๆ แม้คุณเอจะไปด้วยก็ทำได้แค่รออยู่หน้าห้องตรวจ พอเริ่มโตมา พี่ชายก็ย้ายไปเรียนต่างประเทศ และได้ทำงานและมีครอบครัวที่ประเทศแคนาดามาตลอด และพี่ชายของคุณเอเองก็ไม่รู้วิธีที่จะเข้าหาคุณเอ ทำเพียงส่งเงินมาทุกเดือน ทำให้ทั้งสองคนไม่สนิทกัน
4.) เพราะปัจจัยอะไรบ้างถึงส่งผลให้คุณเอมีภาวะโรค OCPD
-เนื่องจากการสะสมของสภาพแวดล้อมรอบตัวของคุณเอตั้งแต่ตอนเด็ก ทางผู้บำบัดได้ประเมินจากการสัมภาษณ์คุณเอนั้น จึงได้ลองย้อนถามถึงปฏิสัมพันธ์ของครอบครัวคุณเอในวัยเด็กและวิธีการเลี้ยงดูของพ่อแม่ของคุณเอ จึงได้ทราบว่าคุณเอในวัยเด็กนั้นเมื่อเทียบกับพี่ชายและน้องชายที่เป็นโรค Asperger’s ทั้งคู่แล้ว พ่อแม่จะให้ความสนใจและดูแลพี่ชาย น้องชายมากกว่าตัวของคุณเอเอง และการที่พ่อแม่คุณเอต้องพาพี่ชาย น้องชายของคุณเอไปพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ก็ทำให้คุณเอไม่ได้ใกล้ชิดและสร้างความสัมพันธ์พี่น้องกับคุณเอเท่าที่ควร พอโตขึ้นมาก็ถูกปลูกฝังว่าให้ช่วยดูแลน้องชายไปตลอด จึงรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของตนเองที่ต้องรับผิดชอบ และการที่ต้องทำงานคนเดียว ทำงานบ้านคนเดียว ไม่มีคนสนิทที่จะพูดคุยอย่างเปิดใจได้ แม้จะมีเงินของพี่ชายที่โอนมาให้ทุกเดือนก็ตาม น้องชายก็ไม่ยอมเชื่อฟังสิ่งที่คุณเอคิดและวางแผนให้ สภาพแวดล้อมทางสังคมตามที่กล่าวมานี้จึงส่งผลให้คุณเอเป็น OCPD
5.) เพราะอะไรถึงทำให้คุณเอไม่สามารถควบคุมตนเองให้หยุดพักเวลาที่ต้องทำงานได้
-เนื่องจากคุณเอเป็น OCPD ซึ่งลักษณะทางคลินิกนั้น จะทำให้บุคลิกภาพของบุคคลคือบ้างาน กลัวความผิดพลาด และชอบความเพอร์เฟค ซึ่งส่งผมให้คุณเอซึ่งทำงานบัญชีที่ต้องเกี่ยวของกับตัวเลขที่มีโอกาสผิดพลาดได้ง่าย ถ้าไม่มีสมาธิช่วงความสนใจที่มากพอ จึงทำคุณเอไม่สามารถที่จะหยุดการทำงานได้จนกว่าตนเองจะทำให้เสร็จเรียบร้อย
3. จงทบทวนว่าตัวเรามี Learn How to Learn เพื่อที่จะได้เรียนและทำงาน OT อย่างมีความสุขได้อย่างไร
-การแบ่งเวลา : การแบ่งความสำคัญของเรื่องเรียนและงานอดิเรกให้มีความพอดีกัน จะทำให้เราได้เรียนและงานอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่เกิดภาวะความเครียดจากการเรียนและการทำงานมากเกินไป
-การวางแผนการเรียนและการทำงาน : การวางแผนการเรียนและงานที่ได้รับมอบหมายก่อนล่วงหน้า ทั้งกำหนดส่งของชิ้นงาน การสอบวัดผลการเรียน ถ้าเราวางแผนการอ่านหนังสือและเวลาการทำงานก่อนล่วงหน้าก็จะทำให้เราใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่าและสามารถนำเวลาที่เหลือไปค้นหางานอดิเรกใหม่ๆหรือทำงานอดิเรกที่เราชื่นชอบได้
-การคิดวิเคราะห์ให้เป็นระบบ แบบแผนยิ่งขึ้น : การเปลี่ยนความคิดให้มีความเป็นระบบระเบียบในสมอง มีการแบ่งเรื่องความสำคัญก่อนหลัง เรื่องที่ควรทำก่อนได้นั้น จะทำให้เราเรียนและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
-การมองทุกอย่างตามบทบาทของวิชาชีพเป็นหลัก : หลังจากได้เรียนกิจกรรมบำบัด ทำให้มุมมองการมองทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปมากขึ้น ทั้งมุมมองที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม ในมุมมองของรูปธรรม เช่น สภาพแวดล้อมที่ได้มองเห็น รับฟัง สัมผัสด้วยตนเอง สภาพสังคม บุคคล มุมมองของนามธรรม เช่น แนวคิดของคนในสังคม วิถีการดำเนินชีวิต การใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล เหตุผลในการทำกิจกรรมบางอย่างของแต่ละบุคคล ข้อจำกัดที่เราไม่เคยได้มองเห็น การได้มองสิ่งต่างๆในมุมมองของวิชาชีพกิจกรรมบำบัด ทำให้เราสามารถเข้าถึงบทบาทตอนที่เราได้เรียนมากยิ่งขึ้น และสิ่งเหล่านี้ก็จะส่งผลดีต่อมาเมื่อได้ทำงานแล้ว
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ
6323026 น.ส.พิมพ์ณดา รุ่งสิริวัฒนะชัย (21)