ล้มเลิกโยนกล้า หันมาก้มหน้าปักดำ
จริงๆแล้ว ผมก็ยังไม่ได้ล้มเลิกความคิดเดิมเสียทีเดียว เพียงแต่ปรับแผนให้รัดกุมและเหมาะสมยิ่งขึ้น จะได้ไม่เสียเวลาเปล่า ส่วนผลผลิตจะเป็นอย่างไรนั้น ผมไม่ได้กังวล กระบวนการทำงานและทักษะชีวิตระหว่างทาง คือสิ่งที่สำคัญ ทำให้สนุกและมีความสุข ในแปลงนาที่เป็นฐานการเรียนรู้ส่วนตัวของผม
เมื่อไถนาเสร็จเรียบร้อย ผมใช้เวลา ๒ วัน สำหรับการเพาะกล้านาโยน โดยสอบถามผู้รู้และดูในยูทูป พอลงมือทำก็ไม่รู้สึกว่ายากเย็นแต่ประการใด ปัญหามีนิดเดียว คือผมหาดินเหนียวไม่ได้ เป็นดินสูตรเฉพาะสำหรับการเพาะต้นกล้า
ผมใช้ดินร่วนและดินในนาข้าว หากเมล็ดงอกดี ก็อยู่ที่ว่าเมื่อโยนต้นกล้า ดินจะร่วงหล่นกลางอากาศหรือเปล่า ผมไม่ค่อยมั่นใจนัก ถ้าต้นกล้าไร้น้ำหนัก ไม่ยอมปักลงดิน ต้นกล้าก็จะลอยน้ำ การลงทุนของผมก็สูญเปล่าแน่นอน
นอนคิดแล้วคิดอีก จึงตัดสินใจจะใช้ต้นข้าวในนาของโรงเรียน ที่มีอายุเกือบ ๑ เดือน ที่ผมกับครูปักดำไว้ค่อนข้างถี่ ตอนนี้ต้นข้าวงอกงามดี แตกกอเป็นพุ่มใหญ่กำลังจะเบียดชิดกันอยู่แล้ว มองดูเขียวไสวสดใสไปทั่วทั้งแปลงนา
ผมมองดูและใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง จะลงไปในแปลงนาแล้วแยกต้นกล้าออกจากกอ โดยแยกออกกอละ ๒ – ๓ ต้น ให้มีรากและติดดินโคลนขึ้นมาด้วย แต่เอาอย่างนี้ดีกว่า ดึงออกมาทั้งกอเลย ใช้กอข้าวรอบนอกก่อนหรือกอที่อยู่ติดชิดคันนา ที่สุดแล้วผมก็ได้กอข้าว ประมาณ ๕๐ กอ
แต่ละกอ พอดึงต้นข้าวออก ผมจะได้ต้นข้าวต้นเล็กๆ เหมือนต้นตะไคร้ กอละประมาณ ๗ ต้น บางกอได้ถึง ๑๐ ต้นก็มี เพียงพอสำหรับโคกหนองนาของผม ที่มีเนื้อที่ปักดำแค่ ๑๐๐ ตารางวา หรือ ๑ งานเท่านั้น
ผมตัดใบข้าวทิ้ง จะได้สะดวกในการนำไปลงแปลง และต้นข้าวจะได้ไม่ต้องนำสารอาหารไปเลี้ยงที่ใบ โอกาสรอดก็จะสูง แต่ถึงยังไง “ข้าว”ที่เป็นพืชตระกูลหญ้า ทนต่อสภาพที่ร้อนแล้งได้ดี แม้จะมีน้ำไม่มากก็สามารถเอาตัวรอดได้
ก่อนจะนำต้นกล้าข้าวที่อวบอ้วนจากนาโรงเรียนไปปักดำยังที่นาแห่งใหม่ ไปช่วยราชการสัก ๓ เดือน ..สักวันคงมีโอกาสได้กลับคืนถิ่น ผมได้กลิ่นคาวปลาตะเพียนที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในนาน้ำตื้น ปลากำลังกระเสือกกระสนไปบนดินเลน เพื่อแฝงตัวลี้ภัย แต่มันไม่ทันแล้ว ผมลงไปจับได้ ๓ ตัว ๑ ในนั้นตัวใหญ่มาก และท้องแก่ใกล้คลอด โชคดีเลยบ่อปลาในนาของผมที่สร้างใหม่ ได้มีโอกาสรับน้องตะเพียนน้อยผู้น่ารัก
ผมปักดำต้นกล้าข้าวหอมมะลิเสร็จเรียบร้อย เป็นการทำนาครั้งแรกอย่างเป็นทางการ ที่จริงจังตั้งใจในนาของตนเอง ที่แบ่งโซนไว้ ๓ ส่วน มีเลี้ยงปลา ปลูกบัว และทำนาโยน แต่วันนี้เปลี่ยนมาปักดำแทน ใช้แผนพิเศษเพื่อป้องกันความเสียหาย มิให้พื้นที่นาว่างเปล่าจนเกินไป
ชีวิตได้รู้จักและเข้าใจคำว่าหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ลึกซึ้งถึงคำว่าหลังขดหลังแข็ง อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ลองก็จะไม่รู้ ก่อนกลับบ้านแวะเข้าโรงเรียนมาดูแปลงเพาะกล้า พบว่าปริมาณการงอกของเมล็ดข้าวไปได้สวยงาม ดังนั้น อีกราว ๒ สัปดาห์ จะต้องมีการโยนกล้าอย่างแน่นอน
ถือเป็นต้นกล้ารุ่นน้อง โยนซ่อมเสริมหรือสมทบลงไป ปีนี้ถ้าฝนฟ้าดี โคกหนองนาคงไม่เงียบเหงาอีกแล้ว จะกลายเป็นทุ่งรวงทองผืนน้อย ให้ผู้คนมายืนคอยถ่ายภาพกัน
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๔
ไม่มีความเห็น