กระต่ายหมายจันทร์
หะหายกระต่ายเต้น ชมจันทร์
มันบ่เจียมตัวมัน ต่ำต้อย
นกยูงหากกระสัน ถึงเมฆ
มันบ่เจียมตัวน้อย ต่ำต้อยเดียรฉาน
หะหายกระต่ายเต้น ชมแข
สูงส่งสุดตาแล สู่ฟ้า
ฤดูฤดีแด สัตว์สู่ กันนา
อย่าว่าเราเจ้าข้า อยู่พื้นเดียวกัน
โคลงโต้ตอบระหว่างพระสนมและศรีปราชญ์ซึ่งเป็นชนวนให้เกิดเรื่องบานปลาย จนมีผลต่อวิถีชีวิตของศรีปราชญ์กวีเอกในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชในเวลาต่อมา
โคลงบทแรกเป็นฝีปากของพระสนมที่เปรียบเปรยศรีปราชญ์ว่าเป็น"กระต่ายหมายจันทร์ "
ความหมายของสำนวน"กระต่ายหมายจันทร์" หมายถึง ชายที่หลงรักหญิงที่สูงส่งกว่าตน และไม่มีทางที่ความรักจะสมหวัง กระต่ายคือชายที่มีฐานะต่ำต้อย ส่วนดวงจันทร์คือหญิงงามผู้สูงศักดิ์
โคลงสุภาษิตประจำภาพในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามได้อธิบายความหมายไว้ดังนี้
กระต่ายหมายมุ่งได้ ดวงเดือน
ตัวต่ำสกุลเหมือน ไพร่น้อย
อย่าคิดคู่สูงเฟือน สุดฝั่ง แสวงนา
อย่าใฝ่สูงจักด้อย ดักเดี้ยเสียตน
กระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ถือกำเนิดเมื่อประมาณ 50 ล้านปีมาแล้วในทวีปเอเชียและอเมริกาเหนือ และกระจายพันธุ์ไปทุกภูมิภาคทั่วโลก กระต่ายแบ่งเป็นกระต่ายป่าและกระต่ายบ้าน มีลักษณะที่แตกต่างกันดังนี้
กระต่ายป่า จะชอบอาศัยในพื้นโล่ง เช่นป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ตามพื้นที่ต่ำหรือตามชายป่าใกล้แหล่งน้ำ วงจรชีวิตของกระต่ายป่าจะออกหากินเวลากลางคืน ตั้งแต่พลบค่ำจนถึงรุ่งเช้า อาหารหลักของกระต่ายป่าคือหญ้าและเปลือกไม้ กระต่ายป่ามีนิสัยชอบวิ่งหนีศัตรูมากกว่าจะซุกซ่อนในโพรงและชอบอยู่โดดเดี่ยว
กระต่ายบ้านหรือกระต่ายเลี้ยง กระต่ายที่นิยมนำมาเลี้ยงเป็นเพื่อนเล่นจะเป็นกระต่ายขนาดกลางและขนาดเล็กหรือกระต่ายแคระ มีหลายชนิดและหลายสี ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของกระต่ายบ้านจะแตกต่างจากกระต่ายป่า เช่น กระต่ายบ้านชอบซุกซ่อนในโพรงหรือในที่ปลอดภัยมากกว่าออกมาวิ่งเล่นในพงหญ้าหรือที่โล่ง
ในประเทศไทยพบกระต่ายเพียงชนิดเดียวคือกระต่ายป่า ซึ่งกระจายพันธุ์อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นกระต่ายในสำนวน "กระต่ายหมายจันทร์" จึงเป็นกระต่ายป่าซึ่งใช้ชีวิตในธรรมชาติ ออกหากินในยามค่ำคืน จึงชื่นชอบการชมแสงนวลงามของพระจันทร์
มีนิทานเรื่องกระต่ายหมายจันทร์ ดังนี้
ลึกเข้าไปในป่ามีกระต่ายตัวหนึ่งได้เฝ้ามองดวงจันทร์มานานแสนนาน โดยเฉพาะในเวลาที่พระจันทร์เต็มดวง คืนหนึ่งกระต่ายรู้สึกว่าได้หลงรักพระจันทร์เข้าแล้วและคิดว่าสักวันหนึ่งต้องขึ้นไปหาพระจันทร์ให้ได้ มันจึงเริ่มออกเดินทางเพื่อไปหาพระจันทร์ กระต่ายพยายามหายอดเขาที่สูงที่สุดเพื่อปีนขึ้นไปหาพระจันทร์ และเริ่มปีนขึ้นไปเรื่อยๆ แม้จะลำบากและเหน็ดเหนื่อยเพียงใด แต่กระต่ายก็ไม่ย่อท้อ มันพยามปีนสูงขึ้นๆจนถึงยอดเขา เมื่อถึงยอดเขากระต่ายก็นั่งพักชื่นชมพระจันทร์ที่มองเห็นอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ก็ยังเอื้อมไม่ถึง กระต่ายจึงปีนต้นไม้ขึ้นไปอีกเพื่อให้ใกล้พระจันทร์มากขึ้น มันพยามเอื้อมมือไปสัมผัสพระจันทร์แต่ก็ยังไม่ถึง กระต่ายรวบรวมแรงทั้งหมดกระโดดไปหาพระจันทร์ที่มันหลงรัก น่าสงสารเจ้ากระต่ายไปไม่ถึงดวงจันทร์ ร่างของกระต่ายน้อยร่วงลงสู่พื้นดิน กระต่ายมองพระจันทร์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะหลับตาลงตลอดกาล
ด้วยอานุภาพแห่งความรักของกระต่ายน้อยทำให้เกิดเป็นเงาดำๆ คล้ายรูปกระต่ายปรากฏอยู่กลางดวงจันทร์ตั้งแต่นั้นมา
นอกจากนี้ยังมีนิทานเกี่ยวกับกระต่ายและดวงจันทร์อีกหลายเรื่อง นักดาราศาสตร์ได้อธิบายเรื่องนี้ว่าเงาสีเทาที่เห็นเป็นรูปกระต่ายนั้นเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3.9 - 3 พันล้านปีที่แล้ว เมื่ออุกกาบาตพุ่งชนดวงจันทร์ ทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่จำนวนมาก จากนั้นลาวาได้เข้ามาท่วมบริเวณนี้ จนเกิดเป็นพื้นที่สีทึบเต็มไปด้วยหินบะซอลที่เรียกว่า ทะเล มองจากโลกเห็นเป็นสีทึบมีรูปร่างคล้ายกระต่าย พื้นที่ส่วนอื่นๆที่อยู่สูงกว่าจะมองเห็นเป็นสีจางกว่า เรียกว่าที่สูงดวงจันทร์
ในเรื่องพระอภัยมณี ตอนศรีสุวรรณไม่กล้าเกี้ยวนางเกษรา มีเนื้อความดังนี้
ศรีสุวรรณรันทดถอนใจใหญ่
แต่เกรงใจเจ้าพราหมณ์สามสหาย
จึงว่าน้องตรองความตามนิยาย
เห็นจะเป็นเช่นกระต่ายที่หมายจันทร์
สำนวน"กระต่ายหมายจันทร์"ให้ข้อคิดเตือนใจว่าจงรู้จักประมาณตน อย่าหมายปองในสิ่งที่เกินกำลังของตน
ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
ไม่มีความเห็น